คำตอบที่ 1
       ปี คศ. 1953
Mitsubishi Jeep CJ3 A-J1/J2
ถอดแบบมาจาก Jeep Willy ของอเมริกา เนื่องจากในช่วงแรกทางค่าย Mitsubishi ต้องทำส่งเป็นปฏิกรณ์สงครามนั่นเอง จากนั้นจึงนำขึ้นโชว์รูม โดยมี 2 รุ่นด้วยกันคือ CJ3 A- J1 และ CJ3 A- J2 ที่ต่างก็ใช้ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2,199 ซีซีเหมือนกัน
Mitsubishi Jeep CJ3 B- J3
หลังจากที่ค่าย Mitsubishi นำรถจี๊ปตระกูล Jeep CJ3-A ขึ้นโชว์รูมได้ไม่นาน ปรากฏว่าราวเดือนกันยายนก็ได้ขึ้นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ตามอเมริกา โดยรุ่นใหม่ CJ3 B-J3 นี้ใช้ขุมพลังตระกูล F ที่เป็นแบบเบนซินแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2,199 ซีซี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ปี คศ. 1955
Mitsubishi Jeep CJ3 B- J10
รถในตะกูล Jeep ของค่าย Mitsubishi นั้น ได้รับความนิยมสูงพอสมควร ดังนั้นทางค่ายรถนี้จึงทำรุ่นต่างๆออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในรุ่น CJ3 B-J10 นี้เป็นการเพิ่มฐานล้อให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งให้เป็น 6 ที่นั่งและที่สำคัญก็คือ แรกเดิมทีตระกูล Jeep เป็นรถพวงมาลัยซ้ายอย่างเดียวมาปีนี้ก็ได้เริ่มทำตัวพวงมาลัยขวาออกมาจำหน่ายอีกด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ปี1956
Mitsubishi Jeep CJ3 B- J11
ตลาดเริ่มต้องการรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ สามารถโดยสารมากขึ้นเป็นลำดับ ทางค่าย Mitsubishi จึงได้เพิ่มความยาวฐานล้อให้กับรุ่น CJ3 B- J11 อีก 610 มม.ซึ่งเป็นผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 250 กิโลกรัม โดยยังมีทั้งแบบพวงมาลัยซ้ายและขวาจำหน่ายควบคู่กัน ส่วนขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินตระกูล JH 4 ที่มีขนาดความจุ 2.0 ลิตรเหมือนเดิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ปี คศ. 1958
Mitsubishi Jeep JC 3 / JC 10
Mitsubishi ได้ขึ้นไมเนอร์เชนจ์ให้กับตระกูล Jeep อีกครั้ง และเปลี่ยนมาใช้ชื่อรุ่นว่า JC 3 และ JC 10 ทั้งสองรุ่นนอกจากจะเป็นรถพวงมาลัยขวาแล้วยังมีขุมพลังดีเซลแถวเรียง 4 สูบ โอเวอร์เฮดวาล์ว ( OHV ) ขนาด 2,199 ซีซี ตระกูล KE 31 ให้เลือกอีกแบบด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       แวะดูเครื่องยนต์ดีเซลตัวแรกของ Jeep Mitsubishi กันหน่อยนะครับ เครื่องยนต์ดีเซลของค่าย มิตซูบิชิ เครื่องแรกจะเป็น KE 31 ที่ออกมาใช้งานตั้งแต่ปี 1958 ในรถจี๊ป ของค่าย แล้วก็ลองสังเกตดูให้ดีว่า เครื่องยนต์ดีเซลในสมัยเดียวกัน ใครจะแรงกว่ามิตซูบ้าง ในยุคนั้นจี๊ปที่ลงเครื่องรุ่นนี้จะมี JC 3, JC 10, J 3 RD , J 20D, J 30D ตามลำดับ
KE 31
ปีประจำการ คศ.1958
แบบ 4 สูบ แถวเรียง OHV
ความจุกระบอกสูบ 2,199 ซีซี
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก 79.4 x 111.0 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด 19.0 : 1
กำลังสูงสุด 69 ps/3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 14.0 กก.-ม./2,200 รอบ/นาที
ใช้งานมานานมากจนถึงปี 1970 ซึ่งมีการออกเครื่องยนต์รุ่นใหม่ 4DR 5 เพื่อทดแทนเครื่องยนต์รุ่นเก่าที่ล้าสมัย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ขอบคุณ ครับ เอาอีกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ปี 1960
Mitsubishi Jeep J20
สำหรับต้นตระกูล Jeep ของค่าย Mitsubishi ก็มีการทำไมเนอร์เชนจ์โดยชื่อเสียงเรียงนามก็จะเปลี่ยนไปเรียกแต่ละรุ่นเป็น J ตามด้วยตัวเลขสองตัวที่บ่งบอกว่าเป็นตัวที่มีความยางฐานล้อขนาดไหน โดยรุ่น J 20 แม้ว่าจะเป็นรถจี๊ปขนาดกลาง แต่ถูกลดความยางฐานล้อลง 200 มม.ลดความกว้างฐานล้อลง 60 มม.และผลิตแต่พวงมาลัยขวาเพียงอย่างเดียว ส่วนเครื่องยนต์จะมีทั้งเครื่องเบนซินตระกูล JH 4 และ ดีเซลตระกูล KE 31

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ลืมไป ในปี คศ. 1960 ยังมี Mitsubishi Jeep j 30 อีกตัวครับ ซึ่งพัฒนามาจากรุ่น JC 11 ที่เป็นทายาทตระกูล JC 10 โดยเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินตระกูล JH 4 ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ปี คศ. 1962
Mitsubishi Jeep J32
ค่ายมิตซูบิชิได้ขึ้นไมเนอร์เชนจ์ให้กับJeep J20 โดยในรุ่น Jeep J 32 นี้ แม้จะมีความยาวเท่าเดิม แต่ก็ได้เพิ่มให้มีจำนวน 6 ที่นั่ง ส่นขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์ตระกูล JH 4 และ KE 31 เหมือนเดิม นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่น J 40 ออกมาสมทบ โดยเป็นรถจี๊ป 9 ที่นั่งที่ใช้ขุมพลังดีเซลตระกูล KE 31

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ปี คศ. 1970
Mitsubishi Jeep J24 / J36 / J44 / J54
ดูแหมือนว่าค่าย Mitsubishi ขยันปรับปรุงรุ่นต่างๆของตระกูล Jeep อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากทิ้งช่วงมาเกือบ 8 ปี เค้าก็ขึ้นไมเนอร์เชนจ์ให้กับรุ่นต่างๆ ทั้งหมด ในรุ่น J54 เป็นรถจีปขนาดเล็ก ที่ได้เพิ่มความยาวฐานล้ออีก 65 มม.จากนั้นก็มาเปลี่ยนความกว้างฐานล้อเป็น 1,300 มม. ส่วนขุมพลังต่างๆที่นำมาวางก็ยังคงเหมือนเดิมโดยเครื่องยนต์ดีเซล นอกจากจะมีตระกูล KE 31 แล้วยังได้ตระกูล 4DR 5 ที่เป็นแบบแถวเรียง 4 สูบ โอเวอร์เฮดวาล์ว ขนาด 2,659 ซีซี มาประจำการอีกบล็อกหนึ่งด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ที่น่าสนใจคือ เครื่องยนต์ดีเซล 4DR 5 รุ่นนี้มีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันได้ เพียงแค่มีการติดเทอร์โบเพิ่มเข้าไปในปี 1982 แต่ได้นำมาใช้ในตัวจี๊ป เอาเมื่อปี 1994 เพื่อให้มีพละกำลัง สำหรับการขับขี่ได้อย่างสนุกมากขึ้น โดยจี๊ปรุ่น J54, J24H, J36, J44 จะวางเครื่องรุ่น 4DR5 ส่วน J 55 จะเป็นเครื่อง 4DR5-Turbo Intercooler
รุ่น 4DR5
ปีประจำการ 1970
แบบ 4 สูบแถวเรียง OHV
ความจุกระบอกสูบ 2,659 ซีซี
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก 92.0 x 100.0 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด 20.0 : 1
กำลังสูงสุด 75 ps / 3,700 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 16.5 กก. -ม. /2,200 รอบต่อนาที

4DR5-Turbo Intercooler
ปีประจำการ คศ. 1994
แบบ 4 สูบแถวเรียง OHV
อัตราส่วนกำลังอัด 21.5 : 1
กำลังสูงสุด 100 ps / 3,300 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม./2,000 รอบต่อนาที
ในรูป ขวามือคือ 4DR5 ส่วนซ้ายมือแวบๆคือ Intercooler ของ 4DR5-Turbo Intercooler

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ปี คศ. 1973
Mitsubishi Jeep J22 / J34 / J52
ทางค่าย Mitsubishi ทำไมเนอร์เชนจ์ให้กับตระกูล Jeep อีกครั้ง โดยรายละเอียดของตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นขุมพลังนอกจากจะมีเครื่องยนต์เบนซินตระกูล JH 4 แล้วเค้ายังได้เพิ่มเครื่องยนต์ตระกูล KE 47 ( คนละบล็อคกับเครื่องดีเซลตระกูล KE 31 นะครับ ) ที่เป็นเบนซิน 4 สูบ โอเวอร์เฮดวาล์วขนาด 2,315 ซีซี เข้ามาอีกบล็อกหนึ่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ปี คศ.1974
Mitsubishi Jeep J26 / J38 / J46 / J56
หลังจากขึ้นไมเนอร์เชนจ์ให้กับตระกูล Jeep เพียงไม่กี่เดือน ทางค่าย Mitsubishi ก็ได้ปรับเครื่องยนต์ที่ประจำการใหม่อีกครั้ง โดยได้ปลดประจำการเครื่องยนต์ตระกูล JH 4 แต่ยังคงบล็อก KE 47 เอาไว้ และนำเครื่องยนต์ตระกูล Astron ที่มีรหัส 4G 53 มาวาง เครื่องยนต์เบนซินบล็อคนี้เป็นแบบแถวเรียง 4 สูบ ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ( SOHV ) ขนาด 2,384 ซีซี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ปี คศ. 1975
Mitsubishi Jeep J58
ทางค่าย Mitsubishi ก็ได้เพิ่มรุ่นให้กับตระกูล Jeep เพื่อให้คนสามารถเลือกใช้ได้มากขึ้นโดยรุ่น J58 ที่เพิ่มขึ้นมานี้จะใช้ขุมพลังเบนซินตระกูล Astron รหัส 4G 52 ซึ่งเป็นแบบแถวเรียง 4สูบแคมเดี่ยว ( SOHV ) ขนาด 1,995 ซีซี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ปี คศ. 1981
Mitsubishi Jeep J57
หลังจากที่เงียบไปเพียง 5 ปี ทางค่าย Mitsubishi ก็ได้ขึ้นเจนเนอเรชั่นใหม่ให้กับตระกูล Jeep ทั้งหมด โดยในรุ่น J 57 จะมีขุมพลังให้เลือก 2 บล็อคคือ ถ้าเป็นรุ่น J57 110 จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินบล็อค 4 G 53 ที่วางในรุ่น J 56 ถ้าเป็นรุ่น J 57 120 ก็จะวางเครื่องยนต์เบนซินบล็อก G 54 B ที่เป็นแบบแถวเรียง 4 สูบ แค็มเดี่ยว (SOHV )ขนาด 2,555 ซีซี
Mitsubishi Jeep J27
สำหรับรุ่น J 27 ของตระกูล Jeep นี้เป็นตัวที่มาแทน J20 โดยใช้ขุมพลังบล็อก G 54 B เช่นเดียวกับ J 57 นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ยังคงอยู่ในปี 1981 ครับ
Mitsubishi Jeep J37
Jeep J 37 จะเป็นแบบแวก้อน 5 ประตู ซึ่งทางค่าย Mitsubishi เน้นให้เป็นรถครอบครัว โดยทางขุมพลังที่ประจำการก็ยังเป็นบล็ค G 54 B เช่นเดียวกับตระกูลอื่นๆ
Mitsubishi Jeep J47
ส่วนรุ่น J 47 ก็จะเป็นตัวถังอีกรูปแบบของตระกูลซึ่งทางค่ายได้ออกแบบให้มีถึง 9 ที่นั่งด้วยกัน และวางเครื่องยนต์บล็อค G 54 Bเหมือนกัน
Mitsubishi Jeep J59
คราวนี้มาเน้นให้ประหยัดขึ้นกว่าเดิม โดยรุ่น J 59 ที่มีตัวถังแบบจี๊ปขนาดเล็กจะมาใช้ขุมพลังเบนซินบล็อค G 52 B ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแค็มชาฟท์ขนาด 1,955 ซีซี เหมือนกับรุ่น J 58 ที่อยู่ในเจนเนอเรชั่นที่แล้ว
Mitsubishi Jeep J36 B
ถือว่าเป็นกองหนุนของรุ่น J 37 โดยจะเป็นแบบแวก้อน ประตูเหมือนกัน แต่รุ่น J 36 จะวางเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล 4DR 5 ที่เป็นแบบแถวเรียง 4 สูบโอเวอร์เฮดวาล์ว ขนาด 2,659 ซีซี 80 แรงม้าและมีแรงบิดสูงสุด 18.0 กก. - ม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ปี คศ. 1986 มาถึงตัวที่เรียกได้ว่าเกือยจะท็อปสุดของ Jeep Mitsubishi แล้วนะครับ
Mitsubishi Jeep J53
แม้ว่าค่ายต่างๆจะออกรถขับเคลื่อนสี่ล้อประเภทจี๊ปกันมากขึ้น แต่ Mitsubishi ก็ยังมีตระกูล Jeep เป็นตัวเอกคันหนึ่งอยู่เหมือนเดิมและในรุ่น J 53 เค้าก็ได้เอาขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4DR 6 ซึ่งเป็นแบบแถวเรียง 4 สูบ ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแค็มชาฟท์ ขนาด 2,659 ซีซี 94 แรงม้าและมีแรงบิดสูงสุด 21.0 กก. - ม มาใช้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       เครื่องรุ่นใหม่ที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ 4DR 5 อาศัยใช้วิธีปรับบูสท์เทอร์โบให้สูงขึ้น รวมทั้งระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เท่านี้เครื่อง 4DR6-Turbo ก็ "เกิด" แล้ว ..แต่จะว่าไปมีอยู่เฉพาะในตัวถังของจี๊ป J 53 เท่านั้นเองครับ

