พุธ,24 เมษายน 2567
 
[ Home ]


+ รายงานทริป
+ รูปหน้า 1
+ รูปหน้า 2
+ รูปหน้า 3
+ รูปหน้า 4

  Movie Pig
+ ม้ากระโดด
+ กระรอกดำ1
+ กระรอกดำ2
+ หนูขาว
+ KIA แดง
+ แดง Terano

 

โป่งตะแบกสะอื้น

คนเข้ามาอ่าน= 14368 Truehits.net คน

        ฝุ่นสีแดงละเอียด เหมือนดั่งผงแป้งที่คลุ้งกระจาย เป็นม่านหนาทึบในอากาศอันเนื่องมาจาก กลุ่มคนแปลกหน้าพร้อม ยานพาหนะคันโตที่วิ่งลัดเลาะไปตามไหล่เขา ที่ปลูก ไร่มันสัมปะหลังสุดลูกหูลูกตา สลับด้วยแปลงปลูกป่าของ ปตท ที่มีให้เห็นเป็นระยะ ๆ ตลอดทางขึ้นเขารวก ที่พวกเราเลือกเข้าทาง บ้านลิ่นถิ่น อำเภอไทรโยค หลังจากที่เราได้ทำการขออนุญาติอย่าง ถูกต้องจากหน่วยอุทธยานแห่งชาติ แต่เช้าตรู่
" ไปทำไมวะ หน้านี้.. จะไปดมฝุ่นเหรอ" ผมนึกถึงคำหยอกล้อจากนายหนอนที่ไม่ได้ร่วมทริปนี้ด้วย ขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ในช่วงที่ขบวน บูรพาออฟโรดทั้งหมด 5 คันและเพื่อน ร่วมขบวนอีก 2 คันจากระยอง พวกเราใช้เส้นทางขึ้น ทางด่านเขารวก ก่อนเลี้ยวขวาตัดลงแปลงปลูกป่าสัก ที่มีร่องรอยบอบช้ำจากไฟป่า พอสมควร เส้นทางแคบ แต่ชันที่ลัดเลาะไปตามร่องทางแคบที่ขนาบด้วยต้นไม้ทำให้พวกเราได้เริ่มใช้ สมาธิกับการเดินทางมากขึ้น เสียงวิทยุสื่อสาร เริ่มโต้ตอบกันบ่อยครั้งขึ้น จากสภาพเส้นทางที่ สนุกสนานสำหรับมือใหม่อย่าง พี่สมโภช ที่มาพร้อมกับ SR5 ในทริปนี้ พวกเราผ่านร่องลึกสลับ กับร่องตัววี มาได้ซักประมาณ 40 นาทีก็ลงมาถึงที่ลำห้วยแรกที่ คราวนี้ดูเหมือนว่า ระดับน้ำลดลงไปเล็กน้อย จากเมื่อเดือนที่แล้ว หรือประมาณ 60 เซ็นติเมตรเป็นอย่างมาก ที่ห้วยแรกนี้เราพบว่า มีขบวนออฟโรด กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งจอดพักกันอยู่ข้างหน้า ซึ่งมาทราบในภายหลังว่าเป็นกลุ่ม 11 นั่นเอง เสียงร้องทักทาย และคำสวัสดีพอจับใจความ ได้ว่าพวกเค้ามาสำรวจน้ำตกที่ค้นพบใหม่ที่เลยจุด โป่งตะแบกเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งที่นั่นไม่ใช่จุดหมายปลายทางของพวกเราทั้ง ๆที่มันเป็นเส้นทางเดียวกันที่ทำให้ 2 กลุ่มใหญ่ ต้องร่วมทางกันในที่สุด

        พวกเราข้ามห้วยแรก ลึกเข้าไปในป่าไผ่ ที่มีช่องทางแคบสลับกันเนินเอียงและร่องลึก ที่มีเห็นเป็นระยะ ๆ ป่าเริ่มครึ้มขึ้น ตามความหนาแน่นของแมกไม้ที่มีมากขึ้น บนเส้นทางที่ ลัดเลาะไปตามลำห้วยที่ต้อง ข้ามไปข้ามมา จนนับครั้งไม่ถ้วน ความชุ่มชื่นของป่าตอนนี้ต่างกับ ป่าปลูกที่ทิ้งระยะห่างเป็นแถวเป็นแนว ที่พึ่งผ่านมาจนเห็นได้ชัด เหมือนเป็นการตอบย้ำ กับมนุษย์ทุกผู้นามว่า … ป่าที่สมบูรณ์นั้น มนุษย์ปลูกขึ้นมาเอง ไม่ได้… พวกเราข้ามลัดเลาะไปตามลำห้วยจนมาถึงลำห้วยที่ 4 ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อต้องขึ้นเนินสลับ ที่สูงประมาณ 4 เมตรที่มีความยากคือเป็นร่องหลบล้อที่สามารถทำให้ ยาง Simax 34 " ของ เจ้าม้ากระโดด ยังต้องแขวนต่องแต่งไปมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ที่เหนือความคาดหมายคือ บรรดา เพื่อน ๆ ทีไม่มี วินช์ต่างกระโจนขึ้นมาได้กันอย่างทุกคัน แต่ในทางกลับกันทุกคันทีมีวินช์ก็ต้อง ใช้วินช์กันหมดทุกกัน ครับด่านนี้เป็นด่านแรกที่เปรียบเสมือนประตูที่เปิดต้อนรับอาคันตุกะที่ จะไปโป่งตะแบก โดยมีข้อแม้ว่า … คุณกล้าพอหรือไม่ ….

       ตลอดเส้นทางที่ลัดเลาะขนานไปตามลำห้วย ที่ต้องใช้ทักษะในการขับรถบนหินแม่น้ำ ก้อนโต ๆ สลับกับการขึ้นเขาเป็นระยะ ๆ ได้สร้างความตื่นเต้นให้พวกเราตลอดเวลา จนข้ามลำห้วยที่ 7 ก็ต้องกระโจนขึ้นเนินชันเพื่อใช้เส้นทางเลียบสันเขา ที่อุดมไปด้วยป่าไผ่ที่ พร้อมเสมอสำหรับ ทำให้พวกเราได้รับริ้วรอยไปเป็นที่ระลึก ตลอดเส้นทางช่วงนี้พวกเราต้องเพิ่ม ความระวังกันเป็นพิเศษเพราะด้านซ้ายที่ชิดหน้าผา แต่ด้านขวาเป็นเหวที่มองเห็นลำน้ำ เป็นสายเล็ก ๆ อยู่ข้างล่าง บนสันเขานี้พวกเราวิ่งมาได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็เห็นเจ้า กระรอกดำซึ่งเป็นผู้นำอยู่ข้างหน้าหนูขาวหยุดก็ชะงัก และถอยกรูดมาย้อนออกมาในทันที พี่เข้มเดินกลับมาทีเจ้าหนูขาว พร้อมหน้าตามีเต็มไปด้วยความตะหนก และตื่นเต้น กับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าพร้อมเรียกผมให้ลงไปดูด้วย … " เฮ้ยมันขนาดนี้เลยหรือว่าไอ้บี "
สภาพเส้นทางที่ผมเห็นอยู่ข้างหน้าคือ … หลุมดักช้าง หรือ ร่องน้ำลึกที่เอียงดิ่งลงไป 60 องศาพอดีจาก Landmeter ของจิงโจ้ป่า ที่ยาวลงประมาณ 20 เมตรหรือความสูงประมาณตึก 3 ชั้น !!!! หนำซ้ำ สุดปลายทางดันเป็นร่องตัววีที่ต้องกระโจนขึ้นเขาอีกลูกหนึ่งโดยมีความกว้างของ ร่องให้เพียง พอดีช่วงหนึ่งคันรถเท่านั้น …
" ไปพี่ พี่ลงไปก่อน " ผมบอกให้พี่เข้ม เป็นคนแรกที่ต้องลงไปเพราะ ตัวผมเองยังทำใจไม่ได้ ที่จะต้องลงไปตอนนี้ พี่เข้มเดินขึ้นลง และวนไปวนมาหลายรอบก่อนที่จะพาเจ้ากระรอกดำลง ร่องทางขาดนี้ สำหรับพี่เข้มยังคงสไตล์เดิมคือลงมาได้แบบหวาดเสียวทั้งคนดูและคนขับคือ ลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับขึ้นไปอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นรถไฟเหาะที่วิ่งอยู่ในราง หรือสวนสนุก ยังงัยยังนั้น สำหรับเจ้าหนูขาว ขอลงแบบสุภาพเรียบร้อยและช้าที่สุด แต่ถึงแม้เกียร์ 1 slow ก็ยังไม่สามารถหน่วงเจ้าหนูขาวให้ลงอย่างช้า ๆ ได้ !! ผมจึงต้องเบรกเต็มทั้งเท้าทั้งมือ
ที่ทำให้เกิดเสียงลั่นกังวานไปทั้งคันที่แม้จะล้อตายทั้งสี่ล้อ ก็ยังไหลลงร่องนั้นไปตามแรงโน้ม ถ่วงของโลก จนเมื่ออีกประมาณ 4 - 5 เมตรจะถึงสุดร่องทาง ผมถึงปล่อยเบรคทั้งหมดและหักพวงมาลัยให้ขวางไปตามร่องน้ำก่อนที่จะไปกระแทกกับร่อง เขาชันด้านหน้า … โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับร่องนี้ พี่สมเดช หรือ เกียแดง ถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า
" ใครก็ได้ช่วยมาขับลงให้ผมทีซิ ผมไม่กล้าขับ ใจมันสั่นๆ ยังงัย ไม่รู้ " !!!

       พวกเราผ่านร่องเขานั้นมาโดยสวัสดิภาพกันทุกคัน เส้นทางยิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นขึ้นมากเป็นลำดับ ขบวนเริ่มช้าลงไปเรื่อย ๆ พี่เข้มต้องหยุดเจ้ากระรอกดำ บ่อยครั้งขึ้น เมื่อพบว่า ระดับน้ำเริ่มลึกมากขึ้นไป ทุกที เราลัดเลาะข้ามลำห้วยไปมาจนจำไม่ได้ ว่ากี่ลำห้วย ร่องทางเริ่มแคบลง แคบลง จนเจ้า Terrano ของพี่แดงต้องประสบปัญหาเมื่อยาง Mudterrain 31 " ถูกหินบาดที่แก้มยางฉีกถึง 3 หรือ 4 แห่ง จนใช้การไม้ได้อีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนยางอะหลั่ยกันข้างลำห้วยนั้นขบวน เราก็เริ่มเดินทางลึกเข้าไปเรื่อย ๆ มาถึง ตอนนี้เริ่มเห็น ต้นตะแบกออกดอกสี่ม่วงเต็มสะพรั่งไปทั้งราวป่า จนแยกไม่ออกว่าตรงไหนที่ เค้าเรียกว่า โป่งตะแบก เพราะความลำบากของเส้นทางที่มากขึ้น แต่แสงอาทิตย์กลับเริ่ม น้อยลงไป ทำให้ใคร หลาย ๆ คน เริ่มที่จะออกอาการยอมแพ้ แม้จะยังเข้าไม่ถึงก็ตาม จนมาถึงลำห้วยที่ 10 ผมกับพี่เข้มก็พบว่า มีต้นตะแบกใหญ่ประมาณ 6 ถึง 7 คนโอบขึ้นตะง่าน อยู่กลางลานกว้างริมลำธารสวย ที่ตรงนี้กระมัง ที่เค้าเรียกว่า … โป่งตะแบก… แต่เพื่อความแน่ ใจ ผมบอกให้ กระรอกดำรออยู่ที่ตรงนี้ก่อน ส่วนผมจะพาเจ้าหนูขาววิ่งไปสำรวจลึกเข้าไป เพียงคันเดียวเพื่อความรวดเร็ว ผมเข้าลึกเข้าไปในป่าอีกเรื่อย ๆ ข้ามลำห้วยไปอีก 2 ลำห้วยก็ ไปทันกลุ่ม 11 ทีวิ่งกันอยู่ข้างหน้าผม ด้วยความที่ผมรีบที่จะตามไปให้ทัน กลับทำให้เจ้าหนูขาว ตกลงไปในร่องลึกที่ฝังเจ้าหนูขาวลงไปถึงครึ่งคัน หน้ำซ้ำวินช์ก็ดันมา ใช้การไม่ได้เพราะฟูติดกันอีกต่างหาก… สุดท้าย ผมต้อง วิทยุ ออกไปขอความช่วยเหลือจาก กระรอกดำให้เข้ามาช่วยลากเจ้าหนูขาวขึ้นมาจากหล่มให้ได้… ซึ่งในขณะที่รอนั้นผมได้วิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อวิ่งตามรถกลุ่ม 11 เพื่อถามถึงจุดหมายโป่งตะแบก ซึ่งก็ได้คำตอบว่า … คุณเลยมาแล้ว ก็ต้นตะแบกใหญ่นั่นแหละ คือ โป่งตะแบก …

  

     สายน้ำใส จากลำธารสวย ที่อยู่ใต้ต้นตะแบกใหญ่ ที่โปรยปราย ดอกสีม่วงให้เต็มพื้นป่า และ สายน้ำ จนได้ภาพที่งามตายิ่งนักในเวลาเย็นย่ำเช่นนี้ ผมให้รางวัลกับตัวเอง โดยการล้มตัวลงนอนกลางลำธารใสเย็น จนเริ่มรู้สึกหนาวถึงขึ้นมาจากลำธารสายนั้น … อาหารมื้อค่ำนั้นได้รับความ เอื้อเฟือจาก พี่ ตุ๋ม และ น้องสาว อีกทั้ง พี่รส ทีรับบทแม่ครัวเพราะ มีเพียงผู้หญิง 3 คน เท่านี้ที่ร่วมทริปมาด้วย แต่ก็จัดได้ว่าเป็นมื้อค่ำที่อร่อย และวิเศษที่สุดสำหรับผมเลยทีเดียว เหล้ายา กับแกล้ม เรื่องเล่าของป่าเขา เสียงแผ่วเบา ของกีต้าโปร่งที่บรรเลง ทำให้คืนเดือนหงายนั้นเป็นคืนที่ผมจะต้องจดจำไปอีกนานเลยทีเดียว

     พวกเราออกกันแต่เช้าตรู่เพราะเชื่อว่า จะต้องรับศึกหนักกันแน่ ๆ โดยเฉพาะ ร่องเขานั้น
และแล้วก็เป็นไปตามที่คาดคือ เจ้าหนูขาวที่อาสาเป็นคันแรกที่กระโจนขึ้นเนิน เพราะมั่นใจใน เกียร์ทดก็ยังต้องยอมแพ้ในความชันของเนิน ต้องวินช์กันไปตามระเบียบ ตามมาด้วยกระรอกดำ และ SR5 ของพี่สมโภชน์ที่ต้องให้ เจ้าม้ากระโดด โยง Snatch block ลากขึ้นไป จนมาถึง พี่แดงที่กระโจนขึ้นมาด้วยความแรงของเครื่องยนต์ติด Turbo และแล้วสิ่งที่พวกเรากังวลอยู่ก็ เป็นไปตามคาดคือ แกนลูกหมากคันชัก คันส่ง ขาดสะบั้น จนทำให้ ล้อหน้าทั้งซ้าย และ ขวา หันหน้าไปกันคนละทิศทาง !!! แต่สิ่งที่พวกเราคาดไม่ถึงมากไปกว่านั้นก็คือ รอยยิ้มแก้มปริ ของพี่แดงที่ลงมาจากรถอย่างไม่รู้สึกเครียดอะไร เมื่อรู้ถึงสถานการณ์ที่ตัวเอง ประสบอยู่ แต่กลับเอ่ยขึ้นว่า " ไม่เป็นไร พี่เอา อะหลั่ย มาด้วย 2 ตัวเลย " เสียงหัวเราะของ พวกเราดังไปทั้งราวป่า เมือรู้ว่า พี่แดง เตรียมแกนลูกหมากมาตั้ง 2 ตัวเหมือนกับรู้ตัวว่าจะ ต้องใช้แน่นอน หรืออาจจะเป็นประสบการณ์ ที่ได้จากทริปบูรพาที่สวนห้อมกระมัง พวกเราขึ้นจากหลุมนี้ได้กันหมดทุกคัน จนเหลือ เจ้าม้ากระโดด เป็นคันสุดท้ายเพราะมัว แต่คอยช่วยผู้อื่นอยู่ตามวิสัย ของพระเอกแห่ง บูรพา แต่คราวนี้พวกเราคงต้องจดจำกันไปอีก นานเมื่อ พี่ณรงค์พยายามพาเจ้าม้ากระโดด เอาชนะความชัน 60 องศานั้นก็มีเสียงดัง … แคร็ง… พร้อมกับการถอยหลังลงมาอย่างผู้ปราชัยต่อ ป้อมปราการที่สร้างโดยธรรมชาตินั้น แต่ก่อนที่ เจ้าม้ากระโดดจะเริ่มใหม่อีกครั้ง พวกเราก็เห็นว่า แกนเพลากลาง นั้น ขาดสะบั้นร่วงลงมาสงบนิ่งอยู่บนพื้นดิน !!! มาถึงตอนนี้ ความเงียบและความกังวล บนสีหน้าก็เกิดขึ้นกับทุกคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอน พี่ณรงค์คงจะไม่ เตรียมอะหลั่ยเพลากลางมาด้วย แน่ ๆ ถึงตอนนี้ เจ้าม้ากระโดดของเรา คงต้องแปลงสภาพเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า เหมือนรถเก๋ง แต่ต่างกันตรงที่ว่า เป็นเส้นทาง โป่งตะแบกแทนที่จะเป็นทางราดยางอย่างดี

        บันทึกการเดินทางครั้งนี้ ต้องต้องขอขอบคุณ กลุ่ม 11 ด้วยมา ณ ที่นี้ ที่นำพาเจ้า ม้ากระโดด ออกมาจากป่าได้อย่างทุลัก ทุเล ก็เมื่อเวลาเย็นย่ำ แต่แล้วก็เหมือนในบางครั้งที่ ธรรมชาติเล่นตลกกับพวกเรา เมื่อขณะที่ เราออกจากด่านเขารวกนั้น เราพบว่า ชุดยก Sun ที่ติดอยู่กับ จิงโจ้าป่า เกิดอาการพังขึ้นมาอีก ที่ชุดลูกหมากยก Torsion Bar ด้านขวามีอาการทรุดข้างเดียวอย่างหมดสภาพ
บทสรุปของการเดินทางครั้งนี้เห็นได้ขัดว่า พวกเราประมาทเส้นทาง ไม่มีการเตียมพร้อม ที่ดี คิดว่าเป็นหน้าแล้ง ยังงัย ๆ ก็ไม่มีปัญหา วินช์ จอบ สแนทช์บล๊อก ก็อุปกรณ์หลักที่เราต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งก็ตาม สำหรับหน้าฝนหละก็ …. มีใครจะไปบ้างครับ .. โป่งตะแบก…


สำหรับทริปนี้ สวัสดีครับ

หนูขาว
2 เมษายน 2545




เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นเลยครับ


ความเห็น :     
 
ชื่อ :   

 


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster