WeekendHobby.com


เจอปัญหาคับ ขับ Toyota tiger D4D 2500 turbo รู้สึกว่าซดน้ำมัน

จาก หนึ่ง
อังคารที่ , 5/8/2551
เวลา : 07:11

อ่าน = 3062 ครั้ง
202.183.183.226
       ขับ Toyota tiger D4D 2500 turbo รู้สึกว่าซดน้ำมัน
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรคับ หรือเป็นที่ Air Flow หรือเปล่า เพราะผมเคยถอดออกมาเช็ด
แล้วก็เคยทดลอง เอาฟอยห่อไก่ ห่อดูเพื่อจะให้ประหยัดน้ำมัน แต่ก็ไม่ประหยัด
ก็เลยเอาฟอยห่อไก่ออก จากนั้นก็รู้สึกว่าขับแปลก ๆ ไปนิดหน่อย แล้วช่วงหลัง แฟนผมก็บอกว่า รู้สึกว่าซดน้ำมัน

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net    วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
   
   

คำตอบที่ 1
       มีอีกนิดคับ ตอนเอาออก พอลองขับดู เร่งไม่ขึ้น เหยีบจนมิดยังไม่ถึง 60 เลยคับ



จาก หนึ่ง   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 07:14   


คำตอบที่ 2
       ไอ้ตัวเรือนลิ้นเร่งตามรูปนี่ ถ้าเจ๊งหล่ะเป็นเรื่องงานใหญ่พอควร
ผมเจอมาแล้ว อาการมันเป็นอย่างนี้ ครับ
1
ไฟรูปเครื่องโชว์ เป็นบางครั้ง ตอนไฟโชว์รถวิ่งไม่ออก เร่งไม่ขึ้น ต้องจอด แล้วลองสตาร์ตใหม่ อาการนี้ก็หายไปใช้ไปได้นานหลาสยเดือน หลังจากนี้อาการนี้ก็เริ่มเป็นถี่ขึ้นๆ จนหลังๆ ดับเครื่องสตาร์ตใหม่ ก็ไม่หาย

มันวิ่งไม่ออก เร่งไม่ขึ้น เร่งยังไงก็อยู่แค่ 60-80
รอบเครื่องก็ไม่ขึ้นตามที่น่าจะควรเป็น ได้แต่วิ่งไหลไปเรื่อยๆ
(มารู้ทีหลังช่างบอกว่าระบบของเครื่องมันตัดจ่ายน้ำมันเข้าสู่โหมดแมนน่วล ประคองให้รถพอวิ่งไปอู่หรือศูนย์ได้เท่านั้น)

กลับมาตรสวจเบื้องต้นที่อู่แถวบ้าน ลองติดเครื่องเร่งดู ก็เห็นว่าเร่งอย่างไรตัวลิ้นปีกผีเสื้อมันไม่ขยับ (ดูที่ตัวกลมๆ สีดำาที่มีลวดสปริงตรงเรือนลิ้นเร่งนั่นหล่ะ มันนิ่งสนิท ซึ่งตามปกติเวลาเร่งเครื่องมันจะหมุนตาม)

ช่างบอกต้องเปลี่ยน ลองคุยกับศูนย์โตโยต้าอีกความเห็นก็บอกว่าลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้ามันเสีย ต้องเปลี่ยนใหม่
เปลี่ยนทั้งตัวชุดลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า (ตามรูป ที่เห็นเป็นข้องอที่อยู่เหนือตัว วาล์ว EGR )


โทรเช็คราคาที่ศูนย์โตโยต้า TBS ราคาไอ้ตัวนี้ จะเป็นลมเลยครับ ราคาตัวละ 10,700 บาท หนาวเลย

แต่โชคยังดี จำได้ว่าเคยไปซื้ออะไหล่รถเก่ากับเพือนที่ ท่าม่วง เมืองกาญจน์ มันเป็นโกดังซื้อซากรถค่อนข้างใหญ่ ซื้อซากที่ชนหนักมาแกะอะไหล่ขาย เห็นมีตัวนี้อยู่หลายตัวถอดกองไว้
เลยให้เพือนโทรไปถามว่ามียังตัวนี้อยู่หรือปล่าว ปรากฏว่ามี ถ้าเอาวันนี้มีส่งอะไหล่ที่กรุงเทพ จะเอาติดไปให้ คิดราคา 2,000 เรางี้โล่ง รีบคว้าเลย ให้มาส่งทันที และได้สภาพค่อนข้างใหม่ เพราะเพิ่งถอดจากรถใหม่ที่มิดมา
นี่ก็เปลี่ยนมาได้ 2-3 ปีแล้ว

