WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส 2.7 vvti หรือรถยี่ห้ออื่นภาค 2 เนื่องจากกระทู้เดิมเต็มรับภาระโหลดมาก
Auto.
จาก Auto
IP:171.96.53.209

อาทิตย์ที่ , 10/3/2556
เวลา : 20:49

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เกร็ดความรู้รถใช้แก๊ส 2.7 vvti หรือรถยี่ห้ออื่นภาค 2 เนื่องจากกระทู้เดิมเต็มรับภาระโหลดมาก หลายคนเปิดไม่ได้ หรือเปิดช้ามาก เพราะโหลดของกระทู้มาก บางทีคนอื่นดูรูปไม่เห็นสำหรับคอมพิวเตอร์บางท่านที่ เนตเต่า ช้าเหลือเกิน


ตอนนี้เลยต้องตั้งกระทู้ใหม่เพื่อลดภาระกระทู้เดิมลง อย่างไรก็ดีการเริ่มอ่านกระทู้นี้ควรอ่านกระทู้เดิมให้หมดลงเสียก่อน แล้วค่อยมาอ่านกระทู้นี้่ต่อไป กระทู้เดิมได้รวบรวมความรู้ไว้มากแล้ว และควรอ่านกระทู้อื่น ๆ ไปด้วย เพราะความรู้มีอยู่ทุกกระทู้ในเวป TOYOTA 2.7 แห่งนี้
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=1960



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 5 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

คำตอบที่ 121
       lสรุป

การเดินทางในทริปนี้ จาก กทม ถึงจันทบุรี สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เอารถมาลองขับ อย่างมาก โดยเฉพาะฟิลลิ่งการขับขี่ที่เป็นที่ถูกใจคนในครอบครัวและผู้ร่วมทางตลอดการเดินทาง ซึ่งสบายกว่าขับหรือนั่งไปกับ ดีเซลคันเดิม ซึ่งเป็นข้อสรุปของเขาเองว่ารถคันต่อไปที่จะเลือก ถ้าต้องซื้อปิคอัพใหม่อีก 1 คัน ยังไงก็ต้องเป็น 2.7 แบบนี้ เพราะฟิลลิ่งการขับขี่การนำมาใช้งานเขาถือว่าน่าพอใจกว่าดีเซลที่เคยขับมา


อัตราการใช้แก๊ส ค่าใช้จ่าย
ทริปนี้ไม่ได้ตั้งใจจับอัตราสิ้นเปลืองแบบละเอียด เพราะการใช้ความเร็วนั้นสูงเกินค่ามาตรฐานที่จะเอามาวัดได้ เพราะไม่มีใครเขาขับทดสอบด้วยความเร็วแบบนี้แล้วมาหาอัตราสิ้นเปลืองเป็นแน่แท้ คงวัดไม่ได้ แต่พอบอกคร่าว ๆ ได้ คือประมาณ 6.xx km/l หรือมากกว่าโลล่ะ 2 บาท นิด ๆ ไปกลับได้แก๊สไปประมาณ 1000 กว่าบาทแบบต้น ๆ คือเติมประมาณ 1360 บาท กับระยะทางไปกลับจันทบุรี แต่อย่าลืมว่าความเร็วที่ใช้งานเค้นออกมาที่ 140-150 km/h และทะลุเลย 160 km/h ในบางช่วงถนนโล่ง ๆ ซึ่งเป็นความเร็วเกินมาตรฐานกฎหมายกำหนด
เพื่อนผมบอกว่า ตอนใช้ ISUZU ถ้าขับด้วยความเร็วประมาณนี้ 140-150-160 km/h ไปกลับจันทบุรีแบบนี้น่าจะจ่ายค่าน้ำมันดีเซลประมาณเกือบ 2000 บาท โดยสรุปเรื่องค่าใช้จ่ายเขาถือว่าพอใจมากอีก 1 ข้อ ที่ประหยัดกว่า ISUZU
เนื่องจาก @ โดยธรรมชาติรถยี่ห้อ isuzu ถ้าขับเกิน 120 จัดเป็นรถที่กินน้ำมันมากยี่ห้อนึง แต่ปกติรถทั่วไปก็กินเชื้อเพลิงมากเช่นกันถ้าขับเร็วขนาดนี้ @

รถ Hilux 2.7 MT Doublecab champ คันนี้เป็นของน้องสาวของเขา ซื้อมา 1 ปี กว่า ๆ ใช้งานไปแล้ว 90,000 กิโลเมตร น้องสาวเขาเอาไว้วิ่งทางไกลกลับจังหวัดตรังเป็นประจำกับครอบครัว ใช้งานเยอะแบบถูกใจคนในครอบครัว ติดแก๊ส lpg

**********************************************************************************

ถ้าใครคิดจะซื้อรถซักคันนึง ไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม ควรมีเวลา มีโอกาสทดลองขับจนเพียงพอหรือแน่ใจเพื่อที่เราจะได้คำตอบในการซื้อรถรุ่นนั้น ๆ อย่างเหมาะสมว่าเราเหมาะกับรถรุ่นนั้นยี่ห้อนั้นหรือไม่ แล้วรถเหมาะกับเราหรือไม่ การใช้เวลาขับรถยาว ๆ แบบนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ไม่ผิดพลาด

ผมบอกเพื่อนผมไปว่า ไหนไหนก็ลองแล้ว มีโอกาสอยากให้ไปลองขับเกียร์ออโตรถรุ่นนี้เพื่อเปรียบเทียบกันอีกซักครั้งนึง ชอบอันไหน พอใจแบบไหนก็เลือกอันนั้น








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 9/12/2556 เวลา : 12:57  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36135

คำตอบที่ 122
       พอดีคุยกับ ท่านนึงที่ไปใช้รถยนต์ที่ยุโรป ทางกระทู้เวปรถยนต์แห่งนึงเอาความรู้มาฝากดังนี้


1. ท่านนั้นที่ผมคุยด้วยเขาไปเรียนที่อังกฤษ และซื้อรถสปอร์ตมือ 2 ที่นั้นขับขี่ ใช้งาน เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนท้าสายลมแสงแดด ที่มีขายในบ้านเรานี่แหละ ราคามือ 2 ที่อังกฤษ 350,000 บาทไทย แต่ที่เมืองไทยรถรุ่นนี้ราคามือ 2 หลักล้านบาท เขาไม่กล้าซื้อปอร์เช่ บ๊อกเสตอร์ 2.7 เพราะกลัวค่าซ่อมแพงเลยหันมาซื้อรุ่นอื่น ราคารถที่ต่างประเทศมีราคาถูกมาก

2. ราคารถยนต์เขาถูกแต่ว่าค่าประกันภัยแพงมาก ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็แพง
***** 2.1 ภาษีถนนสำหรับคนที่มีรถขับปีล่ะ 12,000 บาท
****** 2.2 ถ้าเป็นคนต่างชาติค่าประกันภัย 175,000 บาท (ตัวรถ 3 แสนกว่าบาท ค่าประกันภัยโดนไปครึ่งนึงของราคารถ) ถ้าเป็นคนอังกฤษจะเสียประมาณ 50,000 บาท
****** 2.3 ค่าจอดรถ ต้องเช่าโรงจอดรถให้ได้เพราะต้องมีที่จอดรถ 5,000 บาท / เดือน

3. รถที่อังกฤษหรือยุโรปส่วนใหญ่เป็นเกียร์ธรรมดา คนนิยมเกียร์ธรรดามากกว่า ไม่ใช่เพราะดีกว่าขับสนุกกว่าหรือเหตุผลอื่น แต่เหตุผลหลักมากจากราคาที่ต้องจ่ายครับ ราคารถยนต์เกียร์ออโตในยุโรปจะแพงกว่าเกียร์ธรรมดา 10-11% ขึ้นไป สำหรับประเทศที่ไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และมีเรื่องภาษี อย่างเช่นสมมุติ รถยนต์ราคา 1 ล้านบาท ถ้าซื้อเกียร์ออโตจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 1.0 - 1.1 แสนบาท เพื่อเลือกเกียร์ออโตในอ๊อพชั่นที่เท่ากัน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเกียร์ธรรมดา
*********** 3.1 ในสเปกรถยนต์เดียวกัน รถยนต์ที่ใช้เกียร์ออโตจะมีมลพิษมากกว่าเกียร์ธรรมดา ที่ยุโรป UK เก็บภาษีรถตามมลพิษที่ปล่อยออกมาด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ขับรถยนต์เกียร์ออโต ต้องจ่ายภาษีส่วนนี้แพงขึ้นอีก
************ 3.2 ใบขับขี่ใน UK จะระบุประเภทรถยนต์ไว้ด้วยว่าเกียร์ออโตหรือเกียร์ธรรมดา ถ้าใครมีใบขับขี่รถเกียร์ออโตจะไม่สามารถขับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาได้ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ถ้าใครมีใบขับขี่เกียร์ธรรมดาจึงจะสามารถข้ามไปขับเกียร์ออโตได้
บ้านเราโชคดีกว่าที่เราซื้อรถเกียร์ออโตได้ราคาถูกใกล้เคียงกับเกียร์ธรรมดา


4.ราคาน้ำมันที่ UK เบนซินลิตรล่ะ 60 บาท ไม่มีแก๊สโซฮอล ถ้าเป็นดีเซลลิตรล่ะ 65 บาท แพงกว่าเบนซินลิตรล่ะ 5 บาท



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 9/12/2556 เวลา : 14:06  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36136

คำตอบที่ 123
       New Hilug จะมี 2.7 Auto 4WD ขายให้คนไทยใช้กันบ้างไหม เก็บตังรออยู่ครับ หรือจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ
พ่อผมใช้ ISUZU D-MAX CAB ปี 2005 เกียร์ธรรมดาใช้ทำงานจัดสวน ขนต้นไม้ ขนหญ้าจิปาถะ
แม่ซื้อ All new D-Max 2.5 Cab เกียร์ Auto มาใช้ทำงานจัดสวน พ่อค้านสุดๆไม่ให้ซื้อกระบะเกียร์Auto ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
บทสรุป พ่อขับ All new auto บ่อยมากๆ ท่านบอกว่า ไม่ปวดขา ไม่ต้องเหยียบคลัตซ์ เร่งแซงก็ดี ไม่เห็นมันจะด้อยตรงไหนเหมือนตอนแรกๆที่ท่านบ่น
ได้ขับกับตัวเองถึงรู้ ผมอยากจะเอา 2.7 ไปให้ท่านลองขับบ้าง แถมยังประหยัดอีกด้วยคงเหมาะกับการใช้งานวิ่งรับส่งคนงานจัดสวนและกลับต่างจังหวัดบ่อยๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 49.48.46.129 อังคาร, 10/12/2556 เวลา : 17:23  IP : 49.48.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36162

คำตอบที่ 124
      
คนที่ไม่เคยใช้ไม่เคยมีขับ มาก่อน ต่างยึดติดกับความคิดเก่า ๆ ความรู้เก่า ๆ ไม่ทันตามโลกที่มันหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากแล้ว
ทั้งในเรื่องปิคอัพเบนซิน ปิคอัพเกียร์ออโต รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมถึงการเซทรถแต่ล่ะรุ่น และเรื่องอื่น ๆ



ISUZU All new ชั่วโมงนี้ต้องเกียร์ออโตเท่านั้น ทุกเงื่อนไขกับรถทุกคันของปิคอัพ ISUZU ครับ ไม่ว่าจะไปใช้งานแบบไหน
ฟังจากรายการคู่แข่งมอเตอรริ่ง จากการทดสอบของนักเลงรถกะบะ โดยคุณองอาจ จรุงศรี เกียร์ออโตของ ISUZU ชั่วโมงนี้ เซทมาได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดาเกือบทุกด้าน ครอบคลุมเกือบครบทุกด้านไปแล้ว โดยเฉพาะเขาเน้นอัตราเร่งจะเหนือกว่าเกียร์ธรรมดาอยู่นิดหน่อยด้วย ความน่าใช้นั้นสำหรับ ISUZU ต้องมองที่เกียร์ออโตอย่างเดียวเลย สำหรับ ISUZU All new
เร็ว ๆ นี้ ISUZU จะทำเครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ออกมาเขย่าตลาดปิคอัพโดยเฉพาะ แรงม้าทัดเทียมกับ ปิคอัพ Volk amarok ที่ยนตรกิจนำเข้ามาขายบ้านเรา 2 บ้านบาท แน่นอนว่ารถปิคอัพดีเซล 2000 ซีซี เค้นแรงม้าออกมามากกว่า 150 แรงม้า ถ้ายังคิดมาใช้งานจับคู่กับเกียร์ธรรมดา มันไม่สนุกแน่กับการเอามาขับใช้งานปกติทั่ว ๆ ไป นอกจากคนที่คิดเอาไปโมแข่งควอเตอร์ไมล์ หรือปิคอัพส่งของกะบะขนผักขชอบกระทืบคันเร่งกับเบรคเป็นว่าเล่น



ตัว 2.7 คาดว่าอาจจะนำเกียร์ออโตมาขายใหม่ ในปิคอัพ Hilux 2.7 รุ่นปี 2015 นั่นก็คือรุ่นที่มีการ Model change ของ HILUX แล้วจึงจะได้ใช้กันครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 11/12/2556 เวลา : 08:54  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36164

คำตอบที่ 125
       เอารถ Fortuner 2.7 4x4 ไปเช็ค 160,000 กิโลเมตรมา

น้ำหล่อเย็นไม่ต้องเปลี่ยน เพราะซ่อมเปลี่ยนระบบหล่อเย็นทั้งหมดแล้ว

ค่าใช้จ่ายเช็คระยะ 1728 บาท (...... เมื่อก่อนราคา 1580 แล้วก็ขึ้นมา 1628.... )
ค่าแรงเปลี่ยนกรองเบนซิน 192 บาท
กรองเบนซิน 768 บาท
หัวเทียนหัวล่ะ 62 บาท
อัดจารบีเพลากลาง 98 บาท
นอกนั้นเป็นค่าแหวนรอง ประเก็นรองน๊อต
ได้ส่วนลด 5% เนื่องจากนัดทำวันเสาร์ ถ้านัดวัน จ- ศุก จะได้ลด 10% เป็นระเบียบใหม่ของทางศูนย์ที่เราใช้บริการอยู่เพื่อลดความแออัดของรถที่มาทำวันเสาร์ ถ้าเข้าวันหยุดต้องจ่ายส่วนลดที่ได้น้อยมากกว่าปกติ

รวมจ่ายไปทั้งหมด 3,852 บาท

********************************************
หมายเหตุ งานเข้า 2 รายการ
1. ผ้าเบรคหน้าใกล้หมด ...... ราคาค่าดิสค์เบรคหน้าแท้ที่ศูนย์ 3,000 บาทแล้ว เลยไม่เปลี่ยนเมื่อก่อน 2750 บาท
2. ช่างเรียกไปดู งานเข้า .........Bolt stud ที่ยึด Nut ล้อ มีปัญหาเกลียวรูดออกจากดุมที่ล้อหลังขวา มันมีรูดอยู่ 1 ตัว
งานนี้ช่างไม่ได้รับผิดชอบ รับก็คงไม่ไหว

ตอนนี้เลยเอาออกมาซ่อมทำเกลียวใหม่นอกศูนย์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 16/12/2556 เวลา : 16:32  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36221

คำตอบที่ 126
       ข่าวฝาก ตอนเอารถเข้าไปทำที่ศูนย์ เห็นทางศูนย์บริการมีประกาศดังนี้ เนื่องจากปัญหารถยนต์ TOYOTA CAMRY

มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นบริเวณคอนโซล เป็นคราบยางเหนียว เสียรูป จากชิ้นส่วนราคาคอนโซล Camry 22,xxx บาท
ทาง TOYOTA จะออกค่าใช้จ่ายให้ 82% สำหรับรถที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี และต้องเข้าศูนย์เป็นประจำ จะจ่ายไม่เกิน 1,880 บาท ในการเคลม
ถ้ารถอายุไม่เกิน 6 ปี แต่ไม่ได้เข้าศูนย์เป็นประจำในการเช็คระยะ จะต้องจ่าย 8,xxx บาท ในการเคลม
ถ้ารถอายุเกิน 6 ปีไปแล้ว ต้องจ่าย 18,xxx บาท ในการเคลม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 16/12/2556 เวลา : 16:45  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36223

คำตอบที่ 127
      

ด้วยรถที่บ้าน Toyota Fortuner 3.0 ดีเซล มีอาการดังนี้ครับ รถวิ่งมาประมาณ 2แสนกว่ากิโลเมตร และมีอาการคือ เวลาขับด้วยความเร็วสูง 140 km/h แล้ว รถมีอาการพุ่งแรงไปข้างหน้าเอง + มีเสียงเครื่องยนต์เขก แต๊กๆๆๆๆๆ เหมือนควบคุมคันเร่งไม่ได้ ต้องรีบปล่อยคันเร่ง และ เหยียบเบรก เพื่อชะลอความเร็ว
ไปเข้าศูนย์ และ ให้เช็คคอมฯดูแล้วคือ step motor ที่ควบคุมเทอร์โบเสีย ราคา 54,xxx บาท + ต้องเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ 4 หัวๆละ 11,xxx บาท รวมกันแล้ว ประมาณแสนนึง
จึงอยากเรียนสอบถามผู้ใช้รถรุ่นนี้ว่าเคยมีอาการอย่างนี้หรือไม่ และหากต้องการหาอะไหล่เทียบ หรือ มือสอง สามารถหาได้จากที่ไหน และอู่ไหนแนะนำบ้างครับรถใช้มานานและ เยอะมากแล้ว หรือว่า จะขายทิ้ง และ ไปซื้อยี่ห้ออื่นแทนดีครับ แต่ส่วนตัวก็ยังอยากใช้ Fortuner รุ่นต่อไปอยู่ เพราะใช้ดี ทน คุ้มจิงๆ ไม่รู้ว่าจะมาประมาณปีไหน ช่วงไหนครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,35888.0.html


มีสิ่งนึงที่ผมจะให้ข้อคิดกับทุกท่าน เพราะผมพูดกับบางท่านไปบ้างแล้วทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องนี้
ดีเซลทนทาน ค่าซ่อมถูก ไม่ต้องการดูแลบำรุงรักษาอะไรมากมาย เรื่องพวกนี้มันหมดไปตั้งแต่ยุค ISUZU DI มังกรทอง 90 แรงม้า หรือ10 ปีผ่านมาแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อ............. คนยุคนี้ยังมีคนเชื่อคำพูดดังกล่าวมากมาย ว่าดีเซลทนทานค่าซ่อมถูก รถใช้น้อยเลือกเครื่องดีเซล .............. ทั้งที่มันเป็นความรุ้เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว มันเป็นความรู้เก่า นานแล้ว ทั้งที่นี่มันยุคปี 2014 แต่ไปขุดเอาความรู้ยุคไดโนเสาร์มาพูด

ผมเคยเขียนไปตอนเป็นบ้านหลังเก่า ที่เรามีเพียงกระทู้เดียว ในเวป TOYOTA สิ่งที่ผมเขียนในวันนี้ อีก 10-20 ปีข้างหน้ามันอาจเก่าล้าสมัยมากจนเอามาใช้แทบไม่ได้แล้ว เพราะความรู้และเทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือโลกมันก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่พูดกันแต่เรื่องเดิม ๆ ดีเซลทนทาน หรือเบนซิน 2.7 ทนทานติดแก๊สได้ อีก 20 ปีข้างหน้าอาจมีเครื่องยนต์ที่ดีกว่า 2.7 เยอะก้ได้

===============================================================

ดีเซลไม่ว่าของ TOYOTA หรือยี่ห้ออื่น ถ้าเป็นคอมมอนเรลมันมีจุดที่ต้องซ่อมแพงและเวลาซ่อมของมัน ซื่งการที่เราเสียค่าซ่อม 1 แสน คือราคาปกติของการซ่อมดีเซลสมัยนี้ เพราะราคาเครื่องยนต์มันแพงตามเทคโนโลยี ที่แพงขึ้น จะให้ซ่อมเครื่องดีเซล ราคา 3 หมื่นบาท เหมือนซ่อม เครื่อง DI สมัยก่อนน่ะเหรอ ผมว่าคนพูดน่ะไม่มีความคิดเอาเลย นี่มันยุคเครื่องยนต์ 2014 ค่าซ่อมเครื่องดีเซลคือราคา 1 แสนกว่า ไม่ใช่ซ่อม 3 หมื่นเหมือนยุคปี 96 ที่จะเป็นดีเซลฝาทอง ฝาแดง ซ่อมถูก อะไหล่ถูก

แปลกอีกอย่าง อู่ซ่อมเครื่องยนต์ดีเซล อู่เดนโซ่ อู่เช็คปั๊มดีเซล บ้านเรารวยเละแบบไม่รู้เรื่อง งานล้นมือ สร้างความร่ำรวยได้มากมาย
แต่....... คนจำนวนมากกลับเชื่อโฆษณา ว่าดีเซล ทนทานค่าซ่อมถูก ไม่ต้องบำรุงรักษา ไม่จุกจิก แล้วมันไปซ่อมที่อู่เขาทำไมกัน
เฮ้อ.................... สิ่งพวกนี้ท่านเข็มขัดสั้น หรือคาดไม่ถึงเพราะเชื่อโดยขาดวิจารณญาณ ใช่ไหม โดยฟังเขาเล่ามา ดูที่ FW เมล์กันมา ขาดการไตร่ตรอง



2.7 เครื่องยนต์ถูกเปิดซ่อมมาน้อยมาก อู่เพียงไม่กี่แห่งที่จะได้รับโอกาสเปิดมาซ่อมเครื่องยนต์ น่าแปลกที่คนบอกว่าเบนซินค่าซ่อมบำรุงแพงกว่าดีเซล
ในอนาคต ไม่รู้กี่ปีตอบไม่ได้ มันมีเครื่องเบนซินขนาดเล้กแต่ให้แรงม้ามากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว
คนที่เขาเก่งกว่าผมได้รับโอกาสไปดูงานที่ญี่ปุ่นแล้ว เครื่องยนต์มันถูกทดสอบในญี่ปุ่น เขาก็เล่าต่อ ๆ กันมา แต่ไม่รู้จะมีโอกาสลงกับรถในปีไหนในอนาคต เพราะมันคือสิ่งที่ยังล้ำหน้ายุคปัจจุบันไปมาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 171.96.68.22 อาทิตย์, 5/1/2557 เวลา : 13:42  IP : 171.96.68.22   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36318

คำตอบที่ 128
       จริงครับท่าน ปธ.ผมซ่อมทุกวันครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

toncity จาก ton 180.183.58.4 อังคาร, 7/1/2557 เวลา : 22:11  IP : 180.183.58.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36347

คำตอบที่ 129
       เครื่องดีเซลดีนะ ไม่ใช่ไม่ดีน่ะครับ แต่ข้อดีของมันที่มีมันต้องกลบข้อเสียของมันออกไปแล้วลูกค้าก็มาเลือกใช้ตามความเหมาะสม
ดีเซลเครื่องยุคเก่า คือยุค DI 87-90 แรงม้า เป็นเครื่องไดเรคอินเจกชั่น แรงบิดก็ต่ำ แรงม้าก็น้อย มลพิษเยอะ เสียงดังสนั่นการสั่นสะเทือนสูง แต่มันก็แลกมาด้วยข้อดีคือ ประหยัดน้ำมัน มีความทนทานสูงเพราะรอบต่ำมาก การสึกหรอน้อยแทบไม่ต้องการการบำรุงรักษาแต่อย่างใดเลย เพราะตัวเครื่องยนต์ใช้กลไก ไม่มีเทอร์โบ ไม่มีอีเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้าแต่อย่างใด โอกาสที่จะเห็นรถรุ่นนี้วิ่ง 1 ล้านกิโลเมตรจึงเป็นเรื่องง่ายมาก ในช่วง ISUZU เปิดให้ลูกค้าได้นำรถมาประกวดเรื่องนี้กัน พบว่ามีรถหลายคันที่วิ่งเกินระยะนี้ได้
ในยุคนั้นจึงมีคำพูดว่าเครื่องดีเซลอืดกว่าเบนซิน ควันดำมาก

พอมายุค 2 เป็นเครื่องดีเซลคอมมอนเรล เครืองดีเซลก็จะถูกพัฒนาเพื่อลบจุดด้อยที่มีออกไป ด้วยอีกทั้งข้อกฎหมายเรื่องมลพิษจำเป็นที่เครื่องต้องพัฒนาใหม่ให้ก้าวตามทันโลก ดีเซลจึงต้องมีเทอร์โบ ส่วนโบแบบไหนแล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์อีก ยังต้องมี ECU ควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิง มีเซนเซอร์อีกมากมายยิ่งกว่าเครื่องเบนซิน มีปั๊มคอมมอนเรล ที่มีแรงดันสูง ความละเอียดสูงเข้ามาช่วย นอกจากนี้ยังต้องพึ่งพาคุณภาพน้ำมันดีเซลที่มีคุณภาพสูง และตัวกรองน้ำมันดีเซลที่มีความละเอียดสูง เพิ่มขึ้นมาด้วย
ผลคือข้อด้อยของดีเซลยุคเก่าถูกลบออกไป เสียงดังน้อยลง เครื่องแรงขึ้นมามาก แรงบิดสูงในรอบต่ำ แรงม้าสูง มลพิษต่ำ ตบแต่งได้ง่ายเพราะใช้กล่อง ECU จึงสามารถสร้างกล่องแต่งได้หลายแบบ โมดิฟายได้ง่าย
แต่ข้อเสียที่เด่นชัดขึ้นมาก็คือราคาเครื่องยนต์แพงขึ้นมาก เพราะชิ้นส่วนมากขึ้น ความทนทานต้องน้อยลงเป็นธรรมดา จุดเสียและจุดที่ต้องบำรุงรักษามีมากขึ้นตามลำดับ ที่สำคัญเวลาซ่อมจะแพงมากกว่าเดิมหลายเท่า ชิ้นส่วนเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า และมีเทอรโบเข้ามา แน่นอนว่าต้องจุกจิกกวนใจตามมาเยอะ จะไปเปรียบกับดีเซลยุคเก่านี่ไม่ได้เลย เวลาซ่อมจึงแพงมากเมือถึงจุดที่ต้องซ่อมตามเวลา
ถ้าเป็นเครื่องดีเซลโตโยต้า ตระกูลรถนำเข้าจากเกรย์มาบ้านเราสเปกรถที่ส่งไปยุโรป อู่ซ่อมปั๊มคอมมอนเรลดัง ๆ บ้านเราหลายร้านยังเอาไม่จบกับเครื่องดีเซลเหล่านี้


ยุคต่อไปจะเป็นยุคดีเซลลูกผสมไฮบริด แน่นอนว่าบริษัทที่กล้าเอามาลงได้คือเยอรมันกับรถแพงแพงอย่างเบนซ์ เพราะมันคุ้มค่าที่จะทำ ราคาเครื่องยนต์แพงมหาโหด เรื่องจุกจิกไม่ต้องพูดถึงจุกจิกแน่นอน เฉพาะการลงโปรแกรมซ่อมแล้วซ่อมอีก ถ้ารวนขึ้นมาช่างก็ยังแก้ปัยหาไม่ได้เหมือนกัน แต่รถแบบนี้เศรษฐีบ้านเราซื้อเพราะเทคโนโลยี พอเริ่มซ่อมเขาก็ขายทิ้งไม่สนใจอะไร ยังไม่เหมาะมาลงกับรถราคาถูกหรือรถตลาด

***********************************************
เครื่องดีเซลสมัยนี้ในยุโรปจึงนิยมมาก แต่ทวีปอื่นไม่ค่อยนิยม เพราะทางยุโรปราคารถแพงไม่มากนักแต่เวลาเป็นมือ 2 แทบไม่มีราคาหลงเหลือ คนใช้รถเขาทิ้งรถมากกว่าจะซ่อมใหญ่ ๆ
ถามว่าเลือกได้ไหมก็ต้องตอบว่าเลือกได้ ลองหักลบกลบหนี้ข้อดีข้อเสียที่เรารับได้กับไม่ได้ดูเอาเอง ว่าเราถูกใจกับแบบไหน
อย่างเช่น รถ MAZDA CX5 เครื่องเบนซิน 2.0 ราคารถใหม่ 1.2-1.3 ล้านบาท
ถ้าเป็น MAZDA CX5 เครื่องดีเซล ราคารถ 1.7 ล้านบาท ข้อดีมีแน่นอนคือประหยัดน้ำมัน 18 โล / ลิตร เครื่องแรงกว่าขับสนุกกว่า แต่ข้อเสียคือจ่ายแพงกว่า 5 แสนบาท ถ้ามีเงินและเงินไม่ใช่ปัญหาของคุณ สำหรับการซื้อและตอนซ่อมที่แพงมากแล้ว ก็เลือกได้ครับ เหมาะสมดีทุกอย่าง

ส่วน Ecocar บ้านเราถ้าเป็นเบนซิน ราคา 4 - 6 แสนบาท ถ้าจับเอาเครื่องดีเซลขนาดเล็กมาลง ราคารถจะกระโดดขึ้นเป็น 7-8 แสนบาท ขึ้นไปและอาจจะได้แค่เกียร์ธรรมดาเท่านั้น เพราะเกียร์ออโต CVT กับเครื่องดีเซลลงกันไม่ได้ ต้องหาเกียร์ออโตอื่นมาทดแทนสุดท้าย Ecocar ราคาจะกระโดดขึ้นไปแตะ 8 แสนปลาย ๆ เป็นอย่างน้อย ซึ่งเวลาขายเป็นรถมือ 2 บ้านเรา ราคารถเหลือ 2-3 แสน แต่ค่าซ่อมค่าดูแลเครื่องดีเซลคอมมอนเรลมี 1 แสนกว่า มันไม่สอดคล้องกับราคารถที่เหลืออยู่ ค่ายรถยนต์จึงไม่ค่อยสนใจทำตลาดรถยนต์นั่งเครื่องดีเซลในตลาดอื่น ๆ นอกทวีปยุโรปรวมถึงบ้านเราด้วย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 9/1/2557 เวลา : 13:57  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36369

คำตอบที่ 130
       http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=3166

ส่วนกระทู้นี้ได้รับความรู้จากพี่เดชาการบินไทย เรื่องรถติด NGV พบปัญหาน้ำรั่วเข้าไปในห้องเผาไหม้
เครื่องยนต์ 2.7 อาจทนความร้อนสูงได้ ทนแก๊สได้ แต่ประเก็น หรือกาว Three bond มันทนความร้อนไม่ไหว เสียหายซะก่อน
วิธีซ่อมจึงต้องเปิดออกมาซ่อมเปลี่ยนประเก็นฝาสูบ ถ้าด้านหน้าเครื่องยนต์มีการรั่วต้องเปิดมาซ่อมด้วย ถ้าเป็นรุ่น 4wd ต้อใช้ฮอยยกเครื่องด้านหน้าขึ้นมาให้เห้น
ข้อมูลคร่าว ๆสำหรับความร้อนในการใช้เชื้อเพลิงแต่ละแบบ
1. น้ำมันเบนซิน จะมีความร้อนที่ฝาสูบประมาณ 270-300 องศา การสึกหรอจะต่ำที่สุด
2.น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล จะมีความร้อนที่ฝาสูบประมาณ 300-400 องศา เครื่องยนต์จะมีการสึกหรอมากขึ้น
3. ก๊าซ LPG จะมีความร้อนที่ฝาสูบประมาณ 350-450 องศา เครื่องยนต์จะมีการสึกหรอมากขึ้น
4. ก๊าซ NGV จะมีความร้อนที่ฝาสูบประมาณ 450-550องศา เครื่องยนต์จะมีการสึกหรอมากกว่า

เพราะฉะนั้นวิธีการถนอมรักษาเครื่องยนต์ให้มีอายุยาวนาน ถึงแม้รถ 2.7 เราจะทนต่อการใช้แก๊สก็ตาม สิ่งที่ต้องทำคือ ทำตามคู่มือการใช้ก๊าซของบริษัท Mitsu ที่ลงไว้ให้
- หมั่นสลับการใช้เบนซิน ยามต้องวิ่งทางไกล เพื่อลดความร้อนสะสมหรือความเครียดที่ฝาสูบลง
- ถ้าใช้ความเร็วสูงควรเปลี่ยนมาใช้เบนซิน แทนการใช้แก๊ส
- ไม่ควรติดแผ่นฉนวนกันความร้อนที่ฝากระโปรงจำพวกฉนวนที่ไม่ยอมให้ความร้อนผ่าน ถ้าจอดรถควรเปิดฝากระโปรงระบายความร้อนจะให้ผลกับเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ในการระบายความร้อนออกจากเครื่องได้รวดเร็วป้องกันซีลยาง สายไฟ ประเก็น กาว เสียหายจากความร้อนสะสม
- ควรเปลี่ยนมาใช้เบนซินธรรมดาหรือเบนซิน 95 แทนการใช้แก๊สโซฮอล เพราะความร้อนจากการเผาไหม้ของเบนซินต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอลเราต้องการถนอมเครื่องยนต์อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ E10 อีก ยกเว้นเราใช้น้ำมันเป็นหลัก
- ถ้าจำเป็นต้องใช้แก๊สโซฮอล ควรใช้ให้หมดถังภายใน 1 เดือน
- ข้อสำคัญ รถ NGV ต้องติด TAP ด้วยทุกคันโดยไม่มีข้อแม้ เพราะว่าความร้อนสูงจากกค่าออกเทน 120 ต้องใช้ TAP เท่านั้นในการเพิ่มอัตราเร่งและลดความสึกหรอของเครื่องยนต์ลง



ความรู้ ดี ๆ ได้ประโยชน์ครับ
จาก : ball3670(ball3670) 9/1/2557 15:41:12 [113.53.11.243]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 9/1/2557 เวลา : 14:29  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36371

คำตอบที่ 131
       คุณออโต้ครับ ที่เวปข้างๆมีรายงานว่าน้ำยาคลูแลนท์ มีโอกาสกัดโอริงหม้อต้มแก๊สได้ ไม่ทราบว่าใครกลุ่มเพื่อนๆ 2.7 VVTi ใครประสบปัญหาดังกล่าวรึไม่ครับ ส่วนผมเองก็ใช้น้ำยาคลูแลนท์ สีชมพูมาโดยตลอด และก็ยังไม่มีรายงานจากกลุ่มเราที่ติดแก๊สกัน ก็เลยงงว่าจะเป็นไปได้หรือ ผมว่าไม่น่าจะเป็นข่าวจริง พอดีเห็นว่าเกี่ยวข้องกับรถใช้แก๊สครับ

เวปที่อ้างว่าเกิดปัญหาน้ำยาคลูแลนท์ครับ http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=20657.0

ข้อความที่อ้างถึง : ฟอจูนเนอร์ ที่ติดพร้อมกันกับปาเจโร่รั่วแล้วสันนิฐานน่าจะใช่ รู้ข้ามรุ่น หรือว่าใครใช้โตต้า

*Problem Detected* พบปัญหารถยนต์ที่ใช้น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ของ Toyota (สีชมพู) หากติดแก๊ส LPG/CNG ไปสักระยะ หม้อต้มแก๊สจะมีน้ำยารั่วออกมาทางข้อต่อทางน้ำเข้า-ออกและทางแผ่นซีลไดอะเฟรม จากการถอดมาตรวจสอบพบว่าตัวน้ำยาได้กัดโอริงและซีลของหม้อต้มจนเกิดรอยแหว่ง/ขาด บางคันกัดตัวหม้อต้มเป็นตามด ทำให้น้ำยารั่วออกมาได้ หากเจ้าของรถไม่ได้ตรวจสอบระดับน้ำยาในหม้อน้ำก็อาจทำให้เครื่องยนต์ความร้อนขึ้นจนเกิดความเสียหายกับฝาสูบได้ *คำแนะนำ* เปลี่ยนใช้ Coolant ยี่ห้ออื่นที่มีความเข้มข้นต่ำกว่า เช่น Castrol, Wurth, Master ฯลฯ หากหลีกเลี่ยงของ Toyota ไม่ได้เพราะต้องเข้าเช็คที่ศูนย์ฯตามระยะประกัน แนะนำให้เติมน้ำดื่มเพื่อเจือจางความเข้มข้นลงและหมั่นคอยตรวจสอบท่อน้ำที่หม้อต้มอยู่เสมอครับ

เครดิต แมวหมู แก๊ส เซอร์วิส

 แก้ไขเมื่อ : 13/1/2557 23:01:11

 แก้ไขเมื่อ : 13/1/2557 23:06:08

 แก้ไขเมื่อ : 13/1/2557 23:21:55





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 125.24.254.154 จันทร์, 13/1/2557 เวลา : 22:59  IP : 125.24.254.154   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36406

คำตอบที่ 132
       เอาความจริงมาบอกกัน คือมีส่วนจริงบ้างแต่ไม่มากนัก
คือผมให้ดูที่รถคุณอาเฮง ที่ติดแก๊สมามีปัญหาอย่างที่เขาบอกหรือไม่ หรือรถ 2.7 ของคนอื่น ๆ ที่ติดตั้งแก๊สมามีปัญหาอย่างที่เขาบอกหรือไม่
ถ้าไม่มี คือทุกอย่างจบ ..... ไม่ต้องสนใจมัน


*******************************************************
คือรายละเอียดในเวปนั้น มันน้อย การอ้างรายละเอียดข้อมูลกันน้อย มีหลายคนเคยบอกกับผมเหมือนกัน ทั้งเวป Pajero sport และ Triton 2.4 เขาก็เอาข้อมูลจากเวปเราไปดูหรือไปใช้บ่อย ๆ เหมือนกัน แต่การตีความหมายจะทำแบบ 100% ไม่ได้ เพราะมันมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ อย่างเช่นเครื่อง V6 เบนซิน Mivec Pajero sport ซ่อมแพงตายชัก แถมรถไม่มีระบบ 4wd มาให้เล่นเลย ถ้าให้ซื้อผมไม่กล้าซื้อแน่นอน เครื่องยนต์แบบนี้ถ้าเก่ามากแล้วเบนซินแบบนี้จะจุกจิกแน่นอน ในขณะเดียวกัน เครื่อง 2.4 เบนซินของ Pajero sport เครื่องไม่มี Mivec มาด้วย กำลังน้อยต้องทดเฟืองท้ายสูงเพื่อเรียกกำลังกลับมาทำให้เครื่องยนต์สึกหรอสูงมาก การใช้งานถ้าลงกับ Pajero จะสึกหรอมากกว่าลงกับปิคอัพ ไทรทันตัวเตี้ย ๆ ปัญหาจุกจิกมันก็ต้องตามมาเป็นธรรมดา เจ้าของต้องรู้วิธีแก้มันบ้าง


อีกอย่างน้ำยา Coolant ที่เติมให้หลังจากติดแก๊ส เขาเติมน้ำยาของอะไรใส่เข้าไปใหม่ แน่ใจว่าเป็นของ TOYOTA แท้จริงหรือไม่ เพราะบางร้านเติมน้ำเปล่าให้ บางร้านเติมน้ำยา Coolant TOYOTA ซื้อร้านอะไหล่ จากข้างนอก (แต่เป็นของเทียม ที่เจอกรอกใส่แกลลอนกันอยู่หลังร้าน) มันพิสูจน์ยากมากเหมือนกัน
ปัญหาเรื่องรั่วมีจริง แต่รถ 2.7 ที่ติดแก๊สมาโดยส่วนใหญ่ที่ใช้หม้อต้ม ของ ZAVOLI และ TOMMASETTO มันก็แทบไม่มีใครเจอปัญหาที่ว่ามาเลยนะ แต่อายุการใช้งานของหม้อต้ม ถ้าใช้แบบรถบ้านนทั่วไป คือใช้น้อยมันจะรั่วที่อายุประมาณ 1 แสนกว่าโลเป็นเรื่องปกติ ยกเว้นรถเชิงพาณิชย์ที่วิ่งกันเยอะ ๆ อายุประมาณ 3 แสนกว่าโลจึงเริ่มรั่ว คือจะทนกว่ารถบ้าน ๆ หรือรถที่ใช้กันน้อย ๆ
มีหม้อต้มอีกยี่ห้อนึงที่รั่วบ่อยมากไม่ว่าจะเติมน้ำยาของอะไรก็คือของ Magic ตอนนี้ให้หยุดใช้กันไปแล้ว เพราะปัญหารั่วบ่อยมาก


เพราะงั้นอย่าไปกังวลเกินเหตุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 14/1/2557 เวลา : 09:36  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36408

คำตอบที่ 133
       อีกอย่างนึง พวกน้ำยาหล่อเย็นจะถูกเปลี่ยนครั้งแรกที่ระยะ 160,000 กิโลเมตร ส่วนระยะเวลาจำไม่ได้ว่ากี่ปี แล้วแต่ถึงระยะใดก่อน
หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนทุก 80,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี หลังจากมีการเปิดระบบออกมาแล้ว ต้องเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นทิ้งตามเวลา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 14/1/2557 เวลา : 09:49  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36410

คำตอบที่ 134
       ใช่ครับคุณออโต้ครับ บังเอิญค้นข้อมูลดูพบว่าในเวปของช่างชมรมซีตรอง มีหลักฐานอยู่อย่างนึงว่าการใช้น้ำยาคลูแลนท์ของโตโยต้าสีชมพูนั้น ไม่กัดกร่อนโอริงของหม้อต้มแต่อย่างใด แต่กลับช่วยลดการเกิดตะกรันในหม้อต้มที่เป็นต้นเหตุทำให้หม้อต้มแก๊สอุดตันเสียด้วยซ้ำไป
ทั้งนี้ช่างได้แกะหม้อต้มแก๊สที่ผ่านการใช้งานน้ำยาคลูเล้นท์โตโยต้าออกมาเพื่อเช็คสภาพให้เห็นไปเลย เพราะที่หม้อต้มนั้นเสียเกิดจากการที่ช่างได้เปลี่ยนแผ่นประเกนโอริง โดยที่ไม่ได้ยึดประกบหม้อต้มให้แน่นหนาเหมือนเดิมเลยเกิดอาการหม้อต้มรั่วซึม
(ลิงค์ครับ รูปประกอบอยู่ล่างๆหน่อย) http://www.citroenthai.org/forum/lofiversion/index.php/t5147-350.html





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

supat19 จาก อาเฮง 125.24.254.154 อังคาร, 14/1/2557 เวลา : 11:34  IP : 125.24.254.154   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36414

คำตอบที่ 135
       น้ำยา Coolant TOYOTA ที่ฝ่ายเซอร์วิสของโรงงานใหญ่บอกมานั้น คือมีคุณสมบัติแสดงให้เห็นการรั่วซึมจากการถูกกัดกร่อน เพราะฉะนั้นในเครื่องยนต์ของโตโยต้าถ้ามีการใช้งานตามปกติและใช้ น้ำยา Coolant TOYOTA ถ้ามีการรั่วเกิดขึ้นจะเห็นคราบตระกรันสีชมพูเกิดขึ้นบริเวณจุดที่รั่วซึม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจุดนั้นมีการรั่วซึมเกิดขึ้นแล้ว เจ้าของรถควรนำรถเข้าไปซ่อมแซมเปลี่ยนอะไหล่ที่บริเวณนั้น

ส่วนน้ำเปล่าหรือน้ำยาอื่น ๆ อาจไม่มีคุณสมบัติแบบนี้ คือถ้าระบบมีการรั่วเกิดขึ้น อาจจะมองไม่เห็นหรือมีโอกาสมองเห็นการรั่วซึมยากมาก หรือกว่าจะเห็นก็ต่อเมื่อมีการรั่วเกิดขึ้นมากแล้ว ทางโตโยต้าจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติอื่น ๆ เพราะมันไม่ได้ป้องกันการรั่วหรือการกัดกร่อนแต่เมื่อเกิดการรั่วแล้วช่างจะทำการตรวจสอบการรั่วได้ยากขึ้น อันเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานซ่อมบำรุงตามระยะเวลา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 14/1/2557 เวลา : 13:38  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36415

คำตอบที่ 136
       พี่ออโต้ครับ พอดีผมไปเจอรถคันนี้มากแล้วได้ลองขับดูแล้ว ช่วงล่างแข็งมากครับเวลาใส4HIกดคันเริ่งแรงๆจะสะท้าน เสียงดังเหมือนรถบดรถที่สั้นได้ครับ แต่ถ้าเหยียบคันเร่งไม่มากก็ไม่สะท้านครับ 4Lowไม่มีปัญหาครับ แก๊สNGVที่มืไม่ติดแล้วครับ แล้วพวงมลัยสะท้านนิดหน่อยครับ ไม่รู้ว่าพี่ๆที่นี่เคยเห็นรถคันนี้หรือรู้จักเจ้าของรถคันนี้เก่าไหมครับ อยากรู้ว่าสมัยก่อนทำอะไรไปบ้าง แล้วรถมีปัญหาอะไรบ้าง ที่ผมไม่รู้ http://showroom.one2car.com/carDetail.aspx?car_id=l20130026





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dear.paton จาก dear.patong 180.183.48.135 อาทิตย์, 9/2/2557 เวลา : 00:57  IP : 180.183.48.135   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36746

คำตอบที่ 137
       การซื้อรถมาพังกันเล่น ๆ

คือรถที่เจ้าของรถซื้อมาเพื่อพังเล่นกัน มันขึ้นอยู่กับการตบแต่งดัดแปลงเพื่อนำไปใช้งานของเจ้าของรถ
ในตลาด กลุ่มเรา ๆ เองมีบางคนทีขายรถ 2.7 ออกไปแล้ว ไปออก Ecocar ป้ายแดงที่ ราคา 5 แสนบาท " จากนั้นติดแก๊ส "
คำตอบ.... .... หรือผลลัพธ์ที่ได้ นี่มันคือการเอารถมาพังกันเล่น ๆ ของแท้เลยครับ
ผลข้างเคียงข้อดี _______ ประหยัดเชื้อเพลิงได้แค่นิดหน่อย เพราะรถพวกนี้เป็น Ecocar อยู่แล้ว กับได้เปลี่ยนรถกันเร็ว รถพวกนี้ไม่ค่อยมีใครใช้กันนาน

บางท่านที่โทรมาหาผม คือ 80,000 กิโลเมตร เครื่องยนต์ พังซะแล้ว โทรมาหาอู่ซ่อม ผมก็แนะนำไปว่าถ้าซ่อมได้ใช้แค่ 60,000 โลก็พังอีก
ผมจะไม่บอกว่าเพราะอะไรจึงเป็นแบบนั้น แต่จะบอกว่ารถ Ecocar เป็นรถแนวประหยัดเชื้อเพลิง ทุกรุ่นในบ้านเราทำตามกฎหมายไทยทุกประการเพื่อให้เข้าข้อกำหนดส่งเสริมการลงทุน ถ้าท่านจะเลือกแนวนี้ก็อย่าติดแก๊ส เพราะติดไปแล้วมันหาคุ้มค่าไม่ค่อยเจอสำหรับรถแบบนี้ จะใช้รถแบบนี้วิ่งนอกเมืองทงไฮเวย์ก็ได้แต่อย่าบ่อย เพราะเขาเอาไว้วิ่งในเมืองความเร็วต่ำ ใช้งานไม่เยอะ ก่อนจะซื้อจะขายรถก็เตือนกันแล้วทั้งนั้น
รถพวกนี้สเปกในบ้านเราเขาออกแบบไว้อีกอย่างนึง เป็นรถ Economy คือแบบประหยัด ข้างในชิ้นส่วนจากจีนพรึบ แต่ยังไม่วายที่มีคนกล่าวว่ารถแบบนี้ ดีอย่างโน้นอย่างนี้ เมืองนอกเขาเรียก... นั่นมันเมืองนอก แต่นี่เมืองไทย สเปกมันคนล่ะอย่าง
โทษทีข้างโรงงานผม รถ Ecocar ที่ส่งกลับไปขายญี่ปุ่น เป็นรถเก๋งขับเคลื่อน 4 ล้อ 4wd นะฮับ ม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน มากกว่า 4 จุดต่อคัน สเปกรถอื่น ๆ คนล่ะอย่างกันเลย
แล้วรถแบบนี้คนบ้านเราซื้อไหม ...คำตอบคือ.........ไม่ซื้อ สเปกแบบนี้ราคาแพง บ้านเราขายไม่ได้ คนไทยไม่สนใจเรื่องอื่นของรถ ยกเว้นมองรถครั้งแรกสวยหรือไม่สวย แล้วดูราคาความประหยัด การใช้สอย อย่างอื่นค่อยมาว่ากัน


เพราะฉะนั้นท่านซื้อรถมาทำแบบนี้ คือกะซื้อเพื่อเอารถมาพังเล่นแน่นอน
ทั้งช่วงล่างก็พัง เพราะรับน้ำหนักถังแก๊ส น้ำหนักกดด้านท้าย รถแบบนี้เขาทำไว้นั่งคนเดียวหรือ 2 คน นาน ๆ จึงพอนั่งได้ 4 คน เครื่องยนต์ก็พัง ลำพังใช้แค่น้ำมันยังวิ่งไม่เกิน 5 แสนโลเลย วิ่งทางยาวมันวิ่งได้ทั้งนั้น รถอะไรก็วิ่งได้ แต่วิ่งแล้วดีไหม คนซื้อเอามารู้คำตอบหมด อย่าถามผมเพื่อหาคำปลอบใจว่าวิ่งได้หรือไม่ได้ ทุกท่านรู้คำตอบตั้งแต่ก่อนซื้อทั้งนั้น
รถแบบนี้มันเหมือนรถไฮบริดอยู่อย่างนึงคือ ป้ายแดงซื้อได้ แต่ ผมไม่เคยแนะนำใครให้ซื้อมือ 2 เพราะมันไม่คุ้ม เมืองนอกเขาใช้แล้วก็ทิ้ง
รถไฮบริดบ้านเราก็เช่นกัน เป็นรถที่ไม่ควรซื้อเป็นมือ 2 ราคาขายต้องหายไปเกิน 50% แล้วค่อยมาพิจาณราก่อนว่าจะซื้อหรือมไม่ซื้อ
เพราะส่วนใหญ่รถแบบนี้ผ่านมือใครมาก่อน มันต้องมีเก็บซ่อมโดยมากไม่คุ้มถ้าจะซื้อมือ 2 เอามาใช้
ส่วนใครจะซื้อป้ายแดง ต้องพร้อมรับสภาพ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 18/2/2557 เวลา : 11:36  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37154

คำตอบที่ 138
       ไปเจอเขาหักมุม Comment Nissan navara CNG จากพันทิปมาครับ
http://pantip.com/topic/30814397

*ใครรอเหรอ
*งง ใครรอนาวาร่า cng ผมคนนึงไม่แน่นอน มาเอาป่านนี้ ไม่ทันทำกิน
*มีคนรอด้วยเหรอ ผมว่าเค้าไป mitsu,vigo,tata กันหมดแล้ว มาทำอะไรป่านนี้
*คห.ส่วนตัว เคยขับของเพื่อนแล้วลดเกียร์มา2 เตรียมเข้าจอดปั๊ม ดับซะงั้น เสีย self มากมาย รถก็ยังไหลอยู่แท้ๆ ไม่รู้ดับได้ไง
*ถ้าเกียร์ยังชิด ครัชยังปล่อยดับ มันคงลำบากอ่ะนะ
*ผมคนหนึ่ง ไม่ชอบนิสสัน รถมันหน้าตา ถึก ตัน ยังไง ไม่รู้ ดูยังไงก็ไม่สวย ขนาดว่ามิตซูหัวปลาดุก ตอนแรกดูขี้เหร่ แต่ดูไปดูมาก็สวยดี ยิ่งยกสูงนี่ใช้ได้เลย ส่วนซีเอ็นจี คนเขาคงไปเล่นโตต้า หรือมิตซูกันหมดแล้วมั้ง มาช้าเกิ้น จนตลาดวายหมดแล้ว
*อย่าไปหลงเชื่อแรงม้าเยอะๆ 144แรงม้า ที่4,000รอบ แต่เจ้าอื่นแค่3,000รอบก็ได้แรงม้าเท่าแกแล้ว navara

************************************************************************

กล่าวโดยรวม ๆ กับปิคอัพเบนซินในไทย
Nissan 2.5 เบนซิน มาเอาเมื่อสายไปในตอนนี้ ในขณะที่ตัวเอง กำลังจะเปลี่ยนโมเดลรถอยู่รอมร่อแล้ว ตลาดรถก็ได้วางวายไปแล้วด้วย ทั้งที่ตัว Nissan เองก็มีรถรุ่นนี้ส่งออกต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นไม่กล้าเอามาขายคู่กับโตโยต้า มีเพียงโตโยต้าเพียงรายเดียวที่กล้าเข็ญปิคอัพเบนซินลงสู่ตลาดในไทย ควบคู่ไปกับการส่งออกต่างประเทศ โตโยต้ากล้าที่จะเข็ญออกมาทั้งเกียร์ออโต และตัว 2.7 เบนซินขับเคลื่อน สี่ล้อ 4wd ในขณะที่คู่แข่งอื่น ๆ ไม่มีรถในนี้เลย เพราะปิคอัพเบนซินขนาดเล็กของคู่แข่ง ต่างก็ไม่มี เกียร์ออโตและรถ 4wd ในรุ่นนี้ ทำให้โตโยต้าได้เปรียบขายได้อยู่รายเดียว ล้มลุกคลกุลานมานานมองตลาดไปไกลกว่าใครเพื่อน

คู่แข่งที่ออกมาหลัง ๆ นี้ไม่ว่าจะเป็น Ford Mazda ตอนนี้สเปกรถคือไม่มีอะไรเลย กระจกมือหมุนไม่มี option อะไรทั้งสิ้น รถเป็นเกียร์ธรรมดาอีกต่างหาก ใช้ เป็นรถเพื่อการพาณิชย์เพียงอย่างเดียว อะไหล่แพง รออะไหล่ และ ศูนย์บริการคือปัญหาของค่ายนี้
ในขณะที่ TATA ตัวโปรดักส์เองมีปัญหาพอสมควรและไม่ได้รับการดูแลจากบริษัทแม่เท่าที่ควร ลูกค้าจึงเบื่อสาปส่ง
Mitsu เองออกมาตามมาทีหลังแต่รถนั้นอืด กำลังน้อยเครื่องไม่ทนทาน มีจุดซ่อมเยอะกว่าโตโยต้า แถมอะไหล่แพงระยับตามสไตล์ Mitsu ราคามือ 2 ตกรูดมหาราชตั้งแต่เครื่องดีเซลจนถึงเบนซิน ศุนย์บริการไม่ค่อยดูแลลูกค้า จนลูกค้าเบื่อ


ในตลาดที่เป็นคู่แข่ง Hilux 2.7 ตอนนี้มีเพียง Nissan Navara CNG เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่น่าเล่นในกรณีไม่ชอบโตโยต้า เพราะอะไหล่ Nissan ไม่แพง ถ้าเทียบคู่แข่งทั้งหมด ศูนย์ไม่ถึงกับเลวร้ายถ้าเทียบกับด้านบนที่แย่กว่า กำลังเครื่องเหนือกว่า Mitsu พอจะเทียบชั้นได้กับคู่แข่ง เครื่องยนต์ตัวนี้ก็ถือว่าทนทาน ไม่ใช่ทนใช้งานไปวันวัน แต่ข้อเสีย..... ผมไม่รู้ว่าเครื่องเบนซินของ Nissan ตัวนี้จะเจอปัยหาเหมือนกันดีเซลของ นาวาร่าหรือเปล่า ที่เป็นกับเกียร์ธรรมดา จะเจอปัญหาในด้านการ Design Fly wheel ใน lot แรก ๆ ทำให้ลูกค้าต้องยกคลัทซ์กันบ่อยครั้ง
(ในรถสมัยใหม่ที่ แรงม้าและแรงบิดเยอะ ๆ การใช้เกียร์ธรรมดา ส่งปัญหาออกมาพอสมควร ผิดกับการใช้เกียร์ออโต จะถูกเซทออกมาใช้งานได้ดีกว่า ) ในขณะที่ปิคอัพที่ Nissan Navara CNG ออกมาตัวนี้ก็มีเพียงแค่เกียร์ธรรมดาเท่านั้น ซึ่งในตลาดบ้านเราคนส่วนใหญ่เริ่มไม่ตอบสนองกับการใช้เกียร์ธรรมดาแล้ว เพราะปัญหาจะเยอะกว่าสู้เกียร์ออโตสมัยใหม่ไม่ได้ อีกทั้งรถ Nissan Navara ตัวนี้กำลังจะหมดโมเดลในประเทศไทยแล้วด้วย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 18/2/2557 เวลา : 14:38  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37155

คำตอบที่ 139
       ข้อมูลอัตราการกินน้ำมัน รถ ISUZU MU X


ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับปิคอัพ ISUZU แต่จะต่างกันที่การปรับอัตราการไหลของอากาศ และกล่อง ECU ประมวลผลต่างกัน รองรับยูโร 4
ตอนนี้ถ้าวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 90-100 km/h รุ่นนี้จะประหยัดเชื้อเพลิงมาก ประมาณ 18 km/l ในรุ่น 3.0 AT จะเหนือกว่า รถปิคอัพ ISUZU ค่ายเดียวกันอยู่นิดหน่อย ถ้าวิ่ง 100-110 km/h จะกินประมาณ 15-16 km/l ถ้าเ 120 km/h ยังได้อยู่ที่ 12-14 m/l
แลถ้าวิ่งในเมืองจะกินถึง 10 km/l = เท่ากับว่า ISUZU MUX เป็นรถ SUV ที่มีความประหยัดเหนือกว่า รถปิคอัพอย่างแท้จริง
ความประหยัดที่ว่านี้ ต้องเลือกที่ตัว 3.0 ด้วยน่ะ จึงจะประหยัดกว่าเครื่อง 2.5
ข้อมูลจากคุณ องอาจ จรุงศรี นิตยสารนักเลงรถกะบะ ที่เขาทดสอบกันมา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พุธ, 19/2/2557 เวลา : 15:15  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37239

คำตอบที่ 140
       รถยนต์ปัจจุบันนี้มันมีหัวใจหลักอยู่ ประมาณ 3 อย่าง
1. เครื่องยนต์
2. ระบบแอร์ ;วงจรไฟฟ้า กล่อง ECU เซนเซอร์
3.เกียร์ขับเคลื่อน


ทั้งหมด 3 อย่างนี้ คือตัวหลักของรถยนต์ หรือหัวใจของรถยนต์ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความสมบูรณ์ของรถ และเป็นหัวใจหลักที่ซ่อมแซมแพงที่สุดของรถยนต์ด้วย ถ้าเกิดเสียขึ้นมา ก็หาคนซ่อมยากขึ้นเพราะต้องใช้ทักษะของช่าง ถ้าเป็นตัวอื่นอะไหล่ตัวอื่นโดยมากไม่ค่อยเสีย หรือถ้าเสียก็ยังซ่อมไม่แพงไม่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญมากนักในการซ่อม ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่นัก รายละเอียดเคยลงไว้บ้างแล้ว


ทีนี้การเลือกรถ Fortuner 2.7 โดยมากแล้วที่ผมบอกส่วนใหญ่เวลาซื้อรถ ถ้าเป็นมือ 2 คนส่วนใหญ่จะเลือกรุ่น 4x4 เพราะคุ้มค่ากว่าใช้งานได้ดีกว่า ไปซื้อ 2wd ซึ่งหลายคนก็เห็นการเปรียบเทียบไปแล้ว รวมถึงรายะเอียดต่าง ๆ ของรถ จุดเด่น ด้อยต่าง ๆ
ซึ่งเวลาซื้อ Fortuner ซื้อ 2wd ไม่คุ้มตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทีนี้ที่หลายคนเคย ผมใช้คำว่าเคย.....กังวลว่ารถมือ 2 มันจะต้องซ่อมโน่นซ่อมนี่ หลายคนกลัวการกินน้ำมัน กลัวค่าซ่อมถ้าเป็นรุ่น 4wd
Fortuner 2.7 4wd ออกจากสายพานการผลิตครั้งแรก ปี 2005 จนถึงวันนี้ปี 2014 รวมเวลาทั้งหมด 9 ปีแล้ว ปีหน้าก็จะครบ 10 ปี ยังไม่เคยมีใครซ่อมระบบ 4wd Fulltime ของ Fortuner เลยซักครั้ง ( นอกจากเปลี่ยนยางเพลาขับหน้าขาด ) ความทนทานการใช้งาน รวมถึงลักษณะการใช้งาน รุ่น 4wd พิสูจน์แล้วว่าทนทานและคุ้มกว่ารุ่น 2wd มาก เพราะระบบมันแทบจะไม่ต้องซ่อมหรือออกแบบมาเพื่อให้ซ่อมหนักเลย การที่จะกังวลกับการซื้อรถนั้น ให้ดู 3 หัวข้อหลักด้านบนมากกว่า เพราะ 3 เรื่องพวกนั้นซ่อมแพง ถ้าเอาไม่จบเรื่องยาวจะกลายเป็นรถไม่น่าใช้อีกต่อไป รถยนต์ปัจจุบันมันมีปัจจัยหลักแค่นั้นล่ะครับ


สมัยตอนเปิดเวปแรก ๆ มีคนโทรมาถามผม Fortuner 2.7 4x4 ขึ้นเขาขึ้นดอยไหวไหม เพราะเป็นเครื่องเบนซิน ซึ่งคนถามแน่นอนว่าต้องเป็นคนในเมืองนี่แหละไม่ใช่คนภาคเหนืออย่างแน่นอน จึงได้ถามแบบนี้ และไม่น่าจะรู้จักคนเขาขับรถ YN106 ขึ้นดอยด้วยซ้ำ
พอผมตอบว่าขึ้นดอยได้ ไหวแน่นอน เขาก็ไม่เชื่อ ถามผมต่อว่า แล้วผมเคยไปไหม ผมตอบว่าไม่เคย เขาก็โมโหและวางสายไปทันที ตอนนั้นเขาเปรียบเทียบจะซื้อ Fortuner 3.0 4x4 ซึ่งหลังจากนั้นเขาไมได้โทรมาอีก แต่ผมเดาว่าเขาก็คงอาจจะเลือก 3.0 4x4 ไปแล้วก็ได้
รถนั้นไม่ว่าเบนซินหรือดีเซล ไปไหวแน่นอน กำลังตอนใช้งาน 4wd ไม่ได้ต่างกันเพราะเกียร์มันสร้างอัตราทดกำลังเพิ่มขึ้นมาได้อีกเป็นเท่าตัว ต่างจากรุ่น 2wd แรงแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์เพราะใช้ได้แค่ทางเรียบความเร็วสูง ถ้ากำลังเวลาขึ้นลงจากดอย 2.7 4x4 เรียกว่าเหลือเฟือ แต่หลายสิ่งหลายอย่างมันอยู่ที่ทักษะการขับรถ ไม่ใช่รถยนต์เพียงอย่างเดียว
รถของ Top ณ เชียงใหม่คันวีโก้ 2.7 4x4 เกียร์ AT คือรถคันแรก ๆ ที่เขามักจะหยิบมาใช้ในการขึ้นดอยไปตามโครงการหลวงต่าง ๆ ผ่านงานหนักมาตลอด พิสูจน์ได้ว่าใช้งานได้เยี่ยมมาก อาจจะเป็นตำนานเหมือน LN 106 ในภาคเหนืออีกคันนึงก็ได้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto พฤหัสบดี, 6/3/2557 เวลา : 17:28  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37459

คำตอบที่ 141
       Vigo 2.7 บรรทุก 4 ตันไหวมั๊ย

ผมตอบเลยว่าไหวแน่นอนครับ เพราะปัจจุบันมีคนเคยโทรมาถามเทคนิคการแต่งรถกับผมไปแล้ว เขาเอาวีโก้ 2.7 MT ไปบรรทุก 4 ตัน เพียงแต่ว่าไหวนั้น บรรทุกขนาดนี้ยังไงก็ต้องมีอืดบ้างล่ะครับ ปิคอัพขนาด 1 ตัน เอาไปบรรทุก 4 ตัน ถ้าไม่อืดก็แปลกประหลาดของรถล่ะ
แต่รถพวกนี้อย่างที่ผมบอกไป จุดด้อยคือเกียร์ธรรมดากับอัตราทดเฟืองท้าย ถ้าได้เกียร์ออโต 4 speed มาช่วยกับอัตราทดที่มากขึ้น จะช่วยให้การขับขี่ได้กำลังมามากขึ้น และการใช้งานกำลังมาต่อเนื่องไม่สูญเสียไปกับการบรรทุกหนัก และต้องปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ ด้วย
เพราะรถ Hilux Vigo 2.7 mt ที่ทำออกมารุ่นหลังนั้นเป็นแค่เกียร์ธรรมดา เอาไว้ตอบสนองการขับแบบบรรทุกเรื่อย ๆ ขับไม่ต้องใช้กำลังมากนัก อัตราทดเฟืองท้ายจะอยู่ที่ 4 :1 หรืออัตราทด 10:41 ซึ่งจะต่างจากรุ่นเดิม เกียร์ออโต + เฟืองท้าย 4: 555 หรืออัตราทด 9:41

ทีนี้ถ้าต้องการให้กำลังของรถมากขึ้นผมไม่แน่ใจว่าปรับอัตราทดเฟืองท้าย 4: 555 หรืออัตราทด 9:41 มันจะรับกับเกียร์ธรรมดาหรือไม่ผมก็ตอบไม่ได้เพราะผมไม่เคยทำ คือบรรทุก 4 ตันน่ะไหวแน่นอนแต่ถ้าอยากได้กำลังมากกว่านี้ท่านก็ต้องหันไปหา Vigo 3.0 ดีเซลคอมมอมนเรลจะได้กำลังที่มากกว่ามาต่อเนื่องได้ดีกว่า แบบนั้นจะเหมาะสมกว่าแน่นอนครับ
แต่ถ้าจะเลือกเอา 2.7 เพื่อให้ประหยัดด้วย ซ่อมถูกด้วย กำลังแรงกว่าด้วย ในโลกนี้ทำไม่ได้ครับ ที่ทุกอย่างจะดีพร้อมโดยไม่มีข้อเสีย
หรือถ้าจะเลือก Vigo 3.0 เพื่อให้ประหยัดด้วย ซ่อมถูกด้วย กำลังแรงกว่าด้วย ในโลกนี้ก็ทำไม่ได้เช่นกันครับ ทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียต้องบวกลบกันเอาเอง ทั้งนั้น
ในรถดีเซลคอมมอนเรลจะให้ปัญหาน้อยไม่ต้องอุด EGR คือรถที่ต้องใช้งานมาก ๆ ใช้งานหนัก ๆ เกิดความร้อนสะสมสูง ๆ จึงจะดี จะไม่ค่อยมีปัยหา ส่วนรถรุ่นอื่นปัจจุบันก้เช่นกัน ไม่ว่าเบนซินดีเซล มันออกแบบมาให้ใช้งานเยอะๆ ในปัจจุบัน ซึ่งจะต่างจากรถสมัยก่อนแล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 18/3/2557 เวลา : 10:01  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37543

คำตอบที่ 142
       http://www.weekendhobby.com/landcruiser/webboard/Question.asp?ID=851

มีอีกหลายเคสที่ยกตัวอย่าง รถดีเซลซ่อมแพง ถ้าจุกจิกขึ้นมาแล้วซ่อมจบยาก และต้องใช้เงินลงทุนที่สูงพอสมควร ไม่ว่ารุ่นนั้นจะเป็นดีเซลคอมมอนเรลหรือไม่ก็ตาม เพราะดีเซลซ่อมถูก ไม่จุกจิก อะไหล่หาง่ายและทนทาน คำพูดนี้มันหมดไปตั้งแต่ยุคปี 2000 ต้น นานมาแล้ว เพียงแต่คนรู้หรือคนใช้เองยังไม่รู้ฝังใจกับเรื่องเดิม ๆ มาตลอด คิดว่าดีเซลจะทนทานซ่อมถูก ไม่จุกจิก เหมือนกันหมด
จากลิ้งค์บน คือรถ TOYOTA Landcruiser ดีเซล อู่เทพดีเซลหลายอู่ยังไม่สามารถจบปัญหาได้เลย รถพวกรถนำเข้าดีเซลราคาแพงที่ไม่ค่อยมีในบ้านเรา ถึงเวลาซ่อมก็อาจจะต้องเจอปัยหาแบบนี้เช่นกัน รวมถึงความชำนาญในการซ่อมของช่างที่มีรถให้ทำน้อย พวกนี้พอเปิดมาซ่อมแล้ว จบยากทีเดียว ของทุกอย่างมีอายุต้องซ่อมเช่นกัน

เช่นเดียวกับ Mitsu Pajero GDI ดีเซล ที่จริงรถตัวนี้ตอนนำเข้ามาขายเมืองไทย ราคาแพง 2.8 ล้านบาทสมัยนั้น
ผมเคยไปลูบ ๆ คลำ ๆ ลองไปนั่งของลูกชายประธานกรรมการบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชื่อดังของไทย ใครก็บอกทั้งนั้นว่ารถดีเซลซ่อมถูกกำลังดีน่าเลือกเครื่องดีเซลมากกว่า แต่ไมได้ทราบเลยว่าถ้าถึงเวลาซ่อมมันก็หนักเอาเรื่องอยุ่เหมือนกัน และที่สำคัญมันจบยากน่ะซิ หาคนจบไมได้นี่ลำบาก เคสนี้ปั๊มเชื้อเพลิงมีปัญหา เบิกใหม่จากศูนย์มิตซู ลูกล่ะ 1.3 แสน (แสนสามหมื่น ) ที่จริงรถอย่างNissan Frontier ก็แบบเดียวกันคือราคาอะไหล่ที่ Nissan ตั้งราคาไว้ก็ลูกล่ะ 1.5 แสน (แสนห้าเหมือนกัน ) คือราคาปกติของพวกนี้ แต่โชคดีที่ของ Nissan มีร้านจบได้ลูกล่ะ 5 หมื่นบาท ตอนต้นกระทู้นี้ผมลงไว้แล้วกับรถตู้ Nissan ดีเซลถ้าวิ่งถึงจุดซ่อมมันก็ต้องซ่อมเช่นกัน และซ่อมแพงด้วย อู่หรือร้านซ่อมดีเซล ทั้งล้าง อุด EGR หรือสำนักแต่งโมดีเซลบ้านเรารวยครับ บอกว่าดีเซลซ่อมถูกทนทาน ไม่จุกจิก แต่ร้านซ่อมดีเซลบ้านเรา รวยลูกค้าตรึม แห่แหนกันแน่นขนัด ตรงนี้เป็นอาชีพ ทำไมเมืองนอกจึงไม่นิยมดีเซลมากนัก เพราะเขาไม่มีอู่ทำปั๊มดีเซล มากมายเหมือนบ้านเราและค่าแรงในการซ่อมรถบ้านเค้าก็แพงมากถ้าเทียบกับราคารถที่เหลืออยู่ เพราะฉะนั้นการเลือกดีเซลมันย่อมต้องมีข้อดีและข้อเสียปนกันไป ท่านจะไปเลือกเอาทุกอย่างน่ะไม่ได้หรอก คืออยากให้ดีเซลแรง ประหยัด ซ่อมถูก ไม่จุกจิก ทนทาน ไม่ต้องซ่อม ในโลกนี้เป็นไปไม่ได้ครับ คำตอบแบบนั้น
มันต้องได้อย่างหรือเสียหลายอย่าง หรือได้อย่างเสียอย่าง ต้องรู้จักหักลบข้อดีข้อเสียเอาเอง
จะได้ทุกอย่างโดยไม่มีเสีย หรือจะให้ดีทุกอย่างไม่มีข้อเสีย เป็นไปไม่ได้ครับ
http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=9984>





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto อังคาร, 18/3/2557 เวลา : 14:06  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37546

คำตอบที่ 143
       สงกรานต์นี้บริษัทผมปิดหยุดงานยาว 1 อาทิตย์ ผมไม่ได้มีโปรแกรมเหมือนท่าน ๆคือมได้ออกไปไหนเลย
ผมเลยใช้เวลาช่วงนี้ตระเวณหาร้านซ่อมไดชาร์จ หลังจากซ่อมได้แล้วก็ต่อสายหาอาจารย์รุ่งไปซ่อมแซมระบบแก๊สเนื่องจากผมพบว่าชุดแก๊สนั้นเราใช้มาแต่ต้น และหม้อต้มแก๊ส Zavoli ที่ติดตั้งมานั้นมีอายุ 170,000 กิโลเมตรแล้ว เข้าข่ายรถใช้น้อยจะสร้างปัญหา ผมมีเวลาช่วงนี้เลยขอโอกาสไปทำซะเลย มีอาการรั่วซึมเล็กน้อยพบรอยน้ำยา Coolant ทางอจารย์รุ่งบอกไม่ต้องเปลี่ยน เพราะหม้อต้มตัวนี้ดีปัยหาน้อย แค่ซีลใหม่ก้จบปัญหาได้ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนท่อยางแก๊สท่อน้ำเข้าหม้อต้มใหม่ เปลี่ยนกรองแก๊สใหม่ จบปัญหาทุกอย่างเลยครับ ที่สำคัญค่าทำไม่แพงเหมือนเดิม สบายใจไทยแลนด์ใช้งานรถต่อได้อีกอย่างสบายใจ ผมถามจารย์รุ่งเหมือนกัน เพราะรถบางคันที่เป็นรถเชิงพาณิชย์หม้อต้มกว่าจะพังใช้เวลานานมาก ส่วนใหญ่เกิน 3 แสนกิโลเมตร หม้อต้มอยู่ได้สบายมาก แต่รถบ้าน ๆ ใช้งานน้อย หม้อต้มพังที่ 1 แสนกว่าโล อาจารย์รุ่งบอกว่าอาจจะเป็นที่ตัวผ้าหม้อต้ม รถบ้าน ๆ โดยเฉพาะรถที่ชอบจอดทิ้งมากกว่าใช้งาน มันต้องรับอุณหภูมิเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นแตกต่างกันตลอดเวลาทำให้อายุสั้นมาก ในขณะที่รถใช้งานเชิงพาณิชย์มันร้อนตลอดการเปลี่ยนแปลงผ้าหม้อต้มมีน้อย การสึกหรอน้อยกว่ามาก


วันศูกร์ 18 / 4/ 2557 ที่ผมเอารถไปซ่อมระบบแก๊สมานั้น เห็นมีรถตู้ 2.7 มาเปิดฝาสูบ ซ่อมเกียร์ยกคลัทซ์อยู่ด้วยคันนึงไม่รู้ของใคร
ส่วนรถคันอื่น ๆ ก็ยังมีถามทางเข้ามาอู่กันอยู่ตลอด ส่วนใหญ่บอกกันปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าจากที่อื่นเข้ามามาก
พวกเราหลายท่านก็เคยเข้าไปที่อู่กันอยุ่แล้ว ตามที่ผมแนะนำไป คุ้มค่าสำหรับการเดินทางไป ตอนนี้อู่อาจารย์รุ่งเขาทำใหม่แล้ว มีลิฟท์ยกรถมากขึ้นถึง 3 ตัว มีห้องรับรองลูกค้า ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ถ้าใครต้องการไปติดตั้งแก๊สหรือซ่อมระบบแก๊ส ก็โทรไปได้ที่เบอร์ 081-589-9699



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 21/4/2557 เวลา : 09:56  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37710

คำตอบที่ 144
       ถึงคุณ AUTO

อู่อาจารย์รุ่ง อยู่ที่ไหนครับ



Bangkla Chachoengsao
จาก : Auto.(Auto.) 21/4/2557 13:19:47 [202.80.239.130]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tonpai753 จาก ต้นไผ่ 202.29.212.11 จันทร์, 21/4/2557 เวลา : 11:52  IP : 202.29.212.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37712

คำตอบที่ 145
       รูปภาพตัวกรองน้ำมันและปั๊มติ๊กรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ซึ่งรถมีปัญหาปั๊มเชื้อเพลิง พังและ ลูกลอยเกจ์น้ำมันเสีย เนื่องจากรถคันนี้ได้เติมแก๊สโซฮฮลคาถังไว้นาน ๆ โดยไม่ค่อยได้ใช้ ทำให้ระบบน้ำมันเสียหาย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto อังคาร, 22/4/2557 เวลา : 09:53  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37718

คำตอบที่ 146
       สนิมจับตัวเรือนปั๊มทำให้ระบบลูกลอยเสียหาย เกจ์น้ำมันไม่ทำงาน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto อังคาร, 22/4/2557 เวลา : 09:58  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37719

คำตอบที่ 147
       สนิมเต็มไปหมดเพราะการเสียคุณสมบัติน้ำมัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto อังคาร, 22/4/2557 เวลา : 10:02  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37720

คำตอบที่ 148
       รถคันนี้ถึงแม้จะสเปกจะให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลได้ก็ตาม แต่ก็ยังพบปัญหาข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากผู้ใช้
ควรศึกษาการใช้รถให้ดี ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้หรือรถคันนั้นติดตั้งแก๊ส มีการใช้น้ำมันน้อย ควรเปลี่ยนมาเติมเบนซิน 95 เพื่อความประหยัดและปลอดภัย






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto อังคาร, 22/4/2557 เวลา : 10:05  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37721

คำตอบที่ 149
       มันมีตัวอย่างเคสนึงน่าสนใจมาก เผื่อเป็น ปสก. ตัวอย่างของท่าน ๆ ทั้งหลาย


ถ้าสมาชิกรุ่นเก่าที่ยังจำกันได้ ตอนเราจัดท่องเที่ยวไปไหว้พระที่ลพบุรี มีเพื่อนผมที่ทำงานไปด้วย 1 คัน คือโต้ง ใช้ Fortuner 2.7 4x4 สีเทาดำ รถคันนั้นจากเดิมเขาบับไปทางด่วนพระราม 2 จากนั้นเกิดอุบัติเหตุไปชนกับเศษยางอะไหล่รถ 10 ล้อที่อยู่กลางถนน ทำให้รถเสียหายด้านหน้า
1. เริ่มจากเรื่องแรก รถไม่ได้ทำประกันชั้น 1 แล้ว ผมจำไม่ได้ว่าเขาทำชั้น หรือ 3 แต่ไม่มีคู่กรณีที่เป็นรถยนต์ด้วยกัน เคลมไม่ได้ประกันไม่ให้เคลม เงื่อนไขในสัญญาจะเป็นแบบนั้น ต้องจ่ายเงินเอง เขาโทรมาหาผมตอนเกือบเที่ยงคืน เพราะรถขับต่อไม่ได้ หาอู่ที่จะลงซ่อมปรากฎว่าไม่มีเลย ทุกอู่งานล้นมือ และไล่กลับหมดไม่ให้เอารถมาจอดด้วย ถือเป็นเคสอุทาหรณ์ สำหรับคนที่คิดจะไม่ทำประกันชั้น 1 เอาไว้ ติดรถยามฉุกเฉินแน่นอนว่าประกันคงไม่มีใครอยากใช้บริการแต่ถ้ามันเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว ท่านจะรู้ซึ้ง ปัจจุบันรถเขาซ่อมเสร็จแล้วซ่อมเร็วมากพอดีเขาไปได้อู่นึงที่รับแปลงหน้าทุกอย่างของฟอร์จูเนอร์สามารถซ่อมคืนกลับได้เหมือนเดิมในเวลารวดเร็ว จ่ายเงินค่าซ่อมเอง เคสนี้หมดเงินค่าซ่อมให้คืนกลับมาดังเดิม 1 แสนกว่าบาท ( เงินสดตัวเอง) ถ้าเป็นประกันชั้น 1 เบิกค่าซ่อมจะอยู่ราว 1 แสนปลาย ๆ เกือบ 2 แสนบาท (แต่ไม่ต้องจ่ายเงินเอง)


2. หลังจากซ่อมรถกลับมาแล้วตอนเอามาใช้งาน เกิดปัญหาเครื่องเดินไม่เรียบเป็นทั้งแก๊สและน้ำมัน อู่ซ่อมสีไม่สามารถทำได้เพราะตัวเครื่องยนต์ไม่ได้เสียหายอะไรตั้งแต่แรกตอนนำรถเข้าอู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พอซ่อมเสร็จเครื่องยนต์กลับมีปัญหา
เขาเลยมาถามผมผมก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันน หลังจากนั้นเขานำรถเข้าไปซ่อมอู่แห่งนึงที่ลาซาล บางนาแต่อู่นี้ทำไมได้เพราะไม่เข้าใจระบบเครื่องยนต์ 2.7 อาการเดินไม่เรียบเหมือนวาล์วยันในรถเก๋ง ช่างต้องการเปิดฝาสูบมาดูวาล์วเขาก็เลยไม่ทำ อู่นี้แนะนำให้มาหาเพื่อนอีกอู่นึงที่พระขโนง ทำ 2 วันเสร็จ
---------- 2.1 เริ่มจากอาการแรก ระบบน้ำมัน ช่างได้ทำการถอดมาล้างแอร์โฟวล์ ล้างลิ้นปีกผีเสื้อปรากฎว่าเจอปัยหาคราบการเผาไหม้ที่มีปัญหาหลังจากล้างแล้วอาการดีขึ้นรอบเครื่องยนต์กลับมา แต่ยังไม่นิ่งสนิท
--------- 2.2 จากนั้นหลังจากช่างพบอาการว่าเครื่องยนต์ยังไม่นิ่งสนิท จึงตรวจดูใหม่โดยถอดหัวฉีดน้ำมันมาล้างทำความสะอาดทั้ง 4 หัว เนื่องจากรถคันนี้โต้งเพื่อนผมยังใช้แก๊สโซฮอลเติมไว้ในถังมาตลอด ปรากฎว่าอาการที่พบหลังจากถอดออกมาแล้ว หัวฉีดน้ำมันตันสกปรกจากการเผาไหม้ของน้ำมันแก๊สโซฮอล จึงล้างทำความสะอาดหัวฉีด (อู่นี้ล้างได้ ) หลังจากนั้นรถกลับมาเป็นปกติทุกอย่างในระบบน้ำมัน แต่แก๊สยังเป็นปัญหาอยู่

------------- 2.3 อู่นี้ทำการซ่อมระบบแก๊สด้วย ลองวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า หัวฉีดแก๊สน่าจะเสียหาย จึงแนะนำให้เปลี่ยนชุดแก๊สใหม่
แต่ชุดแก๊สเดิมเป็นของ BRC ฮาร์ดร๊อกเฉพาะและต้องมีสายจูนเฉพาะ อู่นี้ก็เลยแนะนำเปลี่ยนใหม่เลย เป็นของ AC ไม่ต้องซ่อมระบบของ BRC อีก เพราะยี่ห้อ BRC ถึงแม้จะดีแต่หาที่จูนที่ซ่อมยากไม่ค่อยมีอู่รับทำ หลังจากเปลี่ยนชุดแก๊สใหม่อาการเดินเบาแก๊สไม่ได้และรถไม่มีกำลังในระบบแก๊สก็หายไปเลย ค่าเปลี่ยนชุดแก๊สกับซ่อมล้างระบบเครื่องยนต์ถูกมาก อู่นี้คิดราคา 10,000 บาท รวมทุกอย่างแล้ว



สรุป
- อู่นี้เก่งมากและมีความชำนาญในการวิเคราะห์ปัญหาทีละอาการ เขาไล่ซ่อมแก้ไขระบบน้ำมันให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อน วึ่งไล่ทีล่ะปัญหาของระบบน้ำมันจนเสร้จสิ้น หลังจากนั้นจึงไล่ซ่อมระบบแก๊ส แยกตัดตัวเลือกทีล่ะปัญหา แก้ได้ตรงจุด ถ้าเป็นอุ่อื่น ๆ ไม่น่าจะแก้ได้แบบนี้เพราะถ้าช่างไม่เก่งพอ ไม่ใส่ใจที่จะทำ รับรองว่าปัยหาแบบนี้แก้ไม่ได้ เพราะรถคันเดียวมีสาเหตุต้องซ่อม 3- 4 ปัญหา ฝากถึงคนจะติดแก๊สถ้าคิดไปเข้าอู่ที่ไม่ได้ซ่อมแซมระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่างเก่ง ๆ สักแต่ว่าทำงานติดแก๊สอย่างเดียว ไม่ได้รับแก้งานให้รถคันอื่นด้วยล่ะก็ท่านเจออู่แบบนี้เข้าไป ท่านจะปวดหัวอย่างหนักกับการเอารถไปติดแก๊สและต้องกลับมาซ่อม ที่สำคัญซ่อมถูกมาก ๆ ๆ แก้งานขนาดนี้รวมติดแก๊สใหม่จบงานที่ประมาณ นี้ อู่อย่าถามผมในนี้นะครับเพราะอู่นี้เป็นแบบเดียวกับอู่อาจารย์รุ่ง คือไม่เล่นเนต ไม่มีการโฆษณาตัวเองทางเนต เปิดหาในเวปไซด์ก็ไม่เจอ รักในงานตัวเองทำ ไม่ได้ทำเพื่อเอากำไรทางธุรกิจเหมือนอู่แก๊สหลาย ๆ อู่

----------- น้ำมันแก๊สโซฮอลยังไงก็ไม่ควรใช้ รถคันนี้เพื่อนผมใช้แก๊สโซฮอลมาตลอด วิ่งได้ 160,000 กิโลแล้ว ปกติวิ่งมาทำงานในเมือง วันนึง ไปกลับ 40 โล นานออก ตจว ไปอุดรธานีบ้านแฟนทีนึงในรอบปี ทำให้การเผาไหม้ของน้ำมันแกสโซฮอลไปสร้างปัญหาให้ Air flow และลิ้นปีกผีเสื้อ เป็นคราบสกปรก ปกติแล้วรถใช้แก๊สจะเป็นคราบสีขาวแต่นี้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลมาเป็นเวลานานแล้ว เกิดคราบยางเหนียวทำให้ระบบเซนเซอร์สกปรก อ่านค่าไม่ได้
---------- รถเขาเติมแก๊สโซฮฮอล พอเกิดอุบัตเหตุก่อนสงกรานต์ 1 เดือน พอซ่อมสีหลังจากรับรถออกมาก่อนสงกรานต์ ด้วยความที่น้ำมันแก๊สโซฮอล เสียคุณสมบัติไปแล้วหลังจากรถจอด ซ่อม 1 เดือน ทำให้หัวฉีดน้ำมันเสียหายหมดทั้ง 4 หัว เกิดคราบยางเหนียวอุดตันรูหัวฉีดทำให้รถเดินเบาไม่ได้

-------- ตอนนี้โต้งเพื่อนผม ได้แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันทั้งหมดมาใช้เบนซิน 95 แทนแล้ว เพราะล้างระบบสะอาดแล้ว และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก ส่วนการกินน้ำมันไม่น่าห่วง เพราะว่ารถเขาเปลี่ยนมาใช้ชุดแกส AC แล้ว ช่างที่อู่นี้ตั้งความร้อนการเปลี่ยนเป็นแก๊สไว้ที่ 50 องศา ตัดเร็วมากและนิ่งมาก ( รถตัดปั๊มติ๊กแล้ว ) ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับที่ผมแนะนำไปจะทำให้ประหยัดน้ำมันมากและรถจะไม่มีปัยหาเดือนนึงเติมไม่เกิน 300 บาท และรถเปลี่ยนมาใช้ 95 ได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งกับแก๊สโซฮอลอีก

------------ ถ้าใครจะใช้แก๊สโซฮอลอีก ผมแนะนำว่าไม่ควรใช้ควบคุ่กันกับรถใช้แก๊ส ต้องเลือกอย่างใดอย่างนึง ถ้าจะใช้น้ำมันอย่างเดียวไม่ติดแก๊สรถยนต์สามารถเติมแก๊สโซฮอลได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร หรือถ้าใช้แก๊สแต่จะใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลด้วยต้องทำตามคู่มือที่บริษัท Mitsubishi thailand แนะนำ คือต้องสลับน้ำมันใช้ตลอด ต้องใช้น้ำมันให้มากพอด้วยและต้องใช้น้ำมันในถังนั้นให้หมด ภายใน2-3 อาทิตย์ ไม่ควรเกิน 1 เดือนเป็นอย่างช้า แล้วเติมน้ำมันของใหม่เข้าไปอยู่เสมอ แต่ทำแบบนี้จะสิ้นเปลีองมากกกว่ารถที่ใช้เบนซิน 95 และตัดปั๊มติ๊กแล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 28/4/2557 เวลา : 09:49  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37766

คำตอบที่ 150
       เอ.. พวก "ไทยนิยมดีเซล" หรือ "บอสเซอวร์วิส" ช่วยไม่ได้หรอครับ .... อีกเจ้าผมจำชื่อไม่ได้อะ .. อยู่เชียงกงบางนา
จาก เอก@ดอนเมือง



ถอยกันหมดเลยครับ แถมบอสขอค่าแรงเปิดดูซ่อมได้หรือไม่ได้ไม่รู้ต้องจ่าย7000ไม่รู้เปิดปั๊มหรือเปิดอะไร..
จาก : rottapan(rottapan) 19/3/2557 20:45:54 [115.87.118.2]
พอมีอะใหล่หน้ากบมาแบ่งปันบางชิ้นทั้งภายในและนอกคับ 094 4902335 ภุชง
จาก : zmo066(zmo066) 20
http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=9984
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////

รถดีเซล Mitsu Pajero GDI ในคำตอบ 142 เจ้าของเขายังหาที่ซ่อมไม่ได้เลยนะครับ แถมราคาเปิดมาดูก็แพงมาก 7000 บาท ยังไม่รู้จะซ่อมได้หรือเปล่าเลย พวกรถนำเข้าดีเซลตอนนี้ยิ่งน่ากลัวเพราะหาร้านจบไม่ได้ ซ่อมไม่ได้




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 29/4/2557 เวลา : 14:17  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 37817

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 5 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,20 เมษายน 2567 (Online 5541 คน)