คำตอบที่ 32
       2.5 เหลี่ยมเค้าดีจริง ๆ วิ่งเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ถูกใจยกมือสนับสนุนอีกคนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       เพิ่งจัดการชุดครัชไป เริ่มจากเหยียบครัชแข็งกว่า เกียร์เข้ายากบางครั้งต้องดับเครื่องแล้วเข้าเกียร์รอไว้ ถอดออกมาสาเหตุเกิดจากอาการหวีครัชสปริงล้า ไม่ยอมจากกัน

ดีที่ของเก่ายังไม่ได้ขายไป แล้วตกลงทำยังไงไปน้า จาก : mork(mork) 24/1/2554 23:31:01 [124.122.52.70] น้าโรจน์เรื่องครัชว่าไง หวีเอาของเดิมมาดัดได้ป่าว จาก : plum(plum) 25/1/2554 7:37:46 [223.207.100.123] ผมเอาชุดสีส้มยัดไปก่อน พอดีแผ่นยังใช้ได้ พร้อมกับฟลายวีลด้วย จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 9:43:30 [124.120.213.65] ของพี่ปล้ำคงอัดแบบเพิ่มทองแดง แต่ยังไม่ได้ไปทำให้เลย จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 9:44:55 [124.120.213.65] ส่วนหวีล้า หรือไม่ตอนถอดออกมาใ ห้ประกอบแล้วลองกดด้วยเครื่องเจาะสว่านดู จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 9:46:33 [124.120.213.65] จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจน จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 9:47:44 [124.120.213.65] น้าโรจน์ ครอบครองหวีไว้เยอะแยะเชียว คลัททองแดง ต้องหวี 2อันนะน้า จาก : อุดมจด.(jeep1911) 25/1/2554 10:36:23 [203.150.200.254]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       พี่หมูป่า สตาร์ทรึยังเพ่ ส่งข่าวกันหน่อย

รอฟังข่าวเช่นกัน จาก : pandjeep(pandjeep) 25/1/2554 10:20:56 [118.175.130.134] ลองสตาร์แล้วครับ( แก็สนะ)ถังน้ำมันยังไม่ได้ล้าง จูลแล้วเครื่องไม่นิ่งเลยให้ช่างถอดหังเทียนออกมาเช็คน จาก : moopa(moopa) 25/1/2554 10:40:54 [223.206.119.186] ถอดหัวเทียนออกมาเช็คน้ำเพียบเลยทำความสะอาดแล้วก็เปลี่ยนหัวเทียนใหม่เลย จาก : moopa(moopa) 25/1/2554 10:43:27 [223.206.119.186] แบบว่าเสียงมันดุสุดยอดว่ะหมอก จาก : moopa(moopa) 25/1/2554 10:48:08 [223.206.119.186] ดุดุ แบบนี้แล้วใครจะกล้าเข้าไกล้ล่ะทั่น :) จาก : อุดมจด.(jeep1911) 25/1/2554 11:47:38 [203.150.200.254] จับไปปล่อยแถวๆนางหย่องหน่อยยย...จะตามไปดู จาก : อุดมจด.(jeep1911) 25/1/2554 11:48:27 [203.150.200.254] ไปด้วยกันหรือป่าวพี่ดม(ล้างตาน่ะ) จาก : moopa(moopa) 25/1/2554 20:43:41 [125.27.76.215] ลูกตามีอยู่กันแค่คนละสองลูก ล้างกันไม่รู้จักเสร็จ......เอาอีกๆๆๆๆๆ จาก : อุดมจด.(jeep1911) 26/1/2554 22:01:37 [58.9.116.231]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       ของผมนานๆเข้าเกียถอยยาก ถึงกับเข้าไม่ได้ทุกเกียต้องดับเครื่องพัก เปีนหลังเข้า โฟโลนะ เปลี่ยนคลัชเมื่อ 6 ปีที่แล้วอะ ถามเพื่อนเจ้าของเก่าบอกว่าน่าจะเป็นที่สปริงหวี น่าจะอาการเดียวกับน้าโรจ ยังไงก้อแถลงไขหน่อยนะ thank

ของผมสปริงตรงหวี พอกดลงมันไม่ค่อยเด้งคืน ทำให้แผ่นครัชมันไม่จากกัน จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 9:50:05 [124.120.213.65]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
       ยกครัชชุดหนึ่งประมาณเท่าไร

มีหวีครัช ลูกปืนกด ลูกปืนปลายเกียร์ แผ่นครัช ของใหม่ทั้งหมดน่าจะมี 10 พัน จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 10:01:52 [124.120.213.65] เห็นสมาชิกเคยทำ แท้ ไหม่ ยกชุด ค่าแรง หมื่นกลางๆ จาก : มะกัน(มะกัน) 25/1/2554 10:08:13 [223.207.20.28] เปลี่ยนเฉพาะตัวที่เสียก้ได้ใช่ไหมรับถามไว้ก่อนมีอาการแปลก ๆ เกียร์ 1 กับเกียร์ถอยบางครั้งเข้ายาก จาก : pandjeep(pandjeep) 25/1/2554 10:17:25 [118.175.130.134] จะเป็นตอนเครื่องร้อนๆๆ จาก : pandjeep(pandjeep) 25/1/2554 10:18:22 [118.175.130.134] เท่าที่รู้ ลูกปืนปลายเกียร์ 700 ลูกปืนกดมี2 ราคา 2พันกว่ากับ3พันกว่า แผ่นอัดใหม่ได้ จาก : rotee(rotee) 25/1/2554 10:31:06 [124.120.213.65] หนึ่งกับถอย เข้ายากตอนเครื่องร้อน เป็นที่ลูกปืนปลายเกียร์ ที่ฝังอยู่ใน Flywheel ครับ จาก : อุดมจด.(jeep1911) 25/1/2554 10:33:28 [203.150.200.254] พี่อุดมจดครับ ลูกปืนหาซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไปเลยใช่ไหมครับ จาก : pandjeep(pandjeep) 25/1/2554 19:21:57 [180.180.42.186] ยังไม่มีใครลองเทียบ ที่แน่ๆก็ไพศาลกิจ และในลิสต์ร้านอะหลั่ยจี๊ปทั่วไป 660-700 ครับ บวกค่ายกเกียร์ จาก : อุดมจด.(jeep1911) 25/1/2554 22:35:08 [58.9.112.92]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
       สวัดดีครับน้าหมู และพี่่ ผมก็น้องใหม่ครับ 2.5โฉมมลยกพอประมาณ หน้าหลังสูง 75 cm ไม่รู้กี่นิ้ว ยาง 31นิ้ว วิ่งไม่เกินร้อยเพราะมีalarmอยู่ข้างๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
       เกียร์ 1 กับเกียร์ถอยเข้ายาก โจทย์คือ ลูกปืนปลายเกียร์ครับพี่
อาการอื่นที่เคยเป็นมา ก็เหยียบครัชแล้วคราง ก็ลูกปืนกด ส่วมสปริงครัชหักต้องให้น้าโรจน์มาระบุอาการ

ผมยกครัชทำแบบประหยัด ผ้าครัชหมดก็เอาแผ่นเดิมไปอัด หวีเดิมยังไม่ล้า ก็ใช้ไปก่อนได้ หมดค่าของค่าแรง 5000 รวมเปลี่ยนลูกยางปั๊มล่าง tfr ไล่น้ำมันครัช น้ำมันเกียร์ แต่งหวี ล้างหน้าฟายวีล อู่แถวบ้าน
ครั้งหน้าว่าจะเปลี่ยนหวีใหม่

สมาชิกที่ยกชุดหมื่นกลางคนนั้นนี่ผมรู้จักดีใช่ม๊ะพี่ต้น

สวัสดีคุณไก่ 2.5 เฟืองเดิม ยาง 31 วิ่งไม่เกิน 100 นี้ประหยัดดีครับ ออกตัวแบกยางหน่อย แต่วิ่งลอยๆรอบเบากว่าปกติ สูง 75 ผมว่าน่าจะประมาณ 4 นิ้ว
เอาลิ้งมาฝากสำหรับโฉมมนที่โป่งซีด สีนี่เลยครับ แจ่ม ได้พื้นผิวขรุขระเกือบเปลือกส้ม แต่ต้องเตรียมชิ้นงานดีๆก่อนพ่น
อันนี้สีพ่น http://www.mipathai.com/product-th-266046-1172618-น้ำยาพ่นกันชนและชิ้นส่วนพลาสติก+Mipaflex+Bumper+Paint.html
อันนี้น้ำยายึดสีกะพลาสติก http://www.mipathai.com/product-th-213269-2539085-น้ำยาพ่นเกาะพลาสติกก่อนพ่นสีพื้นแบบสเปรย์+Mipa+Kunststoffprimer+aerosol.html
งบ 1500 นิดๆ น้ำยายึด 1 สี 3 กระดาษทราย ค่าแรงตัวเอง กาว 3 mหน้า 1cm 1 ม้วน สำหรับกาบข้าง ส่วนค่าแรงตัวเอง ฟรี ทำเองก็สนุกดีครับ ผมทำ 2 วันเสร็จ รื้อ พ่น ประกอบ

ขอบคุณครับพี่หมอก กระจ่างเลย จาก : pandjeep(pandjeep) 25/1/2554 19:20:47 [180.180.42.186]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       โทรคุยกันตั้งหลายครั้งนะพี่ kai พึ่งจะได้เห็นรถพี่วันนี้เอง

ขอบคุณครับ k.หมอก กำลังหาอย จาก : kai(sakai) 25/1/2554 11:06:56 [125.27.82.163] ว่าไปนั้นน้าหมู สมาชิกเก่าแก่ จาก : kai(sakai) 25/1/2554 11:08:07 [125.27.82.163]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
       วันนี้ขับรถมาจากนครพนมมาหนองคาย วิ่ง100 กม/ชม ประหยัดกว่าวิ่ง 120 เยาะเลย ปกติค่าแก๊ส 500 บาท วันนี้ 400 บาทเอง เซฟทั้งรถ , คน , แก๊ส และเงินในกระเป๋า

ขับไม่เกิน 3000 รอบ ประหยัดแน่ครับ เหลือรอบไว้แซงด้วย จาก : mork(mork) 25/1/2554 21:00:20 [124.122.51.86]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
       ผมเรียน ป.โท ที่มหาลัยราม อาจารย์ให้เขียนบทความส่ง 3 หน้า ผมจึงเขียนบทความ
ทำไมจึงเลือก Jeep Cherokee 2.5

รถยนต์นั่งส่วนบุคคล แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ รถกระบะตอนเดียว รถกระบะแคบ รถกระบะสี่ประตู รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถเก๋ง ซึ่งรถกะบะจะมีวัตถุประสงค์ในการขนส่งสินค้าเป็นหลัก รถกระบะสี่ประตู จะเป็นรถที่มีวัตถุประสงค์ในการนั่งโดยสารและขนสินค้าไม่มาก และสำหรับรถยนต์เอนกประสงค์ จะมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยว เพราะสามารถบรรทุกคนได้มาก รถยนต์แต่ละประเภทจะมีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 2wd กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4 wd โดยมีวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกัน รถยนต์ขับเคลื่อน 2 wd จะเป็นรถที่วิ่นบนถนน เป็นหลัก ส่วนรถยนต์ 4 wd จะเป็นรถที่วิ่งบนถนนและทางทุรกันดาร สำหรับผมประกอบอาชีพขายคอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งจะต้องเดินทางไปติดต่อลูกค้าตามโครงการก่อสร้างต่าง ๆ บางครั้งจะต้องเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ หนองคายเป็นประจำ รวมทั้งจะต้องไปยื่นซองประมูลงานก่อสร้างต่าง ๆ ดังนั้นผม รถที่ผมจะเลือกเป็นรถเอนกประสงค์ หรือ suv เพราะจะดูภูมิฐาน เหมาะสำหรับในการเดินทางไกล และจะต้องเดินทางไปโครงการก่อสร้างต่างๆ ดังนั้นจึงต้องเป็นรถประเภทขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเหมาะที่จะเดินทางบนทางทุรกันดานได้ ซึ่งรถยนต์ยี่ห้อ jeep 2.5 เป็นรถที่ผมเลือกใช้ ผมจะอธิบายให้ทราบดังนี้
เรื่องราวของ JEEP เริ่มต้นในปี 1940 เมื่อกองทัพของสหรัฐอเมริกาต้องการรถยนต์เอนกประสงค์ สำหรับการใช้งานทั่วไปในราชการทหาร จึงประกาศให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ เข้าประมูล โดยทางกองทัพต้องการรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับผู้โดยสาร 3 คน เครื่องยนต์มีกำลังไม่น้อยกว่า 40 แรงม้า ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 50 ไมล์ต่อ ชั่วโมง ฐานล้อกว้าง 75 นิ้ว สูง 36 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 1,200 ปอนด์ กระจกหน้าพับได้ พร้อมติดตั้งปืนกลขนาด .30 คาลิเปอร์ ปรากฏว่าทางอเมริกัน แบนตั้ม เป็นผู้ออกแบบ และได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ผลิต ด้วยการส่งมอบแบบรูปตัวอย่างได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด แม้จะมีน้ำหนักและส่วนเกินกว่ากำหนดก็ตาม รถยนต์ต้นแบบจาก อเมริกัน แบนตั้ม ได้ทำการทดสอบ ในวันที่ 23 กันยายน 1940 เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ 3 จังหวะ ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 45 แรงม้า ฐานล้อกว้าง 79 นิ้ว น้ำหนักรวม 730 ปอนด์ ความสำเร็จของอเมริกัน แบนตั้ม ในครั้งนี้ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มอีก 1,500 คัน ต่อมา ฟอร์ด และ วิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มีโอกาสได้ผลิตเช่นกัน โดยได้รับแบบพิมพ์เขียวของรถ ซึ่งขณะนั้นเป็นสมบัติของรัฐ และนับเป็นความโชคร้ายของอเมริกัน แบนตั้ม เมื่อกองทัพเลือกให้วิลลี่ให้เป็นผู้ผลิตหลัก และ ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรอง เนื่องจากอเมริกันแบนตั้มไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพอที่จะผลิตได้ทันตามกำหนดในระหว่างสงคราม ทางวิลลี่ จึงถือโอกาสโฆษณาว่าเป็นผู้ออกแบบรถ JEEP หลังสงครามรถ JEEP กลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมไปโดยปริยาย วิลลี่ไม่เสียเวลาแม้แต่น้อยรีบออกแบบ และผลิตรถยนต์สำหรับพลเรือน ในรูปแบบต่าง ๆ ในสายการผลิตของ CJ ตั้งแต่ CJ-2A, CJ-3A, CJ-5, CJ-7 และ SCRAMBLER ต่อมาในปี 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ ( Kaiser Frazer) ได้ซื้อวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ แต่บริษัทก็ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ จวบจนปี 1963 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Kaiser Jeep International Corporation ปี 1970 ก็ถูกขายให้กับบริษัท American Motor Corporation (AMC) ในปี 1980 ก็มาถึงยุคของ CJ-8 / SCRAMBLER ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ทางบริษัท AMC จึงได้พัฒนา COMPACT SIZE ในชื่อ XJ/CHEROKEE ในปี 1984
Jeep Cherokee 2.5 Sport เป็นรถเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 2,464 ซีซี หัวฉีดอีเล็คโทรนิคมัลติคอยท์ แรงม้าสูงสุดที่ 125 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อวินาที แรงบิดสูงสุดที่ 150 ฟุตต่อปอนด์ ที่ 3,500 รอบต่อวินาที ใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว เครื่องกรองไอเสียชนิด 3 ทาง พร้อมออกซิเจนเซ็นเซอร์ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าชนิด Quadra-Link , คอยสปริง คานแข็ง เหล็กกันโครง โช๊คอัพก๊าซ ระบบกันสะเทือนหลังชนิดคานแข็ง, แหนบ ระบบเบรก ด้านหน้าดิสเบรก ด้านหลังดั้มเบรก พร้อมหม้อลมช่วยเบรค ระบบพวงมาลัย มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง รัศมีวงเลี้ยว 5.4 เมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time น้ำหนักรถ 1,500 กิโลกรัม
ในเรื่องของเครื่องยนต์ Jeep Cherokee 2.5 เมื่อเทียบกับรถ Mitsubishi Pajero Sport เครื่อง 2,477 ซีซี มี 140 แรงม้า ที่ 4000 รอบ ต่อนาที แรงบิดที่ 321 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,945 กิโลกรัม ส่วนรถHonda Crv เครื่องยนต์ 2,354 ซีซี มี 170 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อวินาที แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน ที่ 4,200 รอบต่อวินาที มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,535 กิโลกรัม ซึ่งถือว่า Jeep Cherokee 2.5 และถือว่ามีแรงม้าและแรงบิดน้อยที่สุดในบรรดา แต่ในความเป็นจริงใช่ว่าแรงม้ามาก จะดีกว่าแรงม้าน้อย ต้องคำนึงถึงน้ำหนักของรถด้วย เพราะถ้าหากแรงม้าเท่ากัน น้ำหนักของรถมาก แต่เมื่อเทียบน้ำหนักรถต่อจำนวนแรงม้าที่เครื่องยนต์ผลิตมา Jeep Cherokee 2.5 เท่ากับ 12 กิโลกรัมต่อแรงม้า รถ Mitsubishi Pajero Sport เท่ากับ 13.89 กิโลต่อแรงม้า Honda Crv เท่ากับ 9.03 กิโลกรัมต่อแรงม้า Jeep Cherokee 2.5 เป็นรองเพียง Honda Crv เท่านั้น
ลักษณะของรถ Jeep Cherokee 2.5มีความกว้าง 179 เซนติเมตร ความยาว 429.8 เซนติเมตร ความสูง 161 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.4 เมตร ส่วนรถ Mitsubishi Pajero Sportมีความกว้าง 181.5 เซนติเมตร ความยาว 469.5 เซนติเมตร ความสูง 184 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.6 เมตร และ Honda Crv มีความกว้าง 182 เซนติเมตร ความยาว 452.9 เซนติเมตร ความสูง 167.9 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.5 เมตร ซึ่งเมื่อขับในเมืองจะต้องดูความกว้างและความยาวของรถ และรัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด จะเห็นได้ว่า Jeep Cherokee 2.5 มีขนาดเล็กที่สุด รองลงมาก็คือ Honda Crv และMitsubishi Pajero Sport มาเป็นอันดับสุดท้าย ดังนั้นหากการใช้งานในเมือง Jeep Cherokee 2.5 เหมาะที่สุด และเมื่อนำรถทั้งสามยี่ห้อไปขับนอกเมืองจะต้องดูที่ความกว้างและความสูงของตัวรถ โดยนำความสูงหารด้วยความกว้าง เมื่อหารแล้วรถคันใดได้ค่าน้อยที่สุดจะเป็นรถที่ขับนอกเมืองดี เพราะเมื่อขับรถนอกเมือง รถจะใช้ความเร็วสูง หากรถที่มีฐานล้อกว้างและความสูงน้อยก็จะทำให้รถใช้ความเร็วได้สูง เช่นรถแข่งF-1 รถจะมีความกว้างมาก ความสูงจะน้อย เมื่อนำค่าสูงมาหารด้วยความกว้าง ค่าที่ออกมาจะน้อย ดังนั้น ผลลัพธ์ของรถ Jeep Cherokee 2.5 มีค่าน้อยที่สุดมีค่าเท่ากับ 0.9 รองลงมาคือ Honda Crv มีผลเท่ากับ 0.92 และรถMitsubishi Pajero Sport ซึ่งมีผลเท่ากับ1.01 ดังนั้นเมื่อขับนอกเมืองแล้ว รถ Jeep Cherokee 2.5มีสมรถนะการเกาะถนนดีที่สุด
หากวิ่งบนทางออฟโรดแล้ว Jeep Cherokee 2.5 ดีที่สุด เพราะ Honda Crv มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แบบเม็ดเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระแบบดับเบิ้ลวิชโบเหล็กกันโครง ไม่มีเหล็กหุ้มเพลาในแต่ละล้อ ซึ่งหากวิ่งในทางออฟโรดแล้ว ดินจะทำให้ระบบเพลาขับเคลื่อนเสียหายมาก และเมื่อเป็นระบบอิสระจะทำให้การขับเคลื่อนในทางออฟโรดไม่ดีเท่าที่ควร ส่วน Mitsubishi Pajero Sport ระบบขับเคลื่อนแบบsuper select 4wd มีโหมดขับเคลื่อนแบบ 2wdและ 4wd ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนบริเวณด้านหลังเป็นระบบความแข็งพร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างด้านหน้าจะเหมือนกับ Honda Crv จะไม่ทนเท่าใดเมื่อถูกดินและโคลน แต่ส่วนด้านหลังเป็นระบบ คานแข็ง ทำให้เพลาขับถูกหุ้มด้วยเหล็กมีผลทำให้มีความคงทนมาก และ Jeep Cherokee 2.5มีโหมดขับเคลื่อนแบบ 2wdและ 4wd ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบคานแข็ง พร้อมคอยสปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานแข็ง แหนบ เหล็กกันโคลงและโช๊กอัพก๊าส เพลาขับออกไปแต่ละล้อนั้นจะถูกหุ้มด้วยเหล็ก ทำให้เวลาวิ่งทางออฟโรด เพลาขับจะไม่ถูกดินและโคลน ทำให้มีความคงทนและสามารถใช้งานนานขึ้น นอกจากนี้ การวิ่งในทางออฟโรดจะต้องนำคุณสมบัติในเมืองและการวิ่งนอกเมืองมารวมกัน การวิ่งทางออฟโรดอาจมีทางเลี้ยวที่แคบ รถที่มีขนาดเล็กย่อมเลี้ยวได้ง่ายกว่า รถที่มีขนาดใหญ่ หรือบางครั้งจะต้องวิ่งทางเอียง รถที่มีความสูงน้อยย่อมวิ่งได้ดีกว่ารถที่มีความสูงมาก ซึ่งรถ Jeep Cherokee 2.5 ซึ่งมีลักษณะเด่นตามที่กล่าวมา ดังนั้น Jeep Cherokee 2.5 จะได้เปรียบในเรื่องของทางออฟโรดอีกเช่นกัน
ในปัจจุบัน ศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อ Mitsubishi มีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการของ Hondaมีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เช่นกัน แต่ศูนย์บริการของ Jeep ในประเทศไทยได้ปิดตัวลงเมื่อปี 2550 จึงมีปัญหาในเรื่องของอะไหล่และการซ่อมบำรุง ซึ่งทำให้เสียเปรียบรถยี่ห้ออื่น แต่ปัจจุบันมีเครือข่ายการสื่อสาร มีความสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดชมรมของผู้ใช้รถ Jeep มีชื่อว่า Jeep unity club ชมรม Jeep unity club จะอยู่ในเวปไซด์ WWW.thailandoffroad.com ซึ่ง ชมรม Jeep Cherokee 2.5ได้ก่อ ต้นปี 2544 ชมรม Jeep Unity Club เริ่มต้นมาจากสมาชิกที่ใช้รถ Jeep ซึ่งเข้ามาใช้บริการหาข้อมูลและท่องเที่ยวกับเพื่อนๆในกลุ่ม weekendhobby.com/offroad เป็นการรวมตัวกันของเพื่อนๆที่ใช้รถ Jeep โดยเริ่มต้นมีกันประมาณ 10 คันและตั้งเป็นกลุ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านต่างๆเช่น การซ่อมบำรุงรักษารถ หาแหล่งท่องเที่ยว จัดกิจกรรมการกุศล เป็นต้น ต่อมาไม่นานได้มีสมาชิกเข้ามาพบกลุ่มเราบนอินเตอร์เน็ตผ่านทางเวปบอร์ด และขอร่วมเป็นสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงตัดสินใจที่จะใช้ชื่อ "ชมรม" นำหน้า แทนคำว่า"กลุ่ม" เพื่อความสะดวกในการจัดกิจกรรมต่างๆ และชมรมยังเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งเชิญชวนสมาชิกที่ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต มาร่วมกัน เพื่อรวบรวมกลุ่มผู้ใช้ Jeep ทุกสาขาอาชีพ ทั่วประเทศ หรือแม้แต่ท่านที่เคยใช้ Jeep หรือ ท่านที่สนใจในเรื่อง Jeep เข้ามารวมกัน และมีแนวคิดในทางเดียวกัน
จากการพูดคุยกันทางเวปบอร์ด ทำให้ทราบว่า อะไหล่Jeep สามารถเทียบเอาของรถญี่ปุ่นมาใช้แทนได้ เช่น สวิทต์ไฟถอย ใช้ของToyota mighty x , ไดสตาร์ท ใช้ของ Mitsubishi lancer} กรองน้ำมันเครื่องของToyota d4d , โคมไฟหน้า ใช้ของ Toyota mighty x ,ปั๊มครัชบน – ล่าง ใช้ของ Toyota mighty x , บูชคันเกียร์ ใช้ของ Toyota mighty x , โบวเออร์แอร์ ใช้ของ Nissan cefiro ,อะไหล่เกียร์ ใช้ของToyota mighty x และร้านอะไหล่ที่จำหน่ายของ Jeep ได้แก่ ร้านไพศาลกิจ 02-223-8269,02-222-2524 , กิจพรชัยพาณิชย์ 02-2233377,022236462 , ภาณุภัทร์ 02-2253664-6,022254612-3 , รัตนยนต์ 02-2215431,02-2237237 ,ไทยถาวรมอเตอร์ 02-2214435,02-2235902,02- 6224537-8,026225951
จากข้อมูลเรื่องอะไหล่แล้วเห็นว่า Jeep Cherokee 2.5 สามารถหาอะไหล่ ได้ง่าย หาซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไป หากจะซื้ออะไหล่ของ Jeep โดยตรงก็สามารถสั่งซื้อตามร้านข้างต้นได้ และเมื่ออะไหล่ส่วนมาจะเป็นของรถกระบะที่ใช้อยู่ในประเทศไทย อู่ทั่วไปจึงสามารถซ่อมรถ Jeep Cherokee 2.5 ได้ เพียงแต่ท่านจะต้องมีข้อมูลต่างๆ ไว้ให้อู่เขาดู ซึ่งก็เหมือนกับคู่มือรถที่จะต้องมีติดรถทุกคัน แต่สำหรับ Jeep จะมีคู่มือพิเศษคือ คู่มืออะไหล่ทดแทน เพราะตามรถยี่ห้ออื่นก็ไม่มีคู่มือตรงนี้ให้เหมือนกัน ผู้ใช้รถต้องศึกษาเอาเอง นอกจากนี้ Jeep unity club ยังโครงการพึ่งพาเพื่อนยามฉุกเฉิน รถเสีย ถามเพื่อน ถามช่าง เรียกรถยกรถลาก ซึ่งจะมีสมาชิกที่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกด้วยกันทั่วประเทศ ยกตัวอย่างเช่น รถเพื่อนสมาชิกเสียอยู่ในปั้ม ปตท. แถว เถิน ก็ได้เพื่อสมาชิกช่วยเหลือจนทำให้สามารถเดินทางต่อไปได้
จากข้อมูลที่ได้ศึกษามาทำให้ผมติดว่า รถเอนกประสงค์ที่ดีที่สุด คือ Jeep ทั้งในเรื่องสมรถนะ ความแข็งแรง ทนทาน ขับสบาย และยังคงความสามารถที่จะวิ่งไปไหนต่อไหนได้ที่ไม่มี ถนนก็ไปได้อย่างไม่มีใครเทียบได้ Jeep ซึ่งมีคุณสมบัติสอดคล้องกับความต้องการของคนเรา ซึ่งสามารถปีนเขา ลง ห้วย ในป่า ไปได้ทุกสภาพถนนซึ่งรถยี่ห้ออื่น ไม่สามารถทำได้ Jeep ทำได้และสะดวกในการใช้งานแบบลุย ๆ ก็จะมีชมรมJeep เกิดขึ้น รวมทั้งชื่อเสียงที่เป็นรถประจำการของกองทัพสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้การบำรุงรักษาที่สามารถนำอะไหล่ของรถยี่ห้ออื่นมาใช้แทนกันได้ มีชมรมซึ่งให้ข้อมูลทางด้านเทคนิคต่างๆ มีเพื่อสมาชิกผู้รักในรถ Jeep คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ทั่วประเทศ จนทุกคนในชมรม Jeep unity club พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้ Jeep ได้ทั้งรถและได้ทั้งเพื่อน

สถาบันเดียวกัน (รามนาแก)....รม. รุ่น 7 ครับ..อาการรถคล้ายกัน แก้หายหรือยังครับ จาก : wattmant(wattmant) 29/1/2554 19:21:44 [223.206.233.34] ขออนุญาตนำข้อมูลมาเก็บไว้นะครับ ผมเรียนป.โท MBA รามคำแหงเหมือนกันครับ จบแล้ว ใช้ j 2.5 เหมือนกัน จาก : tawan(tawan) 21/1/2555 0:09:13 [223.206.110.166]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       พี่หมอกลอกข้อมูลบนกระทู้อย่าว่ากันนะ เพื่อการศึกษาของน้อง ๆ

ยินดีครับ จาก : mork(mork) 25/1/2554 22:00:28 [124.122.51.86]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 43
       โฮ..JeeP มันน่าใช้อย่างนี้นี่เอง ขอบคณ K.pandjeep

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 44
       ผมกะลังหาเสื้อคานหลัง 2.5 เดิมๆ เอาแต่เสื้อคานปล่าวๆ ใครเจอวางไว้อยู่ไหนรบกวนแจ้งด้วยครับ

มีวางแถวๆร่มโพ พร้อมเฟือง456 1 เส้น พร้อมซ่อม เพลาเป็นรอยนิสหน่อย ซีลรั่ว 1 ข้าง หลังตุษจีนคอนเฟิร์ม จาก : อุดมจด.(jeep1911) 26/1/2554 22:04:12 [58.9.116.231] ของเก่าคดเหรอครับ จาก : pandjeep(pandjeep) 27/1/2554 13:52:28 [180.180.114.97] จะเอาแต่เสื้อคานอ้ะพี่ จะเอาไปปาดโปด จาก : mork(mork) 27/1/2554 23:38:40 [115.87.48.68]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 45
       ไม่มีใครเสียกันเลยหรอ เงียบเชียว

ส่วนไหญ่จอดซะมากกว่า เลยไม่ค่อยมีอาการป่วย ตอนนี้ lpg เพียวๆ no แกสโซลีน จาก : มะกัน(มะกัน) 28/1/2554 11:40:49 [223.207.16.78]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 46
       ออกทริปจังหวัดไหนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 47
       น้องใหม่อยู่มุกดาหารครับ เพิ่งได้ 2.5 โฉมมล มาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ขับได้ประมาณ 1 อาทิตย์ เจอปัญหาเข้าเกียร์ยาก เกียร์ 1 ,2 กับ เกียร์ถอย เข้าอู่ช่างบอกปั้มครัชรั่ว(น้ำมันครัชเกือบแห้ง) แปลง tfr ทั้งบน/ล่าง แรกๆ ก็ดีขึ้น หลังๆ มา เป็นเหมือนเดิมครับ เคยสังเกตุจะเป็นตอนเครื่องร้อน แต่ตอนนี้ ตอนเช้าเครื่องเย็นก็เป็นครับ และเริ่มเข้ายากทุกเกียร์(เฉพาะตอนรถจอด ตอนออกตัวไปแล้ว เกียร์ 3-4-5 เข้าได้ปกติ) จากที่ได้อ่านข้อมูลในนี้ คิดว่าลูกปืนปลายเกียร์ น่าจะเกี่ยว แต่ตอนนี้สงสัยว่า......

1.ถ้ามีปัญหาเฉพาะลูกปืนปลายเกียร์ ตอนเครื่องเย็นเข้ายากไหม /เกียร์อื่นๆ เข้ายากหรือเปล่า(เพราะแรกๆ ตอนออกตัวถ้าเข้าเกียร์1,2,ถอยยาก ผมจะเข้าเกียร์อื่นๆก่อน แล้วค่อยโยกมาที่ เกียร์1-ถอย ซึ่งแต่ก่อนมันก็นุ่มนวลดี ตอนนี้มันจะเริ่มไปด้วยกันแล้วครับ)
2.เกี่ยวกับหวีครัชหรือเปล่า
3.ดูจากอาการแล้วถ้าผมจะยกชุดคลัชพร้อมกันจะเกินกว่าเหตุไหม(กัดฟันยกลงครั้งเดียว)
4.เฉพาะค่าแรงประมาณเท่าไหร่

รบกวนพี่ๆน้าๆครับ



รัก..กิจกรรมตกปลา
ชอบ..การขับ jeep ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 48
       ข้อ 1 เครื่องเย็นก็เข้ายากครับ แต่เนร์อื่นไม่ค่อยมีปัญหา
ข้อ 2 ผมว่าก็น่าจะมีสวนนะครับ น้าโรจน์เพิ่งเป็นมาเหมือนกัน
ข้อ 3 ถ้าทราบประวัติ ว่ายกครัชครั้งล่าสุดเมือไหร่ แล้วเจ้าของเดิมขับแบบชอบเลียครัชหรือป่าวก็น่าจะเป็นประพโยชน์ครับ ในการตัดสินใจลงชุดครัชใหม่
ข้อ 4 ถ้าเป็นกระงเทพ ยกเกียร์ทีนึงค่าแรงก็น่าจะมีพันนึงครับ ต่างจังหวัดก็แล้วแต่ครับ แต่น่าจะถูกลงครับ


ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุยกันเรื่องครัช ผมขอรับบริจาคแผ่นครัชเก่าๆที่ใครเปลี่ยนแล้ว มาลองเล่นอะไรหน่อยครับ ถ้าแจ่ม ชาว 2.5 มีเฮโรงังแน่ๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 49
       ขอบคุณน้าหมอกมากครับ ...จะดำเนินการตามคำแนะนำข้อ3 ก่อน ..คืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 50
       ผมมีน้าหมอก ทั้งชุด แต่สปริงหักตามรูป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 51
       หัวฉีดน้ำมันรั่ว หาซื้อได้ที่ไหนครับ 2.5 โฉมมล

รั่วตรงไหนขอรายละเอียดเพิ่มด้วยครับ จาก : plum(plum) 31/1/2554 14:09:55 [182.53.116.217] มีเหลือ 3 หัว คับ ใช้กี่หัว แต่คิดว่าน่าจะเป็นโอริงหัวฉีดรั่วรึปล่าวคับ จาก : mork(mork) 31/1/2554 15:02:53 [124.121.130.227] ผมก็ว่าน่าจะเป็นที่โอริง จาก : plum(plum) 1/2/2554 6:36:43 [223.207.171.35]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 52
       สวัสดีปีใหม่ จารย์หมอก พี่อุดม แล้วพี่ท่านอื่น ๆ ด้วย ตอนนี้เจ้าหนูแดงเล็ก (เล็กกว่าพี่อุดม ) มีอาการนี้เลยครับ เข้าเกียร์1 และถอยยากมาก ๆ เฉพาะตอนเครื่องร้อน ถ้าเครื่องเย็นเข้าได้ลื่นมาก ๆ พอเครื่องร้อนปุ๊บ ต้องแก้สถานการณ์ดังนี้ เวลาเข้าเกียร์ 1 ต้องเข้าเกียร์ 2 ก่อน แล้วค่อยดันไปเกียร 1 ส่วนถ้าจะถอย ต้องเข้าเกียร์ 4 แล้วค่อย ตบเข้าเกียร์คอยอีกที ( โอว ปวดข้อเลย ) ขอถามดังนี้
1. ผมจาเปลี่ยนเฉพาะ ลูกปืนที่พี่อุดมว่า อย่างเดียวได้หรือไม่ อาการนี้จาหายไปหรือป่าว
2.ตอนแรกเตรียมใจจายกใหม่หมด เตรียมไว้ 15 พัน จาพอไหม ชิ้นส่วนใดต้องใช้ของแท้บ้าง ( อิอิ อยากได้แท้เท่าที่จำเป็นครับ เด๋วทะลุ )
3.เนื่องจากผมอยู่แถวประชาชื่น วงศ์สว่าง ก็จามี 3.1 พี่โอเล่ รัตนาธิเบศ 3.2 อู่หลังร้านถั่วแระ พี่ ๆ ที่เคยใช้บริการช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าทำที่ไหนแล้วสบายใจ สบายกระเป๋าบ้าง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ เสมอมาครับ

เช็คน้ำมันเกียร์ก่อนเลยคับ หลังจากนั้นน่าจะเป็นหวีครัช จาก : mork(mork) 31/1/2554 15:03:56 [124.121.130.227] หวัดดีครับคุณโจ..ยกลงดูก่อนได้ครับ....อาการนี้จับต้องดูทดสอบแล้วฟันเลย (รถสีแดงสวยถูกใจ) จาก : อุดมจด.(jeep1911) 31/1/2554 15:41:47 [203.150.200.243] สงสัยต้องเชือด อิอิ เด๋วไปจับผ่าดูซะเลย ขอบคุณ จารย์หมอกกับพี่อุดมด้วยจ้า จาก : joxj(joxj) 1/2/2554 8:41:01 [202.183.235.3]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 53
       คุณmork(mork) ขอเบอร์ติดต่อด้วยครับ ใช้2หัวครับ เบอร์ผม 089-5479926

เดี๋ยวผมโทรหาครับ จาก : mork(mork) 31/1/2554 20:04:20 [124.121.133.213]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 54
       ไปเล่นน้ำมาอีกรอบ

จอดเติมแก็สเมื่อวาน เสร็จเรียบร้อยจะไปต่อ บิดกุญแจ Start เงียบสนิท....

บิดอยู่ สี่ ห้า รอบ ถึงจะมีเสียง start

ตอนกุญแจออน ไฟหน้าปัดปกติหมด

มันเป็นสัญญาณที่ได จะลาพักร้อนหรือเปล่าครับ

วันนี้ปกติทุกอย่าง เอามาทำงานได้ แต่เริ่ม....หวิวๆๆ เสียวๆ อะครับ

1.สวิทต์กุญแจ จาก : pandjeep(pandjeep) 1/2/2554 17:44:25 [113.53.106.111] 2.ไดสตาร์ท จาก : pandjeep(pandjeep) 1/2/2554 17:44:45 [113.53.106.111] 3. ขั้วแบตหลวม จาก : pandjeep(pandjeep) 1/2/2554 17:45:18 [113.53.106.111] ตอนบิด ไปเอนจิ้นติดรึป่าว จาก : mork(mork) 1/2/2554 19:52:27 [124.122.52.196] อย่าตื่นเต้นๆแค่ไดสตาร์ทไม่หมุน เข็นสตาร์ทได้ครับ นี่คือคุณสมบัติพิเศษของ 2.5...55555 จาก : อุดมจด.(jeep1911) 2/2/2554 0:16:40 [61.90.107.156] พี่เขากลัวไม่มีคนช่วยเข็ญต่างหาก ครับ แต่ไม่มีทางเข็ญหรอก เพราะมันคือ jeep และ juc จาก : pandjeep(pandjeep) 2/2/2554 9:43:56 [113.53.106.111] ตอนบิดไปไฟ check engine ติดปกติ ครับ ไฟหหน้าปัดติดปกติ จากวันนั้นจนวันนี้ยังไม่เจออาการอีก จาก : NRK(niceguy) 2/2/2554 16:17:50 [110.49.205.45] สงสัยอาทิตย์นี้คงต้องลองถอดไดดู แต่ตัวเตี้ยๆ คงลำบากมิใช่น้อย จาก : NRK(niceguy) 2/2/2554 16:19:26 [110.49.205.45] ไม่ลำบากหรอก ผมก็รื้อตอนตัวเตี้ย สบายบรือ ยกเว้นน๊อดดาวยึดนั่นแหล่ะ ต้องหาลูกบล๊อกรอ จาก : mork(mork) 2/2/2554 19:35:24 [124.121.132.59]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 55
       ผมอยากได้ เซ็นเซอร์ไมล์ความเร็ว (ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกหรือป่าวครับ) น้าๆ ช่วยชี้เป้าหน่อยครับ 2.5 โฉมมล 98

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 56
       หัวฉีดน้ำมันรั่วน่าจะเป็นที่ O-RING อย่างที่พี่ๆเขาบอก
การเปลี่ยนหวี-คลัทช์-ลูกปืนกด-ลูกปืนปลายเกียร์ จี๊ปคันสีขาวๆ"เพื่อนพร้อม"หมดไปสิบหกพันกว่าๆรวมค่าแรง หากต้องการเซฟ งป. ลงกว่านั้นก้อต้องยกเกียร์มาตรวจก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นอย่างๆไป หากมีรั่ว-ซึมแถวห้องคลัทช์ก้อจะมีชีลหลังเครื่อง-หน้าเกียร์อีกอย่างละตัว ก้อน่าจะบวกไปอีกสักพัน อ้อ..หน้าเกียร์เทียบได้ครับ ของพี่'ต้าเขาครับ ใช้ได้ชัวร์ครับและก้อใช้อย่
โป้งหากเช็คตามที่พี่ๆเขาแนะนำมาแล้ว ไม่ดีขึ้นก้อยกไดสตาร์ทลงมาตรวจซะ สกปรก/แปรงถ่านหมด แต่บล็อกดาวถอด Bolts หาติดไว้ได้เลย
VEHICLE SPEED SENSOR ถอดมาดยังครับ โดยสรีระของมันแล้วไม่น่าเสียง่ายๆ(เคยผ่า) แต่หากต้องการจริงๆลองถามร้านขายอะไหล่หน้าซื้อขายหรือตามอ่ดครับ ใช้ของ Hi-Output ได้ ต่างกันเพียงเฟืองไมล์ของ LowOutput ใช้ 39 ฟันเฟือง ว่าแต่ตรวจด Wiring หรือ สภาพฟันเฟืองก่อนก้อดีน่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 57
       พี่ครับหัวฉีดรั่วอาการเป็นอย่างไร

เวลาสตาท จะติดยากใช่ไหมครับ จาก : pandjeep(pandjeep) 2/2/2554 10:12:57 [113.53.106.111]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 58
       แน่ๆเลยก็ถ้าโอริงหัวฉีดรั่ว รอบเดินเบาสั่นครับ เพราะอากาศรั่วเข้า / ออกทางโอริง
ลองเอาน้ำหยอดตรงหัวฉีดที่เข้าเครื่องตอนติดเครื่องดูครับ ถ้ามีฟองอากาศ ก็สันนิษฐานได้เลยครับว่าโอริงกลับบ้านซะแล้ว / เครดิตที่ต้นมะลิ (แกโดนมาแล้ว (อีกแล้ว))

โอริงหัวฉีดผมก็ซื้อเก็บไว้เหมือนกัน แต่มองไปรอบๆตัว(ในอู่ทั่วไป)แล้ว ผมว่า น่าจะเทียบได้ไม่ยาก
ขอใช้คำตอบบนี้ติดค่อคุณยุ้ยเลยละกันนะครับ ถ้าสาเหตุเป็นแบบนี้ลองเทียบโอริงก่อนดีกว่าครับ แต่ถ้าหัวฉีดตัว โซลินอยหัวฉีดเสีย ค่อยว่ากัน วิธีเทสก็ต่อไปแบตตรงเข้าขั้วหัวฉีดครับ ถ้าหัวฉีดมันยังป๊อกแป๊กๆ ตอนไฟเข้า แบบโซลินอยทั่วไป ก็แสดงว่ามันยังใช้ได้ครับ แต่เรื่องตันนี่อีกเรื่องนึงครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 59
       ทางเลือก LowOutput แบบหนึบ..หนึบ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 60
       พี่jadiครับมันคือระบบอะไร ทำงานอย่างไร ทำยากไหท ราคาเท่าไร และทำที่ไหนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย