WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


consult ครับ อยากทราบว่า auto diff-lock คืออะไร เหมือนหรือต่างกับ limited ยังไงครับ

จาก ปากล่องบรีส
IP:125.25.52.141

พุธที่ , 8/10/2551
เวลา : 15:10

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เคยมีโอกาสได้ดูโฆษณาขายของ แล้วไม่เข้าใจว่าทำไมขับ4 ed ถึงขึ้นเนินนั้นไม่ได้ แต่ขับ2 auto diff- lock นั้นถึงขึ้นได้ครับ (ความรู้ยังน้อยครับ)


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  

คำตอบที่ 31
       เเมื่อหลายเดือนก่อนผมเคยเล่าให้ฟังเรื่องผมได้ Range Rover มาใช้งานคันหนึ่งแล้วจะขอติด วินซ์ แต่เจ้าหน้าที่ส่งรถบอกว่าไม่จำเป็นต้องติดให้หนักรถพราะรถคันนี้ไปได้ทุกที่โดยไม่ติดหล่ม ผมใช้อยู่เกือบปีจริงอย่างที่ตัวแทนศูนย์พูด บางจุดที่เจ้า VX เคยติดหล่ม เจ้ารถคันนี้ก็วิ่งหน้าตาเฉยแบบไม่รู้สึกอะไรเลย ระบบขับเคลื่อนมันแบ่งแรงที่ล้อไม่ให้ขุดดินจนล้อจมได้อัฉริยะสมชื่อครับ

ก่อนที่จะพูดต่อเรื่องระบบขับเคลื่อนผมขอปูพื้นฐานของการส่งกำลังกันใหม่ครับ ผมอยากให้ลืมเรื่องบางเรื่องทิ้งให้หมดเพราะมันไม่จริงตามที่บริษัทขายรถโม้จนฝังหัวไปทั้งเมืองแล้ว
เรื่องแรก แรงม้า (power)มันไม่เป็นสาระในการขับเคลื่อนรถเลยครับ สิ่งที่ขับเคลื่อนรถคือแรงบิด (torque) ต่างหาก สิ่งที่บริษัทขายรถพูดให้คนใช้รถฝังหัวกันมานาน ทำให้รถปิคอัพขยับตัวจาก 89แรงม้าเป็นเกือบ 160แรงม้าเพราะเรื่องแรงโม้แบบนี้


อะไรคือแรงบิด อะไรคือแรงม้า
แรงบิดคือแรงที่ออกมาจากเครื่องยนต์ส่งแรงมาหมุนล้อ แต่แรงม้าคือกำลังของเครื่องยนต์ที่ส่งแรงมาทำให้รถวิ่งครับ งง งง งงงงงง กันแล้วใช่ไหมครับ


เรื่องหนักหัวภาคทฤษฎี เรื่องนี้ข้ามได้ถ้าไม่เข้าใจ แต่ถ้ารู้จะดีมากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:56  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42178

คำตอบที่ 32
       ตอนที่เครื่องยนต์จุดระเบิด จะมีแรงถีบที่หัวลูกสูบมาดันก้านสูบให้หมุนข้อเหวี่ยง แล้วส่งผ่านชุดเกียร์ลงมาที่ล้อ แรงบิดจะหมุนล้อให้พารถวิ่งไปได้ สมมุติว่าที่เพลาเครื่องมีแรงบิด 500 Nm รถจะออกตัวได้ดีกว่า เครื่องยนต์ที่ให้แรงบิด 300 Nm เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว แต่กำลังม้ามันคือพลังงานที่ขับเคลื่อนดังนันมันคือแรงบิดคูณกับความเร็วของเพลา


สมการก็คือ work done =F x S พอเอาเข้ามาวิ่งบนแกนเวลาคือ t จาก work done จะกลายเป็น Power อีตา Jame Watt แกเอาตุ้มน้ำหนักขนาด 550lb แล้วปล่อยให้ตกลงระยะทาง 1ฟุต จะได้งานเท่ากับ 1 x 550 ฟุต-ปอนด์ อันนี้คือ work done แต่ถ้ามันเลื่อนบนแกนเวลาใน 1วินาทีมันคือกำลังงานไปแล้ว อีตา เจมส์แกเลยโมเมว่าอันนี้คือ 1แรงม้า เพราะว่าแกลองเอาม้ามาลาก งานขนาด 33000 ft-lb ใน1นาทีแล้วม้ามันลากได้ไม่เกินนี้ มีเรื่องโจ๊กฝรั่งตามท้ายเรื่องเมียแกกับม้าด้วย เอาไว้ตอนไปเที่ยวแล้วเมาตอนค่ำๆจะเล่าให้ฟังก่อนนอน


แต่เครื่องมันหมุนเป็นวงกลม ดังนั้นระยะทางจะแทนด้วย 2Pi R แต่ในทางวิศวกรรมจะใช้ความเร็วเชิงมุมแทนที่เรียกว่า wt ( อ่านว่า โอเมก้าที ) เป็นความเร็วในหน่วยมุมที่เปลี่ยนไปตามหน่วยเวลา เพราะสมการ Differential ของอีตา Sir Isac Newton ใช้พื้นฐานของ dv/dt P= Torque x wt (omega x t) = 2 Pi f f = frequency = rpmในรูปของมุมเมื่อเอามาคูณกับ 2Pi จะได้ระยะทางต่อรอบ เอาคูณกับเวลาจะได้ระยะทางทั้งหมดในช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้น แรงบิดคูณกับรอบในแกนของเวลา จะเป็นแรงม้า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:57  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42179

คำตอบที่ 33
       เหนื่อยครับ คนเมื่อเกือบสามร้อยปีก่อนคิดได้ขนาดนี้ ตอนนั้นกรุงศรีอยุธยายังไม่แตกเลยด้วย อีตาแจมส์แกเอามาทำให้สมการเป็นจริงในเรือไอน้ำลำแรกสมัยรัชกาลที่2 หรือเมื่อกว่าสองร้อยปีก่อนตอนไทยรบกับพม่าในสงครามเก้าทัพ ตอนนั้นสุนทรภู่ยังไม่ได้แต่งพระอภัยมณีเลยครับ

สมัยนั้นยังไม่มี SI Unit เลยไม่มีหน่วย Watt ตอนหลังเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณูปการของอีตาเจมส์ วัตต์ที่สร้างเรือกลไฟไอน้ำลำแรก เลยเอาชื่อของแกเห็นหน่วยกำลังงานเสียเลย โดยให้เป็น 1Nm/s = 1watt

สมมุติว่าเจ้าเครื่องที่ให้ 500Nm มันอั้นรอบที่ 4500รอบ แต่เจ้าเครื่อง ที่ให้ 300 Nmมันไปอั้นรอบที่ 8000 เจ้าเครื่องที่ให้ แรงบิดน้อยจะมีแรงม้ามากกว่าเครื่องที่มีแรงบิดมาก นี่เป็นเรื่องจริงทางทฤษฎีไม่ได้เสริมแต่งอะไร เลยเป็นจุดขายของบริษัทขายรถแข่งแรงโม้กับ แต่ถ้าจะขับสนุกกันแล้วเจ้าเครื่องตัวที่แรงม้าน้อยกว่าแต่ให้แรงบิดดีจะขับสนุกกว่า ลองมาดูตัวอย่างกัน


รถคันแรกมีแรงบิด 500Nm 115แรงม้า วิ่งแข่งกัน รถอีกคันที่มีแรงบิด 300Nm 160แรงม้า เซียนรถมือโปรหรือวิศวกรทุกคน อ่านสเป็ครถเท่านี้ก็พอรู้แล้วครับว่าแรงม้าสูงสุดของตัวแรกเกิดที่รอบต่ำ แต่คันที่สองจะเกิดที่รอบสูงกว่าคันแรกเป็นเท่าตัว


รถเริ่มออกตัวคันที่มี 500Nm เริ่มออกตัวทิ้งคันที่มีเพียง 300Nm ห่างออกไปเรื่อยๆ พอรอบเริ่มแตะ 4000 ก็เปลี่ยนเกียร์เป็น2 แต่คันที่ 300Nm ยังลากรอบได้อีกจนชน 7500 แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 อีกสิบวินาทีต่อมา ส่วนคันที่แรงบิดสูงอาจจะไปถึงเกียร์ 5แล้ว แต่คันที่แรงบิดน้อยยังไปได้แค่เกียร์3 จะค่อยๆตีตื้นขยับขึ้นมาจ่อตูดคันที่แรงบิดสูง แล้วแซงที่เกียร์ 4 ทิ้งหายกระจายที่เกียร์5 เพราะแรงม้าสูงกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:57  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42180

คำตอบที่ 34
       แต่เราขับ Off road ไม่ใช่ขับ Drag racing มันไม่ได้ใช้ที่รอบสูงขนาดนั้น ลองมาคลาน Walking Speed กันแล้วจะรู้ว่าแรงบิดมันขับเคลื่อนรถไม่ใช่แรงม้า


รถซีดานแรงม้าสูงของภริยาผมไม่สามารถแซงเจ้าปาเจโรของผมได้ในสามเกียร์แรก แต่พอเกียร์4จะเริ่มจ่อตูดแล้วแซงที่ความเร็วประมาณ 100 ขึ้นไป


แต่ถ้าให้มาปีนที่จอดรถตามห้าง เจ้าปาเจโรจะวิ่งขึ้นลานจอดรถชั้น 5 ได้ในเวลาน้อยกว่าเจ้า Honda แต่งเครื่องแรงคันนี้เสียอีก ดังนั้นแรงม้ามากไม่ใช่เป็นเรื่องที่การันตีว่าขับมันขับสนุกกว่าแรงม้าน้อย


พวก 2S , 1J ในรถเก๋ง ใช่ว่าจะไม่โดน 4D56T แต่งปั้มฉีกกระจาย เมื่อไรที่เครื่อดีเซลแรงบิดสูงโดนแต่งใส้จนมันไม่อั้นรอบวิ่งชน 5000รอบ โดยบูสไม่ตกได้เมื่อไร พวกเครื่องเบ็นซินก็หนาวเมื่อนั้นเพราะปลายมันยังวิ่งกระฉูดจนไม่เปิดช่องให้ใช้รอบที่สูงกว่าแซงได้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:58  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42181

คำตอบที่ 35
       แต่เรื่องแรงบิดที่ต่างกันยังมีทางแก้ไขได้ ถ้าทดรอบให้มีแรงมากขึ้น โดยใช้เกียร์ทดสูง แรงบิดจะสูงขึ้นจากรอบที่หายไปในเกียร์ทด เช่นดังนี้


ที่ 3000รอบ มีแรงม้า 50 มีแรงบิด 60 (หน่วยอะไรก็ได้มันเท่ากันอยู่แล้ว) แต่ถ้าเกียร์มันทดอีกเท่าตัว เครื่องมันยัง 3000 รอบ 50 แรงม้าเหมือนเดิม รอบหลังเกียร์หายไปครึ่งแต่แรงบิดหลังเกียร์มันเป็น 120 ไปแล้ว เพราะรอบมันหายไปครึ่งแรงบิดต้องมาอีกเท่าตัวเพราะแรงม้ามันเท่ากันตามสมการที่ผมบอกเอาไว้เรื่อง แรงม้า-รอบ-แรงบิด นั่นเอง


คาริเบี้ยนเครื่องแรงบิดนิดเดียวแต่ทดรอบจนเสียงเครื่องหมุนจี๋เป็นแมงหวี่ ยังไปได้ทุกที่ บุกน้ำลุยโคลไม่เคยโดนรถดีเซลแรงบิดแรงม้าสูงกว่าทิ้งห่าง เนื่องจากเกียร์ที่ทดสูงครับ เรื่องลุยโคลนแบบนี้เราไม่เอาความเร็วปลายมาพูดกันอยู่แล้ว



ตอนนี้รู้แล้วนะครับว่ารถขับดีหรือไม่ดี ขับสนุกหรือไม่สนุก มันอยู่ที่แรงบิดไม่ใช่แรงม้า เครื่องโรตารี่ 250แรงม้าหมุนเป็นหมื่นรอบแต่แรงบิดต่ำเอามันมาตะกุย ป่าไม่สนุกเท่าเครื่องดีเซลตูดดำเดินเบา 800รอบตะกายตัวจากน้ำขึ้นตลิ่งแบบไม่ต้องขยับคันเร่งเลยครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:58  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42182

คำตอบที่ 36
       กลับมาเรื่องระบบขับเคลื่อนต่อ เอาเรื่องที่ยังเข้าใจผิดมานานแล้ว ตอนนี้ก็ยังเข้าใจไม่ถูกกันอยู่ดี

เรื่องของการขับรถมันไม่ได้ฝังตัวใน DNA จากบรรพชน เหมือนการเอาตัวรอดจากอันตราย หรือกระตุกมือเมื่อโดนไฟ หรือเรื่องสืบพันธุ์ ที่ไม่ต้องสอนกันมันติดใน DNA มาตั้งแต่เกิด จะเอาความรู้สึกมาตัดสินว่าอย่างโน้นดีกว่าอย่างนี้ไม่ได้ จะบอกลอยๆว่าประสพการณ์สูงก็ไม่ได้ ถ้ายังขับแบบผิดๆกันอยู่ การขับรถต้องอาศัยการเรียนรู้ที่ถูกต้องเท่านั้น


เหมือนกับตอนนี้มีคนขับรถกว่าครึ่งเอานิ้วโป้งสอดเข้าจับพวงมาลัย แล้วโดนมันสะบัดตีง่ามนิ้วแทบแหก ตอนล้อตกหลุมร้องโอดโอย ทั้งที่เป็นเรื่องห้ามขั้นพื้นฐาน เหมือนกับต้องเปิดหน้าต่างเวลาขับ off road เพราะหัวมันจะโขกกระจกจนหัวแตกหัวโน แต่ก็ยังมีคนเปิดแอร์ลุยป่ากันอยู่

....หา.. หลายคนทำหน้า งง อย่างนั้นแสดงว่า ยังไม่รู้เรื่องเบสิกแบบนี้กันอยู่เหรอครับ เห็นหรือเปล่าว่ามันไม่ได้ ฝังตัวใน DNA เรื่องแบบนี้ต้องเรียนรู้ จากการอ่าน การเรียนรู้ ไม่ใช่ควบบุเลงๆมาจนพังคาเท้าหลายคันแล้วจะเก่ง

อยากจะแนะนำให้อ่านกระทู้บางกระทู้ที่เป็นประโยชน์ของเพื่อนๆ อย่างเก็ดเล็กเกร็ดน้อยของคุณซ้ง แบบนี้อ่านแล้วได้เท็คนิกการขับการใช้ที่ดีจากที่คุณซ้งบอกให้เพื่อนรู้ ของ standard ครับ

http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=1742

และถ้าอ่านจนจบจะเห็นด้วยกับผมว่า ว่าไม่มี DNA แฝงที่เกี่ยวกับการขับรถใน โครโมโซม ทั้ง 23คู่ของมนุษย์จริงๆ ทุกอย่างต้องมาจากการอ่านและเรียนรู้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 01:59  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42183

คำตอบที่ 37
       กลับมาหลังจากพักแล้วนะครับ อ่านกระทู้แนะนำของผมแล้วพอได้มุมมองอะไรเพิ่มขึ้นอีกนิดไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่า เรามาต่อกันเรื่องระบบ 4x4 กันต่อดีกว่าครับ



ระบบ 4x4 ขับแล้วปลอดภัยกว่าระบบ 4x2 จริงไหม????



ไม่จริงครับ ไม่ว่าระบบขับเคลื่อนรถจะซับซ้อนแค่ไหนก็ไม่ทำให้ปลอดภัยขึ้น เป็นเรื่องที่ฝังหัวมาจนกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว มันแค่ทำให้รถวิ่งได้โดยไม่ต้องหยุดโดยอุปสรรคบนถนนและไปได้เร็วขึ้นกว่า 4x2เท่านั้น บนทางโคลนลื่นหลังฝนตกบนทางด่วน ระบบ 4x4 part time ให้การยึดเกาะมากกว่า 4x2 สิ่งที่ต้องแลกกันคือเรื่องของการดื้อโค้งและเสียงดัง


ระบบ 4x4 สร้างมาเพื่อให้ล้อไม่ฟรีพลังงานทิ้งบนทางโหดๆนอกถนน หรือให้ภาระของระบบขับเครื่อนกระจายไปทั่วทุกล้อเท่านั้น เช่นรถบรรทุกขับเพลาเดียวล้อจะตะกุยถนนพังเช่นที่เกิดขึ้นกับถนนสายวังน้อย-สระบุรี แต่บางประเทศห้ามรถสิบล้อเพลาเดียววิ่งบนถนน ถ้าเป็นสิบล้อต้องวิ่งสองเพลาเป็นอย่างต่ำ แบบนี้ถนนไม่พังเพราะแรงตะกุยถนนมันหารสองตลอด ในญี่ปุนก็เป็นแบบนี้ ถนนไม่พังเพราะสิบล้อแต่ เวลามันทำรถให้เราใช้มันทำเพลาเดียวมาขาย เราเลยต้องซ่อมถนนทั้งปีทั้งชาติ


การลดความเร็วให้อยู่ในสภาวะคุมรถได้ตามสภาพของรถเป็นทางเดียวของความปลอดภัยครับ แต่ลดเท่าไรเป็นเรื่องของความพร้อมของรถแต่ละคัน รถปาเจโรของผมอาจจะปลอดภัยบนทางลื่นที่ไม่เกิน 100 แต่ของอีกท่านเกิดใส่ยาง Mud แบบนี้ต้องเหลือ 60 แต่ถ้าผมเกิดไปห้อ EVO 4x4 ใส่ยาง P7000 แบบนี้วิ่ง 120 ยังสบายๆบนทางแบบนี้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:00  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42184

คำตอบที่ 38
       ระบบ 4x4 เป็นทางออกของการอ้างกับเมียที่จะซื้อรถโดยไม่ถูกเมียบ่น โดยอ้างถึงความปลอดภัยในราคาแพงเท่านั้นครับ

การอ้างความรู้สึก อันนี้เป็นแค่ความรู้สึกที่เหมือนเรื่อเล่าลือสืบกันมา โดยไม่สามารถอ้าหลักการหรือกฎทาง ฟิสิกได้เลยสักข้อ

ระบ 4x4 เป็นระบบที่ให้ความสะดวกในการวิ่งในพื้นที่ลื่น หรือวิ่งผ่านอุปสรรคที่ 4x2 ทำไม่ได้ แต่ไม่เกี่ยวกับความปลอดภัยสักนิด 4x4 เป็นอุปกรณ์ที่จะพาคุณไปในที่ 4x2 ไปไม่ได้เท่านั้นเอง




ใช่แล้วครับ มันเท่านั้นเองจริงๆ จ่ายสิบบาทจะเอายายตายเลยหรืออย่างไร



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:01  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42185

คำตอบที่ 39
       ยางเป็นตัวสร้างแรงยึดเกาะระหว่ารถกับถนน(Traction) ระบบ 4x4 ไม่เกี่ยว



แรงบิดสำคัญกว่าแรงม้า แต่แรงบิดจะไม่มีประโยชน์ถ้ามันถ่ายลงพื้นไม่ดี อันนี้คงไม่มีใครกล้าบอกว่าไม่จริง เพื่อนที่ดีของคนขับรถคือยางเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อระบบควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยลงพื้น เชื่อมต่อพลังงานจากระบบขับเคลื่อนลงพื้น แต่คนส่วนมากมักจะทำไม่ดีกับเพื่อนที่ดี มันเป็นธรรมดาของโลก เราจะลืมเติมลมให้มัน ลืมที่จะดูว่ามีอะไรแปลกปลอมไปทิ่มแทงจนมันลมน้อยลงหรือเปล่า จนมันแบบนแล้วจึงจะสำนึกว่าไม่ได้ดูแลเพื่อนที่ดีนี้เลย


ในระบบ 4x4 แบบ part time แรงกระทำทั้ง 4ล้อจะเท่ากัน แต่แรงยึดเกาะของหน้ายางจะไม่เท่ากัน ใช่ครับผมพิมพ์ไม่ผิดหรอก แรงกระทำเท่ากันแต่การยึดเกาะไม่เท่ากัน เพราะน้ำหนักกดหน้ายางมันเท่ากันที่ไหน ล้อซ้ายกับขวาถ้ามันไปปีนกรวดขอบทางก็ยึดเกาะไม่เท่ากันแล้ว ดังนั้นมันจะพยายามปั่นฟรีทิ้งออกไ แต่เพลาขับมันดิ้นไม่ออกจาก windup effect ของเพลากลางที่แบ่งแรง 50-50 มันเลยไปตะกุยที่อีกสามล้อแทนทำให้รถเซบ้างแต่ก็ยังวิ่งต่อไปได้



