WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


30 พ.ย.56 กลุ่มแลนด์โรเว่อร์สุรนารี เรียนเชิญทุกท่านร่วมงาน...คาวบอยแลนด์ 4x4 ที่ไร่น้าหมู โคราช
EL RIFLE
จาก EL RIFLE
IP:223.204.249.214

เสาร์ที่ , 12/10/2556
เวลา : 13:47

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เชิญทุกท่านร่วมสัมผัสงาน COWBOY ในบรรยากาศท่ามกลางหุบเขาอันหนาวเหน็บและสายธารอันเย็นฉ่ำ ร่วมกันปิ้งย่าง ฟังดนตรีแจ๊สผสมเสียงเพลงลูกทุ่งตะวันตก ในงาน..COWBOY LAND 4x4 ณ.บ้านริมน้ำ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ติดต่อประสานงานที่เสือเอล 081-4872441และลุงต้อย แลนด์บ้านใหม่ 081-9666677 น้าหมู บ้านริมน้ำ083-3686644



 แก้ไขเมื่อ : 17/10/2556 21:10:28

 แก้ไขเมื่อ : 24/10/2556 18:47:13

 แก้ไขเมื่อ : 18/11/2556 18:17:06






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  

คำตอบที่ 31
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:46:38



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 49.48.97.218 ศุกร์, 1/11/2556 เวลา : 23:16  IP : 49.48.97.218   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20387

คำตอบที่ 32
       ผมเป็นอีกคนหนึ่งครับที่โตขึ้นมาในยุคที่โทรทัศน์เพิ่งจะเข้ามามี
ีบทบาททดแทนวิทยุ ในฐานะสื่อสาระและบันเทิงประจำบ้าน
เมื่อผมเริ่มดูโทรทัศน์รู้เรื่องนั้น ทีวีในกรุงเทพฯมีแค่ 2 ช่อง เป็น
ขาวดำทั้งคู่ ออกอากาศในวันธรรมดาตั้งแต่ราวๆ 4 หรือ 5 โมง
เย็น ไปจนถึงสักสองยามเท่านั้น เสาร์อาทิตย์เพิ่มรอบเช้า ตั้งแต่
10 โมงจนไปต่อรอบเย็น


รายการบันเทิงทางทีวีในยุคนั้นก็หนีไม่พ้นหนังและละคร เช่นเดียว
กับยุคทีวีสี 6 ช่อง 24 ชั่วโมง ไม่รวมเคเบิลทีวีอย่างเดี๋ยวนี้ ที่ต่างกัน
ก็คือว่าหนังทีวีส่วนใหญ่เป็นหนังฝรั่ง มีหนังซามูไรญี่ปุ่นแซมนิดหน่อย
(ซึ่งผมขออนุญาตไม่พูดถึงนะครับเพราะดูไม่น่าจะเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง
ที่จะคุยกันวันนี้นัก) แรกๆก็มีความยาวแค่ตอนละครึ่งชั่วโมง มีโฆษณา
แต่ไม่มหาโหดขนาดลุกไปอาบน้ำสระผมแล้วค่อยกลับมาดูต่อยังทัน
อย่างทุกวันนี้ หลังจากนั้นจึงขยายเป็นตอนละ 1 ชั่วโมง และกลาย
เป็นหนังสีไปในที่สุด

หนังฝรั่งทางทีวีเมื่อผมเป็นเด็กนั้น เป็นหนังคาวบอยลูกทุ่งตะวันตกเสียมาก
ผมจึงขอถือโอกาสใช้หนังทีวีนี้รื้อฟื้นอดีต นำทางย้อนไปสู่ยุคคาวบอย
เสียก่อนเป็นการอุ่นเครื่อง รวมทั้งชวนท่านผู้อ่านมาสนุกสนานไปกับเรื่อง
ราวต่างๆทั้งจริงและไม่จริงในหนัง เรื่องเกี่ยวกับเจ้าของปืน และเกร็ด
เล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจไปด้วยพร้อมๆกัน

ผมเชื่อครับว่าต้องมีแฟนปืนหลายท่านที่ชอบดูหนังคาวบอยมาตั้งแต่เด็กๆ
และชอบดูลีลาของตัวเอกเจ้าของปืนในหนังด้วย ตัวเอกในหนังเหล่านี้
หลายเรื่องอ้างอิงถึงบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ ที่มีชีวิตโลดโผนตื่นเต้น
เร้าใจ น่าติดตามยิ่งกว่านิยายเสียอีก







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:12  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20428

คำตอบที่ 33
       หนังคาวบอยทางทีวีสมัยนั้นสร้างลอกเลียนออกมาแข่งกันเป็นรุ่นๆ
รุ่นแรกๆมักเป็นแบบฮีโร่เก่งคนเดียว หลายเรื่องอ้างอิงถึงตัวจริงใน
ประวัติศาสตร์อย่างที่กล่าวไปแล้ว เช่นเรื่อง The Life and Legend of
Wyatt Earp ที่ ฮิวจ์ โอ'ไบรอัน รับบทบาทเป็นวายแอ็ท เอิ๊ร็ป รูปร่างหน้าตา
ในหนังสำอางค์เกลี้ยงเกลา หล่อเฟี้ยวไม่เหมือนกับตัวจริงสักนิดเดียว

อีกเรื่องที่ฮิตพอๆกันคือ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน แสดงโดย ยีน แบร์รี่ ซึ่งก็หล่อ
แซงตัวจริงอีกเหมือนกัน แถมมีการชักดาบออกมาจากไม้เท้าประจำตัว
ได้ด้วย

แต่สมัยนั้นเรื่องเหมือนไม่เหมือนดูจะไม่สำคัญนักหรอกครับ ส่วนใหญ่ต้อง
หล่อไว้ก่อน แล้วก็เน้นในเรื่องของธรรมะต้องชนะอธรรมเป็นหลัก จนนาย
อำเภอ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป กลายเป็นฮีโร่ของเด็กผู้ชายในสมัยนั้นกันอย่าง
แพร่หลาย (รวมทั้งผมด้วย)

ส่วน แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นั้น ในประวัติจริงก็เคยทำงานเป็นผู้ช่วยนายอำเภอ
ของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป คอยปราบปรามเหล่าร้ายที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ พอวายแอ็ท
ย้ายไปทำมาหากินเปิดบาร์อยู่ที่เมืองทูมบ์สโตน และทำหน้าที่มือกฎหมาย
ไปพร้อมกัน ก็ได้ชักชวนให้แบ๊ท ตามไปเป็นหุ้นส่วนด้วยอยู่พักหนึ่ง






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:14  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20429

คำตอบที่ 34
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:16  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20430

คำตอบที่ 35
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:17  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20431

คำตอบที่ 36
       สิ่งน่าสนใจอย่างหนึ่งเกี่ยวกับมือปืนตะวันตกสองคนนี้ ที่แตกต่างไปจาก
มือปืนรายอื่นๆ คือทั้งคู่มีชีวิตอยู่ไปจนเลยยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตอน
นั้นในอเมริกาเริ่มมีรถยนต์ขี่แทนม้ากันเกือบทุกแห่งหน อาวุธปืนทั้งสั้นและ
ยาวก็มีการพัฒนารูปแบบและเทคโนโลยีเลยไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงเวลานี้ทั้งคู่
ตัดสินใจเลิกดวลปืนกับผู้ร้าย โดย วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ในวัย 60 กว่า หันไปทำ
มาหากินเกี่ยวกับการค้าขายที่ดิน ก่อนขยับขยายไปทำเหมืองแร่ ตามด้วย
ขุดน้ำมันในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนแก่ตายไปเมื่ออายุ 81 ปี ที่เมือง ลอสแองเจลิส

ส่วน แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นั้น หลังจากเป็นหุ้นส่วนเปิดบ่อนร่วมกับ วายแอ็ท
เอิ๊ร์ป ที่เมืองทูมบ์สโตน อยู่ระยะหนึ่ง ก็แยกตัวไปทำมาหากินที่อื่น กับรับ
หน้าที่มือกฎหมายของรัฐโคโลราโดไปด้วย แต่ในที่สุดก็เบื่อหน่ายกับชีวิตท
ต้องเสี่ยงตายอยู่ตลอดเวลา หันไปใช้ชีวิตเป็นบรรณาธิการข่าวกีฬา ให้กับ
หนังสือพิมพ์ New York Morning Telegraph ที่เมืองนิวยอร์คแทน และป่วย
ตายไปเมื่ออายุ 68 ปี

สรุปได้ว่าทั้ง 2 คนนี้ตายเองด้วยเหตุธรรมชาติ ไม่เหมือนกับมือปืนดังๆ
รายอื่นๆส่วนใหญ่มักตายตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 และตายในลักษณะที่เขา
ใช้สำนวนว่า Died with his boots on คือเป็นไข้โป้ง ถูกคนอื่นยิงตายข้าง
ถนนบ้าง ในบาร์เหล้าหรือในบ่อนบ้าง ไม่มีโอกาสนอนตายบนเตียงให้
สบายๆหน่อยโดยไม่ต้องใส่รองเท้า

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป นั้น ถือว่าเป็นตำนานอมตะและพระเอกตลอดกาลของ
ผู้นิยมหนังคาวบอย และชื่นชอบชีวิตลูกทุ่งตะวันตก มีการนำเรื่องของ
มือปืนหนวดงามหนังเหนียวคงกระพันรายนี้มาทำเป็นภาพยนต์จอเงิน
มากมายหลายเรื่อง บางเรื่องที่ดังมากๆก็มีฉายในบ้านเราด้วย

ผมเชื่อว่าคอหนังคาวบอยทั้งหลายคงจำเรื่อง Gunfight at OK Corral ที่
นำมาฉายในเมืองไทยเมื่อสัก 30 ปีก่อน มี เบิร์ต แลงคาสเตอรฺ์ แสดงเป็น
วายแอ็ท เอิ๊ร์ป (ที่ไม่มีหนวดอีกเหมือนกัน) ล่าสุดเมื่อ 6-7 ปีก่อนนี้เองก็มี
เรื่อง Tombstone เล่นโดย เคิ้ร์ท รัสเซล ตามมาติดๆด้วยเรื่อง Wyatt Earp
เล่นโดย เควิน ค้อสท์เนอร์ ที่ถือได้ว่าเป็นภาพยนต์อัตตชีวประวัติของ
วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่สมบูรณ์ใกล้เคียงความจริงที่สุด

ทั้ง 2 เรื่องใหม่นี้ ผู้สร้างพยายามแต่งหน้าแต่งตา ติดหนวดและจัดเครื่อง
แต่งกายให้เหมือนตัวจริงในยุคนั้นอย่างเต็มที่ รวมทั้งวิธีการพกและใช้ปืน
ในการดวลและล่าเหล่าร้ายกันจริงๆด้วย ถือเป็นหนังที่ดูมันส์ทีเดียว
แถมยังมีแก๊กตลกให้ฮาได้อีก อย่างเช่นในเรื่อง Tombstone ที่ วาล
คิลเม่อร์ เล่นเป็น ด๊อค ฮอลลิเดย์ หมอฟันนักพนันผู้จงรักภักดีต่อ วายแอ็ท
เอิ๊ร์ป ที่มีความสามารถพิเศษแม่นทั้งปืนและมีด (ทั้งๆที่ป่วยเป็นวัณโรค
แถมด้วยพิษสุราเรื้อรัง) แสดงลีลาควงจอกเหล้าแทนปืนเยาะเย้ยคู่ปรับ
คือ จอห์นนี่ ริงโก้ ให้ได้อึ้ง นับได้ว่าเป็นฉากคลาสสิคฉากหนึ่งทีเดียว

ส่วน แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นอกจากที่เป็นหนังทีวีแล้ว ผมยังนึกไม่ออกว่ามีใคร
นำไปสร้างเป็นตัวนำในหนังเรื่องอื่นอีก ล่าสุดเห็น็มีอยู่หน่อยหนึ่งในเรื่อง
Wyatt Earp ช่วงที่เป็นผู้ช่วยอยู่ที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ แต่โดยรวมๆนอกจากเป็น
มือปืนที่ต้องถือไม้เท้าแล้ว (ตามประวัติบอกว่า เพราะเคยถูกยิง กระสุนเจาะ
เข้าที่สะโพก ทำให้ต้องถือไม้เท้าช่วยให้เดินถนัดขึ้น และใช้ฟาดกบาล
เหล่าร้ายควบไปกับการใช้ปืนด้วย แต่ไม่ใช่เอาไว้ชักดาบอย่างในหนัง)
บทบาทและสีสันโดยรวมในฐานะของมือปืนตะวันตก คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจเ
ท่ากับรายอื่นๆ จึงไม่เป็นที่สนใจของนักสร้างหนังมากนัก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:18  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20432

คำตอบที่ 37
       หนังคาวบอยทางทีวีที่อ้างอิงตัวจริงตามประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งก็คือ
The Legend of Jesse James แสดงโดย คริส โจนส์ ในบทของ
เจ๊สสี เจมส์ และ แอลเล็น เค้ส ในบทของ แฟร้งค์ เจมส์ หนังวาดภาพของ
พี่น้องแฟร้งค็และเจ๊สสี ในลักษณะของผู้บริสุทธิ์แต่ถูกอำนาจรัฐกลั่นแกล้ง
ต้องกลายเป็นพวกนอกกฎหมายออกมาสร้างความยุติธรรมเอง ด้วยการ
ปล้นคนรวยมาช่วยคนจน

ในความเป็นจริงแล้ว เจ๊สสี เจมส์ จะเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายกันแน่คงหา
ข้อยุติได้ยาก เพราะไม่เหมือนกับ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่ไม่เคยปล้นฆ่าใคร
มีแต่คอยไล่จับโจรปล้นม้าปล้นวัวเป็นหลัก (แต่ที่จริงก็เป็นเจ้าของบ่อน
และเป็นนักพนันตัวยงคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ ตรงนี้น่าคิดเหมือนกัน)
ที่แน่ๆถ้าใช้ศัพท์สมัยใหม่ก็ต้องบอกว่า เจ๊สสี เจมส์ เป็นอาชญากรตาม
หลักนิติศาสตร์ ส่วนหลักรัฐศาสตร์ที่ทางการสมัยนั้นใช้ก็คือ จับตาย
ลูกเดียวโดยไม่ต้องรอทำประชาพิจารณ์

แต่เจ๊สสีก็ไม่ได้ตายด้วยมือกฎหมาย กลับตายเพราะถูกญาติทรยศชื่อ
บ๊อบ ฟอร์ด แอบยิงข้างหลังเพื่อเอาเงินรางวัลค่าหัว ในหนังทั้งจอแก้วและ
จอเงินอื่นๆทุกเรื่อง จะพิถีพิถันกับฉากจุดจบของ เจ๊สสี เจมส์ นี้เป็นพิเศษ
โดยตามเหตุการณ์จะเดินเรื่องว่าเจ๊สสีตัดสินใจเลิกปล้นฆ่า และปลูกบ้าน
ใหม่เตรียมใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับลูกเมีย วันหนึ่ง บ๊อบ ฟอร์ด ทำทีเป็นมา
เยี่ยม ขณะที่เจ๊สสีกำลังปีนเก้าอี้แขวนรูปติดข้างฝา หันหลังให้ก็ถูกบ๊อบยิง
เข้าที่หัวอย่างเลือดเย็นโดยไม่รู้ตัว เจ๊สสีเลยต้องจบชีวิตแบบที่เรียกว่า
Died with his boots on เสียตั้งแต่อายุเพิ่งจะ 35

หลังจากเจ๊สสีถูกญาติตัวเองทำวิสามัญไปแล้ว แฟร้งค์ผู้พี่ชายซึ่งเคย
กอดคอกันร่วมเป็นร่วมตายในการปล้นและดวลกับพวกมือปราบด้วยกัน
มาตลอด ก็คงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยตัดสินใจเข้ามอบตัวกับทางการเสีย
เอง พอหลังจากถูกพิพากษาและปล่อยตัวแล้ว ก็ออกมาทำงานเป็นยาม
เฝ้าประตูโรงละครแห่งหนึ่งในเมืองเซ็นต์หลุยส์ ไปจนบั้นปลายของชีวิต








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:20  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20433

คำตอบที่ 38
       ปืนโค้ล์ท พี้ซเม้คเก้อร์ ของ บ๊อบ ฟอร์ด ที่ใช้ยิง เจ๊สสี เจมส์








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:21  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20434

คำตอบที่ 39
       หนังเกี่ยวกับ เจ๊สสี เจมส์ ส่วนใหญ่เป็นหนังโรง สร้างออกมาหลากหลาย
มากครับ รวมกันแล้วตั้ง 30 กว่าเรื่อง ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งคือเรื่อง The Long
Riders สร้างเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว หนังไม่ได้เน้นที่พี่น้องตระกูลเจมส์
อย่างเดียว แต่เน้นบทบาทของพี่น้องตระกูลยังเก้อร์ อันประกอบด้วย โคล
บ๊อบ และจิม สามคนนี้เป็นทั้งญาติและสมุนคู่ใจของเจ๊สสี ี่ออกปฏิบัติการ
เคียงบ่าเคียงไหล่กันตลอด จนในที่สุดคนหนึ่งตาย อีกสองคนเจ็บหนัก
และถูกจับหลังจากการปล้นธนาคารที่เมืองน้อร์ธฟิลด์ในรัฐมินเนโซต้า
เพราะพลาดท่า ถูกชาวบ้านใจเด็ดรวมกำลังกันตอบโต้อย่างได้ผล

หนังเรื่องนี้มีเก๋อีกอย่างคือ ดารานำที่แสดงเป็นพี่น้องตระกูลยังเก้อร์ทั้ง
สามคนจะเป็นดาราที่ใช้นามสกุลคาราดีนเหมือนกัน นำโดยเดวิด
(จำพระเอกเรื่องกังฟูทางช่อง 3 ได้ไหมครับ) อีก 2 คนถ้าจำไม่ผิดก็เป็น
โรเบิร์ตกับคี้ธ และเช่นเดียวกันดาราที่เล่นเป็นเจ๊สสีกับแฟร้งค์ เจมส์ ก็ต้อง
นามสกุลเดียวกันด้วย ได้แก่เจมส์กับสเตซี่ คี้ธ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:23  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20435

คำตอบที่ 40
       ปืนโคล์ทขนาด .44 คู่มือของ โคล ยังเก้อร์








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:24  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20436

คำตอบที่ 41
       ในครั้งก่อนผมได้เกริ่นถึงมือปืนที่ผมเชื่อว่าน่าจะได้รับตำแหน่งพระเอกยอด
นิยมตลอดกาลสำหรับวงการนักเลงหนังคาวบอยและลูกทุ่งตะวันตก
เป็นผู้ที่มีตัวตนจริงๆและมีชีวิตบู๊โลดโผนผ่านการดวลแบบหูดับตับไหม้มา
หลายครั้งแต่ไม่เคยต้องบาดเจ็บสักครั้งเดียว แถมอายุยืนที่สุดในบรรดา
มือปืนยุคเดียวกันเสียด้วย โดยแก่ตายไปเองเมื่อตอนอายุ 81 ปี มีคนนำ
ประวัติไปสร้างเป็นหนังหลายเรื่อง ทั้งจริงบ้างโม้บ้าง (ส่วนใหญ่ก็คงจะโม
้นั่นแหละครับ มากบ้างน้อยบ้างเท่านั้นเอง แต่ก็หลอกเอาตังค์ฝรั่งด้วยกัน
เองไปได้โข รวมทั้งคนไทยอย่างผมและอีกหลายๆท่านแถมไปด้วย)
นอกจากหนังแล้ว ยังมีหนังสือและบทความต่างๆ ทั้งในเชิงสาระและ
บันเทิงอีกมากมาย (ทั้งในภาคภาษาฝรั่งและภาษาไทยด้วยอีกเช่นกัน)

คงไม่ต้องชักแม่น้ำให้ยืดยาวเกินไปนะครับ ขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับ
วายแอ็ท เอิ๊ร์ป กันอีกครั้งนึง

ว่ากันตามจริงแล้วประวัติชีวิตทั้งหมดของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป สามารถดูจาก
หนังเรื่องล่าสุดที่ใช้ชื่อเรื่องเดียวกัน เมื่อปี ค.ศ.1994 มี เควิน คอสท์เนอร์
เล่นเป็น วายแอ็ท เอิ๊ร์ป เคยลงโรงแล้วในบ้านเราและมีฉบับดีวิดีด้วย
ทุกวันนี้ยังพอหาดูได้ หนังทำได้ละเอียดดีครับถึงจะมีหลายประเด็นที่ไม
่ตรงหลักฐานจริงบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนัง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่บรรยาย
ประวัติได้ครบถ้วนที่สุดตั้งแต่มีการสร้างกันมา

พูดถึงเรื่องจริงไม่จริง ตรงไม่ตรงแล้วนี่ คงไม่มีใครรู้จริงทุกอย่างหรอกนะ
ครับ ผมว่าต่อให้ลองเรียกวิญญาณ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มาเข้าทรง หรือเล่น
ผีถ้วยแก้วเชิญแกมาสัมภาษณ์ แกก็จำเรื่องราวในชีวิตของแกทั้งหมดไม่
ได้หรอก หรือถึงบอกว่าจำได้ เราก็ไม่รู้ว่าแกโม้อีกหรือเปล่าอยู่ดี ต่อให้
ลงทุนไปหอสมุดค้นคว้าหนังสือพิมพ์ หรือจดหมายเหตุต่างๆมาดู ก็ยังขึ้น
อยู่กับว่าคนเขียนบันทึกได้แม่นแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นหนังสือพิมพ็แล้วละก็
เราๆท่านๆก็พอรู้กันอยู่นะครับ

แม้แต่นักเขียนชีวประวัติของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป คนแรก ที่ชื่อ สจ๊วต เล้ค ใน
หนังสือเรื่อง Wyatt Earp : Frontier Marshal ที่เคยขายดิบขายดีเมื่อพิมพ์
ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1931 นั้น ก็ยังยอมรับทีหลังว่า เมื่อแกไปสัมภาษณ์
วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่เวลานั้นอยู่ในวัย 70 กว่าแล้ว แกก็ดำน้ำ และใช้วิธี
Put words in a mouth of the aging lawman หรือแปลเป็นไทยว่า
ยัดคำพูดใส่ปากมือปราบแก่ๆ หลายครั้งเหมือนกัน

ดังนั้นที่ผมจะคุยต่อไปนี้ก็คงจะมีทั้งจริงโม้บ้างเช่นเดียวกัน แล้วแต่ว่าได้
ข้อมูลมาจากแหล่งใด คงไม่ถือสากันนะครับ เพราะตั้งใจจะให้เป็นเรื่อง
บันเทิงคดีที่เกี่ยวข้องกับปืนมากกว่าการชำระประวัติศาสตร์ บางตอนฟังดู
ูแล้ว ก็จะปรากฏอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ค่อนข้างเหลือเชื่อเอาการอยู่

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป นั้นตอนเกิดมีชื่อเต็มๆว่า วายแอ็ท เบอร์รี่ สแต๊ป เอิ๊ร์ป
(Wyatt Berry Stapp Earp) มีเชื้อสายเป็นชาวสก๊อต ปู่และพ่อเป็นนัก
กฎหมายที่แต่เดิมตั้งรกรากอยู่ในรัฐ เคนตั๊คกี้ แต่ นิโคลัส เอิ๊ร์ป ผู้เป็นพ่อหัน
มาบุกเบิกเรื่องเกษตรกรรมในภายหลัง และได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่รัฐ
อิลลินอยส์ หลังจากนั้นได้เข้าร่วมรบในสงครามแม็กซิกัน เมื่อสงครามเลิก
กลับมาบ้าน ก็ตั้งชื่อลูกชายคนใหม่ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1848
ตามชื่อผู้บังคับการของตัวเองเมื่อครั้งไปรบนั้นด้วยความภูมิใจอย่างที่สุดว่า
วายแอ็ท เบอร์รี่ สแต๊ป ส่วนลูกชายจะภูมิใจด้วยหรือเปล่านั้นก็น่าสงสัยอยู่

วายแอ็ท มีพี่ชาย3คนได้แก่ นิวตั้น, เจมส์ และ เวอร์จิล มีน้องชาย 2 คน
ได้แก่ มอร์แกน และ วอร์เรน น้องสาวอีก 1 คนชื่อ แอดีเลีย พี่ชายคนหนึ่งคือ
เวอร์จิล และน้องชายที่ชื่อ มอร์แกน นั้น เมื่อโตแล้วก็ยังใกล้ชิดกันและ
ใช้ชีวิตผจญภัยดวลปืนกับเหล่าร้ายอย่างดุเดือดร่วมกันอีกด้วย โดยได้เข้า
ร่วมแจมกับวายแอ็ท ในการดวลครั้งประวัติศาสตร์ที่คอกปศุสัตว์ชื่อว่าโอเค
คระราล (OK Corral) เมืองทูมบ์สโตนในรัฐอริโซนา เมื่อปี ค.ศ.1881
อันจะได้กล่าวถึงในภายหลังอีกทีนึง

พ่อของวายแอ็ทได้ย้ายนิวาสถานอีกหลายหน เมื่อเกิดสงครามกลาง
เมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1861 นั้น พี่ชายทั้ง 3 ได้ออกรบ ส่วน วายแอ็ท ถึงจะไม่ได้
้ไปเนื่องจากเพิ่ง12 ขวบ (คงเพราะสมัยนั้นยังไม่มีกองกำลังก๊อดอาร์มี่
กระมังครับ) แต่ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ตอนเย็นเมื่อเสร็จงานในไร่แล้วก็จะนำทั้ง
ปืนสั้นและยาวของพ่อมาฝึกฝนจนแม่นยำ โดยใช้อีแร้งกับกระต่ายป่าเป็นเป้า

พออายุ 17 วายแอ็ท ก็ไปรับจ้างขับรถม้าโดยสารระหว่างเมือง ลอส
แองเจลีส กับ ซาน เบอร์นาร์ดิโน ความที่ฝีมือดีและขยันขันแข็ง ก็ได้รับ
ความไว้วางใจให้ไปขับรถสายอริโซนา ที่ต้องเสี่ยงกับโจรและอินเดียนแดง
เผ่าอปาชีอีก

ปรากฏว่าวายแอ็ทใช้ฝีมือแม่นปืนทั้งสั้นและยาว คุ้มครองรถม้าให้อยู่รอด
ปลอดภัยมาได้ตลอด หลังจากนั้นก็ก้าวหน้าในอาชีพไปเรื่อยๆ จนเมื่ออายุ
ยังไม่ถึง 20 ก็ได้เป็นถึงหัวหน้ากองสอดแนมในการรบกับอินเดียนแดง
ให้กับกองทหารม้าประจำเขตตะวันตกเฉียงใต้

หลังจากย้ายกลับไปอยู่มิสซูรี่ และโชคร้ายต้องสูญเสียภรรยาสาวไปเพราะ
โรคไทฟอยด์ วายแอ็ทก็ตัดสินใจออกผจญภัยในทุ่งกว้างอีกครั้ง สมัครเข้า
เป็นอาสาล่าควายเดินทางไปกับคณะสำรวจของรัฐบาลที่กำลังทำแผนที่
ในแถบรัฐ แคนซัส ค่าจ้างในขณะนั้นคือปี ค.ศ.1870 ว่ากันว่าตกวันละ 35
เหรียญ บวกด้วย 10 เซ็นต์ ต่อปอนด์สำหรับเนื้อควาย นับว่าไม่เบาทีเดียว
เลยนะครับ

หลังจากโปรเจ็คท์ทำแผนที่จบลง วายแอ็ทก็พบว่าตัวเองติดใจอาชีพล่า
ควายเสียแล้ว และได้เพื่อนสนิทจากการล่าควายมาด้วยคนหนึ่ง เพื่อน
สนิทคนที่ว่านี้ชื่อ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน (Bat Masterson) ทั้ง 2 ยังไม่หายมัน
ตกลงจับมือกันเป็นฟรีแลนซ์ออกล่าควายกันแค่ 2 คนต่อไป






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:29  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20437

คำตอบที่ 42
       การล่าควายในสมัยนั้นปกติจะทำเป็นทีมกันอย่างน้อย 8 คน เพื่อแบ่งกัน
ทำหน้าที่ออกตามรอย ยิง ถลกหนัง แล่เนื้อ ตากแห้ง และบรรทุกเกวียน
ขับรถไปส่งตลาด วายแอ็ทกับแบ๊ทตัดสินใจแบบ out of the box คือนอก
คอกทำทุกอย่างกันเองแค่ 2 คน ตอนแรกก็มีแต่คนหัวเราะเยาะว่าจะไปได้
สักกี่น้ำ แต่ในที่สุดก็หยุดหัวเราะ เมื่อพบว่านอกจากทั้งคู่จะทำสำเร็จแล้ว
ยังส่งเนื้อควายเข้าตลาดได้มากกว่าทีมอื่นถึง 3 เท่า ร่ำรวยขึ้นแทบจะ
ข้ามคืน

วายแอ็ทไม่ได้เพียงคิดแบบนอกคอกแต่เพียงอย่างเดียว ยังได้กระทำสิ่งที่
ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องใช้คำว่ารีเอนจิเนียริ่งด้วย ปกติทีมล่าควายจะขี่ม้าไล่
ตามฝูงควายซึ่งทำให้แตกตื่นหนีไปหมดได้ง่าย นักล่าส่วนใหญ่จะใช้แต่
ปืนไรเฟิลช้าร์ปส์ ซึ่งหนักและถีบมาก

วายแอ็ทกับ แบ๊ทเปลี่ยนเป็นใช้วิธีย่องเท้าเข้าหาให้ได้ระยะยิงใกล้ที่สุด
และใช้ปืนลูกซองซึ่งเบาและยิงได้คล่องตัวกว่า สามารถส่องตูมๆล้มได้
หลายตัวกว่าควายที่ยังไม่ถูกยิงจะเริ่มได้กลิ่นเลือดแล้วหนีไป อธิบาย
เพิ่มนิดนึงว่า ควายอเมริกันไม่ตกใจเสียงปืนนะครับ จะตกใจต่อเมื่อมีอะไร
มาวิ่งไล่ หรือได้กลิ่นเลือดเท่านั้น ส่วนควายบ้านเราสงสัยต้องไปถาม
นายฮ้อยเคนดูก่อน

เมื่อล่าควายด้วยกันจนรวยแล้ว ทั้งคู่ก็บอกลากัน ตอนนั้นเป็นปี ค.ศ.1873
วายแอ็ทอายุย่างเข้า 25 ชักคิดอยากจะทำอย่างอื่นบ้าง จึงออกเตร็ดเตร่ไป
ตามเมืองต่างๆในแถบแคนซัส และมิสซูรี่ ระหว่างที่วายแอ็ทพักอยู่ที่เมือง
แคนซัสซิตี้ ก็ได้แรงบันดาลใจที่จะฝึกฝนฝีมือในการใช้ปืนสั้น โดยได้ครูดี
อย่าง เจมส์ บั๊ทเลอร์ หรือ ไวลด์ บิล ฮิกค็อก (Wild Bill Hickok) ซึ่งถือว่า
เป็นสุดยอดแห่งวิทยายุทธ์สำหรับปืนลูกโม่บรรจุ 6 นัดในเวลานั้น
เป็นผู้ฝึกฝน

วายแอ็ทลงแข่งได้รางวัลหลายหน เป็นที่ชื่นชมของครูมาก แต่เมื่อวายแอ็ท
จะออกเดินทางต่อ กลับไม่ยักหาปืนไว้พกติดตัว ทั้งๆที่ก็เริ่มปิ๊งปืนโค้ลท์
ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ ขนาด .45 หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนามว่า
พี้ซเมคเก้อร์เข้าแล้ว แต่ไม่ยอมซื้อ มิไยครู ไวลด์ บิล จะเตือนว่า ออกจาก
ที่นี่ไปแล้วจะพบแต่บ้านป่าเมืองเถื่อนทั้งนั้น ควรจะต้องมีปืนติดตัว
ก็ไม่เชื่อ บอกว่าจะไปหางานประเภทโลว์โพรไฟล์ ที่เรียบๆสงบๆทำเท่านั้น
แต่แล้วก็รู้ตัวว่าคิดผิดตั้งแต่ย่างแรกที่มาถึงเมืองเอลสเวิร์ธ (Ellsworth)








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:30  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20438

