คำตอบที่ 61
       เข้ามาอ่านตลอดครับ
คาดว่าต้องเรียกพี่TIK นะครับเพราะติดตามอ่านกระทู้เรื่องสมัยก่อนน่าจะตรงกับรุ่นพี่
ของอาเฮียๆผมประมาณรุ่นTHE PALACEน่ะครับ
ผมก็เคยเป็นทาสวัตถุแบบขาดสติมาเหมือนกันครับพอมีลูก2ก็ต้องปล่อยผ่านไปละกับสิ่งเหล่านั้นครับ
ขอบคุณมากๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 62
      
-เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สมาชิกในครอบครัวผมกลับมา(หลบ)น้ำที่บ้านกัน ...ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวที่กำลังลดบทบาทตัวเองลง เพื่อยอมรับคนรุ่นใหม่ หรือเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เริ่มแสดงบทบาทของเขา เป็นการหย่อนให้เกิดภาพ เพื่อมองผลงานหรือความรับผิดชอบของผมเอง(บุตร) ต่อส่วนรวมในรูปแบบหนึ่งครับ...

-ผมเพิ่งขายรถซีดานประจำบ้านไป เนื่องจากมีรถเก๋ง 4ป. เพียงคันเดียว และยังไม่มีคว่ามพร้อมเรื่องซื้อรถใหม่ด้วย จึงเป็นปัญหาที่ผมขอความเห็นสมาชิกในครอบครัว...

-ผลทุกเสียงออกมาคือ "ควร" ...เพื่อลดจำนวนรถ/ภาระซ่อมฟื้นฟูรถเก่า ให้น้อยลง...ผมจึงรู้...พวกเขากำลังฉวยโอกาส... ที่ไม่ค่อยมี...คือผมเองไปปิดกั้นเรื่องนี้ โดยใช้สิทธิความเป็นหัวหน้าครอบครัว...เหมือนเห็นภาพสะท้อนลางๆ บนตัวถังรถที่ยังเงางามอยู่ครับ...

-ความเป็นผู้นำที่ถึงเวลาต้องรับฟัง หรือยอมถอย...เหตุผลแบบวิเคราะห์ขอติดไว้ก่อน เกรงว่าจะยาวไปครับ...

-อยากโม้เรื่อง "ส้มเขียวหวาน" ต่ออีกหน่อยก่อนครับ....

-ผมหาส้มเขียวหวานมาคั้นน้ำให้สมาชิกในครอบครัวดื่มแบบหมู่ และถามผลความรู้สึกด้วย จำนวน 3 ครั้ง(วันละครั้ง) ทุกเสียงและทุกครั้ง จะบอกว่า "อร่อย" หรือผลสำเร็จสูงมาก....เป็นเรื่องไทยๆ ที่ไม่ได้ก้าวตามโลกภายนอก ซึ่งผมพยายามสร้างความสำคัญ....

-"อร่อย"..."ควรขายรถ"...เท่ากันคือทุกเสียงทั้งหมด มีเรื่องขายรถที่ผมลังเลอยู่อีกฝั่งคนเดียว...เป็นภาพที่อบากให้คิดตามครับ....

-ผมบอกสมาชิกว่าการได้ดื่มน้ำส้มคั้นคุณภาพดี ในงบประมาณประหยัด วิธีคือต้องได้ส้มขนาดกลางมาในราคาส้มเล็ก(ฯอาจเปรี้ยว) หมายถึงต้องหาซื้อส้ม(เหี่ยว) จะได้ส้มซึ่งเป็นผลดีต่อการนำมาคั้นน้ำอย่างเดียว ...แต่...การได้ดื่มน้ำส้มดีแบบประหยัดด้วยนี้ ต้องมีโชค... คือต้องเจอแม่ค้าขายส้มที่ใจดีด้วย...

-เพราะมีเหตุผลหลายข้อที่ทำให้หวังยาก ที่จะได้ของตามต้องการ...ผมเล่าเพื่อสอนสมาชิกให้เข้าใจว่า ความสำเร็จ(พอใจ) มีขั้นตอนมาก...

-ความสำเร็จเรื่องรสชาตอาหาร เป็นเรื่องมีน้ำหนักที่วางตัวได้(บ้าง) เพราะเป็นเรื่องของไทยกันเองเท่านั้น.. ฝรั่งหรือชาติอื่นๆที่สนใจ ...เขามองไทยเพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่มาดูว่า(ไทย)เราเรียนรู้เรื่องของเขามาใช้อย่างไร...ต่างกันมาก...อยากเพียงขอให้คิดตามด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 63
      
-ขอขยายความต่ออีกหน่อยครับ...

- การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบหนึ่งคือ จัดให้มีดนตรีไทย(เดิม) ในตลาดนัดหรือสถานที่กิน/เที่ยวทางน้ำ(คลอง) เช่นเขตตลิ่งชัน หรือในเส้นทางเรือ ม.เจ้าพระยา/คลองหลายสายในเขตกรุงเทพฯ.... ฝรั่งชอบ...เป็นความคิดที่ฉลาดและมีคุณค่า ตอนนี้พบเห็นได้ทั่วไป คนไทยก็นิยมกันเองด้วยครับ...

-ในตอนหนึ่งของ "ดนตรี กวี ศิลป์" ทางช่อง ไทยPBS ถ่ายทำการแสดงดนตรีกลางแจ้ง ณ (จำชื่อสถานที่ไม่ได้) ที่เชียงใหม่ วงดนตรีไทย ก็จำชื่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน มีผลงานเป็นเพลงไทยของวงเอง และในตอนหนึ่ง วงนี้ก็เล่นเพลงเทศด้วย..."Little Wing" ....

-ในบรรยากาศรอบเวทีกลางแจ้งขณะแสดงดนตรี ผู้คนเบาบาง เพราะไม่ใช่คอนเสิร์ท เป็นเพลงการบันทึก(เทป) แต่เนื่องจากเป็นเชียงใหม่ จึงมีฝรั่งสนในมายืนชมดนตรีฟรีนี้ด้วยครับ....

-Little wing เป็นเพลงเด่นแบบขึ้นคานของฝรั่งเขา มีนักดนตรี/นักร้อง แนวหน้าระดับโลก หลายๆคน/วง นำเพลงนี้ไปเล่น มากมาย เป็นการวัดความสามารถทั้งการ cover และเรียบเรียงหรือดัดแปลงดนตรีใหม่ และโดยทั้งหมดใช้เนื้อร้องเดิม ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ....

-นักดนตรีไทยระดับดังภูธร เล่นเพลงนี้ต่อหน้าฝรั่ง ผมคิดว่า "ตกที่นั่งลำบาก"... เป็นความเห็นส่วนของผมเองครับ

-ที่คลาดน้ำตลิ่งชัน นอกจากมีวงดนตรีไทยเดิม ก็มีแบบเล่นเพลงสากลด้วย ตอนผมไปเที่ยว...อยู่ในขณะเล่นเพลงเก่า "Yellow River" ซึ่งก็เป็นเพลงตลาด ภาษาอังกฤษ ผมเดินผ่านไปพร้อมกับฝรั่งที่ไปเที่ยวที่นั่นเช่นเดียวกัน ...

-ไม่ได้เห็นความรู้สึกหรือเห็นฝรั่งส่ายหัว(คนไทยร้องเพลงฝรั่ง) แต่อดเกร็งตามไปด้วย ผมว่าเป็นสิ่งที่ผู้จัดคิดน้อยกันไปนิด...เพราะถ้ามีการร้องแบบดำน้ำ และฝรั่งส่ายหน้า ความประทับใจในสถานที่อาจหายไปด้วย...

-เมื่อฝรั่งดู...ดนตรีไทย / ดูคนไทยร้องเพลงฝรั่ง ...อยากให้ลองคิดตามดูครับ

-ศาสตร์ หรือแม้แต่ศิลปทางความงามของรถยนต์ โดยทั้งสิ้นไทยเราก้าวตามเขา หรือหาของแต่งที่เขาผลิตขาย ซื้อมาประดับใส่ตัว ไม่ได้ออกแบบหรือสร้างเอง โดยทั้งสิ้น ก็คือเช่นเดียวกันนั่นเองครับ....

-ทั้งหมดของข้อความ ไม่ใช่เพื่อต่อต้านใครๆ แต่เพียงขอแลกกับ ความยั้งคิดในการอ้างเป็นระดับแต่งรถเป็น เทพ/นางฟ้า ที่จำมาอีกต่อหรือเพียงซื้อมาใช้ ว่าหากมีสายตาของต้นฉบับบที่มองดู อาจเหมือนคนไทยที่กำลังร้องเพลง "Little wing" ให้ฝรั่งดู....ผมว่าควรคิดให้ดีครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 64
      

-ผมนำเสนอความเห็นที่อาจขัดกับความคุ้นเคยในบางเรื่อง มาจากการเทียบต่างมุมมอง ไม่ดีกว่าเสมอไป แต่อย่างน้อยอาจทำให้การก้าวตาม มีความยั้งคิด หรือเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นบ้าง และผมระวังที่ไม่ให้เป็นลักษณะการถ่ายทอด หรือชี้นำแบบเหตุผลน้อยครับ...

-มีผลบ้าง ..ที่อยากเล่าให้อ่านตามคือ ... หลายคนที่นิยมน้ำ...."แตงโมปั่น" , "โซดาปั่น" , วิสกี้ผสมโซดาระบุตราสิงห์ผสมน้ำ... เคยเห็นผลหลายรายที่เปลี่ยนไปบ้าง โดยผม..ให้เหตุผลเปรียบเทียบกัน...

-ตัวอย่างคือ ผมกินแตงโมในช่วงฤดู/ทุกวัน/ทุกปี..ต่อเนื่องได้เป็นเดือน โดยไม่เบื่อ หมายถึงความชอบจริง(แน่นอน) ...

-เป็นเรื่องเล่าให้ผู้ที่สั่ง"แตงโมปั่น" ต่อหน้าผมว่า..ผมกินแตงโมมาก และซื้อแต่ผลขนาดใหญ่ ซึ่งต้องแบ่งกินหลายวันจึงหมด คือต้องกินให้หมดไม่เกิน 5 วัน ..โดยหั่นแบ่งเก็บในหลายกล่องใส่ และแช่เย็นไว้ นำออกมากินครั้ง/วันละกล่อง.. แต่ผมต้องเปิดดูกล่องอื่นๆเพื่อรินน้ำแตงโมที่ก้นกล่องทิ้งทุกวันด้วย เพื่อให้เก็บได้นาน...

-สิ่งที่บอกกับผู้นิยม"แตงโมปั่น"คือ ผมไม่เคยกินหรือดื่มน้ำแตงโมที่ก้นกล่องเก็บเลย ..คือรินทิ้งอย่างเดียว ทั้งๆที่ชอบกินแตงโมมาก ความหมายนี้..ไปเปรียบเทียบกับผู้นิยมน้ำแตงโมปั่น มีผลยุบตัวหายไปหลายรายครับ....

-เรื่องโซดาคุณภาพซ่าที่เหนือกว่าตามราคาซื้อ นำมาปั่นหรือนำมาผสมน้ำเติมในเหล้า ก็เช่นกัน....หมายถึง วิธีใช้/ซื้อ อาจขัดกัน เป็นสิ่งที่ทำตามๆกันมาไม่รู้ตัว...

-ความหมายคือมีเรื่องบิดเบี้ยวหลายเรื่องที่เป็นแบบอย่างอยู่ในไทย ไม่มีความเสียหายมากมายจนต้องต่อต้าน แต่ความสำคัญอยู่ที่เรื่องราวแบบอย่างนั้น ไม่ใช่วัฒนธรรมกิน/ดื่มของคนไทยเอง ดังนั้น หากถูกจับตามอง ความหมายจะอยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่แตงโมหรือโซดาฯอีกต่อไปครับ.....

 แก้ไขเมื่อ : 27/4/2557 7:53:35

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 65
       ผมเห็นข้อความยาวๆแล้วขี้เกียจอ่าน
พี่ลองตัดตอนให้สั้นลง และทำให้เป็นหลายๆ คต. จะดูน่าอ่านกว่านะ
ผมชอบนิยายเรื่องสั้น จบง่ายได้ใจความ ไม่เสียเวลาอ่าน
นิยายเรื่องยาวๆ หนาๆหลายๆหน้า เนื้อเรื่องน่าอ่านแต่มันยาวไป เอาไว้ก่อนเสียเวลา
ก็เลยไม่ได้อ่านซะที ก็เลยเสียโอกาสนั้นไป
นี้จากใจผมเลยครับพี่ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 66
       -ถ้าเป็นการตอบคำถาม ข้อความสั้นๆคือเหมาะที่สุด แต่การนำเสนอเรื่องที่ไม่มีใครคำถาม จึงมาพร้อมแวดล้อมประกอบเรื่องเพื่อให้พิจารณาด้วยครับ..

-อย่างไรก็ขอบคุณนายช่างฯ ผมจะพยายามดู...แต่ขอเว้นเรื่องต่อไปนี้ก่อน เพราะคิดลำดับให้สั้นๆ ยังไม่แน่ใจ ว่าจะมีใครเข้าใจ คืออยากให้เกิดมุมคิดที่เป็นประโยชน์ครับ....

----------------------------------------------------

-รถเก๋ง 2ป. ผ่านเข้ามาในชีวิตผมหลายคัน และในปัจจุบัน ก็มีหลายรุ่นที่ยังคงมีตัวตนอยู่ในหมวด RETRO CAR คิดในปัจจุบันไม่มีความเสียดาย แต่รู้สึกเหมือนตนเองใช้รถไม่ดีหรือรักษารถไม่เป็น เพราะในเวลาปัจจุบัน ยังมีรถรุ่นนั้นอยู่ในสภาพใช้งานได้ โดยคนอื่น หมายถึงนั่นคือความบกพร่องของผมในแบบรสนิยมที่ผ่านมา...

-ในวันนี้..ผมมีรถ 2ป.อยู่ในบ้าน 2 คัน ผมพอใจ เพราะเป็นคนเลือกซื้อเอง แต่แวดล้อมในครอบครัว ทำให้ต้องบอกขาย 1 คัน และผมเลือกแล้ว...

-วันวาน มีเป้าหมายหรือรถ 4ป. เข้ามาในเส้นทางจะซื้อของผมๆ เรียกสมาชิกในครอบครัว มาชี้นำเรื่องการเลือกว่า....

-รถเก๋ง 2ป.ขนาด/รุ่นใหญ่กว่า , ศักฯทางการตลาดสูงกว่า , สวยกว่า ,เก่ากว่าเกือบ 10 ปี เมื่อเทียบกับ รถเก๋ง 4ป. ในรูปแบบรถใช้งานทั่วไป ซึ่งมีราคาใกล้เคียงกัน...ถามความเห็นว่าถ้าเป็นเขาจะเลือก....

-ขาย 2ป.สภาพดีที่มีอยู่ ไปซื้อ 4ป.ที่เล็กลงแต่อายุใหม่กว่าเกือบ 10ปี....หรือไม่ขายรถ 2ป. และไม่ซื้อรถ 4ป.นั้น

-ผมชี้นำ ใครๆก็อ่านออก.....

-คำตอบได้มาว่า รถ2ป. ไม่มีความหมายต่อความรู้สึกของเขา และรถที่เล็กลง/ใหม่ คือความเหมาะสมของเวลาปัจจุบัน.....

-ตรงกันข้ามกับที่ผมคิด แต่แน่นอน เมื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความเห็น ผมควรยอมรับ(บ้าง)

-สิ่งที่นำมาเล่า ไม่ต้องการให้ดูคำตอบเลือก....เพราะในเวลาต่อมา ผมก็คิดใหม่ว่า...

-คนรุ่นใหม่ ซึ่งยังไม่สนใจรสนิยมในการเล่นรถซึ่งมีแววจะก้าวไปเป็นรถ RETRO ได้...หรือยังไม่เข้าสู่เส้นทางนั้น

-ผมซึ่งอยู่ในเส้นทางนั้นมาตลอดชีวิต ก็ไม่ได้วิเศษหรือเหนือกว่าเพื่อนบ้านที่ใช้รถแบบทั่วไป แม้แต่คุยมากก็ต้องระวังว่า เป็นการชี้นำเรื่องปูด/ปม ซึ่งมีค่าเพียงความรู้สึกเปล่า...หรือเป็นเรื่องที่ไม่เอ่ยถึงก็ไม่มีใครเรียกร้องฟัง...

-แต่วันวาน ผมไปชี้นำให้สมาชิกในครอบครัว ถึงเรื่องศักฯและแววของรถ 2ป. ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ใช่เหตุผลของเครื่องมือ เพียงเพื่อพยายามให้ไม่ต้องขาย รถที่มีอยู่แล้ว....โดยลืมไปว่า การอธิบายนั้น คือการเริ่มนำคนที่ไม่สนใจเรื่องแบบนั้น เข้าไปสนใจ....

-ตรงนี้แหละครับที่อยากชี้ให้สังเกต ...อย่างไรตอนนี้รู้ตัว(อีก)แล้ว

-หวังว่าท่านอื่น คงมองเห็นด้วยเช่นกัน....ขอบคุณครับ

------------------------------------------

-เข้ามาแก้คำผิด จึงขอวางอีกเรื่องให้คิดตามด้วยดังนี้ครับ...

-ผมกำลังมองรถเก๋งเครื่องดีเซล เป็นเป้าหมายอยู่ และในไทยที่ผ่านมา หรือเป็นรถมือสองในตอนนี้ เห็นอยู่ 3 แบรนด์ มีค่ายยนต(กละ)ขาย 1 แบรนด์ พับไป จึงเหลืออีก 2 แบรนด์ ...

-วันวานผมนำรถไปปรับจูนแก๊ส จึงได้รู้ว่าอู่นั้นเป็นคลับของรถที่ผมเล็งไว้ด้วย หรือ 1 ใน 2 แบรนด์ที่สนใจครับ...

-มีรถเก๋งเครื่องเบนซิน โฉมปัจจุบัน ได้ยินว่าวิ่ง(80,000)กม. จอดเปิดฝาสูบอยู่ ผมถามช่างๆก็บอกอาการเสีย (แต่ผมจำไม่ชัดจึงขอข้าม) ผมก็งงว่ารถยังใหม่ทำไมต้องซ่อมขนาดเปิดฝาสูบ ...

-ผมบอกช่างว่ากำลังสนใจรถแบรนด์นี้ ถามช่างว่าเครื่องดีหรือไม่ ช่างตอบว่า "ไม่ดี"...ผมถามต่อว่าถ้าเป็นเครื่องดีเซล...ช่างบอก "ดี".....

-ต่อมาก็มีรถเครื่องเบนซินรุ่นเดียวกันที่เปิดฝาสูบ เข้ามาซ่อม(เบา) ...

-ระหว่างรอ ผมจึงลองถามผลการใช้กับเจ้าของรถ และถามในสุดท้ายว่า ถ้าต้องซื้อใหม่อีกครั้ง จะเลือกเบนซินหรือดีเซล ได้คำตอบว่า "เบนซิน"เหมือนเดิม...

-ต้องขอแจ้งว่าผู้ใช้รถรายนี้เป็นผู้หญิง แต่มีความรู้เรื่องรถดี ไม่ใช่ขับอย่างเดียว

-ในห้องเครื่องเห็น อุปกรณ์เสริมพิเศษ แสดงว่าแต่งรถเป็นด้วย...

-แต่คำตอบของคนใช้/ช่างซ่อม ไม่ตรงกัน ในคลับเดียวกันด้วย

-ไม่รู้ท่านอื่นอ่านตามแล้วมีคำถามในใจเหมือนผมหรือไม่...คิดในใจดีกว่าครับ......



 แก้ไขเมื่อ : 20/4/2557 7:28:18

 แก้ไขเมื่อ : 20/4/2557 18:03:46

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 67
      
-รถ MUSTANG เป็นรสนิยมสำคัญของคนอเมริกัน...ส่วน PORSCHE เป็นรสนิยมสำคัญของคนเยอรมัน...

-เวลาฝรั่ง 2 ชาตินี้ เจอและคุยกัน จะต่างคนต่างเข้าใจในความหมายสำคัญ ตามชาตินิยมของตนเอง อาจหมายถึง MUSTANG ก็ไม่ใช่ความหมายสำคัญของคนเยอรมัน PORSCHE ก็ไม่ทำให้อเมริกันตื่นเต้น หรือสู้ราคา

-แต่รถทั้ง 2 แบรนด์ขวัญใจชาว เยอรมัน/อเมริกัน เป็นขวัญใจของนักเล่นรถชาวไทยด้วย ไปดูราคาขายในตลาดรถได้ครับ....

-คำถามคืออะไรเหตุผลที่เป็นแรงชักจูงให้คนเยอรมัน,อเมริกัน และคนไทย...

-ผมเคยมีความเห็นให้สมาชิกในครอบครัวว่า ...ความอาภัพหลักๆมี 2 แบบ...

-หนึ่งคือเกิดมาอาภัพ...เช่นพิการ , ยากจน ฯลฯ

-อีกหนึ่งคือ...."นิสัยอาภัพ"...ที่บ้าน ผมมีคำอธิบายให้สมาชิกในครอบครัว.. แต่ตรงนี้คิดว่าไม่ต้องอธิบาย เพียงอยากให้คิดตาม เพื่อป้องกันในต่อๆไป...เท่านั้นเองครับ....

เยี้ยม อธิบายซะฮา พิการ ยาจน จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 21/4/2557 10:28:31 [182.53.133.161]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 68
       -คงหมดข้อความตามชื่อกระทู้นี้แล้วครับ ...อย่างไรผมพิมพ์เรื่องส้มเขียวหวานคั้นน้ำ เป็นการบอกถึงสิ่งดีๆที่เอื้อมถึงได้ง่าย จึงขอฝากบทความ ที่หมายถึงสิ่งที่สำคัญในชีวิต.....ดังนี้ครับ


"ทางเกวียนสายนี้เปล่าเปลี่ยว....ทอดตัวไปสู่บ้านของข้าพเจ้าโดยเฉพาะ

เป็นทางที่ไม่มีความหมายสำหรับผู้ใด....เพียงเพื่อข้าพเจ้าเท่านั้น...

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจำทุกสิ่งในเส้นทางนี้ได้ดี และยอมรับตลอดเวลา...

ว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ..เป็นเพราะข้าพเจ้า....."


-บทความนี้หมายถึง "คู่ชีวิต".........ขอฝากให้อ่านผ่านตาสักครั้ง...เท่านั้นเอง...ออกเสียงในใจอีกครั้ง...ขอบคุณครับ.....

---------------------------------------------------

-หนังเทศที่มีเนื้อเรื่องลึกซึ้ง และมีเหตุผลไม่ขัดความรู้สึก แต่บางตอนอาจไม่สมจริงจึงไม่ใช่หนังสนุก.. ท่านใดยังไม่เคยดูและสนใจ หาแบบอ่าน soundtrack จะดีกว่าครับ...

-มีตัวอย่างนิสัยอาภัพ ที่เป็นเหตุผลได้(พี่สาว/ลูกสาวคนโต) และเสน่ห์ที่มีจริงของลูกสาวคนเล็ก ฯ.............

http://www.youtube.com/watch?v=USKDdEg8N3s

 แก้ไขเมื่อ : 21/4/2557 21:03:03

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 69
       ติดตามอ่านมาตลอดพี่เขียนได้มีสาระทำไห้มุมมองกว้างขึ้นขอบคุน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 70
       -ขออนุญาตวางความเห็นเรื่องเดิมเพิ่มอีก ...คงเป็นสุดท้ายจริงๆแล้ว...ดังนี้ครับ

-เรื่องแรกคือส้มเขียวหวานคั้นน้ำ...อยากขอแจ้งว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ผมจริงจังกับการซื้อส้มมาคั้นน้ำ และมีผลบางอย่างที่เพิ่งรู้เหมือนกันคือ...

-ตั้งแต่พิมพ์และลงรูปส้มชุดแรก จนถึงวันนี้กว่า 1 เดือนแล้วที่ผมดื่มน้ำส้มคั้นเอง วันละ 2 แก้ว หรือราวๆวันละ 1 กก. รวมสมาชิกในครอบครัว ทั้งหมดคงไม่เกินวันละ 2 กก. หมายถึง มีส้มที่ผมซื้อเข้าบ้าน อาจมากกว่า 70 กก.ไปแล้วครับ... อยากบอกคือ อร่อยทุกๆแก้ว แตกต่างกันบ้าง แต่อย่างน้อยก็เริ่มที่ระดับพอใจ....

- นับคุณภาพจากน้ำส้มคั้นที่ไม่ต้องเต็มน้ำตาล เป็นจุดเริ่มต้น หรือ หวานน้อยเป็นต้นไปโดยไม่เปรี้ยว...ต้องการเพียงเติมเกลือเล็กน้อย และแข่เย็นในช่องแช่แข็ง 30-60 นาที ได้ระดับ เย็น-เริ่มเป็นเกล็ดน้ำแข็ง แล้วดื่ม ผลคือพอใจทุกแก้ว...ไม่เบื่อเลยกว่า 1 เดือนแล้วครับ...

--อีกข้อที่ต้องการบอกคือ ส้มที่นำมาคั้น ราคาเต็มคือ 80 บาท แม่ค้าขายในแบบส้มเหี่ยวในราคา 40 - 50 บาทเท่าราคาส้มเบอร์เล็ก ส้มขนาดกลางนี้ ซื้อแบบเหมากอง ในหลายๆครั้งต่อมา พบว่า แม่ค้าหยิบ(โกย) รวมส้มไม่เหี่ยว หรือส้มยังสดให้มาด้วย ...

-เวลาซื้อมา ผมจะนำมาล้างแล้วเริ่มคัดที่เหี่ยวมากน้อย แยกเป็นถุงละ 2 กก. แช่เย็น แล้วทยอยหยิบออกมาใช้ครั้งละ 1 ถุง(ทำให้อยู่ได้อีกหลายๆวัน)

-ในเวลาเลือก มีส้มที่ยังสดรวมอยู่ แต่ปีนี้หลังจากดื่มน้ำส้มคั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ผมรู้สึกว่าส้มคั้น ได้ผลพอใจดีกว่าส้มกิน เพราะยังมีอีกหลายอย่างมาบั่นทอนความพอใจ เช่นเม็ดมาก,ซางแข็งฯ และไม่แช่เย็น สรุปคือน้ำส้มคั้นแช่เย็น อร่อยและให้ผลความรู้สึกพอใจสูงกว่าตรับ

-ดังนั้นที่แม่ค้าหยิบรวมส้มยังสดให้มา ผมก็ไม่แยกไว้กิน ...คั้นอย่างเดียว...

-สิ่งที่อยากบอกอีกอย่างคือ การได้ส้มสดปนมาด้วยในแบบครึ่งราคา หมายถึงแม่ค้าใจดี

-*ผมพอใจในรสชาตน้ำส้มคั้น และดีใจที่ได้เจอคนไทยใจดี...แยกให้ต่างกันนะครับ....หมายถึงรู้สึกปลอดภัย เหมือนนำจักรยานไปซ่อม 20 บาท ทำนองนั้นครับ...

-นำมาเล่าย้ำ เพื่อบอกความเหมาะสมทั้ง"ของและคน" ใน ป.ไทยนั่นเองครับ.....

----------------------------------------

-รูปแนบคต.นี้ กาละแมที่ยังมีคุณสมบัติหรือคุณภาพดี จะประกอบด้วยใบตอง(แก่ไม่ใช่อ่อน)อบแห้ง ซึ่งมีกลิ่นทำให้กาละแมดีขึ้น และก้านทางมะพร้าวสำหรับเย็บห่อ ไม่เป็นอันตราย ในกรณีเผลอเข้าปาก(เด็ก) งานนี้เป็นของอิสาน จ.นครพนมครับ

-ผมเคยกินกาละแมที่รสชาตดีกว่าเจ้านี้ เป็นฝีมือกวนของคนแปดริ้ว บอกตามสูตร(มอญ)โบราณ อร่อยมาก แต่วิธีห่อเก็บไม่ดีเท่าของคนอิสานตามรูปนี้ และที่แปดริ้วทำปีละครั้ง แต่ละปีไม่ค่อยคงที่ นี่คือปัญหา ซึ่งน่าเสียดายมากครับ...

 แก้ไขเมื่อ : 23/4/2557 9:58:59

 แก้ไขเมื่อ : 27/4/2557 17:30:57

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 71
       -ขออนุญาตอีกเรื่อง คืออยากชี้นำความสำคัญ " Meet Joe Black "

-หนังเทศเรื่องนั้น สร้างในยุคคุณภาพหรือยุคทองของฮอลลี่วูด...เนื้อเรื่องเป็นสมมุติ ที่แนบเนียน การสร้าง(หนัง)ในช่วงนั้น เนื้อเรื่องคัดจากนิยายดัง ทีมสร้าง,นักแสดง มืออาชีพ ถ่ายทำประณีต....ต่างกับตอนนี้มากเหมือน ฟ้ากับเหว ...(ตามเนื้อร้องเพลงไทย)....

-ไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะคนเขียนเรื่อง สร้างเพียงเพื่อให้ตัวละครมีบทบาทสำคัญให้เห็น....จึงขอแนะนำให้ตั้งใจดู(ช้าๆ) เพื่อดูบทบาทตัวละครครับ

-พ่อ....เป็นคนรวยจากความเก่ง ยึดถือความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าโอกาส / ใช้ชีวิตเรียบง่าย / รู้จักคุณค่าชีวิตคู่ / รักลูกสาวคนเล็ก พร้อมเสียสละ

-ลูกสาวคนโต...ต้องการความรักจากพ่อ และรู้ตัวว่าไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร....มีเหตุผลที่คนดูจะเห็นเอง..

-ลูกเขยใหญ่...มีความเป็นมิตร,ไม่ฉลาด แต่ซื่อ

-ว่าที่ลูกเขยคนเล็ก....เก่งในแนวนักฉวยโอกาส/โกง/อำมหิต/เอาตัวรอด

-ลูกสาวคนเล็ก...มีนิสัยอ่อนโยนเรียบง่าย ตั้งใจในความรัก เชื่อฟังพ่อ มีเสน่ห์ที่นิสัย คนดูจะรู้สึกเอง...

-พระเอก.... ตีความหมายได้ยาก เพราะหมายถึง 2 คน ในร่างเดียวกัน มีสิ่งดีเป็นเสน่ห์ทั้งคู่ แต่กว่ากันนั้นตอบยาก เป็นความหมายที่ผู้เขียนเรื่องจงใจให้คิดตาม....(ลูกสาวคนเล็กรักชายนิสัยใด ในร่างชายคนนี้) ...

-สิ่งที่นำมาชี้อีกครั้งคือ...ใน(หนัง)เทศเรื่องนี้ มีตัวโกง อยู่คนเดียวคือว่าที่ลูกเขยคนเล็ก....

-แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง.......มีคนแบบนั้นเป็นส่วนมาก ที่ดีมีเป็นส่วนน้อยหรือกลับกัน....นี่คือเรื่องที่แนบเนียนเหมือนจริงได้ แต่ไม่เป็นจริง อยากให้สังเกตและคิดตามครับ...

-----------------------------------------------------

" มองไม่เห็นลม....จึงเอาหูแนบเปลือกหอย

ยินเสียงลมบ่น...อู้อี้....อู้อี้...อยู่ในนั้น

ถาม.....ลม..เจ้าบ่นอะไร

ถาม.....ลม..ทำอย่างไร..จึงจะเลิกบ่น

ถาม.....ลม..(ร้องเพลงได้ไหม,งวดหน้าออกเลขอะไร,ทำไมโรลบาร์ HILUX ถึงแพงมาก)...

ลมไม่ตอบอะไรเลย.....เอาแต่บ่น.. อู้อี้..อู้อี้...ท่าเดียว "


-ในวงเล็บ เลือกใส่คำถามเดียว ตามที่ชอบ แนวทางเรื่องก็เปลี่ยนทันทีครับ

-----------------------------------------------

-ขอเติมเพิ่มว่า...ในประสบการณ์ของผม แตงโมและส้ม ผลสำคัญหรือส่วนที่ให้ความอร่อยจะกลับรูปแบบกัน...ข้อความอยู่ด้านบน..สังเกตดูด้วยครับ...



 แก้ไขเมื่อ : 23/4/2557 9:42:11

 แก้ไขเมื่อ : 23/4/2557 12:34:42

 แก้ไขเมื่อ : 25/4/2557 17:47:36

 แก้ไขเมื่อ : 7/5/2557 9:51:23

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 72
       -รูปแนบคต.นี้ .....สเกิร์ตที่วางไว้รอบคันนั้น....คือ..ถอดออกครับ ...ไม่ใช่จะใส่ ...คล้อยตามชื่อกระทู้นี้ครับ...

-เหตุผลอยู่ในคต.ต่อไปครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/5/2557 7:12:55

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 73
      
-อยากให้เหตุผลอย่างระมัดระวัง...จึงขอวางรูปไว้ก่อน...คำอธิบายจะมาใส่ในต่อไปครับ....

------------------------------------------

-บนซ้าย....ศรชี้มุมสเกิร์ตชิ้นเกาะกันชนหลังปลายบาน...3 ชิ้นที่กันชนหน้า,บันไดซ้ายขวา...(พอ)รับได้ แต่ชิ้นตามรูป ไม่ถูกใจ...เป็นเหตุที่ 1. ครับ

-บนขวา....มีรอยแตกเสียหายเป็นตำหนิ...เป็นเหตุที่ 2.

-ล่างซ้าย,ขวา....การยึด ใช้แบบเจาะ/จิก-เกาะตัวถังรถ ใช้สกรูเกลียวปล่อยต่างขนาดทั้งอ้วน/ผอม,ยาว/สั้น มีเกลียวขัน/น็อตตัวเมีย ต่างขนาดผสมอยู่ด้วย หรือนานาพันธ์ เป็นลักษณะติดตั้งแบบกึ่งทำลาย เป็นเหตุที่ 3. ครับ

-วัสดุและสีของสเกิร์ต คุณภาพต่ำกว่าแบบที่โรงงานติดเป็นมาตราฐานในรถบางรุ่นที่มาพร้อมรถใหม่...เป็นเหตุผลที่ 4.



-ความสวยงามไม่ถูกใจ,การติดตั้งที่สร้างปัญหาต่อตัวถังได้,คุณภาพวัสดุต่ำ,ชำรุด ....เป็นข้อสรุป

-ผมประเมินเองว่างานที่ติดตั้งมากับรถนี้ มีคุณภาพอยู่ราว 25-30% เมื่อเทียบกับงานมาตราฐานโรงงานระดับมีวงจรอะไหล่...

-ผมเคยใช้/ยังใช้ ชิ้นส่วนตกแต่ง คุณภาพราวๆ 40% โดยมีความจำเป็น...เช่นหาของแท้หรือเกรดดีไม่ได้,ต้องใช้เพื่อปิดหรือเป็นส่วนประกอบให้งานอื่น เช่นคิ้วล้อ/ปัญหาล้อยื่นเกินตัวถัง, ราคาถูกในแบบใช้ชั่วคราวไปก่อนได้..หรือสรุปว่าใช้คุณภาพ 40% โดยความจำเป็นหลายข้อเป็นเหตุผล.....


-สิ่งที่นำมาวาง ไม่ต้องการแสดงเหตุผลในรสนิยมส่วนตัว ...เพียงแต่ชวนให้คิดตามว่า คนไทยหลงเข้าไปในเส้นทางย้อนศร"งานแบบมีคุณค่า" และสำคัญอย่างยิ่งคือ มักนำมาแสดงในแบบมีระดับทัดเทียมหรือเกินความจริงเช่น "แต่งสเกิร์ตรอบคัน"...เป็นเรื่องที่เป็นเหมือนโรคติดต่อมานาน หลายสิบปี ซึ่งความมักง่ายนี้ ไปส่งผลให้ของที่มีมาตราฐาน ซึ่งไม่ใช่งานของคนไทย ราคาเกินจริงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเชื่อมากกว่าเหตุผล "โดยที่ไม่มีใครสังเกตให้เป็นข้อแก้ไขด้วยครับ".....
..

-สรุปคือสเกิร์ตที่ติดรถมา มีชิ้นที่แบบไม่ถูกใจ นอกนั้นก็เพียงพอรับได้,มีแตกชำรุด และติดตั้งแบบผิด(มาก)มาก่อน ...คิดว่าถอดออกคือวิธีที่ง่ายที่สุดครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/5/2557 7:12:03

 แก้ไขเมื่อ : 7/5/2557 7:25:20

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 74
      
-ข้อหลักที่ชอบคือ...เครื่องที่ไม่ใช้สายพานขับราวลิ้น หรือไม่มีสายพานไทมิ่ง...

-อีกข้อคือสีขาว ...นอกนั้น...ก็รับได้เพื่อคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่ในครอบครัวครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 75
      
-เข็มความเร็วแก่ , รอบต่ำ....คือความหมายระดับปกติ ของ(เจ้าของ)รถออฟโรด ที่ดัดแปลงสภาพไปแบบพร้อมลุย/คุย....ในเวลานี้ครับ

-ย้อนเวลากลับไปในอดีต...ซึ่งนานมากมาแล้ว...รถยนต์ในยุคโบราณ รอบเครื่องยนต์ต่ำ, ไม่มีเกจ์วัดระดับน้ำมัน,ไม่มีวัดรอบเครื่องยนต์ และถ้าเป็นแบบรถอีแต๋น ไม่มีเกจ์วัดความเร็วด้วย....เฟืองท้ายสำหรับรถแบบเดียวกันที่ใช้ต่างพื้นที่หรือต่างการใช้งาน ต่างขนาดล้อ ถูกทดโดยหลักหยาบๆ เรียกแต่เบอร์เฟืองหน้า เช่นเฟือง10 /เฟือง9 /เฟือง8 ...ปัจจุบันเลือกใช้กันอย่างละเอียดกว่าเดิมมาก เช่น 8/35,8/37,8/39,8/41....เป็นต้น....


-เครืองยนต์ทั้งเบนซินพัฒนาไปถึงการใช้วาวล์แบบพิเศษ เพื่อให้ผล(เอื้อ)ในรอบเครื่องที่สูง หรือรองรับการใช้รอบเครื่องยนต์สูง(กว่า) เครื่องดีเซล ก็แนวทางเดียวกัน ดูแถบสีแดงของวัดรอบเครื่องคอมมอลเรล จะสูงกว่ารถเครื่องดีเซลในอดีต แบบ/ขนาด เดียวกัน..

-เพียงอยากชวนให้คิดถึง ความไม่คำนึงถึงความเร็วจริงที่เพี้ยนจากขนาดล้อที่โตขึ้น กับเหตุผลเรื่องรอบที่พอใจ....ผมมองว่าเหมือนเรื่องโบราณที่ผ่านไปนานมากๆๆแล้ว....แนวทางนิยมของออฟโรดไทยในตอนนี้ จะทำให้(ไทย)เรา ต้องซื้อเทคโนโลยีไปตลอดกาลหรือไม่ ....หรือจะเป็นผู้นำความย้อนยุค กลับมาเป็นล่าสุดรายแรกของโลก...น่าลองคิดดูครับ.....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 76
       ขอบคุณพี่ติ๊กมากมาย หลังจากพี่ได้เรียบเรียงเนื้อเรื่องให้สั้นลง
เชื้อไหม ผมอ่านทุกๆ คต.เลยละ ติดตามตลอด ขอบคุณอีกครั้ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 77
       -อย่าพึ่งให้อภัยกันง่ายๆ...ผมรู้ตัวแล้ว และเห็นด้วย จึงจะพยายาม...แต่ความคุ้นเคยในการเดินเรื่องยังทำให้ยากอยู่... ขอเวลาหน่อยครับ...


-ขอวางเรื่องให้คิดตามดูอีกครับ...


-รูปแนบคต.นี้...เหรียญ 2 บาทไทยใช้ในปัจจุบัน...ถูกทำเครื่องหมายด้วยปากกาเมจิก เพื่อให้รู้ว่า เป็นเหรียญ 2 บาท

-เหรียญหนึ่งเป็นสีเงิน อีกเหรียญคือสีทองเหลือง...เริ่มผลิตสีชุบเงินก่อน ปัญหาที่ทำให้สังเกตยาก จึงเกิดการแต้มเลขบนเหรียญ ต่อมามีเหรียญรุ่นใหม่เป็นสีทองเหลือง ออกมาเพื่อแก้ไขผล(คิด)งานที่มีปัญหา...

-เหรียญ 2 บาท สีทองเหลือง เมื่อเห็นจะไม่ทำให้สับสนกับเหรียญค่าอื่นๆอีก(เหมือนรุ่นก่อน)...แต่ชาวบ้าน ก็ยังเติมสีแต้มเหมือนเดิม ตามภาพนี้...

-กลายเป็นเป็นความเคยชิน ...โดยจริง..เริ่มจากการแต้มสีเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ....

-แต่ต่อมาเมื่อต้นทางแก้ไขให้แล้ว...ชาวบ้านก็ยังเคยชิน...ผลตรงนี้จึงมองเหมือนไม่มีเหตุผล...ทั้งๆที่เริ่มจากมีความจำเป็นหรือมีเหตุผล...

-สิ่งที่ยกมาเล่านี้เพียงอยากบอกว่า เมื่อวงจร,วิธี,รูปแบบ ที่ได้เริ่มและมีการยอมรับแล้ว....ถ้าเหตุการณ์เปลี่ยน แต่ไม่มีใครมาแก้หรือชี้ภาวะล่าสุด ..

-รูปแบบนั้น จะยังคงสืบทอดต่อไป...อย่างไม่รู้ตัวกันเป็นวงกลม....เป็นเรื่องหนึ่งในมากมายที่ยังมีอยู่ในไทย....ผลรวมคือผู้ที่มองจากย่านเจริญ หรือต่างประเทศ จะทั้งสงสารและเห็นช่องทางเอาเปรียบครับ..


 แก้ไขเมื่อ : 11/5/2557 9:00:46

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 78
       -ขอวางอีกเรื่อง...เนื้อเรื่องอาจคล้ายอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกครับ...

-"ฤทธิ์มีดสั้น" เป็นนิยายขึ้นคาน เนื้อเรื่องลีกซึ้ง ...เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อสร้างอันดับให้จอมยุทธระดับแนวหน้า...หลายๆท่านคงรู้อยู่แล้ว ขอนำมาชี้ตอนหนึ่งคือ...

-"อาฮุย"เป็นจอมยุทธอันดับ 1 ใน 10 ...ผู้คนไม่ประมาทในฝีมือ เพราะไม่เก่งที่สุด แต่ก็แกร่งสมเป็นนักสู้ ...

-จอมยุทธเบอร์ 2 ต้องการทั้งกำจัดและใช้เป็นเครื่องมือ จึงเดินแผนป้อนสาวงามและเหล้า เพื่อมอมความสุขให้อาฮุย ใน(พื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้าน) เป็นเวลานานจนอาฮุยกลายเป็น"ขี้เหล้า" ...ขาดเหล้าไม่ได้และจมอยู่ในความงมงายสตรี...ความเป็นจอมยุทธ หายไป.... แต่อาฮุย... "ไม่รู้ตัว"..

-จนวันหนึ่ง เหล้าที่หาได้ในบริเวณส่วนหนึ่งของบ้านนี้หมด และสตรีที่หลงรัก หายไป..อาฮุย จึงคลุ้มคลั่ง...ข้ามพื้นที่ไปยังส่วนอื่นๆ พบเจ้าของบ้านมีงานเลี้ยง อาฮุยต้องการเหล้า แต่จอมยุทธเบอร์ 2 แจ้งว่าในงานเลี้ยงนี้มีแต่เหล้าสำหรับผู้ดี ไม่มีเหล้าสำหรับ(สถุน)...แล้วพากันหัวเราะ ..โยนเหรียญลงพื้น บอกให้อาฮุยนำไปซื้อเองทีอื่น....

-อาฮุย หมดความเป็นจอมยุทธไปแล้ว ไม่มีพลังต่อสู้ ..จะก้าว/ก้มลงเพื่อจะหยิบเหรียญ แต่จอมยุทธเจ้าของบ้าน บอกว่า "ต้องคลานไปหยิบเหรียญ"...ความติดเหล้าและหมดสภาพ ทำให้อาฮุยคลุกเข่าลง และเริ่มคลาน...เสียงหัวเราะเยาะดังเต็มพื้นที่งานเลี้ยงนั้น....

-เกิดมีมีดสั้นพุ่งปักที่เหรียญ และลี้คิมฮวงก็ปรากฎกาย...(พระเอก)ประคองอาฮยให้ลุกขึ้น พาไปที่โต๊ะ รินเหล้า และส่งให้อาฮุย บอกว่าเหล้าชั้นดีที่นี่ดื่มได้ ไม่ต้องไปไกล....อาฮุยฟิวส์ขาด ปัดแก้วเหล้าแล้ววิ่งหนีไป, ลี้คิมฮวง ...ต้องรับปากสู้พิสูจน์อันดับกับจอมยุทธเบอร์ 2 ด้วยเหตุการณ์นี้..

-นั่นคือลี้คิมฮวงออกรับแทนอาฮุย.......จบครับ



-วันหนึ่งในอนาคต หากไทยมีสภาพเหมือนอาฮุย...ใครจะมาเป็นลี้คิมฮวง ช่วย(ไทย) รอดจากเหตุการณ์แบบนั้นหรือ รอดจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ...

-เป็นเรื่องที่ยังไม่เป็นจริง....อาจเป็นไปได้ หรือไม่มีทางเป็นจริง ...ไม่มีใครรู้อนาคต...แต่รู้ตัวก่อนดีกว่า...ขอบคุณครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 11/5/2557 6:12:06

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 79
       ผมจะเลิกtipco กล่องใหญ่ตอนลดราคามาลองแบบพี่ดู
บ้านผมอยู่บางมดอ่านบรรยายแล้วน้ำลายสอเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 80
       -ปีก่อนๆผมใช้เครื่องคั้นน้ำแบบไฟฟ้า ผลคือล้างยาก+ต้องคอยช้อนเมล็ดส้มทิ้ง เพราะตะแกรงห่าง ความยุ่งยากมีส่วนทำให้เบื่อด้วยครับ...

-ปีนี้หมดความอดทนสองเรื่องคือ 1.รอส้มเหี่ยวราคาถูก ไม่ค่อยได้ของ...2 เครื่องคั้นที่ทำให้รู้สึกลำบาก...แก้โดย สู้ราคาส้มมากกว่าเดิมตั้งใจ / ซื้อที่คั้นใหม่แบบโยกกด(ดั้งเดิม)....ผลก็พอได้เห็น.."ความสุขที่ดื่มได้"..บ้างครับ...

-กาละแมที่นครพนม เรื่องรสชาตก็อร่อย(มาก) เพียงแต่เคยเจออร่อยกว่าหน่อย โดยคนละแบบ แต่เจ้านครพนมรักษารสชาตคงที่+วิธีห่อ คือภาพรวมที่ดีเท่าที่เคยเจอครับ..

-กาละแมเสวยเชียงใหม่ ในแต่ก่อนนานมากมาแล้ว ก็รสชาตดีเหมือนหรือดีกว่าของนครพนม แต่ห่อด้วยใบตองอ่อน และแปะถ้วคั่ว ซึ่งเป็นผลไม่ดีต่อกาละแม เมื่อค้างหลายๆวัน และที่สุดก็สาบสูญหายไป(เหลือแต่ของที่ทำไม่อร่อยเท่าเดิม) น่าเสียดายมากเช่นกันครับ

-ที่นครพนมมีเจ้าอื่นที่ออกทีวีหรือลงในเวปด้วย แต่ไม่รู้อร่อยหรือไม่ ที่ผมว่าดีนั้น เริ่มที่มีคนซื้อมาฝาก อาจเป็นดั้งเดิม ควรลองเลือกหรือเปรียบเทียบด้วยครับ....

-เหมือนผัดไทเส้นจันท์ ที่จันทบุรี... เจ้าที่ไม่ได้โฆษณาอร่อยกว่าที่ลงในเวปขึ้นป้ายออกทีวี...เป็นตัวอย่างที่เจอมาครับ..

-คลิป/คุยเรื่องของแต่งรถ ให้ต่างชาติดู/ฟัง คงเรียกความสนใจใจไม่ได้มาก... แต่หากคุยเรื่องอาหารไทยหรือผลไม้ไทย เขาจะสนใจ และตั้งใจรับรู้...ครับ...

-จึงเป็นเรื่องดีจริงของไทย ....ช่วยกันรักษาอย่าให้หายไปนะครับ.....

-------------------------------------------------

-ผมพิมพ์ข้อความผิดไว้ในคต.ที่78 ...แต่เนื้อเรื่องสมมุติยังสมควร จึงวางไว้ ...ที่เหมือนจริงคือ...

-ไทยเราวันนี้มีสภาพเหมือนอาฮุยตอนสิ้นสภาพ เพียงแต่เหตุการณ์เทียบเคียงความเป็นมนุษย์ ยังไม่มาถึง...และที่สำคัญ ไทย(เรา) ไม่รู้ตัวเอง เหมือนอาฮุย ช่วงเป็นนักเสพ...

-หวังเพียงแค่สะกิดใจ ให้รู้ตัวบ้าง เพราะวิธีแก้ไข จะเกิดขึ้นเอง หลังจากนั้นครับ...

---------------------------------------

-คำถามสมมุติคือ หากพรุ่งนี้ อเมร้กายกเลิกการเชื่อมโยงสัญญานอินเตอร์เน็ตทั้งหมดที่เคยให้ไทยใช้ อะไรจะเกิดขึ้น ไม่ต้องคิดถึงส่วนรวม คิดเพียงตัวท่านเอง และเมื่อไม่มี Google ไทย(เรา) จะถาม/ค้นคำตอบที่อยากรู้ หรือที่เคยใช้เป็นฐานได้อย่างไร ...

-และหากประเทศอืนๆร่วมหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เคยขายให้ไทยเสพ จะรุนแรงระดับไหน...

-สมมุติทั้งหมดนั้น จะทำให้เห็นภาพตนเองลางๆได้หรือไม่

-ดังนั้น สมมุติแบบนั้นสักครั้ง ให้การเตรียมตัวได้มีโอกาสเกิดขึ้น เพื่อลูกหลานที่ท่านห่วง อาจมีบางรายหรือบางส่วน มีโอกาสรอดหรือไม่ต้องทุกข์ทรมานเมื่อความจริงเดินทางมาถึงครับ....



 แก้ไขเมื่อ : 10/5/2557 10:00:40

 แก้ไขเมื่อ : 13/5/2557 9:00:41

 แก้ไขเมื่อ : 20/5/2557 5:58:53

 แก้ไขเมื่อ : 27/5/2557 7:41:18

แสดงความคิดเห็นย่อย