คำตอบที่ 8
พูดถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แล้วน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทยแล้วยังเป็นพื้นที่มรดกโลกอีกด้วย เป็นแหล่งรวมของพรรณพืช พรรณไม้และเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านาๆชนิดและยังเป็นสถานที่ดูนกที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกด้วย เป็นที่พักผ่อน ท่องเที่ยวของผู้นิยมพักผ่อนแบบกลางแจ้ง โดยไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนักและการเดินทางก็สะดวก ที่นี่ยังมีเรื่องราวและเรื่องเล่าเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งเรื่องอาถรรย์ ภูติผี วิญญาณด้วย เนื่องจากในอดีตเขาใหญ่เป็นแหล่งกบดานของผู้หนีกฏหมายบ้านเมืองเข้ามาหลบซ่อนตัวเป็นจำนวนมาก หลายคนจึงมาจบชีวิตที่นี่ ทั้งจากไข้ป่า ความหิว สัตว์ทำร้าย ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือการฆ่าฟันกันเอง เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นบนเขาใหญ่ เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับวิญญาณที่ เฉียด ตัวผมมากที่สุด แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงก็ตาม.....
บ่ายแก่ๆของลานกางเต้นท์ผากล้วยไม้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่วันหนึ่ง อากาศไม่ร้อนมากนัก เต้นท์พักของนักท่องเที่ยวแนวแคมป์คาร์วางกระจายกันไม่กี่หลัง นักท่องเที่ยวบางส่วนยังคงพักผ่อนอยู่ในเต้นท์ของตนเอง บางส่วนถือกล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกล เดินส่องนก ส่องต้นไม้ตามแนวชายป่า ถัดขึ้นไปบริเวณตอนบนของลานกางเต้นท์ กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่เริ่มบรรเลงเพลงกีต้าร์แนวเพื่อชีวิตพร้อมดื่มด่ำกับน้ำเปลี่ยนนิสัยได้พักใหญ่ คงเริ่มต้นต่อเรื่องราวต่อเนื่องจากเมื่อคืน ทำให้ความสงบของผืนป่ายามบ่ายเริ่มมีชีวิต ชีวาขึ้นมาบ้าง
ระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่กับพ็อคเก็ตบุคเล่มใหม่ในมือบนเก้าอี้สนามหน้าเต้นท์พักของตัวเองอยู่นั้น!
พี่!..พี่!..เห็นหนิงมั้ย? ชัยตะโกนเสียงตื่นตะหนก ขณะกำลังวิ่งมาถึงหน้าเต้นท์ผมพอดี
มีอะไรหรือชัย? ผมถามออกไปก่อนรีบลุกจากเก้าอี้สนาม
ผมเดินหาหนิงจนทั่วบริเวณแล้วพี่! ไม่รู้หายไปใหน? ชัยบอกต่อ...ตัวยังโยน
อ้าว!ไม่ไปด้วยกันหรอก? เห็นเดินไปทางน้ำตกน๊ะ ผมบอก พลางวางหนังสือในมือลงบนเก้าอี้
เปล่าพี่...ผมเช็ดรถอยู่ที่ลานจอดรถเสร็จก็เดินกลับมาที่เต้นท์เห็นหนิงไม่อยู่ก็เดินหาไม่เจอ..ก็มาถามพี่นี่แหละ ชัยบอก
งั้นเราตามไปดูที่น้ำตกผากล้วยไม้ดีกว่า ผมเสนอ...ชัยพยักหน้า
จากลานกางเต้นท์ผากล้วยไม้จะมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติทำไว้ เป็นเส้นทางเดินเล็กๆสามารถเดินไปถึงน้ำตกเหวสุวัฒน์ได้ ระยะทางจากลานกางเต้นท์ผากล้วยไม้ถึงน้ำตกเหวสุวัฒน์ประมาณสามกิโลเมตร แต่ประมาณครึ่งหนึ่งของเส้นทางก็จะถึงน้ำตกผากล้วยไม้ก่อน
เส้นทางนี้ถึงจะเป็นเวลากลางวัน แต่ถ้าเดินเข้าไปคนเดียวบรรยากาศจะวังเวงมาก ทั้งจากความรกทึบของป่า จากเสียงแปลกๆของป่าแล้วนานๆจะมีท่องเที่ยวเดินเข้าไปสักกลุ่มหนึ่ง
ผมกับชัยกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในป่า จนถึงน้ำตกผากล้วยไม้ก็ยังไม่เจอร่องรอยของหนิง อีกทั้งไม่เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆเลยตลอดเส้นทางที่เราเดินผ่านมา
เราเดินต่อไปเหวสุวัฒน์ดีกว่าพี่ ชัยเอ่ยออกมาหลังจากตะโกนเรียกหนิงอยู่พักหนึ่ง แววตายังตะหนก
อือ ผมพยักหน้า รู้สึกสงสารชัยขึ้นมาจับจิต
เราเร่งเดินต่อมาอีกประมาณสองสามร้อยเมตร พอลับเหลี่ยมเชิงเขาเราก็เจอร่างผู้หญิงคนหนึ่งนอนตะแคงข้างอยู่กลางทางเดิน......
หนิง! ชัยตะโกนเสียงหลง พร้อมวิ่งเข้าไปยกต้นคอหนิง
หนิง ผมวิ่งเข้าไป เขย่าแขน
ชัยทั้งเรียกทั้งเขย่าร่างของหนิง จนเธอได้สติลืมตาขึ้นมา เธอร้องไห้โฮพร้อมทั้งกอดชัยไว้แน่น ทั้งสองต่างกอดกันร้องไห้ ผมลุกขึ้นถอยออกมายืนมองความรัก ความห่วงใยที่ทั้งสองมีให้กันอย่างหมดใจและบริสุทธใจ
ผมกลับมานั่งบนเก้าสนามหน้าเต้นท์ตัวเดิม หลังจากช่วยกันประคองหนิงออกจากป่ามาส่งยังเต้นท์ของทั้งคู่ซึ่งวางห่างจากเต้นท์ของผมไม่ไกลนัก ผมหันไปยังปากทางเข้าน้ำตกผากล้วยไม้ด้วยความสงสัยที่ยังไม่ทราบคำตอบว่าหนิงเข้าไปสลบอยู่ได้อย่างไร
ผมกับทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันผ่านน้ำอำพันเมื่อคืน ทราบว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน เรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แล้วเพิ่งจะมาเที่ยวเขาใหญ่เป็นครั้งแรก โดยขับรถยนต์กันมาสองคน ตอนแรกกะจะมาพักแค่คืนเดียวแต่มาเกิดเหตุซะก่อน
หลังหุงข้าวกับทำต้มยำปลากระป๋องเสร็จโดยไม่ลืมเผื่อคนทั้งสอง ก็เป็นเวลาโพล้เพล้พอดี หันไปมองเต้นท์ของทั้งคู่ก็ยังไม่ออกมา กำลังต้มน้ำร้อนชงกาแฟพอดี ทั้งคู่ก็ประคองกันออกมานั่งบนเสื่อที่ผมปูไว้หน้าเต้นท์
เป็นไงบ้างหนิง ผมถามนำไปก่อน
ไปเป็นไรแล้วคะพี่ ขอบคุณพี่มากนะคะ หนิงบอกพลางยกมือไหว้
ไม่เป็นหรอกหนิง ผมยกมือไว้รับ
แล้วเรื่องมันเป็นยังไงเหรอ ผมหันไปถามชัย
ชัยส่ายหน้าไปมา ผมก็ยังไม่ได้สอบถามเลยครับ กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน เราหันไปมองหน้าหนิงซึ่งตอนนี้ดูเป็นปกติแล้วในเชิงคำถามเกือบพร้อมกัน
ตอนนั้นหนิงนอนอ่านหนังสืออยู่หน้าเต้นท์ หนิงเริ่มเล่าทบทวนเหตุการณ์
ก็หันไปเห็นชัยกวักมือเรียกอยู่ตรงนั้น หนิงชี้ไปทางปากทางเข้าน้ำตกผากล้วยไม้
ก็เลยเดินไปหาชัย....แต่ชัยกลับเดินหายเข้าไปตามทางเดิน เข้าป่าไป ตอนนั้นหนิงคิดว่าชัยให้เดินตามไป เลยวิ่งตามไปหวังจะให้ทัน หนิงเล่าต่อ
ตอนนั้นชัยเช็ดรถอยู่ที่ลานจอดรถไม่เหรอ ผมหันไปถามชัย
หนิงหันไปทางชัย..... ชัยพยักหน้ากับหนิง