รุ่น 4DR6-Turbo
ปีประจำการ 1986
แบบ 4 สูบแถวเรียง OHV
ความจุกระบอกสูบ 2,659 ซีซี
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก 92.0 x 100.0 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด 17.5 : 1
กำลังสูงสุด 94.0 ps/3,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 21.0 กก.-ม. / 2,000 รอบต่อยาที

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       J 53 เป็นสายการผลิตท้ายๆของ Jeep Mitsubishi ตัวท้ายจริงๆน่าจะเป็น J 55 นะครับ ที่วาง 4DR 5- Turbo Intercooler อาจจะไม่มีประวัติการผ่านสมรภูมิรบแบบรุ่นพี่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น FORD ,M 38, M 151 แต่ถ้าพูดถึงจี๊ป พลเรือนละก็ผมว่า J 53 นี่แหละครับ ที่สุดแล้ว..ยังคงไกลเกินเอื้อมครับ ถึงได้มานั่งบรรยายอยู่แบบนี้ แต่ทุกอย่างก็เริ่มต้นจากการหาข้อมูลก่อนเสมอครับ
http://www.luxuryimports.ca/vehicles/spec_j53.php
http://www.jdmcars.ca/J53-11954/

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       อย่างนี้ละใช่เลยครับ เราอยากได้ข้อมุลแบบนี้เลย แล้วค่อยนำมาตัดต่อเป็นบทความสวยๆไว้ให้เพื่อนสมาชิกเอาไว้ดูกัน อบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       กูรู jeep mitsu อยู่ที่นี่เอง ชอบมากครับคุณหมอ อยากเก็บกระทู้แบบนี้ไว้ในบอร์ด jeep ไว้พิเศษเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       Perfect 100% ครับใครมี Mitsu ได้ข้อมูลไปเต็มๆเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       น่าจะเป็นหัวข้อ พิเศษ นะครับ เยี่ยมจริง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เยี่ยมมากครับ ขอสนับสนุนด้วยรูปนะครับ.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       คันนี้ สวย จริงๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       เยี่ยม อ่านแล้วอยากได้ mitsu เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       น่าจะเก็บเป็นบทความไว้ใน jeep tech แยกต่างหาก ข้อมูลดีๆ อย่างนี้มีคุณค่ายิ่งสำหรับคนรัก jeep อยากให้มีกูรูสำหรับ jeep ทุกรุ่นช่วยกันถ่ายทอดออกมา จะเป็นประโยชน์มากสำหรับเราชาว jeep และผู้ที่สนใจ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       อ่านแล้วไม่อยากขายเลยอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       เอารถในชมรมฯ(Mud Company 4x4 Lampnag) มาให้พิจารณา และยั่วน้ำลายคุณตะปงทูเล ให้เกิดกิเลสมั่กๆ จะได้เร่งสร้างรถตัวใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย