WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


อยากให้ดูเป็นความบันเทิงและสังเกตเครื่องมือในการสร้างงาน
chotikan14
จาก Tik
IP:58.10.219.85

อังคารที่ , 5/7/2559
เวลา : 11:31

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      
เป็นความพร้อมระดับสูงในทุกด้าน....หากคิดตาม(ประสาคนชอบรถ) อาจพบว่า ไม่มีช่องว่างใดที่(เราคือผมหรือท่าน) จะเข้าไปร่วมงานกับเขาได้เลย แม้แต่จะไปเช็ดรถก็คงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องทำความสะอาด..หรือแม้แต่สร้างเป็นสารคดีเพื่อให้คนอื่นดูแล้วเข้าใจ.. ทุกวินาทีเป็นเรื่องของมืออาชีพแท้จริง...การเทียบเคียงนี้เองอาจทำให้เข้าใจภาวะมากขึ้น เพื่อให้รู้จักวางตนเองได้เหมาะสมครับ...

http://สารคดีภาคไทย.blogspot.com/2014/06/22-bugatti-veyron.html#!http://xn--42ca1cn7bob9c1de5a7p.blogspot.com/2014/06/22-bugatti-veyron.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  5  

คำตอบที่ 61
      
-"เบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้าเดิมๆไมล์น้อยวิ่ง4×,×××กม.
รถอเมริกันพวงมาลัยซ้ายแท้"

-เป็นข้อความที่ตัดมาจากตลาดรถ....อ่านแล้วก็หดหู่ใจเหมือนกันครับ....

-ผมคิดเองว่าจะไม่มีมีใครคิดดัดแปลงรถพวงมาลัยขวา ให้เป็นซ้าย เพื่อใช้ในไทยหรอกครับ....แต่ใช้คำว่าซ้ายแท้ ...เป็นการทำเรื่องปกติให้ไม่ปกติ จนเป็นเจตนาประจำชาติไทยไปแล้ว...แล้วถ้ามีการบอกเล่าว่าไปขึ้นรถไฟฟ้าแท้อีกล่ะครับ....

-มีแมลงชนิดหนึ่งปล่อยสารเหม็นมากน่ารังเกียจ ชื่อแมงกะแท้....ก็แท้เหมือนกัน ...ขอเวลาคิดวิธี เพื่อจัดให้ไปด้วยกันได้ก่อนครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 26/8/2559 เวลา : 21:21  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78050

คำตอบที่ 62
      
-เวลาอ่านเรื่องราวของท่านอื่นๆ การรับรู้มีระดับ..เข้าใจ-ซาบซึ้ง....เรื่องที่ผมเขียนโจมตี ถ้าเห็นด้วยว่าสนุกดี นั่นคือเข้าใจครับ..

-แต่การเข้าใจ มักไม่เกิดผลใดๆ และจางหายไปได้ด้วย...อยากได้แรงช่วยกันมากกว่าแค่คิดเหมือนกัน...ขอลองวางตัวอย่างใหม่ครับ...

-ท่านที่เข้าใจข้อความที่ผมมุ่งล้มล้างเรื่องบิดเบี้ยวที่เกิดจากปากไทย...ถ้าท่านมีลูกโตเป็นสาว ..หรือพี่สาว หรือน้องสาว หรือเพื่อนหญิงที่สนิทมาก...และมีหนุ่มพิมพ์ปากหมาน/พิมพ์ปากเบี้ยว มาเป็นแฟนระดับคู่รัก...การเข้าใจจาก "รับรู้" จะส่งผลให้"กังวล"หรือไม่ ...

-ถ้า"ไม่กังวล" ก็ไม่ใช่ความรังเกียจ ...แต่ถ้าใช่...ขอให้เข้าใจเพียงว่า เป็นสถานการณ์จริงของสังคมไทยในตอนนี้ ...ซึ่งจะเข้าใจสิ่งที่ผมอยากทำครับ..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 27/8/2559 เวลา : 07:03  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78051

คำตอบที่ 63
       -การปักเบ็ด เป็นวิธีตกปลาแบบหนึ่ง ใช้คันเบ็ดสั้นปลายงอยืดหยุ่นได้ เอ็น+ตัวเบ็ด+เหยื่อ นำไปปักริมตลิ่ง ตั้งองศาปักไว้ให้เหมาะกับการรับแรงดึงลงของปลา แหวกพื้นที่ตรงตำแหน่งเหยื่อ อย่าให้มีพืชหรือสิ่งใดที่เกี่ยวพันสายเบ็ด หรือให้ปลาเหนี่ยวตัวเองได้ ให้เหยื่อจมน้ำสัก 1-2 นิ้ว พอทุกอย่างเสร็จ ก็ดีดนิ้วลงพื้นน้ำให้เกิดเสียงเหมือนปลาหุบ สักครั้ง....คือเสร็จการวางเบ็ดปัก อีกหลายชั่วโมงมาดูผล....คือวิธีครับ

-คนไทยทำอาหาร ใส่ผงชูรสด้วยแต่ไม่ทั้งหมดคือแล้วแต่ชอบ หรือใส่เพื่อให้ชอบ(อร่อย)...คนอีสานใช้ผงชูรสมากกว่าคนภาคอื่น ใส่ในพริกเกลือสำหรับจิ้มผลไม้ด้วย...ซึ่งคนภาคอื่นมองคนอีสานว่าเกินไปครับ...

-คำว่า"ของแท้" ถูกเติมท้ายรายการของ ที่มีของปลอมเกิดขึ้นด้วย แต่ตอนนี้ในไทย ไม่มีของปลอม หรือเป็นของปลอมเสียเองอยู่แล้ว ก็เติมคำว่า "แท้"เข้าไปด้วย...เป็นกันเยอะครับ...

-ขัดแย้งกับการแลกเปลี่ยนความคิด,ทำงาน หรือศึกษาข้ามชาติ....เป็นความเคยตัวที่จะโดนรังเกียจ/ไม่เข้าใจ/สับสน ในพื้นที่สากล ดังนั้น ถ้ายังเป็นเช่นนี้ ก็ต้องมีสิ่งมาคั่นกลางเพื่อปรับให้คำสั่งหรืองานที่ทำ ไปต่อได้...เป็นฉนวนกั้นกลางความเข้าใจที่ไม่เท่ากัน...คนไทยจึงต้องมีหัวหน้าคนงานเป็นสเปเซอร์ๆ ใช้กับล้อเท่านั้น ดังนั้นคนไทยก็ทำหน้าที่แรงงานได้เท่านั้นเหมือนกัน..เพราะงานระดับสูงกว่านั้นจะไม่มีข้อต่อ.... "แรงงานแท้ๆ"...จึงมาด้วย... แต่โดยไม่รู้ตัวกันครับ....

------------------------------------------------

-ผมลืมแจ้งความหมายของการเล่าเรื่องปักเบ็ดให้อ่านครับ..

-สิ่งที่ต้องการบอกคือวิธีปักเบ็ดมักจะถูกเห็นที่ทำเป็นตัวอย่างที่ได้ผล...ก็ทำตามกัน ...หากถามว่านิ้วดีดน้ำทำไม มีหลายคนที่ทำตามที่เห็นมา แต่ไม่เข้าใจว่าดีดน้ำทำไม...เชื่อหรือไม่ครับ...

-สิ่งที่ต้องการบอกคือ ..นั่นคือปัญหาของการเรียนรู้ในไทย ซึ่งครอบคลุมไปถึงเรื่องอื่นๆด้วยครับ...

-คำภาษิตของเต๋า เขาจารึกว่า..เมื่อคุณงามความดีปรากฏ จึงเป็นแบบอย่าง ๆเริ่มเสื่อม ประเพณีจึงเข้ามาแทนที่ หมายถึงตัวอย่างเกิดจากเข้าใจและศรัทธา การทำตามจึงเริ่มต้น ต่อมาไม่มีภาพให้เกิดความศรัทธา มีแต่คำบอกเล่า ประเพณีคือข้อบังคับจึงเกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงตัวอย่างที่ดีได้เสียศรัทธาไปแล้ว.. การก้าวตามเรื่องไม่เข้าใจ รู้แต่เขาให้ก้าวตาม....ประเพณีจึงเป็นอาการเสื่อมของสิ่งที่ดีงาม...เทียบเคียงความหมายเรื่องปักเบ็ดและจบด้วยการดีดนิ้วลงน้ำครับ

 แก้ไขเมื่อ : 27/8/2559 11:09:27



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 27/8/2559 เวลา : 07:52  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78052

คำตอบที่ 64
      
-"ใครๆก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น" ......ไม่ใช่ประเพณี แต่เป็น(ผลสำเร็จหรือเปล่าอาจใช่) วิธีการที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน ซึ่งหมายถึงกลายเป็น"กลยุทธ"ไปแล้ว ถึงระดับนี้ ก็(ศักสิทธิ์) แตะต้องหวังแก้มักมีเรื่อง...สิ่งที่ดีซึ่งเป็นต้นแบบ จึงกลายพันธ์เป็นไม่ดีได้ด้วยวิธีแบบนี้ครับ ....




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 27/8/2559 เวลา : 11:34  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78053

คำตอบที่ 65
       -หมาจรจัดที่เที่ยววิ่งไล่เห่า...รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน หรือรถเข็นของ ที่เคลื่อนไหวผ่าน หรือเป็นมิตรต่อบางคนที่ให้อาหารมัน....ก็คือแวดล้อมสิ่งที่พบเจอได้เรื่อยๆตามถนนซอยทั่วไปครับ..

-หากหมาจรจัดนั้น เป็นลูกหลานของหมาทีท่านเลี้ยงไว้ แล้วออกมาผสมพันธ์กับหมาพันทางทั่วไป และคลอดลูกนอกบ้าน จนกลายเป็นหมาจรจัดประจำซอย...จะมีคำถามในใจในคนส่วนรวม ที่ไม่ถูกพูดออกมาครับ...

-แล้วฝูงก็ใหญ่หรือเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆทุกปี.... เมื่อไม่มีใครแสดงเป็นเจ้าของ หมาเถื่อนเหล่านี้ ขาดการดูแล หรือไม่เลือกคู่ที่เหมาะ..ผลที่ออกมาก็ยิ่งขี้เหร่....หากวันหนึ่งมีสักตัวในกลุ่มหมานอกรั้วนี้ กัดเด็กน้อยหรือคนแก่ จนบาดเจ็บ... ฝูงจะถูกตัดสินทั้งหมดครับ...

-เวลานั้น...ผู้ที่เคยให้อาหารหมา และได้รับความเป็นมิตร ก็จะคิดไปอีกทางหนึ่ง...หลายๆรูปแบบความเห็น จะทำให้เกิดความห่างเหินกันเอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเห็นที่ไม่ตรงกัน...สิ่งนี้โตขึ้นตามขนาด/จำนวนฝูงหมาจรจัดได้เช่นกัน....ก็เป็นเรื่องไม่ดีที่เป็นไปได้ครับ...

-ทั้งหมดเริ่มจากการอยากเลี้ยงหมา และปล่อยหมาสร้างผลกันเองนอกรั้ว....ในรุ่นแรกที่มีเจ้าของ คนอื่นอาจเกรงใจที่จะไล่หรือขังหรือตีในฤดูเป็นสัตว์...พอมีจำนวนเพิ่ม เรื่องก็ยิ่งมาก..หนักเกินอยากช่วยเพราะธุระไม่ใช่....และที่คิดว่าธุระไม่ใช่ อาจเป็นเจ้าของแม่หมาบ้านที่ออกมานอกรั้วแล้วเริ่มนับหนึ่งด้วย...

-นี่คือวิถี"ตาม"ของไทยอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องการแบบเดียวกันกับต้นแบบ แต่ผลไม่เท่ากัน หากวันหนึ่งเป็นผลพิษในมวลใหญ่ เช่นภาวะโลกร้อนซึ่งไม่จำกัดพื้นที่ต้นเหตุ ทั้งหมาจรจัดและคนที่ขาดความรับผิดชอบ อาจไม่ถูกแยกออกจากกัน ในการ "จัดความสำคัญ"...คิดตามสักนิดก็ไม่เสียหายครับ...




 แก้ไขเมื่อ : 29/8/2559 7:37:01



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อาทิตย์, 28/8/2559 เวลา : 06:27  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78056

คำตอบที่ 66
       -สิ่งที่ต้องการบอกคือ การมีสัตว์เลี้ยงก็เป็นหนึ่งในการเลียนแบบที่นำเข้าจากต่างประเทศ ผลลัพธ์ที่ไม่เท่าต้นแบบ ยังครอบคลุมไปถึงพื้นที่หมาพันธ์ดีจากต่างประเทศจะกว้างไกลขึ้น ส่วนหมาไทย พื้นที่จะแคบลงเรื่อยๆ....หมายถึงไม่มีใครอยากเลี้ยง โดยไม่ได้โทษผลมาจากผู้เลี้ยง...เป็นการใช้อย่างเดียว/ขาดความรับผิดชอบ โดยใช้รสนิยมหรือความอยากอย่างไม่เข้าใจและไม่แคร์ผลข้างเคียงด้วย...บททำนองแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายเรื่องเช่นการแต่งแบบรถในคต.ที่38 ต้นเหตุคือวิสัยทัศน์ ที่ดิบเถื่อน ที่พยายามขยายจำนวน หรือนำเสนอแบบอย่างให้ผู้อื่นทำตามอย่างไม่รู้ตัวด้วย คือผู้เลียนแบบที่ไม่เข้าใจ ที่พาฝูงชนออกนอกเส้นทางติดตามความเจริญ ซึ่งยังอยู่เบื้องหน้า...

-ทั้งหมดจึงหมายถึงภาพรวมของการก้าวหน้า จึงต้องควบคุมด้วย และเมื่อเห็นข้อห้ามมากมายในประเทศนี้ ควรเริ่มรู้ตัวก่อน ว่าหมายถึงคนไทยยังไม่พร้อมกับรสนิยมเทียบเท่าG7 ซึ่งเรา(คือผมหรือท่าน)ซื้อของและแอบมองการแต่งตัวของเขา แต่ไม่สนใจวินัยของเขา โดยคิดว่า "ดัดแปลง/แต่งเติม" มี เสรีภาพที่จะบวก/ลบได้....

-ในข่าวสงครามในประเทศอื่น ได้เห็นรถแลนด์ครุยเซอร์กระบะ ขวัญใจชาวไทย วิ่งบรรทุกของทั่วไปอยู่ด้วย...ทำไมไทยจึงไม่ได้ใช้โดยโรงงานประกอบรถโตโยต้าในไทยก็มี...โดยที่ไม่สงสัยตนเองเลย...

-คำตอบคือรัฐบาล เป็นผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในภาพรวมของไทย กำหนดขอบเขตการมี ตามคุณภาพคนในภาพรวมนั่นเองซึงออกมาในรูปของกฏหมายบังคับเช่น รย.3น้ำหนักบังคับไม่เกิน 1600กก.เป็นต้น....

-การส่งเสริมการทำหมันชายไทย.. คือลางบอกแนวทางอย่างหนึ่งครับ....



 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 19:36:22



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 29/8/2559 เวลา : 07:45  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78058

คำตอบที่ 67
       -ในช่วงที่แวดล้อม"ซึมเศร้า" เหมือนตอนนี้ ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการฟังนิทานฆ่าเวลา....กระทู้นี้ชวนดูสารคดีที่ดีเรื่องหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นการเสนอนิทานซ้ำเติมจิตใจ....นึกว่าฆ่าเวลาแบบเกาะหูไว้ไม่เสียหาย....แล้วกันนะครับ...

-เรือไททานิคจมลงในปี 1912 คือกว่าหนึ่งร้อยปีแล้วครับ....ขอแยกเป็น 2 อย่างให้คิดตาม....หนึ่ง..คือการสร้างเรือขนาดใหญ่ยาวเกือบ (200) เมตร ต้องใช้เวลาหลายปี เวลาถึงจุดตัดสินใจสร้างเรือขนาดใหญ่ ซึงต้องใช้เทคโนโลยีที่เป็นไปได้จริงแล้ว จะกะๆเอาแบบผัดกระเพาไม่ได้.. ถ้าแบบเชื่อว่าใส่ท่อไอเสียเพิ่มแรงบิดได้ หรือทดเฟืองลดรอบให้ปลายไหล คงต้องก่อนหน้าเทคโนโลยีขึ้นไปอีก หมายถึง ไทยมีความก้าวหน้าต่อภาพที่มองเห็นได้แล้ว ระยะห่างราวๆ 104ปี + เวลาสร้าง..ปี +ก่อนหน้าในตอนที่เทคนิคยังเลื่อนลอย..ปี...รวมแล้วคิดว่าคงไม่ต่ำกว่า 200 ปี โดยมีภาพให้วิ่งไล่ตามด้วยครับ...

-สองคือ..ใน(หนังเทศ) เรื่องชื่อเรือนี้ เขาแบ่งผู้โดยสารออกเป็น 3 เกรด หรือระดับ ....กลุ่มไฮคลาส กินกาแฟในถ้วยที่มีจานรองแล้วเมื่อ 104 ปีมาแล้ว ลองเทียบกับไทยปีไหนในใจไปก่อนครับ...

-ในปีคศ.1912 ที่ไททานิคจม ผู้หญิงชาวบาหลี(อินโดนีเซีย) ยังเปลือยอกในที่สาธารณะอยู่ทั่วไปครับ...ในไทย ชาวกรุงเทพฯคงดีกว่านั้น แต่ต่างจังหวัด อาจใกล้เคียงกันครับ....

-สองเรื่องที่ตามเขา รู้สึกว่าเรื่องกลศาสตร์ ไทยจะตามมาช้ามาก และส่วนนี้เป็นงานของผู้ชาย...ส่วนการใส่บาร์ / ใช้ถ้วยกาแฟมีจานรอง น้อยกว่า 200 ปีเยอะ...เป็นงานที่เกี่ยวกับผู้หญิงครับ...

-ลองคิดแบบวิเคราะห์ว่า การมองเครื่องยนต์ดีเซลพ่นควันดำให้เห็น แล้วอีก 200 ปีจึงแค่เริ่มเข้าใจ ระดับมองของปลอมไม่ออกด้วย...จะแก้ไขอย่างไรต่อไปดีครับ.....


 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 19:42:24





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 29/8/2559 เวลา : 15:11  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78059

คำตอบที่ 68
      
-ขออนุญาตวางข้อความซ้ำเติมไทยต่ออีกหน่อยครับ....

-"ภาพยนตร์เรื่อง Kramer vs. Kramer ได้รับรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำ เป็นภาพยนตร์ในปี 1979" ดารานำชาย ดัทติน ฮอฟแมนครับ

-เนื้อเรื่องย่อ(จากการจำ)คือ หนุ่มทำงานผู้มีไฟแรง กำลังก้าวหน้า มีโอกาสขึ้นเป็นทีมบริหาร....มีลูกชายก่อนวัยเรียน ภรรยาเป็นผู้ดูแล ไม่ได้ทำงาน..เขามีรายได้ดี และไม่มีเวลาให้ครอบครัว...วันหนึ่ง ..ภรรยาหนีไป...เขาต้องเป็นผู้ดูแลเด็กน้อยแทนแม่ ..งานเริ่มเสียหาย และที่สุดก็ถูกไล่ออก...

-เพื่อนบ้านสงสารที่เขาทุ่มเทเวลาให้ลูกจึงช่วยบ้าง แต่ก็เกิดเหตุ เด็กน้อยตกจากที่สูง เกิดแผลเป็น..

-แม่เด็กได้แต่งงานใหม่กับชายฐานะดีมาก จึงอยากได้ลุกไปเลี้ยง..เกิดการฟ้องศาล...ทนายฝ่ายชายแจ้งก่อนว่าโอกาสชนะมีน้อย(ไม่มีความหวัง) เขายืนยันสู้..การว่างงานคือปัญหาความไม่พร้อมรับผิดชอบเด็ก...เขาจึงต้องหางานอย่างอดทนตื้อและโดยยอมรับเงินต่ำกว่าเดิมมาก เพื่อให้พ้นสภาวะ "ว่างงาน"มีการใช้ผลแผลเป็นจากการตกมาเป็นข้อโจมตี.. เพื่อนบ้านขึ้นให้การว่าเป็นอุบัติเหตุ และพูดเกินบทต่อแม่เด็กว่าให้สงสารทั้งพ่อและลูกซึ่งเขารักกันมาก...ผลกำลังเอนไปทางแพ้ ทนายบอกเหลือวิธีเดียวคือต้องให้เด็กขึ้นศาลให้การ....พ่อเด็ก ไม่ยอมให้เด็กเห็นความแตกแยกของพ่อแม่(สามัญสำนึกสูง) จึงต้องยอมแพ้ครับ..

-ในวันที่แม่มารับลูกชาย คือวันที่เธอรู้สึกว่าชัยชนะเป็นเรื่องน่าอาย เพราะการต้องการลูกก็คือการเห็นแก่ตัว เธอก็รักลูก ที่จากไป เพียงต้องการไปหาทางออกก่อน...สุดท้ายจึงยอมคืนลูกชายให้พ่อเด็กไปครับ...

-เป็นเรื่องแต่งที่มีความเป็นไปได้สูงในสังคมของฝรั่ง...หากท่านได้ดู ก็คงไม่แย้ง เพราะเขาสร้างบทให้ดูเป็นไปได้ๆนี่เองที่ผมต้องเล่าเรื่องให้อ่านก่อนครับ...

-เกือบ 40 ปีแล้ว ที่สังคมของคนยุโรปไปถึงจุดที่เรื่องในครอบครัว มีความสำคัญยิ่ง และยังต้องอยู่ในกฏเกณฑ์สังคมส่วนรวมกำหนดด้วย...เช่นต้องมีงานทำ ฯ...ไม่ใช่เรื่องในครอบครัวแบบไทยในตอนนี้ครับ

-หมายถึงนี่คืออีกเรื่องที่ไทยยังไปไม่ถึงเวลา 1979ของฝรั่งเขา.. คนไทยเกี่ยงความรับผิดชอบเรื่องลูก และไม่ปกป้องความรู้สึกลูกเท่าฝรั่ง...เขาทำเป็นมาตราฐานที่สูงกว่ากันมากครับ...

-นำมาแปลง แยกออก ลดค่าลง เพื่อใช้กับ สัตว์ลี้ยง และรถยนต์ หมายถึงการดำเนินชีวิตส่วนตัวภายใต้กฏเกณฑ์สังคมส่วนรวม ไม่ใช่เงินเราๆพอใจอย่างไรก็ได้....เพราะนั่นคือ..ยัง"ป่าเถื่อน"อยู่ครับ

-อยากให้ลองคิดตามดู อย่างน้อย(หนังเทศ)เรื่องนี้มีรางวัลติดตัว คงต้องมีคุณค่าบ้างครับ.....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 29/8/2559 เวลา : 16:06  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78060

คำตอบที่ 69
      
-เผ่าพันธ์มนุษย์เริ่มต้นแยกจากลิงด้วยการเดินสองขาก่อน...กินหลายอย่างทั้งพืชและเนื้อสัตว์(ซาก) แต่ไม่ใช่นักล่า เพราะไม่มีลักษณะแบบนั้น และยังต้องระวังการถูกล่าตลอดเวลาที่หากิน...เมื่อราว 3 ล้านปีก่อน การรู้จักสร้างเครื่องมือหรืออาวุธคือสิ่งชดเชยร่างกายที่ด้อยกว่าสัตว์นักล่าในต่อมาครับ

-และเมื่อพัฒนาอาวุธที่ทำจากหิน จนมาถึงโลหะ การสูญพันธ์ของสัตว์อื่นก็เริ่มต้น หมายถึง การล่าที่เกินความจำเป็นและรุนแรง กลายเป็นอำนาจอย่างหนึ่ง สูญเสียไปมากจนคิดได้ในที่สุด ...เมื่อคำว่า"ควร" เข้ามามีอำนาจเหนือความแข็งแรง เช่น ไม่ควรฆ่าแม้ว่าทำได้ก็ตาม...เป็นอารยธรรมของสัตว์ที่มีความเจริญสุดขีดครับ....

-ในสารคดีเรื่องหนึ่ง เสือชีต้าร์พี่น้อง 3 ตัวโตเต็มวัย ล่ากวางได้ และถูกหมาป่าไฮยีน่า ตัวเดียวแย่งเหยื่อไปได้...งงไหมครับ...

-เสือชีต้าร์รู้วิธีล่า ใช้ความเร็วและจุดตายคือกัดหลอดลมเหยื่อ เป็นการทำงานให้สำเร็จคือล้มกวางได้...

-แต่ชีต้าร์ ร่วมมือการต้อนได้อย่างเดียว การรุมกัดสู้ ไม่มี หรือเป็นสัตว์ล่า/สู้เดี่ยว การมี 3 ตัว จึงเหมือนมีตัวเดียวครับ...

-และชีต้าร์ฝึกให้เป็นผู้กระทำอย่างเดียว ฆ่าหรือล่าเพื่อเป็นอาหารเท่านั้น...และระวังตัวอย่างยิ่ง เพราะถ้ามันเจ็บ หมายถึงจะล่าไม่ได้ คือความเสี่ยงที่จะอดตายครับ...

-ส่วนไฮยีน่า เป็นสัตว์ดุร้าย ไม่กลัวการต่อสู้ และไม่มีกติกา เป็นการชดเชยการวิ่งช้ากว่าที่จะเป็นผู้ล่า การแย่งเหยื่อจึงเป็นเรื่องที่คุ้นเคย...

-ไฮยีน่ามีบทบาทเหมือนตัวโกง แต่เพราะความจำเป็น...ชีต้าร์สำอาง/สำรวย ก็เพื่อรักษาอาวุธที่ตัวมันมีคือความเร็ว ไม่เสี่ยงแม้จะเป็นเหยื่อที่หามาเองแล้วถูกแย่ง....

-สองนักล่าที่ผมอ้างถึงจะมายืนเปรียบกับนักซิ่งบนถนนหลวงของไทย...ผู้รักความเร็ว /ชอบการล่า(ไล่แซง)/ สำรวย-สำอาง (ไม่โดดสะพานหรือไม่ชอบลุยเลอะ) เหมือนชีต้าร์ไหมครับ...

-นักซิ่งบนถนน ใช้ถนนหลวงเป็นสนามความเร็ว และทำด้วยความสนุก ไม่ใช่การเลี้ยงชีพ และจะรับผิดชอบต่อเมื่อหนีไม่พ้นเท่านั้น แย่กว่าไฮยีน่าไหมครับ...

- สิ่งที่จะทำให้ความหมายดีขึ้น คือความเข้าใจ หรือทำให้รู้ เพื่อตัดสินใจเดินในเส้นทางที่ถูก(ไม่ใช่ห้าม) หมายถึงรักความเร็ว ควรเข้าหาระบบ และสนามแข่ง ใช้การค้นคว้าแทนการลอง ทดสอบผลถึงที่สุดจึงเลือกเป็นเครื่องมือ(ไม่ใช่แต่งเสร็จแค่ลองก็คุย หลังจากนั้นก็พัง)...

-สิ่งที่เปลี่ยนเส้นทางเรียนรู้ของผู้รักความเร็ว ให้กลายเป็นชีต้าร์กึ่งไฮยีน่า เพื่อแค่สนุก...คือความเลวร้ายอย่างหนึ่งครับ...

-สิ่งแรกที่ควรทำก่อน คือช่วยกันหยุดการแพร่เชื้อไปยังรายใหม่ต่อไป...เหมือนการห้ามคนสูบบุหรี่/เหล้า/ยาเสพติด ซึ่งเป็นเส้นทางผิด ไม่อาจหวังการกลับใจ แต่หวังเพียงควบคุมจำนวนไม่ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องคอยห้ามการโชว์ผลงานล่อใจที่มีผลเสียอยู่เบื้องหลังต่อผู้อื่นที่สนใจ...หมายถึงยากกว่าการเผยแพร่มากนัก...แต่ถ้าธุระไม่ใช่ ก็จะไม่มีคุณค่าอะไรเหลือในสายพันธ์นี้...ในต่อไปครับ.





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 30/8/2559 เวลา : 10:23  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78061

คำตอบที่ 70
      
-ป.ไทยมี มีกษัตริย์ที่ดี ยิ่งใหญ่ในหัวใจผู้คน...แต่สิ่งหนึ่งคือหลายๆคน(ส่วนมาก) ไม่เข้าใจแนวทางที่ท่านห่วงเรา..."เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นคำขวัญทีวางไว้ให้ปฏิบัติ เรารับแล้ววางไว้(เฉยๆ) และโดยที่คิดไปเองด้วยว่าปฏิบัติแล้ว...ความรักต่อท่านยังแท้จริงอยู่ แต่เหมือนเราไม่เข้าใจ"การแนะนำ"...การบังคับคือทางออกหรือไม่ ขอให้ท่านคิดในใจไว้ก่อนครับ....

-ในปี 2554 มีน้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ผมขับรถกระบะความสูงที่หลังคาประมาณ 1.95ม. ลุยน้ำท่วมถนน 30-90 ซม. ในระหว่างที่คลานไปเรื่อยเห็นความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์มากมาย และก็เห็น(โปสเตอร์)รูปในหลวงกับคำขวัญพระราชทาน "เศรษฐกิจพอเพียง" ขอยอมรับเป็นส่วนตัวว่า เป็นการอ่านช้าๆ และเข้าใจยิ่งในครั้งนั้น โดยเดิมก็เคยเห็น แต่อ่าน(แวบๆ) และรับรู้เฉยๆครับ...

-การยอมรับว่าเคยไม่ตั้งใจในคำชี้แนะ มาจากใจจริง เพราะน้ำท่วมทำให้เกิดความลำบากอย่างยิ่งครับ...

-ผมจึงเริ่มต้นใหม่....

-อย่างแรกคือพอใจในสิ่งที่มี...ให้มั่นคง อย่าเขย่าเอง(เหมือนที่ผ่านมา)เช่นอยากเปลี่ยนรถใหม่โดยไม่มีใครเชียร์....

-นึกถึงเรื่องดีอีกเรื่องเกี่ยวกับพอใจในสิ่งที่ดีอยู่แล้ว...ขออนุญาตครับ...

-นานแล้ว....เพื่อนผมได้ไปเป็นผู้รับจ้างซ่อมแซมบ้าน ของอดีตนายกฯ ที่ซอยสวนพลู ในตอนนั้นท่านวางมือแล้ว...เพื่อนผมพยายามเสนอไอเดีย หรือจะเปลี่ยนวัสดุตามสมัยเข้าไปแทนที่ส่วนที่จะซ่อม(โดยอาจลืมคิดถึงส่วนอื่นๆที่ยังไม่เสียหาย) คำตอบที่ให้ปฏิบัติคือ..."ซ่อมให้เหมือนเดิม...และแบบเดิม" ซึ่งเพื่อนผมมาเล่า(เหมือนตำหนิว่าท่านยึดติด..ในทำนองนั้น)...

-อีกหลายปีต่อมา ผมจึงเริ่มเข้าใจเจตนานี้ครับ....

-ผลดีเกิดขึ้นคือ ผมเลิกเขย่าตัวเอง และเริ่มมองที่ใกล้ตัว อย่างเอาใจใส่ และอย่างพอใจ.....

-ช่วงนี้รถออฟโรดอยู่ในขาลง มีบอกขายต่อกันมาก(ขึ้น)...แต่ผมกลับมีความคิดไปตรงกันข้ามนั้นครับ..

-มาจากการคิดถึงคำ..."เศรษฐกิจพอเพียง"..และ...."ซ่อมให้เหมือนเดิม..และแบบเดิม"....ผมเพียงอยากบอกต่อว่าการก้าวตามนี้ทำให้สบายใจขึ้นเยอะจริงๆครับ....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พุธ, 31/8/2559 เวลา : 07:55  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78062

คำตอบที่ 71
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

suffer จาก river 101.51.190.209 พฤหัสบดี, 1/9/2559 เวลา : 07:39  IP : 101.51.190.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78064

คำตอบที่ 72
      
-การพอใจในสิ่งที่มี ไม่ใช่การอดกลั้น...แต่เป็นการใช้เหตุผลอื่นมาถ่วงความสนใจการเปลี่ยนรถใหม่(เรื่องเขย่าความรูสึก) เป็นเรื่องที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่มีรถเพื่อรองรับการใช้งาน แต่ถ้าเพื่อประกอบอาชีพ การใช้รถเก่าควรถือเป็นเรื่องจำเป็น ที่เสี่ยงทำให้เสียเวลางานได้เหมือนกันครับ...

-การได้เห็นรถออฟชั่นสะดวกสบายตั้งแต่รถ ECO CAR ขึ้นไป หมายถึงแวดล้อมได้ปรับให้เริ่มทันสิ่งที่เคยเหนือกว่า จนแบ่งเป็นวรรณแตกต่างในตลอดมา...

-แต่"เผ่าพันธ์ทาส"ก็จะอยู่ตลอดไป... หากมองถึงความก้าวหน้า อาจทำให้กลับภาคภูมิใจ...ดูผู้นำอเมริกาตอนนี้ และในนิยายหรือ(หนังเทศ) ที่ตัวเอกคือคนผิวดำ ซึ่งมาจากเผ่าพันธ์ทาสครับ....

-แต่การมองเห็นออฟชั่นรถ หมายถึงแค่แวดล้อมที่เคยถูกแบ่ง ที่เปลี่ยนไป ไม่ได้หมายถึงคุณภาพคนไทยๆกำลังเข้าสู่การสอบเพื่อพิสูจน์ตัวเองตางหากคือสภาพแท้จริงครับ....

-ประมาณปี 1985 ที่ HILUX ฮีโร่ เริ่มวางตลาดแทนรุ่นเก่าม้ากระโดดในไทย..รูปโฉมภายอกเปลี่ยนเยอะ เครื่องยนต์ 2L ซึ่งแรงกว่า 1L ด้วยที่ทำให้สนใจกันมาก.....

-จนต่อมาราวๆปี 1990 ก็เปลี่ยนรุ่นเป็นไมตี้ เอ็กซ์...รูปโฉมภายนอก/ใน ก็เปลี่ยนไปเยอะครับ..แต่เครื่องบล็อคเดิม...ความสนใจก็มีแต่คิดว่าน้อยกว่าตอนฮีโร่มาครั้งแรก...อย่างไรรถค่ายโตโยต้า ก็มีกลุ่มนิยมอยู่ที่ยังปักใจ ยอดขายก็ไปได้ดีครับ....

-กลับมาในปีปัจจุบัน.... HILUX REVO...

-สำหรับผมเองผู้เรื่องมากพอสมควร...ไม่เคยอยากได้ VIGO ด้วยเหตุผล 2 ข้อที่ไม่ชอบคือ เครื่องยนต์ใช้สายพานไทมิ่งค์ขับราวลิ้น และภายในสีเบจ ..เหตุผลนี้ทำให้พอใจใน REVO ซึ่งใช้เครื่องตัวใหม่ไม่ใช้สายพานไทมิ่ง และภายในโทนสีดำ มีออฟชั่นดิฟล็อค...อยากได้ครับ.....

-แต่ผมใช้รถไม่คุ้ม คือมีธุระใช้งานน้อย ไม่ทุกวัน..

-และกลับไปดูเรื่องในอดีต ในเวลาปัจจุบัน คือ ฮีโร่ / ไมตี้ ....ซึ่งผมเองเห็นฮีโร่ว่าสวยอย่างสนใจในตอนวางตลาด และต่อมาก็แค่มองไมตี้ออกใหม่เหมือนไม่ตื่นเต้นมาก ....ในเวลาปัจจุบันผมใช้รถ106ตามรูปในคต.ก่อน หรือโฉมไมตี้ และผมพอใจที่ยังดูสวยอยู่ครับ

-ฮีโร่ 2WD /4WD ตัวถังแตกต่างกันมาก จนต้องพอใจขึ้นไปอีกอยู่แล้ว...ส่วนไมตี้กับ 106 ตัวถังแตกต่างกันน้อย หรือหมายถึง ระดับความพอใจจึงไม่เท่าฮีโร่ 4WD ซึ่งมองดูพิเศษจริงๆครับ....

-ในเวลาปัจจุบันความรู้สึกที่ผมให้คะแนนรถ106 คือภาพรวมและผลจริงซึ่งผ่านกาลเวลาพิสูจน์มาแล้วถึง 26 ปี....

-ซึ่งหมายถึงความเห็นในตอนที่ไมตี้เริ่มวางขาย..."ไม่ตรงกับผลระยะยาว"ครับ....

-เดี๋ยวก็คาดการผิดอีก(หรอก)...คือเหตุผลหนึ่งซึ่งผมใช้กับตนเอง....หมายถึง เป็นผู้ตามหลังแฟชั่น น่าจะปลอดภัยกว่าครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 1/9/2559 เวลา : 08:17  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78065

คำตอบที่ 73
      
-" Only Thai can get in through Thai "( ไทยเท่านั้นที่จะเข้าใจไทยด้วยกัน)......

-ตอนทีไทยเสียเอกราชครั้งแรก พม่าผู้ชนะศึก แต่งตั้งให้พระยาพิษณุโลกเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน โดยนำลูกคือพระนเรศวรและพี่สาวไปเป็นตัวประกันที่ป.พม่าครับ....

-ผู้จัดการค่ายรถต่างๆ สาขาป.ไทย คิดเองว่าคงเป็นคนชาติผู้ผลิตนั่นเองครับ...

-ผมดูเขาเลือกสีภายในให้รถ ไม่ใช่โทนที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบ/(แต่งหรือเล่น)เหมือนไม่รู้ใจเป็นเกือบทุกค่าย... หรือไม่ก็ฉลาดเลิศล้ำคือใช้โทนสีดำกับรถรุ่นพิเศษ เช่น CIVIC RX / TOYOTA TRD หรือเพื่อโก่งราคาสีที่คนไทยชอบ...คงอย่างใดอย่างหนึ่งครับ...

-นั่นคือในรถรุ่นก่อน...แต่ตอนนี้ โทนสีดำถูกกำหนดใช้กับรถใหม่มากกว่าเดิมเยอะครับ...มาสด้า / ฟอร์ด /โตโยต้า ฯ ถึงเวลา กุมกระเป๋าไว้ดีๆด้วยครับ เลือกให้ช้าเพื่อให้ถูกใจจริง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับสเต็ปต่อไปด้วยครับ...

-อย่าให้เหมือนภาพยนต์และซีรี่ย์ต่างๆ ที่อยู่ในยุคคุณภาพต่ำ(สุดๆ)ต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปีแล้ว....เพราะไม่ว่าจะสร้างให้แสนชุ่ยหรือห่วย ก็มีคนดู หรือดูไม่ออกว่าสร้างได้ชุ่ย/ห่วยมาก .....เมื่อเทียบกับทศวรรษ90 ภาพยนต์มีคุณภาพสูงมาก หมายถึง(หนัง)ดีคือสถานการณ์ให้เกิดซุปเปอร์สตาร์ในช่วงนั้นครับ...

-ผมเล่าเรื่องไปดูและตกลงซื้อรถมาสด้า2 ซึ่งซื้อเร็วกว่ากำหนด จะถือว่าพลาดเอง..ก็ได้ครับ...

-คือเซลที่ขายแจ้งว่าช่วงนี้เงียบหรือซบเซา.... หนีตายกันด้วยของแถมมากกว่าปกติ ราคารถตั้งแล้วลงยาก ใช้การแถมเป็นการแก้สถานการณ์เป็นช่วงๆไป ถ้าดี ก็ลดหรืองดแถมไป ถ้าดีมากก็โก่งราคาขึ้นครับ...

-แต่ของแถมจูงใจมากครับ...จึงตกลงเร็วกว่ากำหนด...อยากเล่าว่า ถึงพอใจของแถมแต่นับว่าในที่สุดก็เป็นเหยื่ออยู่ดีนั่นเอง...เป็น report ครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 1/9/2559 เวลา : 17:22  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78066

คำตอบที่ 74
      
-ผมอยากให้ข้อมูลการตัดสินใจ...แต่ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่การแก้ตัวครับ...

-รถเก๋งเครื่องดีเซล ขนาด 1500 ซีซี / ดิสเบรค 4 ล้อ/ เซ็นทรัลล็อคและกันขโมยของโรงงาน / ภายในไวนิลโทนสีดำ คือวิธีเลือกที่ตั้งไว้นานแล้วครับ

-และในช่วงนี้ มีรถรุ่นเดียวที่มีสเปคที่ผมต้องการ ไม่มีตัวเปรียบ...หากจะรอให้เกิดตัวเปรียบ...นี่คือสิ่งที่อยากให้ทราบว่าผมคิดอย่างไรครับ..

-ค่ายดังๆ มีเทคโนโลยีเรื่องที่ต้องการ อยู่ทุกค่าย เป็นเรื่อง(หมู)มาก แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยมีหมูที่เคี้ยวถูกใจมาให้กิน ให้สอดรู้สอดเห็น(ต่างประเทศ)แล้วไปรอๆจนฝันซ้ำ ของจริงก็ไม่เคยมา เหตุเพราะ ขายดีอยู่แล้ว การเสนอสิ่งใหม่ ไม่จำเป็นสำหรับพวกไทย...

-เป็นสิ่งที่ผมคิดคือค่ายรถ...คบไม่ได้ทั้งหมด อะไรที่ผมพอเลือกหยิบได้.. ถ้าไม่หยิบ ก็ด่า(มัน)ได้...แต่ถ้าหยิบ ก็อย่าได้น้อยใจที่อยากได้ของที่คนขายไม่จริงใจต่อ(เฉพาะ)เรา(คือผมหรือท่าน)...ความหมายคือ อย่าสร้างความหวัง และอย่าเปลี่ยนจุดยืน(ที่เลือกไว้ 4 ข้อ) เพราะดีไซน์หรือรูปแบบรถ...ความจริงความสวยงามคือหัวข้อใหญ่ในไทย...แต่สำหรับผมมองให้ไกลก็ไปไม่ไหว...ต้องทำใจเท่าที่หาได้ โดยไม่เสียเรื่องที่ต้องใช้งาน หรือหมายถึง ความงามไม่เหมาะกับฐานะอย่างผมนั่นเองครับ....

-ประกันภัยชั้น1 ฟรี+ผ่อนไม่มี ด/บ คือหลักใหญ่และอื่นๆอีกหลายรายการ ทำให้คิดว่าพอจะคุ้มค่าเป็นเหยื่อ อย่างน้อยไตร่ตรองกับอดีตที่ผ่านมาแล้วครับ(ที่ผ่านไปแล้วเลวร้ายกว่าตอนนี้เยอะ)...

-ระวังแต่ไม่ต้องกลัวคือสิ่งที่อยากบอกครับ.....




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 1/9/2559 เวลา : 22:53  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78067

คำตอบที่ 75
      
-รถมาสด้า แอสทิน่า ตาหยี คือรถที่เคยเลือกใช้ผ่านไปแล้วครับ...

-รถรุ่นนั่นเคยได้รางวัลออกแบบตัวถังระดับโลก (ในพิกัด) ผมก็มองว่าสวย จนถึงวันนี้ครับ...

-ไม่มีรุ่น 2ป.ในไทย แต่ฟอร์ด ซึ่งเป็นบ.ร่วมค้า ..หมายถึง เครื่อง-ช่วงล่างหรือ BASE เดียวกัน ต่างกันที่การออกแบบตัวถัง มีรุ่น 2ป. ขายในไทย..

-รถรุ่นนี้...ราคาเสียเพราะขาดอะไหล่(ครบ) หรืออะไหล่หายากมากครับ

-เป็นทางผ่านที่ให้บทเรียนว่า รถต้องมีอะไหล่รองรับ จึงจะใช้ยาวนานข้าเวลาไปเข้าโหมด RETROCAR ได้....

-ป.ไทย เล่นรถกันระดับโลก แต่รถretroในไทยก็อยู่ในไทย ไม่มีการถูกซื้อแล้วนำออกไปต่างประเทศ...เรื่องแบบนี้ ในเส้นทางนาฬิกาสะสม มีซื้อ/ขายข้ามประเทศครับ...

-สิ่งที่ต้องการบอก(เตือน)คนไทยที่สนใจเรื่องรถแนวนี้คือ การค้ารถยนต์ในป.เทศไทย ใหม่คือด้อยกว่าต่างประเทศ / เก่าคือหมกเม็ดไม่สมบูรณ์ เป็นทางออกให้ป. ที่ด้อยกว่าเช่น ลาว/กัมพูชา/พม่า ฯ ได้เท่านั้นครับ...

-เหตุผลคืออะไหล่ และความไม่สุจริตที่ติดอันดับโลก(ของปลอม) อะไหล่แท้เท่านั้นสำหรับรถ retro ที่มีคุณค่าจริง..และสภาพเสมอกันทั้งคันคือกฏเกณฑ์ที่นักสะสมไทย "ทำไม่ได้"...แต่...."คุยว่าใช่"...เป็นการเจาะยางตนเองของไทย ที่ทำให้อ่านออกว่า ยังพัฒนาไม่ไปไหนเลย เพราะไว้ใจไม่ได้ ฐานแม้ใหญ่(มีคนเล่นเยอะคึกคัก) แต่ต่อยอดให้สูงไม่ได้ มีเรื่องตุกติกทำให้เกิดการบิดเบี้ยวในขบวนการนั้นๆตลอกเวลาครับ....

-ตัวอย่างคือรถเก่าดีไซน์อมตะ ทำสีใหม่เงาแวบ แต่ยางกันลมประตู/ฝากระโปรงหน้า-หลัง เก่าจนแข็ง เป็นต้น...

-ไม่ใช่ไม่ทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีช่องทางรองรับ ที่มีบ้างคือไม่แน่นอนต้องความหา และที่สุดคือใช้เท่าที่หาได้ครับ...

-เป็นคำเตือนจากผมสู่ท่านที่กำลังสนใจก้าวเข้าไปในขบวนการนี้....อย่าฟังเรื่องคุณสมบัติเหลือเชื่อจากปากไทย เพราะใช้เป็นวิธีหาเงิน ไม่ใช่วิธีสะสมจริงครับ...

-การซื้อบทเรียน นอกจากความไม่สมหวังในเรื่องแบบนี้(เมื่อเริ่มรู้มากขึ้น) ยังเสียความรู้สึกที่ต้องเป็นเหยื่อน้ำลาย และอาจเป็นโรคน้ำลายเท็จตามไปอีกด้วย เหมือนมนุษย์หมาป่าที่สร้างสมาชิกใหม่ด้วยน้ำลาย....

-สิ่งที่ต้องการบอกคือ ควรคาดคะเนกำลังตนเองและดูสภาพทาง ก่อนก้าวเข้าไป เพราะเส้นทางแคบกลับรถยาก เมื่อรู้ตัวว่า"ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ"อาจต้องทิ้งรถ แล้วเดินตัวเปล่ากลับ...หรือไม่ก็หลอกขายคนอื่นได้เงินคืนบ้างแล้วเดินกลับมาพร้อมนิสัยใหม่ซึ่งเป็นพิษครับ...

-คนที่แตะลองลูบไล้ของที่สนใจทุกสิ่ง...จะได้เห็นโลกกว้างจากการแสวงหา แต่มือจะด้านด้วยครับ

-สุดท้ายของที่หามาได้ อาจทำให้เจ้าของถูกหม่นไปเลย คือเข้ามาข่มแทนที่จะเชิดชูให้มีเกียรคิครับ...

-ตัวอย่างเช่น รถซุปเปอร์คาร์/ออฟโรดที่สวยบาดใจ ลดกระจกลง กลายเป็นตาแป๊ะ(แก่) ใส่หมวกมัดผมเลียนแบบวัยรุ่นหรือแต่งคล้ายทหาร นั่งอยู่ในรถ....

-ความหมายคือ การรับรู้เรื่องสนใจที่เป็นเรื่อง(เล่น) ควรรู้ก่อนว่าไทยมีเรื่องบิดเบี้ยวที่มาแอ็คเป็นตัวอย่าง...มากระดับโลกขนานนามให้ครับ....







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 2/9/2559 เวลา : 07:14  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78068

คำตอบที่ 76
       -การสืบทอดแบบ ชู/ถือ..ค่านิยม....มีบวกและลบครับ...

-หากเข้าไปดูใน YOUTUBE เรื่องรถ retro รุ่นหนึ่งคือ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นแรกรหัส A70 ซึ่งเคยเป็นแชมป์แรลลี่ซาฟารี(หลายปี) ใช้เบอร์ 46 ประจำตัวรถญี่ปุ่น แต่นักขับเป็นฝรั่ง....

-ใน YOUTUBE เป็นรถแลนเซอร์ของคนไทย ติดเบอร์ 46 เหมือนกัน เจ้าของดูมีความสุขกับรถคันนี้แบบเรโทรคาร์...ก็ดีครับ

-ผมพิมพ์เรื่องนี้ เพื่อใช้สิทธิ์ออกเสียงในฐานะผู้เคยใช้รถรุ่นนี้ และเป็นรุ่นพิเศษคือ 2ป.ซึ่งออกจากห้างด้วยเครื่อง 1600 ซีซีด้วย ส่วนรุ่น 4ป. เป็น 1400 ซีซีครับ...ราคาประมาณ 185,000/ 125,000 บาท จำเลขหลักพันไม่ได้แล้ว แต่ 2ป.แพงกว่า 4ป. 6 หมื่นบาทในปี 1975 ในไทยครับ...

-เป็นทางผ่านที่ดี ผมชอบรถคันที่เคยใช้มาก แต่งให้สวยขึ้นเหมือนสมัยนี้นั่นแหละ และแต่งเครื่องยนต์/เกียร์/ช่วงล่าง สภาพพร้อมลงแรลลี่ระดับสมัครเล่น รถมีฝีเท้าต้นดี(มากในสมัยนั้น) ปลายหมดที่ราวๆ 140 เท่านั้น หมายถึงแต่งให้เด่นที่ต้นอย่างเดียว ใช้งานทั่วไปพอได้ ความเร็วไม่เกิน120 ครับ...

เป็นรถคันโปรดของผม ที่ชอบมาก....และสิ่งที่จะบอกคือ...เป็นทางผ่านที่ประทับใจ แต่ผมไม่เคยคิดจะติดเบอร์ 46 ที่ประตู และไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเก็บเป็นเรโทรคาร์ด้วย แม้ว่ามีความทรงจำเป็นแรงบันดาลใจครับ ...

-สิ่งที่คิดในเวลาปัจจุบันคือ ...เสียดายรถโตโยต้า TA40 (อยู่ในช่วงต่อเนื่องกัน)ที่ผมไม่ได้ใช้เพราะมีรถ A70 ยังอยู่ครับ...

-เหตุผลคือ...แลนเซอร์ A70 เป็นรถเล็กเมื่อเทียบกับรถปัจจุบัน..รถผมเป็นรถ 2ป. ประตูจะกว้างกว่า 4ป. แต่อย่างไร ฐานล้อ/ช่วงล้อ ก็คือเล็กอยู่ดี และไม่ได้เล็กแบบมินิ คูเปอร์ เข้ามาอยู่ในฝูง 1300-1600 ซีซี ในปัจจุบัน จะเหมือนด้อยและล้าสมัย(ช่วงล่างหลังเป็นแหนบ) เหมือนมองชาวเขาตัวเล็กทำนองนั้นครับ...

-แต่โตโยต้า TA40 มีขนาดใหญ่กว่าในพิกัดเครื่อง 1600-2000 ซีซี จะมาถึงปัจจุบันได้สง่ากว่าครับ...

-ผมคือผู้ที่อยู่ในช่วงเวลาของรถรุ่นนี้จริง และคันที่มีก็ดูดี และเก่งด้วยครับ...

-แต่ผมกลับมองว่าคนหนุ่มไทยที่ไปสะสมรถแลนเซอร์เบอร์ 46 ใช้แรงบันดาลใจที่สูงเกิน(เหตุ)ไปครับ...

-อยากเรียกว่ามุขหนึ่งมากกว่า...ก็หวังว่า จะไม่เกิดรายต่อไป....

-แลนเซอร์ในอดีต สู่ EVO ในปัจจุบัน....ซูบารุ FF1 สปอร์ต G , หรือรุ่น GFT สู่ อิมเพรสซ่าในปัจจุบัน เดี๋ยวมาเป็นฝูงเลยครับ

-ผมว่าให้เป็นหน้าที่ของคนญี่ปุนเขา จะมองดูสมเหตุผลกว่าครับ....(เพราะเขามองเราต่ำ/ด้อยกว่าด้วย)

--ทางผ่าน ของเรา(คือผมหรือท่าน) คือข้อมูลที่ญี่ปุ่นควรรู้...ข้อมูลของญี่ปุน ไม่ใช่ทางผ่านของเรา(สูงเกิน) ไม่ควรเสียเวลาหรอกครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:15:06





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik ศุกร์, 2/9/2559 เวลา : 12:04  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78069

คำตอบที่ 77
       -ขอต่อให้เหตุผลหนักขึ้นอีกหน่อยครับ...

-เป็นสิ่งที่ถ่วงคนไทยไว้ตลอดมา ขอให้ใช้เหตุผลสากลให้มากขึ้น และยอมรับความจริงในเส้นทางเรโทรคาร์ด้วย หากพยายามอ้างเส้นทางouhเพื่อให้เกิดแง่มุมส่งเสริมตนเอง...ต้องคิดถึงลำดับต่อไปให้ดี หมายถึงเมื่อถูกเลียนแบบต่อไปอีกทอด เรื่องเหตุผลน้อย จะฟ้องตัวเรา(ไทย)กันเอง ซึ่งจะโดน(เยาะ)ได้ง่ายครับ..

-รถรุ่นที่ผมใช้ นิยมมากในไทย มีจำนวนไม่มาก ในแรลลี่ซาฟารี ฝรั่งขับตัว 4ป. ขึ้นเป็นแชมป์ แต่ในไทย รุ่น 2ป.ซึ่งเครื่อง1600คาบูเรเตอร์คู่ เป็นฐานแต่งเครื่องก็ย่อมแรงสำหรับยุคนั้น และบอดี้2ป.แต่งสวยกว่าแบบ 4ป. คือสิ่งที่คนไทยนิยมครับ...

-ความนิยมนี้ข้ามเวลามากไปหน่อยถึงยุค 80 รถแลนเซอร์ตัวต่อมาก็นิยมแต่งลงแรลลี่ และฐานล้อ/ช่วงโตขึ้นกว่า A70 หมายถึงตัวใหญ่ขึ้นครับ

-การใส่แรงม้าลงไปในรถเยอะ รถใหญ่กว่าก็จะได้ผลดีกว่าครับ...

-เรื่องการยึดติดคือ...(เล่าจากการจำไม่ได้ค้นคว้า)เกิดการแข่งนานาชาติขึ้นที่...(จำไม่ได้ ) ซึ่งผู้จัดให้แต่ละประเทศส่งนักขับ+เนวิกเกเตอร์ไป รถไม่ต้องนำไป เลือกรุ่นไหนก็ได้ เขาจะจัดให้....ตัวแทนไทยนักขับชื่อพรสวรรค์... เลือกแลนเเซอร์ A70 2ป. GSR(แต่เป็นรุ่นไฟนอน หรือตัวสุดท้ายของรุ่น) เป็นความคุ้นเคยแบบป.ไทยที่นิยมรถรุ่นนี้...

-แต่ 1 ทศวรรษที่ผ่านไป เปลี่ยนให้รถแรลลี่ระดับโลกให้รุนแรง/โหดขึ้นกว่าเดิม และรถที่ลงแข่งก็เพิ่มขนาดหรือขยายฐานล้อ/ช่วงล้อ นักแข่งไทยจึงเหมือนขับรถบอดี้ 1400-1600 ซีซี ลงรายการเดียวกับ 1600-2000 ซีซี หมายถึงเสียเปรียบครับ..

-ไม่มีรางวัลกลับบ้าน มีเรื่องหวาดเสียวให้เป็นผลงานบ้างแบบไม่มือเปล่าเท่านั้น หมายถึงนักขับไทยใจถึงขับหวาดเสียวบนเขาให้เป็นเรื่องพากย์ในข่าวกันไปครับ...

-ทุกอย่างมีขอบเขต และช่วงเวลา ยานยนต์ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตามความนิยม หมายถึงถ้ารางวัลชนะคือเกียรติที่จะกลับมาทำให้รถโชว์รูมขายดี ค่ายผู้ผลิตก็จะสู้เต้มที่ การอยากพิชิตจึงทำให้รถต้องดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีถอยหลัง...

-A70 หมดยุคแล้ว คือเล็กเกินไป...มิตซูบิชิ มีรุ่นต่อมารองรับ เปลี่ยนระบบรองรับน้ำหนักหลังใหม่ด้วย....แต่ในไทยไม่ยอมก้าว พวกที่ลงทุนกับบอดี้ A70 และรถร่วมสมัยซึ่งตัวพอๆกัน ก็ช่วยกีนเป่า เหมือนเป่ารถ106 หรือแบบวิทยุสื่อสาร IC275 ในทำนองเดียวกันครับ...

-นี่คือการขืนกระแสโดยไทย(ดื้อ) ที่มีกิจกรรมคือ "เป่า" ให้ฟุ้งอยู่เรื่อยๆ นานๆเจอความจริงจากโลกภายนอก ก็คือหล่นตกลงมาเจ็บ เหมือนการแข่งนานาชาติครั้งนั้นครับ..

-ยังมีเบื้องหลังการชนะในสมัยนั้นอีก ซึ่งคนที่นำเอาเบอร์46มาขึ้นหิ้ง อาจไม่ได้ศึกษาว่าเก่งจริงเปล่าด้วยครับ...

-ตัวอย่างคือ ในช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้ห้ามจำนวนรถแข่งค่ายเดียวกัน ถ้ามิตซูบิชิลงแข่ง 20 คัน ในขณะที่ซีตรองลง 8 คัน จะเริ่มมองออกว่าทีมไหนมีโอกาสชนะมากกว่า สมัยนั้น กฏ/กติกาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยตามความนิยมในต่อมา เพื่อให้ผลเป็นที่ยอมรับ แต่ที่ผ่านไปแล้ว ก็คือแล้วกันครับ

-ดังนั้นเหตุผลเบาเกินไปที่ไทยเราจะคลั่งชัยชนะของญี่ปุ่น ในยุคนั้นครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:21:55





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 2/9/2559 เวลา : 15:30  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78070

คำตอบที่ 78
      
-ในเกมบอลโลกครั้งหนึ่ง...ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ...เกือบตกรอบแรก...แต่ที่สุดคว้าแชมป์ครั้งนั้นไปครอง...อีก 4 ปีต่อมา ทีมแชมป์โลกก็ตกรอบแรกในเกมบอลโลกครั้งต่อมา....อยากให้คิดสงสัยบ้างครับ...

-ในทศวรรษ 70 ที่รถแลนเซอร์ได้แชมป์ซาฟารี....ไทยกับญี่ปุ่น มีนักมวยระดับแชมปืโลกรุ่นเดียว/ใกล้เคียงกัน หมายถึงรุ่นเล็ก..หลายคนครับ.

-การชกชิงตำแหน่งที่เกิดขึ้นใน 2 ประเทศนี้ มีเรื่องไม่พอใจคำตัดสินเสมอครับ...ต่อยบ้านเรา ไทยชนะ ต่อยญี่ปุ่น ญี่ปุนชนะ จำไม่ได้แล้วว่าเลิกโกงกันตอนไหน เพราะดูโกงกันก็เบื่อ จึงหันไปสนใจทางอื่นครับ..

-เรื่องบอลโลก ได้ดูหลังจากที่ฝรั่งเศสเป็นแชมป์ แล้วก็หันไปสนใจอย่างอื่นเหมือนกันครับ....

-เล่าประสบการณ์ ด้วยจุดประสงค์ อยากขอให้ไตร่ตรองการนิยม(ตามกัน) โดยไม่ได้รู้เห็นความจริง...หรืออยากให้ติดตามผลการแข่งขันกีฬา เป็นความบันเทิงก็พอ ไม่ต้องเคารพหรือนำมาบูชา...ยังมีเรื่องที่เห็นกับตาที่ควรแสดงความนับถือก่อนอีกมากมายครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 2/9/2559 เวลา : 21:56  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78071

คำตอบที่ 79
       -ประวัติศาสตร์ มีความหมายต่ออนาคตมนุษยชาติ...เรื่องราวเหมือนเป็นสมบัติของโลก ซึ่งนำมาเป็นเหตุผลให้อนาคตได้ครับ...

-คำว่าประวัติศาสตร์ อาจอ้างอิงตำรา แต่ไม่ได้หมายถึง(เรื่องที่แท้จริง) เพราะถ้ามีการค้นพบเหตุผลใหม่ ซึ่งนำมาลบล้าง หรือเปลี่ยนทิศทางของเรื่องที่เข้าใจอยู่เดิมได้ครับ....

-เช่นการบันทึก ประวัติศาสตร์ จากหนังสือ สู่การสร้างเป็นภาพยนต์ ซึ่งเปิดเผยเรื่องราวสู่โลกกว้าง...ผู้สร้างเหมือนผู้ให้ปากคำในคดี หมายถึงต้องรับผิดชอบผลที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยครับ....

-และประวัติศาสตร์ในแถบเอเชีย อย่างเช่นกลุ่มพี่น้องที่ไม่(ค่อย)ยอมพัฒนา หมายถึง ไทย/พม่า/กัมพูชา/ลาว ฯ ที่มีเรื่องในประวัติศาสตร์เดียวกัน แต่บันทึกเรื่องราวไม่ตรงกัน...เช่นสงครามไทยรบกับพม่า เนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน..ซึ่งจะคาไว้ให้คนรุ่นหลังพิสูจน์ในเวลาต่อไปครับ...

-อยากขอเตือนว่าเวลาประวัติศาสตร์พลิก ผู้ที่เคารพผลนั้น จะมีผลทางระดับปัญญาด้วย....เช่น..นานแล้วในไทย มีพระสงฆ์(องค์)หนึ่ง กำลังดัง มีผู้คนศรัทธามาก ระดับนำรูปขึ้นหิ้งแขวนผนัง โดยเจ้าตัวก็ยังมีชีวิติอยู่ นั่นคือการเลื่อมใส/บูชา ชัดเจน...เรื่องรำรือเลยเถิดไปจนมีข่าวเรื่องมีคนยอมกิน(ฉี่) พระ(องค์)นี้ โดยคิดว่าเป็นการปัดเป่าโรคร้าย ฯ...ต่อมาเกิดมีหญิงสาวและเด็กที่ถูกอ้างว่าเป็น ภรรยา/บุตร ของพระ(องค์)นี้ ในระหว่างครองกความเป็นสงฆ์.... เกิดเป็นเรื่องใหญ่พาดหัวข่าวนสพ. และผลที่สุดก็ต้องสึกออกจากศาสนาไปครับ(เรื่องยังมีต่อ)...มีหลายคนที่มองหน้าผู้ที่เคยศรัทธาแก่กล้า ระดับ บูชา/รับกลืน(ขยะ)ที่เข้าใจว่าเป็นมงคล ...เป็นตัวอย่างของการทุมเทเกินสมควร ผลจึงน่าอายอย่างมาก(ไป)ครับ...

-หากมี(สิ่ง)ที่เรา(คือผมหรือท่าน)นับถือยิ่ง พร่ำเอ่ยอย่างระลึกถึงต่อผู้คนทั่วไป...และปรากฏในต่อมาว่า"ปลอม"....ผลจะมีมาถึงเรา(คือผมหรือท่านด้วย)เช่นโฆษณาในอดีต..."ผมคิดจะแต่งตั้งคุณสมศากเป็นหัวหน้า แต่เขามีรังแค"....

-ทั้งหมด เพื่อหักล้าง เรื่องที่เป็นตัวอย่างให้คน(หลง)ไปก้าวตามได้..อีกเรื่องหนึ่งครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:26:02



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 3/9/2559 เวลา : 06:35  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78072

คำตอบที่ 80
       -พระนเรศวร เป็นฮีโร่ของคนไทย...การประกาศอิสระภาพ และศึกยุทธหัตถี เป็นความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย ....แต่มีเรื่องถกเถียงเรื่องสถานที่ยุทธหัตถี ว่าอยู่ที่ใดกันแน่ โดยเดิม(ตามหนังสือเรียน)คือดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี มีอนุสาวรีย์เป็นอนุสรณ์....แต่ต่อมา คนกาญจนบุรีก็อ้างว่าหลักฐานการตั้งพักกองทัพ ซากอาวุธโครงกระดูกช้างและเจดีย์เก่าที่หมายถึงศึกยุทธหัตถี เกิดขึ้นที่หนองขาว กาญจนบุรี ในปัจจุบันก็มีอนุสรณ์สถานสร้างขึ้นไว้ให้เที่ยวชมเช่นเดียวกับสุพรรณบุรี....

-ผมได้ไปเที่ยวทั้ง 2 ที่ตั้งอนุสรณ์สถาน ซึ่งผลหรือฝีมือการก่อสร้างอยู่ในระดับประเทศทั้ง 2 แห่ง มีความน่าเชื่อถือทั้งคู่ครับ...

-การมีสิ่งก่อสร้างมาตราฐาน คุณค่าสูงไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ การทัดเทียมกัน มีความหมายหนุนหลังอยู่..

-นี่คือตัวอย่างเรื่องใหญ่มากที่ยังหาสรุปเรื่อง สถานที่เกิดศึกยุทธหัตถี...ต้องมีที่จริงที่เดียว แต่การเป็นประวัติศาสตร์สำคัญเรื่องเดียวกัน จึงอาจต้องละไว้ให้คาใจต่อไปก่อนครับ...

-ศึกในครั้งนั้นกินเวลาสู้รบกันเป็นเดือน จึงมีการอ้างซากหลายสิ่งในสถานที่สันนิษฐาน....

-คำว่าสันนิษฐาน หมายถึง(เดา)ตามหลักฐานที่มี ...สรุป ณ จุดเวลากำหนดหนึ่ง หรือเป็นคำตอบของกาลนั้น เช่นเวลาส่งข้อสอบคือตัวอย่าง ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป พบหลักฐานเพิ่ม และเริ่มขัดแย้ง ความจริงคือสิ่งมีค่าที่สุด เพราะประวัติศาตร์6คลาดเคลื่อนเรื่องสถานที่ไม่ใช่เรื่องราวครับ...

-แต่มีอีกหลายเรื่องที่เรื่องราวเปลี่ยนด้วย ข้อมูลอาจตั้งเป็นฐานอยู่ห่างกัน หากนำมาใกล้กันเมื่อใด ความขัดแย้งจึงมีผลออกมาครับ....

-ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะเป็นจริงอย่างไร ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เปลี่ยนไม่ได้ การยอมรับคืออนาคตต่อไป.. เทียบเคียง ผู้ที่บิดเบี้ยวเรื่องในไทย..คนละไม้คนละมือ จนเป็นมวลพลัง ให้โลกขนานนามว่า "(เทพเจ้าของ)ปลอม" ผลก็เป็นประวัติศาสตร์ประจำตัวไทยได้ ตัวอย่างคือ ยากูซ่า คือด้านมืดของคนญี่ปุ่น หรือ"ควรระวังไว้" ฯ....

-เพื่อส่วนรวม ...ซึ่งรวมลูกหลานของท่านอยู่ด้วย...มีความจำเป็นที่ต้องก้าวให้ทันชาติอื่นๆ เพราะการรั้งท้ายเป็นภาระของโลกคืออันตรายต่อตนเอง...ความปลอดภัย ไม่ใด้มาจากผู้ใดผู้หนึ่งคุ้มครอง เพราะฐานะเพียงคบค้ากัน ศักยภาพไม่เท่ากันด้วย...จึงอย่าสร้างความหวังใดๆที่จะมาปกป้อง นอกจากภูมิคุ้มกันตัวเอง การก้าวให้ทัน ก็คือเพื่อนที่ไม่เป็นภาระให้กัน คือทางออกที่เป็นไปได้ครับ...


-ฝากความเห็นส่วนตัวไว้ท้ายสุดนี้คือ ที่อนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ มีภาพวาดเรื่องราวประวัติของพระนเศวรบางตอน มีคำอธิบายกำกับ ให้ผู้เยี่ยมชมศึกษา..มีอยู่ภาพหนึ่ง เรื่องพระสุบิน...ความฝันถึงจรเข้ เป็นลางก่อนเกิดเหตุการณ์(ผมจำไม่ได้) เป็นความหมายถึงเรื่องประจำวันหนึ่ง ซึ่งมีผู้รับรู้ไม่มากคน แต่อยู่ในประวัติศาสตร์บันทึกไว้.....เมื่อนำไปวางใกล้กับเรื่องสถานที่ยุทธหัตถี ซึ่งขัดแย้งข้อสรุปไม่ได้ หลักฐานที่หมายถึงเวลารบกันไม่ใช่วันเดียว และผู้คนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่กลับหาข้อสรุปสถานที่ไม่ได้....

-คือความขัดแย้งอย่างมากที่เรื่องเล็ก(ความฝัน)มีบันทึก แต่เรื่องใหญ่โตมาก(สงคราม)กลับสาบสูญ.....ผมหมายถึง..เป็นตัวอย่างการบิดเบี้ยว/แต่งเติมเรื่องราว จะด้วยเหตุใด ไม่ทราบ เป็นข้อสังเกตให้พิจารณาดูครับ....

-

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:35:03



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 3/9/2559 เวลา : 11:02  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78088

คำตอบที่ 81
       -ขออนุญาตวางเรื่องแนวเดียวกันอีกเรื่องครับ....

-การชี้นำ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีต่อคดี แต่ขอให้ทราบก่อนเพียงว่า ผมหวังดีต่อส่วนรวมครับ...

-ที่ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่จังหวัดชุมพร เป็นสถานที่ท่องเทียวชมประวัติศาสตร์ของไทยที่หนึ่งครับ...

-มีอาคารทำการหลายหลัง แบ่งเป็นส่วนๆอย่างมีระเบียบและสวยงาม...(จำได้ว่า)ตรงจุดที่ให้จุดธูปสักการะท่าน มีป้ายบอกไว้ว่า.."ห้ามเข้าทรงบริเวณนี้"

-นี่คือสิ่งที่ขออนุญาตนำเสนอฝากไว้ให้คิดตาม ....การเข้าทรงเป็นพิธีกรรมทางความเชื่ออย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจาก 2 สิ่งคือวิญญานและร่างทรง...เป็นเรื่องนอกระบบ จึงไม่มีตำรากำหนดวิธีชัด หมายถึง ปรากฏการเข้าทรงเกิดขึ้น เพราะร่างทรงเรียกวิญญานมาเข้า หรือวิญญาน เข้าร่างทรงเอง โดยมักเห็นทางเป็นแบบนั้นครับ....

-ความหมายของป้ายห้ามเข้าทรงในสถานที่ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จึงเหมือนห้ามเจ้าของสถานที่....คงไม่ใช่เช่นนั้นหรอกครับ...

-ป้ายห้าม ที่ศาลกรมหลวงชุมพรฯ เป็นเส้นที่แสดงขัดเจนว่า "ท่านไม่เกี่ยวกับการอ้างในรูปแบบอย่างนั้น"...ถ้าป้ายนี้อยู่ในสถานที่แห่งอื่น อาจมีคนแย้งว่า "ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่" เป็นคำอ้างที่มีน้ำหนักในที่สาธารณะทั่วไป ยกเว้นที่ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เองครับ

-สำหรับผมการได้ไปเที่ยวและกราบไหว้ท่านในคราวนั้น ทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าจะระลึกถึงท่านแบบใด ที่ถูกต้องครับ...

-จึงอยากชวนให้ไปเที่ยวชุมพรบ้างครับ....

---------------------------------------------------

-ขอเพิ่มข้อความเรื่องแนวเดียวกันอีกเรื่องครับ...

-หลายปีก่อนเกิดมีวีดีโอหรือคลิป ผีเปรตออกมาสร้างความฮือฮากัน แล้วก็มีผู้หวังดีตัวจริงเข้ามาพิสูจน์ จนทราบกันทั่วว่า ใช้เทคนิคกล้องสร้างกันเองให้เป็นแบบนั้น เจ้าของเรื่องถูกเชิญมาอยู่ในคุก เมื่อขุดคุ้ยจึงได้อิทธิฤทธฺเพิ่มอีก คือเคยเสกใบไม้/กระดาษ ให้เป็นเงินได้ เมื่อให้ทำต่อหน้าสื่อและพยาน ปรากฏว่าทำไม่ได้...ก็อยู่คุกต่อไปครับ

-สิ่งที่ต้องการบอกคือ เรื่องนี้เป็นข่าวนสพ. จึงมีการพูดกันไปทั่ว สิ่งที่ผมได้ยินเองกับหูคือ..."มันเสื่อมไปแล้ว"...ในที่ตรงนั้น ผมพูดว่า ถ้าสรุปว่ารายนี้เสื่อมไปแล้ว เดี๋ยวก็มีเบอร์ 2 เกิดขึ้นอีกและอาจไม่รู้จบหรือไม่สิ้นซาก ต้องแบบยอมรับการเป็นเหยื่อว่าเป็นการหลอกลวงที่เคยทำให้เรา(คือผมหรือท่าน)เชื่อ...หมายถึงไม่ใช่เสื่อม แต่ไม่เคยทำได้จริง ที่เคยเห็นเป็นมายากลที่มีเวทีที่เขาจัดความพร้อมไว้ จึงดูคล้ายๆใช่ เป็นโชว์ที่ไม่ใช่การพิสูจน์ ไม่มีใครยกมือค้าน หรือขออีกรอบในตอนนั้น...

-ขอฝากไว้พิจารณาด้วย คำว่าเสื่อม ห้ามใช้ในสรุปการหลอกลวง เพราะจะโดนหลอกอีกรอบใหม่ได้ครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:38:38

 แก้ไขเมื่อ : 8/9/2559 12:30:49



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 3/9/2559 เวลา : 21:20  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78187

คำตอบที่ 82
       -ขอเปลี่ยนเรื่อง...ข้อความคต.นี้ขอให้อ่าน(จน)เข้าใจ ...เดี๋ยวก็คิดออกเองครับ...

-ในทศวรรษ80/90 รถในป.ไทยยังใช้คาบูเรเตอร์ คือก่อนจะเป็นหัวฉีด ถ้าก่อน 70 ระบบเกียร์มีเดินหน้า 4 เป็นส่วนใหญ่ โดยเดินหน้า 3 เกียร์ก็ยังมีครับ..

-ในยุคที่รถกระบะเป็นเดินหน้า 4 เกียร์ เวลาขับรถตัวเปล่า(สมัยนั้นไม่มีคอมแอร์เป็นภาระเครื่อง) หลายคน ออกรถด้วยเกียร์ 2 ครับ จะใช้เกียร์ 1 ตอนออกตัวรถหนัก หรือรถเปล่าขึ้นเนินครับ...

-จากเกียร์สอง...ไป 3....และ 4 (อัตราทดคือ 1 ต่อ 1 )คือเกียร์เดินหน้าสุดท้าย วิ่ง 90-110 เหมือนสมัยนี้นั่นแหละครับ

-สิ่งที่อยากบอกคือรถกระบะวิ่งขนาดนั้นรอบก็สูงครับ

-เหตุผลอยู่ที่ลักษณะรถ คือเพื่อบรรทุก รถมีแรงม้าน้อยรอบจึงต้องเหลือไว้ลากจูงตอนตัวหนักด้วยครับ...

-ในรถเก๋ง รอบจะต่ำกว่าตามลักษณะรถที่รับน้ำหนักไม่แปรผันมาก แต่หลักการทดเกียร์สุดท้ายก็เหมือนกันคือ 1 ต่อ 1 รอบลดลงด้วยเฟืองท้ายที่ต่างกับรถกระบะครับ...

-ต่อมารถมีแรงม้าเพิ่มตามการพัฒนา ..สิ่งที่มารองรับคือเกียร์ 5 ครับ...

-โดยช่วงแรกกำหนดให้ใช้เกียร์ 5 เป็นเกียร์ประหยัด หมายถึงความเร็วสูงสุดอยู่ที่เกียร์ 4 ครับ..

-ตัวอย่างคือรถฮอนด้า ซีวิค เครื่อง1500/คาบู(เกียร์ 4 ลากไปถึง 170กม. เกียร์ 5 ได้ 150กม)....และ BMW เครื่อง M10 ก็เช่นกันเป็นต้น

-ต่อมาเครื่องยนต์ก็แรงขึ้นด้วยหัวฉีดที่มาแทนคาบูเรเตอร์ครับ...

-การใช้เกียร์ 5 เพื่อประหยัดเป็นการเปลี่ยนแนวการขับ(ความเร็วสูงสุดที่เกียร์สุดท้าย) มีคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้มากพอสมควร ผู้ผลิตจึงเปลี่ยนกลับไปที่แบบเดิม คือความเร็วสูงสุดที่เกียร์สุดท้าย(5) ทำได้เลยเพราะได้ม้าเพิ่มจากหัวฉีดมารับกันไปครับ....

-กลับมาที่ปัจจุบัน การทดเฟืองเกียร์ 5 เพื่อลดรอบโดยไม่มีแรงม้ามาเพิ่ม จะทำให้เกียร์สุดท้ายเข้าหลักเครื่อง M10 คือเกียร์ 5 ประหยัด ไม่ใช่เกียร์กำลังสูงสุด แต่เกียร์4 รอบจะสูงมาก..ก็ไม่ผิด..ถ้ารถกระบะ..วิ่งตัวเปล่า/นอกเมืองมากและไม่ทำความเร็วสูง..แต่ความต้านลมของบอดี้แบบกระบะมากกว่ารถเก๋ง รอบลด/ปลายไหล นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกครับ(ลองกลับไปดูสารคดี BUGATTI VEYRON รถสูงเมตรเดียว ทำความเร็วปลายฝ่าลม ต้องใช้ม้าเพิ่มมหาศาล)

-เป็นเรื่องถ่วงเทคโนโลยี ให้ก้าวไม่ออกหรือลังเลเสียเวลา และทิศทางนี้"เคยใช้และเปลี่ยนกลับแล้ว"ด้วยครับ...

-สุดท้าย ที่จะบอกคือ หากซื้อรถกระบะมา(ทดรอบ)เป็นรถเก๋ง...เปลี่ยนรถเก๋งเลยดีกว่า ผมว่าผลสมดุลย์กว่าครับ

-ไปเที่ยวภาคเหนือตามดอย เขาจะมีจุดจอดรถแล้วจ้างรถกระบะสองแถวไปขึ้นเนินชัน ซึ่งบางคนไม่มั่นใจว่ารถเก๋งนั่งเต็มคัน ไม่อยากเสี่ยงก็จ้างรถ หมายถึงรถกระบะเกียร์ปลายต้องมีแรงเหลือตามลักษณะรถครับ

-ขัดแย้ง"ลดรอบปลายไหล"ไหมครับ......

-ปัจจุบันทั้งรถเก๋งและกระบะ มีเกียร์มาเพิ่มเป็น 6-7เกียร์เดินหน้า มาพร้อมแรงม้าที่เพิ่มด้วย คือการแก้ปัญหาแบบให้สมดุลย์ ไม่มีเงื่อนไขการขับครับ

-ก่อนไปโมดิฟายตามความเชื่อ ขอให้ถามให้แน่ใจก่อน ปลายไหลคืออย่างไรและอะไรที่ไหล ฟังชัดๆก่อนจ่ายเงินซื้อเงื่อนไขมาใช้งานครับ



 แก้ไขเมื่อ : 4/9/2559 6:53:31

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:47:51





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 3/9/2559 เวลา : 23:25  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78188

คำตอบที่ 83
       -ขอวางข้อความเพิ่ม เพื่อให้เข้าใจ "เงื่อนไข"ที่ตามมาด้วยครับ

-ในรถกระบะ...เดิมโรงงานตั้งอัตราทดเกียร์ ไว้เป็นขั้นบันได เพื่อไต่ความเร็วได้ดี ซึ่งเป็นความหมายของสมรรถนะของรถด้วยครับ

-เหมือนวิ่งผลัดในสนาม ที่วิ่งคนละรอบแล้วส่งไม้ต่อให้ผู้รับวิ่งต่อไป สมมุติว่าโรงงานกำหนดเกียร์ 4ไว้ที่ 1 ต่อ 1 และเกียร์ 5 ไว้ที่ 1 ต่อ0.85 การขับแบบเดิมๆก็คือช่วงไต่ความเร็วเปลี่ยนเกียร์ 4 เป็น 5 ที่ความเร็ว 80-90 กม./ชม และเวลาชะลอรถ(เช่นผ่านทางแยก) ความเร็วตกลงมาเหลือ 70 ก็ยังใช้เกียร์ 5 ต่อไปได้(ถ้ามองกระจกหลังว่าโล่งหรือว่าง) จะช้ากว่าการไต่จาก 0 เพราะการออกตัวเช่นจากไฟแดงอาจมีรถหลังกดดันให้เร่งนิดๆ เพื่อให้ไม่บังกัน...นั่นคือปกติครับ...

-เมื่อทดเฟืองเกียร์ 5 ให้เพื่อลดรอบลง การเปลี่ยนเกียร์จะเปลี่ยนด้วย เช่นช่วงออกตัวอาจต้องเพิ่มความเร็วตอนเข้าเกียร์ 5 เป็น 90-100 กม./ชม. และตอนชะลอ ความเร๋ว 70 ก็ต้องเปลี่ยนลงมาเกียร์ 4 แม้ว่าหลังจะไม่มีรถตามมาก็ตาม...นี่คือตัวอย่างเงื่อนไข

-รถกระบะมีการเผื่อรับน้ำหนักบรรทุก และเส้นทางที่ใช้ อาจสภาพแย่กว่ารถเก๋งวิ่ง เช่นวิ่งถนนลูกรังเป็นต้น...

-อยากบอกว่า เรื่องทั้งหมดถูกคิดครอบคลุมไว้แล้ว เพียงแต่อาจกว้างเพื่อรองรับนิสัยขับรถหลายแบบ แต่หลักใกล้เคียงกันคือรถใช้งานทั่วไปครับ...

-การทดเฟืองลดรอบเกียร์5 จะทำให้พิเศษหรือเจาะจงหรือให้แคบลงต่อสภาวะแบบหนึ่ง ซึ่งอาจถูกใจ ในการวิ่งถนนบางสาย แต่คงไม่ใช่ทุกสายเหมือนเดิมที่เขาวางครอบคลุมมาครับ...

-และเป็นเงื่อนไขที่แตกต่างจากการนัดหมายวิธีขับทั่วไป(เกียร์ 4 และ 5 ห่างกว่าเดิม จังหวะบังคับต้องเปลี่ยนด้วย)...คือเหตุผล 360 องศาครับ

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:52:08



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อาทิตย์, 4/9/2559 เวลา : 08:50  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78189

คำตอบที่ 84
      
-เพื่อส่วนรวมให้ทันต่างประเทศ...ช่วยกันนะครับ...

-อย่าตอบสนองกับไทยปากเบี้ยว และไทยปากหมาน และถ้าเขาเคารพท่าน ก็แนะนำให้หยุดสืบทอด โดยแนะนำให้สงสารตนเอง เพื่อให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นในใจ แล้วจึงค่อยๆชี้ไปที่ผู้อื่นบ้าง หรือพยายามบอกว่าการเอาแต่ตัวเองรอด เป็นเรื่องน่าอาย(ถ้าถูกค้นพบ)...ป.ไทยไม่มีคนอดตาย และแวดล้อม สุขสบายจากอุตสาหกรรมขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยุทธการแมงโม้... และการพูดสวยกับพูดสุภาพ คือสิ่งที่คล้ายกันแต่คุณภาพแตกต่างกันมาก ขอให้เลือกเลียนแบบให้ถูกทาง....เวลาที่เดินหน้าต่อไป จะคัดเลือกพวกเข้มข้นให้ไปตกปลัก หรือรวมกันในแวดล้อมหนึ่ง ซึ่งจะง่ายต่อการกำจัด หรือปราบได้จำนวนกว่าตอนที่ปนเปกัน และต้องยั้งมือกันเพราะกลัวผิดเป้าหมาย...

-อาชีพหลายอาชีพ เป็นทางออกสำหรับคนเถื่อน ก็เห็นกันลางๆ อยู่แล้ว(และนานแล้ว)เช่นค้ายา/นักการเมือง..ซึ่งการไม่ทำอะไรเลย ทำให้ทางออกกลายเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จด้วย หมายถึง ปากหมาน/ปากเบี้ยว /เอาตัวรอด.. แล้วได้ดี....

-ในอนาคต ถ้ามีชนเผ่าอื่นใช้อำนาจที่เหนือกว่า มาปกครองเรา(คือผมหรือท่าน)....สั่งงานให้ทำ และปรากฏว่า ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกัน หรือค่าความหมายไม่ตรงกัน...ถึงตอนนั้น คนซื่อจะได้เป็นหัวหน้าคนงาน เรียนจบระดับไหนมาก็ไว้ใจไม่ได้ และพูดไม่รู้เรื่อง(โม้/เบี้ยวไปหมด)เป็นแรงงานไป...การมีผู้นำที่ด้อยการศึกษา ก็คือภาพที่เคยผ่านไปแล้วนานแสนนาน....แต่ตอนนี้ เรา(คือผมหรือท่าน) กำลังเดินทางเป็นวงกลมไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่...เวลาที่ผ่านมาก็ตามชาติอื่น แต่เหมือนแค่สัตว์เลี้ยงฉลาดๆที่เข้าใจคำสั่งสอนบางคำเท่านั้นครับ...

-ถึงตอนนั้น ถ้าลักษณะเสีย ...คือพุงโร/ก้นปอดแฟบ เตี้ยอีกต่างหาก แต่หัวโต...โอกาสไปเที่ยวทะเลสูงครับ...

-เหตุผลคือ ไม่มีอะไรสูญเปล่าในทะเล และเป็นแหล่งแปลงวัตถุดิบธรรมชาติ ให้กลายเป็นอาหารให้มนุษย์ ไม่ต้องล้าง หรือเก็บซาก ถ้าเป็นโปรตีน รูปร่างอย่างใดก็ได้ เดี๋ยวก็จะเรียบร้อยเอง....

-เวลาต่อไปอีกแสนนาน...ประวัติศาสตร์ของ "ไททานิค" ยังคงอยู่ แต่การให้อาหารปลาทะเล เป็นแค่ปรากฏการ ซึ่งไม่ระบุอะไร เป็นแค่จุดจบ หรือทางออกของขยะเท่านั้นเองครับ...

-ผมว่าทางเส้นนั้นไม่น่าเฉียดเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ....แต่เรา(คือผมหรือท่าน) มีสิทธิ์ตัดสินอนาคตให้ตนเองหรือเปล่าในตอนนั้น เหมือนพวกยิว/นาซีในอดีตหรือเปล่า..

-แต่ที่แน่ๆคือ....เวลานี้ การเดินไปสู่อนาคต ยังอยู่ที่เรา(คือผมหรือท่าน) เลือกปฏิบัตได้เอง...ความสำคัญคือ..."ต้องรู้ตัวก่อน" ครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 5/9/2559 เวลา : 07:46  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78191

คำตอบที่ 85
       -ในกาลก่อนนานมาแล้ว...ถนนเป็นดินหรือทางเกวียน เวลาขับเกวียนก็แล่นกลางเลน...จะสวนกันค่อยหลบกัน ความเร็วต่ำมาก ตอนสวนกัน ทักทายได้หลายคำแล้วก็จากกันไปครับ...

-ในเวลาต่อมามีรถยนต์แล้ว ถนนก็ราดยางแล้วแต่แคบ ก็ขับกินเลนหน่อยๆ... จะสวนกันก็หลบนิดๆ ก็ผ่านกันไป ทักทายกันไม่ทันความเร็วแล้วครับ

-เนื่องจากเริ่มมีรถหลายขนาดที่ใช้ถนน การกินเลนจึงมากบ้างน้อยบ้าง จึงมีเส้นแบ่งกลางถนนเกิดขึ้น...ถนนยังแคบ เวลาจะสวนกันก็รักษาเส้นเป็นจุดแบ่ง ถ้ายังกินเลนมา ก็เริ่มไม่พอใจกัน การตะโกนทักทายไม่ทัน แต่การแจกผลไม้(กล้วย)พอทันอยู่..เป็นจุดเริ่มต้นครับ..

-ต่อมาก็เป็น 2 เลนวิ่งทางเดียว เท่ากับ 4 เลนสวนกันมีเกาะกลางบ้างไม่มีบ้าง ใน2เลนวิ่งความเคยชินก็ขับชิดขวาไว้เหมือนเดิมครับ ...

-ต่อมาก็มีเส้นแบ่งในเลนวิ่งทางเดียวกัน และกำหนดให้รถบรรทุกและอื่นๆ วิ่งด้านซ้าย ขวาไว้แซง มีข้อบังคับจับปรับผู้ขับชิดขวาตลอด ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า หมายถึงให้ไว้แซงอย่างเดียว ยกเว้นการจราจรคับคั่งเคลื่อนตัวช้า เต็มถนน(คือช่องโหว่ของกฏระเบียบ) ...

-จากปีที่เริ่มจับปรับวิ่งเลนขวา ถึงปีปัจจุบันราวๆ 35ปีมาแล้วครับ...

-ถ้ามีเจ้าหน้าที่ซุ่มจับ ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่เรื่อยๆ....นักขับรถรุ่นแรกๆที่ใช้เลนวิ่งสวนกัน ก็หมดอายุขัยไปแล้ว คำถามคือคนรุ่นใหม่ นำความเคยชินในการขับชิดขวา...มาจากไหนครับ...

-และถ้าสวมแว่นวิเศษ ก็จะเห็นกล้วยหล่นอยู่ตามถนนมากมาย(มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น)...

-ทั้งหมดเป็นตัวอย่างสิ่งที่มากับความสะดวกสบายขึ้น หมายถึง ทุกสรรพสิ่ง ล้วนมีบวกและลบ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง...

-แต่คำว่าระมัดระวัง...เป็นคำที่เข้าใจยาก จึงยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเรื่อยๆ...และการรับ/ไม่รับผิดชอบ ก็เป็นต้นทางของความห่างเหิน ไม่ไว้ใจกัน...

-มองกลับไปที่เกวียน ความเชื่องช้าเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดเรื่องขัดแย้งแบบรถยนต์...รถยนต์ยิ่งมีรุ่นใหม่ ยิ่งมีค่าขึ้น ข้อพิพาทก็ยิ่งมากตามไปความระแวงในทรัพย์สิน...ผมหมายถึงระวังไม่มาๆแต่ระแวงครับ...

-นี่คือที่มาของการห้ามมากมายในประเทศนี้ ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศอย่างมาก...และคือการ"ไม่รู้จักตัวเอง"อีกย่างหนึ่ง...ซึ่งต้องกลับมาที่เดิมอีกคือ .."ต้องทำให้รู้ตัวก่อน" เป็นวิธีรอดของไทยครับ...

-เพราะที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าห้ามกันมากมาย โทษไปที่กฏระเบียบที่เขียนกันเอง... ผลของความเข้าใจในกฏระเบียบหรือกฏหมายหรือวิธีใช้ ก็คือแบบอย่าง(เทคโนโลยี)นำเข้าเช่นเดียวกับรถยนต์หรือหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ซึ่งผู้ใช้ต้องให้ความร่วมมือในวิธีด้วย...หมายถึงคนไทยลืมความสำคัญบางอย่างไปครับ ....

------------------------------------------

-ให้คิดเองว่าลืมอะไร...ก็คงลืมต่อไป(เหมือนเคย)...บอกดีกว่าคือลืมคำว่าสังคม คือส่วนรวม ของที่ซื้อมาใช้ถนนส่วนรวม ดังนั้นเหตุ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเข้าใจ เพื่อมองรถยนต์เป็นเครื่องมือ หากจะมองเป็นอัญมณี ต้องไม่ออกมาวิ่ง จอดในบ้านจึงจะเป็นส่วนตัวได้ครับ...

 แก้ไขเมื่อ : 5/9/2559 16:42:35



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 5/9/2559 เวลา : 13:39  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78195

คำตอบที่ 86
       -"บ้านทรายทอง" / "คู่กรรม"......คงเป็นบทประพันธ์เอกของไทย เพราะสร้างหลายรอบ(เหลือและเกิน) หากบอกฝรั่ง เขาคงเข้าใจดี ไม่ใช่เพราะเขารู้เนื้อเรื่องแล้วชอบเหมือนคนไทย แต่เขาดูจากการนับถือของคนไทย ดูผลของนิยาย ไม่ใช่ดูเนื้อเรื่องนิยายครับ

-คนญี่ปุนผู้สร้าง วิทยุสื่อสารคลื่น 2M มาขายให้ไทยแบรนด์ Icom รุ่น IC275E/H ได้เห็นคนไทย(เป็นปลื้ม)และกอด/ชูไว้กว่า 20 ปี ความนิยมระดับ(ตำนาน)แบบ "บ้านทรายทอง" ....ผมว่าเขาจะหัวเราะ เพราะเขาเป็นผู้สร้างเครื่องมือตัวนี้มาขายให้ไทยเอง เป็นจุดเริ่มต้นให้ไทยใช้ ไม่ใช่ใช้ถาวรในไทย....นี่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ขอนำมาเป็นบทเรียนเพื่อการก้าวต่อไปครับ

-ถ้าเรา(คือผมหรือท่าน) ได้ยิน/เห็นคนญี่ปุ่นหัวเราะเรื่อง IC275 ที่ฮิตตลอดกาลในไทย...คำถามคือ..ใช่เขาเยาะเราเปล่า...ผมคิดเองว่าคำตอบคือความเงียบ คงมีคนรู้ตัว...คำถามตรงนี้คือ...รู้ตัวว่าน่าหัวเราะเยาะ แล้วทำเรื่องแบบนี้ครับ....

-ผมมองรถ106 ว่าจะมีอันเป็นไปแบบ IC275 หรือไม่...อาจดีรอดตรงที่เป็นเครื่องมือกล ไม่ใช่อีเลคโทรนิค อยากให้สิ่งที่ผ่านไปแล้วเป็นบทเรียน แต่นี่เป็นเรื่องเรียนรู้และแสดงออกแบบ "หมู่" หรือกลุ่มหรือสังคมหนึ่ง....ไม่ใช่เดี่ยว/ผู้เดียวเหมือนการเขียนกระทู้นี้ครับ...

-ขอวางไว้ในโอกาสขาลงของเรื่องออฟโรดในตอนนี้...เดี๋ยวถึงเวลาขาขึ้นจะทำตามความเคยชินเดิมอีก ซึ่งควรถึงเวลาเปลี่ยนบทบาทแล้วครับ.....



 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 20:58:55



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 5/9/2559 เวลา : 21:06  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78196

คำตอบที่ 87
       -แผนหรือปฏิบัติการ หรือโครงการหนึ่งของประเทศมหาอำนาจ G7 คือสถานที่ปลอดภัยของต้นแบบ เช่นที่เก็บเมล็ดพันธ์พืชทุกชนิด, ข้อมูลความเป็นมาของมนษยชาติในแบบของการพิมพ์ลงกระดาษ และลงในหน่วยความจำหลายแบบ และหลายภาษา ,เตรียมสถานที่ปลอดภัยสำหรับคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นมนุษย์ต้นแบบในยุคต่อไป เป็นต้น หมายถึงยังมีอีกหลายอย่างที่เขาเตรียมการไว้สำหรับการวินาศของเผ่าพันธ์มนุษย์ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าครับ...

-ตามโดยการเลียนแบบก็ไม่ทัน...แม้แต่ความคิด ก็ห่างไกล...สิ่งที่ไทยใกล้เคียงอย่างเดียวคือ "รสนิยม" ที่หายใจรดต้นคอเลยล่ะครับ...

-การมี BUGATTI VERON วิ่งในไทยคือตัวอย่างคิด....มีอีกมากมาย เช่นนาฬิกาเรือนเดียวในโลกก็มีอยู่ในไทย หลายเรือนด้วยครับ...

-ความหมายที่ต้องแก้ไขคือ "มวลใหญ่" หรือคนทั่วไป ที่ได้เห็นความเจริญของโลกใบนี้เท่ากับคนฐานะดี ต่างกันที่ ปฏิบัติตนเองต่อแวดล้อมอย่างไรครับ

-กันยายนปี 2001 คือวันมหาวินาศกรรมของโลก คำถามในองศาหนึ่งคือ "เพราะความเกลียด" ใช่หรือไม่ และมากขนาดไหนหนอ...ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายรู้ตัวไหม...แล้วไทยล่ะ รู้/เห็นเขาเกลียดกันหรือเปล่า....คำถามที่ผมชี้นำ จะขยายเรื่องไปในแนวเดียวกันได้อีกมากมาย จน....อาจทำให้เรา(คือผมหรือท่าน) ห่วงคนรอบตัวที่เรารักได้....เด็กที่เกิดมารอผลสงครามในอนาคต จึงอยู่ในภาวะเสี่ยง...และเป็นเพราะไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในตำแหน่งใดของโลกใบนี้...แต่รู้ว่ามีสิทธิในตอนนี้อย่างไร...นั่นคือทิศทางของการล่มสลายที่เคยเกิดมาในอดีต ต่อชนหลายเผ่าที่หายไปจากโลกนี้ไปแล้วครับ....

-การมองอย่างเข้าใจ เหมือนช่างตัดเสื้อมองเห็นผลงานคนอื่น ก็คาดคะเนวิธีในใจ เช่นเดียวกับชื่อกระทู้นี้.."สังเกตเครื่องมือในการสร้างงาน" คือมองแบบช่างมองผลงานช่าง...เพื่อให้เกิดการคิดติดตามต้นแบบระดับสูง ถ้าไม่ตามก็ไม่มีโอกาสทัน/แซง ....ดังนั้น...คนไทยควรมีทักษะช่าง หรือ DIY ให้คุ้นเคย อย่างน้อยก็เพื่อมองอย่างเข้าใจ...ไม่ใช่มองว่าราคาเท่าไรหนอ เพื่อไป(ทุจริต)หามาซื้อ เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้....ขอบคุณครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 21:03:55





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 6/9/2559 เวลา : 07:05  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78197

คำตอบที่ 88
      
-"สภาพเทพ,นางฟ้า,99.9%,แท้ๆๆๆ, VIP , 5 ดาว"...ใครๆก็รู้เป็นการเปรียบเปรยที่เกินจริง...เพียงแต่ไม่ถือสา...

-ถ้ามองเป็นลมปาก(เหม็นๆ) ก็เบี่ยงตัวนิด หรือถอยห่างสักก้าว ก็พ้นครับ...ถ้าคิดว่าแค่พอพ้นตัว....

-แต่หากมองเป็นงานช่างที่ต่อเติม/ขัดเงาด้วยปาก...หมายความถึงปากต้องประหลาดกว่าที่เราเห็นๆคนอื่นเขามีหรือเป็นกันครับ...

-นี่คือความประหลาด ที่จะชักนำการปราบปรามมาสู่ฝูงชนไทย.....คิดตามถ้าเข้าใจ อาจเริ่มกลัว...ผมหมายถึงคือวิธีหยุดเรื่องปากเถื่อนเหล่านี้ ต้องเริ่มต้นที่เข้าใจลักษณะปากที่ส่งเสียงก่อน วาดในใจให้แปลกก็ได้ เพราะอย่างไร ก็จะไม่มีใครเอาไว้ในวัฒนธรรมข้างหน้าแน่นอนครับ.....

-เพราะเป็นโรค(ปาก) ที่เกิดในบางประเทศเท่านั้นครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 6/9/2559 เวลา : 08:32  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78198

คำตอบที่ 89
       -ช่วงนี้กระแสนิยมรถออฟโรดลดลงเรื่อยๆ...สาเหตุหนึ่งคือประตูเปิดสู่(เที่ยว)ป่า ถูกกำหนดให้รถล้อไม่เกิน 33 นิ้ว ในเวลาที่ผ่านมา คนไทยมีหลายจุดประสงค์ในการครอบครองรถออฟโรด และมีอยู่ข้อกำหนดในตอนนี้คือ นิยมล้อไม่ต่ำกว่า 35 นิ้ว(แล้ว) สวนทางกับระเบียบผ่านประตูไปป่า โดยกลับไปเหมือนยุคแรกๆที่เที่ยวป่ากัน แต่รสนิยมของไทยตอนนี้พัฒนาเดินหน้าไปเลยขนาดที่ถูกระเบียบไปแล้ว...ถ้าคิดตามจะเกิดคำถามได้ครับ....

-หนึ่ง..คือความต้องการหลักในการปั้นรถอยู่ที่ใช้เพื่ออะไร(กันแน่)...สอง...คือวิธีพัฒนาตัวเองของคนไทยขัดต่อกฏระเบียบสังคมเป็นประจำหรือไม่ หมายถึง เป็นนักฝ่าฝืน หรือนักสร้างเรื่อง ต้นเหตุสู่การเพิ่มข้อบังคับ หรือจะเรียก"ผู้ล่วงเกินทรัพยากร"ทุกชนิดได้หรือไม่...

-ในราว 10 กว่าปีที่แล้ว คือกก้าวแรกๆของการตื่นตัวเรื่องคอมพิวเตอร์ สู่คนทุกวัยในไทยครับ...

-ผู้รับผิดชอบเงินซื้อคือหัวหน้าครอบครัว...ซึ่งมักใช้เหตุผลใช้เงินเรื่องนี้ว่า ไว้ทำรายงาน/ฟังเพลง /เล่นเกม....ก็ไม่ผิดครับ...

-แต่คอมพิวเตอร์ที่ถูกจัดหามา(ไม่ว่าจะเป็นแบบใด) มาเป็นเครื่องมือทำรายงานต่าง(จริง)ราวๆ 10% อีก 90% ที่เหลือคือเกม/ดู(หนัง)/ฟังเพลง...หมายถึงผลลัพธ์จริงคือใช้ประมาณนั้นครับ...

-ป.นี้จึงเต็มไปด้วยเรื่องเท็จ ทุกหนแห่ง/ทุกวงการ /ทุกวัย.... หากเริ่มเข้าใจว่า "ใช่"....ขอให้ลองย้อนกลับไปสู่เวลาที่เรื่องคอมพิวเตอร์ ยังไม่เข้ามาในครัวเรือน...ตอนนั้นเรียนรู้และระวังหรือบอกผู้อื่น เหมือนตอนนี้หรือไม่...ตัวอย่างเช่นการทำงานเอกสารล่วงเวลา ที่นำกลับมาทำที่บ้านต่อ เป็นเรื่องจริง90% อำพราง 10% หมายถึงต่างกับตอนนี้ใช่หรือไม่ครับ....

-แพรเยื่อไม้ เป็นนามปากกาของพระสงค์นักเขียนๆนิยายสมมุติไว้ไม่กี่เรื่องแต่ก็ได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่ม..เขียนคำภาษิตหรือคำคมไว้ด้วยหลายคำ(เรื่องคำไม่แน่ใจว่าลอกเลียนแบบผู้อื่นมาหรือไม่)...ภาษิตฝรั่งเขาบอก"สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ"(หนังดีสร้างซุปเปอร์สตาร์)......แพรเยื่อไม้เขียนไว้ว่า.."ยังดีอยู่ได้..เพราะยังไม่มีโอกาสจะเลว ....ยังซื่ออยู่ได้.. เพราะยังไม่มีโอกาสจะโกง" หมายถึงคุณภาพคนต้องผ่านโอกาส จึงจะรู้ค่าที่แท้จริง....เขียนไว้เป็นภาษาไทย ก็คงเพื่อคนไทยครับ....

-ขอให้เป็นเรื่องเตือนใจไม่ให้ก้าวถลำไปในความป่าเถื่อน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ...ต่างชาติไม่รู้จักคุณค่าชายไทยมาก่อน(มีชื่อเสียงแต่เรื่องหญิงไทยสวยบ้าง)...ก็จะได้รู้จากการแสดงออกมาตอนนี้...ผมหมายถึงตัวตนจะถูกเปิดเผย พร้อมวิธีที่เรา(คือผมและท่าน)ดำเนินชีวิต โดยใช้เครื่องมือไฮเทค ไปในทิศทางใด...เพราะอินเตอร์เน็ต มีหน่วยบันทึกหลายอย่าง เรียกตรวจสอบแหล่งที่มาของความป่าเถื่อนในรูปแบบต่างๆได้ เช่นหยาบคายฯ....คือข้อเตือนให้ระวังด้วยครับ.....


 แก้ไขเมื่อ : 7/9/2559 21:16:34



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พุธ, 7/9/2559 เวลา : 07:12  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78199

คำตอบที่ 90
       -รถมาสด้า2 เครื่องดีเซล ...ออกมาแล้ว...ขอนำมาตั้งเป็นความเห็นให้พิจารณาดูครับ....

-มีของแถมหลายรายการที่เขาจัดให้เลือก ผมในฐานะผู้ชอบรถเกินปกติตลอดกาลประจำบ้าน จึงถูกถามว่าของแถมจะรับหรือไม่รับชิ้นไหน นี่คือเรื่องที่จะเล่าครับ...

-หลายชิ้น ที่คนในสังคมเดียวกัน / บ้านเดียวกันด้วย มองเห็นไม่ตรงกันครับ...

-ขอเรียกคิ้วประตูหรือกันสาด...มีคำถาม ..ผมบอกว่าถ้าเป็นรถผมใช้ ผมไม่ติด...ซึ่งขัดต่อความนิยมทั่วไปครับ...

-ผมให้เหตุผลว่า คนไทยสร้างผลงานเหนือชั้นไม่ได้(เลย) การสร้างแปลก/เด่น จึงเป็นกลยุทธที่เรียกใช้บ่อย เพื่อให้ดูแตกต่างหรือก้าวหน้า แต่มีข้อเสียที่ การเสริมหรือสร้างจุดเด่นแบบนี้ เป็นเพียงแฟชั่นประกอบ ไม่ใช่ความงามหลัก (ซึ่งทำไม่ได้) ดังนั้นวิธีจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเมื่อนำวิธีแต่งรถมากองไว้ที่เดียวกัน จะพบว่าไทยคือผู้หาจุดเด่นจากความคิดเมืองนอกมาดัดแปลงใช้ และไม่สามารถอธิบายความหมายการออกแบบนั้นได้...จึงกลายเป็นเส้นชัยของ(คนโง่)ไปครับ...

-ผมเห็นเรื่องที่ดูดีในช่วงเวลาฮิต ผ่านเวลาต่อมา..ไม่อยากเห็นรูปรถแต่งตามแฟชั่นฮิต เพราะภาพฟ้องตัวตนของเจ้าของรถด้วย...หากเคยได้รับเยินยอว่าแต่งเทพ/แต่งครบในครานั้น ครานี้ยิ่งนึกถึงไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมือนผลงานเปลี่ยนค่า และหลอกหลอนตนเอง...นี่คือผู้ที่ยังอยู่ในความคิดก้าวหน้าได้ ถ้ามีโอกาสเดินต่อ หมายถึงรู้ตัวแล้ว ตัวอย่างเช่นงานสเกิร์ตรถโคโรน่า/BMW ในคต.ก่อนๆครับ

-สำหรับผู้ที่ดูความการหลงทางของตัวเองแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย หมายถึง ผู้ที่ยังพร้อมเป็นเหยื่อรอบต่อไปครับ....

-กลับมาที่เหตุผลเรื่องคิ้วประตู...ผมบอกสิ่งนี้สำหรับบ้านเรา ไม่มีประโยชน์ เพราะอากาศร้อน หากแง้มกระจกในยามมีฝนตกเมื่อรู้สึกแอร์หนาวไป..อากาศอุ่นจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกหน้าภายใน อธิบายได้อีกยาว แต่ขอละไว้ว่าไม่มีประโยชน์ใช้งานจริง...ขอยกเว้นรถออฟโรดบางรุ่นซึ่งคิ้วใหญ่(เช่นเทอราโน่วัน) และดูดี คือแง้มได้กว้างโดยฝนไม่สาด อากาศใน/นอกถ่ายเทได้มากไม่แตกต่าง ก็ไม่เกิดฝ้า และทำให้รถดูคันใหญ่ขึ้น(ล้อใหญ่อยู่แล้วคือรับกัน)ครับ....

-สำหรับที่คิดว่าเพื่อความสวยงาม...การตกแต่งขอบประตูรถผ่านมาหลายแบบ และหลายช่วงเวลา ...สิ่งที่ถูกเลียนแบบคือรถสปอร์ต 2ป. คือไม่มีขอบกระจกบน ..โดยพรางให้หลังคามองดูบาง/แต่งขอบประตูด้วยสีเข้มหรือสติ๊กเกอร์สีดำ เหมือนผู้หญิงเขียนขอบตาและเปลือก เพื่อให้ดวงตาดูใหญ่/ลึก ทำนองเดียวกัน(ในระยะไกล)ครับ

-ซึ่งหากชอบแนวทางนี้ ก็ตามเขา ..ถ้าติดคิ้วประตู คือแยกไปแนวอื่น เพราะรถสปอร์ต เขาไม่ตามเราแบบนั้นหรอกครับ....เดิมคือดีอยู่แล้วเป็นเหตุผลที่ไม่ติด..

-ผมบอกว่ารถฟรอนเทียร์ที่ผมขับเอง ซื้อมือสองมาเขาก็มีติดมาด้วย และผมแกะออก คือความเห็นต่อคำถามครับ....

-ตอนนี้..รถคันนี้จึงไม่ได้ติดคิ้วประตู แต่วีออสและยาริสที่เคยใช้ติดทั้งสองคัน(ตอนนั้นไม่ก่อนติดไม่ได้ถาม)...ไม่รู้ว่าเป็นการฝืนคล้อยตามผมเปล่า ดูผลระยะยาวต่อไปครับ

 แก้ไขเมื่อ : 8/9/2559 21:22:07





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 8/9/2559 เวลา : 07:47  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78200

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  5  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,20 เมษายน 2567 (Online 3916 คน)