หนิงหันกลับมาทางผม หน้าเริ่มซีดเห็นได้ชัด หนิงวิ่งตามไป วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ทัน เรียกเท่าไหร่ชัยก็ไม่หันมา
จนถึงบริเวณขอบแอ่งน้ำตอนหนึ่งก็มีงูอะไรก็ไม่รู้ขนาดเท่าขาเห็นจะได้ เลื้อยผ่านหน้า... หนิงร้องเรียกชัยให้ช่วย ก็เห็นชัยหันกลับมามองแบบแข็งๆ แล้วก็หันหลังเดินต่อไป หนิงเล่าต่อ ผมหันไปยกกาน้ำร้อนออกจากเตา ชัยเข้ามาช่วยชงกาแฟให้
หนิงรอจนงูเลื้อยผ่านไป ก็วิ่งตามชัยไปต่อ จนมาเห็นหลังชัยไวๆ แต่ก็ตามไม่ทัน....จนออกจากป่าทึบมาถึงทุ่งหญ้าโล่งๆกว้างมาก ก็เห็นชัยยืนอยู่บนทางสามแพร่งมองมาทางหนิงใบหน้าซีดไร้รอยยิ้ม.....หนิงหยุดนิ่งรู้สึกกลัวใบหน้าที่มองมาของชัย หนิงเล่าหน้าซีด ยื่นมือมารับถ้วยกาแฟที่ชัยยื่นให้....
ชัยกวักมือเรียก...แล้วออกเดินไปตามทางแยกด้านขวา...หนิงวิ่งไปถึงทางแยกที่ชัยยืนอยู่ กำลังจะวิ่งตามชัยไปต่อ แต่แล้วก็เห็นชัยหันหน้ามายิ้มแสยะให้โดยตัวไม่หันมาด้วย แล้วยืดคอยาวขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วแล็บลิ้นออกมายาวเฟื้อย ตาก็ถลนออกมา แขนสองข้างยืดยาวยื่นเข้ามาหาหนิง! หนิงจำได้ว่าตัวเองกรี๊ดออกมาสุดเสียง แล้วสติของหนิงของขาดไปตรงนั้น ...............
แสงสีส้มจากเปลวเทียนแสงกระทบใบหน้าคมของหนิง ปากเธอสั่นระริก น้ำจากเบ้าตาของเธอเริ่มใหลออกมาเป็นสาย.....ชัยรีบเข้าไปกอด....
ผมยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ พร้อมคิดทบทวนตามเรื่องที่หนิงเล่าให้ฟัง.....มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาหลายครั้ง เดินผ่านเส้นทางนี้ก็หลายครั้ง ก็รู้ว่าเส้นทางนี้ไม่มีทุ่งหญ้าโล่งๆกว้างใหญ่ตามที่หนิงเล่าเลย ทางสามแพร่งที่ว่าก็ไม่มี ....แล้วหนิงเจอกับอะไรเหรอ????!........
แสงสว่างจากเต้นท์ของนักท่องเที่ยวอื่นๆเห็นเป็นจุดๆ ดูเหมือนจะมีจำนวนเยอะกว่าเมื่อตอนบ่าย เสียงกีต้าร์จากวัยรุ่นกลุ่มเดิมยังคงได้ยิน พวกเขาเหล่านั้นยังไม่รู้หรอกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาได้เกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยคนหนึ่ง.........