คำตอบที่ 61
       หอย... ปรุงแล้ว ใส่เกลือกะพริก

ขอบอกว่าแม้กระทั่งเกลือบนโต๊ะอาหาร ก็เม็ดเป้งๆแบบเกลือแกงบ้านเราเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 62
      
มาดูขนมกันบ้าง หน้าตาคุ้นๆทั้งนั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 63
      
ขนมต้ม.. ใช่มั๊ยเนี่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 64
      
ข้าวเหนีบวปิ้งใส้กล้วย กับขนมฝักบัว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 65
       ซ่าหริ่ม หรือลอดช่อง หรือรวมมิตร ไม่แน่ใจ
แต่ในกะละมัง น่าจะเป็นอะรเปียกซักอย่าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 66
      
เดินไปก็อยากชิมไป

แต่เห็นแม่ค้าตักแล้ว... หยอง

ผ่านนิ้วชี้ กะนิ้วกลางทุกทีไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 67
      
จุ๊บกันสักที.....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 68
       ตอนกลับโรงแรมก็แวะร้านขายปลากรอบปลาแห้งเตรียมไว้มาฝากเพื่อนๆ สมัยก่อนจะกินปลากรอบเขมรก็ง่ายๆที่ตลาดนัดสนามหลวงมีให้กินเพียบ แต่พอย้ายไปสวนจตุรจักรก็ไม่มีกินแล้วอยาจจะเป้นเป็นเพราะสงครามเขมรที่ลามมาจากเวียดนามด้วยทำให้ปลากรอบเขมรไม่มาบ้านเราอีก

บ้านเราปลาช่อนแห้งแร่ได้แปดริ้วตื่นเต้นถึงกับเอามาตั้งชื่อตำบลที่ฉะเชิงเทราแต่ปลาที่นี่สิบริ้วเป็นอย่างต่ำเพราะปลาทะเลสาปเขมรมันใหญ่และมากจนจับอย่างไรก็ไม่หมดเหมือนบ้านเรา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 69
       ปลาแห้งแบบแบะครึ่งตัวก็มีขายในราคาถูก แต่ถ้าพูดเขมรไม่ได้อาจจะต้องซื้อแพงกว่าคนเขมรเองเกือบเท่าตัว

ผมกับรุจซื้อกิโลละ 10USD ปลาแห้งเขมรเนื้อมันแน่นและหวานกว่าบ้านเรา ปลากรอบก็เป็นปลาเนื้ออ่อนแท้ๆที่บ้านเราขายเป็นปลาสดไม่เอามาทำปลากรอบให้ซื้อกันแล้ว

งานนี้นับนิ้วแจกเพื่อนๆและญาติๆบ้านละตับตอนชั่งก็ซัดไปสิบกว่ากิโลแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 70
       หลังจากนั้นก็ไปหาอะไรใส่ท้องกัน จากข้อมูลของฝรั่งแบกเป้ที่สนามบินบอกว่าถ้าอยากหาอะไรกินแบบไม่ต้องเสี่ยงให้ไปแถวตลาดเก่าเลยบอกให้นายมาตินขับรถไปส่ง

ครั้งแรกคิดว่าน่าจะเป็นแบบตลาดโต้รุ่งบ้านเราที่ไหนได้มันกลายเป็นตรอกข้าวสารไปแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 71
       สภาพร้านค้ารับนักท่องเที่ยว กินได้ไม่ลำบากมื้อละห้าหกเหรียญก็อิ่มได้แต่กินแบบนี้ไม่ใช่แบบที่ผมอยากไป ผมเดินดูแล้วไปกินแผงลอยของเขมรแถวนั้นสั่งข้าวผัดเนื้อมากินจานละสามเหรียญหรือร้อยกว่าบาทซึ่งน่าจะเป็นราคาของคนพูดเขมรไม่ได้ เพราะว่าถ้าพูดได้คงไม่มีปัญญากินข้าวผัดรถเข็นข้างถนนราคาร้อยกว่าบาทแน่ๆ

สภาพร้านที่ผมไปกินวันนั้นเป็นรถเข็นแผงลอยริมทางเท้ามีคนเขมรนั่งกินอยู่เต็มร้านที่สามารถสั่งอาหารได้เพราะมีเมนูภาษาอังกฤษให้ชี้สั่งได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 72
       ระหว่างทางกลับก็พบกับเรื่องตื่นตาอีกเรื่องหนึ่งคือทุกหน้าหนาวจะมีงานเลี้ยงเหมือนโต๊ะจีนรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักมีการแสดงแสงสีของนครวัดประกอบด้วย ผมเลยให้นายมาตินให้จอดรถที่ริมคูน้ำรอบกำแพงนครวัดเก็บรูปสักชุดมาดูเล่น

ต้องยอมรับว่าแสงเขาจัดได้ดีจริงๆเพราะตั้งหน้ากล้องได้ไม่ยากเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 73
       รูปนี้ขยับไปอีกไม่ถึงร้อยเมตรก็ได้รูปที่ตั้งปราสาทอยู่กึ่งกลางซุ้มประตูเหมือนในแบ็งค์เขมร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 74
       วันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับคืนนี้ค่อยมาต่อกัน ขอตัวไปทำวงจร ECU เจ็ดป่าช้าเวอร์ชั่น 2 - 2008 ชุดปรับปรุงที่ทนความร้อนสูงในห้องเครื่องและต้านทานสัญญานรบกวนจากระบบจุดระเบิดของรถตุ๊กๆที่จอดติดไฟแดงข้างรถให้ดีก่อนแล้วจะมาพาเที่ยวใหม่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 75
       สุดยอดบรรยากาศพร้อมคำบรรยายเหมือนได้เกาะเอวไปด้วย งั้นเลย ขอรับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 76
       แล้วผมก็กลับถึงโรงแรม เดินแค่ครึ่งวันก็รู้สึกว่าตัวเน่าเหม็นหึ่งแล้ว

โรงแรมที่นอนคราวนี้หรูหน่อย Prince'D Angkor เป็นระดับสี่ดาวเนื่องจากระยะเวลาช่วงนี้เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของเขมรด้วยโรงแรมเต็มยาว กว่าจะได้คิวพักตรงกับตั๋วเครื่องบินต้องวางแผนกันเป็นเดือนเพราะโรงแรมว่างกับตั๋วต้องตรงวันกัน

นอนที่นี่ต้องมี 250USD ต่อวันหรือประมาณแปดพันบาท นอนสี่วันซัดไปสามหมื่นกว่าบาท เมืองนี้อะไรก็แพงหมด ข้าวผัดรถเข็นริมถนนก็ร้อยกว่าบาท

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 77
       เพื่อให้สมกับราคาทางโรงแรมเลยเตรียมสระว่ายน้ำเค็มไว้รับแขกด้วย ที่นี่สระน้ำจืดมันมีทุกโรงแรมที่นี่เลยทำเป็นน้ำเค็มให้บรรยากาศทะเลไปเสียเลย
ตอนวันที่31 ก็จัดงานปีใหม่ริมสระแต่ผมกับรุจนอนอุตุในห้องเพราะหมดแรงลงมาซื้อบัตรเที่ยว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 78
       ตอนแรกกะว่าจะไปคาสิโนชั้นล่างของโรงแรมแต่คิดได้ว่าเพิ่งอาบน้ำที่กบาลสเปียนมาเป็นมงคลชีวิตแล้วเข้าบ่อนตอนค่ำมันอัปมงคลอย่างไงก็ไม่รู้เลยสรุปว่านอนในห้องฉลองปีใหม่ดีกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 79
       แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็ได้ไปนครธม สุดยอดปราสาทของนครธมคือปราสาทบายอน
ทางเข้าจะเข้าทางเดียวกับนครวัดเพราะนครธมเป็นเมืองใหม่ที่สร้างใกล้กับนครวัดประมาณกิโลครึ่ง มีประตูทางเข้าอยู่ห้าประตูวันนี้ผมเข้าทางประตูทิศใต้ที่มีสะพานหินเป็นรูปกวนเกษียรสมุทรอยู่เป็นราวสะพานโดยอีกด้านเป็นเทวดาและอีกด้านเป็นยักษ์

เรื่องกวนเกษียรสมุทรเอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังประกอบรูปที่นครวัดที่ระเบียงรายมีภาพแกะสลักหินเรื่องกวนเกษียรสมุทรสวยงามมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 80
       เมืองนครธมที่ผมบอกว่าใหม่นี่มันสร้างมาตั้งแต่ปีพศ.1724 นะครับแปดร้อยกว่าปีแล้ว

เก่ากว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สร้างกรุงสุโขทัยอีก ต้องว่าปีเก่าระดับพระนางจามเทวีสร้างนครเลยทีเดียวแต่นครของพระนางจามเทวีหายไปแล้ว สุโขทัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก็เหลือแต่ซาก

แต่ที่นี่เมืองของ พระเจ้าชัยวรมันต์ที่7 ยังอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 81
      
นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขอม สถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท

ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือ


จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน

เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 82
       ประตูเมืองที่นี่มีห้าประตู สี่วันที่มาเที่ยวผมใช้ผ่านไปเกือบครบแล้วสรุปย่อๆให้เห็นภาพได้ว่า ประตูที่ทางทิศใต้คือที่ผมเอารูปให้ดูถือว่าเป็นประตูหลักที่ใช้เข้าออก แม้ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังใช้ประตูนี้ขับรถเข้าไปสู่นครวัดหรือนครธม


ประตูฝั่งตะวันออกด้านใต้เรียกว่าประตูชัยเป็นประตูของพระมหากษัตริย์ใช้เข้าออกผมใช้ประตูนี้เข้านครวัดแทนที่จะเข้าด้านตะวันตกที่ให้นักท่องเที่ยวเข้า ผมเลือกเข้าเดินสวนทางกับชาวบ้านตลอดเพราะว่าวันที่ผมเข้าคือวันปีใหม่ผมอยากให้การเที่ยวของผมเป็นมงคลกว่าเข้าทางทิศตะวันตกที่บังคับให้เข้าเดินทวนเข็มนาฬิกาที่เป็นอุตรวัตร ผมต้องการเข้าทิศตะวันออกเดินทักษิณาวัตรเพื่อความเป็นมงคลของผมและรุจเอง

ผมบอกให้มาตินขับรถพาผมไปปล่อยที่ประตูชัยตะวันออกทิศเหนือแทนที่จะเป็นจุดปล่อยนักท่องเที่ยวทิศตะวันตก นายมาตินทำหน้างงๆว่าเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้ก็มีด้วยเดินสวนทางที่เขาบังคับให้เดินตลอดวัน


ประตูตะวันออกด้านใต้เรียกว่าประตูผี เป็นอะไรที่เงียบและต้นไม้รกครึ้ม แต่ดอกไม้สวยมาก ตอนนี้เป็น Labor camp และส้วมชั่วคราว รุจวิ่งไปขอใช้ยังเสือกหวงส้วมอีกแน่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 83
       ประตูอีกสองประตูคือประตูตาขาวทางตะวันตก เพราะมีปราสาทชื่อนี้อยู่ ไม่ใช่แปลว่าตาขาวปอดแหกวิ่งหนีข้าศึกออกประตูนี้ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ พระเจ้าสามพระยาของเรามาตีเขมรก็เข้าประตูตะวันออกพระนเรศวรก็เข้าประตูนี้ พวกเขมรก็น่าจะตาแหกเผ่นแน่บออกทางประตูตะวันตกเหมือนกัน

อีกประตูทางทิศเหนือเรียกว่าประตูหม้อเพราะว่าดินบริเวณประตูฝั่งนี้ปั้นหม้อได้ดี ไม่ใช่ประตูหม้อแถวท่าแพเชียงใหม่ที่ไม่ใช้ปั้นใช้ตีอย่างเดียว ผมผ่านไปด้านนี้ไม่เหลืออะไรให้รู้ว่าดินแถวนั้นมันปั้นหม้อได้แล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 84
       ผมพยายามจะหาหนังสือเก่าๆของสำนักฝรั่งเศสปลายบูรพาทิศและของ ศ.เซเดย์ มาอ้างอิงเรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เพราะหนังสือที่เขียนมันเป็นนครวัดนครธมที่ยังมีแต่ป่าปกคลุม ทรัพย์สินยังไม่ถูกทำลายไปเหมือนทุกวันนี้


ผมเขียนแบบเที่ยวไปกินไปไม่ได้สักที ต้องลากเอาเรื่องให้เป็นเที่ยวแบบกึ่งวิชาการทุกครั้ง ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรถึงต้องเที่ยวแบบนี้

เวลาผมเที่ยวผมจะเดินเงียบๆไม่พูดโดยไม่จำเป็น เนื่องจากในหัวของผมมันปั่นป่วนไปด้วยตัวหนังสือที่ไหลออกมาเป็นเรื่องราวทุกครั้ง ดังนั้นอย่าหวังว่าไปกับผมแล้วผมจะจ้อเป็นไกด์นำเที่ยว แค่จัดระเบียบข้อมูลในหัวกับสิ่งที่ผมเห็นสมองของผมก็แย่แล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 85
       ปิแอร์ โลดี นักธรรมชาติวิทยาที่เข้ามาเมื่อร้อยปีที่แล้วได้กล่าวถึงนครธมเมื่อได้พบปราสาทบายอนไว้ว่า

ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนคนแคระ และในทันใดนั้นเลือดในกายแทบจะเย็นแข็งตัวขึ้นมาเมื่อเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองข้าพเจ้า แล้วรอยยิ้มที่เหนือกำแพงอีกด้านหนึ่ง แล้วรอยยิ้มที่สามสี่ห้าแล้วก็ที่สิบ ปรากฎจากทุกสาระทิศ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองจากทุกทาง

รูปนี้ที่ผมถ่ายคงจะบอกเล่าในสิ่งที่ โลดี ได้เห็นเมื่อร้อยปีก่อนเป็นอย่างดี ผมมาถึงในอีกร้อยปีต่อมาก็รู้สึกมีหน้าหลายสิบหน้าคอยจ้องมองอยู่ไม่ต่างกับที่นายโลดีรู้สึก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 86
       แล้วนายมาตินก็ขับรถพาเรามาส่งหน้าทางเข้าปราสาทบายอนที่สวยงามที่สุดให้นครธม

ผมเลือกที่จะเดินไปให้ทั้งนครธมไม่ใช้รถ ดังนั้นจึงสั่งให้มาตินเอารถไปรอผมที่ประตูด้านเหนือน่าจะได้เวลากินอาหารเที่ยงพอดีเพราะดูแบบเคร่าวๆดูปราสาทบายอนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสีชั่วโมง ถ้าจะดูแบบเจาะให้ทะลุทุกหยดคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าเจ็ดวันในปราสาทบายนเพียงที่เดียว


ผมบอกได้เลยว่าบรรดาปราสาทหินของเราเป็นได้แค่ศาลพระภูมิริมรั้วเมื่อเที่ยบกับความใหญ่โตอลังการ์และสวยงามของปราสาทหินที่นี่ ขนาดปราสาทหินพิมายหรือปราสาทลพบุรียังเป็นของขนาดเล็กๆเมื่อเที่ยบกับที่นี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 87
       สิ่งที่ได้เห็นในทางเดินเข้าปราสาทบายอนคือความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างของพระเจ้าชัยวรมันต์ที่7 ได้สร้างเอาไว้ หน้าของพระองค์ปรากฎไปทุกที่ มีนักประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่าพระองค์ได้สร้างให้ยอดปราสาทเป็นหน้าของพระองค์


พระเจ้าชัยวรมันต์ที่7 เป็นกษัตริย์องค์แรกที่นับถือพุทธศาสนา พระองค์ได้นำเอาพุทธแบบมหายานเข้ามาแทนที่ฮินดูที่อยู่ในเขมรมาหลายร้อยปี มีนักประวัติศาสตร์บางท่านได้ให้ความเห็นว่าหน้าที่ยอดปราสาทคือพระโพธิสัตว์อวโรติเกศวรที่นับถือในนิกายมหายาน พระองค์ให้สร้างเพราะพระองค์คือเทวะกษัตริย์เป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง

แนวคิดนี้ผมว่าอย่างไงพระเจ้าชัยวรมันต์ที่7ท่านก็ยังเอาฮินดูมาบวกเหมือนพวกเราในปัจจุบันนี้ที่คิดว่ากษัตริย์คือสมมุติเทพ แม้จะนับถือพุทธไปแล้วก็ยังมีกลิ่นแขกปนอยู่ดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 88
       รอบด้านของปราสาทบายอนจะมีระเบียงคตที่มีรูปสลักทุกด้านเหมือนนครวัดแต่เล็กกว่า เป็นเรื่องราวของพระเจ้าชัยวรมันต์ที่7ได้รวบรวมเขมรที่แตกล่มสลายไปให้กลับเป็นหนึ่งเดียว ทั้งศึกจามและสงครามยุทธนาวีที่โตนเลสาป

ระยะเวลาที่ใช้เดินดูรูปที่ระเบียงไม่ใช่น้อย ถ้าเดินแบบไม่รู้เรื่องแบบฝรั่งเดินดูระเบียงวัดพระแก้วก็เดินสักครึ่งชั่วโมงก็ดูระเบียงคตที่บายอนจบ แต่ถ้ารู้เรื่องประวัติเขมรมาก่อนแล้วเดินดูต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะมีจุดที่มองดูแล้วร้องโอ้มันเป็นแบบนี้เองหลายจุด แต่ละจุดนั่งดูรายละเอียดก็ต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะซึมซับเรื่องราวได้หมด

โชคดีที่บรรดาทัวร์เกาหลีญี่ปุ่นไม่เดินช้าๆแบบผมกับรุจ พอไก้ด์เดินพาดูก็เดินแบบดูกันไม่หยุดขา ผมกับรุจเลยสบายที่ยืนรอเดี๋ยวเดียวก็พวกน่าเบื่อก็เดินผ่านไปแล้ว ทำให้ผมเสพอรรถรสของภาพสลักที่ระเบียงคตได้อย่างเต็มที่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 89
       ทางเข้าเขตของปราสาทบายนมีนางอัปสราที่ตากแดกตากฝนมาแปดร้อยปีแล้วดูเคร่งขรึม จากรายงานของทูตจีนที่เข้ามาช่วงนครธมยังมีคนอาศัยอยู่และยังมีพระเจ้าแผ่นดินครองนครได้บันทึกว่าผู้หญิงทุกคนที่นี่ไม่ใส่เสื้อ

โอ้โห ผมนึกภาพตามไม่ออกเลยจริงๆว่าผู้หณิงของนครธมทุกคนไม่ใส่เสื้อเหมือนนางอัปสราที่ประตูนี้จริงๆเหมือนที่ทูตจีนบันทึกไว้คงน่าดูพิลึก เพราะว่าพอมีสาวๆเดินผ่านก็จี๊ดขึ้นวูบวาบ พอสาวแก่เดินผ่านก็วูบหมด พอสาวๆเดินผ่านอีกก็จี๊ดอีกแล้ว พอคนแก่เดินอีกก็วูบอีกรอบ

เดินสิบนาทีคงเป็นลมเพราะความดันโลหิตมันสวิงขึ้นลงไม่หยุดแน่ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 90
       น้องอัปสราอีกแล้ว

ผมกับรุจเรียกชวนกันดูน้องคนโน้นน้องคนนี้กันสนุกปาก แต่น้องอัปสราของผมกับรุจแต่ละคนมีอายุแก่กว่าทวดของทวดของทวด ของผมเสียอีกเพราะสร้างมาก่อนกรุงสุโขทัยเป็นร้อยปี

ครั้งหนึ่งเคยมีพวกนักวิชาการบางคนบอกว่าสมัยก่อนคนสร้างนครธมนครวัดไม่ให้เกียรติ์เพศหญิงนำมาประดับสิ่งก่อสร้างไปทั่ว

ผมแย้งว่าแต่สำหรับผมแล้วนี่คือเกียรติ์สูงสุดที่ให้แก่เพศหญิงเพราะว่าพื้นที่ส่วนในมีแต่ชนชั้นสูงและพราหมณ์เท่านั้นที่จะเข้าได้ แต่นางอัปสราอยู่ทุกที่ที่เป็นเขตต้องห้าม แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เกียรติ์เพศหญิงได้อย่างไร

ผมพูดอย่างนี้พวกนักวิชาการถึงกับสงบปากแล้วมองผมอย่างจะกินเนื้อเลยที่เดียว มองหน้าเหมือนคิดในใจว่าเอ็งเป็นใครฟ่ะที่มาให้ความเห็นแข่งกับนักประวัติศาสตร์ระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่กล้าแย้งความเห็นของผมเพราะไม่รู้ว่าจะหาทางแย้งได้อย่างไรถึงจะสมเหตุผลว่าขอมไม่ให้เกียรติ์ผู้หญิงอย่างที่ท่านนั้นเข้าใจ

แสดงความคิดเห็นย่อย