WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


OlllllllO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 15 OlllllllO
มังกรไฟ
จาก มังกรไฟ
222.123.185.103
เสาร์ที่ , 6/6/2552
เวลา : 15:52

อ่านแล้ว = 47736 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 1
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/questionold.asp?id=J22157
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 2
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?rting=1&id=J24821
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 3
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=18&id=J26365
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 4
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 5
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=1&ID=J27737
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 7
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?rting=1&id=J29116
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 8
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=1&id=J29491
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 9
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=1&id=J29977
OIIIIIIIO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 10
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=1&id=J30257
OlllllllO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 11 OlllllllO
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J30646
OlllllllO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 12 OlllllllO
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J31549
OlllllllO ขอเชิญชาว Jeep ตะวันออกร่วมพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ภาค 13 OlllllllO
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?page=1&id=J32450

*** รวมทริปของกลุ่มตะวันออก ***
ทริป JUC ตะวันออก เกี่ยวก้อย JUC อีสาน ลุย 16 ห้วย เมืองจัน
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J26744
JUC ระยอง ประทะ JUC อีสาน
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J26743
งานบุญเปิดปั้มแก้ส+อาการคันๆๆๆ..ของกลุ่มอีสาน..OlllllllO..นัดล้างตาคิรีธาน...จันทบุรี
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?id=J27654
มิตรภาพ-ตะวันออก-อีสาน-และความงามของธรรมชาติ
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J27415
MINI Meeting ที่หาดพลา
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J28825
ทริปแม่อูคอ....ปางอุ๋ง......ปาย กับ 2,000 กม.
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J28977
ประมวลภาพ เชอร์โรกีตะวันออก Meeting ครั้งที่ 2
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J27823
มิตรภาพ-ตะวันออก-อีสาน-และความงามของธรรมชาติ
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J27415
ท่องแม่หลอด - แม่ตะมาน
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?id=J30850
ทริปเมืองกาญฯ "ความแตกต่างที่ลงตัว" ของกลุ่มตะวันออก
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=J31916
ทริป อช.ตากสิน => อช.แม่เมย (ม่อนกิ่วลม) => อช.แม่เงา => อช.ออบหลวง => อช.ลานสาง
http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/question.asp?id=J33603



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 19 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  
21  22  

คำตอบที่ 541
       สวัสดีหนุ่มๆชาว อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ ทำไหมไม่มีช่างซ่อมjeepแบบนี้บ้างนอ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

polkrang.jeep จาก ไก่แจ้ 222.123.186.28 ศุกร์, 18/9/2552 เวลา : 09:16   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441568

คำตอบที่ 542
       > ขอแนะนำอย่างยิ่ง ให้ลองทำกันดู ใช้เวลานิดเดียว
>
> แบบทดสอบ RQ (ฉบับ on-line) จากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
>
> กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
>
> เมื่อวันที่ 2 4 ธันวาคม 2008 ที่กรมสุขภาพจิต นพ.ชาตรี บานชื่น
> อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จะทำแบบสอบถาม RQ (Resilience Quotient) เพื่อวัด
> พลัง ความเข้มแข็งทางจิตใจว่ามีอยู่มากพอที่จะแก้ปัญหาในปีต่อๆ ไปหรือไม่ หากพบ
> ว่าขาดในด้านใดจะได้เติมเต็มได้อย่างถูกต้อง
>
> นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์สาร ความหยุ่นตัวทางอารมณ์และจิตใจ หรือ RQ ประกอบไปด้วย
> คุณสมบัติ 3 ด้าน คือ 1.ความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นคนมีความภูมิใจ เห็นค่าของตัว
> เอง 2.กำลังใจ 3.การจัดการปัญหา รู้สึกว่าทำได้ สามารถเผชิญปัญหาได้ กรมสุขภาพ
> จิต ได้พัฒนาแบบประเมิน RQ สำหรับผู้ใหญ่อายุ 25-60 ปี เพื่อใช้วัด RQ สำหรับคน
> ไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้นำไปใช้ในการค้นหาจุดอ่อน จุดแข็ง และ
> พัฒนาตนเอง ให้พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์วิกฤต หรือความยากลำบากที่อาจเกิด
> ขึ้น
>
> ผลการสำรวจวัดระดับ RQ เมื่อปี 2551 ของคนไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 4,000
> คน พบว่า ร้อยละ 84-85 อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่องค์ประกอบด้านกำลังใจของคนไทยต่ำ
> กว่าด้านอื่น เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งในกลุ่มนี้ต้องเพิ่มทักษะการคิดบวก
> การมองเห็นคุณค่าของตนเองและครอบครัว เพศหญิงจะมีความมั่นคงทางอารมณ์มากกว่าเพศ
> ชายเล็กน้อย
>
> นพ.ยงยุทธกล่าวว่า หลักคิดสู่ RQ คือ ควรคิดว่า ฉันเป็น ฉันมี ฉันทำได้ (I am,
> I have, I can) หมายถึง ฉันเป็นคนอดทนเข้มแข็ง พึ่งตัวเองได้ ฉันมีกำลังใจ มีคน
> รักและห่วงใย ฉันทำสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ได้ โดยใช้เทคนิค 4 ปรับ 3
> เติม คือ ปรับอารมณ์ ปรับความคิด ปรับการกระทำ ปรับเป้าห มาย และเติมศรัทธา เติม
> มิตร เติมจิตใจให้กว้าง โดยในปี 2552 จะมี 3 วิกฤตหนัก วิกฤตทางการเมือง วิกฤต
> เศรษฐกิจ และวิกฤตชีวิต หากไม่มีความสามารถในการปรับตัวที่ดี จะทำให้ประสบปัญหา
> ความยุ่งยากในการดำเ นินชีวิตยากมาก นักวิชาการในต่างประเทศสนใจศึกษาเรื่อง RQ
> มานานกว่า 30 ปี เมื่อพบความทุกข์ยาก ลำบากหรือวิกฤตในชีวิตจะแบ่งคนออกได้เป็น 3
> กลุ่มใหญ่ คือ 1 ร้อยละ 20 ยอมจำนนต่อโชคชะตา กลุ่มนี้จะท้อแท้หมดห วังไม่มีความ
> สุข 2 ร้อยละ 60 อดทน ใจสู้กับวิกฤต แต่ไม่ค่อยมีทักษะในการปรับตัว หรือ รับมือ
> กับวิกฤต และ 3 ร้อยละ 20 มีความหยุ่นตัวทางอารมณ์และจิตใจ สามารถปรับตัวด้วยดี
> รู้จักหาทางออก พยายามเอาชนะยังมีความหวังและสร้างอนาคตให้ตนเองได้
>
> แล้ว RQ (Resilience Quotient)คืออะไร
>
> RQ เป็นความสามารถของบุคคลในการปรับตัว และฟื้นตัวภายหลังที่พบกับเหตุการณ์
> วิกฤต หรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความยากลำบาก เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ช่วยให้
> บุคคลผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคและดำเนินชีวิตได้ อย่างมีความสุข
>
> แบบประเมิน RQ เป็นเครื่องมือเพื่อใช้ประเมินความสามารถของบุคคล 3 ด้าน คือ
> ความมั่นคงทางอารมณ์ กำลังใจ และการจัดการกับปัญหา หากประเมินแล้วพบว่ามีองค์
> ประกอบในด้านใดต่ำกว่าเกณฑ์ ท่านสามารถพัฒนาตนในด้านนั้นๆ ให้มากขึ้นได้
>
> ข้อคำถามมีจำนวน 20 ข้อ สอบถามถึงความคิดความรู้สึกและพฤติกรรมท่านในรอบ 3
> เ ดือนที่ผ่านมา ขอให้ท่านเลือกคำตอบที่ตรงกับความเป็นจริงของท่านมากที่สุด
> เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพของตัวท่านเอง
>
> http://www.jvkk.go.th/jvkkfirst/test/RQ/AnsRQ.asp
>
> ลองประเมินตัวคุณดูนะ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.241.226 ศุกร์, 18/9/2552 เวลา : 15:36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441663

คำตอบที่ 543
       เกมส์แบบนี้น่าสนจายยยย

http://www.youtube.com/watch?v=yyBmuVSYk4E



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.241.29 ศุกร์, 18/9/2552 เวลา : 23:29   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441743

คำตอบที่ 544
       สวัสดีชาว อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

fourwheels จาก The - may 115.67.147.204 เสาร์, 19/9/2552 เวลา : 22:26   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441919

คำตอบที่ 545
       วันนี้ได้ไปชมโครงร่างบ้านจริงๆ ของ ศิลปิน อาทร สัญจร ดนตรี
ซุ้มคอเล่า เสร็จเมื่อไหร่อย่าลืมจัดสุมหัว เด้อ ท่านเลขาฯ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.24.40.127 เสาร์, 19/9/2552 เวลา : 23:31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441930

คำตอบที่ 546
       กระจังหน้าโครเมี่ยม สำหรับ ZJ ของใหม่ รับรองราคา 3,500.-
http://www.thailandoffroad.com/thai2market/board/question.asp?id=62405
พี่มล ระบบไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาแต่งหล่อแล้วจ้า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.24.40.127 เสาร์, 19/9/2552 เวลา : 23:39   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441933

คำตอบที่ 547
       แวะมาเยี่ยมครับ.....ได้ข่าวว่า ท่านเมย์ ซื้อบ้านใกล้ ๆ กัน.......แล้วเจอกันนะครับ.....
หวัดดีครับ ท่านหลุง.........



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

xj4.56 จาก ต้นมะลิ 119.31.2.95 เสาร์, 19/9/2552 เวลา : 23:55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441936

คำตอบที่ 548
       เด็กขี้ขโมย

'อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย'


เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น
พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่าน
ฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น
แค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

'อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ'

'ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ'

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'เป็นแม่ค้าขายของชำ
สารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่มีฐานะ
จัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของ
มากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย
ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้นฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบไล่เลี่ยกับฉัน
ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ
แม่จึงเดินเข้าไปถาม

'พี่หนอม มีไรหรอคะ'

'ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย'

พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที
และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

'ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ'

แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

'เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย
พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว
ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ'

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ
ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

'อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอมเด็กมันคงอยากซื้อยา
แต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ'

ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา
แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

'ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ'

แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

'ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ'

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

'แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง...'

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็ก
คนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

'ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้า
แทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้อง
กินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย'

แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้ม
พร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

'ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ'

แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า

'ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขาย
อยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนม
แกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง'

'แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่'

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

'แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก
จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท
ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี
ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น'

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

'แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า'

'ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร

'แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือน
บ้านป้าหนอมเขานะแม่'

'ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคน
ที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก'

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

'จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคน
อื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ
รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้'

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

'ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง
คนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ'

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้
ี้อีกเลยจนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีก
ครั้งทั้งน้ำตา ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ


หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏ
แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง
หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน
แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน
แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้อง
ยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจาก
ปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หายหลังจากนั้นก็เริ่ม
เป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่
ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนัก
มากเกินไปหมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
จะได้หายเร็วๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่า
โรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที
ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับ
เส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรง
ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากของให้หมอผ่าตัดให้ทันทีแต่หมอบอกว่า
โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก
ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า

ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง
หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจ
อยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอ
ที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัด
จะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมอง
ค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัด
ประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทางโรงพยาบาล
บอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่า
เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้ บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัว
ไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
ผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน



เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้
ค่าผ่าตัด 0 บาท
ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท
ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วย ยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง
ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า

นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.251.52 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 07:54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 441949

คำตอบที่ 549
       บรรยากาศบ้านท่านเลขาฯ อยู่ติดกับแปลงไม้เลื้อยขนาด 3 ไร่ ครับพี่ต้น ตื่นตอนเช้าคงสดชื่นน่าดู

โซลินอยด์ส่งให้พี่ป้อมก่อนเที่ยงเมื่อวานแล้วครับ พี่นุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 222.123.187.186 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 14:33   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442021

คำตอบที่ 550
       เรืองของเบรค...ที่ควรทราบ

ก่อนจะโพสข้อความนี้ผมคิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะสาระและเนื้อหามันค่อนข้าง ยาวมากพอสมควร กลัวเพื่อน ๆ สมาชิกจะเบื่อกันซะก่อน แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว ผมว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ บรรดาเพื่อน ๆ สมาชิก กับคนที่กำลังคิดจะทำอะไรกับเบรค ควรอ่าน เพื่อทำความเข้าใจกับระบบเบรคของรถซะหน่อย เพื่อวิเคราะห์ได้ว่า คุ้มมั๊ยที่เราจะเสียเงิน หลายหมื่น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของการเบรคเพิ่มขึ้น หรือ อาจจะเท่าเดิมแต่ได้แค่ความเทห์... ถ้าเป็นไปได้ผมจะตัดเป็นตอน ๆ สัก 2-3 ตอนกันเบื่อละกันนะครับ

รถยนต์ทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่ต้องพัฒนาให้ แรง เร็ว และ ดูแลให้ทะยานไปได้เท่านั้น ระบบเบรค ก็ต้องเยี่ยมและได้รับการดูแลควบคู่กันเสมอ แล่นได้ก็ต้องหยุดได้ ! ระบบเบรค-BRAKE หรือห้ามล้อ มีหน้าที่ชะลอความเร็วหรือหยุดรถยนต์ตามการสั่งงานของผู้ขับ โดยมีพื้นฐาน คือ สร้างแรงเสียดทานด้วยผ้าเบรค ซึ่งกดเข้ากับจานหรือดุมเบรค ที่หมุนตามล้อ เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ในยุคที่รถยนต์เพิ่งถือกำเนิดขึ้น การสั่งให้ผ้าเบรคกด หรือ คลาย เป็นการใช้ระบบกลไก เช่น ก้านโยกหรือสลิง คล้ายระบบเบรคของจักรยาน ซึ่งสะดวกในการออกแบบและทำงาน แต่ขาดความแม่นยำในการควบคุมจากผู้ขับ เช่น สลิงยืดหรือต้องปรับตั้งบ่อย ต่อมาจึงใช้ของเหลวในการถ่ายทอดการสั่งงานจากผู้ขับไปยังการกดผ้าเบรค ซึ่งกลายเป็นระบบเบรกพื้นฐานมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วจึงพัฒนาส่วนปลีกย่อยกันออกไป แต่ไม่ว่าจะมีรายละเอียดของอุปกรณ์อย่างไร ก็ยังใช้การถ่ายทอดด้วยของเหลว คือ น้ำมันเบรคเป็นหลัก หลักการถ่ายทอดการควบคุมด้วยน้ำมันเบรค จากการกดเท้าลงบนแป้นเบรก เพื่อสั่งให้ผ้าเบรคขยับตัวกดจานหรือดุมเบรค เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ นำกระบอกเข็มฉีดยามา 2 อัน ดูดน้ำไว้ทั้ง 2 กระบอก แล้วต่อท่อยางขนาดเล็กที่บรรจุน้ำไว้เต็มเข้ากับหัวของกระบอกฉีดยาทั้ง 2 น้ำทั้งหมดก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อกดแกนของกระบอกฉีดยาด้านหนึ่งเข้าไป ( เสมือนมีการกดแป้นเบรกที่ต่ออยู่กับแม่ปั๊มด้านบน ) น้ำก็จะถูกไล่ผ่านท่อยางขนาดเล็ก ทำให้แกนของกระบอกฉีดยาอีกตัวหนึ่งดันออก เสมือนกระบอกเบรคที่ล้อดันผ้าเบรกออกไป จะเห็นว่าของเหลวในระบบต้องไม่มีการรั่วซึม ลูกยางรีดในกระบอกต้องกักน้ำได้ และไม่มีอากาศปะปนในระบบ การถ่ายเทแรงดันจึงจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์

พื้นฐานของระบบเบรค

ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก คือ แม่ปั๊มบน- ตัวสร้างแรงดัน, ท่อโลหะและท่ออ่อน, กระบอกเบรคที่ล้ออย่างน้อยล้อละ 1 กระบอก ผ้าเบรค และจานเบรค ( ดิสก์ ) หรือดุมเบรค ( ดรัม ) จากนั้นจึงมีการพัฒนาเสริมอุปกรณ์อื่นเข้ามา เช่น แม่ปั๊มบนตัวเดียวแต่แบ่งเป็น 2 วงจรภายใน เป็นล้อหน้า-หลัง หรือทแยงหน้าซ้าย-หลังขวา หน้าขวา-หลังซ้าย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อระบบย่อยหนึ่งบกพร่อง จะได้ยังเหลือแรงเบรคอยู่บ้าง,หม้อลมเบรค ช่วยผ่อนแรงในการกดแป้นเบรค โดยการใช้แรงดูดสุญญากาศที่ได้จากท่อไอดีของเครื่องยนต์ มีหลายขนาด เล็กหรือใหญ่ไปก็ไม่ดี,วาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรค ติดตั้งต่อจากแม่ปั๊มเบรคตัวบน ก่อนที่น้ำมันเบรคจะถูกส่งไปยังล้อต่าง ๆ ช่วยให้แรงดันน้ำมันเบรกกระจายไปอย่างเหมาะสม ,เพิ่มจำนวนกระบอกเบรคเพื่อเพิ่มแรงกดที่ผ้าเบรค ,เพิ่มขนาดจาน-ดุมเบรค พร้อมเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรคให้สามารถสร้างแรงเสียดทานได้มากขึ้น,เอบีเอส ป้องกันการล็อกของล้อ ฯลฯ

แม่ปั๊มเบรค

ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรค เมื่อมีผู้ขับกดแป้นเบรค ส่วนใหญ่ติดตั้งไว้กับหม้อลมเบรก ภายในประกอบด้วยลูกยางหลายลูกและสปริง โดยจะคืนตัวเองเมื่อไม่มีการกดแป้นเบรค อาการการเสีย คือ ไม่สามารถสร้างแรงดันได้จากลูกยางที่หมดสภาพ ไม่สามารถดันรีดน้ำมันได้ หรือรั่วย้อนออกมา หรือเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวเสื้อกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางพร้อมชุดซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งตัว

หม้อลมเบรค

เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรคให้เบาเท้าขึ้น กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำมันเบรค โดยใช้แรงดูดสุญญากาศจากท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์มาช่วยดันแผ่นยางไดอะเฟรมและแกนแม่ปั๊มตัวบนเมื่อมีการกดแป้นเบรค โดยประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบเบรคยังขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อื่น ไม่ใช่เฉพาะที่ตัวหม้อลม ขนาดของหม้อลมต้องพอเหมาะ ขนาดเล็กไปก็หนักเท้าเหมือนเบรคไม่ค่อยอยู่ ขนาดใหญ่ไปก็เบาเท้า แต่แรงกดที่มากเกินไปในขณะที่อุปกรณ์อื่นยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้ล้อล็อกได้ง่าย เมื่อเบรคบนถนนลื่น หรือ เบรคกะทันหัน อาการการเสียที่พบบ่อย คือ ผ้ายางไดอะเฟรมภายในรั่ว เมื่อกดแป้นเบรคจะแข็ง และเครื่องยนต์จะสั่น เหมือนอาการท่อไอดีรั่ว ทดสอบโดยกดแป้นเบรคในขณะจอดและติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้ ถ้าหม้อลมปกติ การเหยียบเบรคเมื่อติดเครื่องยนต์แล้วจะเบาเท้ากว่า ถ้าหม้อลมรั่วแต่แม่ปั๊มตัวบนดี ยังสามารถใช้ระบบเบรคตามปกติได้ แต่จะหนักเท้าในการกดแป้นเบรคเท่านั้นการซ่อมหม้อลมบางรุ่นมีอะไหล่ให้เปลี่ยนเฉพาะผ้ายางไดอะเฟรมพร้อมชุดซ่อม แต่ส่วนใหญ่มักต้องเปลี่ยนทั้งลูก ซึ่งมี 2 ทางเลือกทั้งของใหม่และเก่าเชียงกง

ท่อน้ำมันเบรค

ประกอบด้วยท่อโลหะขนาดเล็ก ทำจากเหล็ก หรือ ทองแดง แล้วมีท่ออ่อนที่ให้ตัวได้ ต่อจากท่อโลหะบนตัวถังไปยังชุดเบรค ล้อที่ขยับตลอดเวลาที่ขับอาการเสีย คือ ท่ออ่อนบวมหรือรั่ว ส่วนท่อโลหะนั้นแทบไม่พบว่าเสียเลย ท่ออ่อนทั่วไปผลิตจากยางทนแรงดันสูง ทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่ก็มีแบบพิเศษที่นิยมใช้ในรถแข่งมาจำหน่าย เป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถัก ซึ่งทนทั้งการฉีกขาดจากการกระแทกภายนอกหรือแตกด้วยแรงดันจากภายใน ซึ่งไม่จำเป็นนัก แต่ถ้าอยากจะใส่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจลดอาการหยุ่นเท้าให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าท่ออ่อนเดิมขยายตัวได้บ้างเมื่อกดเบรค กระบอกเบรคที่ล้อ ทำหน้าที่รับแรงดันน้ำมันเบรคที่ถูกดันมา เพื่อดันลูกสูบเบรคภายในกระบอกแล้วไปกดผ้าเบรค ขนาดและจำนวนลูกสูบ มีผลต่อแรงกดของผ้าเบรคมีอย่างน้อย 1 กระบอก 1 ลูกสูบ ( POT ) ต่อ 1 ล้อ ภายในประกอบด้วยลูกสูบพร้อมลูกยางหรืออาจมีสปริงด้วย การมีขนาดของกระบอกเบรคใหญ่หรือจำนวนกระบอกเบรคต่อ 1 ล้อมาก ๆ ( 2-4 POT ) จะทำให้มีแรงกดไปสู่ผ้าเบรคมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้แม่ปั๊มตัวบนที่รองรับกันได้ดีด้วย รถยนต์ญี่ปุ่นหรือรถยนต์ขนาดเล็ก-กลาง มักใช้คาลิเปอร์ดิสก์เบรคแบบลูกสูบเดี่ยว 1 POT หรือเรียกว่า SLIDING CALIPER โดยที่รถยนต์ขนาดกลางส่วนใหญ่มักใช้คาลิเปอร์แบบ 2 POT ลูกสูบคู่ประกบซ้าย-ขวาคร่อมจานดิสก์เบรค และ รถยนต์ขนาดใหญ่ อาจใช้คาลิเปอร์แบบ 4 POT ในชุดดิสก์เบรคล้อหน้าอาการเสีย คือ ลูกยางหมดสภาพ ไม่สามารถดันลูกสูบเบรคออกไปได้เต็มที่หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมออกมา และเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางและชุดซ่อม หรือ เปลี่ยนทั้งตัว

ดิสก์/ดรัม

เป็นชุดเบรคที่ล้อ คือ อุปกรณ์ชิ้นที่หมุนพร้อมล้อและรับแรงกดจากผ้าเบรค ผลิตจากวัสดุเนื้อแข็ง เรียบแต่ไม่ลื่น เพื่อให้ผ้าเบรคกดอยู่ได้ ทนความร้อนสูง และไม่สึกหรอง่าย ดิสก์/ดรัม มีจุดเด่นและด้อยต่างกัน พื้นฐานดั้งเดิมของรถยนต์ส่วนใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อน นิยมใช้แบบดรัม-DRUM หรือแบบดุมครอบ ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้แบบดิสก์-DISC หรือแบบจาน เพราะความเหนือชั้นในประสิทธิภาพ แล้วก็ยังพัฒนาตัวดิสก์และอุปกรณ์อื่นให้ดีขึ้นไปอีก ดรัมเบรค มีลักษณะเป็นฝาครอบทรงกลม มีผ้าเบรคโค้งแบน เป็นรูปเกือบครึ่งวงกลมติดตั้งภายในตัวดรัม ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นเป็นฝาครอบโลหะทรงทึบ โดยไม่เห็นหน้าสัมผัส และ ชุดผ้าเบรคที่ถูกครอบไว้ เมื่อมีการเบรค ผ้าเบรคจะเบ่งออกไปดันกับด้านในของตัวดรัม โดยเปรียบเทียบง่ายๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรค ยืดแขนออกไปแล้วมีผ้าเบรคติดอยู่ที่ฝ่ามือ มีฝาครอบหมุนอยู่ เมื่อมีการเบรคก็ยืดแขนดันฝ่ามือออกไปให้ฝาครอบหมุนช้าลง ดรัมเบรคมีจุดเด่นคือ ต้นทุนต่ำ, ทนทาน และมีพื้นที่ของผ้าเบรคมาก แต่มีจุดด้อยคือ กำจัดฝุ่นออกจากตัวเองได้ไม่ดีและอมความร้อน เพราะเป็นเสมือนฝาครอบอยู่ ซึ่งจะทำให้แรงเสียดทานของผ้าเบรคลดลงหรือผ้าเบรคไหม้ และเมื่อใช้งานไปสักพัก หน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับดรัมอาจไม่แนบสนิทนัก ต้องตั้งระยะห่างบ่อย หรือแม้แต่มีการปรับตั้งโดยอัตโนมัติก็อาจยังไม่สนิทกันนัก จนขาดความฉับไวในการทำงาน มีผ้าเบรคให้เลือกน้อยรุ่นน้อยยี่ห้อ และเมื่อลุยน้ำจะไล่น้ำออกจากดรัมและผ้าเบรคได้ช้า ดิสก์เบรค มีลักษณะเป็นจานแบนกลม มีผ้าเบรคแผ่นแบนติดตั้งอยู่รวมกับชุดก้ามเบรค ( คาลิเปอร์ ) แล้วเสียบคร่อมประกบจานเบรค ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นเป็นจานโลหะเงา เพราะถูกผ้าเบรคถูทุกครั้งที่เบรค และ มีชุดก้ามเบรคคร่อมอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อเบรคจะมีการบีบผ้าเบรคเข้าหาตัวดิสก์ ต่างจากแบบดรัมที่เบ่งตัวผ้าเบรคออก โดยเปรียบเทียบง่ายๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรค มีผ้าเบรคอยู่ที่ฝ่ามือ ทำแขนเหมือนกำลังยกมือไหว้แต่ไม่ชิดสนิทกัน มีแผ่นกลมหมุนแทรกอยู่ระหว่างมือ เมื่อมีการเบรคก็ประกบฝ่ามือเข้าหากัน

ดิสก์เบรกมีจุดเด่น คือ ประสิทธิภาพสูง แม้มีพื้นที่สัมผัสของผ้าเบรคน้อยกว่าแบบดรัมในขนาดดิสก์หรือดรัมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน ทำงานฉับไว ควบคุมระยะห่างและหน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับตัวดิสก์ได้ดีโดยไม่ต้องปรับตั้ง ไม่อมฝุ่นเพราะทำความสะอาดตัวเองได้ดี ไล่น้ำออกจากตัวดิสก์และผ้าเบรคได้เร็ว แต่มีจุดด้อยที่ไม่สามารถนับเป็นจุดด้อยได้เต็มที่นัก คือ ต้นทุนสูงและผ้าเบรคหมดเร็ว โดยมีรายละเอียดย่อยออกไปอีก เช่น มีการพัฒนาการระบายความร้อน เพราะยิ่งผ้าเบรคหรือตัวดิสก์ร้อน ก็ยิ่งมีแรงเสียดทานต่ำลงหรือผ้าเบรคไหม้ ด้วยการทำให้พื้นที่ของจานเบรค สัมผัสกับอากาศมีการถ่ายเทกันมากขึ้น โดยการผลิตเป็นจานหนา มีร่องระบายความร้อนแทรกอยู่ตรงกลาง เสมือนมีจาน 2 ชิ้นมาประกบไว้ห่างๆ กันและมีครีบถี่ ๆ ยึดรถยนต์ในสายการผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบดิสก์แบบมีครีบระบายความร้อนในล้อหน้า เพราะเบรคหน้ารับภาระในการเบรคมากกว่า ส่วนการเจาะรู และเซาะร่อง มักนิยมในกลุ่มรถยนต์ตกแต่งหรือรถแข่ง เพราะระบายความร้อนได้ดี สร้างแรงเสียดทานได้สูงแต่กินผ้าเบรค และแค่มีครีบระบายก็เพียงพออยู่แล้ว

ส่วนการขยายขนาดของดิสก์เบรคให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรค เพราะ สามารถเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรคพร้อมกับใช้คาลิเปอร์-ก้ามเบรคให้ใหญ่ขึ้นได้ และ มีการระบายความร้อนดีขึ้นจากพื้นที่สัมผัสอากาศที่มากขึ้น นับเป็นหลักการที่เป็นจริง แต่ในการใช้งานมักมีขีดจำกัดที่ตัวดิสก์และก้ามเบรคต้องไม่ติดกับวงในของกระทะล้อ รถแข่งหรือรถยนต์ที่ใช้กระทะล้อใหญ่ๆ จึงจะเลือกใช้วิธีขยายขนาดของดิสก์เบรคนี้ได้
นับเป็นเรื่องปกติที่ระบบดิสก์เบรคมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใกล้เคียงกับระบบดรัมเบรค ทั้งที่มีพื้นที่หน้าสัมผัสของผ้าเบรคน้อยกว่า แต่ด้วยจุดเด่นข้างต้น ดิสก์เบรคจะให้ประสิทธิภาพในการเบรคสูงกว่าดรัมเบรค ตัวดิสก์และดรัมเบรค ผลิตจากวัสดุเนื้อแข็งกว่าผ้าเบรคเพื่อความทนทาน แต่ก็ยังมีการสึกหรอจนไม่เรียบขึ้นได้ เพราะผ้าเบรคก็มีความแข็งพอสมควร จึงกัดกร่อนตัวดิสก์หรือดรัมเบรคได้ เมื่อผ้าเบรคหมด ถ้าหน้าสัมผัสของดิสก์หรือดรัมเบรคไม่เรียบก็จะทำให้ผ้าเบรคสัมผัสได้ไม่สนิท แต่ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จว่าต้องเจียร์เรียบตัวดิสก์หรือดรัมเบรคทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าเบรคตามสไตล์ช่างไทยที่ต้องการเงินเพิ่ม เพราะต้องดูว่ายังเรียบพอไหม ถ้าเป็นรอยมากจนลึกเข้าไปค่อยเจียร์ เพราะดิสก์หรือดรัมเบรคมีขีดจำกัดในแต่ละรุ่นว่าต้องไม่บางเกินกำหนด เจียร์มาก ๆ ก็เปลือง เพราะต้องเปลี่ยนใหม่เร็วขึ้น การเจียร์จานดิสก์เบรค มี 2 วิธีหลัก คือ ถอดออกมาเจียร์ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันทั่วไป และเจียร์ในรถยนต์ด้วยเครื่องมือพิเศษโดยไม่ต้องถอดออกมา ซึ่งมีข้ออ้างว่าดีกว่าการถอดออกมาเจียร์ เพราะไม่ต้องถอด-ใส่ให้อุปกรณ์ต่างๆ ช้ำและรวดเร็ว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การเจียร์โดยไม่ต้องถอดเหมาะสำหรับประเทศที่มีค่าแรงแพง และถ้าลูกปืนล้อนั้นมีสภาพไม่ปกติก็เจียร์ได้ไม่เรียบ เพราะฉะนั้นถ้าดิสก์เบรคถอดไม่ยากจนเกินไป ควรเลือกใช้วิธีถอดออกมาเจียร์ดีกว่า

การเลือกติดตั้งระบบเบรคในแต่ละล้อมีหลักการพื้นฐานคือ ประสิทธิภาพของระบบเบรคล้อคู่หน้าต้องดีกว่าล้อคู่หลังเสมอ เพราะเมื่อมีการเบรคน้ำหนักจะถ่ายลงด้านหน้า ล้อหลังจะมีน้ำหนักกดลงน้อยกว่า ระบบเบรคหน้าจึงต้องทำงานได้ดีกว่า มิฉะนั้นเมื่อกดเบรคแรงๆ หรือเบรคบนถนนลื่น อาจจะเกิดการปัดเป๋หรือหมุนได้ เสมือนเป็นการดึงเบรคมือ ดังนั้นถ้าอยากจะตกแต่งระบบเบรคเพิ่มเติมก็ต้องเน้นว่า ประสิทธิภาพของเบรคหลังต้องไม่ดีกว่าเบรคหน้า กลุ่มที่เปลี่ยนเฉพาะจากดรัมเบรคหลังเป็นดิสก์ โดยไม่ยุ่งกับดิสก์เบรคหน้าเดิม ต้องระวังไว้ด้วย รถยนต์ในอดีตเลือกติดตั้งระบบดรัมเบรคทั้ง 4 ล้อ แล้วจึงพัฒนามาสู่ ดิสก์เบรคหน้า-ดรัมเบรคหลัง และสูงสุดที่ดิสก์เบรค 4 ล้อ แต่ก็ยังยึดพื้นฐานเดิมคือ เบรคหน้าต้องดีกว่าเบรคหลังเสมอ แม้จะเป็นดิสก์เบรคทั้งหมด แต่ดิสก์เบรคหน้ามักมีขนาดใหญ่กว่า มีครีบระบายความร้อน มีผ้าเบรคขนาดใหญ่ และมีแรงกดมากๆ จากกระบอกเบรคขนาดใหญ่ โดยดิสก์เบรคหลังมักจะเป็นขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่มีครีบระบาย มีผ้าเบรคขนาดไม่ใหญ่ และมีแรงกดไม่มากจากกระบอกเบรคขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเบรคหน้า
ผ้าเบรค คุณเลือกได้