แต่ full time 4x4 แรงกระทำทั้งสี่ล้อจะไม่เท่ากันถ้าเกิดกรณีดังกล่าวเพราะ center differential มันจะฟรีตัวเพลาขับข้างที่ลื่นไปส่งให้ข้างที่ฝืดแทน ทำให้การเซน้อยลง คุมได้ง่ายขึ้น บ้างครั้งฟรีตัวหน้าหลังได้ถึง 20-80 ก็ยังได้



รถสปอร์ทแรงๆก็เป็นระบบ 4x4ทั้งนั้นเพื่อลดขนาดของยางให่ใช้หน้าที่เล็กลงได้ และการเอาม้าลงถนนเป็นร้อยตัวถ้าหารม้าเป็นสี่ขาแทนที่เป็นสองขา ยางก็ยังรับมือไหวไม่ควันโขมงฟรีล้อดังไปทั้งถนน


แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ระบบอะไรก็ไม่เกี่ยวกับการสร้างแรงยึดเกาะ เป็นเรื่องของน้ำหนักกดหน้ายางกับความผืดของถนนเท่านั้น แล้วที่จุดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:01  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42186

คำตอบที่ 40
       ปัญหาใหญ่จริงๆครับของรถขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 50-50 คือมันวิ่งบนถนนดำตอนแห้งไม่ได้


ทำไมถึงสับ 4x4 วิ่งบนถนนดำแห้งไม่ได้ สำหรับคนที่บอกว่าสับแล้ววิ่งได้ ไม่พัง นิมนต์พระคุณท่านให้เลิกอ่านกระทู้ขี้วัวแบบกระทู้ของผมไปเลยนะครับ ถ้าเห็นด้วยกับผมว่าไม่ได้ก็เชิญอ่านต่อ



จากที่รู้กันแล้วว่า central differential gear มันปรับตัวได้ให้แบ่งแรงหน้าหลัง ตามอัตตราส่วนของแรงยึดเกาะ ไม่มีการ winding effect หรือการงัดกันของเพลา (ไชโย.... กงศุลใหญ่ของผมแปลเป็นไทยให้ได้แล้ว) ให้เกิดการเสียหายของระบบขับเคลื่อน ไม่มีการดื้อโค้ง ไม่ลื่นออกข้างหรือปลิ้นโค้ง ส่งแรงมาที่ล้อเต็มกำลังเครื่องตลอดเวลานั่นเป็นข้อดีของ Full time 4x4



เต็มกำลังเครื่องนะครับ อย่าสับสน ไม่ใช่เต็มกำลังของการยึดเกาะนะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่กล้าบอกก่อนหรอกว่า Part time 4x4 เป็นราชาของป่าและทะเลทราย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:02  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42187

คำตอบที่ 41
       จากรูป ความเร็ว A+B ไม่เท่ากับ C+D แต่ A+B คือความเร็วเพลาหน้า C+Dคือควาเร็วเพลาหลัง แต่การแบ่งแรงของ Part time มัน 50-50 ดังนั้นมันจึงเกิดอาการเพลางัดหรือ winding effect ขึ้น และมันจะดื้อโค้งสุดๆ เนื่องจากล้อหน้าจะไปเร็วกว่าล้อหลังตอนเข้าโค้ง แต่เพลาหน้าโดนเพลาหลังดึงความเร็วอยู่ดังนั้นล้อหน้าโดนดึงโดยล้อนอกโค้งจะลากพื้น


ถ้าอยากจะลองแบบเห็นกันจะๆก็ใส่4x4 จอดรถแล้วหักเลี้ยว แล้วถอนคลัท จะรู้ได้ทันทีว่าต้องให้กำลังสูงกว่าปกติที่จะทำให้รถเคลื่อนตัวล้อหลังมันต้องงัดล้อหน้าเกิดแรงแก่ชุด Transfer Gear แบบมหาศาล


เอาล่ะคราวนี้รู้แล้วว่า Part time 4x4 มันใช้บนถนนดำไม่ได้ ถ้าเป็นถนนดินมันปลิ้นตัวลื่นได้ดีกว่าล้อมันจะฟรีช่วยตอนเข้าโค้งดังนั้นมันจะไม่พังแต่การยึดเกาะยังเกือบเต็มร้อยเหมือนเดิม คือฟรีคู่หน้าตัวใดตัวหนึ่งอีกสามล้อที่เหลือยังอยู่ฟรีคู่หลังตัวใดตัวหนึ่งอีกสามล้อยังเหลือ แล้วเหลือแบบเท่ากันเสียด้วย นี่คือความลับของราชาแห่งป่าที่ full time 4x4 ได้แต่แอบมองด้วยความอิจฉา





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:03  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42188

คำตอบที่ 42
       แรง Wind up ที่ชุด Transfer Gear มหาศาลแค่ไหนก็ดูเอาเองครับ ดื้อใช้ 4x4 บนทางดำ จนเสื้อกระจายแบบนี้ช่วงล่างหน้าคงดูไม่จืดเหมือนกัน

ตลอดทางที่มีการส่งแรง U-joint - diff - transfer - เพลา - ลูกปืน - โซ่ - ฯลฯ มันไม่พังก็เสื่อมตลอดทางที่แรงมันผ่านตัวไป

จุดจบของคนดื้อครับ คราวนี้ได้ฝังความจำลง DNA กันบ้างแล้วครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:03  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42189

คำตอบที่ 43
       พูดเรื่องการยึดเกาะ(traction)แล้วมันยังมีเรื่องให้คุยกันอีกมากครับ การแต่งช่างล่าง รถเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องของการทำอย่าไรให้หนึบเป็นตุ๊กแก หรือเพิ่มการยึดเกาะนั่นเอง คนขับกับถนนสื่อถึงกันด้วยยางสี่เส้นครับ จำที่ผมบอกว่าเพื่อนดีที่ถูกลืมคนนี้ได้ไหมครับ เรามาดู Traction ที่มีผลกับ 4x4 กันดีกว่า


Traction คืออะไร ตอบแบบง่ายๆที่ต้มเป็นโจ๊กเหลวๆแล้วก็คือความผืดของหน้ายางกับผิวถนนโดยมีตัวแปรดังนี้
น้ำหนักกดหน้ายางมากก็ยิ่งมีการยึดเกาะมาก พวกรถแข่งติด spoiler หลังเพื่อเอาน้ำหนักกดท้ายไม่ให้ท้ายดิ้นตอนความเร็วสูงนี่เอง รถปิคอัพท้ายเบาพอใส่ของสัก 200กิโลท้ายมันเชื่องขึ้นมากก็เพราะ Traction มันเพิ่มขึ้น


ยางหน้าใหญ่มี Traction มากว่ายางหน้าเล็ก ยางอ่อนมี Traction มากกว่ายางแข็งเพราะพื้นที่สัมผัสถนนมันมากกว่า


สถาพถนนแห้ง เปียก ลื่น โคลน ลูกรัง เป็นตัวลด Traction ที่สำคัญมาก เคยเห็น X5 ทำโดนัทบนทะเลสาบน้ำแข็งหรือเปล่าครับ วานาสคูว่า โชว์ลีลาสเก็ตน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น เป็นโฆษณารถที่ผมประทับใจมากที่สุดของปีที่แล้ว


คุณภาพของยาง จะเอา ฮันกุ๊กไปเปรียบกับ P7000 มันก็เหมือนกับเด็กไปชกกับผู้ใหญ่ เอา MT ไปชกกับ HT เห็นง่ายกว่าครับ สมมุติว่าวิ่งบนทางดำ HT มีแรงยึดถนน 100บาท MT จะเหลือไม่เกิน 70บาท แต่ถ้าเป็นดินหนังหมู HT เหลือ 20บาท แต่ MT ยังเหลือ 40 บาทเป็นต้น ยางเก่ากับยางใหม่ก็จะเห็นผลในทางดำมากกว่าทางดิน เพราะหน้ายางใช้เต็มที่กว่ากัน สมมุติว่ายางโล้นดอกหมดเกลี้ยงเป็นหัวล้านจะยึดเกาะดีกว่ายางใหม่ดอกเต็ม


ครับผมพิมพ์ไม่ผิด ยางหัวล้านเกาะดีกว่ายางใหม่แน่นอนเพราะหน้ายางมันเต็ม 100% แต่ยางใหม่มันเสียพื้นที่ของดอกยางไปกว่า 30% จะเห็นว่ารถแข่งใช้ยาง Slick ไม่มีดอกกันทั้งนั้นเพราะต้องการผิวสัมผัสเต็ม 100


F1 สั่งห้ามยาง Slick กันมาสองปีแล้ว เพราะรถเข้าโค้งกันไม่ยั้ง ตายทุกปี ให้ใส่ยางดอกจะได้เบาโค้งกันหน่อย แต่ยางหัวโล้นจะไม่มีการรีดน้ำเลย ดังนั้นถ้าฝนตกก็จะลื่นไถลง่ายมาก ดังนั้นดอกยางมีไว้รีดน้ำอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับการเกาะถนนเลยสักนิดเดียว สิ่งนี้ทางบริษัทยางหลอกเรามานานเป็นร้อยปีพร้อมกับรถคันแรกที่ผลิตออกขายแล้วครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:04  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42190

คำตอบที่ 44
       แต่ถ้าถนนเปียกหรือวิ่งทางดิน การยึดเกาะหดเหลือครึ่งเดียว 50บาท ถ้ายังอัดเหมือนทางดำก็ล้อหลังจะขาดทุนไป 20บาท แต่หน้ายังเกาะอยู่ แบบนี้เรียกว่าออกตัวฟรีพลังงานทิ้งไปเปล่าๆ อาการนี้เป็นแบบเดียวกันกับการเข้าโค้งแรงๆ ป้ายปัดหลุดโค้งแน่ๆครับ วิ่งทางดินต้องหารสองทุกอย่างครับ แต่สิ่งที่ต้องคูณ 2 คือการระมัดระวังในการขับ ข้อนี้สำคัญมากรถมีเงินก็เปลี่ยนได้ แต่คนจะเปลี่ยนต้องไปเกิดใหม่อย่างเดียว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:05  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42192

คำตอบที่ 45
       แต่ถ้าเป็นถนนแห้งเหมือนเดิมแต่ออกตัวแรง ท้ายก็ฟรีทิ้ง อาการเดียวกับการไต่ทางชัน การไต่ทางชันเครื่องยนต์ต้องส่งแรงมาสู้กับน้ำหนักบรรทุก ถ้าชันมากจนเกิน Tration เกินร้อยไปสิบบาท ล้อก็ฟรีได้แม้จะเป็นทางดำครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:07  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42193

คำตอบที่ 46
       เรามาดู 4x4 กันบ้าง เอาเหมือนรถปิคอับคันเมื่อตะกี้นี้ แรงภาระ 140บาทเหมือนกัน พอสับเป็น 4x4 แล้ว เพลาขับหน้าหลังจะแบ่งแรงกัน 50-50 ดังนั้นภาระการขับเคลื่อนจะหารสอง และหารสองอีกครั้งเป็นล้อละ 35บาท ยังเหลือ Tration ให้ใช้ได้อีก ล้อละ 65บาท นี่คือเหตุผลว่าทำไม 4x4 ในที่ 4x2 ไปไม่ได้
แต่อย่าไปคิดว่า4x4มันจะปลอดภัยกว่า 4x2 นะครับถ้าสับสนก็ย้อนไปอ่านข้างบนใหม่อีกครั้ง ในหัวข้อความปลอดภัย มันแค่ Traction แต่คนละเรื่องกัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:07  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42194

คำตอบที่ 47
       เอาเป็นโจทย์ข้อเดิม วิ่งบนทางดิน น้ำหนักเดิมทุกอย่าง รถ 4x2 ปล่อยล้อฟรีแล้ว แต่4x4 ยังวิ่งปุเลงปุเลงต่อไปได้เพราะ traction เหลือยอยู่ตั้ง ล้อละ 15 แต่ห้ามชะล่าใจประมาทเป็นอันขาด อีกนิดเดียวก็ลื่นแล้ว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:08  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42195

คำตอบที่ 48
       นี่ก็โจทย์ข้อเดิมอีก ขึ้นทางชันแล้วสับ 4x4 ยังเหลือ Tration ตั้งเกือบครึ่ง ขับสบายใจกว่ามากว่าเข้าโค้งได้เร็วกว่า 4x2 และไม่ฟรีทิ้งเหมือน 4x2





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:08  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42196

คำตอบที่ 49
       โจทย์ยากขึ้นอีกนิด ถ้ารถเข้าโค้งด้วยล่ะ แล้วแรงทางด้านข้างของยางมันต้องเอามาลบด้วยหรือเปล่า คำตอบคือต้องลบครับ เมียใช้หรือลูกใช้มันก็อยู่ในร้อยบาทตามโจทย์นี่แหละครับ เอาแบบโจทย์ข้อแรก สับ 4x4 แล้วบรรทุกเท่าเดิม แต่สาดโค้งด้วย ยางแต่ละเส้นรับแรงด้านข้าง (Lateral force) เส้นละ20บาท จะยังได้เปรียบ 4x2 อยู่ดี ยังสาดได้แรงกว่าเพราะยังเหลืออีกเกือบครึ่ง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:09  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42197

คำตอบที่ 50
       ถ้าเกิดวิ่งไปเพลินๆแล้วทางดำมันขาดช่วงเหมือนทางไประยองช่วงหน้านิคม Eastern ตอนนี้ ทางดำมันกลายเป็นหินคลุกแบบไม่เตือนกันก่อน อัดกันเป็นร้อยแล้วเจอทางเลวในทันที คนส่วนมากจะเบรคทันที และก็หมุนทันทีอีกเหมือนกันถ้ารถคันนั้นไม่มี SRS หรือ ABS ใช้งาน


แต่ 4x4 แตนๆ แบบไม่ต้องพึ่ง ABS หรือ SRS ยังหักหลบได้ไม่เสียแรงยึดเกาะจนหมด


ในระบบ 4x2 วิธีที่ดีที่สุดคือถอนคันเร่งแล้วลงเกียร์ต่ำให้ท้ายฉุดหน้ารถจะไม่ปัด แต่ถ้าไปเจอยายเจ๊หัวฟูแกเบรคตัวโก่งข้างหน้าก็ตัวใครตัวมันนะครับ ต้องเลือกว่าจะทิ่มตูดเจ๊แกหรือลงคูน้ำกลางถนน ไม่ได้กลัวรถพังครับ กลัวเจ๊แกติดใจน่ะ


เอาเข้าเรื่อง ทางแบบนี้สมมุติให้เหลือ สภาพ Traction 70บาท ใช้ไปตามโจทย์เดิม สาดโค้งอีก 20บาท ยังเหลืออีก 15บาท อันนี้ถ้าเป็น 4x2 ล้อฟรีทิ้งไปนานแล้ว แต่ 4x4 ยังไปได้ไม่ต้องลดความเร็ว


แต่อย่าประมาทนะครับ เหลืออีก 15บาทเอง รับมือเจ๊หัวฟูแกเบรคข้างหน้าไม่ได้แน่นอน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:10  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42198

คำตอบที่ 51
       ทำไมรับมือกับเบรคไม่ได้ เอาเป็นแบบนี้ดีกว่า เครื่อง 100แรงม้าแรงโม้ ออกล้อฟรีได้ทุกคัน วิ่ง 0-100 ต่ำกว่า 10 วินาที แต่เบรคมันหยุดรถ 100-0 ได้ไม่ถึง 2วินาที ถ้าคิดตามอัตตราส่วนเวลา เบรครถทุกคันมีแรงม้าติดลบไม่ต่ำกว่า 500 แรงม้า แล้วยางที่ไหนมันจะเอา Traction มารับมือกับแรงม้าติดลบขนาดนี้ได้


ผมบอกเป็นหนที่ สี่ว่าอย่าประมาท 4x4 แม้ว่า Traction เหลือมากว่าแต่ไม่ได้ปลอดภัยกว่า 4x2 สักนิด เพราะทุนยังเป็น 100บาทเหมือนกัน เผาศพก็วัดเดียวกัน ดังนั้นสติเป็นที่พึ่งที่ดีครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:10  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42199

คำตอบที่ 52
       ช่วงล่างมันมีส่วนกับ Traction หรือเปล่า

คำตอบคือมันมีแน่นอนอยู่แล้ว ช่วงล่างดีๆ ต้องสู้ราคากันเป็นหมื่นแต่พื้นฐานของรถสำคัญมาก เอา Sunny b11 มาลงช่วงล่างดีอย่างไรมันก็แต่งไม่ขึ้นครับ เพราะระยะการกระจายน้ำหนักของมันเป็นได้เพียงรถจ่ายกับข้าวที่นังแจ๋วขับเท่านั้น คุณนายยังไม่แล ระดับคุณนายต้องเอา Civic เป็นอย่างต่ำไปจ่ายกับข้าวเสียด้วยซ้ำ

จะเห็นว่า Pjero เดิมๆ จะสูบลมหน้า 28 หลัง 33 เพราะหลังมันหนักกว่าหน้า ขณะที่ปิคอัพตัวเปล่า หน้ามันหนักกว่าหลัง และตัวที่สำคัญคือระยะเต้นของช่วงล่างมันจะส่งแรงให้หนึบได้ยาวแค่ไหน

สมมุติว่ารถหนัก 4000lb กระจายน้ำหนักดีมาก 50-50 เหมือนรถสปอร์เครื่องวางกลางลำ ลงล้อละ 1000lb ถ้ารถเกิดการโยนตัวเข้าโค้งหรือวิ่งทางเป็นคลื่นเหมือนผิวพระจันทร์ วังน้อย-สระบุรี การเต้นของล้อจะสำคัญมาก ถ้ารถโยนตัวได้มากแรงที่กดล้อก็ยังลงได้ 1000lb เหมือนเดิม เพราะสปริงหรือแหนบหรือ Torsion bar ยังดีดตัวลงแรงไปล้อได้ แต่ถ้ามันวิ่งสุดแล้วล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น


สิ่งที่เกิดขึ้นคือล้อนั้นจะไม่ส่งน้ำหนักลงพื้นครับ เมื่อไม่มีน้ำหนักกด Traction ก็ไม่เกิด อันนี้ผมบอกรู้กันก่อนในกระทู้ก่อนหน้าไปแล้วนะครับ


ดังนั้น ช่วงล่างที่มีระยะเต้นได้ยาวกว่าย่อมสร้างการยึดเกาะได้ดีกว่า แต่โยนตัวกว่าดังนั้นระบบ Damping ต้องดีด้วย ระบบ Damping ที่ผมว่าก็คือ Shock Absorber

สปริงดันล้อให้ติดพื้นไม่ว่ารถจะโยนตัวอย่างไรสริงต้องดันล้อด้วยน้ำหนักรถลงพื้นเสมอ แต่สปริงมันเต้นตลอดเวลาตามสภาพทางตัวที่จะทำให้มันหยุดเต้นต้องใช้ Damper จะใช้เท่าไรต้องคำนวน จะเอาแบบเต้นหนเดียวหยุดก็ต้องให้เป็นแบบ Over Damping จะเอาแบบนุ่มก้นแต่โยนมากก็เป็น Under damping จะให้พอดีไม่มากไม่น้อยก็ต้องให้ค่า C=K คือ Critical Damping แบบนี้แรงของ Shock Absorber จะเท่ากันกับแรงสปริง รถคันไหนทำได้ก็จะขับสนุกและนุ่มเหมือนรถบ้านธรรมดาออกห้างป้ายแดงที่ขายกันทั่วไปคันหนึ่ง



รถที่ไปขัน Torsion Bar จนสูงโย่ง ระยะเต้นของปีกนกเหลือนิดเดียวมันเท่ห์แต่อาจจะไม่ได้กินอาหารมื้อต่อไปทางปาก อาจจะต้องใช้วิธีใส่บาตรไปให้ก็ได้นะครับ ระวังให้ดี เรื่องกฎธรรมชาติ ได้มาอย่างต้องแลกกับอีกอย่างเสมอ


รถแลนด์โรเวอร์ที่เกาะหนึบโค้งถ้าก้มลงไปมองจะเห็นว่าทุกล้อสปริงยาววืด รถ Honda ก็สปริงยาวกว่าปกติเมื่อเทียบกับรถทั่วไป ดังนั้นเรื่องของการให้ตัวของรถย่อมดีกว่ารถยี่ห้ออื่นที่สปริงสั้นกว่า แต่รถจะโยนตัวมากกว่าเป็นสิ่งต้องแลกมา

ใช่แล้วครับของดีทุกอย่างไม่มีในโลก พวกชอบยกทอร์ชั่นบาร์จนปีกนกเหลือระยะเต้นด้านเด้งขึ้นบนน้อย ควรระวังตัวเอากันสักนิดนะครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:11  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42200

คำตอบที่ 53
       แน่ใจหรือเปล่าว่าต้องใช้ 4x4 ในกรณีใดบ้าง


บนถนนเปียก Full time 4x4 เข้าโค้งได้เร็วกว่า 4x2 แต่ Part time 4x4 อาจจะเข้าได้เร็วพอกันถ้าขับรถคันนี้มานานพอที่จะคุ้นกับการดื้อโค้งของรถอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นถนนแห้งอาจจะนอนนอกโค้งให้หนอนกิน หรือไม่ก็เสื้อเกียร์แตกกระจาย


รถกระเทย AWD ขับได้ทุกประการเหมือน full time แต่ไม่มี Low ให้ใช้ และมันไม่ทนต่อทางโหดมากเหมือนรถพันธ์แท้ มันไม่ได้มีค่ามากกว่ารถปิคอัพธรรมดาในทางป่า แต่ดีกว่ารถเก๋งธรรมดาตอนถนนลื่นหลายขุม แต่ไร้ประโยชน์บนทางดำที่แห้งเพราะล้อหลังมันไม่จับส่งแรงเลยแม้แต่น้อย เพราะล้อมันวิ่งความเร็วเท่ากันทั้ง 4 ล้อชุด Hydrolic มันจะไม่ส่งแรงไปล็อกเพลาหลังครับ ตอนในโค้งดอกจอกหมุนตัวมันก็สั่งให้ไม่ล็อกเช่นกัน


Part time 4x4 คือรถ ขับเคลื่อน 2ล้อหลังที่สามารถส่งกำลังมาล้อหน้าได้ตอนวิ่งในทางดิน ถ้าวิ่งทางดำแบบ 4x4 นานๆ ไม่รถตายก็คนตาย


Par time 4x4 จะตัด ABS ทิ้งโดยอัตโนมัติเพราะอย่างไรล้อมันวิ่งเท่ากันอยู่แล้วจากการ wind up อย่าชะล่าใจเด็ดขาดว่ารถมี ABS


ใช้ ABS บนถนนลูกลังคือการเอาขาแหย่โลงไปขาหนึ่ง เพราะระบบ ABS จะลดระยะเบรคตลอดเวลาที่ล้อลื่นไถลที่ความเร็วเกิน 60 กม/ชม เบรคจะลื่นเหมือนไม่ได้เบรค ดังนั้น กด ABS off ทุกครั้งที่ใช้ 2H บนทางลูกลัง


ถ้ามีคนถามว่าถ้ามีรถแบบ Full time 4x4 ใช้สักคันจะต้องสับ 4x4 ใช้ทุกวันได้หรือเปล่า ผมจะตอบว่าแล้วมันสับ 2H ได้ก็สับเพื่อประหยัดน้ำมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า Kwuan Teen เล่นตรงที่ให้ไปสับ 2H คนเคยใช้หัวเราะตั้งแต่สามวินาทีที่แล้วครับ


รถ full time 4x4 ไม่จำเป็นต้องเป็น off road เสมอไปครับ Evoในตัวlancerd ก็เป็น 4x4 กาแลนซ์ VR4 ก็เป็น 4x4 Porche ก็มีรุ่น 4x4 ฯลฯ แท็กซี่ Limo อาจจะเป็นสักวันถ้ามีใครบ้าไปเอาช่วงล่างของ Cilica มาใส่


รถที่บอกมารวมถึงเจ้าป่าแบบ Land Cuiser ตัวใหม่ มันเกิดมาเป็น Full time ไม่ลดตัวลงไปต่ำกว่านี้โดยยอมวิ่ง 2H เสียด้วยซิครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:11  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42201

คำตอบที่ 54
       รถ 4x4 รุ่นกระเทยพัฒนา รถแบบนี้ยอมไม่ได้ให้ใครมาตราหน้าว่าถนนดำแล้ววิ่งสองล้อ ระบบแบบนี้จะล็อกเพลาให้ส่งกำลังเวลาต้องการการตะกุยที่หนักกว่าปกติ เช่นขับขึ้นเนินลานจอดรถ หรือเพลาขับส่ออาการไม่ดีล่วงหน้าเช่นถนนลื่น เข้าโค้งชัน หรือมุมลิ้นอากาศเปิดมากกว่าปกติ แสดงว่าต้องการกำลังขับเคลื่อนสูง ระบบอีเล็คโทรนิคจะตัดสินใจให้เองว่าจะล็อก central differntial ให้หรือไม่แล้วจะล็อกเท่าไรด้วย เหมือนมีลิมิเต็ดสลิปไฟฟ้าฝังอีกตัวในเกียร์


แต่ในสภาพปกติมันไม่ทำงานครับ กระเทยพัฒนาเลยวืดในการใช้งานปกติประจำวัน


เฮ้... Limited slip ผมยังไม่ได้เล่าให้ฟังเลยนี่ เอาเรื่องเฟืองท้ายอีกเรื่องดีกว่าจะได้ครบถ้วนเรื่องระบบขับเคลื่อน แต่เอาระบบให้จบเป็นเรื่องๆ



ระบบสุดท้ายระบบ รวมมิตรอภิมหา 4x4 จะรวมเอาระบบ Full Time 4x4 และ Automatic Asymmetric AWD หรือกระเทยพัฒนา มารวมกัน เป็นหนึ่งเดียว หรือจะเรียกว่าระบบ เสือใบ เห็นท่าจะดีนะ รถระดับสูงบางตัวของเวปข้างบ้านเช่น Grand Cherokee รุ่น WJ และ KC จะควบคุมการขับเคลื่อนด้วยระบบ QuadraDrive II ปกติจะวิ่งเพลาเดียวคือเพลาหลัง ด้วย Gerodisc technology จะบริหารการส่งกำลังไปยังล้ออื่นๆตามความจำเป็นตั้งแต่ระดับ จับนิดเดียวกันลื่นบนหิมะ จนถึงจับล็อก 50-50 แบบ part time เพื่อต้องการ Torque สูงสุด ความแม่นยำของการส่งกำลังระบบนี้สูงมาก ความคงทนของระบบกลไกสูงมาก อย่างไรก็ไม่พาไปกินข้าวลิงเพราะเกียร์ แรงที่สำคัญคือแรงบิดส่งมาที่ล้อแบบประหยัด และแบบพลังมีให้ครบทุกอย่างตามที่สภาพถนนจะอำนวยให้ เทียบกับระบบกระเทยที่อยู่ต่ำสุดแล้ว พี่เสือใบ ต้องยกให้เป็นระบบสูงสุดของ 4x4


เมียข้างบ้านจะสวยอย่างไรผมก็ยังรักอีแก่ Pajero ของผมเสมอ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:12  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42202

คำตอบที่ 55
       อเมริกาไม่ได้เก่งเจ้าเดียว อย่าไปดูถูกเยอรมันกับญี่ปุ่น ถ้ารู้ใส้เกียร์ของ Benz M class และ Land Cuiser Cynus หรือ Lexus 480 แล้วจะต้องบอกว่า เสือใบเยอรมัน กับ เสือใบญี่ปุ่น ไม่ด้อยกว่า Gerodisc เสือใบอเมริกา เลยแม้แต่น้อย

ในรูปนี่เป็นเกียร์ 4x4 ของ เบนซ์ M class ครับ off road สุดหรูในฝันที่ไม่เป็นจริงของผม





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:13  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42203

คำตอบที่ 56
       ระบบ AWD ที่ผมบอว่ามันไม่จำเป็นสำหรับถนนดำเลย ถ้าใครเคยขับรถโฟร์คตู้ syncro มาก่อนจะต้องบอกให้ผมถอนคำพูด


แน่นอน ผมเองก็เคยขับมาเมื่อกว่าสิบปีก่อน มันคืออภิมหารถตู้ครับ Viscous coupling ระบบส่งกำลังค่อนข้าจะซับซ้อนเกินกว่า CRV ที่ใช้ระบบกระเทยคุมล็อกเพลาหลังที่เพืองท้ายหลายขุม มันไม่ได้คุมการหมุนตัวของล้อที่ลื่นครับ แต่มันฉลาดพอที่จะคุม Torque ที่ส่งไปของแต่ละล้อเลย

และระบบเกียร์ 1 แบบต่ำมากระดับคุณยายเดินเล่น บวกกับ Diff lock อัตโนมัติ หน้าหลัง สมบูรณ์แบบ ทำให้ซุเปอร์รถตู้คันนี้ตะลุยได้ไม่แพ้ Off road เลยทีเดียว เพียงแต่มันอึดไม่เท่ากัน ถ้าให้รถลุยมากๆมันพังง่ายกว่ารถที่เกิดมาเพื่อลุยแบบ off road เท่านั้นเอง


ทุกวันนี้ผมยังคิดถึงเจ้าอภิมหารถตู้คันนี้ สามวันกับพันกว่ากิโลเมตรที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:13  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42204

คำตอบที่ 57
       ระบบถ่ายกำลังแบบชั่วขณะ Viscous coupling





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:14  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42205

คำตอบที่ 58
       อีกรูป ผมประทับใจมาก เพราะ ลัมโบกีนี่ รถสปอร์ทในฝันของผมก็ใช้ระบบแบบนี้แบ่งแรง 4ล้อ

ระบบถ่ายกำลังแบบชั่วขณะ เช่น Viscous coupling , Haldex , Gerodisc ทำงานไม่เหมือน Full time 4x4 หรือ Automatic Asymetric AWD Automatic symetrical AWD แต่จะควบคุมการยึดเกาะถนนและปรับเปลี่ยนการส่งกำลังชั่วขณะคล้ายกันเท่านั้น


สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่เคารพ อย่าดูถูกเสือใบเป็นอันขาด ล้อหน้าก็โดน ล้อหลังก็โดน ไม่เหลือรอดมือ เสือใบ ครับ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:14  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42206

คำตอบที่ 59
       เอาเรื่อง Differential Gear ต่อตามที่บอกครับ



ใครคิดสร้างเฟืองดิฟคนแรก คนอิตาเลี่ยนบอกว่า อีตา Leonardo Davinci ทำชัวร์ เพราะแกออกแบบอะไรสาระพัด ตั้งแต่ เครื่องร่อน เฮลิคอปเตอร์ เรือดำน้ำเมื่อ 400ปีก่อน คนจีนบอกว่าอั้วทำเองว้อย ไอ้เลี่ยนโกหก คนจีนคิดได้กว่าสองพันปี เจ้า Machopolo มันมาเอาแบบไปเผยแพร่เมือ 800ปีก่อนนี้เอง คนฝรั่งเศสบอกว่าอีตา Pecqueur ผู้คิดออกแบบระบบขับ 4x4 เมื่อ 180ก่อนต่างหากเป็นคนคิดคนแรก ไม่อย่างนั้น 4x4มันจะเกิดได้อย่างไรกัน คนเยอรมันบอกว่า ไอ้ทั้งหมดไม่จริงมันอ้างเอาผลงานของตา Rudolp Ackerman ต่างหาก คนเยอรมันคิดระบบบังคับเลี้ยวของรถม้าได้เป็นชาติแรกระบบนี้มันใช้เพืองดิฟ คนอเมริกันบอกว่า รถ Harley Davison รุ่นแรกมันมี 3ล้อต้องใช้เกียร์ที่ออกแบบเมื่อสองร้อยปีก่อนโดยนาย Worksman คนอเมริกันพันธุ์แท้เพืองดิฟมันเกิดที่นี่เอง หรือไม่ก็เป็นอเมริกันอีกคนคือนาย Jame Starley ผู้ค้นคิดจักรเย็บผ้า คิดยางล้อจักรยานเป็นคนเอาเพืองดิฟใส่รถยนต์คนแรกในปี 1870 คนสวิสบอกว่าไม่รู้ว่าใครแต่ต้องเป็นคนสวิสแน่นอนเพราะมันมาอยู่ในนาฬิกาสวิสเป็นร้อยปีแล้วคร้าบ


สำหรับผมเอง ผมว่าสุนทรภู่ค้นพบวิธีสร้างเฟืองดิฟชัวร์ที่สุด

ดีสมน้ำหน้ามันมั่วนิ่มกันดีนัก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:15  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42207

คำตอบที่ 60
       เฟืองดิฟ คือเพืองที่ยอมให้เกิดการแตกต่างของการหมุนของใส้เพืองได้ จะประกอบด้วยเฟืองเดือยหมูต่อจากเพลาขับ เพืองบายสีต่อพลังงานในลักษณะการทดมากน้อยเพืองดอกจอกเป็นตัวปรับความเร็วของเพลาล้อโดยถ้าดอกจอกนิ่งแสดงว่าเพลาสองข้างหมุนเท่ากัน พอเข้าโค้งล้อด้านนอกโค้งจะหมุนใส้ดอกจอกให้ขยับตัวหมุนรอบแกนซึ่กันและกันเพื่อลดความเร็วของการหมุน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

PhumJai จาก PhumJai 58.147.45.124 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 02:15  IP : 58.147.45.124   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 42208

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,26 เมษายน 2567 (Online 7195 คน)