WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส 2.7 vvti หรือรถยี่ห้ออื่นภาค 2 เนื่องจากกระทู้เดิมเต็มรับภาระโหลดมาก
Auto.
จาก Auto
IP:171.96.53.209

อาทิตย์ที่ , 10/3/2556
เวลา : 20:49

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส 2.7 vvti หรือรถยี่ห้ออื่นภาค 2 เนื่องจากกระทู้เดิมเต็มรับภาระโหลดมาก หลายคนเปิดไม่ได้ หรือเปิดช้ามาก เพราะโหลดของกระทู้มาก บางทีคนอื่นดูรูปไม่เห็นสำหรับคอมพิวเตอร์บางท่านที่ เนตเต่า ช้าเหลือเกิน


ตอนนี้เลยต้องตั้งกระทู้ใหม่เพื่อลดภาระกระทู้เดิมลง อย่างไรก็ดีการเริ่มอ่านกระทู้นี้ควรอ่านกระทู้เดิมให้หมดลงเสียก่อน แล้วค่อยมาอ่านกระทู้นี้่ต่อไป กระทู้เดิมได้รวบรวมความรู้ไว้มากแล้ว และควรอ่านกระทู้อื่น ๆ ไปด้วย เพราะความรู้มีอยู่ทุกกระทู้ในเวป TOYOTA 2.7 แห่งนี้
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=1960



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

คำตอบที่ 61
       พฤติกรรมการใช้หรือเปล่าครับ เห็น อี 20 ถูกเลยอัด แล้วเบรค พออี 10 ไปเรื่อยๆ
ผมลอง เอา วีออสตัว 2012 มาวิ่งต่างจังหวัด ไป กลับ ราว หกร้อยกว่าโล วิ่ง 80-100 แล้วใช้ในหมู่บ้านราวๆ สามสิบสี่สิบโล
กลับถึง กทม วิ่งระแวงบ้านอีกวันสองวัน ไปเติม น้ำมันก่อนขึ้นราคา ตกแล้ว 19 กมต่อ ลิตร
ลูก ถามเลย พ่อวิ่งไง นี่ หนู ใช้ ไปต่าง จังหวัด ตก 15โล ลิตร



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

panu10 จาก ยย 210.246.186.241 พฤหัสบดี, 11/7/2556 เวลา : 07:51  IP : 210.246.186.241   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34840

คำตอบที่ 62
       รถผมพูดคำเดิม ๆ สำหรับรถมือ 2 บ้านเรามันมีราคาไม่เหมือนเมืองนอกในต่างประเทศที่เวลาขายเป็นมือ 2 เหมือนโยนทิ้ง มูลค่าแทบไม่มีเหลือ
คนที่ทำงานข้างผม แม่เขาจะกลับเมืองไทยหลังจากใช้ชีวิตอยู่อเมริกามา 20 ปี เขาซื้อรถไว้คันนึง คือรถแบบบ้านเรานี่แหละ นั่นก็คือ Jeep cherokee 4.0L ราคาขายต่อมือ 2 ของรถคันนี้ที่อเมริกา เขาขายก่อนกลับมาใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เมืองไทยคือ 1500 เหรียญ หรือตกประมาณ 45,000 บาทไทยเท่านั้นเอง หรือแทบไม่มีราคาเลยสำหรับบ้านเรา แต่ถ้ารถรุ่นนี้ขายบ้านเราในไทยตอนนี้ ราคาก็ประมาณ 2 แสนกว่าบาท


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รถมือ 2 การจะซื้อไม่ว่ารุ่นไหนก็ตาม ถ้าดีที่สุดรถคันนั้นต้องเข้าเช็คระยะตามกำหนดในศูนย์บริการ ไม่ใช่การทำจากอู่ภายนอก เพราะการซ่อมรถจากอู่ภายนอกมักมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงตามมาค่อนข้างมาก รถที่มีประวัติซ่อมศูนย์ทุกระยะราคาขายต่อมือ 2 ควรจะได้ราคามากกว่ารถที่ไม่เข้าศูนย์แล้วเพราะรถไม่เข้าศูนย์แล้ว ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายในการซ่อมอีกหลายหมื่นบาทในการเก็บงานแอบแฝง
ต่อให้อู่ภายนอกที่ซ่อมมาเลิศเลอแค่ไหนก็ตาม รถที่ไม่เข้าศูนย์แล้ว ที่ผ่านมา ในชีวิตผม 100% ที่เห็นกันมาทุกคันต้องมีเก็บงาน เพราะเจ้าของรถไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไรกับรถตามระยะ มันจึงก่อให้เกิดงานแอบแฝงอยู่ในนั้น ที่ยังไม่ได้ทำ
ถ้าดูรถไม่เป็น TEST CAR ช่วยท่านได้ จะประหยัดเงินไปได้หลายแสนในการซื้อรถใหม่



------------------------------------------------------------------------------------------

รถบ้านเรายังมีราคา แม้จะเป็นมือ 2 แต่ถ้าในต่างประเทศคือไม่มีราคา ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้วแทบจะขายเหมือนโยนทิ้ง ไม่ว่ารถคันนั้นจะซื้อมากี่บาทแพงแค่ไหนก็ตาม เวลาขายแทบหมดราคารถ คนไทยบางกลุ่มที่อยากเห็นราคารถในเมืองไทยถูก ราคาไม่แพง ตอนป้ายแดง ถ้าเจอสภาพขายต่อมือ 2 รถไม่มีราคาแบบในเมืองนอก จะหมดแรง เพราะคนจำนวนมากในบ้านเรายังต้องหวังเพิ่งราคารถมือ 2 ในการขายต่อเพื่อรอซื้อคันต่อไป ถ้ารถซื้อมา 1 ล้านขายต่อเหลือ 5 หมื่นคงสลบกันเป็นแถว สำหรับคนชอบเปลี่ยนรถกันบ่อย ๆ 4-5 ปี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 16/7/2556 เวลา : 09:17  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34876

คำตอบที่ 63
       พี่ auto ครับตอนนี้ผมกลุ้มใจมากเลย ขอปรึกษาพี่ครับ ผมใช้วีโก้ 2.7 G ครับ คือ เมื่ออาทิตย์ก่อนผมประสบอุบัติเหตุ ตามภาพครับ รถหงายท้องครับ ดีที่ผมรัดเข็มขลัดห้อยหัวคาเข็มขลัดเลย ตอนนั้นเครื่องยังติดอยู่ประมาณ 30 วินาที ตั้งสติได้ผมก็รีบดับเครื่องเลยครับ แล้วก้อรีบออกมาจากรถ แล้วก้อโทรเรียกรถเพื่อจะพลิกรถ รออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ใช้เวลาพลิกประมาณ 30 นาทีครับ พอพลิกเสร็จผมก็เปิดฝากระโปรงเช็คดูว่ามันยังสามารถติดเครื่องได้ไหม หลังจากเช็คก็ ไม่มีอะไรผิดปรกติ เพราะด้านหน้าไม่เป็นไรเลยเป็นแค่หลังคายุบ ทำการสตาทตอนแรกสตาทแล้วเหมือนไดสตาทไม่มีแรง (ลืมบอกไปว่าตอนที่รถหงายท้องผมลืมดับไฟหน้ากับไฟตัดหมอก) ผมเลยคิดว่าแบตอาจจะอ่อน เลยได้ทำการพ่วงแบตจากรถอีกคัน ลองสตาทใหม่ พอเริ่มสตาท มีเสียงดัง อี๊ด ผมเลยหยุด ลองสตาทใหม่ ดังอี๊ด คิดในใจอับดับแรกเลยตอนนั้น สูบติดหรือเปล่า เลยลองสตาทอีกที คราวนี้ลากยาวหน่อย ติดครับแต่ควันขาวเต็มเลย คิดตอนนั้นแหวนหักแน่ๆ เลยลองดับเครื่องมาเปิดฝากรองอากาศดู น้ำมันเครื่องมาจากไหนเต็มเลย เลยคิดน่าจะไหลออกมาจากท่อหายใจนี่หล่ะ ตอนที่รถหงายท้อง คงเข้าไป บริเวณลิ้นปีกผีเสื้อ เยอะแน่ เพราะหงายท้องนานเหมือนกันครับ เลยมาคิดได้ที่ควันขาว น่าจะเกิดจากน้ำมันเครื่องมันเข้าไปตรงไอดีไปเผาไหม้ด้วย เลยทำให้เกิดควันขาวผมเข้าใจถูกหรือเปล่า แล้วผมก็ขับกลับมาที่ภูกระดึงเพื่อจะเข้าอู่เคาะทำสี ระหว่างขับมา รถก็มีอาการเร่งไม่ค่อยขึ้นสะดุดๆ เบาดับๆ ตลอด กลัวสูบจะติดเพราะน้ำมันเครื่องไม่รู้ไหลออกไปมากเท่าไร เลยซื้อมาเติมด้วย จะมีส่วนไหมครับที่แอร์โฟล โดนน้ำมันเครื่องแล้วทำให้รถเพี้ยนๆ(เพราะตอนที่ถอดแอร์โฟลออกมาดูน้ำมันเครื่องเยิ้มไปหมดเลย) ระหว่างขับมาก็มีเสียงเครื่องดังเป็นบางครั้งด้วย เลยค่อยๆคลานมา ควันขาวก็ยังไม่หมด แต่น้อยกว่าเดิม เลยคิดไม่ตกว่าแหวนจะหักหรือเปล่าครับ รบกวนช่วยวิเคราะห์หาคำตอบให้ผมหายข้องใจด้วยครับ แล้วเซนเซอร์ O2 ตรงไอเสียมันจะโดนน้ำมันเครื่องเกาะแล้วโดนความร้อนทำให้เกิดพวกคราบอะไรทำให้ค่าที่อ่านได้ผิดเพี้ยนหรือเปล่าครับ (เพราะคิดว่าถ้ารถเคาะทำสีเสร็จเมื่อไร จะขับกลับมาที่บ้าน(นครปฐม)ทำความสะอาดท่อไอดีทั้งระบบ และระบบไอเสียตั้งแต่เฮดเดอร์เลยครับ จะดูอีกทีว่าควันจะหายมั้ย)





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

arm-c จาก 2.7 vvti 171.4.238.130 ศุกร์, 19/7/2556 เวลา : 14:40  IP : 171.4.238.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34901

คำตอบที่ 64
       โชคดีครับที่ไม่เป็นอะไรมาก ชีวิตปลอดภัยก็บุญแล้ว ขับรถต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งสำคัญมาก
ต่อไปขอให้มีโชคดีนะครับเพราะเคราะห์ร้ายผ่านไปแล้ว



-------------------------------------------------------------------------------------------------------


เข้าเรื่องต่อ
ความเข้าใจของคุณถูกแล้วครับ ตอนที่เครื่องคว่ำลง จะมีพวกน้ำมันเครื่องไหลออกมาจากท่อแวคคั่มต่าง ๆ เรื่องควันขาวคือน้ำมันเครื่องมันเข้าไปผสมที่กรองอากาศดูดผ่านท่อไอดีไปเข้าไปที่ลูกสูบมันจึงมีการเผาไหม้น้ำมันเครื่องไปด้วย ควันจึงขาว

ที่ที่ผมทำงานอยู่นี้เหตุการณ์นี้เคยมีเกิดขึ้น คือถ้าเครื่องยนต์มีการพลิกเปลี่ยนองศาไปมาก ๆ น้ำมันเครื่องมันจะไหลออกทางรูระบายที่มีทั้งหมด ต้องติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้สักพักใหญ่ ๆ ควันขาวก็หายไปครับ แต่ว่ามันเป็นเครื่องยนต์ใหม่ออกมาจากไลน์การผลิต พวกเซนเซอร์ไม่มีครับเพราะเป็น Jig dummy เลยไม่ต้องกังวล เพราะแผนกผมผลิตออกมาแต่ครื่องยนต์แล้วส่งไปประกอบอีกต่อนึง



กรณีนี้ผมว่าต้องทำความสะอาดท่อไอดี ลิ้นปีกผีเสื้อ แอร์โฟวล์ ตามที่ท่านเข้าใจครับ
ส่วนแหวนลูกสูบภายในเครื่องยนต์ไม่ต้องกังวลไม่มีการเสียหายแน่นอน เพราะไม่เกี่ยวกันครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.120.203.98 เสาร์, 20/7/2556 เวลา : 00:58  IP : 124.120.203.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34903

คำตอบที่ 65
       ขอบคุณมากเลยครับสำหรับคำตอบ ที่ชัดเจน หายข้องใจ สบายใจไปอีกระดับหนึ่ง ตอนนี้ก็ต้องรอรถซ่อมให้เสร็จก่อน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

arm-c จาก arm 2.7vvti 49.48.205.74 จันทร์, 22/7/2556 เวลา : 13:25  IP : 49.48.205.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34909

คำตอบที่ 66
       MAZDA 3 ใหม่เปิดราคาเริ่มต้นที่สหรัฐ 5 แสนบาท
ตัวถังใหม่ของ 3 ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์ชื่อนี้ซึ่งเป็นตัวแทนของ 323 หรือ แฟมิเลียในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งในสหรัฐอเมริกาที่ถือเป็นตลาดหลักของคอมแพ็กต์คาร์ รุ่นนี้ จะได้สัมผัสทั้งตัวถังซีดาน และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่มีทางเลือกของเครื่องยนต์ 2 แบบ คือ 2,000 ซีซี 155 แรงม้า และ 2,500 ซีซี 184 แรงม้า ซึ่งเป็นแบบ 4 สูบทั้ง 2 บล็อก จับคู่กับเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ
รุ่นใหม่นี้นอกจากจะมีเทคโนโลยี i-Stop ที่สามารถดับเครื่องยนต์ได้เองเมี่อจอดติดอยู่กับที่เพื่อประหยัดน้ำมันแล้ว ยังมีการติดตั้งระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่หรือที่เรียกว่า i-ELOOP ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้ตัวรถมีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยตัวเลขในระดับ 11.7 กิโลเมตร/ลิตร หรือประมาณ 29 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมืองของเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี

ทางเลือกของเครื่องยนต์ที่จะขายในตลาดโลกในรุ่น 1,500 ซีซีขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีขายในยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งตลาดแห่งหลังจะมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นอีกทางเลือก ส่วนเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีจะเป็นเครื่องยนต์หลักในตลาดทุกกลุ่ม ซึ่งมีความแตกต่างออกไปในแง่ของเกียร์ที่จะจับคู่ โดยที่รุ่น 2,500 ซีซีมีขายเฉพาะในอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย ส่วนเครื่องยนต์ 2,200 ซีซีดีเซลจะมีขายในยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนไฮบริดที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวในปีหน้า จะมีขายเฉพาะในญี่ปุ่น
ในแง่ของมิติตัวถัง มีความยาว 4.46 เมตรในรุ่น 5 ประตู และ 4.579 เมตรในรุ่นซีดาน ส่วนความกว้าง 1.795 เมตร และสูง 1.455 เมตรเท่ากัน เช่นเดียวกับระยะฐานล้อซึ่งอยู่ที่ 2.7 เมตร พร้อมรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากแนวคิด KODO ที่อุ่นเครื่องระลอกแรกไปกับ CX-5 และ 6/อาเทนซ่าใหม่
[size=15.5pt]สำหรับราคาขายของ 3 ใหม่ในตลาดสหรัฐอเมริกาจะอยู่ระหว่าง 16,945-26,495 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 508,000-808,000 บาท สำหรับบ้านเราคงต้องรออีกสักระยะกว่าที่จะมีการเริ่มทำตลาด[/size]
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093201

-----------------------------------------------------------------------------------------------


ถ้าดูจากข้อมูลด้านบน น่าจะพอเห็นอะไรบางอย่างแล้วใช่ไหม

- ตลาดรถเก๋งดีเซล จะอยู่ในยุโรปเท่านั้น แทบไม่มีโอกาสนำมาขายในประเทศอื่นเลย
- ตลาดรถเก๋งที่เป็นรุ่น 4wd กับไฮบริด นั้นมักจะอยู่ในญี่ปุ่นมากกว่า
- ตลาดในไทย รถจะมีราคาแพงและอ๊อพชั่นน้อยกว่าที่อื่น เพราะตลาดบ้านเรา ลูกค้าไม่ค่อยสนใจอ็อพชั่นแต่สนใจรูปทรงของรถมากกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 8/8/2556 เวลา : 09:04  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35037

คำตอบที่ 67
       ข้อมูลการใช้งานอัตราสิ้นเปลืองของรถ Ford New ranger 2.2 MT 2wd ดีเซล VS Fortuner 2.7 4wd เบนซิน


พอดีสอบถามการใช้งานรถ Ford new ranger จากเพื่อนต่างแผนกเขาซื้อรถมาใช้งานเพิ่มเติมในรุ่น wildtrack 2.2 เกียร์ธรรมดา 2wd สีส้มแบบในรูป ตอนเขาซื้อนั้นใช้เวลาจองรถ 3-4 เดือนก็ได้รถรุ่นนี้ออกมาขับแล้ว แต่ถ้าจอง Ford ในรุ่นเกียร์ออโตเมติก หรือรุ่น 4x4 หรือรุ่น 3.2 ต้องจองกันข้ามปีหรือไม่มีกำหนดการรับรถ
ตอนแรกที่เขาดูนั้น ได้ลองขับรถ Hilux Vigo ยกสูงแบบ พรีรันเนอร์ 2wd ฟิลลิ่งรับกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะจากเดิมที่เคยใช้ Fortuner 2.7 4wd fulltime แล้วมาลองขับรถยกสูงแบบขับเคลื่อน 2 ล้อของโตโยต้าแบบนี้แล้ว ทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะการทรงตัวนั้นออกไปทางแย่มากทีเดียว รถไม่สมดุลย์
Ford New ranger 2.2 MT 2wd ดีเซล ที่เอามาขับนั้นการทรงตัวและฟิลลิ่งการขับขี่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการขับ Hilux Vigo prerunner ค่อนข้างมากขับแล้วดูมั่นใจกว่ากันเยอะ แม้จะเป็น 2wd ยกสูงเหมือนกัน Ford new ranger รุ่นนี้มีอ๊อพชั่นเพิ่มเติมมากกว่าในรุ่นปกติ XLT คือใส่เฟืองท้าย Limited slip มาให้ด้วย ในรุ่นขับ 2 ล้อและมี Cruise control อัตราสิ้นเปลืองที่วัดได้สำหรับการใช้งานจริงวิ่งทางไกลเหมือนกัน ไปอุดรธานี 12 km/l หรือตกประมาณกิโลเมตรล่ะ 2.5 บาท สำหรับการวิ่งที่ความเร็ว 100-110 km/h
ถ้าเป็น Fortuner 2.7 4wd fulltime อีกคันนึงที่เขาใช้อยู่ ใช้แก๊ส lpg ชุดแก๊ส BRC วิ่งไปอุดรธานีด้วยความเร็ว 100-110 km/h เช่นกัน จะมีอัตราสิ้นเปลืองตกประมาณ ไม่เกิน 2 บาท ต่อกิโลเมตร

ถ้าเป็นการขับในเมือง Ford จะกินอยู่ประมาณ 9-10 km/l สำหรับเกียร์ธรรมดา และ 7-9 km/l สำหรับเกียร์ออโต ตกประมาณ 3.3-4.2 บาท
ในขณะที่ Fortuner 2.7 4wd ขับในเมืองจะตกประมาณ 5.1-6.2 km/l หรือประมาณ 2.2-2.5 บาทต่อกิโลเมตร
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ถือเป็นข้อมูลการใช้งานแล้วกันครับ เผื่อใครเปลี่ยนใจไปหารถปิคอัพดีเซล เพราะคาดหวังว่าจะประหยัดกว่าโดยไม่อยากได้รถติดแก๊ส 2.7 หรือขายรถ 2.7 ออกไปก่อนหน้านี้ ส่วนการเปลี่ยนไปเล่นรถอย่าง TOYOTA Hilux จะได้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่านี้อีกนิดหน่อย คือ 13-14 km/l แต่ต้องไม่ลืมว่าถ้าขับในเมือง 9-10 km/l แต่ถ้า 3.0 เกียร์ออโต ขับในเมืองแบบที่ผมขับได้เพียง 7-8 km/l เท่านั้น เวลาบอกว่ารถประหยัด 13-14 km/l อย่าเพิ่งดีใจไปเพราะไม่มีใครขับทางไกลทางยาวไปตลอดจนได้อัตราสิ้นเปลือง 14-15 km/l ไปตลอดเวลาที่ใช้รถ เพราะการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันไม่ได้เป็นแบบนั้น อัตราสิ้นเปลืองในรถแต่ละคันมันจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

ส่วนตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง Ecocar nissan almera 1.2 AT นอกเมืองได้ประมาณ 20 km/l หรือประมาณ 2 บาท ต่อกม. แต่ถ้าวิ่งในเมือง 7-8 km/l หรือ 4-5 บาท ต่อกม. ถ้าไม่ติดนักอยุ่ที่ 12 km/l หรือ 3 บาท ต่อกม.
ถ้าไม่ตกตัวเลขกันก็คงพอเข้าใจอะไรบางอย่าง ถ้าไม่ตกใจอะไรกันเกินไป ก็ใช้งานรถอย่างมีความสุขครับ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 8/8/2556 เวลา : 09:57  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35038

คำตอบที่ 68
       เห็นตา TOP ณ เชียงใหม่ post รูปที่กระทู้ของ จอมซน ก็เลยถือโอกาสเอามาฝากให้ดู

รถเขามีหลายคัน ไม่ได้ใช้แสตนอิน ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ใช้งานจริงอยู่ที่เชียงใหม่ แต่ขับเองในพื้นที่ต่าง ๆ บางพื้นที่ก็ต้องใช้ winch บางพื้นที่ก็ต้องใช้โซ่พันล้อเข้าไป
ผมเคยเห็นมาหลายกระทู้แล้ว สำหรับคนในเมืองใช้ชีวิตแต่ในเมือง เกี่ยวกับการโพสต์ที่ว่า ถนนหนทางสมัยนี้ในไทยไม่ต้องใช้รถ 4wd อะไรหรอก เอามาให้สิ้นเปลืองเปล่า ๆ ไปเที่ยวเหนือล่องใต้ ใช้รถ 2wd ก็เพียงพอ คำตอบมันอาจจะจริง ถ้าใช้รถอยู่แค่นั้น ผมเห็นว่าซื้อรถเก๋งก็ได้ หรูหรานั่งสบายกว่าซื้อปิคอัพเยอะ ทำไมไม่ซื้อรถเก๋งกันล่ะครับ ไปเที่ยวเหนือถ้าไปแค่ดอยอินทนน ดอยสุเทพ เทศกาลพรรณไม้ไม่จำเป็นต้องใช้ปิคอัพหรอก ขับปิคอัพลำบากเปล่า ๆ นั่งไม่สบายแข็งก็แข็ง ไม่เกาะถนนอีกต่างหาก ต่อให้เป็นรุ่น 4wd ก็ตาม รถเก๋งอย่างคัมรี่ดีกว่ามากมาย แต่ถ้าเป็นคนพื้นที่จริง ๆ จะรู้ว่าเมืองไทยนี่สวรรค์จริง ๆ มีที่ท่องเที่ยวมากมายให้เราเปิดประสบการณ์ชีวิตออกไปกว้าง ๆ ถ้าไม่อยากตีกรอบลิขิตชีวิตตัวเอง เราจะเห็นโลกกกว้างขึ้นในขณะที่เรายังมีเวลา โอกาสและเรี่ยวแรงกำลังวังชาพอที่จะไปให้ถึงมันได้ ถ้าไม่อยากตีกรอบอยู่กับชีวิตเดิม ๆ แค่นั้น บางคนบอกซื้อ Fortuner มาเป็นล้าน ไม่กล้าเอารถไปไหน กลัวรถพัง ถ้ารถมันพังจริงคนพื้นที่อย่างตา Top ณ เชียงใหม่ คงไม่ขับรถในพื้นที่อยู่ทุกวันนี้หรอก เป็นที่น่าอิจฉามาก ๆ

เสียดายที่ผมไม่มีทั้งเวลาและโอกาส จะขอติดตามเข้าไปบ้าง

เครดิตภาพทั้งหมด Top ณ เชียงใหม่
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/question.asp?page=5&id=28481





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 8/8/2556 เวลา : 10:42  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35039

คำตอบที่ 69
      

เห็นว่ากระทู้นี้ดีมีประโยชน์ จากคนที่เคยแต่งรถยกสูง 4 นิ้วมาก่อน คห. ของหลายท่านเคยแต่งมาแล้วแนะนำไว้อย่างมีเหตุผลให้คนไตร่ตรองดู มีประโยชน์ไม่ต้องเสียเงินเกินจำเป็น การเล่นปิคอัพ 4wd แน่นอนว่ายังไงก็ต้องมีคนใช้งานในวันนี้และวันหน้า แน่นอนว่ามีหลายท่านไม่ได้แต่งเพื่อเอาไปเข้าป่าอย่าง คลิตี้ ลำคลองงู ที่เอารถอะไรเข้าไปอะไรก็พัง
แต่เอาแค่พอใช้งานพอสวย พอเที่ยวอย่างมีความสุขเท่านั้นก็พอ ไม่ใช่แนวออฟโรดแบบ คาน + ยาง 37
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/Question.asp?ID=27734



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 8/8/2556 เวลา : 10:51  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35040

คำตอบที่ 70
       ผมเอารถเข้าไปทำการเปลี่ยนท่อ Pipe no. 1 by pass ท่อน้ำข้างเครื่องมาแล้วนะครับ
เนื่องจากว่าเริ่มพบอาการน้ำลดลงบ้างแล้ว ระยะทางการใช้งานของรถ ตามบิลด้านบนคือยังไม่เกิน 150,000 km ความตั้งใจตอนแรกจะเปลี่ยนตอน 1.6 แสนกม. พร้อมน้ำหล่อเย็นแต่ทว่ามันจับสังเกตุอาการได้ก่อนว่าน้ำหล่อเย็นมีพร่องบ้างเล็กน้อย จำเป็นต้องรีบเปลี่ยน

ช่างศูนย์หาจุดรั่วไม่เจอ ตามที่คาด แต่ว่าในวันที่ 9 ผมนัดหมายเข้ารับบริการมาแล้วและแจ้งขอเปลี่ยนท่อน้ำข้างเครื่อง พร้อมบอกหมายเลขอะไหล่ไว้เรียบร้อย ไม่ว่าช่างจะตรวจพบหรือไม่ก็ขอให้เปลี่ยนตัวนี้ออกมาก่อน ยืนยันว่าลูกค้าต้องการเปลี่ยน
ผมเข้าไปตอนสายตามที่นัดหมายกันปรากฎว่า พนักงานบอกว่าเปลี่ยนท่อน้ำเป็นงานใหญ่ มาวันนี้ซ่อมไม่เสร็จ ผมบอกนัดหมายมาแล้ว ถ้าอย่างงั้นช่วยนัดใหม่เป็นวันเสาร์พรุ่งนี้ได้ไหมเพราะเราไม่มีเวลามาซ่อมรถกันบ่อย ๆ เขาก็ตอบตกลงนัดหมายอีกครั้งเป็นวันเสาร์ที่ 10 / 8/2013
ใช้เวลาทำ ครึ่งวันบ่าย มาแต่เช้าครับ เสร็จ 6 โมงเย็น พนักงานบอกเปลี่ยนยากมากเลยพี่
จริง ๆ แล้ว ผมเพิ่งเห็นช่างเพิ่งจะลงมือทำตอนบ่ายโมงกว่า เพราะงานคิวอื่นเยอะ มาก 555555555555 เห็นมันยัง สตอเบอรี่กันได้ แต่ไม่เป็นไร พนักงานรับรถที่ศูนย์ TBS คุ้นเคยหน้าตากันหลายคน เลยไม่พูดอะไรต่อ





หลังจากได้ part ของเดิมคืนกลับมาตรวจสภาพแล้ว ปรากฎว่าท่อ pipe 1 ด้านหลังเครื่องยนต์มีการแตกร้าวจากด้านในจริง และ มีรอยแตกถึง 3 รอย ซึ่งเป็นไปได้ว่ารอยร้าวขนาดนี้น้ำจะระเหยออก แต่ไม่ไหลออกเพราะยังรั่วไม่พอ ทำให้ไม่เห็นคราบการรั่วซึม ช่างศูนย์จึงหาสาเหตุการรั่วไม่เจอ ถ้าเคสนี้ยังมีการฝืนใช้ต่อไปโดยที่เจ้าของรถไม่ออกมาดูน้ำกันบ่อย ๆ กันทุก ๆ 2-3 วัน รับรองเครื่องฮีทเพราะน้ำแห้งแน่นอน จุดนี้สำคัญจริง ๆ เพราะช่างหลายคนก็มองไม่ออกว่ามันเสียหายยังไงเนื่องจากช่างตามอู่หรือตามศูนย์ได้แค่ซ่อมงาน แต่ไม่ใช่ QC QA วิเคราะห์เรื่องชิ้นส่วนเลยไม่เข้าใจว่า อะไหล่ตัวไหนใช้ได้หรือไมได้ ทำไมต้องเปลี่ยน



--------------------------------------------------------------------------------------------------------

ราคาค่าซ่อมงานในศูนย์บริการ โตโยต้า ทั้งหมดตามบิลคืออะไหล่ 1660 ประเก็น 98 บาท ค่าแรง 336 บาท
การเข้าศูนย์บริการโตโยต้าเป็นทางเลือกที่ประหยัด สะดวก คุ้มค่า กว่าเข้าอู่นอก ในช่วงเวลานี้ เพราะอู่ซ่อมรถเดี๋ยวนี้หายากขึ้น ราคาแพงขึ้นมามาก ถ้าเรารู้จักซ่อม หรืองานซ่อมบางรายการของศูนย์ การเลือกใช้บริการกับทางศูนย์บริการน่าจะสะดวกและประหยัดกว่าครับ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 14/8/2556 เวลา : 09:35  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35100

คำตอบที่ 71
       ผมเชิญชวนทุกท่านเปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยน รถคือเครื่องจักรชนิดนึงต้องการการซ่อมบำรุงตามระยะเวลา
รถยิ่งใช้งานน้อยยิ่งน่ากลัว รถประเภทจอดมากกว่าใช้ยิ่งต้องระวังให้หนัก เพราะการเสื่อมของเครื่องจักรมันสูงมาก
รถถ้ายิ่งใช้งานในเมือง การสึกหรอของรถคันนั้นยิ่งต้องสูงกว่ารถใช้งานนอกเมืองทั่วไปเป็นธรรมดา เพราะรถใช้งานในเมืองช่วงล่างจะรับบทหนักพิเศษ เครื่องยนต์จะสะสมความร้อนไว้หนักพวกชิ้นส่วนมันจะกรอบสึกกร่อนมากกว่าปกติ
รถคันอื่น ๆ ที่วิ่งกันวันล่ะ 100 กิโลขึ้นไป บางคนวิ่งกันมา 2 แสนกว่าโลอะไหล่ไม่เคยเปลี่ยนซักอย่าง ทนทานดีจริง ๆ
แต่วิ่งในเมือง จอดมากกว่าใช้ กลุ้มแน่นอน

+------------------------------------------------------------++++++++++++++++++++++++++++++++

รายการที่จ่ายไปวันนั้นในศูนย์ทั้งหมดก็ 2052 บาท พวกน้ำหล่อเย็นหิ้วเอาไปเองครับ ส่วนพวกปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ สายพานหน้าเครื่องผมรอว่าง ๆ อีกซักช่วงนึงก็จะเข้าไปเปลี่ยนตามมาครับ เพราะช่วงนี้เร่งด่วนรอไม่ได้ ไม่มีเวลาและต้องใช้งานรถ เท่ากับว่าต้องเสียน้ำหล่อเย็น 2 รอบ

*********************************************************************

ค่าใช้จ่ายในศูนย์บริการโตโยต้าไม่ได้แพงจนเกินไป หลายท่านไม่มีอู่ที่ไว้ใจได้ หาราคาย่อมเยาว์ไมได้ ไม่มีคนรู้จักก็สามารถเลือกทำที่ศูนย์บริการได้ จะสะดวก ประหยัดและคุ้มค่ากว่าไปทำอู่ข้างนอกครับ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 14/8/2556 เวลา : 09:44  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35101

คำตอบที่ 72
       สังเกตุได้ว่าท่อน้ำบายพาสของผมไปแล้ว ต้องสังเกตุจึงเห็น ว่ามีรอยร้าวภายในทำให้น้ำซึมระเหยออกมา
ผมไม่มีเวลาจะถ่ายรูปให้ดู ต้องขออภัย......จริง ๆ

ผมเดาว่าอะไหล่ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ ก็คงเริ่มใกล้ได้เวลาเปลี่ยนเช่นกัน พวกนี้อย่าประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมเข้าไปอ่านรีวิวของคนใช้รถ MAZDA เก๋งแบบสปอร์ต พวกปั๊มน้ำ ท่อน้ำ วาล์วน้ำเขาก็เปลี่ยนเหมือนเรา บางคนวิ่งมาแค่ 5-6 หมื่นโลก็จับเปลี่ยนกันหมดแล้ว เพราะรถเขาใช้งานน้อยมาก เอามาวิ่งโชว์กันมากกว่า เพราะรถเขาไม่ได้ใช้งานวิ่งขั้นต่ำกันวันล่ะ 50 กิโล ซื้อมาจอดโชว์กัน หรือใช้เฉพาะวันหยุด ทำให้การสึกหรอของอะไหล่มีสูงมาก เนื่องจากรถใช้งานน้อย ปกติจอดเป็นส่วนใหญ่ เขาจึงต้องพยายามเปลี่ยนอะไหล่เท่าที่เปลี่ยนได้ เผื่อต้องเอามาใช้งานจริงจัง จะได้ไม่มีปัยหา

สิ่งที่น่าแปลกอยุ่อย่างนึงคือท่อน้ำข้างเครื่องเขาก็มีเหมือนเรา แต่ MAZDA ไม่มีอะไหล่ขายในสารบบ ต้องใช้ท่อน้ำอื่น ๆ มาตัดสวมเอาแทน อนาจใจกับ MAZDA ไทยจริง ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 14/8/2556 เวลา : 09:52  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35102

คำตอบที่ 73
       การใช้งานรถดีเซล ถ้าจะเอาตัวเลขจริง ๆ บอกกันให้ขนาดนี้แล้ว เพราะบางท่านไปคิดว่ารถประหยัดที่ 13-15 km/l คิดไปเองว่ามีค่าใช้จ่ายโลล่ะ 2 บาท สำหรับการใช้น้ำมันดีเซล

ยกตัวอย่างเทียบกับรถยกสูงใหญ่ ๆ อย่างปิคอัพฟอร์ด มาสด้า หรือ Fortuner ปาเจโร่ สปอร์ต อัตราการกินน้ำมันนอกเมือง 12 km/l ก็หรูแล้ว หรือตกประมาณ โลล่ะ 2.5 บาท ในเมืองก็ 7-8 km/l หรือไม่ก็ 8-9 km/l หรือประมาณ 3.2-4.5 บาท / กม.
คือรถอะไรมันก็กินทั้งนั้นแหละ ดีเซลมันก็ประหยัดของมันแค่นี้ ท่านจะไปเห็นความประหยัด โลล่ะ 2 บาท ตลอดไปได้ยังไง
เพราะรถเราต้องใช้งานไม่ใช่ขับทำสถิติ เราต้องขับขึ้นเขา ขึ้นสะพาน เจอโค้ง เจอรถติด เจอฝนตก เจอรถคันหน้าเบรค บางทีก็วิ่งในเมือง นอกเมือง ทางขรุขระบ้าง ทางเรียบบ้าง คนขับบนถนนต้องเจอสภาวะที่แตกต่างกัน อัตราการกินน้ำมันในรถดีเซลคอมมอนเรลมันจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแต่ล่ะรุ่นแต่ล่ะยี่ห้อ ผมถึงได้เคยบอกไงว่าคุณอย่าไปเปรียบว่ารถ 4wd จะกินน้ำมันมากกว่า 2wd เพราะสมัยนี้มันแทบจะเท่ากันแล้ว เปรียบเทียบกันยาก รถฟอร์ดอาจกินน้ำมันมากกว่าอีกยี่ห้อนึง แต่เมื่อจ่ายเงินค่าน้ำมันจะพบว่ามันไม่ค่อยต่างกันจนเกินไปแบบน่าเกลียด คือไม่มีทางไปพบความแตกต่างกันแบบที่ว่า คุณเลือกรถยี่ห้อ ISUZU แล้วจะไปตั้งตัวร่ำรวยได้จากการประหยัดค่าน้ำมันที่มากกว่าฟอร์ดแต่อย่างใด
หรือบอกตัวเองซื้อ Fortuner 2wd แล้ว จะเอาเงินค่าน้ำมันที่ประหยัดได้จากการ เลือกขับ 2 ล้อ ไปหยอดเงินในกระปุก ไปฝากธนาคารออมสินออมเงินไว้ให้ลูกในวันหน้า เพราะสามารถประหยัดได้ ซึ่งในชีวิตจริงเราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าความประหยัดมันไมได้แตกต่างกันเลย มันเอามาคิดไมได้ หรือไม่มีใครร่ำรวยหรือตั้งตัวได้จากการประหยัดแค่นั้นเพราะมันมองไม่เห็นในรูปธรรม ในชีวิตจริง

การเลือกรถอะไรอย่าไปตั้งเป้า ตั้งธงความประหยัดถึงขนาดนั้น เพราะมันมองความแตกต่างยากมากโดยเฉพาะคอมมอนเรลสมัยนี้ วิธีการขับขี่มันสร้างความแตกต่างได้มากกว่าการเลือก ยี่ห้อหรือรุ่นรถ ถ้าอยากประหยัดก็ขับให้ช้าลงจะประหยัดและปลอดภัย

-----------------------------------------------------------------------------------------------------


รถ Fortuner ก็กินในเวลานี้ รถกินประมาณโลล่ะ 2.5-2.6 บาท / กม. หรือประมาณ 4.9-5.5 km/l
ถ้าคำณวนก็คือ ระยะทาง 19 กม. เดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง รถติดขนาดนี้ กินขนาดนี้ ไม่รู้จะเรียกแบบไหนดี เติมแก๊สทีนึงมากกว่า 500 บาท ทุกครั้ง แต่ถ้าคิดกลับไปผมใช้ดีเซล กินประมาณ 7-8 km/l วิ่งแบบนี้เหมือนกัน ตกประมาณ 3.8 - 4.3 บาท / กม. เติมน้ำมันทีนึง สองพันบาท มันทำให้ผมรู้ว่าใช้ 2.7 ยังไงก็มีความสุขกว่าคนใช้ดีเซลมาก คนที่ขาย 2.7 ไปแล้ว ก็สียดายรถ คนที่ยังไม่ขายก็ลังเล



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 14/8/2556 เวลา : 10:49  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35106

คำตอบที่ 74
       เอารูปให้ดู ท่อ Pipe 1 จากรถผม fortuner ที่ถอดเปลี่ยนออกมา มีรอยแตกเล็ก ๆ เกิดขึ้นทำให้น้ำระเหยออก ช่างและเจ้าของรถไม่สามารถพบเห็นว่ามีคราบการรั่วซึมน่ะครับ หายังไงก็ไม่มีทางเจอแน่นอนเพราะการรั่วเกิดขึ้นเล็กน้อยมาก หลังจากเปลี่ยนตัวนี้แล้ว อาการน้ำหายไปจากหม้อพักก็แก้ได้ถูกจุดไปเลย

พนักงานรับรถของโตโยต้าไม่คิดว่าเป็นตัวนี้ เห็นว่าอะไหล่ยังดีอยู่แต่ลูกค้าแจ้งขอเปลี่ยน
เพราะฉะนั้นอะไหล่รถยนต์ต้องถูกเปลี่ยนตามระยะเวลา แม้สภาพจะยังดีอยู่ก็ตาม แต่ถ้าถึงกำหนดแล้วควรเปลี่ยนดีที่สุด
ระยะทางที่วิ่งของรถผมอยู่ที่ 1.5 แสนโลก็ต้องเปลี่ยนท่อ pipe 1 แล้ว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 110.168.120.74 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 01:48  IP : 110.168.120.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35156

คำตอบที่ 75
       เช่นกันครับ ผมก็เพิ่งเปลี่ยนท่อบายพาส pipe 1 เป็นท่อสเตลเลส กับวาล์ทน้ำ ปั๊มน้ำ ที่ศูนย์โตโยต้าตรงเส้นถนนคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ
ได้ส่วนลดค่าแรงค่าอะไหล่ด้วยครับ พอดีได้ซื้อน้ำยาหม้อน้ำจากคุณ Auto เลยได้หิ้วเอาไปให้ศูนย์ได้ใช้เลย
ท่อเดิมที่เป็นพลาสติกผมก็ว่ามันดูเบาๆเปราะๆบางๆ ถอดออกมาก็แตกบิ่นหักไปด้วย ยางปะเก็นก็เป็นกลมๆนิดเดียว
ตัวท่อรุ่นสเตลเลสประเก็นยางจะกว้างเต็มหน้าสัมผัสของตัวยึดเลย โอกาสน้ำรั่วออกยาก

 แก้ไขเมื่อ : 17/8/2556 11:39:38

 แก้ไขเมื่อ : 17/8/2556 11:47:36



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:38  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35161

คำตอบที่ 76
       ท่อบายพาส pipe 1 ของเดิมที่ถอดออก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:40  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35162

คำตอบที่ 77
       ท่อบายพาส pipe 1 ของเดิมที่ถอดออก สภาพปะเก็นยาง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:42  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35163

คำตอบที่ 78
       ท่อบายพาส pipe 1 ของเดิมที่ถอดออก เปราะแตก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:43  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35164

คำตอบที่ 79
       วาล์ทน้ำที่ถูกเปลี่ยนออกมาพร้อมกับท่อบายพาส pipe 1 บอกอุณหภูมิที่ 82 องศา






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:46  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35165

คำตอบที่ 80
       ปั๊มน้ำเดิมที่ถอดเปลี่ยน สภาพไม่น่าห่วงแต่ไหนๆเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนทีเดียวเลย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 11:58  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35166

คำตอบที่ 81
       ปั๊มน้ำเดิมที่ถอดเปลี่ยน ด้านหน้าครับ ตอนนี้ผมเหลือแต่ท่อยางเส้นบนและเส้นล่าง ซึ่งจับๆบีบดูก็นิ่มๆอ่อนๆ เลยอยากจะ
จับเปลี่ยนคราวหน้าครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 1.2.196.138 เสาร์, 17/8/2556 เวลา : 12:02  IP : 1.2.196.138   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35167

คำตอบที่ 82
       เดือนหน้าแก๊ส LPG กำลังจะเริ่มขึ้นราคา ซึ่งราคาแท้จริงของ LPG จะอยู่ที่ 15 บาท / ลิตร ลองคำณวนง่าย ๆ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นดังนี้

1. ถ้าใช้ 2.7 ติดแก๊ส จากเดิมไปกลับทำงานวันล่ะ 50 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายคิดว่ารถติดมากวิ่งในเมืองใหญ่ กินเชื้อเพลิงมาก 5.5 KM/L จะตกประมาณ 2.35 บาท /กม. ที่ราคาแก๊ส 12.90 บาท/ลิตร ประมาณวันล่ะ 117 บาท สัปดาห์นึง 587 บาท
ถ้าแก๊สปรับขึ้นมา 15 บาท / ลิตร ค่าใช้จ่ายปรับเป็น 2.72 บาท / กิโลเมตร วันล่ะ 136 บาท สัปดาห์ล่ะ 681 บาท เพิ่มขึ้นอาทิตย์ล่ะ 94 บาท หรือเดือนล่ะ 376 บาท เท่านั้นเอง เดือนนึงค่าแก๊ส 2724 บาท


2. ดีเซลแบบเดียวกัน ตามการใช้งานเหมือนกัน รถติดจะกิน 7-8 km/l หรือ 8-9 km/l จะตกประมาณ 3.3 -4.2 บาท /กม. ที่ราคาน้ำมันดีเซล 29.99 บาท/ลิตร ประมาณวันล่ะ 165 - 214 บาท สัปดาห์นึง 825-1050 บาท เดือนนึง 3300-4200 บาท

3. ถ้าใช้ Ecocar Nissan almera 1.2 รถติดจะกิน หรือ 8-9 km/l หรือ 10-12 km/l จะตกประมาณ 3.5 -4.4 บาท /กม. ที่ราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 35 บาท/ลิตร ประมาณวันล่ะ 175 - 219 บาท สัปดาห์นึง 875-1095 บาท เดือนนึงค่าน้ำมัน 3500 - 4300 บาท


สรุปใช้ 2.7 คันเดิมค่าใช้จ่ายยังไงก็มีราคาถูกกว่าที่เราจะหันไปหารถใหม่ ที่ต้องเสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงกว่าและยังต้องเจอค่าเสื่อม ค่าดอกเบี้ย ถ้ารถเดิม 2.7 ยังดีอยู่ อย่าไปขยับทำอะไรเลย ถ้าอยากประหยัดคือต้องใช้รถให้น้อยลง จากเดิมที่เคยวิ่งไปไหนมาไหนแบบไม่คิดอะไรก็ลดการใช้ลง จากเดิมเคยขับเร็วก็ให้ช้าลง จากเดิมเคยยกสูงยางใหญ่ ก็ลดเรื่องดังกล่าวลงได้ครับ การใช้ 2.7 ยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า
การเปลี่ยนรถกันบ่อย ๆ ผมเคยคำณวนแล้วยังไงก็เสียเงินมากกว่า ในระยะเวลา 20 ปี ถ้าเทียบกับคนที่เปลี่ยนรถทุก 4-5 ปี
แต่ว่าถ้าคนมีเงินเหลือไม่คิดอะไรอยากเปลี่ยนรถ ก้ไม่ว่าอะไรกันน่ะครับ ความต้องการบางครอบครัวไม่เหมือนกัน



อาทิตย์ที่แล้ว แวะเข้าไปเติมแก๊สที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าหลังจากเติมไปเต็มถังแล้ว
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:28:08 [125.25.95.54]
(ต่อ)วิ่งๆอยู่ระบบชอบตัดมาเป็นน้ำมันบ่อยๆ ไม่รู้ทำไมครับ ต้องคอยกดเปลี่ยนเป็นแก๊สเอาเอง
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:35:12 [125.25.95.54]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 19/8/2556 เวลา : 09:27  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35180

คำตอบที่ 83
       ผมเอารถเข้าไป TBS อีกครั้งนึงเพื่อเคลมอาการดังของช่วงล่าง เนื่องจากว่ามีเสียงดังเวลาวิ่ง ดังตลอด
ซึ่งครั้งก่อนเข้าศูนย์ไม่ดัง คาดว่าช่างจะต้องลืมขันน๊อตอะไรซักอย่างนึง

ผมนัดวันเสาร์ 17 สิงหา 2013 ช่างเทคนิคพยายามหาเหมือนกับว่าอาการดังของช่วงล่างไม่เกี่ยวกับงานที่เขาซ่อมเปลี่ยนท่อ pipe1
แต่ตอนทำงานผมเห็นเขาถอดล้อและกันแคร้งออกมา ช่างพยายามบอกว่าเป็นที่โช๊ค Race runner มันรั่ว เลยทำให้ดัง แล้วเอารถไปตรวจสอบกลับมาอาการดังกล่าวเสียงดังหายไปเงียบกริบ ค่าใช้จ่ายตามบิลเช็คช่วงล่าง 250 ยาท พนักงานไม่เก็บครับ ฟรี
มีบิลเรียบร้อยแต่ฟรี

-----------------------------------------------------------------------------

คือเคสนี้ผมก็อยากรู้ว่าเป็นอะไรแต่พนักงานรับรถไม่บอก ไม่รู้เดี๋ยวนี้ TOYOTA มีนโยบายไม่บอกหรือเปล่า
คือผมคิดว่ายังไงมันเกี่ยวกับการซ่อมรถครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน อันนี้คือการรับประกันงานซ่อม จึงไม่กล้าเก็บเงินและไม่กล้าบอกว่าเป็นอะไร พยายามโยนไปที่โช๊คหน้าที่รั่ว แต่ตอนออกมาจากศูนย์อาการดังก็ไม่มีอีกแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ยังไงการซ่อมรถที่ศูนย์ TOYOTA ได้รับประกันงานซ่อม ตามระยะทางและเวลาแล้วแต่ถึงระยะใดก่อน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่ศูนย์โตโยต้าก็สามารถรับได้ ถ้าเทียบกับงานซ่อมที่อู่นอกทั่วไปเดี๋ยวนี้หายากขึ้นราคาแพงขึ้น อู่ซ๋อมภายนอกราคาค่าซ่อมแพงกว่าซ่อมศูนย์ไปแล้ว + ค่าอื่น ๆสารพัด ทั้งที่อู่นึงลงทุนหลักแสนหลักล้านบาท ถ้าเทียบกับศุนย์บริการลงทุนหลายสิบล้านบาท มีอาหารเครื่องดื่มพร้อม บริการล้างรถดูดฝุ่น การซ่อมที่อู่ซ่อมรถภายนอกปัจจัยทั้งเรื่องราคา ความสะอาดปลอดภัย การใช้อะไหล่แท้ รวมถึงการรับประกันงานซ่อมยังไงก็สู้ศูนย์บริการไม่ได้ เพียงแต่บางคนยังติดว่าค่าบริการศูนย์จะแพงกว่าอู่ ถ้าไม่มีอู่ที่รู้จักคุ้นเคยกันดีซ่อมราคาถูก ไม่ + ค่าอะไหล่เพิ่ม น่าจะลองหันกลับไปมาเข้าศูนย์ดีกว่า โดยเฉพาะ 2.7 เป็นรถที่ค่าซ่อมค่าบริการถูกกมาก ดีกว่าไปซ่อมกับอู่นอกที่เราไม่คุ้นเคย ถ้าไม่มีคนรู้จักควรเข้าศูนย์
ยกเว้นว่าอู่ที่เราไปซ่อมมีความคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วรวดเร็วแก้ปัญหาได้ตรงจุด ราคาไม่แพง ก็น่าไปใช้บริการครับ แต่เห็นส่วนใหญ่ไปโดนร้านหรือู่ฟันกันมาหัวแบะทั้งนั้น โดยเฉพาะร้านแอร์ โดนฟันมาจนหนาวทั้งนั้น เพราะร้านแอร์คิดว่ามีเหยื่อคือรถมากมายในท้องตลาดที่ออกกันมา คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเข้าศูนย์เลยไปโดนร้านแอร์ภายนอกฟันกันจนเละ ทั้งรถและเจ้าของแก้ปัญหากันไม่จบสิ้น




จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:18:02 [125.25.95.54]
เห็นด้วยครับ บางศูนย์ มีส่วนลดค่าอะไหล่ค่าแรงให้อีกด้วย
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:20:19 [125.25.95.54]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 19/8/2556 เวลา : 09:52  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35183

คำตอบที่ 84
       อาทิตย์ที่แล้ว แวะเข้าไปเติมแก๊สที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าหลังจากเติมไปเต็มถังแล้ว
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:28:08
(ต่อ)วิ่งๆอยู่ระบบชอบตัดมาเป็นน้ำมันบ่อยๆ ไม่รู้ทำไมครับ ต้องคอยกดเปลี่ยนเป็นแก๊สเอาเอง
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556


จาก : supat19(supat19) 19/8/2556 10:18:02 [125.25.95.54]
เห็นด้วยครับ บางศูนย์ มีส่วนลดค่าอะไหล่ค่าแรงให้อีกด้วย
จาก : supat19(supat19) 19/8/2556

-------------------------------------------------------------------------------------------------


อาการนี้ผมเคยเป็น แต่ไม่แน่ใจว่าสาเหตุเดียวกันหรือเปล่า เกิดจากสาเหตุติ๊กแก๊ส หรือตัวกรองแก๊สที่หม้อต้มมันสกปรกมากต้องถอดออกมาเปลี่ยน สาเหตุเกิดจาก แก๊สที่เราเติมเข้าไปมีความสกปรกมากจากน้ำมันคอมเพรสเซอร์ที่ปั๊มอัดแก๊สเข้ามา ต้องเปลี่ยนตัวติ๊กแก๊สที่หม้อต้มนี่ครับ ราคาประมาณ 300 บาท


เรื่องอู่ซ่อมรถภายนอก ปัยหาที่เกิดขึ้นมีการคิดค่าแรง + แอบแฝงในค่าอะไหล่มาหลายปีแล้ว ทำให้ราคาโดยรวมแพง ค่าบริการโดยรวมถ้าเทียบกับงานซ่อมของโตโยต้าแล้ว ซ่อมรถกับอู่มีราคาแพงกว่าโดยที่เจ้าของรถไม่รู้ตัว
ขนาดมีคนนึงโทรมาหาผมบอกว่าจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ของโตโยต้า อู่คิดราคาน้ำมันเกียร์ลิตรล่ะ 700 บาท ใช้ 4 ลิตร 2800 บาท ไม่รวมค่าแรง น้ำมันเกียร์แบบเดียวกันนี้ซื้อจากภายนอกแท้โตโยต้า 1100 บาท 4 ลิตร ค่าเปลี่ยน 50-100 บาท ราคาต่างกันบานเบอะแถมได้ของแท้ด้วย
อู่เดี๋ยวนี้คิดราคาแพง ลูกค้าชอบคิดว่าในศูนย์มีแต่ช่างใหม่ ๆ ไม่มีปสก. แต่ไม่เคยคิดมุมมองย้อนกลับไปในอู่ ถ้าไม่มีอู่ซ่อมที่ไว้ใจได้ก็เข้าศูนย์โตโยต้าดีกว่า

----------------------------------------------------------------------

ผมคนึงที่เคยเรียนมาทางสายช่าง ซึ่งการเรียนสายช่างบ้านเรานั้น เหมือนกันหมดทุกวิทยาลัยคือ ฝึกให้เด็กเป็นช่าง
แต่ไม่เคยสอน เด็กนักศึกษาทำธุรกิจร้านค้าหรือทำธุรกิจส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้อู่บางอู่มีคนเก่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านอาชีพ คือเป็นช่างที่เก่งแต่ไม่รวย และบางทีไม่มีจรรณยาบรรณ
บางอู่เจ้าของไม่มีความรู้ด้านช่าง ไม่เคยเรียนด้านช่าง แต่มีความรู้ทำธุรกิจ มีทุนเปิดร้านซ่อมรถหรือแต่งรถ พูดแบบครูพักลักจำแต่ไม่มีความรู้จริงเรื่องช่างหรอก ร้านแบบนี้รวยครับ แต่ไม่น่าเข้าเพราะรถยนต์ต้องอาศัยคนมีความรู้ด้านช่างไม่ใช่ร้านที่มีความรู้ทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว
อู่ซ่อมรถคือปัญหาโลกแตก หลังค่าแรง 300 ปรับตัวขึ้นมา มันเป็นช่องว่างที่แคบลงไป คือเจ้าของรถลังเลระหว่างเข้าศูนย์บริการ ที่มีราคาถูกกว่า กับอู่ภายนอกที่ราคาแพงกว่าแต่เข้าใจว่าราคาเขาจะถูกกว่าศูนย์บริการ เลยไม่รู้จะเลือกอะไรดีสำหรับบางคน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 19/8/2556 เวลา : 11:30  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35186

คำตอบที่ 85
       รถยนต์ ถ้าซื้อรถใหม่ป้ายแดงนับที่ระยะเวลาเท่ากันการใช้งานเหมือน ๆ กัน

ถ้าพูดเรื่องค่าซ่อมบำรุงตามระยะทาง +++++++++++++
รถตลาดอย่าง TOYOTA ในการใช้งานระยะ 3-5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ค่าดูแลตามระยะทางถือว่าถูก อยู่ราว ๆ 40,000-50,000 บาท กรณีเช็คศูนย์ตลอด ถ้าเป็นรถกลุ่มไม่ตลาด แบบอื่น ๆ ค่าดูแลไม่หนีจากนี้มากนัก คือแพงกว่ากันเล็กน้อย อยู่ที่ 50,000-70,000 บาท สรุปไม่หนีกันมากไม่น่าห่วง
แต่ถ้าเลยระยะรับประกันไปแล้วมีระยะทางที่มากขึ้นไป อยู่ที่วลา 5-7 ปี ระยะทางมากกว่า 1 แสนกิโลเมตร ค่าซ่อมจะเริ่มแตกต่างกันไปตามรุ่นของรถและตามยี่ห้อของรถ ซึ่งค่าบริการในรถกลุ่มไม่ตลาดจะค่อนข้างแพงในกรณีเข้าศูนย์ และแพงถึงแม้จะเข้าอู่นอกก็ตาม ถ้าเทียบกับรถกลุ่มตลาดจะถูกกว่าซึ่งช่วงนี้จะเริ่มเห็นแตกต่างกันชัดเจน ในแต่ล่ะรุ่น

ค่าแรงในการซ่อมรถ+++++++++++++
- ถ้าเป็นรถกลุ่มตลาดค่าชั่วโมงแรงงานในการซ่อมเช็คระยะอยู่ประมาณ 240-250 บาท นี่คือต่ำสุดแล้วสำหรับชั่วโมงแรงงานการซ่อมที่ศูนย์ทั้งหมดในประเทศไทย
- ถ้าเป็นรถกลุ่มที่ไม่ใช่รถตลาด อย่าง Ford Chevrolet ค่าชั่วโมงการทำงานจะสูงกว่ารถตลาด ประมาณชั่วโมงล่ะ 380 บาท ควันนึงทำงาน 8 ชั่วโมง ตกวันล่ะ 3040 เดือนนึงตก 80,000 บาท ค่าแรงมากกว่าคนเรียนจบปริญาโทบ้านเราอีก เป็นสาเหตุนึงที่รถกลุ่มนี้เข้าศูนย์จะแพงหลังจากหมดประกันไปแล้ว เพราะค่าบริการโดยรวมที่คิดจากเงินเดือนช่างประมาณ ต่อ 1 คน ประมาณ 10,000-15,000 บาท แต่ทำงานจริงศูนยืได้รายรับมากกว่า 8 หมื่น หักลบแล้วศูนย์บริการยังได้ค่าผลตอบแทนของช่างต่อคน 6.5 หมื่นบาท ถือว่าสูงพอสมควรในการเปิดศูนย์บริการขึ้นมา และเป็นจุดด้อยของรถกลุ่มไม่ตลาดที่สู้กลุ่มตลาดไม่ได้
- ถ้าเป็นค่าชั่วโมงแรงงานของ BMW อันนี้ไม่แน่ใจว่าอ้างอิงค่าแรงในยุโรปหรือเปล่า แต่แพงพอสมควรและต้องทิ้งรถไว้ ชั่วโมงแรงงานต้องจ่ายหลายพันบาท ค่าเช็คระยะทีต้องมีหลักหมื่นบาท เป็นสาเหตุนึงที่ทางลูกค้ามักขายรถรถ BMW หลังจากหมดประกัน BSI 5 ปี
- ค่าแรงซ่อมรถภายในอู่นอก มักคิดเป็นค่า Job งานขั้นต่ำประมาณ 200-300 ขึ้นไปต่อ Job ทำให้ค่าแรงในการซ่อมรถกับอู่ภายนอกถูกกว่าศูนย์บริการ แต่ไม่เสมอไปทุกอู่ เพราะบางอู่ได้บวกค่าอะไหล่แอบแฝงไปนั้น ทำให้ราคาค่าซ่อมรถแต่ล่ะ Job มีค่าแรงที่เพิ่มขึ้นมาเทียบโดยรวมกับค่าแรงในศูนย์อาจจะพอพอกันหรือมากกว่าในศูนย์บริการ ที่เป็นรถตลาด ในกรณีนี้เป้นรถตลาดเข้าซ่อมกับศูนย์อาจจะถูกกว่าใช้บริการกับอู่นอกก็เป็นได้

- ค่าอะไหล่ +++++++++++++++

- ค่าอะไหล่มักมีราคาไม่หนีกัน โดยเฉพาะอะไหล่สิ้นเปลืองมักมีราคามาตรฐานใกล้เคียงกัน ในกรณีซื้อจากศูนย์บริการเหมือนกัน
- แต่ถ้าอะไหล่ซื้อข้างนอกถูกแพงจะต่างกันเพราะแหล่งที่มา
- แต่รถกลุ่มที่ไม่ใช่รถตลาดมักเสียเปรียบเวลาเปลี่ยนอะไหล่ เพราะมักมีชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนมากกว่ารถตลาด ถึงแม้ดูภายนอกรถกลุ่มนี้จะมีแหล่งที่มาจากที่อื่นไม่ใช่รถญี่ปุ่น แต่เวลาซ่อมก็มักต้องซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาใกล้กันกับรถญี่ปุ่นรุ่นตลาด ทำให้ค่าบริการรถกลุ่มที่ไม่ใช่รถตลาดราคามักจะสูงกว่าหลังจากหมดประกัน ถึงแม้จะซ่อมได้อะไหล่ถูกแต่จำนวนเปลี่ยนเยอะกว่าต้องซ่อมแพงกว่าเป็นธรรมดา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 3/9/2556 เวลา : 10:03  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35274

คำตอบที่ 86
       การใช้แก๊สนั้นถึงแม้แก๊สจะขึ้นราคาแต่ว่าในหลักความเป็นจริง ไม่ว่าประเทศไหนในโลกการนำแก๊สมาใช้กับรถยนต์จะมีราคาค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่าค่าน้ำมัน เพียงแต่บ้านเราไปติดยึดภาพกับราคาแก๊ส LPG ที่ถูกเกินไป เพราะค่าใช้จ่ายต่อกกิโลเมตรถ้าเทียบกับน้ำมัน แก๊สบ้านเราจะมีราคาถูกกว่าใช้น้ำมันถึง 70% ซึ่งถ้าเป็นในยุโรปมันจะถูกกกว่าน้ำมันไม่เกิน 50% เท่านั้น สำหรับการใช้แก๊ส คือโดยรวมต้องมีราคาถูกกว่าอยู่ดี

///////////////////// ทำไมประเทศอื่น ๆ จึงไม่นิยมหรือนิยมใช้แก๊ส ++++++++
- จริง ๆ แล้วประเทศอื่น ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะนิยมใช้แก๊ส เพราะประเทศที่เอาแก๊สมาเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ก็มีเพียง ไทย เกาหลีใต้ ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชียกลาง ในขณะที่อีกหลายประเทศไม่ใช้
- การที่เขาไม่ได้ใช้แก๊สไม่ได้ว่ากลัวอันตราย แต่ว่าราคาน้ำมันไม่ได้แพง หรือเทียบกับราคาแก๊สแล้วไม่ห่างกัน หรือเกิดจากเรื่องการขนส่งในบางพื้นที่จึงทำให้ประเทศหล่านั้นไม่นิยมการใช้แก๊ส ไม่ได้เกี่ยวกับติดแก๊สแล้วอันตรายจนเกิดอุปทานกันขึ้น
- แก๊สไม่นิยมใช้กับรถยนต์อย่างแพร่หลายในทุกประเทศ ค่ายรถยนต์เองก็มองเรื่องนี้เช่นกัน เพราะการขนส่ง สภาพพื้นที่ บางแห่งก็ไม่เหมาะเนื่องจากแก๊สถ้าเสียค่าขนส่งแพงราคาแก๊สแพงก็ไม่จูงใจให้คนหันมาใช้แก๊ส เพราะการขนส่งเคลื่อนย้านทำได้ยากกว่าใช้การขนส่งของเหลว ที่เป็นเชื้อเพลิงน้ำมัน
- ราคาน้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซิน คือความจริง ไม่มีมูลเหตุจูงใจในการใช้แก๊ส เพราะโดยปกติแล้วแก๊ส LPG จะประหยัดมากกว่า 50% ก็เมื่อติดตั้งในเครื่องยนต์เบนซิน Gasoline เท่านั้น บางทีใช้น้ำมันเบนซินก็สามารถยอมรับตรงนั้นได้
-ในออสเตรเลียมีภูมิประเทศหลากหลาย ถึงแม้จะมี Hilux ที่ใช้แก๊สที่นั่นก็ตาม แต่ไม่ได้ใช้ทุกเมือง ทุกพื้นที่ บางพื้นนที่คนก็ใช้ดีเซล บางที่ก็ใช้ปิคอัพเบนซิน เพราะการใช้แก๊สจะอยู่เฉพาะในเขตเมืองที่ปั๊มแก๊สเติมเท่านั้น

********************* ทำไมดีเซล จึงนิยมเฉพาะ +++++++++++++++
- ดีเซลนิยมมากในแถบยุโรป แต่ก็จำกัดเฉพาะอยู่ในยุโรปเท่านั้น และบางพื้นที่ ไม่ได้นิยมในแถบประเทศอื่น ๆ เพราะเครื่องดีเซลถ้าเป็นคอมมอนเรลหรือเครื่องยนต์ที่วางในรถเก๋งส่วนบุคคล มีราคาแพงมากกว่าเบนซินหลายเท่า ต้นทุนของรถยนต์ที่ใช้เครื่องดีเซลลูกค้าต้องจ่ายแพงกว่ากันหลายแสนบาทในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลก็แพงกว่าเบนซินด้วย ลูกค้ากลุ่มนี้จึงมีกำลังในการจ่ายที่มากกว่าเพื่อต้องการไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ได้พละกำลังเครื่องยนต์ที่มากกว่าในเครื่องเล็กกว่า
เช่น CRV ทำตลาดบ้านเราด้วยเครื่องเบนซินราคาประมาณ 1.2-1.5 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นดีเซลต้องจ่ายประมาณ 1.7 ล้านขึ้นไปเพื่อให้ได้เครื่องดีเซลขนาด 2.0 มาขับ
หรือ Mazda CX5 หรือ Chev Captiva เราด้วยเครื่องเบนซินราคาประมาณ 1.2-1.5 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นดีเซลต้องจ่ายประมาณ 1.7 ล้านขึ้นไปเพื่อให้ได้เครื่องดีเซลขนาด 2.0 มาขับ
หรือ Ford Fiesta 1.4 -1.6 เบนนซินเกียร์ AT ทำตลาดได้ในไทยราคา 6.9-7.9 แสนบาท แต่ถ้าทำตลาดในรุ่นเครื่องดีเซลที่ขายในยุโรปลูกค้าต้องจ่ายมากถึง 9 แสนกว่า ตามด้วยเกียร์ธรรมดา 5 speed ถึงจะสามารถซื้อ Ford fiesta ได้

- ราคาค่า ซ่อมตามระยะทางดีเซลจะแพงกว่าแปรผกผันตามราคาเครื่องยนต์ที่แพงกว่ากันหลายแสนบาท รถยนต์เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นดีเซลหรือเบนซินออกแบบมาด้วยไลฟ์ไทม์ คาบเวลาที่ใกล้เคียงกันในด้านอายุการใช้งาน อยุ่ราว 10 ปี จึงไม่อาจตอบได้อีกต่อไปว่าเครื่องดีเซลทนทานกว่า ของจริงในเวลานี้ไม่มีใครลากการใช้งานเครื่องดีเซลเกิน 1 ล้านกิโลเมตรอีกแล้ว ยุคสมัยนั้นได้หมดไปตามการออกแบบรถยนต์
- หลายพื้นที่ไม่สะดวกสำหรับเครื่องดีเซลเพราะใช้เทคโนโลยีสูง มากในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับบางพื้นที่ในบางปรระเทศที่ยังเข้าไม่ถึงการซ่อมที่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือเฉพาะด้านราคาแพง
- มาตรฐานมลพิษที่ปล่อยคายไอเสียจากเครื่องยนต์ ต้องใช้น้ำมันดีเซลที่มีค่าซีเทนสูงมากขึ้นกับมาตรฐานยูโร แต่คุณภาพน้ำมันที่เหมาะกับคอมมอนเรลต้องมีตัวกรองและรักษาคุณภาพในด้านความสะอาด ถ้าปัจจุบันมาตรฐานสูงสุดของยูโรเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานต้องใช้น้ำมันดีเซลที่ขายในยุโรปเท่านั้น จึงจะเติมได้ซึ่งมีราคาแพงเนื่องจากคุณภาพน้ำมันที่นำมากลั่น จึงไม่เหมาะกับบางพื้นที่อื่นในโลกที่ไม่ได้มีการรักษาคุณภาพน้ำมันไว้

+++++++++++++++ ทำไมเมืองไทยจึงนิยมใช้ดีเซล ++++++++++++++++++
- เกิดจากบ้านเราในยุคสมัยแรก ๆ กว่า 30 ปีมาแล้ว ตอนนั้นรถยนต์ดีเซลยังไม่ได้พัฒนาอะไร เป็นรถที่นำมาใช้บรรทุกเพื่อทางเศรษฐกิจเท่านั้น ใช้งานดีพ่นควันดำ รัฐบาลมองว่าต้องช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพื่อให้คนมีรายได้น้อย จึงทำให้น้ำมันดีเซลมีโครงสร้างถูกกว่าต่ำกว่าเบนซิน ในขณะเดียวกันก็มองว่าผู้ใช้เบนซินมีฐานะดีกว่าก็เลยไปเก็บภาษีจากผู้ใช้เบนซินมาตลอด ทำให้ช่องว่างราคาห่างกันมากขึ้น
- บ้านเราเป็นผู้ผลิตปิคอัพ 1 ตันรายใหญ่ที่สุดของโลก เสียภาษีโครงสร้างปิคอัพไม่มากนัก 3%ขึ้นไป ทำให้โครงสร้างรถปิคอัพและเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ในปิคอัพมีราคาถูกมาก ลูกค้าจึงไม่รู้สึกว่าการซื้อรถปิคอัพดีเซลมีราคาแพง เลยอยากได้รถเก๋งดีเซลไปด้วย แต่จะทราบก็ต่อเมื่อเจอค่าซ่อมดีเซลกับการนำไปเปรียบเทียบราคาที่ประเทศอื่น ๆ
- บ้านเราพยายามกดเพดานเครื่องยนต์ไว้ไม่ให้เกิน 3000 ซีซีสำหรับดีเซล และไม่ให้เกิน 2500 ซีซีสำหรับเบนซิน ทำให้ตลาดไม่ขยับคนส่วนใหญ่มีโอกาสสัมผัสเครื่องเบนซินที่มีขนาดใหญ่แรงม้าเยอะ ๆ ได้น้อย จึงมองพื้นฐานการใช้เครื่องยนต์ดีเซลย่อมดีกว่า เพราะเครื่องดีเซลมีขนาดซีซีเท่ากันกับเบนซิน การใช้ดีเซลจะได้กำลังมากกว่าประหยัดกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 3/9/2556 เวลา : 16:41  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35275

คำตอบที่ 87
       น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำของ TOYOTA มีสติกเกอร์บอกที่คานหม้อน้ำด้านหน้ารถอยู่แล้วนะครับ ว่าเปลี่ยนน้ำยา Coolant ครั้งแรกที่ 160,000 km หลังจากเปิดมาเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นแล้ว รอบต่อไปจะต้องเปลี่ยนทุกระยะ 80,000 km. ตรงนี้มีบอกไว้ในสมุดคู่มือของทุกท่านที่ซื้อรถมาอยู่แล้วนะครับ อย่านับจนเลยระยะ

ยกตัวอย่างสมมุติ

เราเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นครั้งแรกที่ เลขไมล์ 160,000 km ครั้งต่อไปเลขไมล์อยู่ที่ 240,000 km ครั้งต่อไปก็ 320,000 km. อย่างนี้เป็นต้น ให้นับระยะทุก 80,000 km เอาไว้สำหรับรายการน้ำหล่อยเนของรถ TOYOTA ทุกรุ่น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 16/9/2556 เวลา : 15:01  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35311

คำตอบที่ 88
       เมื่อวานฟังข้อมูลทดสอบอัตราการกินเชื้อเพลิง ของรถ PPV บ้านเราของนิตยสารคู่แข่งมอเตอร์ริ่งมีรายงานการทดสอบดังนี้
หมายเหตุ รถทั้งหมดเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเกียร์อัตโนมัติ ตัว Top สุดของยี่ห้อนั้น ขับด้วยความเร็ว 90 km/h เพื่อทดสอบหาอัตราสิ้นเปลือง
ข้อมูลการทดสอบเป็นแค่ตัวเลขอ้างอิงเท่านั้น ไม่สามารถนำมาคำณวนการใช้งานประจำวันได้


1. แย่ที่สุด Mitsubishi Pajero sport 2.5 ดีเซล VG Turbo 178 แรงม้า 4wd Part time
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.3 km/l (น่าจะเป็นผลมาจากเครื่องเล็กแต่เค้นแรงม้าออกมาสูง )

2. TOYOTA Fortuner 3.0 AT 4wd Fulltime 163 แรงม้า รุ่นปี 2005-2011 ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา 13.x km/l

3. Chevrolet Trailbrazer 2.8 AT 4wd Part time 13.8 KM/L

4. ISUZU MU7 3.0 VGS เกียร์ออโต 14.1 km/l

5. ดีที่สุดในกลุ่มขณะนี้ TOYOTA Fortuner 3.0 เกียร์ AT 5 speed 4wd Fulltime 171 แรงม้า รุ่นปี 2012 ขึ้นไป ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา 14.2 km/l

6. อนาคตคาดว่า จะเป็น ISUZU ตัวใหม่ที่กำลังจะออกมา ตุลาคมนี้ 2013 จะทำตัวเลข ลบสถิติของ New Fortuner ลงได้


*********************************************************

อัตราความประหยัดไม่ได้ขึ้นกับ 4wd part time 4wd fulltime
แต่ความประหยัดมันขึ้นกับการออกแบบรถ อัตราทดเกียร์แบบออโตเมติก อัตราทดเฟืองท้าย การสั่งจ่ายของ ECU และระบบหัวฉีดของคอมมอนเรล รวมถึงลักษณะการขับขี่เป็นสำคัญ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 18/9/2556 เวลา : 10:08  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35320

คำตอบที่ 89
       ข่าว

Ford PPV ที่จะมาทำตลาดแทน Ford Everest จะมาในปี 2015 ปีเดียวกับ Fortuner น่ะครับ ขณะนี้วิ่งทดสอบการใช้งานอยู่ที่ออสเตรเลีย รูปจริงในขณะนี้อย่าเพิ่งไปเชื่อรูปจากเนตมากนัก ของจริงที่มาอาจจะไม่สวยขนาดนั้น

*******************************************************************
ตลาดรถไม่ว่า มือ 1 หรือมือ 2 ตามเต๊นท์ หรือมือ 2 ตามบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก ราคารถยนต์ป้ายแดง หรือมือ 2 ตกต่ำลงมากรถจอดเต็มเต๊นท์หาคนซื้อลำบาก ไม่ใช่ไม่มีคนซื้อน่ะครับแต่ปริมาณรถยนต์มันมีจำนวนมากเกินไป สต๊อกมีมากจนล้นเกินความต้องการ
ถ้าเป็นรถใหม่ ทุกบริษัทเจอปัญหาเดียวกันหมดคือดีมานด์เทียม ทำให้รถยนต์ล้นสต๊อก ต้องจัดโปรเอาใจผู้ซื้อหรือลลูกค้ารายใหม่ให้เป็นหนี้ เพราะลูกค้ารายเก่าปล่อยรถมือ 2 ไม่ได้ก็ไม่สามารถซื้อรถยนต์ใหม่ได้ เนื่องจากไม่มีที่จอดหรือรถยนต์มีมากเกินไปเป็นภาระอีก
รถมือ 2 รถยนต์ประเภทรถเก๋ง ถ้าไม่ใช่ยี่ห้อ TOYOTA Honda เต๊นท์ไม่รับซื้อน่ะครับ โดยเฉพาะ Chevrolet Aveo ไม่มีเต๊นท์ไหนรับเลย ถึงจะใช่ 2 ยี่ห้อตลาดนี้ TOYOTA Honda แต่ว่า เต๊นท์ก็ไม่ได้รับซื้อทุกรุ่น กระอักเช่นกัน
ส่วนรถปิคอัพ ยี่ห้อที่ยังซื้อเข้าเต๊นท์มีแค่ TOYOTA ISUZU เท่านั้น ยี่ห้ออื่นลำบาก
รถ PPV บ้านเรา TOYOTA Fortuner ยังซื้อขายกันอยู่แม้ว่าตัว Fortuner ดีเซลจะมีราคาต่ำไปมาก แต่ยังพอไปได้ ส่วนเบนซิน 2.7 4x4 ราคาสูงกว่าพอสมควร แต่ Ford Everest เต๊นท์ไม่รับ


ปิคอัพ 2.7 4x4 ยังพอไปได้แม้ไม่หวือหวาเท่าช่วงก่อน เพื่อนผมซื้อมาแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา Hilux 2.7 4x4 ตัว Cab AT ราคาหย่อน 5 แสนนิดหน่อย กับเต๊นท์แถวบางแคน่ะครับ เพราะเต๊นท์ยังพอใจซื้อขายรถรุ่นนี้ เนื่องจากตลาดรุ่นนี้มันยังวิ่ง ไปได้
ถ้าเป็นตัวขับ 2wd ราคาลงมาเยอะกว่าแต่ก่อน ซึ่งก็ตามสภาพรถยนต์อื่น ๆ ที่เผชิญชะตากรรมเหมือนกัน
***************************************************************
ถ้าจะให้ผ่านช่วงนี้ไปได้คงต้องใจเย็นตั้งสติกัน อย่าเป็นหนี้ซื้อรถเกินความจำเป็น รถเก่าก็ยังใช้ได้ ไม่ได้มีปัยหาอะไร เดินผ่านโชว์รูมเจอเซลสาวสวยโปรโมชั่นน่าซื้อ ก็ไปหลงซื้อกับเขาอีกเป็นหนี้กันต่อไป ต้องมารับภาระผ่อน ไหนจะเรื่องหาทางขายรถเก่าออกไปอีก เราไม่สามารถเก็บรถไว้ในบ้านเหมือนโชว์รูมรถยนต์ได้ ภาระทั้งนั้น ถ้าไม่คิดอะไรเรื่องรถยนต์ต้องไปเปลี่ยนกันทุก 4-5 ปี ให้เป็นภาระเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น เราจะลดปริมาณขยะอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำลงไปได้มาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 2/10/2556 เวลา : 11:17  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35442

คำตอบที่ 90
       ตอนนี้น้ำท่วมอีกแระ เมื่อวานน้องชายมาเอารถ Hilux 2.7 vvti Cab 4wd กลับไปใช้ที่บ้าน บอกว่าถนนสายปากน้ำหัวไทร ก่อนถึงร้านแก๊สอาจารย์รุ่ง น้ำไหลลัดถนนไปแล้วรถเล็กวิ่งไม่ได้ เลยมาเอารถ 4wd ออกไปวิ่งแทน
ผมก็ไม่รู้ว่าน้ำจะไหลบ่ามาท่วมแบบนี้อีกถึงเมื่อไหร่ แต่ผมย้อนกลับไปดูข้อความเมื่อปี 54 สมัยน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ อย่างน้อยเราควรมีรถ 4wd ติดบ้านไว้ซัก 1 คัน เผื่อยามจำเป็น ยามฉุกเฉินจะได้ไม่เป็นภาระของเรา ตอนนี้ที่ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรีน้ำท่วมหนักมาก ที่บ้านผมบางคล้าฉะเชิงเทราน้ำก็ท่วมเยอะไม่แพ้ปี 54 รถยนต์ 2.7 4x4 คือสิ่งที่ต้องคิดเอากลับมาทบทวนใช้ใหม่สำหรับคนที่อยากมีอยากได้ หรือเคยปล่อยออกไปแล้วเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องขับรถใหญ่แบบนี้ เนื่องจากในประเทศไทยตอนนี้จะมีน้ำท่วมใหญ่ทุกทุก 2-3 ปี
ยังไงรถยกสุงแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมีความจำเป็นในการใช้งานอยู่ดี

เอาข้อมูลมาแจ้งอีกครั้ง เผื่อใครหลงลืมกันไปในการใช้งานรถ เอาไปลุยน้ำท่วม

1. Fortuner Hilux 2.7 รุ่น 4wd สามารถลุยน้ำลึก ได้ประมาณ 70 cm สามารถวิ่งไปเรื่อย ๆ ได้ไม่ต้องกังวล
แต่ถ้าลุยน้ำลึกกว่านี้ก็ไม่ควรทำ แม้เครื่องจะไม่ดับ แต่สุ่มเสี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ เกียร์ AT และมอเตอร์คุมเกียร์ 4wd น้ำจะเข้า ถ้าลุยน้ำนาน ๆ ต้องถ่ายน้ำมันเฟืองหน้า เฟืองท้าย อัดจารบีใหม่ทุกจุด
หมายเหตุรถลุยน้ำได้ แต่รถยนต์ห้ามเอาไปแช่น้ำ หรืออย่างเช่นจอดรอขนของ เพราะเป็นรถยนต์ไม่ใช่เรือ เนื่องจากน้ำสามารถซึมผ่านรอยต่อทั้งหมดของรถได้ความเสียหายจะตามมมา

2.รถ Hilux 2.7 ตัวเตี้ยการลุยน้ำทำได้ไม่เกิน 30 cm ข้อกำหนดอย่างอื่นเหมือนกันหมด

3.รถตู้ 2.7 หลีกเลี่ยงการลุยน้ำเป็นดีที่สุดเนื่องจากตัวกรองอากาศอยู่ต่ำมาก รถมันไม่ได้ออกแบบมาให้ไปลุยน้ำ ถ้าวิ่งฝ่าน้ำได้ก็เหมือนรถตู้ทั่วไปไม่ควรเกิน 20cm ก็เก่งแล้ว




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 9/10/2556 เวลา : 09:18  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35489

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,20 เมษายน 2567 (Online 5128 คน)