แลกเปลีี่ยนประสบการณ์กันครับ เผื่อว่ามีเพือนเจอเแบบเดียวกัน จะได้แก้ปัญหาถูก



จาก ppopp   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 09:50   


คำตอบที่ 3
       รบกวน คุณ ppopp (คำตอบที่ 2)
ผมจะติดต่อ ซื้ออะไหล่รถเก่า จากท่าม่วง เมืองกาญจน์
ได้อย่างไร คับ



จาก หนึ่ง   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 09:58   


คำตอบที่ 4
       เผอิญให้เพือนโทรให้ เลยยังไม่มีเบอร์ในมือตอนนี้ เมื่อกี้โทรหาเพือน เพือนบอกว่าตจ้องหาเบอร์ก่อนแล้วไงจะแจ้งให้ทราบ ขอแก้ไขนิดหนึ่งครับ ไม่ใช่ที่ ท่าม่วง ผมจำผิด แต่อยู่ที่ ท่ามะกา ครับ ชื่อ โภคทรัพย์ เป็นโกดังครับ จำได้ว่าข้ามคลองชลประทานที่ท่ามะกาไป เน้นซากรถกระบะเป็นหลัก มีอะไหล่เยอะ
นี่ผมก็รอให้เพือนโทรมาบอกเบอร์



จาก ppopp   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 10:19   


คำตอบที่ 5
       ขอคุณ คุณ ppopp มาก ๆๆ นะครับ ขอให้เจริญ ๆ
แล้วจะรอคอยเบอร์โทรนะคับ

ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ คับ



จาก หนึ่ง   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 11:48   


คำตอบที่ 6
       พอจะมีเบอร์โกดังที่น้าppoppบอกไหมครับบบบ



aonla จาก น้ำบางมด   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 16:25   


คำตอบที่ 7
       กำลังให้เพือนค้นอยู่คับ ตอนโทรไปถามมันขับรถอยู่
มันยังไม่โทรกลับมาเลย เดี๋ยวไงรับจะตามให้อีกที วันนี้

เลิกงานต้องกลับบ้านแล้วครับ





จาก ppopp   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 17:20   


คำตอบที่ 8
       ผมอยู่ท่ามะกาห่างจากอู่ที่ว่าประมาณ 6 กม.ถ้าว่างผมขับรถไปดูให้ก็ได้ครับแต่ว่าผมไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์คุณppopp ลองถ่ายรูปตัวที่ว่าแล้ว Post มาซิครับ



จาก ยงยุทธ   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 18:07   


คำตอบที่ 9
       รูปมีอยู่ที่กระทู้ที่ S 19291 คำตอบที่ 10 ของ คุณ 1

ที่นั่นมีของเยอะพอควร พราะถอดจากซื้อที่ซื้อซากมา จากประกันก็มี มันซ่อมไม่ไหวแล้วเลยถอดชอ้นส่วนอะไหล่ขายเกลี้ยงจนเหลือแต่โครง
แต่ควรตรวจสอบราคาของใหม่ที่ศูนย์เทียบกันก่อน เพราะถ้าราคาไม่ต่างกันมาก บวกค่าน้ำมันไป หรือซื้อน้อย มันจะไม่คุ้ม
ถ้าอะไหล่ตัวแพงๆ น่ะพอไหว
เมื่อกี้โทรหาเพือน ตามเบอร์โทรฯ มันผลัดว่าพรุ่งนี้จะหาให้





จาก ppopp   อังคาร, 5/8/2551 เวลา : 23:36   


คำตอบที่ 10
       ขอเบอร์โทรด้วยคน คับ ต้องการมากเลยตอนนี้



จาก หนูดี   พฤหัสบดี, 7/8/2551 เวลา : 07:23   


คำตอบที่ 11
       ตัววัด Air Flow นั้น มันคือตัววัดกำหนดการสั่งการจ่ายน้ำมัน ตอนติดเครื่องเฉย ๆ อากาศผ่านมันน้อย ตัวมันจึงร้อนมีค่า ๆ หนึ่ง จึงส่งสัญญาณให้กล่องจ่ายน้ำมันน้อย ๆ พอเริ่มเร่งอากาศผ่านมันได้มากขึ้น ตัวมันเริ่มเย็นหน่อย ๆ มีค่าอีกค่าหนึ่ง จึงส่งสัญญาณให้กล่องจ่ายน้ำมันมากขึ้น พอวิ่งเร็ว ๆ ๆ ๆๆ อากาศผ่านมันได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ตัวมันเริ่มเย็นมากขึ้น จึงส่งสัญญาณให้กล่องจ่ายน้ำมันว่ารถเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้นแล้วนะ จ่ายน้ำมันด่วน ๆๆๆ รถก็ยิ่งเร็ว ๆๆๆๆ เราจะเห็นว่าหากตัว Air Flow สกปรกมันก็เหมือนห่มผ้าห่มให้มันร้อน ๆๆๆ มันจึงส่งสัญญาณให้กล่องจ่ายน้ำมันน้อย ๆๆๆ เร่งอย่างไรมันก็ไม่วิ่งเพราะตัวมันร้อนอยู่ กรองอากาศตันมันก็เป็นเพราะอากาศผ่านมันได้ไม่พอ ตัวมันก็ร้อนรถก็วิ่งไม่เร็ว จะแก้โดยทำให้มันเย็นแต่ก็ต้องสะอาดด้วย พวกกรองเปลือยแรก ๆ รถจะวิ่งเร็วดี แต่พอนาน ๆ ตัว Air Flow เริ่มสกปรกมันก็จะวิ่งไม่ออกดังใจ และหากมีคราบน้ำมันจากพวกกรองเปลือยที่ชโลมกันฝุ่น ไปโดนตัว Air Flow ก็ยิ่งจะทำให้เหนียวและฝุ่นเกาะได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือกรองแท้ ๆ เป็นกระดาษกันฝุ่นได้เต็มที่และก็รักษาความสะอาดให้ดี ตัว Air Flow ก็จะทำงานได้ถูกต้อง ในรถเบนซินตัว Air Flow ก็ทำหน้าที่เหมือนกัน (ผิดถูกอย่างไร ข้าน้อยขอโทษด้วยครับ)



จาก Tang   พฤหัสบดี, 7/8/2551 เวลา : 07:56   


คำตอบที่ 12
       ขอความรู้หน่อยคับ
ถ้า Air Flow สกปรก จะเป็นเหตุให้เปลืองน้ำมันหรือเปล่าคับ
เห็นมีอีก บอร์ดอื่น เค้าบอกว่าถ้าหาผ้า คุม Air Flow จะทำให้ประหยัดน้ำมันแต่รถวิ่ง อืดขึ้น อันนี้จริงหรือไม่คับ



จาก หนึ่ง   พฤหัสบดี, 7/8/2551 เวลา : 16:38   


คำตอบที่ 13
       คุณหนึ่งครับ มันเป็นอะไรที่ตอบยากนะครับ รถไม่วิ่งก็ไม่กินน้ำมันเหมือนกับรถจอดเฉย ๆ แต่เราไม่ได้ระยะทาง หากให้มันกินน้อย ๆ แต่พอวิ่งได้มันก็ประหยัดเทียบกับระยะทางและน้ำมันที่เสียไป แต่เวลาครับเป็นอะไรที่เราไม่สามารถบังคับได้ ผมว่าทางโรงงานรถเค้าต้องทำวิจัยมาแล้ว เราอย่าไปยุ่งอะไรกับเจ้าตัว Air Flow เพียงรักษาความสะอาดและให้ไส้กรองอากาศสะอาดและไหลคล่องได้เต็มที่ บางรายเห็นประกาศขายเป็นอลูมิเนียมไส้กระดาษว่าล้างได้ใช้ได้ตลอด แต่ผมดูแล้วช่องรับอากาศมีน้อยมาก ๆ เทียบกับกรองอากาศเดิม ๆ แล้วเวลาวิ่งเต็มที่อากาศไม่พอก็วิ่งไม่ออกอีก แต่อาจจะประหยัดน้ำมัน งั้นเราต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไรแล้ว สำหรับผมขอเดิม ๆ แล้วเราก็ขับให้อยู่ในช่วงที่มีแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์นั้น ๆ ก็ประหยัดสุด อย่าง D4D 3.0 ก็ไม่เกิน 2500 รอบ ซึ่งที่ 2500 รอบรถผมก็วิ่งตั้ง 130 แล้ว หากเวลาต้องรีบ ๆ อาจจะเร่งขึ้นไปซึ่งรถผมมันก็ตอบสนองได้ถึง 165 กม./ชม. ซึ่งเราต้องยอมรับการกินน้ำมันด้วย ซึ่งเราต้องเลือกเอาเองครับ ขับเร่ง ๆ ในเมืองรถผมก็รับประทาน 9 กม./ลิตร ทางไกลมาก ๆ ยังไม่ได้ลองเลย แต่ก็คงประมาณ 11 กม./ลิตร (ไปแค่ราชบุรี)



จาก Tang   พฤหัสบดี, 7/8/2551 เวลา : 17:38   


คำตอบที่ 14
       ของผม D4D Commonrail 2500
วิ่งที่ 120-130 KM/Hr.=11KM/L
ถ้า วิ่งที่ 90-100 KM/Hr.= 13-14KM/L



จาก X-Man   ศุกร์, 8/8/2551 เวลา : 21:44   


      

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 22/8/2011

Error processing SSI file