คำตอบที่ 31
       ขอบคุณครับคุณอา R.400

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
       ขอบคุณครับ R400 กระจ่างล่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       ว่าแต่ คุณ R400 ครั้งนั้น ในเส้นทางแม่น้ำสุริยะ เพลา 6 เส้น กับรถคานแข็งคันไหนบ้างครับ


ถ้าเป็นแบบนี้ แม่น้ำสุริยะนี่คงไกลเกินฝันคอออฟโรดหลายคนจริง ๆ ถึงคานแข็งก็ลำบากเกินกว่าจะเข้าไปถึง เป็นเมืองปิดเขตหวงห้ามแบบในภาพยนต์ เข้าไปยาก กว่าจะได้กลับออกมาก็ยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       แม่น้ำสุริยะ เด็กๆๆๆครับ หน้าแล้ง รถเดิมๆๆ ขับ 4 ไปได้ครับ

เพลาขาด 6 เส้น เป็นของรถปีกนก ทางเข้า ปิเตง.........ครับ



 แก้ไขเมื่อ : 5/11/2556 19:18:37

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       พอดีเพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านกระทู้นี้ซึ่งอาจจะนานมากแล้วเลยขอตอบข้อข้องใจให้นะครับ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเส้นทางในกระทู้แต่พออ่านไปถึงหน้า 2 ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเส้นทางปิเต็งซึ่งน่าจะเป็นรถยนต์ของผมที่เป็นรถปีกนกคันเดียว จึงขออธิบายให้ทราบดังนี้ครับ
ตามที่ R.400 โพสต์
เรื่องจริง เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 50

รถออฟโรดคานแข็ง 4 คัน ปีกนก .1 คัน ไปในสุดยอดเส้นทางออฟโรด

ผมซ่อมรถอยู่ข้างใน สวนทางเข้ามา .กลุ่มนี้ .. ผมถ่ายภาพรถปีกนก แล้วมาโพสในเนทว่า

รถปีกนก มาเส้นทางนี้ ..ชาวปีกนกแบนด์นั้น..ฮือฮากันน่าดู ยกกันใหญ่ว่า ปีกนก ก็ถึง ..ลำห้วยที่ทุกคนอยากไป

เข้าใจผิดกันใหญ่ เจ้าของรถก็ไม่ได้ชี้แจง ปล่อยให้เข้าใจผิดๆๆ

ขอชี้แจงว่าผมไม่ทราบว่า R.400 นำรูปไปโพสต์ในกระทู้ไหนนะครับจึงไม่ตามไปชี้แจง ซึ่งหลังจากกลับมาถึงบ้านคนที่รู้จักก็โทรมาถามว่าเข้าถึงไหน ไปได้แค่ไหนก็บอกไปตามนั้นซึ่งในกระทู้(ตอนนี้ไม่รู้ใครลบไปแล้ว)มีแต่เรื่องเส้นทางเพื่อให้ท่านที่เข้าไปภายหลังได้ศึกษากันกับเรื่องเฮฮาตามประสาคนคอเดียวกัน ไม่ได้มีการโอ้อวดอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้าใครถามอะไรในกระทู้ที่ผมโพสผมก็ตอบไปตามความจริง ไม่เคยบอกในกระทู้เลยว่ารถผมลงไปถึงปลายทางนะครับ

ส่วนอีกหัวข้อนึง เรื่องจริง ก็ไม่ทราบว่าจำกันสับสนหรือเปล่า รถผมก่อนขึ้นเขาหัวโล้นล้อหลังซ้ายมันลอยแต่ผมปั่นแรงไปหน่อยเพลาเลยขาดก็วินส์ขึ้นไปเปลี่ยนเพลาหลังกันบนเขา หลังจากนั้นก็เพลาหน้ากับเพลาหลังก็ขาดไปเรื่อยจนถึงร่อง V2 ก่อนจะขึ้นเนินหินพวงมาลัยรถก็ตีนิ้วโป้งซ้ายอย่างแรงจนผมไม่สามารถขับรถต่อไปได้ จึงบอกกับผู้นำทริปและท่านอื่นที่เข้าไปด้วยกันว่าผมขอหยุดแค่ตรงนี้เพลาที่เหลือเอาไว้สู้ขากลับ ทุกคนก็ว่าตามนั้น ผมกับเพื่อนก็เลยเกาะรถที่ไปด้วยเข้าไปถึงด้านในสุดทางก็มืดแล้ว ภาพที่ถ่ายตอนเช้าและนำมาลงให้รู้ว่าสภาพของสถานที่เปลี่ยนไปเพราะเพื่อนผมเคยเข้ามาแล้วนำรูปมาให้ดูและผมก็ถ่ายภาพรถทุกคันที่เข้าถึงซึ่งก็ไม่มีรถผมนะครับ แต่กลายเป็นว่ามีคนเข้าใจผิด ผมก็เลยกลายเป็นจำเลยสำหรับใครบางคนไปเลย ไม่ได้เครียดนะครับผมเที่ยวออฟโรดเน้นไปทางมีเพื่อนเยอะๆออกแนวเฮฮาเสียส่วนใหญ่
ช่วงตอนขากลับต้องให้เพื่อนที่เมืองกาญจฯขับออกเพราะนิ้วมือยังปวดไม่หาย โดยสรุปคือรถผมเสียเพลาขับล้อหน้า 6 เส้น เพลาขับล้อหลัง 3 เส้น เหลือหลังซ้าย 1 เส้นขับกลับบ้าน ที่เสียหายมากเข้าใจว่ารถได้บรรทุกของไปเยอะมากทั้งยางอะไหล่ เครื่อมือ เพลาสำรอง อาหาร น้ำดิ่ม เต็มจนล้นกระบะเลยเพราะว่าเป็นรถปีกนกคันเดียวอะไหล่ก็ไม่เหมือนคันอื่น ที่รอดออกมาได้เพราะได้รถอ๊อด เทอราโน่ ลากขึ้นเขาหัวโล้นจนเพลาขาดพร้อมกันสองเส้น และเอ๋ บ่อทอง ลากขึ้นเนินชันก่อน V1
ที่เข้ามาชี้แจงตรงนี้เพื่อจะได้เข้าใจให้ถูกต้องนะครับ ซึ่งช่วงหลัง 4-5 ปีมานี่ผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านในกระทู้เท่าไรเพียงแต่เห็นว่ามีรถปาเจโร่ สปอร์ต เข้าแม่น้ำสุริยะได้จึงเข้ามาอ่านดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย