WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


@@..อยากมีซักหัวข้อ..ที่สนทนาปัญหาธรรม..@@
a_anan
จาก a_anan
IP:203.118.120.10

พุธที่ , 9/1/2551
เวลา : 10:07

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ตั้งแต่ได้มีโอกาสฟัง CD หลวงปู่มั่น ที่พี่อีธานกรุณา ให้มา แม้เป็นเพียงบทเพลงที่นำชีวประวัติมาร้อยทำนอง ทำให้บางครั้งอยากสนทนาปัญหาธรรม กับท่านผู้รู้

โดยส่วนตัวเป็นผู้ที่ หาโอกาสเข้าวัดน้อยมาก เพิ่งได้มีโอกาสทำบุญใหญ่ เข้าวัดมากขึ้นก็ตอนที่มาพบกับ อ.วอน พี่อีธาน และพี่หมูสุพรรณที่เป็นผู้ชักนำ

บางครั้งเราทำบุญ ก็สบายใจ รู้สึกได้ถ้าเราตั้งใจ

ผมขอสักข้อนะครับ ให้หัวข้อนี้เป็นการสนทนาปัญหาธรรมะ เพื่อเป็นเครื่องจรรโลงชีวิตให้สดใส มิใช้เป็นคนดิบตลอดการ

และคิดว่าธรรมะ มิใช้เรื่องของคนแก่ คนอายุมาก แต่จะอยู่คู่กับเราตั้งแต่ลมหายใจแรก จนวาระสุดท้าย ที่เอาอะไรไปไม่ได้........



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
       หลายวันก่อน ไปสุพรรณ ได้มีโอกาส ไปทำบุญที่วัดดอนเจดีย์ มีงานปิดทองฝั่งลูกนิมิตร ทำให้สงสัยว่า
1.ทำไมต้องมีการฝั่งลูกนิมิตร
2.ทำไม เครื่องสักการะ ต้องมีเข็มกับด้าย และเราต้องฝนเข็มกับด้ายเข้าด้วยกันก่อน
3.การอุทิศบุญกุศล เราจำต้องทำให้แก่คนที่จากไปแล้ว หรือทำได้กับผู้ที่ยังอยู่ได้หรือไม่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan 203.118.120.10 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 10:15  IP : 203.118.120.10   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17823

คำตอบที่ 2
       1 การฝังลูกนิมิตรเป็นการกำหนดขอบเขต พัทธสีมา

แต่พอดีวัดที่ผมไปประจำเป็นวัดป่า ไม่เคยมีการฝังลูกนิมิตรครับ

2 แบ๊ะ ๆ

3 นาดี ๆ ต้องใช้คนปลูกดี ๆ คนปลูกไม่ดีแล้วก็ต้องเสียที่นา

การทำบุญก็เช่นกัน จิตต้องเป็นกุศลครับ ทั้งผู้ทำและผู้รับ
ถึงจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ผู้ตายถ้าจิตไม่รับรู้ก็ไม่สามารถร่วมอนุโมทนา( ร่วมแสดงความยินดี ) ก็จะไม่ได้รับกุศล จึงต่องมีการอธิษฐานขอให้
ท่านผู้เป็นใหญ่ เป็นพยาน ถ้าเจอะเจอ จะได้บอกกล่าวให้ร่วมอนุโมทนาในภายหลัง

ดังนั้นเห็นการทำดี และร่วมยินดีด้วย ถือเป็นการได้กุศลแต่คงไม่มากเท่ากับทำเอง มีผู้กล่าวไว้ว่าเอาไป 10%

ในพระไตรปิฏก บทไหนผมก็จำมิได้ บอกไว้ว่าสัตว์นรกขุมลึก ๆ ไม่ว่าจะทำบุญไปเท่าใดก็มิอาจรับได้ เนื่องจากจิตอยู่ในเวทนาจึงมิอาจรับรู้ได้ ต้องรอจนพ้นกรรมนั้นก่อน
มีเปรตบางชั้นเท่านั้นที่รับรู้ได้ (เปรตมีหลายจำพวก ) ถึงบุญกุศลที่แผ่ไปถึง สามารถร่วมโมทนาบุญนั้นได้

บางทีก็มีคำกล่าวไว้ว่า บุญมี แต่กรรมมาบัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.206 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 10:34  IP : 202.91.19.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17824

คำตอบที่ 3
       การฝังลูกนิมิตรคือการกำหนดขอบเขตพื้นที่ของการทำสังฆกรรมอย่างหนึ่ง พระพุทธองค์ได้กำหนดไว้เพราะการทำสังฆกรรมต้องไม่ทำพร่ำเพรื่อต้องทำในที่ระโหฐาน ไม่ใช่ไปบวชพระกลางตลาด หรือปลงอาบัติที่บ้านใครก็ไม่รู้

การที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดสีมาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พระในอนาคตไปทำอะไรทุเรศๆข้างถนน ให้ทำกิจของสงฆ์ในที่จัดไว้เป็นสัดส่วน ลองนึกถึงนั่งพระยองๆปลงอาบัติที่ป้ายรถเมล์ดู

และอีกอย่างก็คือเป็นการกำหนดขอบเขตของวัดไม่ให้ไปทับซ้อนกับที่ของชาวบ้านโดยมีหลักเขตอ้างอิงที่แน่นอนไม่ต้องเถียงกันในอนาคตว่าที่วัดเท่าไรที่ชาวบ้านเท่าไรเพราะสมัยก่อนวัดคืออุโบสถไม่ใช่อุโบสถแล้วมีที่ดินอื่นอีกรอบๆ


ที่ผมบอกว่าอย่างหนึ่งแสดงว่ามีหลายอย่างตามพุทธบัญญัติที่ได้กวดขันเรื่องนี้มากแม้อย่างอื่นจะสมบูรณ์แต่สีมาวิบัติแล้วก็ใช้ไม่ได้ สีมาวิบัติหมายถึงทำสังฆกรรมในที่ไม่ได้กำหนดไว้อย่างถูกต้องให้ทำสังฆกรรมได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างกับไปบวชพระข้างถนน

ในพระวินัยกำหนดให้พระสงฆ์พิจราณาเองว่าสีมาจะกว้างเท่าไรแต่ต้องให้พระสงฆ์21รูปนั่งหัตถบาสได้ซึ่งเป็นจำนวนน้อยที่สุดของพระที่ระงับสังฆาทิเสส แต่ต้องไม่กว้างเกิน3โยชน์

การกำหนดเขตพื้นที่ทำสังฆกรรมเรียกว่านิมิตร การใช้วัสถุธรรมชาติกำหนดนิมิตรนั้นพระพุทธองค์กำหนดให้ใช้ของแปดอย่างคือ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และน้ำ

การใช้ศิลากำหนดท่านกำหนดให้ใช้ขนาดไม่เล็กกว่าก้อนน้ำอ้อยและไม่โตกว่าช้าง ในสมัยโบราณท่านใช้ใบเสมาอย่างเดียวไม่มีลูกนิมิตรเหมือนสมัยนี้ที่ฝังและขุดมาปิดทองแล้วฝังอีกทุกปีไม่รู้ว่าจะทำกันทำไมหาเงินวิธีอื่นก็ได้


ไม่รู้ว่าทางวัดที่ชอบขุดลูกนิมิตรมาปิดทองหาเงินทุกปีจะรู้หรือเปล่าว่าถ้าใช้ลูกนิมิตรเป็นสีมาแล้วขุดออกมาในพื้นที่นั้นจะทำสังฆกรรมไม่ได้ ไม่ว่าจะปลงอาบัติก็ไม่ผ่าน หรือปาติโมกข์ก็ไม่สำเร็จ หรือบวชพระก็กลายเป็นตาเถร เพราะพื้นที่นั้นผิดพุทธบัญญัติไปแล้ว


วัดพระป่าใช้ต้นไม้ หิน แม่น้ำ บ่อน้ำ หรือแนวป่าเป็นสีมา จะเห็นได้ตามวัดที่ห่างไกลแม้แต่สวนโมกข์ก็ใช้ธรรมชาติเป็นสีมา สามารถบวชพระได้เหมือนกันกับวัดที่สร้างใหญ่โตเหมือนวัง


ผมอ้างมาจากตำราโบราณที่เขียนโดยพระวันรัต แดง วัดสุทัศน์ และตำรานี้คัดลอกจากการรจนาของพระพุทธโฆษาจารย์เถระชาวพุทธคยาในสมัยโบราณที่เขียนตาม ฎีกาพระวินัย อรรถกถาพระวินัย จากพระไตรปิฎก สมันตปาสาทิกาตติยวรรค







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.52.71 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 11:51  IP : 125.24.52.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17826

คำตอบที่ 4
       ลองดูสำนวนหลวงพี่พยอมบ้าง อ้อ ตอนนี้เป็นท่านเจ้าคุณไปแล้วนี่ ฮาดีครับ ท่านพูดได้จี้ใจดำวัดที่ชอบหาเงินวิธีนี้ได้ตรงจุด

สมัยอาตมามาอยู่วัดสวนโมกข์...
การปักเขต...ผูกพัทธสีมา...
เขาทำเป็นเขตแดนของโบสถ์... ไม่มีพิธีกรรมอะไรเลย...
ทำกันไม่กี่คน...
เอาผู้ใหญ่บ้านมาชี้เขต... พระมาบอกจุดสิ้นสุด...
ทำเสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง...

แต่เดี๋ยวนี้ มันจัดกัน ... ห้าวัน ห้าคืน ...
เจ็ดวัน เจ็ดคืน ... เก้าวัน เก้าคืน ...
มีความรู้สึกว่า...
ลูกนิมิตนี่ ... มันฝังยากเหลือเกิน ... หนักหนาสาหัสมาก ...กว่าจะฝังได้...

โยม...นึกถึงหลักความจริงสิ...
ลูกนิมิตนี่...ฝังยาก หรือ ฝังง่าย ...?
ฝังง่าย ...
แค่ขุดหลุมเข้า ... หลุมหนึ่ง ...
แล้วเอาลูกนิมิตใส่เข้าไป...แล้วกลบ...
ชั่วโมงเดียว ...เสร็จแล้ว ...



แล้วยังมีบางวัดนี่ ...พิเรนทร์...
"ดองลูกนิมิต"....

จัดงานเสร็จแล้ว... ไม่ยอมตัดลูกนิมิต...
ลูกนิมิตนี่... เขาใส่สาแหรกหวาย ...ห้อยไว้...
พอได้ฤกษ์... เอากรรไกรตัดหวาย..
ลูกนิมิตหล่นตุ๊บ..ลงหลุม..เป็นอีนเสร็จพิธี...

แต่นี่...มันไม่ยอมตัดหวาย...
เก็บไว้อีก ๓ เดือน...
แล้วทำพิธีตัดหวายลูกนิมิตอีกครั้งหนึ่ง...
จัดงานหาเงินอีกรอบ...




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.52.71 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 12:00  IP : 125.24.52.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17828

คำตอบที่ 5
       สมัยก่อนการสร้างพระอุโบสถไม่ใช่ทำกันบ่อยๆเหมือนสมัยนี้ เกิดมาชาติหนึ่งจะได้สร้างวัดกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยถือเป็นงานบุญใหญ่ จะมีอานิสงส์ถึง 6 ประการด้วยกัน คือ

1ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัททวะ(อุ-ปัด-ทะ-วะ สิ่งอัปมงคล)ทั้งหลาย
2ไม่เกิดในตระกูลต่ำ
3หากเกิดในมนุษย์โลกก็จะเกิดเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์
4หากเกิดในเทวโลกก็จะเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช
5จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีผิวพรรณผ่องใส
6สุดท้าย คือ มีอายุยืนนาน

และมักจะใส่สมุด ดินสอ เข็มและด้ายลงไปในหลุมที่ฝังลูกนิมิตด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้มีความจำดี มีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนเข็ม และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนความยาวของด้าย


เป็นแค่ความเชื่อครับ เป็นกระพี้หุ้มเปลือกไม่ใช่แก่นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้สร้างกุศลไม่ใช่ทำบุญ แต่ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถิดครับ ดีกว่าไปกินเหล้าตั้งมากมาย

การอุทิศส่วนกุศล คุณหนุ่มอธิบายไว้ชัดเจนแล้ว ผมไม่มีอะไรเพิ่มเติม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.52.71 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 12:16  IP : 125.24.52.71   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17829

คำตอบที่ 6
       สาธุ......ครับ

อ.วอน และพี่หนุ่ม อธิบายได้ดี และสามารถทำความเข้าใจได้โดยง่าย แก่ตัวผมเอง และบุคคลทั่วไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan พุธ, 9/1/2551 เวลา : 13:07  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17834

คำตอบที่ 7
       นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เราจะมีเรื่องสนทนาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

มิใช้จะคุยกันแต่เรื่องรถ เพียงอย่างเดียว อันจะทำให้เกิดสีสรร และเป็นการเผยแพร่ความรู้ในวงสนทนา หรือเกิดรสชาติ หรือเกิดสติในการแก้ปัญหา คุยกันหลายๆ เรื่อง ราวกับว่าเรานั่งคุยกันในวงสนทนา จะทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และเงียบเหงา

เรื่องธรรมะ ก็เป็นอีกหนึ่ง ที่น่าจะเป็นสิ่งที่ดี อันจะเกิดแก่กาย ใจ ได้.........



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan 203.118.120.4 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 13:11  IP : 203.118.120.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17837

คำตอบที่ 8
      
มาร่วมอนุโมทนาด้วยคนครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree พุธ, 9/1/2551 เวลา : 14:42  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17846

คำตอบที่ 9
       แล้วทำไม งานฝังลูกนิมิตร ต้องเป็นเฉพาะช่วงตรุษจีน
ไม่เคยเห็นมีงานวัดไหนฝังช่วงอื่น ๆ เลยครับ

พอตรุษจีนทีไร วัดนู้นวัดนี้ก็ขึ้นป้าย ปิดทองฝังลูกนิมิตร....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

yakusa จาก Sak YaKuSa พุธ, 9/1/2551 เวลา : 16:25  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17848

คำตอบที่ 10
       สงสัยต้องถามกรรมการวัดครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.205 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 17:21  IP : 202.91.19.205   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17852

คำตอบที่ 11
       ขอบคุณมากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ศรีอรัญ 203.144.217.156 พุธ, 9/1/2551 เวลา : 20:24  IP : 203.144.217.156   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17855

คำตอบที่ 12
      
ศัตรูตัวสำคัญของมนุษย์มีอยู่อย่างเดียว ขอรับ เจ้าตัวนี้ชื่อว่า "กิเลส" แล้วมันอยู่ที่ใหนล่ะ มันก็อยู่ในตัวเราเองนี่แหละ ไม่เคยมีคำสอนของพุทธองค์ว่าให้ละกิเลส ท่านสอนแต่ว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ จะมีแต่โวหารการเทศน์เท่านั้นที่สอนคนให้ละกิเลส ฟังแล้วก็ งงๆอยู่เหมือนกัน ขอรับ เพราะที่มานั่งฟังเทศน์อยู่นี่ก็เรามันอยากไปสวรรค์ อยากไปนิพพาน อยากไปสวรรค์ อยากไปนิพพาน มันก็เป็นกิเลสนี่ เราไปละมัน เราก็อดไปสวรรค์ ไปนิพพานกันพอดี แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับกิเลสในตัวของเรา .........


เราต้องใช้กิเลสที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนให้เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์อย่างไร ขอรับ ก็เอามันมากระตุ้นเตือนเราให้มีความกระตือรือล้นในกิจการงานของเรา คนที่ยังไม่อยากไปนิพพานอยากอยู่แบบคนรวยก็ทำงานมากๆ ใช้เงินน้อยๆ ประกอบอาชีพสุจริต(ภาษาพระเค้าว่าอย่างไรต้องถามท่านมหาที่อยู่ที่กระโทก) คบหาบัณฑิต คบหากัลยาณมิตร ดำเนินชีวิตอยู่ในขอบเขตไม่ละเมิดข้อห้าม 5 ข้อ ......


ส่วนคนที่อยากจะจบในวัฏฏสงสาร ก็เร่งใหว้พระ สวดมนต์ รักษาศีลให้บริสุทธิ์ บำเพ็ญเพียร ฝึกสติ ให้รู้เท่าทันกิเลสที่มันเกิดอยู่ในใจ พูดง่ายๆก็คือเราเอากิเลสเป็นเครื่องกระตุ้นความอยากของเรา ความอยากของเรามันจะเปลี่ยนเป็นการกระทำแล้วเราจะทำได้แค่ใหนเพื่อสนองความอยากของเรา เราทำได้ทุกอย่าง ขอรับ ตราบที่เราไม่ละเมิดศีลทั้ง 5 ข้อ .......




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Ethan_Hunt จาก Ethan_Hunt พุธ, 9/1/2551 เวลา : 22:04  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17857

คำตอบที่ 13
      


ในที่สุดท่านมหาก็มา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 58.8.230.24 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 00:15  IP : 58.8.230.24   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17859

คำตอบที่ 14
       กิเลสเป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้

คำวาจานี้ น่าจะถูกต้อง และเป็นแนวทางที่ถูก เราควรกำหนดรู้ เท่าทันกิเลส แต่การที่จะกำหนดรู้ได้คงมิใช้เรื่องง่าย หากเราไม่ฝึก ไม่ปฎิบัติ ให้อยู่ในกรอบ

ขออีกคำถาม
การทำบุญ เคยได้ยินมาว่า การทำบุญ สิ่งแรกเลยต้องทำจิต ทำใจ ทำกายให้เป็นกุศลก่อน หมายความว่ากะไรครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan 203.118.113.10 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 08:57  IP : 203.118.113.10   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17865

คำตอบที่ 15
      
อยากแซวท่านมหา Ethan

แต่กระทู้นี้ขลังเกินไป...




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Ruj จาก Ruj 61.90.217.70 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 11:30  IP : 61.90.217.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17870

คำตอบที่ 16
      
ถ้าจะเอ่ยถึงการทำบุญในพุทธศาสนาที่พ่อแม่ครูอาจารย์เคยสั่งสอนมา ท่านบอกว่ามีอยู่ 2 แบบคือ
-อามิสบูชา คือการทำบุญด้วยสิ่งของ เป็นเครื่องบูชาคุณพระรัตนตรัย หรือเพื่อคงความยั่งยืนในพุทธศาสนา
-ปฏิบัติบูชา คือการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างไม่เบี่ยงเบนและเคลือบแคลง ท่านสอนมาอย่างไรปฏิบัติอย่างนั้นไม่ต้องตีความก่อนปฏิบัติ เพราะการตีความโดยตัวเราเอง เรายังมีกิเลสปนอยู่ในจิตใจอยู่มากตีความออกไปมันก็มีกิเลสปนออกไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นท่านสอนอย่างไรปฏิบัติอย่างนั้น ปฏิบัติจริงผลมันจะเกิดมาเอง เราไม่อยากให้มันเกิดผลมันก็ต้องเกิด เพราะเราปฏิบัติถูกต้องและจริงจัง

"การทำบุญ เคยได้ยินมาว่า การทำบุญ สิ่งแรกเลยต้องทำจิต ทำใจ ทำกายให้เป็นกุศลก่อน หมายความว่ากะไรครับ "
ทำบุญในคำถามนี้ น่าจะเป็นการทำบุญแบบ อามิสบูชา ถ้าเราดูจิต ดูใจของเราอยู่จะเห็นได้ทันทีว่า ก่อนทำเรามีความคิดอย่างไร ทำบุญเพราะเห็นแก่เพื่อนที่มาชวน ทำบุญเพื่อให้มีโชคดี ทำบุญแล้วขอให้รวย หรือว่าทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นเนื้อนาบุญ คำถามนี้ตอบยาก ขอรับ ก่อนทำบุญต้องทำจิต ทำใจให้ศรัทธาก่อน มันก็ยังเป็นศรัทธาที่ตบแต่งขึ้นมา ไม่ใช่ศรัทธาที่อยู่ในใจเราจริงๆ แต่ก็ยังดีที่เป็นกิเลสในด้านบวก อยากรู้จริงๆว่าต้องทำอย่างไรก็ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วจะรู้เอง รู้แบบไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ขอรับ .....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Ethan_Hunt จาก Ethan_Hunt 203.130.145.67 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 12:02  IP : 203.130.145.67   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17871

คำตอบที่ 17
      
อย่าแซวผมเลย ขอรับพี่ Ruj ผมเองก็ยังมีกิเลส ดูเหมือนจะมากเสียด้วยซิ .....5555



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Ethan_Hunt จาก Ethan_Hunt 203.130.145.67 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 12:06  IP : 203.130.145.67   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17872

คำตอบที่ 18
       คุณเอ ลองอ่านหน้าที่สามของกระทู้วันอาสาฬหบูชาสำคัญอย่างไร แล้วจะรู้เรื่องบุญและกิเลสในการทำบุญมันเป็นอย่างไร

การทำบุญคือการทำแบบมีกิเลสแอบแฝงหวังสิ่งตอบแทนอย่างน้อยแม้จะไม่หวังอะไรก็ยังหวังว่าจะได้ความสุขใจที่ได้ทำบุญ แต่สิ่งที่เหนือกว่าทำบุญคือการทำกุศล เป็นการทำแบบไม่หวังสวรรค์นิพพานอะไร เป็นการทำเพื่อสละและลดกิเลสอย่าแท้จริง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.27.212.176 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 12:39  IP : 125.27.212.176   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17874

คำตอบที่ 19
       ขอบพระคุณครับ ที่ทำให้ผมเข้าใจขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan 203.118.112.125 พฤหัสบดี, 10/1/2551 เวลา : 13:01  IP : 203.118.112.125   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17875

คำตอบที่ 20
       สาธุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ปาหมึก933 125.25.42.208 ศุกร์, 11/1/2551 เวลา : 08:37  IP : 125.25.42.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17940

คำตอบที่ 21
       ป๋า...ใจเย็น อย่างเพิ่งลาบวช ล่ะ ขอรับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Rin จาก Rin 222.123.201.82 เสาร์, 12/1/2551 เวลา : 07:50  IP : 222.123.201.82   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17968

คำตอบที่ 22
       อ่านคำสอนที่พี่ๆกระทู้มาแล้วอยากเข้าวัดจัง ถ้าไม่ติดต้องเลี่ยงลูกเมียละก็ พรุ่งนี้บวชเลยจริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สิงห์pajeromans 124.121.108.155 เสาร์, 12/1/2551 เวลา : 15:48  IP : 124.121.108.155   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18028

คำตอบที่ 23
       สาธุค่ะ เพิ่งกระจ่าง เมื่อก่อนเคยสงสัยว่าวัดมีงานฝังลูกนิมิตรทุกปี แล้วจะเอาพื้นที่ที่ไหนไปฝังไว้เยอะแยะ ใต้ดินคงต้องแข็งแรงมาก เนื่องจากมีลูกนิมิตรรองไว้ทุกตารางนิ้ว




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

saii จาก นิหน่อย 202.5.82.240 อาทิตย์, 13/1/2551 เวลา : 01:24  IP : 202.5.82.240   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18058

คำตอบที่ 24
       ขอเรียนถามว่า

1.จุดธูป ต้องจุดเทียนก่อนทุกครั้งหรือไม่ครับ การจุดเทียนมีความหมายอะไรไหมครับนอกเหนือจากช่วยให้การจุดธูปสะดวกขึ้น

2.ทำไมพระต้องโกนผม โกนคิ้วครับ เเล้วการเเต่งกายของท่านมีที่มาอย่างไรครับ

ขอขอบพระคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree อาทิตย์, 20/1/2551 เวลา : 21:21  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18727

คำตอบที่ 25
       การบูชาด้วยไฟและจุดเครื่องหอมเป็นธรรมเนียมของฮินดูครับ พุทธแท้ๆไม่มีธรรมเนียมนี้ เรารับธรรมเนียมฮินดูเรื่องจุดธูปเทียนมานานเป็นพันปีแล้วจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการบูชาพระรัตนไตรด้วยไฟและของหอม

น่าสังเกตุว่าการบูชาด้วยไฟและจุดเครื่องหอมมีมาตั้งแต่อียิปต์โบราณเมื่อสี่พันปีก่อนและสืบทอดถึงเมสโสโปเตเมีย กรีก โรม และอินเดียในยุคอารายัน ซึ่งอินเดียมีวัฒนธรรมฮินดูกว่าสี่พันปีพอๆกับอียิปต์น่าจะเป็นต้นกำเนิดของการจุดเครื่องหอมมาก่อนยุคอารายันที่ได้มาจากเอเซียไมเนอร์

เรื่องโกนผมของพระ ผมต้องอ้าง เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มันเป็นสังขารที่ไม่เที่ยง การโกนผมเป็นเรื่องของการตัดความสวยงามของร่างกายออกไปที่เป็นธรรมเนียมของนักบวชที่มีมาก่อนพุทธกาล แต่ไม่โกนขนตามร่างกายเพราะการโกนขนเป็นการเสริมความงามที่นักบวชไม่ทำกัน

เรื่องการโกนคิ้วเพิ่งมีมาได้สองร้อยห้าสิบปีนี้เอง เพราะเมื่อครั้งกรุงแตกเป็นการแยกพระไทยจริงๆออกจากพม่าที่ปลอมเป็นพระหนีทัพ ธรรมเนียมโกนคิ้วเลยมีเฉพาะพระไทยเท่านั้น ไม่มีพระในศาสนาพุทธที่ไหนในโลกโกนคิ้วเหมือนของเรา ไม่ว่าเป็นพระพม่า ลาว เขมร แม้แต่พระจีน ยกเว้นพระสยามวงค์ของลังกาที่พระไทยบวชให้เมื่อครั้งรัชกาลที่4ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.201.4 อาทิตย์, 20/1/2551 เวลา : 23:49  IP : 125.24.201.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18742

คำตอบที่ 26
      
ขอขอบพระคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree จันทร์, 21/1/2551 เวลา : 08:41  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18759

คำตอบที่ 27
       มีเพี่อนๆท่านใดเป็นแบบผมบ้างไม๊ครับ คือมีหลายอย่างกับการกระทำที่เราทำไปแล้วแบบไม่ทราบความหมาย แต่มีความรู้สิกว่าการกระทำนั้นไม่ผิด และบางครั้งก็ไม่พยายามที่จะหาคำตอบ หรือหาคำตอบไม่พบ พอทราบคำตอบภายหลังก็นึกขึ้นได้ว่านี่ล่ะคำตอบที่เราไม่ทราบมานาน สำหรับผมแล้วความรู้หลายๆอย่างได้ร้บจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆในนี้มากมายครับ
เป็นโชคของผมจริงๆที่มาพบเพื่อนๆทุกคน และเป็นวาสนาของผมจริงๆที่เพื่อนๆหลายคนรับผมเป็นเพื่อน ขอขอบพระคุณจริงๆครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

suphan221 จาก หมูสุพรรณ 125.26.28.118 ศุกร์, 25/1/2551 เวลา : 07:25  IP : 125.26.28.118   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 19059

คำตอบที่ 28
       " เห็นด้วยอย่างยิ่งครับพี่หมู "


เริ่มต้นเหมือนเเค่คนที่อยากรู้จัก เเต่พอคบกลับเสมือนญาติที่รู้ใจครับ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree ศุกร์, 25/1/2551 เวลา : 07:38  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 19060

คำตอบที่ 29
       ....สวัสดีครับพี่...ผมก็เช่นเดียวกันครับเข้ามาอ่านมีความรู้..ได้ดูรูปสวยๆในที่..ที่ผมไม่เคยไป..จนบางครั้งอยากไปกับพี่ๆแต่ก็ไม่กล้า..ได้แต่อ่านครับผม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

BADDOG จาก BADDOG 58.10.84.98 ศุกร์, 25/1/2551 เวลา : 07:46  IP : 58.10.84.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 19063

คำตอบที่ 30
       คุณ BADDOG
ถ้าเมื่อไหร่พร้อมก็เอาวีโก้ขอร่วมทางได้ตลอดครับ พี่น้องเราทั้งตัวหนังสือเเละชีวิตจริงก็ไม่ต่างกัน...


" จริงใจ ให้ใจต่อกันครับ "



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree ศุกร์, 25/1/2551 เวลา : 18:43  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 19096

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,29 มีนาคม 2567 (Online 2298 คน)