WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


................สองขาลุย......ล้อมวงคุย.......เรื่องเดินป่า................
xr-boy
จาก xr-boy
IP:110.49.226.218

อังคารที่ , 8/5/2555
เวลา : 14:03

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ด้วยหลงเข้ามาอ่าน มาดู ในห้องนี้ ( เดินป่า ) แล้วตกหลุม.....อย่างแรง! ด้วยมีใจรัก ในการ ท่องเที่ยว แบบผจญภัยฯ ไปในป่าฯ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่า เหมือนได้ พบ โอเอซีส หลังจาก ดุ่มเดินมาลำพังอยู่นาน จึงอยากเชิญชวน ให้ผู้ที่ชอบและสนใจ ในสิ่งเดียวกัน ได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยน และ แบ่งปัน ประสพการณ์ หรือแม้แต่ อยากพูด อยากบอก แม้กระทั้ง อยากถามอะไร ในเรื่อง การเดินป่า แก่กัน.....เชิญทางนี้เลยครับ...... โดยส่วนตัว ต้องขอบคุณ ทางเวบวีคเอ็นฯมากครับ ที่เป็นสื่อกลาง ให้ได้รู้ จักผู้ที่ ชื่นชอบ ในสิ่งเดียวกัน ผ่านทางรูป ภาพ และตัวอักษร.........ก่อนที่จะได้มีโอกาส พูดคุย ทางโทรศัพย์ แล้วได้เจอ ตัวจริง เมื่อได้ออกทริป ด้วยกันในท้ายสุดครับ............






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  

คำตอบที่ 61
       ยังรอฟังเรื่องราวต่างๆของพี่แนวไพร อยู่นะครับ





ป่าสวยน้ำใส ที่ใหนครับนี่ เห็นแล้วนึกถึงตอนรถไปจมน้ำของที่แม่ฮ่องสอนเมื่อ20กว่าปีก่อนเลย
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 11:04:05 [183.89.58.38]
ในรูปเป็นเส้นทางเข้าเกาะสะเดิ่งครับ กลุ่มเกียกำลังช่วยเพื่อนร่วมทางข้ามน้ำ
จาก : ภูผา(phupha) 14/12/2555 5:53:23 [61.91.73.21]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 27.130.84.245 พุธ, 23/5/2555 เวลา : 12:01  IP : 27.130.84.245   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2894

คำตอบที่ 62
       แอบมาอ่าน เป็นเรื่องเล่าเคล้าเรื่องจริง ได้ทั้งความรู้และความชอบ วันหลังมาอ่านต่อนะคะ คงไม่ว่ากัน



ยินดีครับ เรื่องในอดีตอันแสนนานน่ะครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 11:00:44 [183.89.58.38]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

พัทธยา จาก พัทธยา 125.27.98.225 ศุกร์, 25/5/2555 เวลา : 18:54  IP : 125.27.98.225   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2902

คำตอบที่ 63
       รอพี่ตู่ แนวไพร อยู่เหมือนกันกำลังมัน สงกะสัยอู้ ไม่ขุดหาระเบิด นายทำโทษแง๋ คอย ๆอยู่น่ะพี่




ใจเย็นๆใกล้จบแล้วท่านนายหัว
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 28/5/2555 10:58:21 [183.89.58.38]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ds-boat จาก DSA 118.173.213.37 เสาร์, 26/5/2555 เวลา : 00:14  IP : 118.173.213.37   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2903

คำตอบที่ 64
       ขออำภัยมิตรรักแฟนเพลงนะครับที่หายไปหลายวัน ด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่อาจเข้าเน็ตได้ อิอิ
เข้าสู่เรื่องราวบทสุดท้ายของชีวิตในป่าพม่าใต้เลยแล้วกันนะครับ
ชีวิตในป่าส่วนใหญ่ก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายตรงไปตรงมา กฏกติกาข้อแรกแห่งการอยู่รอดก็คือผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด แต่สำหรับสังคมมนุษย์ผมยังสงสัยอยู่ว่าเรื่องราวมันควรเป็นเช่นไร
ในวันที่วัยยังห้าวด้วยวัยหนุ่ม โลดแล่นไปด้วยหัวใจที่ไม่เคยคิดฝันถึงสิ่งใดไกลเกินกว่าวันพรุ่ง จากสุดแดนตะวันตกเขตประเทศ สู่ดินแดนอดีตแห่งสยามที่ยังดิบเถื่อนร่มเย็นด้วยเงาป่าถ้ำลำไพร แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นไอของสงครามและการต่อสู้ไม่เคยขาดหาย จนถึงทุกวันนี้ที่ผ่านร้อนหนาวตามฝัน ล้มลุกคลุกคลานซ้ำแล้วซ้ำอีก บางครั้งไม่กล้าคิดต่อ วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
ถ้าจะให้ทบทวนตอนนี้ผมไม่แน่ใจนักเรื่องราวแท้จริงเกิดขึ้นปีใด พศ ใด แต่ผมยังจำได้ดีว่ามันเป็นสายๆของวันเสาร์ต้นเดือนเมษา แต่บนท้องฟ้าเกลื่อนไปด้วยเงาฝน จากมรสุมแห่งอันดามันที่เริ่มก่อตัวและตกลงมาบ้างแล้ว ในหมอนไม้และท่าเรือมีแต่ความเงียบเหงา พี่ที่เป็นผู้จัดการป่าและคนงานอีกหลายคนเข้าไปธุระที่ฝั่งไทย ฝนที่ตกเมื่อหลายวันก่อนทำให้รถบรรทุกไม้หยุดวิ่งไปหลายวัน ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำมากนัก หนุ่มรุ่นน้องจากถิ่นแม่กลองที่เป็นทั้งน้องที่รักและลูกน้องขออนุญาติผมที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการป่าอีกตำแหน่งหนึ่งแทนพี่คนเก่าที่ลาออกไป เพื่อยืมปืนออกไปเที่ยวป่าละแวกนั้น จำไม่ได้แล้วว่าทำไมผมจึงไม่ได้ออกไปด้วย แต่จะด้วยเหตุใดก็ตาม นั่นก็ทำให้วันนั้นกลายเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้อยู่ที่นั่น
ก่อนเที่ยงไม่นาน รถบรรทุกไม้ของผู้รับเหมารายหนึ่งวิ่งมาจอดที่หมอนไม้ เป็นรถบรรทุกไม้คันแรกในรอบหลายวันหากแต่ว่าบนรถแทนที่จะเป็นไม้ซุง มันกลับเป็นชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสงครามกลุ่มหนึ่ง ฝุ่นยังไม่ทันหายตลบพวกก็มาถึงตัวผมเสียแล้ว แม้จะใจไม่ค่อยดีเท่าไรแต่ผมก็พยายามทำใจดีสู้เสือเชื้อเชิญพวกเขาในฐานะเจ้าของบ้าน คงไม่มีอะไรหรอกผมพยายามปลอบใจตัวเอง แม้จะมาอยู่ที่นี่ไม่กี่ปีผมก็มีโอกาสเผชิญหน้ากับทั้งนักรบชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆและทหารพม่ามาหลายครั้ง จนบางครั้งอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าจะดวงสมพงษ์กันเกินไปหรือเปล่า เพราะจริงๆแล้วผมยังเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยย่างเบญจเพศเท่านั้น แต่ดูเหมือนหลายครั้งผมกลับต้องทำหน้าที่พบปะและเจรจากับพวกนี้แทนผู้ที่อาวุโสกว่าอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับครั้งนี้เรื่องราวมันยุ่งยากกว่าแค่การมาขอเสบียงเช่นกลุ่มอื่นๆโดยทั่วไป เล่นเอาผมอึ้งไปเมื่อผู้ที่ท่าทางเป้นหัวหน้ากลุ่มแจ้งความประสงค์ให้ผมทราบว่า พวกเขาต้องการเก็บภาษีจากการทำไม้จากบริษัทของเราเนื่องจากบริษัทของเราไม่เคยจ่ายเงินให้แก่พวกเขาเลยตั้งแต่เข้ามาทำไม้ที่นี่เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ผมจึงชี้แจงไปว่าทางบริษัทได้เสียภาษีหรือที่เรียกว่าค่าก๊อกให้แก่กลุ่ม knu ทุกปี ก็ได้รับคำตอบว่า เรื่องของ knu ก็คือเรื่องของ knu พวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวกับ knu และไม่ได้เป็นลูกน้องของ knu ด้วย เพราะฉะนั้นถึงเราจะจ่ายให้ knu ก็ต้องจ่ายให้พวกเขาด้วย เท่าไรล่ะผมถาม ปีละ 2 ล้าน 4 ปีก็ 8 ล้าน หัวหน้ากลุ่มตอบ ผมจึงบอกเขาว่าผมเข้าใจดี แต่ผมเป็นแค่ลูกจ้างตัวเล้กๆคนหนึ่งของบริษัทคงตอบอะไรไม่ได้ แต่ผมจะรีบส่งข่าวไปให้ทางบริษัทรู้โดยเร็วที่สุดก็แล้วกัน ซึ่งผมนึกว่าเรื่องมันจะจบเพียงแค่นี้ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เมื่อนายทหารหัวหน้ากลุ่มบอกผมว่า พวกเราได้ติดต่อกับบริษัทของท่านมาหลายครั้งแล้วแต่ดูเหมือนบริษัทของท่านจะคิดว่าพวกเราไม่มีน้ำยา พวกเราจึงมาที่นี่ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าหากพวกเราคิดจะทำอะไรพวกท่าน ไม่ว่าจะพวกทหารพม่าหรือพวก knu ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วใจผมก็แทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเขาพูดต่อว่า เพราะฉะนั้นคุณต้องไปกับพวกเรา ไม่ต้องกลัวเราจะไม่ทำอะไรคุณหรอกเราแค่ต้องการให้บริษัทของคุณรู้ว่า อย่ามองข้ามพวกเราเท่านั้น ถ้าผมไม่ไปล่ะ ผมแข็งใจถาม
ตัวหัวหน้ากลุ่มยิ้มแล้วตอบเรียบๆว่า ถ้าคุณไม่ไปกับเรา เราจะวางระเบิดท่าเรือและถนนทุกสายที่วิ่งมาที่นี่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 183.89.58.38 อาทิตย์, 27/5/2555 เวลา : 22:31  IP : 183.89.58.38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2905

คำตอบที่ 65
       ก่อนหน้านั้น 3-4 ปี ตัวผู้ที่เป็นผู้จัดการป่าของบริษัทและผู้รับเหมาก็เคยถูกกลุ่ม knu จับไปครั้งหนึ่ง โดยทั้งคู่ถูกพาไปที่ค่ายถ้ำดิน ซึ่งเป้นค่ายใหญ่ที่สุดของฝ่าย knu ในแถบนี้ ค่ายนี้จะอยู่ตรงพรมแดนไทยพม่า ตรงเนิน 491ตรงช่วงอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร มีผู้พันโรเบิร์ตสันเป็น ผบ. กะระยะทางคร่าวๆทั้งคู่ถูกพาเดินเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 150 กิโล ใช้เวลาเดินทางในป่า 7 วัน และถูกขังอยู่ที่นั่นอีก 3 วันกว่าจะถูกปล่อยกลับมา ( หลังจากบริษัทจ่ายเงินให้ตามข้อเรียกร้อง) ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันจะมาเกิดแก่ตัวเอง
หลังตัวหัวหน้าชุดของกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ซึ่งตอนนี้รู้เพียงว่าเป็นกลุ่มที่ชื่อว่ากองทัพประชาชนประชาธิปไตยพม่า หรือชื่อย่อว่า DPA มีสัญลักษณ์ประจำกลุ่มเป็นรูปดาวสีดำดวงเดียวบนพื้นแดง พูดจบก็ทำเอาผมต้องคิดหนัก จากคำขู่ถ้าเป็นจริง อย่างช้าวันนี้พรุ่งนี้บรรดารถบรรทุกไม้ที่หยุดวิ่งไปหลายวันเนื่องจากทางเปียกก็จะเริ่มวิ่งอีกครั้ง และเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจของผมอาจส่งผลต่อชีวิตของคนหลายคน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าแล้วบอกตรงๆว่า ผมก้เป้นปุถุชนที่รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ดูเหมือนตัวหัวหน้าชุดซึ่งทราบทีหลังว่ามียศร้อยโทจะเห็นท่าทางลังเล จึงเร่งให้ผมตัดสินใจและบอกว่าอนุญาติให้เอาคนไปเป็นเพื่อนได้หนึ่งคน ทำให้ผมอดนึกถึงลูกน้องคนที่สนิทที่สุดที่ขออกไปเที่ยวป่าตอนเช้าไม่ได้ แต่อีกใจก็คิดไม่ว่าผมจะเรียกใครไปเป็นเพื่อนก็ตาม หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาผมคงไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตเขาได้ และคงกลายเป็นตราบาปติดในใจผมไปตลอดจึงตัดสินใจตอบ ไม่เป็นไรผมไปคนเดียวได้ ส่วนในใจคิดปลอบใจตัวเอง เอาวะไปคนเดียวเกิดอะไรขึ้นคนเดียวคล่องตัวกว่า จากนั้นเขาก็อนุญาติให้ผมเตรียมตัวซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากนอกจาก เปลี่ยนเป้นชุดเดินป่า เป้หลังที่มีเสื้อผ้าสำรองหนึ่งชุด ถุงนอน กระติกน้ำ และกล้องถ่ายรูป ซึ่งผมนึกในใจตอนขออนุญาตินำกล้องติดตัวไปด้วยว่าใหนๆก็ใหนๆแล้วเผื่อจะได้มีหลักฐานเอาไว้เตือนใจยามที่รอดตายกลับไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 183.89.58.38 อาทิตย์, 27/5/2555 เวลา : 23:16  IP : 183.89.58.38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2906

คำตอบที่ 66
       เมื่อผมพร้อม กลุ่มทหาร DPA ก็พาขึ้นรถบรรทุกไม้คันเดิมที่มีตัวผู้รับเหมารายย่อยรายหนึ่งนั่งอยู่ด้วยพาวิ่งย้อนกลับเข้าไปในป่า ผมสอบถามตัวผู้รับเหมาซึ่งเป็นเจ้าของรถคันนี้ด้วยว่าไปไงมาไง (ขอสงวนชื่อแกก็แล้วกันนะครับ) แกก็บอกว่าพวกนี้ไปจับแกที่ปางแกบังคับให้เอารถไปส่งที่ปางผมตั้งแต่เช้ามืด รถวิ่งมาสองสามชั่วโมงก็สุดทาง จากนั้นจะต้องเริ่มเดินเท้า ตอนแรกทางกลุ่มDPAก็บอกว่าจะเอาตัวผู้รับเหมารายนี้ไปด้วย ซึ่งผมก็ห้ามไว้บอกไม่เป็นไรเอาผมไปคนเดียวก้พอ ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษเพราะตอนหลังแกกลับไปพูดทำนองว่า ผมอยากดังหรือไม่ก็รู้เห็นเป็นใจกับบรรดาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่ากลุ่มนี้ ซึ่งกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมถูกลอยแพจากทางบริษัทในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามในตอนนั้นผมก็ไม่ได้เอะใจหรือคิดอะไรนอกจากคิดว่า เป็นอะไรไปคนเดียวน่าจะดีกว่า และอีกเหตุผลหนึ่งน่าจะเพราะผมมีความเชื่อมั่นในตัวเองพอสมควรว่าจะเอาตัวรอดได้
หลังจากนั้นพวกเราอันหมายถึงบรรดานักรบ DPA ซึ่งมีจำนวนประมาณ สิบกว่าคน มีพูดไทยได้สองคนคือตัวคนนำทางซึ่งเล่าให้ผมฟังทีหลังว่ามีพ่อเป้นคนไทยพลัดถิ่นแถบด่านสิงขร ส่วนแม่เป็นพม่า กับตัวนายร้อยโท หัวหน้าชุดซึ่งเคยไปเรียน ( และฝึกทหาร) ในเมืองไทย ความจริงยังมีระดับนายทหารอีกคนหนึ่ง ซึ่งความจริงมียศร้อยเอกสูงกว่าตัวหัวหน้าชุดด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนตัวนายร้อยโทจะมีอำนาจและอิทธิพลมากกว่า ผมมารู้ทีหลังว่าเพราะเป็นลูกชายของผู้พันหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มนั่นเอง ก็เริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ผมรู้เพียงว่าเป็นค่ายใหญ่ของพวกเขาซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากชายแดนไทยมากนัก เราเดินไปตามทางด่านเล็กๆอย่างเงียบๆโดยมีผมถูกคุมอยู่กลางขบวน เดินไปไม่นานผมก็จับสังเกตุได้ว่าการเดินของนักรบพวกนี้ถึงจะไม่เดินไปกลางทางแต่จะเดินไปข้างๆทางมากกว่า หลังจากเดินมาได้ราว 3 ชั่วโมงเป็นเวลาประมาณ 6 โมง เราก็มาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบริเวณชายป่า เจ้าของบ้านเป็นคนไทยผมจึงได้รู้ว่าบริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเลนยา หรือหลังเคี่ยมากนัก และเราจะได้อาศัยบ้านหลังนี้เป็นที่พักในคืนนี้ เพื่อจะได้หาทางข้ามแม่น้ำสายนี้ในตอนเช้า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 183.89.58.38 จันทร์, 28/5/2555 เวลา : 00:07  IP : 183.89.58.38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2908

คำตอบที่ 67
       ผ่านคืนแรกไปอย่างเรียบร้อย แม้จะมีสถานะเป็นตัวประกัน แต่ฝ่าย DPA ก็ดูแลผมอย่างดีพอสมควรและไม่ได้แสดงท่าทีมุ่งร้ายแต่อย่างใด ตัวเจ้าของบ้านหรือกระท่อมที่เราพักนอนเองก็ได้รับการบอกกล่าวว่าผมเป็นแขกของกลุ่ม ที่อาศัยตามมาเที่ยวป่า และดูเหมือนแกจะเข้าใจเอาเองว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทยที่ปลอมตัวมาหาข้อมูลในพื้นที่มากกว่า ก่อนจากกันในตอนเช้าแกยังฝากฝังว่าให้หาทางช่วยคนไทยที่มีอยู่มากมายในแถบนั้นบ้าง ซึ่งผมก็ได้รับปากแต่ในใจก็นึกอยู่ว่าตัวเองยังไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
เราออกเดินทางจากบ้านหรือกระท่อมที่พักคืนแรกแต่เช้าตรู่หลังกินข้าวเช้าที่เจ้าของบ้านนำมาเลี้ยงแล้ว ทางช่วงแรกเป็นการเดินผ่านทุ่งนาร้างที่ยังไม่ได้มีการไถทำใดๆ คงจะรอให้ผ่านสงกรานต์ไปแล้วจึงค่อยลงมือ แต่ถึงจะเดินกันกลางทุ่งแต่หมอกที่หนาทึบก็ทำให้มองอะไรได้ไม่ไกลนัก ซึ่งก็เป็นการดีที่ช่วยปกปิดการเดินทางไปในตัว สำหรับผมแล้วระหว่างการที่ฝ่ายทหารพม่าตามมาแล้วเกิดปะทะกันเพื่อชิงตัวผม กับการเป็นตัวประกันของพวก DPA เดินทางไปจนถึงชายแดนผมขอเลือกข้อหลังจะดีกว่า
สายๆแดดเริ่มออกขับไล่สายหมอกให้จางไป เราก็มาซุ่มรออยู่ริมฝั่งแม่น้ำเลนยา ซึ่งมีความกว้างพอสมควร แม่น้ำนี้เป็นน้ำจืดแตกต่างจากแม่น้ำแยงงายีที่ผมอยู่ เป็นแม่น้ำอีกสายที่ไหลจากใต้ขึ้นเหนือ ชาวบ้านเคยเล่าให้ฟังว่ามีชาวบ้านเล่าให้ฟังว่ามีคนเคยถูกฉลามกัด ซึ่งครั้งแรกผมได้ฟังผมก็หัวเราะเพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ปลาฉลามอะไรจะมากัดคนในแม่น้ำแถมเป็นน้ำจืด ถ้าบอกว่าเป็นจระเข้ หรือปลาอื่นกัดยังน่าเชื่อมากกว่า แต่ผู้เล่าก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ต่อมาผมถึงได้รู้ว่ามีปลาฉลามพันธ์หนึ่งชื่อว่าฉลามวัว มีนิสัยชอบหากินลึกเข้ามาในแม่น้ำ จึงคิดว่าอาจเป็นฉลามชนิดนี้ก็เป็นได้ และแม่น้ำสายนี้เวลาน้ำลงจะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว บริเวณโค้งหนึ่งจะมีกระสน้ำวนดูดเรือแพจมไปนักต่อนัก ภายหลังได้ข่าวมาว่าทางบริษัทผมได้ส่งเรือลากที่จ้างมาจากประเทศอินโดนีเซียเข้าไปลากเรือบรรทุกไม้ในแม่น้ำสายนี้และถูกน้ำวนแห่งนี้ดูดเรือบรรทุกไม้ที่ลากมาจมลงไป ลูกเรือพยายามตัดเชือกที่ลากออกแต่ไม่ทันเรือลากถูกลากจมไปด้วยแต่ลูกเรือสละเรือหนีทันยกเว้นตัวกัปตันจมหายไปพร้อมเรือ ซึ่งน่าเศร้าใจพอสมควรเพราะตัวกัปตันเรือคนนี้ผมก็สนิทสนมกับแกพอสมควร เนื่องจากเคยอาศัยโดยสารเรือของเขากลับเมืองไทยอยู่หลายครั้ง
ซุ่มรออยู่สักพัก เรือของชาวบ้านที่นัดไว้ก็มาถึงมันเป็นเรือพายลำขนาดไม่ใหญ่เท่าไร นั่งได้ 3-4 คนเท่านั้น ทั่งคณะเราสิบกว่าคนจึงต้องทยอยข้ามกันอยู่ 3-4 เที่ยว เมื่อข้ามไปจนครบเราก็เดินลัดเลาะไปตามทางริมแม่น้ำย้อนขึ้นไปทางเหนือ เวลาที่มีเรือวิ่งผ่านมาก็จะหลบหมอบลงรอให้เรือนั้นผ่านไปจึงค่อยไปต่อ จากจุดที่ข้ามแม่น้ำเดินมาได้สองชั่วโมงกว่าเราก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องจักรกลหนักชนิดหนึ่งดังอยู่ข้างหน้าในเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไป หัวหน้าชุด DPA จึงสั่งเตรียมพร้อมและให้ลูกน้องเข้าไปดูลาดเลา ไม่นานก็ได้คำตอบกลับมา ข้างหน้ามีรถแทรคเตอร์กำลังทำทาง ที่สำคัญมีทหารพม่าคอยคุ้มกันไม่ต่ำกว่า 30 นาย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 183.89.58.38 จันทร์, 28/5/2555 เวลา : 12:22  IP : 183.89.58.38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2909

คำตอบที่ 68
       ถ้าสร้างเป็นหนัง น่าจะยิ่งกว่าเรื่องเหมืองแร่อีกนะคะ ตอนสมัยมัธยมโรงเรียนที่เรียนกับโรงเรียนป่าไม้อยู่ใกล้ๆกัน อยากเรียนมากแต่เขาไม่รับผู้หญิง ได้แต่มองพี่ๆเขาเวลาย้ายข้าวของอพยพเข้าไปเรียนในป่าดูน่าสนุก ..วันหลังขอมาอ่านต่อนะคะ



ครับผมก็เคยเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้เรียนป่าไม้แพร่ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเราก็มีเส้นทางของเรา
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 1/6/2555 20:58:50 [115.67.128.55]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

พัทธยา จาก พัทธยา 125.27.81.172 พฤหัสบดี, 31/5/2555 เวลา : 18:51  IP : 125.27.81.172   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2914

คำตอบที่ 69
       ไปตระเวนอีสานใต้หลายจังหวัด ตั้งแต่บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ แถมสระแก้วอีกเพิ่งกลับมาครับ
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดกันมาก่อนว่าจะมาเจอทหารพม่ากลางทาง และดูเหมือนจะไม่มีเส้นทางอื่นที่ดีกว่านี้ ฝ่าย DPA จึงใช้วิธีหลบเข้าไปในป่าข้างทาง จากนั้นให้กำลังส่วนใหญ่ตรึงกำลังเตรียมพร้อม ที่เหลืออีก 2 คนพาผมวิ่งลัดเลาะตามป่ามาล่วงหน้ามาหยุดคอยในสวนยางแห่งหนึ่งห่างจากจุดที่ทหารพม่าและรถแทรกเตอร์ทำทางอยู่ราว 200 เมตร จากนั้นบรรดากองกำลัง DPA ที่เหลือก็ค่อยทยอยถอนตัวตามมาสมทบ ดูเหมือนโชคจะยังเข้าข้างผมอยู่บ้างที่ฝ่ายทหารพม่าจะไม่ทันสังเกตุเห็นพวกเรา คงจะมัวแต่สนใจการทำงานของรถแทรกเตอร์อยู่มากกว่า เพราะตอนที่ผมกับทหารDPA อีกสองคนที่พาผมวิ่งมานั้น ผมสังเกตุจากเสียงรถและแนวต้นไม้ที่สั่นไหวแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ห่างจากรถแทรคเตอร์ไม่ถึง 30 เมตรด้วยซ้ำไป ไม่งั้นวันนี้อาจไม่มีโอกาสมาเล่าเรื่องนี้ที่นี่
หลังผ่านเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเฉียดไปนิดเดียว พวก DPA ก็รีบพาผมเดินทางต่อไปอย่างเร่งรีบ แม้จะเป็นเวลาเที่ยงแล้วก็ไม่มีการหยุดพัก อาหารกลางวันนี้จึงมีแค่กล้วยแค่ 2-3 ลูกที่เจ้าของบ้านที่พักเมื่อคืนฝากให้มากินกลางทาง สองชั่วโมงต่อมาเราเดินผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเราไม่ได้หยุดพักที่นั่น เนื่องจากพวกชุดนำทางบอกว่าเห็นทหารพม่า 2-3 นายอยู่ในหมุ่บ้าน พวกทหารพม่านั้นก็เห็นเราแต่คงเห็นว่าเรามีคนมากกว่าจึงหลบไป ผมเดาเอาเองว่าพวกที่ทำทางกับทหารที่คุ้มกันที่เราเจอก่อนหน้า น่าจะพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้เนื่องจากอยู่ใกล้ที่สุด กำลังส่วนใหญ่คงออกไปคุ้มกันการทำทางทิ้งไว้ในหมู่บ้านไม่กี่คน อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ราว 4 โมงเย็นเราก็ตัดออกจากเส้นทางหลัก ลัดเลาะไปตามทางด่านเล็กๆที่เลาะไปตามลำห้วยสายหนึ่ง ไม่นานก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวเชิงเขาใหญ่ลูกหนึ่ง หัวหน้าชุดสั่งให้ทั้งหมดพัก เรียกเจ้าของบ้านมาพบและทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด นั่นก็คือแทนที่จะรีบออกเดินทางต่อ เขากลับเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งให้เจ้าของบ้านถือไปให้ทหารพม่าที่หมู่บ้านที่เราผ่านมา ใจความในจดหมายก็คือการท้าทายทหารพม่าเหล่านั้นว่า ถ้าแน่จริงก็ให้ตามมา พวกเขาจะคอยอยู่ที่นี่ พอเจ้าของบ้านไปส่งจดหมายแล้ว เขาก็สั่งลูกทีมให้เตรียมพร้อมรับมือ โดยการวางระเบิดและกำลังไว้ตามทางที่คาดว่าเป็นทางที่ทหารพม่าจะใช้เป็นเส้นทางเข้ามา ส่วนผมเข้าให้รออยู่บนบ้าน แต่พอตกมืดลงผมดูแล้วท่าจะไม่เข้าทีจึงลงมานอนที่ลานดินข้างบ้านใกล้กับบรรดาทหาร DPA ที่กระจายกันอยู่รอบบ้าน โดยอาศัยต้นไม้ที่ล้มอยู่ต้นหนึ่งเป็นที่กำบัง แต่ในที่สุดผ่านคืนนั้นไปได้อย่างปกติไม่มีเหตุการร้ายใดๆเกิดขึ้น (แต่เครียดมาก) สงสัยทหารพม่าเองก็คงไม่กล้าเสี่ยงเหมือนกัน พอเช้าเมื่อเห็นว่าทหารพม่าไม่กล้าตามมาแล้ว หัวหน้าชุดจึงสั่งให้ลูกน้องไปเก็บระเบิดที่วางไว้ออก ( ตอนหลังผมถึงรู้ว่าระเบิดที่พวกเขาใช้คือแบบ m 14 ที่ผลิตในอเมริกา กองทัพเราก็มีใช้ จัดเป็นระเบิดที่อันตรายมากเนื่องจากมีขนาดเล็ก ตรวจหาได้ยากมาก ) กินข้าวกินปลาแล้วเราก็ออกเดินทางขึ้นเขา อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ขึ้นมาถึงสันเขา สังเกตุดูคงเป็นจุดที่ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางประจำ เนื่องจากเห็นมีกองหินที่ชาวบ้านเอามากองไว้เป็นเจดีย์เวลาผ่านไปมาหลายกองเหมือนกัน แต่สำหรับกองกำลัง DPA ที่ผมเดินทางมาด้วยนี้ แทนที่จะใช้การเอาหินมาก่อเป็นเจดีย์เหมือนชาวบ้านชาวช่อง พวกเขากลับแสดงความดีใจที่ผ่านเส้นทางนี้มาได้อย่างปลอดภัยด้วยการพร้อมใจกันกระหน่ำสาดกระสุนปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับส่งเสียงไชโยโห่ร้องราวกับว่าเพิ่งจะชนะสงครามมาก็ไม่ปาน ทั้งนี้ผมคิดเอาเองว่าส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากพวกเขามีความมั่นใจว่า จากจุดนี้ไปไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับทหารพม่าอีกต่อไป
จากสันเขาเราเตินลัดเลาะลงมาอีกฟากไม่นาน ก็พบกับเส้นทางลากไม้ของบริษัทคนไทยบริษัทหนึ่งที่ได้สัมปทานในบริเวณนี้ และเดินทางขนไม้เข้าออกที่บริเวณด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เราอาศัยเดินกันไปตามทางลากไม้นี้อย่างสบาย แต่ก็ต้องทนกับแดดและอากาศยามบ่ายที่ร้อนจัดจนกระทั่งทหารที่ทำหน้าที่พลปืนกลหนักถึงกับเป็นลมให้เพื่อนๆปฐมพยาบาลกันทีเดียว ราวบ่ายสามเราก็เดินมาถึงปางไม้ของบริษัทเจ้าของเส้นทางที่เราเดินมาพบนี้ เราได้อาศัยกินข้าวกลางวันที่นี่โดยที่ผมไม่ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของปางเท่าไรนัก กินข้าวเสร็จพวกเราโดยเฉพาะผมก็โชคดีเมื่อพวกทำไม้กลุ่มนี้ตกลงจัดรถไปส่งที่ค่ายของพวก DPA กลุ่มนี้ที่บริเวณริมชายแดนตรงจุดที่เรียกว่าช่องชี





หน้าตาทุ่นระเบิดแบบm14 แต่ลูกนี้เป็นของเลียนแบบของเวียดนาม ถ่ายจากเทือกเขาบรรทัดชายแดนจังหวัดตราด
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 1/6/2555 22:56:22 [115.67.128.55]
แบบนี้ไม่อยากเจอ..ครับน้าแนวไพร..
จาก : MR.DUMS(MR.DUMS) 6/6/2555 19:02:10 [119.46.92.195]
ถ้าไม่มีเครื่องตรวจผมก็ไม่เอาเหมือนกันครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 11/6/2555 13:11:26 [110.169.154.180]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.128.55 ศุกร์, 1/6/2555 เวลา : 22:49  IP : 115.67.128.55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2915

คำตอบที่ 70
       เกือบมืดแล้วเมื่อรถของพวกทำไม้กลุ่มนั้นพาเรามาส่งที่ค่ายของ DPA ที่อยู่ไม่ห่างจากชายแดนไทยตรงจุดที่เรียกว่าช่องชีเท่าไรนัก ( ช่องชีอยู่ในบริเวณบ้านห้วยไก่ต่อ อ.บางสะพานใหญ่ จ.ประจวบครับ) นับว่าโชคดีเพราะไม่อย่างนั้นระยะทางที่รถวิ่งไม่กี่ชั่วโมงนี้ คงต้องเดินอีกอย่างน้อยสองวันทีเดียว เท่าที่ดูค่ายนี้มีขนาดไม่ใหญ่นักน่าจะเรียกว่าหมู่บ้านมากกว่า เพราะเท่าที่ดูมันประกอบด้วยกระท่อมประมาณ 20 กว่าหลัง ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆด้านหน้ามีลำห้วเล็กๆไหลผ่านซึ่งเป็นแหล่งน้ำเดียวที่พวกเขาใช้อาบกิน ลักษณะการตั้งบ้านจะมีรูปร่างคล้ายๆสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือบ้านหรือกระท่อมส่วนใหญ่จะตั้งเรียงกันสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ส่วนหัวด้านหน้าจะปิดด้วยโรงเรือนที่เป็นที่พักของทหารหนุ่มๆที่ยังโสดไม่มีครอบครัว ส่วนด้านท้ายปิดด้วยบ้านของผู้กองที่นำกำลังไปจับตัวผมมา และกระท่อมของตอนสื่อสารหรือห้องวิทยุ ส่วนตรงกลางหมู่บ้านเป็นลานดินโล่งๆ บ้านทุกหลังจะหันหน้าเข้าหากันโดยมีลานดินนี้อยู่ตรงกลาง
เมื่อไปถึงผมก็ถูกพาตัวไปพบกับผู้พันที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มนี้ที่บ้านหลังใหญ่ที่สุดตรงกลางหมู่บ้าน ตัวผู้พันเป็นคนร่างใหญ่ค่อนข้างอ้วน มีอายุประมาณ 70 กว่าปีแล้ว ดูท่าทางเหมือนคนแก่ใจดีๆคนหนึ่งมากกว่าที่จะเป็นทหาร ซึ่งแกบอกกับผมว่าไม่ต้องกลัว เขาจะไม่ทำอะไรผม ( ถ้าไม่จำเป็น) ขอให้ผมอยู่ที่นี่ไปจนกว่าจะตกลงกับทางบริษัทของผมได้ แต่เรื่องอาหารการกินช่วงนี้อาจลำบากนิดหน่อยเนื่องจากตอนนี้ทางฝ่ายไทยได้ประกาศปิดพรมแดนเพื่อกดดันให้ปล่อยตัวผม จากนั้นผมก็ถูกพาไปยังที่ที่จัดให้เป้นที่พักของผม ซึ่งก็คือบ้านของผู้กองที่อยู่ท้ายหมู่บ้านนั่นเอง โดยเขาจัดให้ผมนอนที่ห้องโถงใหญ่ของบ้าน ส่วนในห้องเป็นที่พักของตัวผู้กอง เมียและลูกสาวอายุประมาณ 12-13 ปีอีกคนหนึ่ง อย่างที่บอกถึงจะอยู่ในฐานะตัวประกัน แต่ผมก็ยังโชคดีที่ไม่ต้องถูกจองจำหรือต้องพันธนาการอะไร เรียกว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมารวมทั้งเมื่อมาถึงค่ายของพวกเขานี้ ผมอยากจะเดินไปใหนมาใหนไกล้ๆได้อย่างเสรี โดยเพียงแต่มีการเฝ้าสังเกตุผมอยู่ห่างๆเท่านั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาคิดว่าผมไม่กล้าหนีหรือไม่มีปัญญาหนีหรือไงก็ไม่รู้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.128.55 ศุกร์, 1/6/2555 เวลา : 23:49  IP : 115.67.128.55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2916

คำตอบที่ 71
       สำหรับกลุ่ม DPA หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า พม่าแดง กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่แยกตัวมาจากกลุ่ม BCP ( Burmease communist party ) มีพื้นที่เคลื่อนไหวกว้างมากตลอดชายแดนไทยพม่า ตลอดครอบคลุมเกาะแก่งต่างๆในอ่าวเมาะตะมะ ก่อนหน้าที่จะย้ายมาตั้งค่ายที่จุดนี้ คนนำทางลูกครึ่งไทยพม่าที่ชื่อ เนะ เล่าให้ผมฟังว่าพวกเขาตั้งฐานอยู่บนยอดเขาลูกที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่ติดกับช่องชี ที่เป็นจุดผ่านแดนในบริเวณนี้แต่ทางฝ่ายไทยได้ขอร้องให้ย้ายค่ายออกมาตั้งในจุดปัจจุบัน แต่จุดที่เป็นช่องทางผ่านแดนซึ่งมีเส้นทางรถวิ่งนั้น ปัจจุบันอยู่ในความควบคุมของกลุ่มมอญอิสระซึ่งมีหมู่บ้านขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากนี่มากนัก แต่ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่นั้น เนะ เล่าให้ผมฟังว่าพวกเขาเคยอยู่ในป่าแก่งกระจานมาก่อน เมื่อผมถามต่อไปว่าใช่กลุ่มที่มีปัญหากับ ตชด ที่ป่าบางกลอยหรือเปล่า เนะ ก็ตอบว่าใช่ ทำให้ผมนึกถึงสมัยที่ทำงานอยู่ที่เขตฯแม่น้ำภาชี สวนผึ้ง ซึ่งมีเขตติดต่อกับป่าแก่งกระจานนั้น เคยได้รับการเตือนจากพิทักษ์ป่ารุ่นเก่าๆว่า ช่วงรอยต่อระหว่างป่าแก่งกระจานตรงจุดที่เราเรียกกันว่าเขาแดน ที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างป่าแก่งกระจานนั้นจะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตอาศัยอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าแน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับพวก DPA นี่หรือเปล่ารู้แต่เพียงว่าต่อมาทางฝ่ายทหารเคยส่งทหารพรานเข้ามาปราบปรามกองกำลังไม่ทราบฝ่ายในแถบนี้ เนื่องจากมีข่าวว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเหตุการจึงได้ซาๆไป
สำหรับเหตุการณ์ช่วงที่ผมถูกกักตัวอยู่กับพวกพม่าแดงที่ช่องชีในช่วงแรกๆก็ไม่มีอะไร ผมสามารถเดินไปใหนมาใหนในหมู่บ้าน กระทั่งลงไปอาบน้ำในห้วยหน้าค่ายได้อย่างอิสระ แพียงแต่จะมีทหารคอยตามดูอยู่ห่างๆ วันแรกๆจะมีทหารมอญและตชดของไทยเดินทางมาเจรจาเพื่อขอให้ฝ่ายนี้ปล่อยตัวผมแต่ก้ไม่สำเร็จ ซึ่งผมก็ยังบอกกับทางตชดที่เข้ามาเจรจาว่า ไม่เป็นไรผมอยู่ที่นี่สบายและปลอดภัยดี แต่พอผ่านเข้าอาทิตย์ที่สองผมก็เริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์มันไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดเสียแล้ว ข่าวแว่วมาว่าการเจรจาไม่มีความคืบหน้า ทางบริษัทไม่ยอมจ่ายเงินที่ทางฝ่ายนี้ขอไปถึง 8 ล้าน มีการประชุมเรื่องจะเอายังไงกับตัวผมอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ผมยังคงเป็นเชลยกิติมศักดิ์ที่เดินไปเดินมา และมีอาหารกินครบสามมื้ออยู่เหมือนเดิม แต่ความคิดถึงบ้านและอิสระเริ่มเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนในที่สุดผมก็เริ่มคิดถึงการหนีไปจากที่นี่ แต่ก็ยังหนักใจอยู่ตรงที่การจะผ่านจุดผ่านแดนที่มีทหารมอญอิสระควบคุมอยู่ไปได้อย่างไร เพราะถึงผมจะได้รับการนัดแนะจากตชดว่า หากผมหลบหนีออกจากค่ายนี้ได้ให้หลบไปที่หมู่บ้านมอญที่อยู่ใกล้ๆและฝ่ายมอญได้รับปากทางตชดว่าจะช่วยพาผมข้ามไปส่งก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าเป็นการยากที่จะวางใจทหารมอญพวกนี้ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เปรียบเสมือนคนหัวอกเดียวกันกับฝ่าย DPA ระหว่าง ตชด กับฝ่าย DPA ที่เป็นพันธมิตรต่อต้านทหารพม่าแถมอาศัยร่วมพื้นที่เดียวกันเป็นผมก็คงไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยไม่จำเป็น ส่วนการเดินข้ามเขาจุดอื่นๆนั้นผมไม่กลัวเรื่องหลงทางแต่ที่กลัวก็คือ เรื่องของทุ่นระเบิดหรือกับระเบิดที่ เนะ เคยเล่าให้ผมฟังว่าพวกเขาเคยวางกันเอาไว้สมัยที่ยังตั้งฐานอยู่บนเขา แต่แล้วจู่ๆก็ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างผมเมื่อถึงวันสงกรานต์ตัวผู้กองและ เนะ ที่สังเกตุเห็นอาการแสดงความกลัดกลุ้มคิดถึงบ้านของผมเริ่มเพิ่มมากขึ้นจึงได้ชวนผมไปไหว้พระที่วัดใกล้ๆหมู่บ้านมอญ โดยเป็นผู้ไปขออนุญาติผู้พันให้ เมื่อเราไปถึงวัดที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาก็ได้พบกับเจ้าอาวาส ซึ่งพูดไทยได้ชัดเจนท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุตมะที่บรรดาคนมอญให้ความเคารพนับถือมากที่สุด นอกจากนี้ท่านยังได้พูดถึงการเข้ามาก่อตั้งวัดที่นี่และได้ประกาศให้พื้นที่รอบๆวัดจนถึงสันเขาชายแดนที่อยู่หลังวัดเป็นเขตอภัยทาน ปัจจุบันจึงมีสัตว์ป่าเข้ามาอยู่ชุกชุมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ผมจึงแกล้งซักไซ้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่และเส้นทางด้านหลังวัดนี้ไว้พอเป็นสังเขปแต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้ท่านฟังมากนักว่าเป็นใครมาจากใหน แต่ก็เป็นไปได้ว่าท่านอาจจะรู้เรื่องของผมอยู่บ้างเพราะการที่ผมถูกจับตัวมานั้นนับเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร อย่างน้อยพรมแดนที่ถูกปิดก็ทำให้ชาวบ้านแถบนี้ได้รับความลำบากพอสมควรเรื่องอาหารการกินและการเดินทางข้ามแดน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 อาทิตย์, 3/6/2555 เวลา : 22:20  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2917

คำตอบที่ 72
       เมื่อกลับจากวัดมอญวันนั้นแล้ว ผมก็เริ่มวาดแผนการหลบหนีขึ้นในใจแต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด จนล่วงเข้าอาทิตย์ที่สามยังไม่มีข่าวความคืบหน้าใดๆผมจึงเริ่มเตรียมการหลบหนี ด้วยการเก็บของใส่เป้เอาไว้โดยอ้างว่าเพื่อให้เป็นระเบียบ จากนั้นก้แกล้งนอนตื่นสายมากขึ้น เพื่อกันคนสงสัยแต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปนั่งเล่นที่บ้านทหารคนหนึ่ง แล้วเห็นมีดวางทิ้งเอาไว้ผมจึงหยิบมาซ่อน แต่สักพักลูกสะไภ้ของเจ้าของบ้านเกิดจะใช้มีดเล่มนี้ขึ้นมาจึงพยายามค้นหา เมื่อเขามาเจอมีดที่ผมเอามาวางไว้ข้างๆตัวก็มองหน้าผมอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนผมก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชึ้ตึหน้าตายว่าไม่รู้เรื่องอะไร ในตอนกลางดึกผมก็จะลุกขึ้นมาเฝ้าดูทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านผู้พันว่าเดินไปใหนมาใหนบ้าง ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ก็ดูเหมือนว่าทหารยามจะเวียนมาดู หรือฉายไฟมาแถวจุดที่ผมนอนบ่อยขึ้น
หลังจากตัดสินใจว่าหนีแน่ได้ประมาณสองสามวัน ผมก็ตัดสินใจเริ่มทำตามแผนด้วยการเข้านอนตามปรกติ แล้วลุกขึ้นราวๆตีสามเมื่อเห็นว่ายามที่นั่งอยู่ข้างกองไฟหน้าบ้านผู้พันที่อยู่ห่างไปประมาณ 30 เมตร ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆก็ค่อยๆย่องไปหยิบของมายัดไว้ใต้ถุงนอนและปิดมุ้งเอาไว้เพื่อให้ดูเหมือนมีคนนอนอยู่ หยิบเป้หลังและรองเท้าเดินป่าที่เก็บเตรียมไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนมาใส่แล้วค่อยๆคลานไปตามระเบียงหน้าบ้านโดยพยายามให้ตัวเองอยู่ในเงามืด หากมีการฉายไฟมาผมก็จะหยุดเคลื่อนไหว แต่พอคลานไปได้ครึ่งทางผมก็ต้องตัดสินใจลุกกลับเข้ามาแอบในบ้านใหม่เนื่องจากทหารยามเดินมาทางผม พอทหารยามเดินกลับไปได้สักพักผมก็ค่อยๆคลานออกไปใหม่ความจริงระยะทางก็แค่ไม่กี่เมตรแต่ความรู้สึกผมเหมือนนานเป็นชั่วโมงทีเดียว พอไปสุดระเบียงผมก็ค่อยๆหย่อนตัวลงไปที่พื้น โชคยังเข้าข้างอยู่เมื่อฝูงแพะและหมาที่นอนอยู่ใต้ถุนไม่เกิดการแตกตื่นหรือส่งเสียงร้องใดๆ พอถึงพื้นเเละเห็นว่าปลอดภัยไม่มีใครหรืออะไรรู้เห็นแล้ว ผมจึงค่อยๆย่องผ่านแถวบ้านของทหารหลังอื่นๆผ่านเข้าไปในป่าหญ้า ด้วยอาการคลานบ้างย่องบ้าง ผ่านป่าหญ้าด้านหลังหมู่บ้านมาจนถึงทางเดินที่คนในค่ายใช้เป็นทางลงไปอาบน้ำในห้วย เมื่อลงไปถึงห้วยก็แทบจะเรียกได้ว่าทางรอดนั้นมีเกินกว่าครึ่งแล้ว สิ่งที่ผมกังวลอยู่บ้างคือไม่รู้ว่ามีการวางระเบิดไว้รอบฐานหรือไม่แต่ก็วางใจตรงนี้ก็เพราะเห็นว่ามีการปล่อยสัตว์ต่างๆเช่นหมู และช้างที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้ให้หากินอยู่ในป่ารอบๆนี้ตามปกติ จากลำห้วยที่ใช้อาบน้ำผมตัดเข้าป่าจนฟ้าเริ่มสว่างมองเห็นลายมือผมก็ทะลุออกมาที่ถนนที่ใช้เป็นเส้นทางจากฐานไปสู่หมู่บ้านมอญและจุดผ่านแดน พอไปถึงถนนผมก็ตัดสินใจใช้วิธีวิ่งบ้างเดินบ้างไปตามทางเพื่อให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น เพราะรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่คนในค่ายตื่นนอนและลุกมาทำกิจวัตรต่างๆกันแล้ว หากพวกเขารู้ว่าผมหายไปและใช้มอเตอไซด์ที่พวกเขามีตามมา ก็จะใช้เวลาไม่นานก็คงตามมาทัน ผมวิ่งบ้างเดินบ้างหูก็คอยเงี่ยฟังว่ามีเสียงรถมอเตอร์ไซด์วิ่งตามมาหรือไม่มาได้สักสามกิโลก็มาถึงตีนเขาพรมแดน หากไปต่ออีกไม่นานจะเจอกับด่านของทหารมอญผมจึงตัดเข้าป่าข้างทาง มุ่งไปที่วัดมอญที่เคยไปเมื่อวันสงกรานต์ พอไปถึงวัดก้เข้าไปกราบเจ้าอาวาสเล่าความเป็นมาและถามทางท่านคร่าวๆท่านก็อวยพรและชี้ทางให้ จากนั้นผมก็ออกเดินทางต่อด้วยการเดินขึ้นเขาทางด้านหลังวัดที่ค่อนข้างมั่นใจว่าปลอดภัยจากทุ่นระเบิดพอสมควร เนื่องจากมีข้อมูลว่าบริเวณนี้มีไฟไหม้ป่าอยู่บ่อยๆหากมีการวางระเบิดไว้ก็คงถูกไฟไหม้ไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามตลอดทางที่เดินผมก็ยังแหยงๆเท้าพอสมควร นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ต้องเดินผ่านป่าที่มีความเสี่ยงเรื่องทุ่นระเบิด ไม่นึกเลยว่าปัจจุบันกลับต้องมายึดการค้นหาทุ่นระเบิดพวกนี้เป็นออาชีพซะได้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 อาทิตย์, 3/6/2555 เวลา : 23:35  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2918

คำตอบที่ 73
       ออกเดินทางจากวัดมาสักพัก ระหว่างทางผมยังพบกับหมีขอตัวหนึ่งนอนอยู่บนต้นไม้ข้างทาง พอมันเห็นผมมันก็รีบลงจากต้นไม้หนีเข้าป่าไป ส่วนตัวผมก็เผ่นต่อไปตามทางของผมเช่นกันจนราว แปดโมงเช้าผมก็ขึ้นมาถึงจุดที่เป็นสันเขามองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่งไทยได้อย่างชัดเจน แต่ผมก็ใช้เวลาชื่นชมความงามของธรรมชาติอยู่ได้ไม่นาน พอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือถึงแม้จะขึ้นมาถึงสันเขาแบ่งเขตแดน เรียกได้ว่าเดินไม่กี่ก้าวก็ข้ามเข้าฝั่งไทย อีกทั้งแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้วก็ตาม แต่สันเขาจุดที่ผมขึ้นมาถึงนั้นทางด้านฝั่งไทยเป็นหน้าผาชันสุดปัญญาที่จะปีนลงไปได้ ผมจึงตัดสินใจเดินไปตามสันเขาทางด้านทิศเหนือก่อนเพื่อหาจุดที่พอจะไต่ลงไปได้ ส่วนสันเขาทางทิศใต้อันเป็นทิศที่จุดผ่านแดนตั้งอยู่นั้นผมไม่เลือกที่จะไปก็เพราะรู้ว่าเคยมีฐานของ DPA เก่าตั้งอยู่โอกาสทีจะเจอระเบิดจึงมีสูงกว่า
ผมเดินตามทางด่านเล็กๆบนสันเขาลูกนั้นไปได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่าทางเดินเริ่มวกกลับลงหุบและหักเข้าไปในเขตพม่าอีก จึงตัดสินใจตัดออกจากเส้นทางเดิน โดยมุ่งไปทางทิศเหนือเป็นหลักโชคดีที่ป่าแถบนี้ไม่รกมากนัก ไม่นานผมก็มาพบกับลำห้วยแห้งๆสายหนึ่งที่ไหลลงไปทางฝั่งไทย โชคดีที่บางแอ่งยังมีน้ำขังอยู่บ้างจึงพอได้อาศัยประทังความหิวไปได้บ้าง ในที่สุดราวๆ 11 โมงเช้าลำห้วยสายนั้นก็พาผมมาพบบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง ผมจึงเข้าไปขอร้องให้เขาขับมอเตอร์ไซด์มาส่งที่ฐาน ตชด โดยที่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรแกมากนัก แกเองก็เลยเข้าใจเอาว่าผมเป็นตชดมาลาดตระเวณหรือเที่ยวป่าอะไรประมาณนั้น
พอชาวบ้านผู้ใจดีมาส่งผมที่ฐานตชดแล้ว ผมจึงรู้ว่าเมื่อประมาณเก้าโมงเช้า พวก DPA ได้ส่งคนติดตามผมมาถึงที่ฐานตชดนี่ แต่เมื่อไม่พบผมหวกเขาจึงพากันกลับไป ผมจึงเล่าความเป็นมาต่างๆและเส้นทางที่ใช้ให้ทางตชดฟัง จากนั้นก็ได้ขอให้ทางตชดออกมาส่งผมข้างนอกเพื่อจะกลับบ้าน เมื่อทาง ตชด ได้พาผมเพื่อออกมาส่งผมจึงได้รู้ว่าจุดที่อยู่นั้นเป็นที่ใหน ความจริงป่าแถบนี้ผมเคยเข้ามาเมื่อสมัยเด็กๆอยู่ครั้งหนึ่ง เพราะพ่อของผมเคยมาทำเหมืองอยู่แถบนี้ อาเขยผมแกก็เคยเป็นนายอำเภออยู่ที่นี่ ตชดคนที่พาผมมาส่งก็ยังจำแกได้อยู่ สมัยที่พ่อผมมาทำเหมืองนั้นแถบนี้ยังเป็นป่ารกทึบแต่เดี๋ยวนี้ (สิบกว่าปีแล้ว)แทบไม่มีป่าเหลืออยู่อีกแล้ว กลายเป็นไร่เป็นสวนไปหมด ทางตชดยังได้เล่าให้ผมฟังอีกว่านอกจากทางบริษัทของผมจะลอยแพผมแล้วยังเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผมเป็นผู้วางแผนขึ้นเอง นอกจากนี้ยังมีการส่งสัณญาณว่าให้ทางตชดจัดการกับพวก DPA อย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องสนใจตัวประกันอย่างผม ( ไม่รู้คิดได้ไง) สุดท้ายทางตชดก็พาผมมาส่งที่ท่ารถ เลี้ยงข้าวแถมออกค่ารถให้อีก ราวสี่โมงเย็นรถทัวร์ก็มาถึงผมบอกลา ตชด ผู้อารีย์ ขึ้นรถไประหว่างที่รถวิ่งมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ผมมองดูทิวเขาตะนาวศรีที่กั้นพรมแดนไทยพม่าค่อยๆห่างไป
ในใจรู้ดีว่าคงยากที่จะได้กลับมาอีก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 00:29  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2919

คำตอบที่ 74
       จบซะทีครับกับชีวิตในป่าพม่าทางตอนใต้ แต่ชีวิตยังไม่จบก็ต้องดิ้นต่อไป และเรื่องราวจริงๆก็ยังไม่จบดี พอผมหนีออกมาได้ตอนหลังพวก DPA ก็กลับไปที่บริษัทของผมอีก คราวนี้จับตัวประกันไปอีกสามคน และเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยคราวนี้พวกเขาพาตัวประกันไปขังไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล เท่าที่รู้ลำบากลำบนกว่าผมมากมายนัก ส่วนตัวผมเองหลังจากเคลียน์ข้อหาที่ถูกใส่ร้ายได้แล้ว ก็ถูกส่งไปดูแลการขุดบ่อกุ้งบนเกาะแห่งหนึ่งของพม่า ใกล้ๆกับเกาะสอง อยู่ที่นั่นได้ปีหนึ่ง ก็ตัดสินใจกลับกรุงเทพ มาทำงานให้ ngo แห่งหนึ่ง พอดีมีคนมาชวนไปพม่าอีกคราวนี้ไปอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของพม่า เมืองนี้อยู่ริมเเม่น้ำอิรวะดี ชื่อว่าเมืองทีใจ อยู่ในแคว้นสะกาย เวลาไปต้องนั่งรถจากย่างกุ้งไปคืนหนึ่ง พอถึงเมืองมัณฑะเลย์ ก็ต้องล่องเรือ ไปตามลำน้ำอิรวะดี หรือที่คนพม่าออกเสียงว่า เอยาวดี ผ่านเมือง บากัน หรือ พุกาม ใช้เวลาล่องเรืออีกหนึ่งคืนจึงจะถึงเมืองที่ผมอยู่ ผมไปอยู่ที่นั่นเป็นคนไทย (และคนต่างชาติ)เพียงคนเดียวอยู่ปีกว่าๆ มีญาติมิตรและเพื่อนฝูงเป็นคนพม่ามากมาย พบว่าคนพม่าก็มีนิสัยโอบอ้อมอารีไม่ต่างจากคนไทยเรา ได้คระเวณพื้นที่แถบนั้นเพื่อดูการทำไม้ที่ยังคงทำแบบโบราณ คือใช้ช้างอยู่ซะทั่ว และยังเคยโชคดีเห็นฝูงปลาโลมาอิรวดีเป็นฝูงๆ จำได้ว่ายังไม่เคยเห็นดวงดาวที่ใหนสวยเท่าคืนที่ไปล่องเรืออยู่ในแม่น้ำอิรวดีเลย จากเมืองทีใจ ย้ายมาเมืองพิว ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองตองอู อีกพักใหญ่จึงตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะดูแล้วอยู่ไปคงไม่รุ่ง ยังเสียดายมีโอกาสเมื่อไรจะกลับไปอีกสักครั้งโดยเฉพาะ พูตาโอ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของประเทศพม่าเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยนั้น ยังตั้งใจว่าต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
สุดท้ายต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจ สำหรับเรื่องที่นำมาเล่าอาจจะยืดยาวไปสักนิดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ



ได้ไปอยู่ในถิ่นพม่าที่แทบจะไม่เคยมีใครได้เห็นภาพ จากที่อ่านมาไม่รู้จะอิจฉาดีหรือเปล่า แต่อ่านแล้วตื่นเต้นมาก ชอบจริงๆ
จาก : พัทธยา(พัทธยา) 13/6/2555 18:29:48 [125.27.92.205]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 08:28  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2920

คำตอบที่ 75
       แผนที่เมืองพม่าครับ





ดูแผนที่แล้วนึกถึงตอนไปอยู่ เปิดวิทยุเจอคลื่นจากเมืองไทยขาดๆหายๆก็สุขใจแล้ว
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 15/6/2555 21:27:53 [111.84.225.187]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 09:43  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2921

คำตอบที่ 76
       พูตาโอ อยู่ในรัฐกะฉิ่น มีหิมะตลอดปี สนใจไปกันใหมครับ



ไปพี่ตู่ว่าง ๆวางแผนทริปเดินทางเลย ให้เข้าหนาวน่ะ สองคนก็ไปกัน ล่วงหน้าเรื่องเอกสารให้เรยบร้อยก่อน พ่ต้อยไปด้วย พูดพม่าได้
จาก : ds-boat(ds-boat) 4/6/2555 12:51:42 [118.173.235.236]
ปกติเขาไปกันทางเครื่องบิน แต่คนไม่ทำมะดาอย่างเราคิดแผนไว้เอารถไปกันเองจะได้ตลุยเที่ยวรายทางดีใหม
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 4/6/2555 14:09:02 [115.67.0.53]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 09:46  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2922

คำตอบที่ 77
       มีภาพเป็นน้ำจิ้มครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 09:47  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2923

คำตอบที่ 78
       ยอดข่าคาโบ ราซี น่าจะเรียกเขาพระศิวะมากกว่า สูงอันดับสองในอาเซียน รองจากยอดคินาบาลู





ขออภัยจำผิด ยอดข่าตาโบ สูง 5881 ม สูงเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน คินาบาลู อันดับสอง 4095 ครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 4/6/2555 10:47:03 [115.67.0.53]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 115.67.0.53 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 10:37  IP : 115.67.0.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2924

คำตอบที่ 79
       เยี่ยมมาก ๆครับนายแนวไพร




ขอบคุณหลายนายหัว ศิลปินอยู่ได้ก้ด้วยเสียงตบมือนี่แหละ อิอิ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 4/6/2555 14:23:31 [115.67.0.53]
อยากไปเที่ยวพม่า แต่มิอยากถูกจับเป็นตัวประกัน สถานการเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน ตัวเราเป็นผู้กำหนดชีวิต สถานการณ์พาไป
จาก : ds-boat(ds-boat) 4/6/2555 19:44:57 [118.173.213.30]
ตอนนี้คงไม่มีใครจับหรอก เขากลัวเปลืองข้าวเลี้ยงไม่ไหว 555
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 5/6/2555 11:24:18 [124.121.123.66]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ds-boat จาก DSA 118.173.235.236 จันทร์, 4/6/2555 เวลา : 12:54  IP : 118.173.235.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2925

คำตอบที่ 80
       กลัวหนาวตายง่ะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 124.120.178.62 พุธ, 6/6/2555 เวลา : 18:08  IP : 124.120.178.62   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2934

คำตอบที่ 81
       ..น้าๆถ้าไปมันใช้เวลาจักกีวัน..ไอ้ภูตาเล็กตาโตนี้



หิมะ ดุยิ่งกว่า หมา นะครับพี่จิ้งจอกขาว
จาก : kookyz(kookyz) 7/6/2555 8:58:01 [171.7.202.179]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

MR.DUMS จาก จิ้งจอกขาว 119.46.92.195 พุธ, 6/6/2555 เวลา : 19:06  IP : 119.46.92.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2935

คำตอบที่ 82
       นับเป้นทริปที่ไกลเกินเอื้อมจริงๆนะนี่ แต่ไม่ไกลเกินความพยายาม (ถ้ามีตังค์ อิอิ )
การเดินทางไปที่นี่ ถ้าได้รับอนุญาติให้ไป และบินตรงจากย่างกุ้งไปพูตาโอเลยก็ใช้เวลา 2 วัน ถึงพูตาโอ แต่จากเมืองพูตาโอไปเขาข่าคาโบ ( แค่แค้มป์ตีนเขา ) เนี่ยใช้เวลาไปกลับประมาณ 20 วันทีเดียวครับ ส่วนการพิชิตยอดสูงสุดจากอดีตถึงปัจจุบันได้ยินว่าเพิ่งมีคนทำสำเร็จแค่สองครั้งเท่านั้น ระดับเราๆไปแค่ตีนเขาก็หรูแล้วครับ 555



ผมคงได้แค่มองๆในภาพ เท่านั้น ครับ
จาก : kookyz(kookyz) 10/6/2555 22:00:05 [171.7.216.63]
เหมือนกันละครับ ผมก็ได้แต่มองมาเป็นสิบปีเหมือนกันครับ 555
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 11/6/2555 13:12:43 [110.169.154.180]
อุตส่าห์ยอมลงทุนเป็นสะใภ้พม่า แค่ชเวดากองยังไปไม่ถึงเลยค่ะ 555
จาก : พัทธยา(พัทธยา) 13/6/2555 18:32:53 [125.27.92.205]
แหมเดี๋ยวนี้ไปพม่าไม่ยากเท่าไรหรอกครับ สงสัยคนที่บ้านขี้เกียจพาไปมากกว่า
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 15/6/2555 21:25:26 [111.84.225.187]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 180.183.97.89 ศุกร์, 8/6/2555 เวลา : 10:03  IP : 180.183.97.89   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2951

คำตอบที่ 83
       เอ ว่าแต่ท่าน xr boy เจ้าของกระทู้หายไปใหนเนี่ย



สงกะสัยกลัวความหนาวเย็น หิมะกัด ของเทือกเขาหิมะ นั่นน่ะซิหายไปเลย
จาก : ds-boat(ds-boat) 11/6/2555 23:57:35 [118.173.217.128]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายแนวไพร จาก นายแนวไพร 110.169.154.180 จันทร์, 11/6/2555 เวลา : 13:14  IP : 110.169.154.180   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3010

คำตอบที่ 84
       วันนี้ผมพึ่งเดินทางกลับจากตรัง-สุราษฯ ก็ได้รับข่าวดีจากน้องๆที่ให้ทำธุระให้ ขอแจ้งข่าวให้ท่านเกจินักเดินป่า เรื่อง ว.5 ที่ให้ผมดำเนินการ เจอคนนำทางแล้ว พรุ่งนี้ผมจะโทรคุยรายละเอียดกับเขา กำหนดการต่างๆต้องมาปรึกษากันอีกครั้ง ผมจะได้แจ้งคนนำทางนะครับ ไว้คุยกันหลังไมล์ ครับ





ผมก็เสร็จสิ้นภาระกิจไปหนึ่งอย่าง ตามที่รับปากไว้ นะครับท่านเกจินักเดินป่าทุกๆท่าน
จาก : kookyz(kookyz) 18/6/2555 13:11:11 [27.130.91.156]
2-8 standby ครับ
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 18/6/2555 17:09:18 [58.11.198.39]
แม่น้ำสุริยะหรือแม่น้ำกษัตรย์ครับนี่ ว่างๆช่วยมาเล่าเรื่องแถวนี้บ้างสิครับท่าน
จาก : นายแนวไพร(นายแนวไพร) 21/6/2555 15:06:08 [124.121.199.205]
แม่น้ำสุริยะ ครับ ตรงนี้เขต พม่า
จาก : kookyz(kookyz) 30/6/2555 9:15:50 [27.130.103.68]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 27.130.91.156 อาทิตย์, 17/6/2555 เวลา : 22:57  IP : 27.130.91.156   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3076

คำตอบที่ 85
       เจ้าของกระทู้เงียบหายไปเลย ติดต่อไม่ได้ด้วย สงสัยหลงป่าใหญ่เสียแล้ว ครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 27.130.103.68 เสาร์, 30/6/2555 เวลา : 09:17  IP : 27.130.103.68   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3184

คำตอบที่ 86
       นั้นนะสิครับ โทรไป ก็ไม่ติดเลย สงสัยจะเปลี่ยนเบอร์แล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 49.49.138.47 เสาร์, 30/6/2555 เวลา : 17:11  IP : 49.49.138.47   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3185

คำตอบที่ 87
       ถ้า..หลง แบบนี้ คงกู่ ไม่กลับแล้วละครับพี่ช้างพลาย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kookyz จาก กุ๊ก/kookyz 27.130.111.152 ศุกร์, 6/7/2555 เวลา : 21:40  IP : 27.130.111.152   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3249

คำตอบที่ 88
       เข้ามารออ่านเรื่องต่อไปของทุกๆท่านอยู่นะคะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

พัทธยา จาก พัทธยา 125.27.72.16 ศุกร์, 27/7/2555 เวลา : 19:20  IP : 125.27.72.16   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3510

คำตอบที่ 89
       หนทางชีวิต ของคนที่ชอบ อะไรที่ ลำบาก ๆ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ ..................ขอกลับมาสวัสดี ทุกท่าน ด้วยครับ และต้องขออภัยเป็นอย่างมากมาย ก็คือ น้า พราย และ น้าแนวไพร ที่เงียบหายไปนาน ครับผม





อื่อฮือ..ท่าจะมันส์นะพี่บอย
จาก : superpexs(superpexs) 8/8/2555 18:17:52 [1.47.64.80]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

xr-boy จาก xr-boy 49.48.232.137 อังคาร, 7/8/2555 เวลา : 22:41  IP : 49.48.232.137   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3658

คำตอบที่ 90
       หายไปนานเลย แต่ไม่เป็นไรครับ พี่ยังใช้เบอร์เดิมรึเปล่าครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ช้างพลาย จาก ช้างพลาย KBL>>53 223.205.31.23 พุธ, 8/8/2555 เวลา : 22:54  IP : 223.205.31.23   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 3662

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1  2  3  4  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,29 มีนาคม 2567 (Online 4753 คน)