คำตอบที่ 2461
       ออนทัวร์จริงๆเลย พี่หนุ่มเนี่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2462
       ดึก ๆ ดื่น ๆ มานั่งทำไรกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2463
       น่านสิ นอนเเต่หัวค่ำเเล้วตื่นเช้าน่าจะดีกว่าเน๊าะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2464
       "โอโฮ้" ขยันกันจังเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2465
       ท้องเสีย.....ก็นั่งเล่นคอม ปวดหัวก็นั่งเล่นคอม หิวข้าวก็นั่งเล่นคอม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2466
      

ล่อเป้าได้ผล ว่าแล้วต้องมีคนแอบมาตีท้ายครัวตอนตีห้า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2467
       อ่านจบแล้วครับ 83 หน้า ปัญญาเกิดก็จะมีปัญหาตามมาถามอีกครับ จากที่ไม่มีปัญหาเพราะไม่มีปัญญาพอจะมองเห็นปัญหา ตอนนี้ปัญญามีแต่ยังไม่มากพอก็ต้องขอรบกวนคุณหนุ่ม/อ.วอน กรุณาช่วยตอบต่อไปขอบคุณล่วงหน้าครับ
-อ่านการทดสอบรถ Isuzu 2.5CDI turbo ความดันเบรกเฉลี่ยของ B100 มีค่าต่ำกว่า 1000 kPa โดยทั่วไปเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ ที่มีเทอร์โบ จะมีค่าความดันเบรกเฉลี่ย 1000-1200 kPa ผมไม่ทราบว่าความดันเบรกคืออะไร เมื่อมันต่ำกว่า 1000 kPa แล้วมันมีผลอย่างไรกับเครื่องยนต์ครับ
- อ่านจากทดสอบรถ MITSUBISHI L200 รุ่น 4D56 จากการทดสอบกำลังรถ และเปรียบเทียบความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจำเพาะเบรก ในรูปที่ 7 เมื่อใช้ B100 ที่ 2100-3100 rpm ได้กำลังรถและความสิ้นเปลืองน้ำมันเท่ากัน จะใช้ข้อมูลนี้เป็น Economic speed ได้มั้ยครับ คือเมื่อใช้ 3100 rpm ก็จะได้ km/hr สูงสุด ขณะที่เมื่อใช้ rpm 2100+ ก็จะได้ km/hr ต่ำกว่าแต่ใช้น้ำมันเท่ากัน อันนี้รถแต่ละรุ่นก็คงแตกต่างกันไป อันนี้ผมเคยสงสัยเนื่องจากผมขับBT50ที่ความเร็ว 90-110 และ 110-130 km/hr อัตราสิ้นเปลืองไม่ต่างกัน ก็เลยคิดว่าที่ความเร็ว 90-130km/hr น่าเป็นย่าน rpm ต่างแต่ใช้น้ำมันเท่ากัน คิดเล่นๆครับแทนที่จะประหยัดน้ำมันอย่างเดียวจะได้ประหยัดเวลาด้วยโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
- เมื่อก่อนใช้แต่ B100 ก็ดีแล้วแต่ตอนดีกว่าเมื่อใส่ปาล์มสกัดเข้าไปด้วยเพราะ:
-ปาล์มสกัดค่าซีเทนต่ำกว่าแต่พลังงานมากกว่าB100เมื่อผสมกับ B100 ที่ซีเทนสูงกว่าดีเซล ก็จะทำให้ค่าซีเทนลดลงใกล้เคียงกับดีเซลแต่การเผาไหม้นานขึ้นต่อเนื่องเพิ่มกำลังและแรงบิด
-อัตราสิ้นเปลืองจำเพาะน้อยกว่าเดิมจากความหนืดที่เพิ่มขึ้น หัวฉีดน้อยแต่บ่อยครั้ง
-ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงขึ้น
-เสียงเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด จากพลังงานและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นภาระที่เครื่องและเทอร์โ บลดลง
-รอบเครื่องต่ำลงที่ความเร็วเท่ากัน
B100 35ลิตร + มรกต 15ลิตร = งง จะเรียกว่าอะไรดี B70 ไม่น่าจะใช่ แต่ ถ้าเรียก BP70 ใกล้เคียง

BT-50 2.5DI TURBO

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2468
       คือมันเป็นแบบนี้ครับ

เขาแปลทับศัพท์มา จริง ๆ มันมาจากภาษอังกฤษว่า "Brake Horsepower"
คือวัดกำลังของเครื่องยนต์ หรือวัดแรงม้าของเครื่องยนต์นั่นเอง

ผมเลยสงสัยว่าคุณเอาตัวเลข 1000 kpa มาได้อย่างไร
เพราะหน่วยของนี่มันเป็นแรงดัน ไม่ใช่หน่วยแรงม้า

ดูแค่กราฟนี้ใช้เป็นแนวทางครับ แต่สรุปไม่ได้เพราะว่า ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกด้วย
มีแต่ม้าแต่แรงบิดน้อยก็วิ่งไม่ออก คิดง่าย ๆ เอาเครื่องเจลงกระบะ บรรทุกซักตันสองตัน
ดูว่าไอ้สองร้อยแปดสิบม้าของเจ ทำอะไรได้บ้าง เมื่อเทียบกัน 4D56 90 ม้า

แล้วค่าคุณนำมาเปรียบเทียบกันนั้นมันไม่มีหน่วย กม/ ชม เลยนะครับ

มันมีแต่แรงม้า กับ รอบเท่านั้น

ผมว่าคุณยังสับสนเกี่ยวกับเรื่องหน่วยอยู่นิดหน่อย

รอบเท่ากัน อาจจะฉีดน้ำมันไม่เท่ากันก็ได้นะครับ มันขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกหรือโหลดด้วย อย่าลืมครับ

ยกตัวอย่างเครื่องปั่นไฟ หมุนพันห้าร้อยรอบเท่ากันก็จริง
แต่กินน้ำมันไม่เท่ากัน ถ้าเผื่อว่าต่ออุปกรณ์ที่กินไฟต่างกัน

ไม่รู้ว่าบอกแค่นี้พอจะเข้าใจไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2469
       ผมเล่น เจ กับรถตู้มานานหลายปีนึกออก ที่หนุ่มพูดพูดไว้มันจริง

รถเปล่าขับดีวิ่งแซงชาวบ้านสะบั้นหั่นแหลก พอคนนั่งครบ มันวิ่งไม่เป็น แถมยังซดแกสอย่างกับคอแห้งดูดโอเลี้ยง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2470
       ความดันเบรคเฉลี่ยอ่านมาจากที่นี่ครับ
การศึกษาสมรรถนะของเครื่องยนตดีเซลคอมมอลเรล โดยใชน้ํามันไบโอดีเซลเปนเชื้อเพลิง The investigation of performance of diesel common rail engine by using biodiesel ชญานนท แสงมณี* กุลเชษฐ เพียรทอง ภาควิชาวิศวกรรมเครื่อกล คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลับอุบลราชธาน
ในงานวิจัยนี้ไดนํารถยนต Isuzu Dmax Spacecab SLX ระบบโอเวอรเฮดแคมชาพท 4 สูบ 16 วาลว แถวเรียง ระบายความรอนดวยน้ําคอมมอลเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น พรอมเทอรโบอินเตอรคูลเลอร

จากรูปที่ 6 ความดันเบรคเฉลี่ยของน้ํามันไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ํามันพืชใชแลวมีคาต่ํากวาน้ํามะพราวและน้ํามันดีเซล ตามลําดับ น้ํามันไบโอดีเซล B5 มีคาความดันเบรคเฉลี่ยสูงกวา B100 และเมื่อนําขอมูลมาวิเคราะหอยางละเอียดจะทําใหทราบวาความดันเบรคเฉลี่ยของน้ํามันไบโอดีเซล B100 มีคาต่ํากวา 1000 kPa แตที่น้ํามันไบโอดีเซล B5 คาความดันเบรคเฉลี่ยของไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ํามันพืชใชแลวและน้ํามันมะพราวมีคา 1003 และ 1036 kPa ตามลําดับ ซึ่งโดยทั่วๆไป เครื่องยนตดีเซล 4 จังหวะ ที่มีเทอรโบชารจเจอร จะมีคาความดันเบรคเฉลี่ยอยูในชวง 1000 – 1200 kPa [4]

