WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


นานาสาระเพื่อสุขภาพ
RedMachine067
จาก Red Machine 067
IP:125.25.24.59

พฤหัสบดีที่ , 14/5/2552
เวลา : 16:54

อ่านแล้ว = 11420 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  

คำตอบที่ 91
      

fiogf49gjkf0d
ดื่มล้างพิษกลิ่นเบอร์รี่
ส่วนผสมของ องุ่นม่วง ราสป์เบอร์รี่ ที่ให้กลิ่นและรสเบอร์รี่เปรี้ยวพอเหมาะดื่มง่าย แถมยังมีลูกแพร์ มาช่วยให้เครื่องดื่มแก้วนี้มีสรรพคุณล้างพิษ ต้านมะเร็ง




ได้ยินชื่อก็พอเข้าใจว่า เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ กินดี นำมาฝาก ดื่มง่ายเพราะมี

เริ่มที่ องุ่นม่วง อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก และกรดทาร์ทาริก ช่วยเพิ่มความรวดเร็วแก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ

ส่วน ราสป์เบอร์รี่ ผลไม้ที่จัดรวมอยู่ในกลุ่มเบอร์รี่ อัดแน่นไปด้วยเบตาแคโรทีน ไบโอติน วิตามินซี และน้ำตาลฟรักโทส มีฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมอยู่เป็นจำนวนมาก

สุดท้าย ลูกแพร์ เป็นหนึ่งในผลไม่เพียงไม่กี่ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เต็มไปด้วยวิตามินซี กรดโฟลิก ไนอาซิน แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ช่วยทำความสะอาดไส้ตรง รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เหมาะกินเพื่อล้างพิษเพราะมีแร่ธาตุคุณสมบัติเป็นด่าง ลดคอเลสเตอรอล ช่วยชะล้างของเสียที่สะสมอยู่ในไต ก่อนจะตกผลึกเป็นก้อนนิ่ว เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับปัสสาวะ ทำความสะอาดไต หากรับประทานทั้งผลจะได้ประโยชน์จากเส้นใยอาหาร และกรดไฮดรอกซีซินนามิก สารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง และเส้นใยเพ็กตินที่ช่วยขับโลหะหนักออกจากร่างกาย

สำหรับส่วนผสมควรเตรียมให้ได้สัดส่วน ดังต่อไปนี้...

องุ่นม่วง 1 ถ้วย
ราสป์เบอร์รี่ 2 ถ้วย
ลูกแพร์ 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

ขั้นตอนการปรุงไม่ยุ่งยาก เพียงหั่นลูกแพร์เป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนองุ่นม่วงผ่าครึ่งโดยไม่ต้องนำเมล็ดออก จากนั้นนำราสป์เบอร์รี่ ลูกแพร์ และองุ่นม่วงมาสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟเย็น ๆ พร้อมน้ำแข็งป่น ดื่มทันที

ปรุงง่าย ดื่มง่ายอย่างนี้ วันว่างลองเข้าครัวผสมดื่มสักแก้วเพื่อสุขภาพ.

takecaredd@gmail.com

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ 80 สูตรน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อการล้างพิษและฟื้นฟูสุขภาพ


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 อังคาร, 12/1/2553 เวลา : 09:54  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86635

คำตอบที่ 92
      

fiogf49gjkf0d
ประจำเดือนมาไม่ปกติ ต้องดื่ม
วันนี้ กินดี หยิบเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิงที่มีปัญหา ประจำเดือนมาไม่ปกติ ให้ได้ลองทำกัน!




เครื่องดื่มแก้วนี้ มีส่วนผสมของ องุ่น ผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความเร็วให้แก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ และอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก (หรือสารต่อต้านริ้วรอย พบมากใน องุ่น บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี) และกรดทาร์ทาริก ตัวช่วยชะล้างของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกาย บีทรูต มีสรรพคุณในการทำความสะอาดตับและลำไส้ตอนล่าง ดีต่อตับและไต ช่วยบำรุงรักษาเซลล์เม็ดเลือดแดง และเสริมความสามารถในการรับออกซิเจนให้แก่เม็ดเลือดแดงถึง 400 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี2 บี6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และสังกะสี


ส่วน ลูกพลัม หรือ ลูกพรุน หรือ ลูกไหน ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ จริง ๆ แล้วเป็นผลไม้ชนิดเดียวกัน เพียงแต่ลูกพรุนคือผลจากการนำลูกพลัมมาตากแห้ง ส่วนลูกไหน ก็เป็นชื่อที่คนจีนเรียกขานลูกพลัมนั่นเอง ในลูกพรุน มีคุณค่าอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยไฟเบอร์ (เส้นใย) แมกนีเซียม เหล็ก โปแตสเซียม และวิตามินบี สำหรับสาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักกินลูกพรุนเยอะ ๆ จะดีมาก เพราะลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย และยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้ดีชะงัด

มาถึงส่วนผสมเมนูสุขภาพ ประกอบด้วย

บีทรูต 1 ถ้วย
องุ่นม่วง 1 ถ้วย
ลูกพลัม 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

วิธีทำ

นำองุ่นม่วงผ่าครึ่ง ไม่ต้องเอาเมล็ดออก หั่นบีทรูตเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หั่นลูกพลัมเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ (เป็นเครื่องมือที่ทำงานโดยการขูดผักและผลไม้ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว แล้วทำการหมุนด้วยความเร็วสูง เพื่อแยกส่วนที่เป็นน้ำออกจาก กาก โดยส่วนที่เป็นน้ำจะถูกแยกออกไปทางช่องที่ไหลไปสู่แก้วรองรับ ในขณะที่ส่วนของกากจะถูกเก็บไว้ในช่องสำหรับรอการกำจัดทิ้งในภายหลัง) แล้วเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นคล้ายเกร็ดหิมะ เพื่อเพิ่มความเย็นสดชื่นให้มากยิ่งขึ้น

ฝากไว้! สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หากไม่มั่นใจว่าเมนูนี้จะเหมาะสมหรือไม่ หรือมีข้อจำกัดทางด้านร่างกายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อการมีสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 อังคาร, 12/1/2553 เวลา : 09:54  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86636

คำตอบที่ 93
      

fiogf49gjkf0d
หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท
ชื่ออาการที่ได้ยินกันมานาน แต่สักกี่คนที่จะรู้จักความผิดปกติอันนำมาซึ่งอาการปวดหลัง แขน และขาบ้าง



หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ...

สารพันวันละโรค วันนี้จึงขอเริ่มจากการแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จัก หมอนรองกระดูก อวัยวะรูปร่างคล้ายหมอนหนุนศีรษะ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1 นิ้วเศษๆ และหนาราว 1 เซนติเมตร เชื่อมต่อระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ตั้งแต่คอไปจนถึงก้นกบ ทำหน้าที่รองรับแรงกดจากกระดูกสันหลังทั้งหมด

หมองรองกระดูก ยังมีไส้ด้านในอ่อนนุ่มอยู่ตรงกลาง เรียกว่า นิวเคลียส พัลโพสุส ในวัยเด็กไส้นุ่ม ๆ นี้จะมีลักษณะคล้ายเจล แต่จะแห้งลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้คุณสมบัติการยืดหยุ่นลดลงและปริแตกฉีกง่ายตามวัยที่มากขึ้น เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

ด้วยความที่อวัยวะส่วนนี้อยู่ใกล้เส้นประสาท เมื่อหมอนรองกระดูกสันหลังแตกเคลื่อนจึงทำให้ นิวเคลียส พัลโพสุส ถอยหลังออกมากดทับเส้นประสาท เกิดอาการปวดร้าวตามเส้นประสาทที่ถูกกดทับ รู้สึกปวดหลัง ขา หรือแขน

โอกาสที่หมอนรองกระดูกสันหลังจะเคลื่อนทับเส้นประสาทนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ หากคุณเคลื่อนไหวร่างกายผิดวิธี ตกจากที่สูง ลื่นล้มหลังกระแทกพื้น มีน้ำหนักตัวมากจนทำให้กระดูกสันหลังต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินไป อายุที่มากขึ้นทำให้เกิดความเสื่อม ขาดการออกกำลังกาย หรือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างจำกัด เช่น นั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ รวมทั้งภาวะตึงเครียด

สำหรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากขณะไอหรือจาม โดยผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้นอนราบ แต่ถ้ามีอาการปวดหลังเจ็บร้างลงขา (ต่ำกว่าเข่า) เพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ร่วมกับอาการชาและอ่อนแรง เกิดความผิดปกติกับระบบขับถ่าย เช่น ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ หรือท้องผูก แม้จะใช้ยาแก้ปวดหลังนานกว่า 1 สัปดาห์ก็ยังไม่หาย จำเป็นต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน

ทั้งนี้ นายแพทย์วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการปวดดังกล่าวว่า เป็นหมู่โรคเกี่ยวกับหลังและคอ ในการวินิจฉัยของแพทย์จะพบว่า อาการปวดนั้นจะเกิดขึ้นกับ 2 บริเวณ ประกอบด้วย ช่วงเอว-ก้นกบ จะลามลงไปที่ขา และช่วงคอ-สะบัก-หัวไหล่ ซึ่งความเจ็บปวดจะแผ่ซ่านไปที่แขน

ส่วนการรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะเป็นอย่างไรนั้น พรุ่งนี้ตามอ่านกันต่อใน ภาษาหมอ.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 10:39  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86698

คำตอบที่ 94
      

fiogf49gjkf0d
เครื่องดื่มบำรุงกระดูก
สูตรเครื่องดื่มบำรุงกระดูกที่สามารถลองนำไปผสมดื่มด้วยตนเองง่ายๆ ไม่ยุ่งยากได้จากที่บ้าน



กินดี เตรียมสูตรเครื่องดื่มบำรุงกระดูกมาให้คุณผู้อ่านลองนำไปผสมดื่มด้วยตนเอง เพราะสารอาหารจากผักและผลไม้ที่รวมอยู่ในเครื่องดื่มมากคุณประโยชน์แก้วนี้ได้จาก บร็อกโคลี ที่อุดมไปด้วยไฟโตเคมิคอล ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต สารต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง แอปเปิ้ลเขียว ช่วยลดความตึงเครียด เพราะมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ทั้งยังมีกรดมาลิก แทนนิก เส้นใบเพ็กติน ช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหาร-ลำไส้ และช่วยลดไข้ บรรเทาอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ

นอกจากนี้ยังมี คะน้า สรรพคุณช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ แก้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะมีวิตามินบี2 ขณะที่ ผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง เมื่อเกิดแผลยังช่วยให้เลือดหยุดไหลได้เร็ว ส่วน ขึ้นฉ่าย เป็นผักที่ช่วยบำรุงตับ แก้ร้อนในและความดันโลหิตได้

ส่วนผสมต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น จะต้องเตรียมตามสัดส่วนต่อไปนี้...


บร็อกโคลี 1 ถ้วย
ผักชีฝรั่ง 1/2 ถ้วย
คะน้า 1/2 ถ้วย
แอปเปิ้ลเขียว 2 ถ้วย
ขึ้นฉ่าย 1/2 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

สำหรับขั้นตอนในการผสมเครื่องดื่มบำรุงกระดูก เริ่มจากล้างผักและผลไม้ทั้งหมดให้สะอาด นำบร็อกโคลีหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ซอยผักชีฝรั่งและขึ้นฉ่ายจนละเอียด ส่วนคะน้านำไปบุบพอแตกแล้วจึงไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ แล้วพักไว้

หันไปหั่นแอปเปิ้ลเขียวเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และนำไปปั่นรวมกันกับส่วนผสมที่สกัดเตรียมไว้ด้วยเครื่องปั่น สามารถเติมน้ำแข็งป่นเพื่อความเย็นสดชื่นแล้วดื่มได้ทันที หากน้ำผักและผลไม้มีลักษณะข้นเกินไป ให้เติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยเจือจาง.

deflying@gmail.com



ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 10:40  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86699

คำตอบที่ 95
      

fiogf49gjkf0d
เม็ดบัวแปะก้วยน้ำเต้าหู้ บำรุงหัวใจ
อาหารว่างเพื่อสุขภาพ เม็ดบัวแปะก้วยน้ำเต้าหู้ รสอร่อยมากคุณค่าสารอาหารช่วยบำรุงหัวใจ




บัว ได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชินีแห่งไม้น้ำ พืชสารพัดประโยชน์ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน เราปลูกบัวประดับบ้านหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อความสวยงาม ใช้ดอกบัวไหว้พระ หรือแม้กระทั่งนำมาประกอบอาหาร ดังนั้น กินดี วันนี้มีเมนูอาหารว่างเพื่อสุขภาพอย่าง เม็ดบัวแปะก้วยน้ำเต้าหู้ รสอร่อยมากคุณค่าสารอาหารช่วยบำรุงหัวใจมาฝากกัน

สำหรับ เม็ดบัว พืชสมุนไพรที่ชาวจีนนิยมนำมารับประทาน เนื่องจากอุดมไปด้วยโปรตีนสูงเทียบเท่าถั่วเหลือง ลูกเดือย และข้าวฟ่าง ทั้งยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด บำรุงกำลัง ม้าม ไต และลำไส้ ช่วยให้ใจสงบ ทำให้นอนหลับได้ดี และช่วยในเรื่องความจำ

ที่สำคัญในเม็ดบัวยังมี ดีบัว แม้รสชาติจะขม แต่สารอัลคาลอยด์ (Alkaloids) หลายชนิดที่มีอยู่ในดีบัวมีฤทธิ์ต่อการขยายเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจ ลดความดันโลหิต บำรุงสายตา หัวใจ ปอด ไต แก้อาการอสุจิหลั่งเร็วในชายสูงวัยที่อวัยวะเพศเสื่อม

เมนูเม็ดบัวแปะก้วยน้ำเต้าหู้ มีส่วนผสมให้ต้องเตรียมดังต่อไปนี้

เม็ดบัวต้มสุก 1 ถ้วย
นมถั่วเหลืองชนิดจืด 1 กล่อง
น้ำตาลกรวด 1 ช้อนโต๊ะ
แปะก้วยต้มน้ำตาล 1/4 ถ้วย



วิธีทำ

ส่วนขั้นตอนในการปรุงนั้นเริ่มจากต้มเม็ดบัวนาน 30 นาทีจนเปื่อย จึงนำไปปั่นพร้อมกับนมถั่วเหลืองพอหยาบให้มีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก เคี้ยวกรุบ ๆ แล้วเทใส่หม้อ เมื่อตั้งไฟจนเดือดก็ให้เติมน้ำตาลกรวด คนให้ละลาย ตักใส่ชาม แต่งหน้าด้วยแปะก้วยต้มน้ำตาล หรือจะใส่แปะก้วยลงไปต้มกับเม็ดบัวด้วยก็ได้ และหากไม่ต้องการให้เม็ดบัวเป็นสีดำคล้ำ ไม่ควรปรุงอาหารในภาชนะที่ทำจากเหล็ก.

บุษยมาส รักไทย
takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 10:41  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86701

คำตอบที่ 96
      

fiogf49gjkf0d
ไขปม ขบเขี้ยว-เคี้ยวฟัน ขณะหลับ
หลายคนไม่เคยรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณใบหน้า กราม ไหล่ และช่วงคอ รวมทั้งอาการปวดศีรษะ ปวดไมเกรนที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำหลังจากตื่นนอน.




..

หากอาการข้างต้นเกิดขึ้นพร้อมกับสภาพฟันที่สึกกร่อน ฟันหัก มีแผลที่กระพุ้งแก้ม หรือรู้สึกเจ็บเหงือก นพ.เอกชัย เสถียรพิทยากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญปัญหาโรคปอด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งศึกษาปัญหาการนอนเป็นพิเศษ ระบุว่า ต้นตอของอาการดังกล่าว อาจเกิดขึ้นจากการกัดฟันหรือเคี้ยวฟันขณะหลับ ทางการแพทย์มีการเรียกลักษณะอาการดังกล่าวอยู่หลายชื่อ ทั้ง Bruxism หรือ Teeth Grinding และ Teeth Clenching เป็นพฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง โดยผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าวมีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่รู้ตัวว่านอนหลับแล้วกัดฟัน ส่วนอีกร้อยละ 95 ไม่ทราบ แต่อาจรู้ได้เพราะคำบอกเล่าของคนที่นอนข้าง ๆ

สำหรับสาเหตุของการขบเขี้ยว-เคี้ยวฟันขณะหลับนั้น เกิดขึ้นได้ทั้งจากการสบฟันที่ผิดปกติ ความรู้สึกตึงเครียด โรคทางสมองที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ (Huntingtons chorea) หรือกล้ามเนื้อกระตุกสั่น (Parkinsons disease) ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ รวมทั้งผลจากการใช้ยากระตุ้นสมองบางชนิด ยาแก้อาการซึมเศร้า การเสพยาอี ยาบ้า และการดื่มเหล้าหรือกาแฟมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของอาการขบเขี้ยว-เคี้ยวฟันขณะหลับยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะ มุมสุขภาพ ยังมีวิธีการตรวจคลื่นกล้ามเนื้อเพื่อประเมินความรุนแรง และการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ ที่น่าสนใจให้ตามอ่านกันต่อในวันพรุ่งนี้.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 10:42  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86702

คำตอบที่ 97
      

fiogf49gjkf0d
ออกกำลังกายแบบ BODY COMBAT
บอดี้ คอมแบท (Body combat) เป็นชื่อเรียกการออกกำลังกายแบบแอโรบิคชุดนี้ ชื่อคอมแบทก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะแนวความคิดของท่าออกกำลังกายเป็นการบริหารแบบแอโรบิคที่ผสมผสานการเต้นกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ


สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังมองหาวิธีการออกกำลังกายแบบใหม่ๆ ได้เผาผลาญแคลอรีด้วย HealthToday ขอนำเสนอรูปแบบการออกกำลังกายที่สนุกสนาน ใช้แรงกำลังดี แถมยังช่วยบริหารกล้ามเนื้อแทบทุกส่วนของร่างกายในคราวเดียวค่ะ


บอดี้ คอมแบท (Body combat) เป็นชื่อเรียกการออกกำลังกายแบบแอโรบิคชุดนี้ ชื่อคอมแบทก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะแนวความคิดของท่าออกกำลังกายเป็นการบริหารแบบแอโรบิคที่ผสมผสานการเต้นกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ เข้ากับท่าทางการต่อสู้แบบตะวันออก ตั้งแต่ มวยไทย ไทชิ เทควันโด ยูโด และคาราเต้ ว่ากันว่าใครที่ได้ทดลองเต้นแอโรบิคแบบบอดี้คอมแบทแล้วมักจะติดใจ ถึงกับเมินท่าเต้นแอโรบิคแบบเดิมๆ ไปเลย เพราะนอกจากจังหวะเพลงจะเร้าใจ มีเสียงเอ็ฟเฟ็คส์ประกอบเพิ่มความฮึกเหิมแล้ว คนเต้นยังได้ออกท่า ออกเสียง ปลดปล่อยพลังตัวเองเต็มที่ด้วย ท่าทางที่เขาออกแบบมาให้ทำตามก็ชัดเจน แถมการออกท่าแต่ละท่ายังเป็นการบังคับให้คนเต้นได้บริหารกล้ามเนื้อร่างกายละส่วนไปด้วยในตัว




วัตถุประสงค์ของบอดี้คอมแบทคือ เปิดโอกาสให้เราได้บริหารทุกส่วนของร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง บริหารข้อต่อต่างๆ ให้คล่องตัว เผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ทั้งยังบริหารการหายใจ ปอด และกล้ามเนื้อหัวใจด้วย นอกจากนี้การเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น นำมาสู่อารมณ์ที่ดี ปลอดโปร่ง ภายหลังสิ้นสุดเวลา 1 ชั่วโมงที่ออกกำลังกาย




บอดี้คอมแบทไม่ได้จำกัดตัวผู้เล่น ไม่ว่าใครทั้ง เด็ก หรือผู้ใหญ่ มาสนุกร่วมกันได้หมด โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่เคยเหนียมอายหากต้องเต้นแอโรบิค คราวนี้ก็จะสนุกได้เต็มที่ แต่คนที่มีปัญหาเรื่องกระดูก หรือกำลังตั้งครรภ์อาจต้องระมัดระวังนึดหนึ่งอย่าเผลอกระโดดโลดเต้น หรือทำท่าที่ต้องออกแรงมากตามคนอื่น เท่านั้นเอง นอกนั้นจะยืดมือยกแขนชกลมไปมาทำได้หมด




ระหว่างเวลา 1 ชั่วโมง ผู้เล่นจะเต้นไปตามเพลงประมาณ 10 เพลง ตามท่าต่างๆ ซึ่งมีท่าหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่ท่า ทำให้จำง่าย ใช้ซ้ำไปซ้ำมาตามจังหวะเพลง เพื่อบริหารร่างกายส่วนบนและส่วนล่างไปพร้อมๆ กัน




ท่าบริหารร่างกายส่วนบน เน้นแขน ไหล่ และลำตัวส่วนบน ได้แก่ การปล่อยหมัดแย้บ (jab) พุ่งไปข้างหน้าแล้วกลับมาตั้งการ์ด, การต่อยหมัดครอส (Cross) จากช่วงหัวไหล่ตรงไปข้างหน้า, หมัดยิงตรง หรือหมัดฮุค (Hook), อัปเปอร์คัท (upper cut) ต่อยหมัดเสยขึ้นจากปลายคาง, บอดี้ริบ (Body rib) หากต่อยกับคนก็คือต่อยท้อง แต่แบบนี้ถือเป็นการชกลม ซึ่งทุกครั้งจะกลับมาที่ท่าตั้งการ์ดเสมอ






ท่าบริหารร่างกายส่วนล่าง ตั้งแต่เอว ขา สะโพก ไปจนน่องและปลายเท้า โดยใช้ท่าเตะต่างๆ เช่น เตะไปข้างหน้า (Front kick), เตะข้าง (Side kick), เตะไปข้างหลัง (Back kick), เตะกวาด (Raw house kick), ตีเข่า (Front knee) ไปจนถึงการกระโดดเตะ (Jump kick)




สำหรับคุณที่มีความพร้อม อาจจะลองเรียนรู้วิธีการออกกำลังกายแบบบอดี้ คอมแบท กับครูฝึก เพื่อให้ได้วิธีการที่ถูกต้องและสนุกกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในชั้นเรียนกันได้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่สะดวก อาจลองนำท่าทางต่างๆ ที่เราแนะนำมาให้ดูนี้ ลองไปประยุกต์กับวิธีการเต้นแอโรบิกที่คุณคุ้นเคยดูเองที่บ้าง เพื่อบริหารตัวเอง ดีกว่าปล่อยเวลาว่างให้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์นะคะ



ขอบคุณ: California Fitness Centers



ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 10:45  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86703

คำตอบที่ 98
      

fiogf49gjkf0d
Simply Cocktails สูตรค็อกเทล ใครก็ทำได้
เทศกาลรื่นเริง คงจะขาดสีสันความสนุกไป หากไม่มีเครื่องดื่มค็อกเทลสุดฮิพมาเป็นส่วนหนึ่งของงานปาร์ตี้

มร.เบ็น - เดวิด ซอรัม บาร์เทนเดอร์ฝีมือโปรจาก โฟล์ว ค็อกเทล กล่าวว่า ส่วนผสมในเครื่องดื่มค็อกเทลโดยทั่วไปนั้นเป็นส่วนผสมที่หาได้ไม่ยาก เช่น วอดก้า, น้ำผลไม้, โซดา, น้ำตาลทรายหรือน้ำเชื่อม, มะนาว, จิงเจอร์ เอล และ โทนิค วอเทอร์ ที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงความสมดุลของรสเปรี้ยว หวานและขมที่แตกต่างกันไปตามชนิดค็อกเทลด้วย วอดก้าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีรส สี และกลิ่น จึงทำให้ผสมเป็นค็อกเทล ได้หลายรสชาติ โดยสูตรค็อกเทลที่เลือกมาแนะนำในวันนี้เป็นสูตรค็อกเทลที่ให้รสชาติที่สดชื่น สูตรแรกคือ ไคปิรอสก้า (Caipiroska) ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน วิธีทำก็เริ่มจากหั่นมะนาว 1 ลูกเป็นเสี้ยวๆ ใส่ลงไปในแก้วที่ใช้ผสมค็อกเทล เติมน้ำตาลสัก 2 ช้อนชา จากนั้นบดให้ได้น้ำมะนาว เติมสเมอร์นอฟ No.21ลงไปตามด้วยน้ำแข็ง แล้วเขย่าจนเข้ากัน ก็พร้อมดื่ม ส่วนสูตรที่สองคือ สเมอร์นอฟ มิว (Smirnoff Mule) ซิกเนเจอร์ดริงก์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เกิดจากการผสม สเมอร์นอฟ No.21 กับจิงเจอร์ เอล (ginger ale) ลงในน้ำแข็งซึ่งอยู่ในถ้วยเหยือกทองแดง (Copper Cup) อันเป็นเอกลักษณ์ของ สเมอร์นอฟ มิว จากนั้นบีบมะนาวตามสัก 1-2 เสี้ยว แล้วตกแต่งด้วยใบมินท์ (Mint)


1) สูตรค็อกเทล แอปเปิ้ล มาร์ตินี่

ส่วนผสม:
สเมอร์นอฟ (No.21) ทวิสต์ กรีน แอปเปิ้ล 60 มิลลิลิตร / น้ำแอปเปิ้ล 60 มิลลิลิตร / มะนาว 1 เสี้ยว / แอปเปิ้ลเขียว 1 เสี้ยว

วิธีทำ:
1. เติมน้ำแข็งใส่แก้วมาร์ตินี่เพื่อให้แก้วมีความเย็น
2. นำแก้วที่ใช้ผสมค็อกเทลมาเติมสเมอร์นอฟ ทวิสต์ กรีน แอปเปิ้ล (Smirnoff Twist Green Apple) บีบมะนาวเสี้ยวหนึ่ง แล้วผสมน้ำแอปเปิ้ลที่มีทั้งหมดลงไป เขย่าให้ค็อกเทลผสมกลมกลืนกัน





2) สูตรค็อกเทล ไคพิรอสก้า
ส่วนผสม:
สเมอร์นอฟ No.21 60 มิลลิลิตร / มะนาว 1 ผล / น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชา / น้ำแข็งก้อนหรือบด

วิธีทำ:
1. หั่นมะนาว 1 ลูกเป็นเสี้ยวๆ ใส่ลงในแก้วที่ใช้ผสมค็อกเทล เติมน้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชา แล้วบดให้ได้น้ำมะนาวมากที่สุด
2. เติมสเมอร์นอฟ No.21ลงไปตามด้วยน้ำแข็ง แล้วเขย่าจนเข้ากัน
3. เทค็อกเทลที่เขย่าแล้วลงในแก้วแบบดั้งเดิม (หรือแก้วเหล้าทั่วไป)





3) สูตรค็อกเทล สเมอร์นอฟ แบล็ค ดราย มาร์ตินี่
ส่วนผสม:
สเมอร์นอฟ แบล็ค No.55 60 มิลลิลิตร / ไวน์ขาวแห้ง 15 มิลลิลิตร / มะกอก 1-2 ผล / น้ำแข็งก้อน

วิธีทำ:
1. เติมน้ำแข็งลงในแก้วมาร์ตินี่และแก้วที่ใช้ผสมค็อกเทล
2. เติมไวน์ขาวแห้งที่มีกลิ่นหอมลงไปในแก้วที่ใช้ผสม คน 15 วินาทีก่อนเทออก แล้วเติมสเมอร์นอฟ แบล็คลงไป คนให้ทั่วราว 30 วินาที แล้วเทใส่แก้วมาร์ตินี่เปล่า (เทน้ำแข็งออกก่อน)
3. ตกแต่งโดยใส่มะกอกลงไป 1-2 ผล (หรือเปลือกมะนาวบิดเกลียว (lemon twist))



4) สูตรค็อกเทล สเมอร์นอฟ มิว
ส่วนผสม:
สเมอร์นอฟ No.21 60 มิลลิลิตร / จิงเจอร์ เอล 90 มิลลิลิตร / มะนาว 2 เสี้ยว / ใบมินท์ 2 แฉก / น้ำแข็งก้อน

วิธีทำ:
1. เติมน้ำแข็งลงในถ้วยเหยือกทองแดง (หรือแก้วทรงสูง (highball)) ให้เต็ม
2. เติมสเมอร์นอฟ No.21 แล้วบีบมะนาวลงไป 2 เสี้ยว ตามด้วยเติมจิงเจอร์ เอล จากนั้นคนให้เข้ากัน
3. ตกแต่งด้วยใบมินท์ 2 แฉกบนค็อกเทลให้สวยงาม




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:11  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86705

คำตอบที่ 99
      

fiogf49gjkf0d
เนื้อสันในย่างกับผักบอกชอยน้ำมันหอย
เคล้าเนื้อกับน้ำมันงา เกลือ พริกไทย พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อใกล้เวลารับประทาน นำผักบอกชอยไปลวกในน้ำเดือดจัดที่ใส่เกลือเล็กน้อย




ส่วนประกอบ :

เนื้อสันในโคขุน 2 ชิ้น (หั่นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว ชิ้นละประมาณ 150 กรัม)
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำโขลกหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือนิดหน่อย
ผักบอกชอย (ล้างให้สะอาด) และ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :

แล้วนำไปล้างผ่านน้ำเย็นพักให้สะเด็ดน้ำ จัดผักบอกชอยใส่จานเสิร์ฟเตรียมไว้

จากนั้นตั้งกะทะสำหรับย่างสเต็ค นำเนื้อที่หมักไว้ (พยายามให้มีพริกไทยติดที่เนื้อด้านนอกทั้งสองด้านเยอะๆ) มานาบบนกะทะให้สุกตามความชอบทั้ง 2 ด้าน จากนั้นนำมาหั่นชิ้นหนาประมาณครึ่งนิ้วเรียงใส่จาน ราดน้ำมันหอยที่ผักบอกชอยพร้อมเสิร์ฟทันที

สูตรอาหาร ธิดารัตน์ นุตาคม สไตล์ มัทนา สนิทวงศ์ ภาพ โรบินฮู้ด

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย









 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:13  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86706

คำตอบที่ 100
      

fiogf49gjkf0d
พาสต้ากับซอสมะเขือเทศและปลาแอนโชวี่
ตั้งกะทะไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำมัน หอมใหญ่ กระเทียม และปาปริก้าป่น ผัดให้เข้ากันจนกระทั่งหอมใหญ่สุก ใส่ปลาแอนโชวี่ผัดให้เข้ากัน



ส่วนประกอบ :

น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา
หอมใหญ่สับ 1/4 ถ้วย
กระเทียมกลีบใหญ่สับ 1 กลีบ
ปาปริก้าป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยดำ โขลกหยาบ
เกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย
มะเขือเทศปอกเปลือก แบบกระป๋อง 1 กระป๋อง (400 กรัม)
พาสต้ารูปแบบที่ชอบ 200 กรัม
ปลาแอนโชวี่ 10 ชิ้น (เพิ่มหรือลดตามความชอบ แนะนำแบบใส่ขวดแก้วเป็น Fillets of Anchovies in Sunflower Oil)

วิธีทำ :


จากนั้นใส่มะเขือเทศที่ปอกเปลือกแล้วตามลงไปใช้ส้อมบี้มะเขือเทศให้ละเอียดคนให้เข้ากันใส่ น้ำตาล พริกไทย ชิมรสตามชอบ หากยังไม่เค็มก็ใส่เกลือ
พอเดือดหรี่ไฟอ่อน ตั้งซอสต่ออีกประมาณ 5 นาที ระหว่างนั้นต้มพาสต้า กับน้ำเกลือ (น้ำเกลือไม่ต้องเค็มมากเพราะเมื่อต้มเสร็จเราไม่ได้ล้างพาสต้า
กับน้ำเปล่าอีก) เมื่อพาสต้าสุกใช้ได้แล้วนำมาเทให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปคลุกกับซอสร้อนๆ

ใส่จานเสิร์ฟโรยด้วยพามิซานชีสและใบโหระพาสด

สูตรอาหาร ธิดารัตน์ นุตาคม สไตล์ มัทนา สนิทวงศ์ ภาพ โรบินฮู้ด

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:14  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86707

คำตอบที่ 101
      

fiogf49gjkf0d
ซีฟู้ดกับซอสขมิ้นกระเทียมพริกไทย
^~^จะรับประทานกับข้าวสวยร้อน หรือเป็นกับแกล้มยามเย็นก็แซ่บถึงใจ




ซีฟู้ดกับซอสขมิ้นกระเทียมพริกไทย Seafood with Tumaric and Garlic Pepper Sauce



ส่วนประกอบ :



ปลาหมึกกล้วย
กุ้งทะเลหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
เนื้อปลาแซลมอน กะให้พอรับประทาน
ผักชีสำหรับตกแต่ง



วิธีทำ :



นำปลาหมึกกล้วยล้างให้สะอาดผ่าครึ่งตามยาว บั้งด้านนอกเป็นเส้นทแยงให้ขนานกันทั่วทั้งด้าน หั่นขนาดตามต้องการ


ส่วนกุ้งทะเล ถ้าไม่ปอกเปลือกก็มีวิธีดึงเส้นดำที่หลังออก โดยใช้กรรไกรปลายแหลมตัดที่เปลือกตามแนวกลางหลังไปจรดหาง ก็สามารถเปิดหลังดึงเส้นดำออกได้


นำปลาหมึก กุ้ง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์มาลวกในน้ำเดือดที่ใส่เกลือเล็กน้อย พอใกล้สุกตักขึ้นพักไว้ (หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่ซื้อจากตู้แช่แข็ง
จะสุกอยู่แล้ว สามารถนำขึ้นจากน้ำเดือดได้ก่อน)


จากนั้นนำปลาแซลมอนมาจี่ด้วยน้ำมันเพียงเล็กน้อย โดยเอาด้านหลังลงก่อน ทอดให้หนังกรอบแล้วจึงพลิกอีกด้านหนึ่ง เลือกความสุกตามต้องการนำขึ้นพักไว้


ซอสขมิ้นกระเทียมพริกไทย :



หัวขมิ้นสด 20 กรัม (ล้างให้สะอาด ขูดบริเวณเปลือกดำๆ ออก)
กระเทียมกลีบเล็ก 20 กรัม (ตัดแต่หัวท้ายเหลือเปลือกบางๆ ติดไว้ เวลาทอดจะกรอบอร่อย)
พริกไทยดำ 20 เม็ด, เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย (สัดส่วนเหล่านี้เพิ่มหรือลดตามปริมาณซีฟู้ด)


วิธีทำ :



โขลกพริกไทยให้ละเอียดก่อน ตามด้วยเกลือและหัวขมิ้นสด เมื่อละเอียดดีแล้วใส่กระเทียมตามลงไป โขลกอีกทีพอประมาณให้กระเทียมแหลกให้ทั่ว แต่ไม่ถึงขั้นเละ


จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปเจียวในน้ำมันที่ร้อนปานกลาง ถ้ารู้สึกว่ากระทียมใกล้ๆ เหลืองให้หรี่ไฟ ระวังไหม้ เมื่อกระเทียมสวยกรอบแล้ว ให้ตักออกจากกระทะ พักไว้บนกระดาษซับมัน คงน้ำมันไว้บนกระทะ


จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง ใส่ซีฟู้ดที่ลวกไว้แล้วมาผัดอีกที (ยกเว้นปลาแซลมอนจะได้ไม่เละ) ดูให้สุกตามความชอบ เสร็จแล้วจัดใส่จานโรยด้วยขมิ้น กระเทียมพริกไทย ผักชี รับประทานกับข้าวสวย ร้อนๆ น้ำจิ้มซีฟู้ด และต้มยำเห็ด


สูตรอาหาร ธิดารัตน์ นุตาคม สไตล์ มัทนา สนิทวงศ์ ภาพ มานิตย์ เดชสุภา




ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:18  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86708

คำตอบที่ 102
      

fiogf49gjkf0d
ต้มยำเห็ดและมะพร้าวอ่อน
อาหารไทยๆ รสชาติจะได้เผ็ดร้อนสะใจ ซดน้ำคล่องๆ




ต้มยำเห็ดและมะพร้าวอ่อน Hot Sour Mushroom and Young Coconut Soup




ส่วนประกอบ :



น้ำ 400 มิลลิลิตร
ข่า 2-3 แว่น
ตะไคร้หั่นท่อนทุบพอแตก 1 ต้น
ใบมะกรดู 2 ใบ
เห็ดที่ชอบ 150 กรัม
มะพร้าวอ่อนเอาแต่เนื้อ ใช้ช้อนขูดเป็นแผ่นบางๆ 1 ลูก (ส่วนน้ำมะพร้าวให้คนทำดื่มให้ชื่นใจ)
เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว
น้ำปลา
พริกขี้หนูสวนเขียวแดงบุบๆ สับหยาบ 10-20 เม็ด (เพิ่มหรือลดตามความเผ็ดที่ชอบ)
ผักชีสำหรับตกแต่ง


วิธีทำ :



ล้างเห็ดให้สะอาด ตัดขนาดให้พอดีรับประทาน
นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ใส่เกลือ ข่า ตะไคร้ พอน้ำเดือดใส่เห็ดตามลงไป รอให้เห็ดสุกและน้ำเดือดอีกครั้ง
จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าว ใบมะกรูดและพริกทุบตามลงไป
ยกลงจากเตา ใส่น้ำมะนาวโดยใส่ 1 ช้อนโต๊ะดูก่อนชิมรส ถ้าชอบเปรี้ยวอีกก็เพิ่มตามชอบ อาจใส่น้ำปลาอีกเล็กน้อย แต่ปริมาณที่ใช้จะไม่เท่าน้ำมะนาวเพราะใส่เกลือไปพอสมควรแล้ว


เวลาเสิร์ฟ : ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยผักชีให้สวยงามและควรรับประทานขณะร้อนๆ รสชาติจะได้เผ็ดร้อนสะใจ



สูตรอาหาร ธิดารัตน์ นุตาคม สไตล์ มัทนา สนิทวงศ์ ภาพ มานิตย์ เดชสุภา




ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:20  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86709

คำตอบที่ 103
      

fiogf49gjkf0d
ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน
ปรุงด้วยน้ำพริกเผาสูตรโบราณที่ทำด้วยการเผาไม่ใช่ทอดและรสไม่หวานเพื่อให้ได้ความหอมในแบบดั้งเดิม




ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อนที่ แล้วจึงนำน้ำพริกมาผัดกับหัวกะทิ ปรุงด้วยน้ำตาลและน้ำปลาจนเครื่องแกงสุกและหอมได้ที่ นำกุ้งแม่น้ำที่ลวกสุกแล้วมาคลุกให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยหัวกะทิข้น ใบสะระแหน่พริกทอด และยอดมะพร้าวอ่อนต้มสุก



ยำกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน
เครื่องปรุง



หัวกะทิ ½ ถ้วย
น้ำพริกเผา 120 กรัม
น้ำตาลปึก 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น ยอดมะพร้าวอ่อน 250 กรัม
น้ำมะนาว
กุ้งแม่น้ำ 24 ตัว
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 2 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่เด็ดเฉพาะใบ 1 ถ้วย
พริกแห้ง 1-2
หอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้ง 1-2 เม็ด



วิธีทำ



ผัดหัวกะทิกับน้ำพริกเผา เติมน้ำตาล น้ำปลา เกลือ ยกออก


ชิมให้มีสรเข้มข้นและหวานนำ


หั่นยอดมะพร้าวเป็นชิ้นต้มจนสุก


ต้มกุ้งจนสุก


ผสมเครื่องแกงกับกุ้ง แต่งด้วยใบสะระแหน่


ใส่ยอดมะพร้าว


แต่งหน้าด้วยหัวกะทิ ละหอมแดงเจียว




น้ำพริกเผา
เครื่องปรุง



หอมแดงไม่ปอกเปลือก 100 กรัม
กระเทียมไม่ปอกเปลือก 100 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดงเอาเม็ดออก 50 กรัม
กะปิ 1 ช้อนชา
เกลือ



วิธีทำ เผาเครื่องปรุงทุกอย่าง ทิ้งให้เย็น ปอกเปลือกหอมแดงและกระเทียม ตำให้ละเอียด เติมเกลือ



สูตรอาหารโดย เดวิด ทอมป์สัน และทนงศักดิ์ ยอดหวาย
ห้องอาหาร Cyan โรงแรมเมโทรโพลิแทน โทร. 0-2625-3333
ช่างภาพ :วราวุฒิ ลัธธนันท์ ดำเนินงานโดย พิมพิไล บุญจอง และมินทิรา ตัณฑวณิช




ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Harper's Bazaar ฉบับภาษาไทย









 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:21  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86710

คำตอบที่ 104
      

fiogf49gjkf0d
สเต๊กหมูพริกไทยดำ
เมนูน่ารับประทานอีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเนื้อหมูกับรสชาติเข้มข้นของพริกไทยดำ


สเต๊กหมูพริกไทยดำ





ส่วนผสม



เนื้อหมูสันนอกชิ้นละ 200 กรัม 2 ชิ้น
แครอทหั่นยาว 2 นิ้ว กว้าง 1 ซม. 1/2 หัว
ถั่วแขกหั่นครึ่ง 4 ฝัก
พริกไทยดำโขลกหยาบ 1 ช้อนชา
เนยสดชนิดเค็ม 4 ช้อนโต๊ะ
บราวน์ซอส (มีสำเร็จรูปขาย) 1/2 ถ้วย
หอมใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้า 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา


วิธีทำ



หมูสันนอกตัดชิ้นหน้าประมาณ 1 ซม. หนักประมาณ 200 กรัม ใช้ค้อนทุบเนื้อทุบให้หมูนุ่มทั้งสองด้าน โรยเกลือ พริกไทยทั้งสองด้าน พักไว้
แครอทและถั่วแขกลวกน้ำร้อนให้สุก นำไปผัดกับเนยแล้วใส่จานไว้เป็นเครื่องเคียง


ใส่เนยลงไปในกระทะประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ นำหมูลงทอดใช้ไฟปานกลาง ทอดหมูให้สุกทั้งสองด้าน ตักใส่จาน


ตั้งกระทะให้ร้อนใส่เนยลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เหล้าและหอมใหญ่สับ ผัดให้สุกและเข้ากัน ใส่บราวน์ซอส พอเดือดใส่พริกไทยดำใส่แป้งข้าวโพด เพื่อให้ซอสนุ่ม


นำซอสที่ผัดราดลงบนหมูที่ทอดไว้


ที่มาข้อมูล : CP CUISINE






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 15/1/2553 เวลา : 11:23  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86711

คำตอบที่ 105
      

fiogf49gjkf0d
ยืดกล้ามเนื้อแก้ปวดหลัง
เมื่อรู้สึกปวดหลัง วิธีบำบัดเบื้องต้นที่ไม่ควรมองข้าม คือ การบริหารกล้ามเนื้อ เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง




ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของคุณเอง ก่อนที่จะหันไปรับประทานยาแก้ปวด หรือพบแพทย์เพื่อรักษา

เริ่มจากการนอนหงาย งอเข่าขึ้นตั้งฉาก แขนทั้งสองข้างวางแนบกับพื้น หายใจเข้าและออกลึก ๆ 5-10 ครั้ง จากนั้นดึงเข่าข้างหนึ่งขึ้นมาชิดหน้าอก ค้างไว้ 5 วินาที ทำสลับกับขาอีกข้าง จนครบ 10 ครั้ง แล้วดึงเข่าทั้งสองข้างให้ชิดหน้าอกพร้อมกัน ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง ต่อด้วยการเอียงเข่าท้องสองข้างไปทางด้านซ้ายเพื่อบิดสะโพก ค้างไว้ 5 วินาที สลับกับข้างขวา ทำจนครบ 10 ครั้ง

ยังอยู่ในท่านอนหงาย โดยยกขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วเกร็งขายกค้างไว้ 5 วินาที เอาขาลงแล้วยกขาอีกข้างทำสลับกันไป 10 ครั้ง แล้วกลับสู่ท่านอนหงาย ชันเข่าขึ้นตั้งฉาก แอ่นหลังแล้วเกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ 5 วินาที (ซึ่งช่วงก้นยังต้องติดพื้น) ผ่อนลงช้า ๆ จนหลังแนบพื้นนาน 5 วินาที จึงแอ่นหลังขึ้นมาใหม่ทำซ้ำเช่นเดิม 10 ครั้ง

ส่วนการยืดกล้ามเนื้อช่วงสะโพกและเชิงกราน ก็ให้นอนหงาย งอเข่าตั้งฉาก แล้วยกหลังและสะโพกขึ้นจากพื้นให้มากที่สุด เกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ ลดระดับลงจนหลังและสะโพกแนบพื้น ทำซ้ำเช่นเดิม 10 ครั้ง

ต่อด้วยการนอนหงาย ชันเข่าตั้งฉาก ยกศีรษะขึ้นพร้อมกับเกร็งหน้าท้อง แล้วใช้มือแตะที่เข่า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเดิม ทำจนครบ 10 ครั้ง

ยังมีท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังโดยตรง เริ่มจากคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโน้มลำตัวไปด้านหน้า เหยียดมือทั้งสองข้างแตะพื้น จากนั้นจึงแอ่นหลังพร้อมกับเงยหน้าขึ้นค้างนาน 5 วินาที ทำสลับกับการโก่งหลังและก้มคอลงจนครบ 10 ครั้ง

สเต๊ปต่อมายังอยู่ในท่าคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโน้มลำตัวไปด้านหน้า เหยียดมือทั้งสองข้างแตะพื้น แต่ให้เหยียดยืดขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง เกร็งค้าง 5 วินาที ทำสลับกับอีกข้างจนครบ 10 ครั้ง ทั้งนี้สามารถเพิ่มการยืดเหยียดที่แขน ขณะยืดขาไปด้านหลังให้ยกแขนข้างตรงกันข้ามขึ้นสูงค้างไว้แล้วยกลงพร้อมกับขา

เปลี่ยนเป็นการนอนคว่ำ ช่วงเขาแนบติดพื้น แล้วแอ่นหลังขึ้นจากพื้นนับ 5 วินาที ผ่อนลงนอนราบท่าเดิม จนครบ 10 ครั้ง จากนั้นยกขาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นให้มากที่สุดค้าง 5 วินาที สลับกับขาอีกค้างให้ครบ 10 ครั้ง สุดท้ายในท่านอนคว่ำหน้า ให้ยกศีรษะพร้อมช่วงอกขึ้นจากพื้นให้มากที่สุดค้างไว้นาน 5 วินาที 10 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม การบริหารกล้ามเนื้อตามสเต๊ปข้างต้น ไม่ควรทำอย่างรีบร้อนและรุนแรง หากอาการปวดกลับเพิ่มมากขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 พฤหัสบดี, 21/1/2553 เวลา : 12:32  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86820

คำตอบที่ 106
      

fiogf49gjkf0d
5 ท่า บริหาร อก ตึงกระชับ
ท่าบริหารกระชับทรวงอก ทำบ่อย ๆ รับรองช่วยยืดอายุความเต่งตึงให้อยู่กับอกคู่สวยไปได้อีกนาน




ยืดเส้น ยืดสาย วันนี้มีท่าบริหารกระชับทรวงอก ซึ่งคุณทิพวรรณ ประเสริฐอดิศร ผู้จัดการฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ 'คลาแร็งส์' แนะนำไว้ในงานเวิร์กช็อปดูแลทรวงอก เอาใจคุณผู้หญิงที่ไม่อยากให้อกหย่อนยานก่อนวัยอันควร

ท่าแรกเริ่มด้วยการกอดอก ตั้งฝ่ามือทั้งสองข้างและออกแรงดันต้านช่วงต้นแขนค้างไว้นาน 5 นาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

ถัดมาเป็นท่าที่ง่ายสุด ๆ เพียงแค่ฉีกยิ้มพร้อมกับยิงฟัน เห็นง่ายอย่างนั้นแต่ก็เป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณคางลงไปจนถึงช่วงแผงอก

ท่าที่สามให้หยิบสมุดมาสักเล่ม ใช้ท่อนแขนหนีบติดช่วงข้างลำตัวค้างไว้นาน 5 นาที ทำซ้ำท่านี้ 10 ครั้ง

เปลี่ยนสู่ท่าประนมมือ ให้ปลายนิ้วอยู่ในระดับจมูก แล้วออกแรงดันฝ่ามือเข้าหากันค้างไว้นาน 10 วินาที ทำให้ได้สัก 5 - 10 ครั้ง

ท่าปิดท้าย ประสานฝ่ามือแบบทวิส หรือหมุนฝ่ามือข้างหนึ่งให้ปลายนิ้วตรงกับตำแหน่งข้อมืออีกข้าง แล้วออกแรงดันเข้าหากัน ค้างไว้ราว 5 - 10 วินาที ทำไปเรื่อย ๆ จนครบ 10 ครั้ง

ทำบ่อย ๆ รับรองช่วยยืดอายุความเต่งตึงให้อยู่กับอกคู่สวยไปได้อีกนาน แต่ถ้าจะให้ดีควรใส่บราหรือเสื้อชั้นในพอกระชับไม่คับไม่หย่อนเกินไป เลี่ยงการใส่บราแบบบล็อก มีร่องห่างมาก ช่วงฐานของทรงเต้าควรเหมาะสมกับขนาดที่แท้จริง เพราะถ้าฐานเต้าใหญ่แต่เลือกใส่บราฐานแคบจะรัดอกและเกิดความอับชื้นจากเหยื่อ ส่งผลให้เนื้อเต้านมเหลว และสวมบราแบบสปอร์ตทุกครั้งที่เล่นกีฬา.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 พฤหัสบดี, 21/1/2553 เวลา : 12:33  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86821

คำตอบที่ 107
      

fiogf49gjkf0d
ตากแดดรับวิตามินเลี่ยงกระดูกพรุน
สำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนมักจะมีอาการปวดตามกระดูกส่วนกลางที่รับน้ำหนัก รวมทั้งมีอาการปวดตามข้อต่อต่าง ๆ ร่วมด้วย และการเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระดูกหักได้ง่าย ๆ





สำหรับการขาดฮอร์โมนเพศในสตรีวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน โดยเฉพาะ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่เคยช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระดูก อาจทำให้สตรีวัยทองมีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนได้สูง สำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนมักจะมีอาการปวดตามกระดูกส่วนกลางที่รับ น้ำหนัก อาทิ กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง รวมทั้งมีอาการปวดตามข้อต่อต่าง ๆ ร่วมด้วย และการเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระดูกหักได้ง่าย ๆ

การดื่มนม รับประทานอาหารทีมีแคลเซียมและโปรตีน ถือเป็นการสะสมแคลเซียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงเกิดภาวะกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทองได้ นอกจากนี้ยังควรให้ผิวผนังได้ถูกแสงแดดเพื่อรับวิตามินดี ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียม และรักษาระดับแคลเซียมในกระแสเลือด เสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ และควบคุมการทรงตัว

สำหรับการรับแสดงแดด ก็มีช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยควรเป็นแสงแดดในช่วงเวลา 8.30 - 09.00 น. และอีกช่วงคือ 16.00 - 16.30 น. ที่ สำคัญในการรับให้ผิวหนังถูกแสงแดดตามช่วงเวลาที่แนะนำนั้นไม่ควรทาครีมกัน แดดที่มีค่าเอสพีเอฟเกิน 35 เนื่องจากสารเคมีในครีมกันแดดจะเป็นตัวต้านไม่ให้ผิวหนังได้รับรังสียูวีที่ เป็นประโยชน์กับการสังเคราะห์ให้ได้วิตามินดี

ทั้งนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย.

takecaredd@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 พฤหัสบดี, 21/1/2553 เวลา : 12:34  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86822

คำตอบที่ 108
      

fiogf49gjkf0d
แก้อาการเป็นตะคริว
สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆอ่านทางนี้ เรามีเคล็ดลับวิธีแก้อาการตะคริวแบบง่ายๆมาบอก





เริ่มจากการ เป็นตะคริวที่น่อง ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้าง ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้าๆ ประมาณ 5 นาที แล้วหาครีมหรือน้ำมันมานวดซ้ำอีกที เพื่อกระตุ้นให้เลือดตรงบริเวณนั้นไหลเวียน

หากเป็นตะคริวที่ต้นขา ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง แล้วใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า ส่วนอีกข้างกดลงบนหัวเข่า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณที่เป็นตะคริว

หรือเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณ นิ้วเท้าอย่างเบามือ

สุดท้าย ตะคริวที่นิ้วมือ ให้เหยียดนิ้วมือออก แล้วนวดเบาๆบริเวณนิ้วมือที่เป็น

แนะว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อยทอดผักคะน้า ผักหวาน กระถิน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ลูกพรุน งาดำ และ เต้าหู้ เป็นต้น


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 พฤหัสบดี, 21/1/2553 เวลา : 12:36  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86823

คำตอบที่ 109
      

fiogf49gjkf0d
รักษาอาการท้องเสียด้วยฝรั่ง
ใครที่มีอาการท้องเสียบ่อย ๆ กินยาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที วันนี้เรามีวิธีรักษาอาการท้องเสียด้วยฝรั่งมาบอก..






นำใบฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด ประมาณ 10-15 ใบ แล้วโขลกพอแหลก ใส่น้ำ 1 แก้วใหญ่ นำไปต้มใส่เกลือ พอเดือดยกลงนำมาดื่มแทนชา ได้ผลดี

นำผลฝรั่งอ่อน ๆ มาฝานเอาแต่เปลือกกับเนื้อ ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วกินรวมกัน หรือจะใช้ต้มดื่มเป็นน้ำฝรั่งก็ได้

นำใบฝรั่งสดที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป มาตัดหัวตัดท้าย แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้สักครู่ ตักน้ำที่ได้จากการแช่ใบฝรั่ง มาจิบทีละนิด ก็ช่วยรักษาได้เช่นกัน แต่อย่าจิบมากจนเกินไป อาจทำให้ท้องผูกได้

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันได้.


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 จันทร์, 25/1/2553 เวลา : 10:45  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86857

คำตอบที่ 110
      

fiogf49gjkf0d

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- จันทร์ที่ 25 มกราคม 2010 09:31:48 น.
ขึ้นชื่อว่าสุขภาพดี ใครๆ ก็อยากมี เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการจัดระเบียบระบบขับถ่ายไม่ให้ท้องผูก "ดานอน" จึงเชิญ "รศ.พญ.บุษบา วิวัฒน์เวคิน"หน.โรคทางเดินอาหารภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อม 2 สาว "จั๊กจั่น อคัมย์สิริ" และ "ดวงกมล เวปุลละ"ร่วมเปิดเผยเคล็ดลับจัดระเบียบระบบขับถ่ายง่ายๆ ด้วยตัวเองในงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ "แอคทีเวีย" "รศ.พญ.บุษบา" เผยว่า "การรักษาระบบขับถ่ายให้ดีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากท้องผูก นอกจากจะทำให้อึดอัดไม่สบายตัว ไม่

มั่นใจในรูปร่างยังมีโอกาสที่จะนำไปสู่โรคอื่นๆ ได้อีก เช่น ริดสีดวง โรคระบบทางเดินอาหาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฯลฯ"
"รศ.พ.ญ.บุษบา" กล่าวเสริมว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาท้องผูกคือ การดูแลสมดุลของจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกายที่ช่วยระบบขับถ่าย
โดยเฉพาะจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ผู้บริโภคต้องรู้จักเลือกนวัตกรรมอาหารที่มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ชนิดที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า ให้ผลในการช่วยระบบขับถ่ายได้จริง เช่น บิฟิโดแบคทีเรีย อะนิมาลิส ที่มีผลวิจัยยืนยันมากกว่า 20 รายงานแล้วว่ามีความทนทานต่อน้ำย่อยและกรดในระบบทางเดินอาหาร สามารถรอดชีวิตไปถึงลำไส้ใหญ่ได้ ช่วยปรับลดระยะเวลาทางเดินทางอาหารได้ถึง 40% ทำให้ขับถ่ายได้เร็วขึ้น
โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาการเดินทางของอาหารของแต่ละคนนานไม่เท่ากัน แต่ถ้าใช้เวลานานกว่า 48 ชั่วโมงถือว่าท้องผูก ทำให้ท้องบวมใหญ่ อืด อึดอัด ถ่ายยาก บางคนท้องผูกนานเป็นสัปดาห์จนต้องไปพบแพทย์กันทีเดียว
เรื่องนี้ คุณหมอบอกว่าแก้ได้ไม่ยาก นอกจากรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ลองเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับร่างกายด้วยการรับประทานโยเกิร์ตที่มี จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ที่มีผลวิจัยทางการแพทย์รับรองว่ามีความทนทานและช่วยระบบขับถ่าย โดยรับประทานวันละ 1 ถ้วยติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก็จะเห็นผล เพราะจุลินทรีย์ชนิดนี้ในโยเกิร์ตจะช่วยปรับสมดุลในระบบขับถ่ายให้กลับมาเป็นปกติ
เซเลบสาวมั่น "ดวงกมล เวปุลละ" เผยว่า "กลัวมากค่ะว่าท้องผูกบ่อยๆ เดี๋ยวจะพานเป็นโรคอื่นๆ หรือแค่ถ่ายไม่ออกสัก 2-3 วัน ก็รู้สึกว่าท้องอืดๆ บวมๆ อึดอัดจะแย่ ก็เลยพยายามจัดระเบียบระบบขับถ่ายให้มีสุขภาพดี รับประทานโยเกิร์ตทุกวันมาตั้งแต่ตอนไปเรียนที่อังกฤษค่ะ เพราะมีคนแนะนำ ก็เห็นเลยว่าขับถ่ายได้เร็วขึ้น สบาย ท้องไม่ผูก"
ด้าน "จั๊กจั่น อคัมย์สิริ" เผย "มีอยู่หนหนึ่ง เป็นไข้ก็ไปหาหมอ หมอถามค่ะว่าท้องผูกหรือเปล่า เลยเพิ่งรู้ค่ะว่าเรื่องท้องผูกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ตั้งแต่นั้นมาก็ระวังมาก พยายามทานอาหารที่มีกากใยเยอะ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกาย แล้วก็รับประทานโยเกิร์ตด้วย บางทีก็กินโยเกิร์ตเปล่าๆ บางทีก็ใส่ผลไม้สดเข้าไปด้วย นอกจากอร่อยไม่จำเจแล้ว ยังช่วยระบบขับถ่ายดีด้วย เพราะบางทีออกกองกันข้ามวันข้ามคืน ห้องน้ำไม่สะดวก ก็ต้องอั้นไว้ ก็ท้องผูก รับประทานโยเกิร์ต ก็ช่วยได้ค่ะ ช่วยให้สุขภาพดีด้วย"
สำหรับคนที่ท้องเสียบ่อย "รศ.พญ.บุษบา" แนะว่า อาการท้องเสียบ่อย แสดงว่าภูมิต้านทานในลำไส้ต่ำ หรือได้รับยาแก้อักเสบบ่อยๆ แล้วท้องเสีย ยิ่งควรต้องกิน โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เป็นการปรับสภาพอุจจาระให้เป็นปกติและสร้างภูมิต้านทานทั่วไปของลำไส้ด้วย
รศ.พ.ญ.บุษบา กล่าวเพิ่มเติมว่า สตรีมีครรภ์ควรรับประทานผลิตภัณฑ์นม เพื่อให้ได้ทั้งโปรตีนและแคลเซียม ยิ่งถ้าได้จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ชนิดแลคโตบาซิลัสและบิฟิโดแบคทีเรีย ที่มีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ ก็จะทำให้ภูมิต้านทานในช่องคลอดดีขึ้นและทารกที่คลอดจะได้รับจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ในลำไส้ เมื่อคลอดผ่านทางช่องคลอด หรือแม้แต่หลังคลอดมารดาก็จะมีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ในน้ำนมแม่ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ทารกอีกด้วย
สรุปเป็นว่าผู้หญิง ควรจัดระเบียบระบบขับถ่ายของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ อย่ารอให้ต้องถึงหมอเลย เพื่อสุขภาพดีจากภายใน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 จันทร์, 25/1/2553 เวลา : 11:05  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86858

คำตอบที่ 111
      

fiogf49gjkf0d
ดื่มลบเลือนริ้วรอย
สรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ และลบเลือนริ้วรอยมาฝากให้ผู้อ่านสาววัยทองลองปรุงดื่มกัน


เพราะวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง อาจเป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงแห่งความร่วงโรยของผิวหนัง ที่เริ่มเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำ ไม่ชุ่มชื้นอย่างที่เคย ซึ่งปัญหาที่กล่าวมานั้นดูจะสร้างความกังวลให้กับผู้หญิงวัยทองไม่ใช่น้อย ดังนั้น กินดี วันนี้ นำสูตรเครื่องดื่มจาก แอพริคอต แอปเปิ้ล และพีช ที่มี

รู้กันก่อนว่าผลไม้ที่รวมอยู่ในเครื่องดื่มนั้นให้คุณประโยชน์อย่างไรบ้าง เริ่มจาก แอปเปิ้ล ที่นำมาใช้ในเครื่องดื่มแก้วก่อน ๆ เป็นประจำ เพราะมากด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยลดความตึงเครียด ล้างพิษในตับและไต พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิกและแทนนิก ดีต่อระบบย่อยอาหาร เส้นใยแพ็กตินในแกนผล ยังช่วยทำความสะอาดลำไส้เล็กได้อย่างดีเยี่ยม

สำหรับ แอพริคอต นั้น เป็นผลไม้ที่ชื่อและหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคย มีสีเหลืองทอง เปี่ยมไปด้วยกรดมาลิก ทำความสะอาดลำไส้เล็ก แต่ที่โดดเด่นนั้นคือสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยต้านความเสื่อมโทรมและความร่วงโรยของเซลล์และเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบต้าแคโรทีนจะมีปริมาณมากในผลที่มีสีเข้ม

ส่วน พีช หรือลูกท้อ มีวิตามินซี กรดโฟลิก เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ที่จะเข้าไปทำความสะอาดลำไส้เล็กและใหญ่

ส่วนผสมที่ควรเตรียมให้ได้สัดส่วนนั้นประกอบด้วย

แอพริคอต 2 ถ้วย
แอปเปิ้ล 1 ถ้วย
พีช 1 ถ้วย

ขั้นตอนในการปรุงเพียงหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนแอพริคอตและพีช หลังจากล้างน้ำจนสะอาด ให้ผ่าครึ่งแล้วเอาเมล็ดออกและหั่นพอหยาบ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดพร้อมกันโดยใช้เครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ ก่อนดื่มเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่นให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้ได้.

takecaredd@gmail.com

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ 80 สูตรน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อการล้างพิษและฟื้นฟูสุขภาพ


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 5/2/2553 เวลา : 12:37  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 86999

คำตอบที่ 112
      

fiogf49gjkf0d
อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน
เริ่มจากข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะไดเอ็ทนั้นจำเป็นต้องพึงเข้าใจว่า ต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ครบทุกหมู่ เพียงแต่ลดปริมาณอาหาร



ตามธรรมเนียมของ กินดี ที่ต้องส่งท้ายสัปดาห์ด้วยการกิน-ดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารเพื่อการลดหรือควบคุมน้ำหนักที่กล่าวกันมาตั้งแต่ต้นอาทิตย์

ลดขนมขบเคี้ยว ของหวาน และตัดใจจากอาหารขยะ

ในหมวดของ เนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่มีหนัง เน้นรับประทานปลาจะดีที่สุด ส่วนวิธีการปรุงควรอบ ย่าง นึ่ง เลี่ยงทำอาหารด้วยการทอดในน้ำมันท่วมล้น ขณะที่ นม เน้นดื่มชนิดจืดพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย เพราะมีปริมาณไขมันน้อยกว่านมพร้อมดื่ม ควรดื่มไม่เกิน 2 กล่องเล็กต่อวัน (ขนาดกล่องสำหรับผู้ใหญ่)

ส่วน ไข่ เน้นนำไปนึ่ง ต้ม หรือตุ๋น ในช่วงลดน้ำหนักควรลดการรับประทานไข่แดง แต่ละสัปดาห์ไม่ควรเกิน 3 ฟอง สำหรับ ถั่วเมล็ดแห้ง อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์ มีกากใยอาหารดีต่อระบบขับถ่าย ควรรับประทาน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

หมวด ข้าว-แป้ง เน้นข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ในแต่ละวันไม่ควรรับประทานมาก เนื่องจากร่างกายจะสังเคราะห์สารอาหารคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและแป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ถ้าสะสมในปริมาณมากเกินความต้องการจะทำให้อ้วน

การรับประทาน ผลไม้ ที่มีคาร์โบไฮเดรตเช่นเดียวกับข้าวและแป้ง ซึ่งควรเลือกรับประทานผลไม้รสไม่หวานจัดแทนขนมหวาน อาทิ ส้ม ชมพู่ มะละกอ แตงโม ฝรั่ง สับปะรด เพื่อให้วิตามินและเกลือแร่ที่มีในผลไม้ ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นไปอย่างปกติ และเพิ่มใยอาหารเสริมการทำงานระบบขับถ่าย ควรรับประทานทั้งผลสด ๆ

สำหรับ ผักใบเขียวและขาว มีสารอาหารอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับผลไม้ ควรรับประทานเป็นประจำ แต่ควรสลับกับผักที่มีสีแดง-แสด อย่าง แครอต ฟักทอง มะเขือเทศ

ใยอาหาร พบได้ในผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ แม้ร่างกายของคนเราจะไม่สามารถย่อยได้จึงต้องขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย แต่กากใยเมื่ออยู่ในกระเพาะหรือลำไส้จะเกิดการพองตัว ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย แถมยังช่วยดูดซับไขมัน น้ำตาล สารพิษ แล้วขับออกจากร่างกาย

ขณะที่ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันจากพืช อย่าง กะทิและน้ำมันมะพร้าว ควรงดเพราะมีไขมันที่จะเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอล รับประทานมากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ส่วนไขมันจากพืชในรูปของน้ำมันพืช รับประทานได้แต่เพียงน้อย

มาถึงสูตรเครื่องดื่ม ที่มีสรรพคุณลดความอ้วนและขจัดไขมันส่วนเกิน ที่ใช้ผักและผลไม้เป็นส่วนผสม มี แครอต อันอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ในทางโภชนาการชี้ว่า แครอตสามารถขจัดไขมันส่วนเกินจากตับ ดีต่อการย่อยอาหาร ส่วน กีวี จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ไม่ทำให้เป็นหวัดง่าย

ก่อนปรุงดื่ม มาเตรียมส่วนผสมตามสัดส่วน ดังนี้
แครอต 1 ถ้วย
กีวี 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

โดยวิธีการปรุง ให้นำแครอตไปขูดเป็นเส้น ส่วนกีวีปอกเปลือกก่อนฝานเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสองชนิดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มเป็นประจำจะช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน.

takecareDD@gmail.com


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

g-na จาก Kid Cowboy 067 202.60.202.1 ศุกร์, 5/2/2553 เวลา : 12:38  IP : 202.60.202.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 87000

คำตอบที่ 113
      

fiogf49gjkf0d
ทำไม คนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด


เรื่องจริงที่คนไทยไม่รุ้...............

ชาเขียว เป็นชาที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี ในขณะที่คนไทยเพิ่งรู้จัก กันไม่เกิน 10 ปีมานี้เอง คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวร้อนร้อนกัน เพราะได้พิสูจน์ แล้วว่าชาเขียวร้อนมีคุณสมบัติลดอนุมูลอิสระที่เป็นพิษในร่างกายคนเราให้ขับออก มาทางอุจจาระ และขับไขมันส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ

ชาเขียวชึ่งทำให้ร่างกายสามารถขับพิษและลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของชาเขียวร้อน ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันตั้งแต่เด็กจนแก่ แต่คนไทย นิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น

ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักคุณสมบัติที่แท้จริงของชาเขียวเลย ทำให้คนญี่ปุ่นรุ้สึกขบขันในใจแถมหัวเราะเยาะในใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ คนไทยจะมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนญี่ปุ่น เพราะอะไรงั้นหรือ... เพราะว่าชาเขียวที่มีคุณอนันต์นั้น ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะชาเขียว จะมีประโยชน์ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันหากดื่มชาเขียวตอนที่เย็นแล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วยในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง

นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันในร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น

เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่งเห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยวทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้าไปสยองไหมละ

ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด แต่จะดื่มชาเขียวร้อนอย่างชาญฉลาด ในขณะที่คนไทยที่คิดว่าตนเองฉลาดกลับดื่มชาเขียวแช่เย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย แบบฉล๊าด ฉลาด......


ขอบคุณข้อมูลจาก กรมอนามัย












 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 125.24.241.145 ศุกร์, 19/2/2553 เวลา : 20:40  IP : 125.24.241.145   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 87122

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,19 เมษายน 2567 (Online 1723 คน)