WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


คาถาพาหุงฯ
somsaks
จาก หนุ่มกระโทก
IP:202.91.19.206

จันทร์ที่ , 5/5/2551
เวลา : 09:27

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ถ้ากล่าวว่า คาถาพาหุงฯ หลาย ๆท่านคงรู้จัก

แต่ถ้า บอกว่า "พุทธชัยมงคลคาถา" อาจจะไม่รู้จัก


พุทธชัยมงคล เป็นเรื่องราวชัยชนะ 8 ครั้งของพระพุทธเจ้า

เริ่มด้วยชนะพญามารพร้อมด้วยเสนา ณ โพธิบัลลังก์ ในวันที่พระองค์ทรงตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

และเรื่องสุดท้ายที่ทรงชนะพกาพรหมผู้มีมิจฉาทิฐิ ทรงโปรดให้เห็น เป็นสัมมาทิฐิได้


เมื่อมีการสวดมนต์ ทำบุญมงคลอย่างใดอย่างหนึ่งที่บ้าน พระจะสวดพุทธชัยมงคล 8 บทนี้ด้วยเสมอ

เพื่ออวยพรให้เราได้ชัยมงคล โดยอ้างพระเดชแห่งพระพุทธองค์ที่ทรงชนะในครั้งนั้น ๆ เป็นที่ตั้ง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 31
       วันนี้วันวิสาขบูชา ผมจะพายายและญาติๆไปทำบุญ
บังเอิญที่ได้มาอ่านกระทู้นี้ก่อนไป ทำให้ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
ขอบคุณและอนุโมทนาครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ivory จาก Black Ivory 125.25.42.138 จันทร์, 19/5/2551 เวลา : 08:57  IP : 125.25.42.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 26398

คำตอบที่ 32
       ขอบคุณครับที่สนใจ

ความตั้งใจเดิมจะเขียนให้จบก่อนวันวิสาขะครับ

แต่เนื่องจากผมเดินทางไป ตจว. ไม่ได้อยู่บ้านเกือบสิบวัน
ไม่มีเวลาเขียน ประกอบกับต้องค้นคว้าหาข้อมูลเป็นจำนวนมาก จึงไม่สามารถจบได้ตามที่ตั้งใจ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 จันทร์, 19/5/2551 เวลา : 09:14  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 26399

คำตอบที่ 33
      
เมื่อได้พบพระบรมศาสดา สัจจกนิครนถ์กล่าวว่า
"ต้นไม้ และพืชพันธุ์ต่าง ๆ จะเจริญได้ต้องอาศัยพื้นดิน การงานของมนุษย์ที่ทำก็ต้องอาศัยดิน
บุคคลอาศัยรูปเป็นตัวตน เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเป็นตัวตน จึงมีบุญและบาปได้
ถ้าสิ่งนี้ไม่เป็นตัวตน บุญบาปจะมีได้อย่างไร"

พระพุทธเจ้าตรัสย้อนถามว่า "ท่านยืนยันหรือว่า รูปเป็นตัวตนของเรา"
สัจจกนิครนถ์กล่าวตอบ "ข้าฯ ขอยืนยันเช่นนั้น และประชาชนทั้งหลายก็ยืนยันเช่นนั้นเหมือนกัน"

"คนอื่นช่างเขาเถิด ขอเพียงท่านยืนยันอย่างนั้นก็พอ ท่านสามารถยืนยันอย่างนั้นหรือ"
"ข้า ฯ ขอยืนยันเช่นนั้น"

พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อไปว่า
"พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าอชาตศัตรู สามารถฆ่าคนที่ควรฆ่า เนรเทศบุคลลที่สมควรเนรเทศได้มิใช่หรือ"

"เป็นเช่นนั้นพระโคดม" สัจจนิครนถ์ทูลตอบรับ

พระพุทธเจ้าตรัสต่อว่า
"ก็ท่านบอกว่ารูป เป็นตัวตนของเรา ท่านมีอำนาจเหนือรูปเช่นนั้นหรือ ท่านปราถนาได้หรือไม่ว่า
ขอรูปเราจงเป็นเช่นนั้นเถิด อย่าเป็นเช่นนี้เลย"

พระพุทธเจ้าตรัสถามถึงสองครั้งสัจจกนิครนถ์ก็นิ่งอึ้งอยู่ ไม่สามารถตอบได้
ในที่สุดสัจจกนิครนถ์ก็ยอมรับว่า ไม่อาจบังคับรูปได้

พระพุทธเจ้าตรัสต่อว่า
"คนถือขวานเจ้าไปในป่า ต้องการตัดแก่นไม้ พบแต่ต้นกล้วยจึงตัดที่โคนและตัดใบออก
เขาไม่พบแม้แต่กระพี้ แล้วจะพบแก่นได้อย่างไร วาจาของท่านนั้นหาแก่นสารอะไรไม่ได้
ซักไซ้เข้าไปก็ว่างเปล่า สิ่งที่ท่านพูดไว้ในเมื่องเวศาลว่าอย่างไร จงพิสูจน์คำพูดของท่านเถิด"

สัจจกนิครนถ์นั่งอึ้ง ก้มหน้าหมดปฏิภาณ ในที่สุดก็กล่าวขอโทษพระผู้มีพระภาคเจ้า
ต่อจากนั้น จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า

"ด้วยเหตุใดสาวกของพระศาสดา ชื่อได้ว่าทำตามคำสั่งสอน ถูกต้องตามโอวาทของพระพุทธองค์
ข้ามความสงสัยเสียได้ แกล้วกล้าไม่เชื่อคำสั่งสอนของผู้อื่น"

"สาวกของเราย่อมพิจารณาเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ว่าไม่ใช่ตัวตนของเรา
เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทำตามคำสั่งสอนของเรา" พระบรมศาสดาทรงตรัสตอบ

สัจจกนิครนถ์ทูลถามต่อว่า "ด้วยเหตุเพียงเท่าใด ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นอรหันต์"

พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า "สาวกของเรา พิจารณาขันธ์ 5 ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ยึดมั่นถือมั่น
จึงหลุดพ้น ด้วยเหตุเพียงเท่านี้จึงได้ชื่อว่าเป็น อรหันต์ สิ้นอาสวะแล้ว มีคุณอันยอดเยี่ยม 3 ประการ
คือ ความเห็นอันเป็นยอดเยี่ยม การปฏิบัติอันยอดเยี่ยม และความหลุดพ้นอันยอดเยี่ยม"

( ทัสสนานุตตริยะ ความเห็นอันยอดเยี่ยม
ปฏิปทานุตตริยะ การปฏิบัติอันยอดเยี่ยม
วิมุตตานุตตริยะ ความหลุดพ้นอันยอดเยี่ยม )

สัจจนิครนถ์ยอมรับความพ่ายแพ้และสรรเสริญพระพุทธองค์
"ข้าพเจ้าเป็นผู้มีนิสัยคอยกำจัดคุณของคนอื่น คนองวาจา คิดจะรุกรานท่านด้วยถ้อยคำของตน
บุคคลเจอกองไฟ อสรพิษ หรือช้างตกมัน ก็ตามที ยังพอเอาตัวรอดได้ แต่พบท่านสมณโคดมเข้า
ไม่มีทางรอดได้เลย ต้องยอมพ่ายแพ้สถานเดียว"




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 อังคาร, 20/5/2551 เวลา : 13:57  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 26450

คำตอบที่ 34
       นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท,
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


เรื่องราวที่ ๗ เป็นการทรมานพญานันโทปนันทนาคราช
การทรมานคือการฝึกไม่ใช่ทำให้เจ็บปวดแต่อย่างใด



ที่มาของชัยชนะครั้งนี้ มีดังนี้

สมัยหนึ่งเวลาใกล้รุ่ง ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร
พระองค์ได้ทรงตรวจดูสรรพสัตว์ในหมื่นโลกธาตุด้วยพระสัพพัญญุตาญาน
ก็ได้เห็น พระยานาคราชนามว่า นันโทปนันทะ เป็นนาคที่ดุร้ายและเป็นมิจฉาทิฏฐิ
แต่เป็นผู้ที่เคยได้สร้างสมบารมีไว้มาก หากพระองค์เสด็จไปโปรด นันโทปนันทะนาคราช ก็มีวิสัยจะได้บรรลุธรรม

พระพุทธองค์จึงทรงตรัสเรียกพระอานนท์มา บอกว่าวันนี้จะไปรับภัตตาหารที่บ้านของอนาถบินฑิกเศรษฐี
แต่พระองค์จะเสด็จไปเทวโลกก่อน พระอานนท์จึงบอกแก่ภิกษุ ๕๐๐ ให้ตามเสด็จไปยังเทวโลกด้วยกายเนื้อ

ขณะนั้น นันโทปนันทะนาคราช กำลังนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ทิพย์ ห้อมล้อมด้วย
ดื่มสุราอาหารทิพย์อย่างเบิกบานใจ ครั้นเงยหน้าขึ้นมองในอากาศ
ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าพร้อมพระภิกษุ กำลังจะเหาะข้ามยอดวิมานของตน บ่ายหน้าไปยังดาวดึงส์เทวโลก

นันโทปนันทนาคราช รู้สึกโกรธแค้น เป็นยิ่งนัก คิดว่าสมณะหัวโล้นเหล่านี้คงจะเหาะไปดาวดึงส์สวรรค์
แต่การเหาะข้ามหัวของเรา ฝุ่นละอองที่ติดเท้าก็จะร่วงใส่เรา
บัดนี้เราจะขัดขวางสมณะเหล่านี้ไม่ให้เหาะข้ามวิมานเราไปอย่างเด็ด

แล้วพญานาคราชก็ลุกขึ้นไปยังเชิงเขาสิเนรุ เนรมิตกายใหญ่โต
ขนดรอบเขาสิเนรุมาศที่สูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ เอาไว้ ๗ รอบ
แล้วแผ่พังพานปิดดาวดึงส์ที่อยู่เหนือยอดเขาสิเนรุมาศเอาไว้ไม่ให้มองเห็น

ท่านรัฏฐปาลภิกขุเห็นผิดปกติ กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
"เมื่อก่อนข้าพระองค์ยืนอยู่ตรงนี้ สามารถมองเห็นภูเขาที่อยู่ล้อมสิเนรุมาศ
และได้เห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เห็นเวชยันต์ปราสาท ได้เห็นธงเบื้องบนเวชยันต์ปราสาท
แต่มาบัดนี้ไม่เห็นอะไรเลย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุอะไรพระเจ้าข้า"

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบอกเหตุว่า เกิดจากนันโทปนันทนาคราชมาแสดงฤทธิ์ปิดดาวดึงส์ไว้
ท่านรัฏฐปาลภิกขุจึงกราบทูลขอเป็นผู้ทรมานนันโทปนันทนาคราชให้สิ้นฤทธิ์
แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงมีพุทธานุญาต

ลำดับนั้น ภิกษุที่เหลือก็ขออาสาโดยลำดับ คือ ท่านภัททิยะภิกขุ ท่านราหุลภิกขุ เป็นต้น
กราบทูลขอเป็นผู้ทรมานนันโทปนันทนาคราช แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่มีพุทธานุญาตด้วยเช่นกัน
ด้วยทรงทราบว่าไม่ใช่วิสัยของพระอรหันต์ทั้งหลายที่จะทำลายทิฏฐิมานะของพญานาคผู้มีฤทธานุภาพมาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 14:37  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27493

คำตอบที่ 35
       พระองค์ทรงมีพุทธานุญาตให้พระโมคคัลลานะทำหน้าที่ปราบพญานาคพญานันโทฯ
และทรงประทานพรให้มีชัยชนะ

พระโมคคัลลานะเมื่อได้รับพุทธบัญชา ก็ได้เนรมิตกายเป็นพญานาคใหญ่กว่านันโทปนันทนาคราชถึง ๒ เท่า
แล้วขนดกายรอบสิเนรุมาศทับนันโทปนันทนาคราชไว้ ๑๔ รอบ
และวางพังพานของตนลงบนยอดพังพานของนันโทปนันทนาคราช
กดเข้ากับยอดเขาสิเนรุมาศ จนนันโทปนันทะนาคราชเจ็บปวดเป็นยิ่งนักแทบขาดใจ จึงโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
จึงพ่นควันพิษใส่พระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะก็พ่นควันพิษที่ร้ายกาจกว่าใส่พญานาคบ้าง
นันโทปนันทนาคราชจึงพ่นไฟพิษร้อนแรงเข้าใส่ แต่พระโมคคัลลานะก็พ่นไฟพิษที่ร้อนแรงกว่ากลับคืน

นันโทปนันทนาคราช ตกใจที่จู่ๆ ก็มีพญานาคใหญ่มาขนดหางพันทับร่างของตน เอาพังพานมากดทับ
แถมสามารถพ่นควันและไฟพิษได้รุนแรงกว่าตน จึงเอ่ยวาจาถามว่าท่านนี้เป็นใคร

"นันทะ เรานี้คือโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งพระพุทธองค์"
"ท่านเป็นสมณะ เหตุใดจึงมาทำร้ายข้าพเจ้า"

"เราทรมานท่าน เพื่อให้ท่านละมิจฉาทิฏฐิ รู้จักบาปบุญคุณโทษ
รู้จักคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ตลอดจนคุณของมารดาบิดาครูอาจารย์
ตัวท่านนั้นไม่สมควรที่จะมาสำแดงความโกรธในพระพุทธเจ้าและพระสาวกที่เหาะมา
เพราะแม้ละอองพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า จะตกลงมาเหนือเศียรของท่าน
ก็จะเกิดมงคลยิ่งนัก หาเป็นอัปมงคลไม่" ว่าแล้วพระโมคคัลลานะก็คืนร่างเป็นพระภิกษุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 14:44  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27495

คำตอบที่ 36
       นันโทปนันทนาคราชได้ฟังพระโมคคัลลานะ ก็ยังไม่ละมิจฉาทิฏฐิ
ยังคงคิดหาทางจะกำจัดพระเถระให้ได้อยู่

พระโมคคัลลานะรู้วาระจิตของพญานาค จึงแสดงปาฏิหาริย์
เดินเข้าไปในช่องหูขวาของนาคราช แล้วออกทางช่องหูซ้าย
เข้าทางช่องหูซ้าย แล้วออกทางช่องหูขวา
เข้าทางช่องจมูกขวา ออกทางช่องจมูกซ้าย
เข้าทางช่องจมูกซ้าย แล้วออกทางช่องจมูกขวา ทำให้พญานาคราชได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก

นันโทปนันทนาคราช ได้อ้าปากขึ้น พระโมคคัลลานะจึงเข้าไปในปาก
แล้วเดินจงกรมอยู่ภายในท้องพญานาคราช ทางด้านทิศตะวันออกบ้าง ด้านทิศตะวันตกบ้าง
ทำให้พญานาคได้รับความเจ็บปวดทรมานมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "โมคคัลลานะ พญานาคนี้มีฤทธิ์มาก ท่านจงอย่าได้ประมาท"

พระโมคคัลลานะกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้มีพญานาคราชเช่นนันโทปนันทะนี้ ตั้งร้อยก็ดี
ตั้งพันก็ดี ตั้งแสนก็ดี ข้าพระองค์ก็พึงทรมานได้"

ฝ่ายนันโทปนันทนาคราชคิดว่า เมื่อตอนพระเถระเข้าท้องไปนั้นตนเองไม่ทันเห็น
แต่ถ้าออกมาเวลานี้เราจะเคี้ยวพระเถระกินเสีย คิดแล้วจึงกล่าวยอมแพ้
"ขอท่านจงออกมาเถิด อย่าเดินไปๆ มาๆ ในภายในท้อง ทำให้ข้าพเจ้าลำบาก"

พระโมคคัลลานะจึงเดินออกมาจากปาก เหาะออกมาอยู่ข้างนอก
นันโทปนันทนาคราชเห็นได้ทีจึงพ่นลมพิษทางจมูก
ลมนี้แม้โดนต้นไม้ก็จะหักโค่น แต่กลับไม่อาจทำอันตรายแก่พระโมคคัลลานะได้
เนื่องจากพระโมคคัลลานะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเข้าและออกจตุตฌานรวดเร็วเป็นยิ่งนัก
(ผู้ที่อยู่ในจตุตฌาน ภัยอันตรายใด ๆ ไม่อาจทำร้ายได้ ด้วยออำนาจแห่งฌาน)

นันโทปนันทนาคราชเห็นว่าพระเถระนี้มีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจ ไม่อาจต่อสู้ได้ จึงหลบหนี
พระโมคคัลลานะจึงเนรมิตรูปกายเป็นพญาครุฑ บินไล่พญานาคไป
พญานาคก็แปลงกายเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ โตบ้าง เล็กบ้าง เพื่อหลบหนี
พระเถระก็ติดตามมิได้ลดละ

เมื่อเห็นว่าไม่อาจหนีพ้นได้ นันโทปนันทนาคราชจึงแปลงกายเป็นมาณพน้อย
เข้าไปกราบแทบเท้าของพระเถระอย่างสิ้นพยศ
และกล่าววาจาว่า "ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอถึงท่านเป็นสรณะ"

พระโมคคัลลานะกล่าวว่า "เราเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา
ท่านจงไปสำนักของพระพุทธเจ้าเพื่อยึดเอาพระองค์เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดเถิด"
แล้วพระเถระก็พานันโทปนันทนาคราชมาเฝ้าพระพุทธเจ้า

เมื่อไปถึง พญานาคก็ก้มลงกราบนมัสการพระพุทธองค์ กราบทูลว่า
"ข้าพเจ้านี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นพาล มิได้รู้จักบาปบุญคุณโทษ
ขอพระองค์ได้โปรดอโหสิกรรมในความผิดที่ได้ทำพลั้งพลาด
เพราะอกุศลเข้าสิงจิตนั้นด้วยเถิด
บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอบูชาพระรัตนตรัยไปจนตราบชีวิตจะหาไม่"

พระพุทธเจ้าจึงทรงประธานศีล ๕ แล้วเสด็จนำพระภิกษุไป
สู่บ้านของอนาถบินฑิกเศรษฐีต่อไป

ท่านเศรษฐีรู้เรื่องที่พระพุทธองค์ให้พระโมคคัลลานะปราบพญานาคราชลงได้
จึงได้ถวายสังฆทานฉลองชัยตลอด ๗ วัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 14:52  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27496

คำตอบที่ 37
       ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

ท้าวพกาพรหม ผู้มีฤทธิ์และสำคัญตนว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์
มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น
องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ
ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา


พุทธชัยมงคลคาถาบทที่ ๘ กล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่อท้าวพกาพรหม
พรหมผู้เป็นใหญ่แห่งพรหมโลก เพราะพระพรหมผู้นี้หลงผิดว่าพรหมนี้เที่ยงและมีความสุขที่สุด
คาถาบทนี้นิยมใช้สำหรับการเอาชนะผู้ใหญ่ และผู้ที่มีทิฏฐิมานะ

ที่มาของชัยชนะครั้งนี้ มีดังนี้

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่โคนต้นรังใหญ่ในสุภควัน ใกล้เมืองอุกกัฏฐา
ทรงตรวจดูด้วยสัพพัญญุตาญาน ก็เห็นว่าท้าวพกาพรหมมีมิจฉาทิฏฐิ
หลงเชื่อว่า พรหมโลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา
และพระพรหมนี้ไม่ต้องเกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ
การได้เกิดเป็นพระพรหมนี้คือการพ้นทุกข์

เหตุที่ท้าวพกาพรหมมีมิจฉาทิฎฐินี้ ก็เนื่องจากสมัยท่านเกิดเป็นมนุษย์
ได้บวชเป็นพระดาบส ประกอบกุศลกรรมและรักษาฌาน
เมื่อสิ้นชีวิตแล้วจึงมาอุบัติในพรหมโลก

เมื่อแรกมาอุบัติในพรหมโลกนั้น ท้าวพกาพรหมอุบัติในพรหมโลกชั้นที่ ๑๐
คือ เวหัปผลาพรหม มีอายุ ๕๐๐ กัป เมื่อจุติจากเวหัปผลาพรหมแล้ว
ก็ไปอุบัติต่อในพรหมโลกชั้นที่ ๙ คือ สุภกิณหากาพรหม มีอายุได้ ๖๔ กัป
เมื่อจุติจากสุภกิณหาพรหม ก็ไปอุบัติต่อในพรหมโลกชั้นที่ ๖
คือ ชั้นอาภัสราพรหม มีอายุอีก ๘ กัป
รวมแล้ว ท้าวพกาพรหมเกิดเป็นพระพรหมมาแล้วมากกว่า ๕๐๐ กัป

ด้วยกาลเวลาที่ยาวนานมากจนไม่อาจจดจำนี้เอง
ท้าวพกาพรหมจึงหลงเข้าใจว่าพรหมนี้เที่ยง ไม่มีเกิด แก่ และดับ
และสุขยิ่งกว่าพรหมนี้ไม่มีอีกแล้ว
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบวาระจิตของท้าวพกาพรหม
พระองค์จึงหายไปจากโคนต้นรังใหญ่ ไปปรากฏในพรหมโลก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 15:07  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27497

คำตอบที่ 38
       ท้าวพกาพรหมเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา ก็กราบทูลพระพุทธองค์ว่า
"ดูกร ท่านผู้นฤทุกข์ เชิญท่านมาสู่พรหมโลกนี้เถิด
พรหมโลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง แข็งแรง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา
พรหมโลกนี้ไม่ต้องเกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ สุขกว่าพรหมโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว"

พระพุทธเจ้าทรงดำรัสตอบว่า
"ดูกร พรหมผู้เจริญ ท่านกล่าวว่าสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่ยั่งยืนว่ายั่งยืน
กล่าวว่าสิ่งที่ไม่มั่นคงว่ามั่นคง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่แข็งแรงว่าแข็งแรง
กล่าวว่าสิ่งที่มีความเคลื่อนเป็นธรรมดาว่ามีความไม่เคลื่อน
พรหมโลกนี้มีทั้งเกิด ทั้งแก่ ทั้งตาย ทั้งจุติ ทั้งอุบัติ อยู่เป็นปกติ
แต่ท่านกลับกล่าวว่าพรหมโลกนี้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ
ดูกร ท่านผู้เจริญ ท่านกำลังหลงในอวิชชาแล้วหนอ"

ท้าวพกาพรหมกล่าวแย้งว่า
"ข้าแต่พระโคดม พวกข้าพระองค์มี ๗๒ คน ล้วนได้ทำบุญมาดีแล้ว
มีอำนาจเหนือคนเหล่าอื่น ก้าวล่วงพ้นจากความเกิดและความแก่
การเกิดเป็นพรหมนี้ชื่อว่าถึงพระเวทแล้ว ข้าแต่พระโคดม การเกิดเป็นพรหมนี้
เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ความสุขยิ่งกว่าพรหมนี้ไม่มีอีกแล้ว"

ครั้งนั้น มารก็เข้าสิงกายของพรหมบริวารผู้หนึ่ง กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า
"ดูกรสมณะ ท่านอย่ารุกรานท้าวพกาพรหมนี้เลย
พกาพรหมผู้นี้เป็นมหาพรหม เป็นพรหมผู้เป็นใหญ่ปกครองพรหมโลก
เป็นผู้สร้างโลกและสรรพสัตว์ เป็นบิดาของสรรพสิ่งทั้งหลาย

ดูกรสมณะ สมณะและพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้ติเตียนดิน เกลียดดิน
เป็นผู้ติเตียนน้ำ เกลียดน้ำ เป็นผู้ติเตียนไฟ เกลียดไฟ
เป็นผู้ติเตียนลม เกลียดลม เป็นผู้ติเตียนสัตว์ เกลียดสัตว์
เป็นผู้ติเตียนเทวดา เกลียดเทวดา เป็นผู้ติเตียนพรหม เกลียดพรหม
ว่าพรหมนี้ไม่เที่ยง สมณะและพราหมณ์เหล่านั้น
เมื่อกายแตกดับแล้ว ล้วนต้องไปเกิดในอบาย

ดูกรสมณะ สมณะและพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้สรรเสริญดิน ชมเชยดิน
เป็นผู้สรรเสริญน้ำ ชมเชยน้ำ เป็นผู้สรรเสริญไฟ ชมเชยไฟ
เป็นผู้สรรเสริญลม ชมเชยลม เป็นผู้สรรเสริญสัตว์ ชมเชยสัตว์
เป็นผู้สรรเสริญเทวดา ชมเชยเทวดา เป็นผู้สรรเสริญพรหม ชมเชยพรหม
สมณะและพราหมณ์เหล่านั้น เมื่อกายแตกดับแล้วก็จะได้ไปอุบัติในพรหมโลก

ดูกรสมณะ เพราะเหตุนั้น ท่านจงทำตามคำที่พกาพรหมบอกแก่ท่านเท่านั้น
ท่านจงอย่าฝ่าฝืนคำของพกาพรหมเลย"

พระพุทธเจ้าทรงทราบว่ามารเข้าสิงสู่ในพรหม จึงมีพุทธดำรัสโต้ตอบมารว่า
"นี่แน่ะมาร ท่านอย่าเข้าใจว่าเราไม่รู้จักท่าน เรานี้รู้จักท่าน
และไม่อยู่ในอำนาจของท่านดังเช่นพรหมที่ท่านครอบงำอยู่"

มารฟังคำของพระพุทธองค์แล้วจึงหนีไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 15:26  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27498

คำตอบที่ 39
       ส่วนท้าวพกาพรหมนั้นยังมีมิจฉาทิฏฐิอยู่
จึงได้เจรจาอวดอ้างฤทธานุภาพของตนว่ามีเหนือผู้ใด
และท้าทายพระพุทธเจ้าว่าจะหายตัวไปไม่ให้พระพุทธเจ้ามองเห็น

แต่ไม่ว่าท้าวพกาพรหมจะพยายามหายตัวไปอยู่ที่ไหน อย่างไร
พระพุทธเจ้าก็ทรงเห็นตลอดว่าท้าวพกาพรหมอยู่ที่ใด

พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงฤทธิ์บ้าง โดยพระองค์ยังคงประทับอยู่ที่มวยผมของพกาพรหม
และทรงแสดงพระสัทธรรมด้วยพระสุรเสียงไพเราะเสนาะใส แก่บรรดาพระพรหม
แต่ไม่มีพระพรหมองค์ใดสามารถมองเห็นพระองค์ได้
พระพุทธเจ้าทรงแสดงกุศลกรรมของท้าวพกาพรหมว่า

"ดูก่อนพรหมผู้เจริญ เรานี้รู้อดีตของท่าน
ก่อนนี้ในกัปหนึ่ง ท่านเกิดเป็นดาบสอยู่ในทะเลทรายที่กันดาร
ได้เนรมิตน้ำให้พ่อค้าเกวียน ๕๐๐ เล่มที่หลงทาง นี้เป็นกุศลของท่าน

ก่อนนี้ ท่านเป็นดาบสอาศัยอยู่ที่ชายป่า มีโจรลงมาจากเขา
มาปล้นชาวบ้านแล้วจับเอาคนจำนวนมากขึ้นไปบนเขา
ท่านแปลงกายเป็นพระราชาพร้อมกองทหาร ขับไล่โจรไป
แล้วช่วยชีวิตชาวบ้านไว้ได้ นี่เป็นกุศลของท่าน

ก่อนนี้ ท่านเป็นดาบสอยู่ริมฝั่งน้ำ ชาวเรือทิ้งเศษอาหารลงไปในน้ำ
ทำให้พระยานาคโกรธ ขึ้นมาจะทำลายเรือ
ท่านแปลงเป็นครุฑขับไล่พระยานาคไป นี้เป็นกุศลของท่าน

ดูก่อนพรหมผู้เจริญ เรารู้บุญกรรมของท่านดุจนอนฝันแล้วตื่นขึ้น"

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความไม่เที่ยงต่อไปว่า

"ความจริงอายุของท่านนี้ไม่มากเลย ท่านอย่าสำคัญว่าอายุของท่านมาก
อายุของท่านนั้นเหลือเพียง ๑๐๐,๐๐๐ นิรพุทะเท่านั้น"

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่บรรดาพรหมทั้งหลาย ในที่สุดท้าวพกาพรหม
และพรหมบริษัท ต่างก็อัศจรรย์ใจในพุทธานุภาพ ยอมรับฟังธรรม
และกลับมาเป็นพระพรหมสัมมาทิฏฐิ และพรหม ๑๐,๐๐๐ องค์ก็ได้บรรลุธรรม

(กัปและนิรพุทะ เป็นหน่วยนับความยาวนานของเวลาที่ยาวนานมาก
๑ นิระพุทะ มีความยาวเป็นปีเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๖๓ ตัว
๑ อสงไขยปี มีความยาวเป็นปีเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว
ส่วนกัปยาวนานกว่านั้นอีกมาก คือ อุปมาเหมือนมีกำแพงกว้างยาวและสูงด้านละ ๑ โยชน์
ใส่เมล็ดพันธุ์ผักกาดให้เต็ม ทุก ๑๐๐ ปี จึงหยิบเมล็ดพันธุ์ผักกาดออกเมล็ดหนึ่ง
เวลาที่ใช้หยิบเมล็ดพันธุ์ผักกาดออกจนหมดยังสั้นกว่ากัปหนึ่ง )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 15:32  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27499

คำตอบที่ 40
      

เอาละครับ จบแล้ว

ถ้าท่านไปเดินตามวัด อาจจะเห็นภาพวาดเกี่ยวกับพระคาถานี้
ผมหวังว่าถ้าได้เห็นภาพเหล่านั้นแล้ว ท่านคงจะพอได้รู้ความหมายที่มาที่ไป
แล้วพอจะเล่าให้คนข้าง ๆ หรือลูก ๆ หลาน ๆ ฟังกันบ้าง

สวัสดีครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.19.192 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 15:42  IP : 202.91.19.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27500

คำตอบที่ 41
      

อนุโมทนาบุญครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.90.1 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 17:40  IP : 125.24.90.1   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27502

คำตอบที่ 42
      


ขอขอบพระคุณ " คุณหนุ่มกระโทก " ที่มาให้ความรู้ ขอให้อาการเจ็บต้นคอดีขึ้นในเร็ววันครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree 125.27.45.12 ศุกร์, 6/6/2551 เวลา : 21:33  IP : 125.27.45.12   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27503

คำตอบที่ 43
       อนุโมทนาด้วยครับพี่หนุ่มฯ

เผื่อใครอยากจะสวด เห็นแต่ตัวหนังสือบางคนอาจจะไม่แน่ใจว่าสวดถูกหรือไม่นะครับ ลองเข้าไปเว็บบล็อคนี้นะครับ มีเสียงให้ฟังด้วย (ผมยังจำไม่ได้ ก็จะสวดตามเสียงทุกวันครับ)

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=all4u&month=11-2007&date=22&group=37&gblog=3



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก him:D 58.8.211.140 เสาร์, 7/6/2551 เวลา : 10:41  IP : 58.8.211.140   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27510

คำตอบที่ 44
       แจ่มเลยครับ ขอบคุณ อนุโมทนา สาธุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Big Tui 710 119.42.71.220 อาทิตย์, 8/6/2551 เวลา : 16:30  IP : 119.42.71.220   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27543

คำตอบที่ 45
       หลักจากได้ลาจากการเป็นภิกษุ เมื่อไม่นานมานี้ พอได้อ่านข้อความนี้แล้วรู้สึิกดีมากครับ ทุกวันนี้ก้อจะสวดบทนี้ก่อนนอนทุกวัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมูผอม 203.144.209.14 จันทร์, 9/6/2551 เวลา : 11:35  IP : 203.144.209.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 27568

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,25 เมษายน 2567 (Online 3621 คน)