ผ้าเบรคเป็นอุปกรณ์สร้างแรงเสียดทาน โดยการกดเข้ากับดิสก์หรือดรัมเบรค มีพื้นฐาน คือ เนื้อวัสดุของตัวดิสก์หรือดรัมเบรคต้องแข็งเพื่อไม่ให้สึกหรอเร็ว แต่ต้องมีผิวไม่ลื่น ส่วนผ้าเบรคต้องมีเนื้อนิ่มกว่าตัวดิสก์หรือดรัม เพื่อให้มีแรงเสียดทานสูงและสึกหรอมากกว่า เพราะเปลี่ยนได้ง่าย โดยมีการผลิตขึ้นจากวัสดุผสมหลายอย่าง และอาจผสมกับโลหะเนื้อนิ่ม เพื่อให้เบรคในช่วงความเร็วสูงได้ดี ในอดีตใช้แร่ใยหินแอสเบสตอสเป็นวัสดุหลักของผ้าเบรค เมื่อผ้าเบรคสึกจะเป็นผงสีขาว ไม่เกาะกระทะล้อ แต่สร้างมลพิษในอากาศ ทำลายระบบหายใจของสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันจึงหันมาใช้แกรไฟต์-คาร์บอนแทน เมื่อผ้าเบรคสึกจะมีผงสีดำออกมาเกาะเป็นคราบ ดูสกปรก แต่...ไม่อันตราย ผ้าเบรคมีหลายระดับประสิทธิภาพและความแข็ง ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ ยิ่งนิ่มยิ่งสร้างแรงเสียดทานได้ง่าย แต่ไม่ทนความร้อน อาจลื่นหรือไหม้ในการเบรคบ่อย ๆ หรือเบรคในช่วงความเร็วสูง และยิ่งแข็งยิ่งทนร้อน เบรคดีในช่วงความเร็วสูง แต่ต้องการการอุ่นให้ร้อนก่อน หรือเบรคช่วงความเร็วต่ำไม่ค่อยอยู่ จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการขับและสมรรถนะของรถยนต์ ผ้าเบรคเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่ง ถ้าเดิมใช้งานแล้วไม่พึงพอใจ ก็สามารถเลือกให้แตกต่างจากผ้าเบรคมาตรฐานเดิมได้ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่มักเลือกผ้าเบรคเนื้อนิ่ม เพื่อรองรับการใช้งานปกติในความเร็วต่ำ-ปานกลาง ผู้ผลิตผ้าเบรคที่เชี่ยวชาญและมีผ้าเบรคหลายรุ่นให้เลือก เช่น FERODO, BENDIX, ABEX, AKEBONO, METALIX, REBESTOS ฯลฯ

เกรดประสิทธิภาพผ้าเบรค

มีหลายระดับ แบ่งตามการทนความร้อน เพราะการสร้างแรงเสียดทานในการเบรคต้องมีความร้อนเกิดขึ้น เมื่อผ้าเบรกร้อนเกินขีดจำกัดประสิทธิภาพจะลดลง ลื่นหรือไหม้การเลือกต้องขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสมรรถนะของรถยนต์ เกรดมาตรฐาน S-STANDARD ใช้กับรถยนต์ทั่วไป ยกเว้นรถยนต์สมรรถนะสูงหรือรถสปอร์ต ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรคสร้างความฝืดได้ง่าย เนื้อผ้าเบรคนิ่ม สามารถลดความเร็วได้ทันที ไม่ต้องการการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน ทำงานได้ดีเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง หรือในขณะที่มีความร้อนสะสมไม่สูงนัก แต่อาจลื่นหรือไหม้ได้ง่ายเมื่อต้องเบรคบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง หรือเบรคในช่วงความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่รถยนต์ทั่วไปถูกกำหนดให้ใช้ผ้าเบรคเกรด S เพราะส่วนใหญ่ยังต้องมีการใช้งานในเมือง หรือมีการใช้ความเร็วไม่จัดจ้านนัก แม้จะขับเร็วบ้างหรือกระแทกเบรคแรงๆ บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย จึงถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง เกรดกลาง M-MEDIUM-METAL รองรับการเบรคในช่วงความเร็วปานกลาง-สูงได้ดี เพิ่มความทนทานต่อความร้อนโดยตรง และความร้อนสะสมในการเบรคสูงขึ้นกว่าผ้าเบรคเกรด S แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้งานช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลางได้ดี เพราะเนื้อผ้าเบรคยังไม่แข็งเกินไป ไม่ต้องอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อนส่วนมากจะมีส่วนผสมของโลหะอ่อน หรือวัสดุที่สามารถสร้างแรงเสียดทานเมื่อมีความร้อนสูงได้ดี มีความแข็งปานกลาง เนื้อของผ้าเบรคอาจเป็นสีเงาจากผงโลหะที่ผสมอยู่รถยนต์ทั่วไป ถ้าผู้ขับเท้าขวาหนัก แม้ไม่ได้ตกแต่งเครื่องยนต์ หรือเครื่องยนต์มีพลังแรงสักหน่อย ก็สามารถเลือกใช้ผ้าเบรคเกรด M แทนเกรด S เดิมได้ เพราะยังสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบและทุกช่วงความเร็ว โดยอาจมีจุดด้อยด้านประสิทธิภาพการเบรคในช่วงที่ผ้าเบรคยังเย็นอยู่ใน 2-3 ครั้งแรก และมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคเกรด S เพียง 20-50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เกรดกึ่งแข่ง R-RACING เป็นผ้าเบรคเกรดพิเศษ ซึ่งถูกผลิตเพื่อรองรับรถยนต์สมรรถนะสูงจัดจ้าน-รถแข่ง เหมาะกับการใช้ความเร็วสูง หรือมีความร้อนสะสมที่ผ้าเบรคจากการเบรคถี่ ๆ และรุนแรง เนื้อของผ้าเบรคเกรดนี้มักมีการผสมผงเนื้อโลหะไว้มาก บางรุ่นเกือบจะเป็นโลหะอ่อน เช่น เป็นทองแดงผสมเกือบทั้งชิ้นการใช้งานในเมืองด้วยความเร็วต่ำจำเป็นต้องมีการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน และเบรคหยุดได้ระยะทางยาวกว่าผ้าเบรคเนื้อนิ่มเกรด S-M ส่วนในช่วงความเร็วสูง ร้อนแค่ไหนก็ลื่นหรือไหม้ยาก

ผ้าเบรคเกรดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ยกเว้นรถสปอร์ตหรือรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงจัดจ้านจริงๆ เพราะไม่เหมาะกับการใช้งานด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งลื่นกว่าผ้าเบรคเกรด S อีกทั้งยังมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคเกรด S-M ไม่น้อยกว่า 3-5 เท่าด้วย ในการจำหน่ายจริงมักไม่มีการแบ่งผ้าเบรคเป็นเกรด S-M-R อย่างชัดเจนไว้บนข้างกล่อง ในการเลือกใช้จึงต้องเลือกด้วยการสอบถามระดับของผ้าเบรคในยี่ห้อที่สนใจ ซึ่งมักระบุเพียงว่าผ้าเบรครุ่นนั้นทนความร้อนสูงกว่าอีกรุ่นหนึ่งในยี่ห้อเดียวกันหรือไม่ หรือดูช่วงตัวเลขของค่าความร้อนที่ผ้าเบรคชุดนั้นสามารถทำงานได้ดี เช่น ผ้าเบรคเกรด S-M ทำงานได้ดีตั้งแต่ 0-20 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในขณะที่ผ้าเบรคเกรด R มักมีค่าความร้อนเริ่มต้นที่ 50-100 องศาเซลเซียสขึ้นไป อันหมายถึงการใช้งานในช่วงความร้อนต่ำไม่ดีหรือต้องอุ่นผ้าเบรคก่อนนั่นเอง ควรเลือกเกรดผ้าเบรคให้ตรงลักษณะการใช้งานอย่างรอบคอบ และโดยทั่วไปเกรด M น่าสนใจที่สุด เพราะคงประสิทธิภาพการเบรคช่วงความเร็วต่ำไว้ใกล้เคียงกับเกรด S แต่รองรับความเร็วสูงได้ดีกว่า และราคาไม่แพง ราคามาตรฐานของผ้าดิสก์เบรค 2 ล้อ ( 4 ชิ้น ) เมื่อซื้อนอกศูนย์บริการ เกรด S-M สำหรับรถยนต์เกือบทุกรุ่น ตั้งแต่ซิตี้คาร์ยันรถสุดหรู ไม่แตกต่างกันมากนัก 800-2,000 บาท คือ ราคาพื้นฐาน ส่วนดรัมเบรค 2 ล้อ ไม่น่าเกิน 1,000 บาท การเปลี่ยนผ้าดิสก์เบรคส่วนใหญ่จะเปลี่ยนทั้งชิ้น ไม่ใช่เอาแผ่นเก่าไปลอกและย้ำเฉพาะตัวผ้าเบรคเข้าไปใหม่ แต่ผ้าดรัมเบรค มี 2 ทางเลือก เปลี่ยนทั้งชิ้นฝักเบรคพร้อมผ้าเบรคใหม่ทั้งอันเลย กับนำฝักเบรคเดิมไปลอกผ้าเบรคออก แล้วย้ำหรืออัดผ้าเบรคใหม่เข้าไป ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีหลังกับผ้าดรัมเบรค