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2471
       บอกตามตรงครับว่าผม "โง่"



ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว

ความรู้ทางด้านนี้ผมคงน้อยเกินไปครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2472
       มันคือค่าแรงดันให้ห้องเผาไหม้ขณะที่เสมือนกันล็อกเพลา เล่นแปลเป็นไทยลากเข้าวัดแบบนี้ต้องนึกกันนาน

เหมือนกับ จุลละมุนบัญชร ไมโครซอฟวินโดว์


จุดพลาดของงานวิจัยอันนี้อยู่ที่การเปรียบเทียบของน้ำมันที่การฉีดแต่ละครั้งแต่ไม่ใช้การฉีดแต่ละปริมาตรที่เท่ากันครับ

ความหนืดจะเป็นตัวลดปริมาตรของน้ำมันที่ออกจากหัวฉีดและองศาการฉีดน้ำมันที่กำหนดให้เท่ากันโดยไม่เพิ่มเวลาให้ค่าซีเทนที่ต่างกันของเชื้อเพลิง

การใช้งานจริงคันเร่งจะเสริมตัวเองช่วยเรื่องปริมาตรได้แต่องศาการฉีดต้องตั้งเพิ่มอีกสักหนึ่งถึงสององศาจะได้ประสิทธิภาพของพลังงานเพิ่มขึ้น

เป็นผมทำจะวัดแรงดันสูงสุดในกระบอกสูบที่หลังจุดศูนย์ตายบนเพื่อหาองศาการฉีดน้ำมันที่เหมาะสมของเชื้อเพลิงแล้วปรับตามนั้นก่อนวัดค่าอื่นๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2473
       รถ อีซูซุ Dmax 2.5 torbo ใช้ใด้เป่าคับ
รุ่นไม่มี commonreal

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2474
       พอเข้าใจแล้วครับ มันคือ Break mean effective pressure

แต่ที่ผมสงสัยอย่างหนึงครับคือค่านี้ที่ความเร็วรอบต่างกันมันไม่เท่ากันนี่ครับ
มันไม่น่าจะมาทำเป็นกราพแท่งแบบนี้ได้ น่าจะเป็นกราฟเส้นเปรียบเทียบ
ที่ความเร็วรอบต่าง ๆ กัน น้ำมันหกชนิดก็น่าจะมีหกเส้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2475
       ดูจากราฟที่ คต.2467 แล้ว คงต้องมาทบทวนแล้วว่า ใช้บี 100 หรือน้ำมันปาล์ม มันคุ้มหรือป่าว ยิ่งถ้าราคาน้ำมันพอๆ กันบอกได้คำเดียวว่าเติมดีเซลหรือบี 5 ตามปั๊มคุ้มกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2476
       วันนี้ได้มีโอกาสขับรถสองคันคือ Toyota Mighty X กับ New Mazda BT50 Hi ซึ่งเติมน้ำมัน B100 35L + ปาล์มสกัด มรกต15L เหมือนกันทั้งสองคัน จากเดิมที่เคยใช้แต่ B100
BT50 ได้ความเงียบ ไหลลื่น กำลังต่อเนื่องสม่ำเสมอแม้ขับทางลาดชัน แต่สิ่งที่ดีขึ้นนี้น้อยมากหากเทียบกับ Mighty X ที่เปลี่ยนอย่างชัดเจน
Mighty X แรงบิดและกำลังรถเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนกับ เกียร์ 1 และ เกียร์ 5 มันหายไป
คือเมื่อใช้เกียร์ 2,3 จะรู้สึกเหมือนรถอยู่ที่เกียร์ 1,2 รถจะพุ่งออกตัวแรงดี ขณะเดียวกันที่เกียร์ 5 กลับไม่ไหลลื่น กดเป็นพุ่งเหมือนใช้เกียร์4 ผ่อนคันเร่งเมื่อไหร่วืดลงทันที ที่ความเร็ว 120 กม/ชม Mighty X 3500 rpm ขณะที่ BT50 แค่ 2500 rpm
วันนี้ผมถึงได้เข้าใจถึงความรู้สึก อ.วอน 70:30, 50:50 ลองขับดูก่อนถ้าชอบแล้วค่อยปรับอัตราส่วน มิน่าหลายๆท่านถึงได้ติดกันแม้บางช่วงที่ปาล์มสกัดแพงกว่าดีเซลก็ยังอุตส่าห์หามาเติม คนที่ไม่เคยลองคงยากจะเข้าใจ
ทั้ง CPO และผลปาล์มดิบราคาปรับลงอย่างต่อเนื่อง แล้วทำไมปาล์มสกัดกลับราคาสูงขึ้น วันนี้ที่ Lotus กระบี่ ต่ำสุดก็ 44 บาท/ลิตร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2477
       ลองน้ำมันหม้อแปลงสิคับ เติมได้เหมือนกัน..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2478
       น้ำมันหม้อแปลง มีเยอะ.....ไม่กล้า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2479
       ถึงอ.Von ที่เคารพนับถือครับ ผมยังไม่มีโอกาสได้ลองดีเซล+น้ำมันพืชครับ แต่มาลองใช้B5 ปรากฎว่า เครื่องสะดุดนิดหน่อยครับ พอหมด 4 ถัง พบว่าเสียงเครื่องเหมือนคนเป็นหืดหอบ (ไม่ทราบเข้าใจเปล่าครับ) คล้ายๆๆ คนหายใจไม่คล่องครับ เอาเข้าศูนย์เลยครับทีนี้ ช่างเสียบปลั๊กเช็คให้ซี้กัน บอกว่า ตัวดูดน้ำมันของปั๊มติ๊กผิดปกติดูดไม่สม่ำเสมอเหมือนตัน ต้องเปลี่ยนครับ ดีว่ายังไม่หมดประกัน วิ่งได้ 47000 กม.ครับ ช่างยังบอกอีกว่า ไม่ต้องตกใจเจอประจำรถที่ไปใช้ B5 เลยต้องล้างถัง ไม่กล้าเติมอีกเลยครับ ลืมบอกไปครับ ใช้Isu 3000ddi ครับ
ถามความเห็นอ.VON ครับ ว่าเป็นอย่างที่ช่างบอกหรือว่ามันจะมีปัญหาอยู่แล้วครับ ผมอยากใช้พลังงานทางเลือกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2480
       อย่างนั้นรถ รถอีซูซุ จะขายในยุโรปไม่ได้ครับ เพราะ B5 เป็นมาตราฐานน้ำมันขั้นพื้นฐานของยุโรป

รถดีเซลเครื่องคอมมอนเรลที่ใช้ปั้มแรงดันมาตราฐานต้องสามารถสามารถใช้สูงกว่า B5 ได้เสียด้วยซ้ำไป

ถ้าช่างศูนย์คนนั้นบอกอย่างนั้น ถ้ามีใครไปแจ้งอีซูซุศูนย์ใหญ่หรือญี่ปุ่น ช่างคนนั้นอาจจะถูกไล่ออกทันทีได้ครับ เพราะว่าช่างคนนั้นกำลังบอกลูกค้าว่ารถรุ่นนี้ที่อีซูซุขายไม่ได้มาตราฐาน EURO

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2481
       คุณ คต.2479 จะบอกให้ว่าอีซูซุคอมมอนเรวเป็นเครื่องที่มีปัญหามาก ตั้งแต่กินน้ำมันเครื่อง รอบเดินเบาไม่นิ่ง จนหนักสุดก็ดับกลางอากาศ ปัญหารอบเดินเบาไม่นิ่งหรือดับกลางอากาศมันจะมาจาก SCV สกปรก ล้างๆ ซะหน่อยก็หาย ไม่จำเป็นต้องเป็นบี 5 ถึงจะเจออาการนี้ น้ำมันอะไรก็ตามที่สกปรก ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้อาการนี้เป็นเร็วขึ้น น้ำมันปาล์มสะอาดกว่าบี 5 อยู่แล้วเพราะเป็นเกรดอาหาร ไม่ใช่เกรดเชื้อเพลิง แต่ก็ระวังเรื่องความหนืดน้ำมันจะทำงานเข้าก็แล้วกัน ส่วนช่างศูนย์ไม่ต้องไปหวังพึ่งมากหรอก มั่วไปวันๆ ลองไปถามหลายๆ คนดูเหอะ ตอบไม่เหมือนกันซักคน และที่สำคัญไม่เลิกโทษน้ำมันสักที ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้ำมันมันเป็นแบบนี้ก็เสือกทำเครื่องที่ใช้น้ำมันแบบนี้ออกมาไม่ได้ แต่เสือกรับรอง ห่วยมากๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2482
       ทีนี้หล่ะผมได้คำตอบแล้ว ผมจะได้ไปชั้แจงให้บันดาญาติๆ ที่ใช้ เครื่องคอมมอนเรล แล้วไม่กล้าเติม บี๕ และคอยด่าผมเวลาผมเติมน้ำมันคารฟูร์ (เป็นประจำ) ผมก็ไม่เห็นรถผมผิดปรกติตรงไหนเลย ขอบคุณอาจารย์ วอน และ คุณงานเข้า คำตอบที่ ๒๔๘๑ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2483
       ป่วยการครับคุณ ทททท ผมทั้งเติมให้ดู อธิบายให้ฟัง นำเอกสารลิขสิทธิ์ของพระองค์ท่านให้ดู ก็ยังไม่มีใครนำพา
เปลี่ยนความคิดคนเนี่ย ยากจริง ๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2484
       ยืนยันครับ ผมเติมไปหลายร้อยลิตร ไม่ใช่สิ หลายร้อยกิโลกรัมแล้ว อธิบายอย่างไร ก็ไม่มีใครเชื่อหรือกล้าใช้ ดีซะอีก ไม่ต้องกลัวใครแย่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2485
       ..ขอบคุณ สำหรับความรู้ครับ อ่านตั้งแต่หน้าที่ 1-83 สองวันเต็มๆครับ กระจ่างชัดมากๆ...



แล้วจะนำไปบอกน้องที่ใช้รถครับ ผมใช้มอไซค์ อิอิ..

แล้วจะแวะมาเก็บความรู้เพิ่ม บ่อยๆนะครับ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2486
       วันนี้ก็ได้คำตอบว่าทำไม BT-50 แรงไม่ตกเมื่อใช้ B100 ทั้งที่เป็น DI เนื่องจากระบบ Commonrail ใช้ของ BOSCH มีการทำงานโดยฉีดเชื้อเพลิงเข้าไป 5 ครั้งภายในแต่ละรอบของจังหวะจุดระเบิด ดังนั้นรถที่มีห้องเผาไหม้แบบพรีแชมเบอร์ แม้จะไม่ใช่คอมมอนเรลแต่ก็จะทำงานคล้ายกับของ BOSCH ในจังหวะการฉีดที่1-3 แต่รถบางรุ่นบางยี่ห้อแม้จะเป็น Commonrail แต่ฉีดครั้งเดียวเลิก ก็ไม่ได้ประโยชน์เต็มที่
รถระบบ Commonrail ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดตัวอุ่นน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันที่อยู่ในท่อ Commonrail ความดัน 1600-1800 บาร์ จะมีอุณหภูมิสูง และน้ำมันส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งเข้าหัวฉีด ส่วนใหญ่ที่แหลือจะไหลวนกลับถังเป็นการอุ่นน้ำมันทั้งระบบไปในตัว
ตอนนี้ผมใช้สัดส่วนน้ำมันพืชลดลงจาก 30% เหลือ 20% เติม B100 40L+ มรกต10L ยังได้ความรู้สึกในการขับขี่ไม่ต่างกัน เนื่องมาจาก มรกตเหลือน้อยแค่ 240L ขณะที่ B100 มีหลายพัน
เมื่อวันที่ 14 คุณ หนุ่ม แวะไปที่บ้าน โทรไปก่อน ผมก็ไม่รู้หรอกว่าหนุ่มไหน พอมาถึงก็ทักทายเหมือนคนคุ้นเคยทำเอาผมงงใหญ่ คุ้นมากแต่ไม่รู้ว่าใคร ด้วยเข้าใจผิดมาตลอดว่า ชายมีหนวดที่ถ่ายรูปคู่กับ Mr Shen Si ผู้จัดการโรงงาน บ ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม คือคุณหนุ่ม คุยกันตั้งนานถึงจะรู้ว่าเป็น หนุ่มกระโทก ลูกศิษย์ อ.วอน ดีใจมากครับ ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ บ้านผมยินดีต้อนรับเสมอ มีห้องมรกตให้พักด้วยน่ะครับ ตอนนี้ไม่รู้ออนทัวร์ไปถึงไหนแล้ว


Commonrail ดีจริงหรือแค่กระแส ?



เขียนโดย grandprixgroup.com
แนวทางของระบบที่สมบูรณ์แบบในเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ จะเป็นการผสมผสานที่ดีที่สุดของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการขับขี่
รถยนต์เครื่องดีเซลสมัยนี้ชูจุดเด่นของเทคโนโลยี Commonrail แต่มันมีดีกว่าระบบหัวฉีดธรรมดาแบบเดิม ๆ อย่างไร มาทำความรู้จักกับ Commonrail เทคโนโลยีก้าวล้ำของเครื่องยนต์ดีเซลวันนี้ โดย BOSCH เทคโนโลยีเพื่อชีวิต
การจัดการการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ประเภทที่ไม่ต้องใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด แต่มีการทำงานแบบเชื้อเพลิงจะเผาไหม้ด้วยตัวเอง อาศัยหลักการทำงานโดยการฉีดน้ำมันเข้าไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งจะเต็มไปด้วยอากาศที่มีอุณหภูมิและแรงกดดันสูง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำการควบคุมการเผาไหม้ให้ได้ตามต้องการ เพื่อที่จะให้ได้รับการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ แต่เทคโนโลยีของระบบ Commonrail จะมีการทำงานโดยฉีดเชื้อเพลิงเข้าไป 5 ครั้งภายในแต่ละรอบของจังหวะจุดระเบิด การทำงานแบบนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธภาพของการเผาไหม้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ส่วนประกอบที่สำคัญ ของระบบ Commonrail



ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบ Commonrail ประกอบไปด้วย ปั๊มจ่ายแรงดันสูง หัวฉีดแรงดันสูง Commonrail และหน่วยควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมัน (คอมพิวเตอร์ควบคุมการฉีดจ่าย จะช่วยควบคุมส่วนประกอบที่สำคัญอื่น ๆ)
Diesel in the Future
หัวฉีดแรงดันสูง
เครื่องยนต์ดีเซลแบบใหม่จะฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ ณ แรงกดดันที่สูงมาก มากกว่า 1,800 บาร์ การฉีดที่สมบูรณ์ภายใต้แรงกดดันที่สูง จึงต้องการการควบคุมการฉีดที่แม่นยำมาก Peizo-Actuator สามารถที่จะควบคุมการฉีดได้รวดเร็วกว่าหัวฉีดทั่วไปถึง 2 เท่า



การควบคุมการเผาไหม้ย้อนกลับ โดยเครื่องตรวจจับแรงกดดันภายในกระบอกสูบ

กระบวนการเผาไหม้แบบใหม่ที่เรียกว่า HCCI (Homogeneous Charge Compression Ignition ) นั้น เป็นเทคโนโลยีในอนาคตสำหรับทำให้ไอเสียสะอาดยิ่งขึ้น ระบบจะไม่เริ่มการเผาไหม้อย่างเต็มที่จนกว่าเชื้อเพลิงจะผสมกันอย่างดีกับอากาศที่ถูกฉีดเข้าไป จากผลทดสอบในห้องทดลองได้รับการยืนยันว่ากระบวนการเผาไหม้แบบใหม่นั้น ลดการปลดปล่อยมลพิษเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีก็ยังคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาเพื่อช่วยปรับปรุงความสามารถในการขับขี่ เสียงในการเผาไหม้ที่ลดลง และการปลดปล่อยไอเสียที่จะต้องพัฒนาให้สะอาดดียิ่งขึ้นไป
ลักษณะเวลาในการฉีด และจำนวนการฉีด
การฉีดนำร่อง (Pilot injection)



จำนวนเล็กน้อยของน้ำมันดีเซลจะถูกฉีดเข้าไปก่อนการฉีดหลัก ซึ่งจะสร้างการผสมผสานกันระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศในกระบอกสูบ การฉีดนำร่องช่วยพัฒนาความสามารถในการขับขี่ และช่วยลดเสียงจากการเผาไหม้ลง และสามารถที่จะเกิดขึ้นหนึ่งครั้งหรือสองครั้งก่อนการฉีดล่วงหน้า
การฉีดล่วงหน้า (Pre injection)
มีหลักการทำงานโดยน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนเล็กน้อยจะถูกฉีดเข้าไปก่อนการฉีดหลัก การทำแบบนี้มีเหตุผลเพื่อที่จะสร้างไฟนำร่องเล็ก ๆ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการปลดปล่อย NOx และเสียงจากการเผาไหม้
การฉีดหลัก (Main injection)



การฉีดหลัก คือ การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้หลักเพื่อให้ได้พลังงานตามความต้องการของผู้ควบคุม หรือตามภาระของเครื่องยนต์
การฉีดตามหลังการฉีดหลัก (After injection)
การฉีดตามหลังสามารถแยกออกได้เป็นสองหมวด ส่วนแรกคือ การฉีดเชื้อเพลิงจำนวนเล็กน้อย เพื่อสร้างการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่และยังไม่เผาไหม้ ส่วนที่สองคือ การช่วยเพิ่มอุณหภูมิการปลดปล่อย เพื่อที่จะช่วยระบบบำบัดไอเสียให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฉีดภายหลัง (Post-injection)


การฉีดแบบนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยในการทำงานของเครื่องยนต์ แต่การฉีดภายหลังแบบนี้ เกิดขึ้นเพื่อที่จะเพิ่มอุณหภูมิไอเสียในระบบบำบัดไอเสีย (Denoxtronics)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2487
       ดีครับที่ได้พบกับหนุ่มกระโทกเสียที่แล้วรู้ว่าไม่มีหนวด

อ่านเรื่องที่คุณกัปตันส่งมาให้อ่านแล้ว ผมอยากจะบอกว่าคุณกัปตันเจอคนตัวจริงเรื่องนี้แล้วคือหนุ่มกระโทก แต่คงไม่ได้ถามเรื่องที่ลอกมาให้อ่าน

หลักการของการฉีดล่วงหน้า (Pre injection) นั้นช่วยเรื่องการประหยัดและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลได้อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่เครื่องยนต์โบราณที่ใช้หัวฉีดกลไกคงไม่มีสิทธิ์ใช้ระบบนี้

แต่ไม่พ้นมือหนุ่มกระโทกที่จะหาทางทำให้มันเกิดปรากฏการณ์ การฉีดล่วงหน้า (Pre injection) ขึ้นในเครื่องดีเซลหัวฉีดกลไกโบราณได้จึงเกิดแนวคิดกระป๋องเจ็ดป่าช้าขึ้น

น้ำมันถังสุดท้ายที่ คุณเอ รายงานผลการใช้งาน น้ำมันถังหนึ่งลากปาเจโรหนักสองตันได้พันกว่ากิโลเมตร

นี่คือส่วนหนึ่งของสิทธิบัตรของหนุ่มกระโทกที่ทำงานเหมือนกับการจำลอง BOSCH เทคโนโลยี มาใช้โดยสร้าง Pilot frame ก่อนที่หัวฉีดหลักจะฉีดน้ำมันออกมา

ลองอ่านสองวรรคสุดท้ายแล้วจะรู้ว่า วิศวกรอำเภอกระโทกกับ วิศวกรเมืองสตุ๊ดกาดต์ ไม่ได้คิดต่างกันเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2488
       กระป๋องเจ็ดป่าช้า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2489
       วิศวกรไร้หนวดแห่งเมืองกระโทก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2490
       แวะมาอ่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย