คำตอบที่ 31
       ติดต่อกลุ่มที่ทำโปรเจคพวกนี้ครับ ขอเข้าเยี่ยมชม เขายินดีให้ข้อมูลแน่นอน เพราะไม่ใช่คู่แข่งทางการค้า
และเป็นการสร้างเครือข่ายใช้ในการต่อรองซื้อของ แลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ครับ


ไม่รู้จะติดต่อหาใครไป พพ ก่อนเลยครับ มีข้อมูลและไซท์ตัวอย่าง
ดูด้วยว่าไซท์ ตัวอย่างเป็นคนขายอุปกรณ์เองหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
       ตอบ คุณหนุ่มกระโทก

ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับคำเเนะนำมากนะครับว่าเเต่ พพ นี้ย่อมากจากอะไรหรือครับ

เเล้วถ้าไปติดต่อขอดู ไซท์ตัวอย่างเเล้วเกิดเค้าเป็นคนขายอุปกรณ์ด้วยต้องระวังอะไรหรือปล่าวครับ..??

เช่นข้อมูลที่ได้อาจจะเวอร์ๆเกืนจริง หรือ อย่างอื่นๆ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       พพ = กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

หรือไปนั่งคุยกับพลังงานจังหวัดโดยตรงเลย

ถ้าคุยกับคนขายก็ต้องการ์ดสูงเป็นธรรมดา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       ตอบคุณ หนุ่มกระโทก

ลองไปโพสดูในเวปของ พพ เเล้วครับเงียบกริบ 555

http://www.dede.go.th/dede/index.php?option=com_kunena&Itemid=116&func=showcat&catid=27&lang=th

สงสัยอาจจะต้องหาเเหล่งข้อมูลอื่่นๆ ควบคู่ไปด้วยไม่ทราบว่าคุณหนุ่มกระโทก พอทราบที่อื่นๆอีกไหมครับว่าหน่วยงาน หรือ สถาบันใคที่ทำการศึกษาทางด้านพลังงานทดเเทนอีกบ้าง

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       ตอบคุณ von Richthofen

ไม่ทราบว่า คุณ von Richthofen ทำงานเป็นอาจารย์ หรือปล่าวครับถ้าใช่ตอนนี้ผมกำลังมีความคิดที่จะศึกษาต่อทางด้านพลังงาน ไม่ทราบว่าพอจะมีคำเเนะนำไหมครับว่าที่ไหนน่าสนใจ

ตอนนี้กำลังมองที่ สถาบันวิจัยพลังงานของจุฬา(Energy Research Institute Chulalongkorn University)

http://www.eri.chula.ac.th/eri-main/index.php/

อยู่ครับเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ถ้าพอทราบรบกวนขอคำเเนะนำด้วยนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
       ต้องโทรไปถาม หรือไปติดต่อโดยตรงครับ
ถามตอบในเว็บไม่ได้เรื่องหรอกครับ เพราะคนที่ทำไม่ได้มีหน้าที่คอยตอบ

หรือคิดว่าจะทำที่ไหน ไปติดต่อที่พลังงานจังหวัดครับ ผมคิดว่าพลังงานจังหวัดยินดีให้คำตอบ
และให้ข้อมูลไซท์งานที่เคยทำมาแล้วจริง ๆ

ส่วน อ. von เคยสอนระดับปริญญาเอกเรื่องพลังงานโดยเฉพาะ ในสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่
ตอนนี้ไม่ได้สอนแล้วครับ รมต พลังงานคนปัจจุบัน แถบประเทศภารตะ นี่ก็ศิษย์ก้นกุฏิ

ถ้าอายุยังน้อยผมแนะนำให้เรียนครับ ที่จุฬา หรือ ธรรมศาสตร์ก็ได้
ธรรมศาสตร์เรียนสองปีประมาณสองแสนบาท

แต่ถ้าอายุมากแล้ว อย่าดีกว่าเรียนมายังไงก็สู้ทำงานจริงไม่ได้
ประสบการณ์การทำงานความรู้มากกว่าเรียนปริญญาโทหลายขุมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
       ตอนคุณ หนุ่มกระโทก

ขอบคุณสำหรับคำเเนะมากครับ

ตอนนี้ผมพึ่งเรียนจบอายุ 23 ปี ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาสำรวจ จากจุฬา ซึ่งไม่ตรงสายงานกับที่ผมสนใจ คือ ทางด้านพลังงานผมจึงจำเป็นต้องไปเปลี่ยนสายตัวเองซะก่อนเพื่อจะได้สามารถทำงานในสายพลังงานได้ ซึ่งจากที่ได้หาข้อมูลมามีอยู่ประมาณ 3 ที คือ จุฬา เกษตร เเละ บางมด ที่เปิดสอนในสาขาพลังงานเเต่อยากเรียนที่ จุฬา เพราะคุ้นเคยสถานที่มากกว่าเพราะ ป.ตรี ก็เรียนที่นี้ เเต่ก็ติดตรงที่ได้ ดีกรีเป็น master of science ซึ่งไม่ทราบว่าเวลาไปทำงานหรือเรียนต่อ ศักด์ศรีจะสู้ทาง master of engineer ได้หรือปล่าวครับจากประสบการณ์ประเทศเราน่าจะบ้า engineer license มากกว่า เเละ เวลาทำงานทางสายวิทยา น่าจะเน้นไปทางด้านงายวิจัย เเต่ ทางด้านวิศวะจะเน้นไปทางส่วนปฎิบัติการ โดยส่วยตัวชอบงานในส่วนวิศวะมากกว่า เพราะคิดว่าทางด้านนี้โอกาสที่จะเติบโตขึ้นไปสู่ระดับบริหารน่าจะสูงกว่า(อันนี้จากที่ฟังคนอื่นนะครับ) เลยอยากจะรบกสนขอคำเเนะนำครับว่าที่ผมคิดมันถูกหรือปล่าว

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
       เข้มข้นไฟแรงครับ ติดตามอยู่ครับ ผมเองก็ 40 กว่า ครับสนใจพลังงานทดแทน ตั้งแต่สมัยเรียนจบ ครับ เมื่อปี 36 กะจะเข้าต่อโท วิศวะนิวเคลีย์ ที่จุฬาฯ ถ้าตอนนั้นเรียน คงยังไม่มีงานทำจนบัดนี้ เพราะคงทำโรงงานเองไม่ได้ด้วย
ขอบคุณทั้งท่านอาจารย์และน้องผู้ถาม ที่ให้ความรู้และ แนะนำครับ ตอนนี้ก็ทำ พลังงานจากแสงอาทิตย์ และ ลม ตามที่แนะนำกันในบอร์ดนี้ครับ เป็นพลังงานทดแทนครับ ทำเองใช้เอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       อ่านแล้ว คิดถึงสำนวนอาจารย์von กับพี่หนุ่มคับ

ตอนนี้ผมก็สนใจ เรื่องทำโรงงานหีบน้ำมันปาล์มส่งโรงงานน้ำมันพืชครับ พี่หนุ่มว่ายังงัยครับน่าสนไหม น่าทำไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
       ผมมีเพื่อนเป็นแม่เลี้ยงอยู่เมืองนคร เมื่อสามปีก่อนคุยกันเรื่องปาล์ม อยากทำโรงหีบปาล์มเหมือนกันครับ

มีสวนปาล์มซักสองพันกว่าไร่ ผมก็เลยถามกลับไปว่า แค่นี้ยังเหนื่อยไม่พออีกเหรอ

โรงปาล์มหน้าใหม่ส่วนใหญ่จะทำธุรกิจลานเทมาก่อน

ส่วนเรื่องหญ้าเนเปียร์นี่คุยกันครั้งสุดท้ายก็ราวปีกว่าแล้ว ที่ปรึกษามีครบ เงินทุนพร้อม

ปุ๋ยและน้ำพร้อม ที่ดินพร้อม แต่ก็ยังไม่เชื่อตัวเลขที่ทำออกมาสวยหรูอยู่ดีครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
       ตอบคุณ หนุ่มกระโทก

"ส่วนเรื่องหญ้าเนเปียร์นี่คุยกันครั้งสุดท้ายก็ราวปีกว่าแล้ว ที่ปรึกษามีครบ เงินทุนพร้อม ปุ๋ยและน้ำพร้อม ที่ดินพร้อม แต่ก็ยังไม่เชื่อตัวเลขที่ทำออกมาสวยหรูอยู่ดีครับ"

รบกวนช่วยส่ง link กระทู้ที่ว่านี้ได้หรือปล่าวครับพอดีหาไม่เจอจริงๆครับ อยากอ่านไว้เป็นความรู้เพิ่มเติม เเล้วในส่วนของระยะเวลาการคืนทุนนั้นผู้ที่ทำการทดลอง ที่ปรึกษามีครบ เงินทุนพร้อม ปุ๋ยและน้ำพร้อม ที่ดินพร้อม เค้าได้สรุปมาหรือปล่าวครับว่าประมาณเท่าไหร พอๆกับที่ผมได้ลองคำนวนไว้คราวๆหรือปล่าวครับ ถ้าเเตกต่างมีจุดไหนที่ผมคำนวนพลาดไปบ้าง

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       ไม่มีกระทู้ครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไปนั่งประชุมเมื่อปีที่แล้ว เงินลงทุนไม่มากเพราะว่าแค่ลงทุนที่ดินอีกไม่เท่าไหร่
เพราะให้ชาวนาปลูกหญ้ามาขาย

น้ำก็ใช้น้ำที่บำบัดแล้วจากฟาร์ม วันหนึ่งก็มีเป็นร้อยคิว ปุ่ยก็ปุ๋ยจากฟาร์ม

เฉพาะส่วนที่จัดการย่อยหญ้า ประมาณ ห้าสิบล้าน
ที่ไม่เชื่อเพราะไม่มีใครเคยทำ ยังไม่รู้ปัญหาที่จะตามมาอีกเยอะแยะ
อ.ที่เอาโครงการมาให้ดูแกได้ทั้งเงินทั้งกล่อง โดยที่มีเราเป็นหนูทดลอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 43
       พี่หนุ่มคร๊าบ พอดีพี่ชายได้ทุนงานวิจัยจาก ม.ขอนแก่นมา เค้าอยากให้ผมลองดู
คิดหนักเลยครับ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการหาข้อมูลอยู่ พี่หนุ่มแนะนำด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 44
       ได้มากี่บาทล่ะครับ แล้วจะให้ผมช่วยอะไร

ผมเล่าให้คร่าว ๆ ว่า เพื่อนผมมีหมูประมาณ 40000 ตัว
บ่อแกสมีแล้ว , Biogas Generator มีสองตัว

ที่รอบ ๆ ฟาร์มเป็นที่นา น่าจะพร้อมปลูกได้ทันที เพราะถ้าโครงการเป็นจริง
ปลูกหญ้าได้เงินมากกว่าปลูกข้าว ผมรับซื้อหญ้า กับให้น้ำ ให้ปุ๋ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 45
       ตอนนี้คิดๆมาได้อีกโครงการเเต่ก็ยังไปเป็นเพียงภาพลางๆอยู่ คือ การน้ำเสียจากชุมชนมาใช้ผลิตก๊าซชีวภาพ

จากที่ได้ลองศึกษามาเบื้องต้นพบว่าน้ำเสียจากชุมชนนั้นมีค่าปริมาณ COD ต่ำมากๆอยู่ที่ร้อยกว่าถึงพันต้นๆ ไม่เหมือนกันน้ำเสียที่มาจากโรงงานอุสหกรรมเเละฟาร์มปศุสัตว์ที่มีค่า COD ไล่ไปตั้งเเต่หมื่นถึงเป็นเเสน ซึ่งเข้าใจว่าน้ำเสียที่มีค่า COD มากๆนั้นคือมีปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ 1 ลิตรอยู่มาก ซึ่งสรุปจากความหมาย

COD ย่อมาจาก Chemical Oxygen Demand คือปริมาณออกซิเจนหน่วยเป็นมิลลิกรัมต่อลิตรที่ใช้ในการกำจัดสารอินทรีย์ในน้ำเสีย 1 ลิตร
http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?page=2&id=1530

ซึ่งน้ำเสียจากบ้านเรือนอาจจะมีปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ 1 ลิตรอยู่น้อยกว่าน้ำเสียจากโรงงานอุสาหกรรมกล่าวคือมีความเข้มข้นน้อยกว่า จึ้งทำให้ค่า COD น้อยกว่ากันมาก


มาในส่วนของความน่าสนใจในการลงทุน

สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศหรือระบบไบโอแก็สเล็กๆ นั้นทำการควบคุมระบบได้ยากและไม่คุ้มค่าลงทุนเพราะสารอินทรีย์จากสารอินทรีที่เกิดจากการขับถ่ายยังน้อยเกินไปได้มีเทนค่อนข้างน้อยถ้าจะเอาไปใช้ประโยชน์ก็ต้องมีระบบแยกก๊าซอื่นที่ไม่ต้องการออกไป (คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ความชื้น) และมีระบบปรับสัดส่วนอากาศ และถึงแม้ว่าระบบการหมักแบบไร้อากาศนั้นเป็นกระบวนการตามธรรมชาติก็จริง แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องควบคุม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่นการควบคุมอุณหภูมิ พีเอช ธาตุอาหารเสริม ค่าความเป็นด่าง การหมุนเวียนในถัง เป็นต้น

ดังนั้นนิยมสร้างระบบไบโอแก๊สสำหรับน้ำเสียจากอุตสาหกรรมที่มีค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์มากกว่าซึ่งมีน้ำเสียเป็นปริมาณมากๆ และมีค่าความสกปรกสูงๆ ซึ่งจะทำให้ได้ก๊าซมีเทนมากพอและคุ้มค่าการลงทุน ตัวอย่างเช่น น้ำเสียจากโรงงานทำแป้งมันสำปะหลัง ที่มีค่าบีโอดีหลายๆหมื่น (เทียบกับน้ำจากส้วมที่มีค่าบีโอดีไม่กี่ร้อย)

ดังนั้นจากความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องค่า COD เเละ ความเหมาะสมในการลงทุน จึงสรุปออกมาเป็นความคิดนี้ว่า

ถ้านำเอาน้ำเสียจากหลายๆบ้านมารวมกัน ให้ได้ปริมาณน้ำเสียมากๆ และทำให้น้ำเสียที่มีความเข้มข้นสูง

คำถาม อาจจะมีความเป็นไปได้ในการลงทุนหรือปล่าวครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ




 แก้ไขเมื่อ : 13/5/2556 21:02:57

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 46
       ไม่คุ้มครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 47
       ตอบคุณ หนุ่มกระโทก

เรื่องนี้คงจะไม่ใช้เรื่องอะไรเเปลกใหม่ คงจะมีคนเคยคิดในลักษณะนี้อยู่บ้าง เเล้วสิ่งที่ทำให้โครงการไม่สามารถเกิดได้ปัญหามันอยู่ตรงไหนหรอครับ ส่วนตัวเห็นว่าของเสียจากบ้านเรือนถ้านำมาใช้ประโยชน์อะไรได้มากกว่านี้ เท่าที่ได้ลองคิดดูในตอนเเรกปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่ปริมาณน้ำเสียในเมืองใหญ่ๆมีน้ำเสียที่ปล่อยออกมาจาดบ้านเรืองอยู่มากมาย เเต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ค่า COD หรือปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำมากกว่า ที่มันต่ำมากจนต้องใช้ปริมาณมหาสารซึ่งพื้นที่ในเมืองไม่สามารถรองรับกับการใช้พื้นที่เเบบนี้ได้จึงไม่น่าจะเหมาะสม ซึ่งก็ลองคิดหาทางเเก้โดยการเพิ่มความเข้มข้น อาจจะลดปริมาณของน้ำที่เป็นส่วนประกอบในน้ำเสียออกไปจำนวนหนึ่งทำให้มีความเข้มข้นของสารอินทรีย์มากขึ้น ซึ่งจะเกิดปัญหาในวิธีนี้ก็อาจจะเกิดจากในขั้นตอนการเพิ่มความเข็มข้นพี่เพิ่มขึ้นมาอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงจนทำให้ไม่คุ้นกับการลงทุนหรือปล่าวครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 48
       อย่าคิดแค่ COD ครับน้ำเสียในเมืองมีทั้งสารเคมี สบู่ แฟ๊บ ฯลฯ โลหะหนักต่าง ๆ

ค่าระบบกรองที่จะมาแยกเพื่อให้น้ำมีความเข้มข้นมากขึ้นอีก ต้องลงทุนมากมายมหาศาล ตลอดจนค่าบำรุงรักษาอีก


ถ้าคิดแค่สารอาหาร แบบนีทำบ่อหมักทำบ่อแล้วให้ เทศบาล เอารถดูดส้วมมาถ่ายลงบ่อไม่งายกว่าหรือครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 49
       ตอบคุณ von Richthofen

จากที่คุณ von Richthofen ได้ลองเเนะนำให้ไปศึกษาเรื่องการนำไม้ไผ่มาเเปรรูปเป็น กระบอกข้าวหลาม,ตะเกียบ,ไม้จิ๋มฟัน ผมอยากจะลองศึกษาในส่วนนี้อย่างจริงจังเพราะจากการที่ได้คุยกับบุคคลที่มีความรู้เเละประสบการณ์หลายท่านได้บอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทำตะเกียบน่าจะเวิคกว่า" เหมือนเตี้ยมกันมาเลย 555


เลยอยากจะลองทำโครงการในส่วนของการทำตะเกียบส่งออกไปยังประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา เเละทางยูโรปดูว่าที่ไหนจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดเเละที่ ตอบคุณ von Richthofen เคยเเนะนำให้ลองไปเดินในงาน Messe ดู ไม่ทราบว่าพอมีช่องทางอื่นอีกมั้ยครับเพราะผมไม่สะดวกที่จะต้องไปถึงต่างประเทศ เเละ ถ้าพอมีคนรู้จักอยู่ที่อเมริกาที่ทำธุรกิจ หรือ คนที่ทำในส่วนของการส่งออกอยู่เเล้วจะพอหาข้อมูลจากกลุ่มคนเหล่านี้ได้หรือปล่าวครับ ว่าจะหาตลาดยังไง ติดต่อใครควรเข้าทางไหน เป็นต้น

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 50
       ขายตะเกียบส่งให้พ่อค้าคู่ละห้าสิบสตางค์แต่เขาเอาไปขายคู่ละสามบาท ทำส่งออกเองดีกว่า

ศึกษาเรื่องลอจิสติกก่อนว่าถ้าส่งไปญี่ปุ่นอเมริกาจะส่งไปอย่างไรทางไหน
เรื่องกฎหมายด้วยว่าเขาต้องมีกฎหมายศุลกากรและสาธารณะสุขที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง จะต้องทำแพ็กกิ้งอย่างไร
เรื่องการอบไม้ป้องกันแมลงและโรคพืชที่ติดไปต้องมีอะไรบ้างทำที่ไหน ให้อายุใบผ่านครั้งละกี่วัน ถ้าเกินอายุผ่านกลางทะเลต้องทำปลายทางได้ที่ไหน

การผลิตจากไม้ไผ่เป็นตะเกียบมันเรื่องเล็ก แต่เอาให้ผ่านไปขายได้นี่มันยากกว่าเยอะครับ

ลองทำขายเมืองไทยจากเล็กไปใหญ่ดูตลาดก่อนดีไหม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 51
       ตอบคุณ von Richthofen

จากที่ได้ลองศึกษาด้านการ ส่งออกเเละนำเข้า ก็ได้ไปพบเจอกับคนที่เคยทำทางด้านนี้มาเค้าเเนะนำว่าส่งออกยากกว่าต้องมีการควบคุมมาตรฐานเข้มงวดไม่เหมือนนำเข้าง่ายกว่าเเละไม่เสียภาษีกรณีมาจากจีน

เค้าเลยเเนะนำว่าไม่ลองมองสินค้าจำพวกพลาสติกดู ขายง่าย ถึงขายไม่ออกก็เก็บได้ไม่เน่าเสียเเละราคาถูกกว่าในไทย ผมสงสัยตรงที่ถูกกว่าผลิตในประเทศนี้เหละครับ ว่าจริงหรือปล่าวถ้าจริงจีนมีปัจจัยอะไรที่สามารถทำได้เเละประเทศไทยสามารถจะทำได้เเบบจีนมั้ยในอนาคต เพราะ จะได้วิเคราะห์ได้ถึงความยั่งยืนของโครงการถูกเพราะถ้าประเทศไทยสามารถทำให้ต้นทุนถูกได้เหมือนๆจีนโอกาสทางธุรกิจตรงนี้ก็จะหมดไปในทันที เพราะที่เข้าใจธุรกิจเเบบนี้เติบโตอยู่บนพื้นฐานของการทำกำไรที่เกิดจากส่วนต่างของราคาคือถ้าหาที่ถูกกว่ามาขายได้ก็ทำธุรกิจได้ ซึ่งจากที่ได้หาข้อมูลมาปัจจัยที่ทำให้จีนสามารถผลิตสินค้าได้ในต้นทุนต่ำมีดังนี้

1 จีนมีอุตสาหกรรมต้นน้ำเเละเครื่องจักรครอบคลุมเกือบทุกอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถซัพพลายวัตถุดิบในการผลิตได้เกือบทั้งหมด ผลิตได้ตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน ไปจนยัน ยานอวกาศ โดยนำเข้าเพียงอุปกรณ์ไฮเทค บางอย่าง บางประเภท ก็สามารถทำการผลิตได้ ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำ

2 ประสิทธิภาพของแรงงานจีนให้ผลผลิตสูงกว่าบ้านเราเมื่อเทียบกับจำนวนชิ้นงานที่ได้ /คน / วัน ไม่ใช้ค่าเเรงที่ถูกว่าไทยอย่างที่เข้าใจกัน เพราะตอนนี้ค่าเเรงในประเทศจีนสูงกว่าไทยเเล้ว

3 เรื่องโลจิสติก การที่จีนจัดโซนอุสาหกรรมในสายเดียวกันไวอยู่ด้วยกันทำให้ค่าขนส่งต่ำ

4 ภาษีสินค้าที่บริโภคในประเทศจีนจะต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาลกลาง 17% คล้าย ๆ กับ VAT บ้านเรา แต่บ้านเราแค่ 7% เท่านั้น ส่วนสินค้าที่ส่งออกจะได้รับการคืนภาษีจากรัฐบาลจีนโดยประมาณ 15% ทำให้สินค้าส่งออกเสียภาษีรวมเเล้วน้อยกว่าของที่ขายในประเทศไทย

สรุปใจความสำคัญๆมานะครับจากที่นี้
http://www.tiggersound.com/webboard/index.php?topic=235941.15

จึงอยากขอคำเเนะนำว่าข้อมูลที่ไปเจอมานั้นถูกหรือปล่าว เเละ ประเทศไทยจะสามารถทำได้เเบบนี้ไหมในอนาคต

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 52
       ตอบคุณ von Richthofen

จากที่ได้ลองศึกษาเรื่องตะเกียบไม้ไผ่ทั้งส่งออกเเละขายในประเทศ ได้ผลปรากฎว่าส่วนใหญ่ประเทศไทยจะนำเข้าตะเกียบจากจีนไม่มีการส่งออกเนื่องจากผลิตในประเทศก็เเทบไม่พอเเล้ว เเละ ตลาดในประเทศก็เเทบจะโดนรายใหญ่ยึดไว้หมดเเล้ว เพราะ ในตอนนี้คนกลางเเทบจะโดนตัดออกจากโมเดลการขายเเบบ โรงงาน > คนกลาง > ผู้ซื้อ ไปเป็นเเบบ โรงงาน > ผู้ซื้อ เเทน

อีกทั้งจากการโทรสอบถามโรงงานผลิตตะเกียบในประเทศไทยก็เเทบจะปิดตัวไปเเล้วเกือบทั้งหมดเนื่องจากไม่มีวัตถุดิบที่จะนำมาทำตะเกียบเหลือเเต่โรงงานใหญ่ๆทางภาคเหนือที่ยังมีวัตถุดิบในส่วนของไม้ไผ่อยู่

ได้มีโอกาสคุยกับเข้าของโรงงานผลิตตะเกียบท่านนึงที่พอจะรู้จักกันเค้าบอกว่าผลิตส่งออกสู้จีนไม่ได้ ถ้าจะทำตลาดสามารถทำได้เเค่ในประเทศ

ซื้อข้อมูลทั้งหมดได้มากจากผู้ประกอบการที่ผลิตตะเกียบ โดยได้รายชื่อมากจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
http://userdb.diw.go.th/results1.asp


เเต่ผมก็เคยเห็นข่าวที่ว่ารัฐบาลจีน รณรงค์ให้ใช้ช้อนซ้อม เเทนตะเกียบ เเละ มีอีกข่าวที่ว่าจีนน้ำเข้าตะเกียบจะอเมริกา

ซึ่งผมก็ค้อนข้างสับสนกับข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาเหมือนกัน ยังไงก็อย่าจะให้ คุณ von Richthofen ช่วยเเนะนำด้วยครับ

ส่วนเอกสารอ้างอิง ค้อยข้างกระจัดกระจายมากครับ บอกตามตรงว่ารวมมาไม่ไหวถ้าอยากได้ยังไงจะพยายามนำมาให้ เเต่ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นเรื่องที่ได้รับรู้มากจริงไม่ได้ดัดเเปลงเเต่อย่างไร

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 53
       อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าทุกวันนี้ไม้ไผ่ทำกระบอกข้าวหลามยังต้องเอามาจากเขมรเป็นหลัก
ไม้ไผ่มีปัญหามากก็มองโปรเจ็กตัวอื่นแทน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 54
       ตอบคุณ von Richthofen

ถ้าไม้ไผ่ในประเทศขาดเเคลน ก็ปลูกไม้ไผ่ขายเลยเเล้วกัน ไม่รู้เป็นการเเก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือปล่าว 555

ผลผลิตที่ได้ขาย ส่วนนึ่งนำไปเเปรรูปเป็นตะเกียบ เเละ อื่นๆ ถ้าเหลือก็นำไปขายให้กับโรงงานชีวมวล

เเต่ถ้าเป็นในกรณีก็จะมุ่งสู้ การทำเกษตรกรรมเต็มที่เลย 55

เลยอยากจะขอทำโครงการในเรื่องการนำไม้ไผ่มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวลนั้น ไม่ทราบว่า คุณ von Richthofen จะสะดวกให้คำปรึกษาหรือไม่ครับ

อยากทำเป็น feasibility study เฉยๆครับว่าจะมีความเป็นไปได้เเค่ไหน

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากนะครับ มีอะไรเเนะนำเพิ่มก็รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 55
       อยากสอบถามหลักการในการดัดแปลงเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อมาใช้กับเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพหรือก๊าซชีวมวลหน่อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 56
       โครงการเชื้อเพลิงชีวมวล อย่าไปฝันถึงเลยครับ

ที่เขาทำกันๆได้เพราะมันเป็น By product

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 57
       ตอบคุณหนุ่มกระโทก

เข้าใจครับว่าที่ทำๆกันได้เพราะเป็น by product ผมเพียงเเค่อยากลองทำวิจัยในเเบบที่เเตกต่างดูเท่านั้นค้นหาให้รู้จริงออกมาเป็นตัวเลขที่ได้รับการยอมรับว่ามันได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช้เเค่มีคนมาบอกว่าทำไม่ได้เเล้วก็หยุดคิดครับ

เรื่องที่บอกผมฝันถึงนั้นจะคิดยังไงก็ได้ครับผมไม่อยากจะทำตัวกร้าวร้างเถียงอะไรมากมาย เพราะ ดูพี่ๆก็อายุไม่ใช้น้อยเเละมีความรู้มากกว่าผมเยอะ ผมรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร

ซึ่งผมก็ไม่ได้เเค่นั่งฝันนึกในหัวไปเรื่อยๆผมพยายามค้นหาความจริงเผื่ออมีโอกาสทำให้ฝันเป็นจริง ซึ่งเเน่นอนว่าลำพังตัวผมเองนั้นไม่มีความรู้หรือประสบการณ์พอที่จะทำมันได้ทั้งหมด

ถ้าพี่พอจะมีความรู้ที่จะเเนะนำได้ก็อยากให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาครับ เเต่ถ้าไม่สะดวกหรือไม่ได้เชียงชาญทางด้านนี้ก็บอกครับผมจะได้ไม่มารบกวนอะไรอีก

เเล้วในส่วนที่ผมเคยวิเคาระห์ไปในโครงการนำไม่ไผ่มาใช้เป็นเชื้อเพลิงนั้นมีข้อบกพร้องตรงไหนครับที่ทำให้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะเท่าที่วิเคาระห์ตัวเลขออกมาก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าที่คิดผิดหรือถูกก็อยากจะให้ช่วยเเนะนด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 58
       เรื่องชีวมวลมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย

ตำรับตำราก็มีออกมามากมาย ผมเองก็มีอยู่หลายสิบเล่ม
เอกสารขององค์การสหประชาชาติ ก็มีอธิบายไว้ค่อนข้างละเอียด

สมัยสงครามโลกเขาก็ใช้กันครับ รุ่นพ่อผมก็ยังใช้หัวมันสำปะหลังเอาไปเผา
ตอนรถขึ้นเนินก็ต้องกระโดดมาช่วยเข็น

คุณอยากคิดอะไรก็ตามใจเถอะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 59
       1. ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องใหม่ครับ เเต่ที่ผมได้ลองจิตนาการไว้เเค่ไม่เคยเห็นที่ไหน เเละที่ได้ลองวิเคาระห์ในเบื่องต้นก็ดูเป็นไปได้เพียงเเต่ไม่รู้ว่าที่คิดมามันถูกหรือปล่าว ถ้ามีเอกสารเรื่องเกี่ยวกับที่ผมกำลังศึกษาอยู่ก็รบกวนช่วยบอกด้วยครับว่าจะไปหาได้จากไหน ไม่ต้องลำบากหามาครับเดี๋ยวผมไปค้นเอง เเค่บอกว่าจะสามารถไปหาได้จากไหนเวปอะไร หรือหนังสือชื่ออะไร เพราะเรื่องตำราผมก็อ่านมาครับงานวิจัยก็ผ่านมามาเยอะยังไม่เคยเห็ยจริงๆครับ เเละถ้าผมไม่เคยศึกษาหรืออ่านอะไรมาผมคนไม่สามารถเขียมมาได้ขนานี้หรอกครับ

2. ที่บอกเเตกต่างคือ ผมจะทำในเเนวทางปลูกพื้ชชีวมวลขึ้นมาเพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ไม่ใช้นำ by product มาใช้เเบบที่ทำกันปกติ ไม่ได้บอกว่าเป็นสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ไม่มีในตำรา ซึ่งผมเเค่มองหาเชื้อเพลิงที่จะนำมาใช้เท่านั้นเรื่องเทคโนโลยีต่างๆนั้นมีอยู่เเล้วทั้งสิ้น

3. เอกสารขององค์การสหประชาชาติ ก็มีอธิบายไว้ค่อนข้างละเอียด เอกสารอธิบายไว้ว่ายังไงหรือครับ เรื่องอะไรเป็นในเเนวทางทีผมกำลังศึกษาอยู่หรือปล่าว เเล้วผมจะไปหาอ่านได้จากที่ไหน

4. เเล้วที่บอกว่าความคิดผมนั้นเลิกคิดเถอะเพราะอะไรหรอครับช่วยตอนหน่อยได้ไหมผมต้องการเเต่เหตุผลไม่ได้ต้องการจะดื้ดด้าน ไม่ฟังอะไร เพราะตอนนี้ที่ไม่เข้าใจคือยังไม่มีใครบอกเหตุ ผล ผมเลยว่าทำไมไม่ได้เพราะอะไร ถ้าสงสัยลองกลับไปไล่อ่านดูจะพบว่าไม่มีเลยซักกระทู้เดียวที่จะมาอธิบายว่าทำไม

เเต่ถ้าคุณไม่ให้คำปรึกษา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามก็บอกได้ครับ ผมก็จะไม่ดื้อดึงให้เสียเวลา เพียงเเต่เห็นคนที่นี้มีความรู้เลยอยากขอคำเเนะนำ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 60
       Bio-Energy มันหนีจากวงจนนี้ไม่ได้หรอกครับ

การจะปลูกพืชพลังงาน ใช่้เอง ค่าพลังงานที่ได้/พืนที่ใช้งานมันก็มีตัวเลขโดยประมาณอยู่แล้ว

หักค่าประสิทธิภาพของระบบไม่ว่าจะป็น Boiler (ให้เต็มที่ก็ 90%) กรณีเป็น Stream Turbine
หรือใช้เครื่องยนต์ (35-50%)

เอาไปปั่นไฟฟ้า ด้วย Generator ( eff 50%)
เอาค่าพลังงานที่ได้จากต้นไม้ หักประสิทธิภาพ ทั้งหมด

ยังมีค่าใช้จ่ายจาก ระบบ Logistic ขั้นตอนการเตรียมเชื้อเพลิง , ค่าแรงคนงาน , และที่สำคัญ จะหาน้ำจากที่ไหนมาปลูก

แสดงความคิดเห็นย่อย