น้ำมันเบรค

ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดแรงดันจากแม่ปั๊มตัวบนไปยังกระบอกเบรคทุกล้อ ผลิตจากน้ำมันแร่ สาเหตุที่ไม่ใช้น้ำเปล่าเพราะมีความชื้น เกิดสนิมในระบบได้ง่ายและมีจุดเดือดต่ำ ถ้าของเหลวในระบบเบรคร้อนจัด ก็จะเดือดจนเกิดอาการ VAPOUR LOCK กลายเป็นไอแต่ไม่มีทางออก อยู่แต่ในท่อและพยายามจะดันออก ไม่สามารถถ่ายเทแรงดันได้ตามปกติ มาตรฐานของน้ำมันเบรค แบ่งตามจุดเดือดและจุดเดือดชื้น สาเหตุที่ต้องมี 2 จุดเดือด เพราะในการใช้งานจริง ต้องมีความชื้นจากอากาศและการลุยน้ำแทรกเข้ามาผสมในน้ำมันเบรค จนมีจุดเดือดต่ำลงเรื่อย ๆ โดยมีการแบ่งมาตรฐานของน้ำมันเบรคด้วยตัวอักษรย่อ DOT แล้วตามด้วยตัวเลขเดี่ยว ระบุไว้ข้างกระป๋อง เช่น DOT3, DOT4 มีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นสูงสุดในการใช้งานที่ DOT5 รถยนต์ทั่วไปกำหนดใช้น้ำมันเบรค DOT3-4 แต่ถ้าจะใช้ DOT4 ไว้ก็ดี เพราะไม่มีผลเสียใดๆนอกจากราคาของน้ำมันเบรคที่แพงกว่ากันไม่มาก ส่วน DOT5 นั้นสูงเกินกว่าการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคิดว่าระบบเบรครถยนต์ของตนร้อนมากๆ ก็อาจเปลี่ยนไปใช้ DOT5 ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าตัวน้ำมันเบรคไม่มีการกัดกร่อนลูกยางเบรค เพราะในบางกระแสบอกว่า ถ้าระบบเบรคเดิมกำหนดให้ใช้แค่ DOT3-4 ถ้าเปลี่ยนไปใช้ DOT5 อาจมีปัญหานี้ขึ้นได้ จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนเลือกใช้ การใช้รถยนต์ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรเติมผสมน้ำมันเบรคข้ามรุ่นข้ามยี่ห้อหรือข้าม DOT เพราะถ้าไม่เข้าห้องทดลองทางเคมี จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าน้ำมันเบรคต่างรุ่นต่างยี่ห้อหรือต่าง DOT เมื่อผสมกันจะมีปฏิกิริยาทางลบต่อกันหรือไม่ ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคทั้งระบบทุก 1-1 ปีครึ่ง แม้ไม่มีการรั่วซึม เพราะจะเป็นการไล่ความชื้นที่ผสมอยู่ในน้ำมันเบรคออกจากระบบ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมที่เกิดจากความชื้น ซึ่งจะทำให้ลูกยางเบรครั่วได้ง่าย และจะได้ใช้น้ำมันเบรคจุดเดือดสูง ๆ ต่อไป กรณีนี้มักถูกมองข้าม เพราะถือว่าน้ำมันเบรคยังไม่รั่ว ก็ไม่ต้องทำอะไร ทั้งที่ค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาทและทำได้ตามร้านเบรคทั่วไป

การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรค

มีหลายวิธี หลากระดับ และหลายค่าใช้จ่าย โดยขึ้นอยู่กับพื้นฐานเดิมและระดับของความต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเริ่มจากค่าใช้จ่ายต่ำและง่าย คือ เปลี่ยนผ้าเบรคเกรดสูงขึ้น จาก S เป็น M หรือจาก M เป็น R มีความสะดวก เปลี่ยนได้เลยโดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ แต่ต้องเลือกเกรดผ้าเบรคให้ตรงกับความต้องการและลักษณะการใช้งาน เปลี่ยนเฉพาะตัวดิสก์เบรค ขนาดเท่าเดิม แต่มีเนื้อวัสดุฝืดกว่าเดิม มักมีเฉพาะชุดแต่ง และไม่ครบในรถยนต์ทุกรุ่น ขยายขนาดจานดิสก์เบรคพร้อมคาลิเปอร์-ก้ามเบรคชุดใหม่ มี 3 ทางเลือกหลัก คือ ...

1. ชุดแต่งชื่อดัง ถ้ามีตรงรุ่นก็แทบไม่ต้องดัดแปลง แต่แพง
2. ดัดแปลงจากรุ่นสูงกว่าในรถยนต์ยี่ห้อเดียวกัน และมักเป็นของเก่าเชียงกง ไม่แพงนัก เช่น นิสสัน 200เอสเอ็กซ์ นำชุดเบรคของสกายไลน์มาใส่ หรือโตโยต้า โซลูน่า นำชุดเบรคของ โคโรลล่า เลวินมาใส่ อาจมีการดัดแปลงบ้าง แต่ก็มักไม่ยาก
3. ดัดแปลงข้ามรุ่นกันเลย ยุ่งยาก แต่ไม่เกินความสามารถช่างไทย ยกชุดมาจากรถยนต์รุ่นสูงกว่า คล้ายกับข้อ 2 ในหัวข้อที่แล้ว ( ขยายขนาดดิสก์เบรคพร้อมคาลิเปอร์-ก้ามเบรคชุดใหม่ ) แต่เป็นการยกมาทั้งชุดดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมก้ามเบรค หม้อลมพร้อมแม่ปั๊ม อย่างนี้ไม่ต้องลุ้นอะไรมาก ประสิทธิภาพของเบรคดีขึ้นและล้อไม่ล็อกง่ายแน่ เปลี่ยนจากดรัมเบรคเป็นดิสก์เบรค มักมีการพุ่งความสนใจไปที่การเปลี่ยนจากดรัมเบรคหลังในรถยนต์หลายรุ่น สามารถทำได้ แต่ต้องแน่ใจว่าถ้าทำเฉพาะเบรคหลังแล้วจะไม่ดีไปกว่าเบรคหน้าเดิม ถ้าไม่แน่ใจก็ควรหาวิธีทำให้เบรคหน้าดีขึ้นตามไปด้วย อย่าลืมความยุ่งยากในการดัดแปลงระบบเบรคมือล้อหลังไว้ด้วย ขยายหม้อลม ถ้าไม่มีการเพิ่มขนาดชุดเบรคที่ล้อ ควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ไว้ เพราะหม้อลมใหญ่จะผ่อนแรงในการกดเบรคมากขึ้น ทำให้มีแรงกดที่ผ้าเบรคมากขึ้นในขณะที่ทุกอย่างยังคงเดิม การเบรคแรง ๆ หรือ เบรคบนถนนลื่น ล้ออาจล็อกจนปัดเป๋-หมุนได้ง่าย ถ้าอยากเพิ่มขนาดของหม้อลมจริงก็อย่าเพิ่มมาก หรือเปลี่ยนเมื่อมีการขยายขนาดกระบอกเบรคที่ล้อก่อน เจาะรูดิสก์เบรคเดิมเองเพื่อช่วยระบายความร้อน ควรหลีกเลี่ยง เพราะรูที่เจาะต้องได้ตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ดิสก์เบรคสั่น และเสี่ยงต่อการร้าว เพิ่มจำนวนหรือขนาดคาลิเปอร์-ก้ามเบรคในแต่ละล้อ ถ้าไม่แน่ใจว่าติดตั้งเข้าไปแล้วล้อจะล็อกง่ายก็ไม่ควรทำ เพราะจานเบรคขนาดเท่าเดิมจะร้อนง่าย แรงดันน้ำมันเบรคจากแม่ปั๊มอาจไม่สมดุลกัน เพราะต้องกระจายแรงดันน้ำมันเบรคต่างออกไปจากเดิม เบรค นับเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการจะทำให้รถยนต์ทะยานไปได้ดังใจ แล่นได้แต่หยุดไม่ได้ก็แย่ !


จบแล้วจ้า...

http://www.benzunity.com/forum/index.php?PHPSESSID=f815732e563b1fdd740e8afb3b89c39b&topic=6135.msg31293#msg31293



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.254.45 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 21:59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442086

คำตอบที่ 551
       นับแต่นี้หมายเลขโทรศัพท์เปลี่ยนเครือข่ายได้แล้ว

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ให้ผู้ใช้บริการมีสิทธิใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เดิม เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการ เมื่อผู้ใช้บริการต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการ ฯ ได้โดยเสรี รายละเอียดศึกษาได้จาก

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2552/E/109/1.PDF



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.254.45 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 22:18   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442096

คำตอบที่ 552
       แบบทดสอบชุดที่ 3
เพื่อการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดย จ.ส.ต.สุพจน์ น้อยจีน

คำถามข้อที่ 1 : ในเวลาที่แสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางได้โดยชัดแจ้งไม่น้อยกว่ากี่เมตร ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
(ก) 50 เมตร
(ข) 100 เมตร
(ค) 150 เมตร
(ง) 200 เมตร

คำถามข้อที่ 2 : ประเทศไทยได้กำหนดมาตรการในการตรวจจับผู้ขับขี่ที่เมาสุรา โดยถือเอาระดับแอลกอฮอล์ในเลือด เท่าไหร่ เป็นผู้ขับขี่ที่เมาสุรา
(ก) เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
(ข) เกิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
(ค) เกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
(ง) เกิน 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

คำถามข้อที่ 3 : ข้อใดผู้ขับขี่สามารถแซงได้
(ก) แซงรถบนสะพาน
(ข) แซงรถด้านซ้าย
(ค) แซงรถด้านซ้ายในขณะที่รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
(ง) แซงรถด้านขวาในขณะที่รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา

คำถามข้อที่ 4 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การจอดบริเวณป้ายรถประจำทาง จะต้องจอด
(ก) 10 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง และเลยอีก 2 เมตร
(ข) 15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง และเลยอีก 3 เมตร
(ค) 10 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง และเลยอีก 5 เมตร
(ง) 15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง และเลยอีก 2 เมตร

คำถามข้อที่ 5 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่างจากทางข้ามอย่างน้อย
(ก) 1 เมตร
(ข) 2 เมตร
(ค) 3 เมตร
(ง) 5 เมตร

คำถามข้อที่ 6 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่างจากทางแยกอย่างน้อย
(ก) 5 เมตร
(ข) 10 เมตร
(ค) 20 เมตร
(ง) 30 เมตร

คำถามข้อที่ 7 : การจอดรถ
(ก) จอดห่างจากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 3 เมตร
(ข) จอดบนทางเท้า
(ค) จอดก่อนถึงป้ายรถประจำทาง 10 เมตร
(ง) จอดรถห่างจากทางรถไฟผ่าน 10 เมตร

คำถามข้อที่ 8 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ "ต้องจอด" รถห่างจากทางรถไฟผ่านไม่น้อยกว่า
(ก) 5 เมตร
(ข) 10 เมตร
(ค) 15 เมตร
(ง) 20 เมตร

คำถามข้อที่ 9 : เมื่อจะลดความเร็วของรถ ผู้ขับขี่ให้สัญญาณด้วยมือหรือแขนอย่างไร
(ก) ยื่นแขนขวาออกไปนอกรถระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
(ข) ยื่นแขนซ้ายออกไปนอกรถระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
(ค) ยื่นแขนขวาออกไปนอกรถ ยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน
(ง) ยื่นแขนขวาออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่

คำถามข้อที่ 10 : รถยนต์ที่กำหนดให้ใช้เข็มขัดนิรภัย ผู้ขับขี่และคนโดยสารต้องปฏิบัติอย่างไร
(ก) ผู้ขับขี่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยส่วนคนโดยสารตอนหน้าไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยก็ได้
(ข) ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจะรัดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ก็ได้
(ค) ผู้ขับขี่และผู้โดยสารแถวเดียวตอนหน้ากับผู้ขับขี่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย
(ง) ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดคนใดคนหนึ่ง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.254.45 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 22:20   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442097

คำตอบที่ 553
       แบบทดสอบความรู้ชุดที่ 2
เพื่อการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดย จ.ส.ต.สุพจน์ น้อยจีน

คำถามข้อที่ 11 : ข้อใดเป็นเครื่องหมายจราจรประเภทบังคับ
ก. เครื่องหมายให้ทาง
ข. เครื่องหมายทางโทตัดทางเอก
ค. เครื่องหมายทางโค้งขวา
ง. เครื่องหมายทางแคบด้านซ้าย

คำถามข้อที่ 12 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถชิดขอบทางหรือไหล่ทางในระยะห่างไม่เกินกี่เซ็นติเมตร
ก. 15 เซ็นติเมตร
ข. 25 เซ็นติเมตร
ค. 30 เซ็นติเมตร
ง. 50 เซ็นติเมตร

คำถามข้อที่ 13 : เครื่องหมาย"ขาว-เหลือง" หมายถึง
ก. หยุดรับ-ส่ง ผู้โดยสารได้ชั่วคราว
ข. หยุดรับส่ง-ส่ง ผู้โดยสารไม่ได้
ค. จอดได้ชั่วคราว
ง. ห้ามหยุดห้ามจอด

คำถามข้อที่ 14 : เครื่องหมายจราจรที่เป็นเครื่องหมายสีขาวสลับแดง มีความหมายว่า
ก. ห้ามจอดแต่หยุดได้
ข. ห้ามหยุดห้ามจอด
ค. ห้ามหยุดแต่จอดได้
ง. หยุดรับ-ส่งผู้โดยสารได้ชั่วคราว

คำถามข้อที่ 15 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ตามหลังรถฉุกเฉินอย่างน้อยระยะเท่าใด
ก. 20 เมตร
ข. 30 เมตร
ค. 50 เมตร
ง. 100 เมตร

คำถามข้อที่ 16 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โคมไฟท้ายรถยนต์มีกี่ประเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. 5 ประเภท

คำถามข้อที่ 17 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อบรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถท่านต้องติดธงหรือไฟสัญญาณให้เห็นในระยะไม่น้อยกว่า
ก. 30 เมตร
ข. 50 เมตร
ค. 100 เมตร
ง. 150 เมตร

คำถามข้อที่ 18 : จงบอกสีของไฟสัญญาณจราจรจากข้างบนลงข้างล่าง
ก. แดง-เหลือง-เขียว
ข. เขียว-เหลือง-แดง
ค. เหลือง-แดง-เขียว
ง. แดง-เขียว-เหลือง

คำถามข้อที่ 19 : เมื่อขับรถมาถึงวงเวียนไม่มีไฟสัญญาณจราจร ผู้ขับบี่รถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ให้รถด้านขวาไปก่อน
ข. ให้รถด้านซ้ายไปก่อน
ค. ขับผ่านอย่างช้าๆ
ง. เลี้ยวเข้าวงเวียนไปเลย

คำถามข้อที่ 20 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หากเจ้าของรถไม่เสียภาษีประจำปี ในเวลาที่กำหนด จะต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าไร
ก. ร้อยละ 5 ต่อปี
ข. ร้อยละ 10 ต่อปี
ค. ร้อยละ 20 ต่อปี
ง. ร้อยละ 1 ต่อปี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.254.45 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 22:28   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442102

คำตอบที่ 554
       แบบทดสอบความรู้ชุดที่ 1
เพื่อการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดย จ.ส.ต.สุพจน์ น้อยจีน

คำถามข้อที่ 1 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ข้อใดสามารถจอดรถได้
(ก) 5 เมตร จากทางร่วมทางแยก
(ข) 5 เมตร จากทางรถไฟผ่าน
(ค) 5 เมตร จากสุดเขตปลอดภัย
(ง) 5 เมตร จากปากทางเข้าออกอาคาร

คำถามข้อที่ 2 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทาง ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณให้ผู้ขับขี่รถอื่นเห็นสัญญาณได้ไม่น้อยกว่า
(ก) 30 เมตร
(ข) 50 เมตร
(ค) 60 เมตร
(ง) 100 เมตร

คำถามข้อที่ 3 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อผู้ขับขี่ได้รับใบสั่งสามารถใช้แทนใบขับขี่ได้กี่วัน
(ก) 5 วัน
(ข) 7 วัน
(ค) 15 วัน
(ง) 30 วัน

คำถามข้อที่ 4 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องขับขี่รถห่างจากคันหน้าเท่าไร
(ก) 20 เมตร
(ข) 30 เมตร
(ค) 50 เมตร
(ง) ห่างจากรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่หยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุด

คำถามข้อที่ 5 : สัญญาณไฟจราจร(เขียว เหลือง แดง)เมื่อท่านเห็นสีเหลืองต้องปฏิบัติอย่างไร
(ก) เร่งความเร็วให้ผ่านไปโดยเร็ว
(ข) ชลอรถ
(ค) หยุดรถ
(ง) เตรียมตัวหยุดรถหลังเส้นให้หยุด

คำถามข้อที่ 6 : การหยุดรถต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน หรือสัญาณไฟก่อนหยุดรถอย่างน้อยกี่เมตร
(ก) 10 เมตร
(ข) 15 เมตร
(ค) 20 เมตร
(ง) 30 เมตร

คำถามข้อที่ 7 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามผู้ขับขี่รถแซงรถคันอื่น ที่มีหมอก ฝุ่น หรือควัน จนไม่อาจเห็นข้างหน้าได้ระยะ
(ก) 20 เมตร
(ข) 50 เมตร
(ค) 60 เมตร
(ง) 100 เมตร

คำถามข้อที่ 8 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่างจากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย
(ก) 3 เมตร
(ข) 5 เมตร
(ค) 10 เมตร
(ง) 15 เมตร

คำถามข้อที่ 9 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในการขับรถ ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำเส้นกลางทางเดินรถเว้นแต่
(ก) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 3 เมตร
(ข) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 4 เมตร
(ค) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 5 เมตร
(ง) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 6 เมตร

คำถามข้อที่ 10 : พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การขับรถเพื่อเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาผู้ขับขี่ต้องเลี้ยวเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวไม่น้อยกว่าระยะเท่าใด
(ก) 10 เมตร
(ข) 20 เมตร
(ค) 30 เมตร
(ง) 50 เมตร



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.254.45 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 22:28   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442103

คำตอบที่ 555
       ตัวอย่างการทำงานเมื่อท่อก๊าสขาด

http://www.versusthailand.com/popup.php



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.243.11 อาทิตย์, 20/9/2552 เวลา : 23:54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442146

คำตอบที่ 556
       ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
>
> คนสงสัยว่ารถนายกทำไมต้องติดไฟแดง
> เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนบนถนนแห่งหนึ่งในกทม.มีรถยี่ห้อโตโยต้าสีดำคันหนึ่งได้ขับไปบนถนนเส้นนั้น
โดยในรถคันดังกล่าวมีเพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียงคนเดียว และได้ออกรถไปจนกระทั่งขับมาถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ชายดังกล่าวก็ได้จอดติดไฟ แดงอยู่
> จนมีรถตำรวจคันหนึ่งซึ่งขับนำรถเบนซ์มา ได้บีบแตรไล่รถที่ชายผู้นั้นจอดติดไฟแดงอยู่นั้นให้ถอยไปและรถตำรวจยังได้พูดผ่านไซเรนว่า
>
> "เป็นรถนำขบวนรัฐมนตรีให้รถของชายดังกล่าวหลบไป"
>
> แต่รถของชายผู้นั้นก็ไม่หลบให้จนกระทั่งตำรวจได้ลงจากรถมาที่รถของชายดังกล่าวและเรียกให้ชายผู้นั้นลงจากรถ พอชายผู้นั้นได้ลงมาจากรถ ตำรวจได้เห็นชายคนนั้นถึงกับเป็นลมล้มทั้งยืน
> สร้างความตกใจให้แก่ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ในรถจนต้องวิ่งลงมาดูพร้อมกับรัฐมนตรี
>
> พอตำรวจและรัฐมนตรีมาถึง ทั้งคู่ได้เห็นชายดังกล่าวทั้งตำรวจและรัฐมนตรีได้นั่ง ลงไปกับพื้นทันทีเสมือนกับว่าขาทั้ง 2 ข้าง ได้อ่อนแรงลงไปทันใดและได้เงยหน้ามอง ดูชายซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าตนด้วยอาการตัวสั่น
ชายคนนั้นที่ทั้งคู่ได้เห็นเป็นชายที่มีรูปอยู่บนธนบัตร ซึ่งก็คือ "ในหลวงองค์ปัจจุบัน" ในหลวงได้ทรงตรัสถามรัฐมนตรีและตำรวจติดตามว่า พวกท่านจะรีบไปไหนหรือถึงกับจะต้องฝ่าไฟแดง ข้าพเจ้ายังรอติดไฟแดงได้เลย รัฐมนตรีไม่ตอบได้แต่นั่งตัวสั่นและกราบลงบนพระบาท และในหลวงก็ได้ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีมานั้นก็ได้ทูลว่าให้ข้าพระพุทธเจ้าขับรถนำรถพระที่นั่ง ของพระองค์ไปมั๊ยพุทธเจ้าข้า ในหลวงทรงตรัสว่า เราไม่ต้องให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปเองคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรีเถอะ
และในหลวงก็ได้ทรงขับรถออกไปจากสี่แยกนั้นโดยไม่ได้มีรถตำรวจนำไปแต่อย่างใดเลย

> ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

gungun จาก gun 119.31.48.73 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 23:18   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442448

คำตอบที่ 557
       สวัสดีค่ะ ท่านๆๆๆ ทั้งหลาย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

gungun จาก gun 119.31.48.73 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 23:20   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442449

คำตอบที่ 558
       ทั่นทาน..หายไปไหน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.240.161 อังคาร, 22/9/2552 เวลา : 00:04   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442457

คำตอบที่ 559
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

มังกรไฟ จาก มังกรไฟ 222.123.187.186 พฤหัสบดี, 24/9/2552 เวลา : 09:59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443189

คำตอบที่ 560
       หมายฟามว่า พูดไม่ได้ใช่ป่าวทั่นทาน...
ดูตาเจ้าหมาน้อยสิ ... วิงวอนเชียว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.27.35.206 พฤหัสบดี, 24/9/2552 เวลา : 11:05   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443207

คำตอบที่ 561
       วานสุขแห่งชาติอีกแว๊ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.27.0.68 ศุกร์, 25/9/2552 เวลา : 14:54   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443491

คำตอบที่ 562
       *** บท กลอนของเด็กอัฟริกัน ผู้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก UN ***

Nominated by UN as the best Poem of 2006 - Written by an
A frican Kid

When I born, I black : เมื่อผมเกิด ผมผิว ดำ
When I grow up, I black : เมื่อผมโต ขึ้น ผมก็ยังผิวดำอยู่
When I go in Su n, I black : เมื่อผมอยู่ ใต้แสงแดด ผมก็คงยังผิวดำ
When I scared, I black : เมื่อผมกลัว ผม ก็ผิวดำ
When I sick, I black : เมื่อผมป่วย ผมก็ ยังผิวดำ
A nd when I die, I still black : และ เมื่อผมตาย ผมก็ยังคงผิวดำ

A nd you black fellow : และ คุณ...เพื่อนมนุษย์ผิวขาว
When you born, you pink : เมื่อแรกเกิด คุณมีผิวสีชมพู
When you grow up, you black : เมื่อคุณ โตขึ้น คุณมีผิวสีขาว
When you go in sun, you red : เมื่อคุณ อยู่ใต้แสงแดด คุณมีผิวสีแดง
When you cold, you blue : เมื่อคุณหนาว คุณมีผิวสีน้ำเงิน
When you scared, you black : เมื่อคุณกลัว คุณมีผิวสีเหลือง
When you sick, you green : เมื่อคุณป่วย คุณมีผิวสีเขียว
A nd when you die, you grey : เมื่อคุณตาย คุณมีผิวสีเทา
A nd you calling me colored?? : และทำไมคุณเรียกผมว่า คนผิวสี ??



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.24.12.88 เสาร์, 26/9/2552 เวลา : 23:42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443792

คำตอบที่ 563
       สวัสดีชาว อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

fourwheels จาก The - may 115.67.16.76 เสาร์, 26/9/2552 เวลา : 23:50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443797

คำตอบที่ 564
       สวัสดีหนุ่มๆชาว อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ ไกล้แล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

polkrang.jeep จาก ไก่แจ้ 117.47.155.167 จันทร์, 28/9/2552 เวลา : 07:56   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 443977

คำตอบที่ 565
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

มังกรไฟ จาก มังกรไฟ 117.47.193.10 จันทร์, 28/9/2552 เวลา : 23:12   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444197

คำตอบที่ 566
       ทั่นทาน...ไม่พูดอะไรบ้างเหรอ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 125.27.38.37 จันทร์, 28/9/2552 เวลา : 23:52   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444199

คำตอบที่ 567
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wasan1983 จาก Mr.TaN 125.27.77.148 อังคาร, 29/9/2552 เวลา : 13:03   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444301

คำตอบที่ 568
       เจอตัวแล้ว เมื่อเสาร์ที่แล้วไปทำมาหากินอยู่แถวรีสอร์ทชายทะเล





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ZDee จาก ZDee 125.27.32.224 อังคาร, 29/9/2552 เวลา : 13:21   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444307

คำตอบที่ 569
       รายได้ดีเปล่าเน้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

polkrang.jeep จาก ไก่แจ้ 222.123.247.70 อังคาร, 29/9/2552 เวลา : 15:40   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444345

คำตอบที่ 570
       โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย มีคนแอบดู

ท่านเลขาเป็นไงบ้างหนอ ข่าวว่าสันนี้เวลาดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

บักหำบักหำ จาก บักณัฐ 117.47.25.93 อังคาร, 29/9/2552 เวลา : 21:59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 444438

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 19 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  
21  22  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอังคาร,16 เมษายน 2567 (Online 3099 คน)