คำตอบที่ 43
       ยุคนั้นเป็นยุคที่ธุรกิจปศุสัตว์กำลังเฟื่อง ตลาดรับซื้อส่วนใหญ่อยู่ตามเมือง
ต่างๆหลายเมืองในรัฐแคนซัส เมื่อเงินเดินสะพัด ธุรกิจต่อเนื่องก็เริ่มตามมา
โดยเฉพาะสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับคาวบอยอกสามศอกทั้งหลาย
มีบาร์ บ่อน เป็นหลัก (ที่จริงก็มีอย่างอื่นด้วยแหละครับ ไม่ได้ต่างจากสมัยนี้
สักเท่าไหร่หรอก จะขาดก็คงแค่ตลกคาเฟ่เท่านั้น)

บ้านป่าเมืองเถื่อนที่ดังๆประจำรัฐ แคนซัส เวลานั้นก็ได้แก่เมือง แอ๊บบิลีน
(Abiliene), วิชิต้า (Wichita), ด๊อดจ์ ซิตี้ (Dodge City) แล้วก็เอลสเวิร์ธ
นี่แหละครับ

เมืองนี้มีนายอำเภอชื่อ ชอนซี่ บี วิธนี่ กับผู้ช่วย 2 คนทำหน้าที่ผู้รักษา
กฎหมาย อยู่มาวันหนึ่งมีนักเลงโตจากเท็กซัส ชื่อว่า เบ็น ธอมป์สัน กับน้อง
ชายชื่อบิล ทั้งคู่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในทางแม่นปืนและดุร้ายโหดเหี้ยม
ยิงคนตายไปแล้วกว่า 20 คน เข้ามาเล่นไพ่ในซาลูนสักพัก เกิดมีปากเสียง
เอะอะทะเลาะกันอย่างดุเดือดกับคู่เล่น เนื่องจากมีการจับได้ว่าโกงกัน

พอนายอำเภอวิธนี่ จะเข้ามาจับแยก บิลก็ชักปืนลูกซองแฝดออกมาจากใต
้โต๊ะจ่อหน้าอกนายอำเภอ แล้วก็ลั่นไกยิงนายอำเภอคว่ำลงไปทันที ผู้คนพา
กันแตกตื่น รวมทั้งผู้ช่วยนายอำเภอทั้งสองด้วย ที่วิ่งหนีไปซ่อนอยู่หลังประตู
ไม่มีใครกล้าเข้าไปตอแย จากนั้นบิลก็เดินทอดน่องออกไปจากซาลูน
ขึ้นม้าขี่ออกนอกเมืองไปหน้าตาเฉย ส่วนเบ็นนั้นยังไม่ไป อยู่สั่งเหล้ากินต่อ
แถมยังกวักมือเรียกผู้ช่วยนายอำเภอทั้งสอง ซึ่งยังอยู่ในอาการอุจจาระหด
ผายลมหาย และบรรดาคาวบอยมุงที่ยังเหลืออยู่นั้นว่า ใครแน่ก็ออกมาจับซิ

ปรากฏว่ามีไอ้หนุ่มแปลกหน้าแปลกตาคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา ติดดาว
นายอำเภอหรา มีปืนเหน็บติดเอว เตรียมพร้อมโดยขอยืมมาจากนายก
เทศมนตรีซึ่งเผอิญอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

แน่นอนครับไอ้หนุ่มแปลกหน้ารายนี้ย่อมไม่ใช่ใครอื่น เชื่อไหมครับว่า
วายแอ็ท แค่เดินเข้าไปจ้องตากับเบ็น (นึกภาพฉากจ้องตากันที่ชอบใช้บ่อยๆ
ในหนังคาวบอยสปาเก๊ตตี้ที่ คลิ้นท์ อี๊สท์วู้ด เล่นด้วยนะครับ) แล้วก็ถาม
ว่าจะยิงกันหรือจะยอมแพ้ให้จับ เท่านั้นเองนักเลงโตที่ขึ้นชื่อว่าดุร้าย
โหดเหี้ยมนักหนาฆ่าคนมาเยอะแยะ นาม เบ็น ธอมป์สัน ก็ยอมให้จับเข้าคุก
ไปโดยดีเสียเฉยๆ ไม่มีการยวนยี ยอกย้อน หรือยึกยักแต่อย่างใดทั้งสิ้น
นี่เป็นการแสดงอภินิหารครั้งแรกครับ

อภินิหารฉากต่อไปเกิดขึ้นในปีต่อมาที่เมืองวิชิต้า ที่ผมเอ่ยถึงไปแล้วว่าใน
เวลานั้นจัดอันดับเป็นเมืองเถื่อนอีกเหมือนกัน วายแอ็ทเข้ารับตำแหน่ง
ผู้ช่วยนายอำเภอ ท่ามกลางความหมั่นไส้ของบรรดานักเลงโตประจำ
ท้องถิ่นทั้งหลายหลังจากได้ยินเรื่องราวที่เมืองเอลสเวิร์ธ ต่างก็ฮึ่มฮั่มอยาก
จะลองของกันทั้งนั้น

ในบรรดานักเลงโตที่ว่ากันว่าร้ายนักก็มี จ๊อร์จ เปชอร์ คนหนึ่ง กับเพื่อนซี้อีก
2 คนชื่อ เอ๊ด มอริสัน และ เซี่ยงไฮ้ เพี้ยร์ซ ทั้ง 3 ผลัดกันพยายามคอยหา
เรื่องด่าทอยั่วยุวายแอ็ทให้มาดวลกันอยู่เสมอ ฝ่ายวายแอ็ทซึ่งเป็น
เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มตัวแล้ว พกปืนพี้ซเม้คเก้อร์
ติดตัวตลอด ก็พยายามอดกลั้นและระวังตัวอยู่

จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่วายแอ็ทกำลังเดินสายตรวจประจำวันอยู่ดีๆ ก็เห็น
นักเลงโตทั้ง 3 พร้อมลูกสมุนอีกไม่ต่ำกว่า 1 โหล ยืนปิดถนนอยู่ข้างหน้า
สีหน้าท่าทางบอกว่าคราวนี้อย่าหนีไปไหนไม่รอดแน่

วายแอ็ทแกล้งเดินเลี้ยวเข้าอีกซอยหนึ่ง ล่อให้ฝูงเหล่าร้ายเดินตามมา
พอเดินถึงร้านโชว์ห่วย General Store ก็หลบเข้าร้าน คว้าปืนลูกซองแฝด
ได้กระบอกนึง บรรจุกระสุนง้างนก เปิดประตูกลับออกมาจากร้าน ก็ได้
จังหวะที่เหล่าร้ายทั้งฝูงเดินตามมาทันพอดี

คนที่ไม่นึกว่าตัวเองจะเจอแจ๊คพอทเข้าก็คือ เอ๊ด มอริสัน ที่ดันผ่าเดินกร่าง
นำหน้าคนอื่นไปก่อนจนถึงหน้าประตูร้าน

ฝ่ายวายแอ็ทไม่ยอมให้เสียเวลา เอาลูกซองแฝดจิ้มเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูก
ของเอ๊ด นิ้วอยู่ในโกร่งไกรตะโกนว่า สนุกกันมากพอแล้วไอ้หนู! เท่านั้นเอง
ที่เหลือก็โยนปืนทิ้งลงพื้นกันหมด ปล่อยให้วายแอ็ท ต้อนเข้าคุกแต่โดยดี
นับทั้งหมดได้ 21 คนไม่ขาดไม่เกิน

ถึงตอนนี้ชื่อเสียงก็เริ่มโด่งดังยิ่งขึ้น ในปี ค.ศ.1876 ปศุสัตว์ย้ายไปค้าขายกัน
ที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ มากขึ้นเรื่อยๆ จนเลื่อนลำดับขึ้นนำหน้าเมืองอื่นๆในเรื่อง
ความไร้ระเบียบและอาชญากรรม นายกเทศมนตรีจึงว่าจ้างวายแอ็ท
มาทำงานร่วมเป็นทีมมือปราบ โดยให้เงินเดือน 250 เหรียญ

เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ วายแอ็ทก็เลยต้องชวนผู้ที่ฝีมือดีและไว้วางใจได้
มาช่วยกันหลายคน หนึ่งในนั้นคือ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน บั๊ดดี้เก่าที่เคยล่า
ควายด้วยกัน กลับมาเจอกันหนนี้ทั้งคู่เริ่มคิดใหม่ว่า จะดูแลเมืองที่เต็มไป
ด้วยเสือสิงห์กระทิงแรด ทั้งขาจรและขาประจำอย่างไรดี

ว่าแล้วก็ตัดสินใจลงมือทำใหม่จริงๆ โดยไม่ต้องอาศัยทั้งเสียงสนับสนุนจาก
คนรุ่นเก่าหรือรอฟังประชามติ ประกาศ 'เขตปลอดอาวุธ' บังคับคาวบอย
ทั้งหลายให้ฝากปืนทิ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะเข้าไปทำธุระ หรือเที่ยวเตร
่ในเมืองได้โดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่เลือกว่าเป็นกุ๊ยหรือไม่กุ๊ยทั้งสิ้น

แน่นอนครับว่าเกิดความหมั่นไส้และฮึดฮัดกันขึ้นมาทันที ทั้งในหมู่นักเลง
โตและโจรกระจอกทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จึงมีการลงขันกันว่าจ้างมือปืน
อาชีพมาจัดการกับวายแอ็ทเสีย

มือปืนที่จ้างมานี้ชื่อ เคลย์ อัลลิสัน มีพื้นเพเดิมมาจากเท็กซัส เคยเป็นทหาร
ฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง มีชื่อเสียงในทางแม่นปืน และดุร้ายชอบเมา
สุราอาละวาดหาเรื่องยิงคน ที่สำคัญที่สุดคือชอบลบหลู่อำนาจรัฐเป็นงาน
อดิเรก ตอนที่ตกลงรับว่าจ้างนั้น เคลย์ เพิ่งยิงนายอำเภอของเมือง ลาส
แอนิมัส ใน นิว แม็กซิโก ตายไปหยกๆ แต่สามารถข่มขู่ลูกขุนทั้งคณะ
จนรอดจากคดีออกมาได้ ทั้งๆที่พยานหลักฐานมัดเหนียวแน่น เกิดความ
ฮึกเหิมเหมือนลูกใครไม่รู้เป็นอันมาก

ก่อนจะลงมือก็ต้องมีการหยั่งเชิงกัน เคลย์ อัลลิสัน ส่งเพื่อนที่มีชื่อเสียงเรียง
นามว่า จ๊อร์จ ฮ็อย เข้าไปก่อน เพื่อนคนนี้ใช้วิธีขี่ม้าลุยฝ่าด่านเก็บปืนเข้าไป
ในเมืองโดยไม่ยอมปลดอาวุธ ก่อความไม่สงบยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า
จนถึงกลางเมืองเจอเข้ากับวายแอ็ท ซึ่งยืนคอยดูอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน
พอได้ระยะวายแอ็ทก็ยิงโป้งสวนเข้าให้นัดเดียว โดน จ๊อร์จ ฮ็อย ตกลงจาก
หลังม้าตายไปในที่สุด ส่วนวายแอ็ทนั้นเหมือนอภินิหารอีกเช่นเคย
คือแคล้วคลาด ไม่โดนกระสุนขีดข่วนหรือเฉียดฉิวแต่อย่างใด

เคลย์ อัลลิสัน จึงต้องตามมาคิดบัญชีให้เพื่อน และก็ได้เผชิญหน้าจะๆกับ
วายแอ็ทที่หน้า ลอง แบร๊นช์ ซาลูน (Long Branch Saloon) มีผู้คนมามุงดู
มากมาย แต่ก็ผิดหวังเพราะไม่มีการจ้องตากันให้ลุ้น และไม่มีการดวลกัน
ให้ต่อรอง มีเพียงการพูดจาอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครได้ยิน หลังจากนั้นมือปืน
ผู้ดุร้ายและชอบลบหลู่อำนาจรัฐ นาม เคลย์ อัลลิสัน ก็ถอยกลับขึ้นม้า
ขี่ออกนอกเมืองไปเสียเฉยๆ

หนนี้ไม่ได้เป็นเพราะอภินิหารอะไรหรอกครับ เป็นเพียงเพราะว่าเคลยฺ์
์มองเห็น แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ในมือถือปืนลูกซองจ้องใส่ตัว
อยู่เท่านั้น

และที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ นี่เองที่วายแอ็ทได้เพื่อนใหม่อีกคนซึ่งจะร่วมเป็นร่วม
ตายกันอีกหลายหนในวันข้างหน้า เป็นอีกคนที่จะได้เข้าร่วมแจมกับ
วายแอ็ท ในการดวลที่ คอกสัตว์โอเค คระราล (OK Corral) ด้วย ใช่แล้ว
ครับ เขาคือ จอห์น เฮนรี่ หรือ 'ด๊อค' ฮอลลิเดย์ (Doc Holliday) อดีตหมอฟัน
ชาวจอร์เจีย ผู้ป่วยเป็นวัณโรคไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง เลยออกตระเวณ
ใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมาย และหันมาเอาดีทางการพนัน ด๊อคเป็นนักเลงปืน
ที่ทั้งไวและแม่น แถมยังถนัดมีดสั้นอีกด้วย มีชื่อเสียงโด่งดังว่าฆ่าคู่ต่อสู้
ตายไปแล้วหลายคนกลางวงไพ ่ทุกครั้งที่มีการกล่าวหาท้าทายกันเรื่องโกง

เหตุการณ์ที่นำมาสู่มิตรภาพเกิดขึ้นเมื่อ เอ๊ด มอริสัน คู่ปรับเก่าจากเมือง
วิชิต้า ตามมาเพื่อจะแก้มือกับวายแอ็ท หลังจากได้ข่าวว่ากำลังรุ่งอยู่ที่
เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ เอ๊ดพาลูกสมุนมาด้วย 50 คน ลุยด่านเก็บปืนเข้ามาส่ง
เสียงดังยิงปืนขู่ขวัญ พังร้านรวงมาตลอดทาง

พอถึงหน้า ลอง แบร๊นช์ ซาลูน ก็ลงจากหลังม้าพากันบุกเข้าไปข้างใน
พังข้าวของแล้วก็ข่มขู่ลูกค้าไปด้วย วายแอ็ทไม่ทันได้ตั้งตัววิ่งตามเข้าไปดู
ว่าเกิดอะไรขึ้น พอผลักบานประตูเข้าไป ก็เจอปากกระบอกปืนเป็นตับจ้อง
รออยู่ ตัวเองพกปืนอยู่ก็จริงแต่ขืน แค่เพียงทำท่าว่าจะสู้ก็คงเละอยู่ตรง
นั้นแน่ ได้แต่ยืนคุมเชิงกันอยู่ไม่ยอมถอยเหมือนกัน ในใจก็คิดว่าถ้าต้องตาย
ละก็ จะพาพวกนี้ไปร่มทัวร์เมืองผีด้วยอย่างน้อยซักสี่ห้าคน

ท่ามกลางลูกค้าอื่นๆในร้านมากมายที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนนั้น เอ๊ด
มอริสัน ซึ่งนั่งกินเหล้ารออยู่ลุกขึ้นเดินออกมา ท่าทางมั่นใจเกินร้อย บอกกับ
วายแอ็ทอย่างเย้ยหยันว่า นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วซะ แล้วรีบชัก(ปืน)ออกมา

แต่แล้วแทนที่ฝันจะกลายเป็นจริงเสียที กลับมีเสียงใครไม่รู้พูดมาจากข้าง
หลังว่า ม่ายช่ายหรอกเพื่อน แกนั่นแหละที่ต้องชัก(ก็ปืนอีกนั่นแหละครับ)
หรือม่ายงั้นก็ยกมือขึ้นซะ แล้วนักเลงโตผู้ฝันอยากจะเก็บนายอำเภอชื่อดัง
ก็รู้สึกว่ามีปืนอีกกระบอกมาจ่ออยู่ตรงขมับตัวเองพอดี

ถูกแล้วครับ ด๊อค ฮอลลิเดย์ คือเจ้าของเสียงนั้น ด๊อคกำลังเล่นไพ่อยู่ในอีก
ห้องหนึ่ง ถูกรบกวนสมาธิจากเสียงเอะอะโครมครามก็เลยออกมาดู เห็นว่า
อะไรเป็นอะไรแล้ว ก็ย่องเข้ามาข้างหลังตอนที่เอ๊ดกับลูกสมุนกำลังมัวแต่
สนใจอยู่กับ วายแอ็ท จากนั้นด๊อคก็ตะโกนบอกบรรดาลูกสมุนของเอ๊ดที่ยัง
คงจ้องปืนอยู่ที่วายแอ็ทว่า หน้าไหนเหนี่ยวไกละก็ รับรองลูกพี่มันหัวเป็นรู
แน่ และแล้วปืนกว่า 50 กระบอกก็ลงไปกองอยู่กับพื้น

เหตุการณ์นี้ทำให้วายแอ็ท ระลึกถึงบุญคุณของด๊อคไปนาน ส่วนด๊อคก็ชอบ
ความกล้าหาญและความเป็นนักเลงจริงของวายแอ็ท และติดสอยห้อยตาม
สนับสนุนวายแอ็ทไปทุกที่เช่นกัน

บรรดาผู้คนที่ไม่ทราบถึงที่มาก็ค่อนข้างจะงงๆอยู่ว่า ทำไมนายอำเภอของ
ตัวถึงได้ลดตัวลงมาคบหาสมาคมกับนักเลงการพนัน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น
ฆาตกรที่ทั้งขี้โรคแล้วก็ขี้เหล้า (เป็นที่รู้กันว่าทั้งๆที่ไอโขลกๆ ตลอดเวลา
เพราะวัณโรค พี่แกยังสามารถดื่มได้ถึงวันละเกือบ 4 ลิตร เริ่มตั้งแต่อาหาร
เช้าไปจนก่อนนอนโดยไม่แสดงอาการมึนเมา)

แต่วายแอ็ทคงจะเห็นรูปทองของด๊อคซ่อนอยู่ภายใน เข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นแท้
ของปรัชญาชีวิตและหลักจิตวิทยาว่า ที่จริงแล้วด๊อคเป็นผู้มีการศึกษา รัก
ความยุติธรรม และไม่ได้มีสันดานเป็นโจรผู้ร้าย แต่เพราะความที่รู้ตัวว่า
จะต้องตายไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้อยู่แล้วก็เลยไม่แคร์กับอะไรทั้งสิ้น ขอใช้ชีวิต
โลดโผนดุเดือดให้สะใจไปวันๆ ในขณะที่ฝีมือ และไหวพริบนั้นไม่เบาทีเดียว
เอาเป็นว่าไม่จัดอยู่ในพวกยี้ก็แล้วกันนะครับ

ในช่วงเวลา 2 ปีที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ วายแอ็ทไม่ได้เป็นแต่ผู้รักษากฎหมายแต่
เพียงอย่างเดียว แต่ได้ริเริ่มเป็นนักพนันกับเขาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ
ได้ ด๊อค ฮอลลิเดย์ ซึ่งเป็นนักพนันตัวฉกาจอยู่แล้วมาเป็นเพื่อน แถม แบ๊ท
ม้าสเตอร์สัน คู่หูเดิมก็เข้าร่วมวงด้วย

ทั้งวายแอ็ท และแบ๊ทจะใช้เวลานอกราชการอยู่ที่ อัลฮัมบร้า ซาลูน
(Alhambra Saloon) เป็นส่วนใหญ่เพลิดเพลินกับการเป็นเจ้ามือและ
รายได้เสริมจากไพ่ฟาโร ผู้คนทั่วไปก็ชอบให้ทั้งสองมานั่งเล่นด้วย เพราะ
ช่วยไล่กุ๊ยไปในตัว ส่วนด๊อคก็ให้ความนับถือวายแอ็ท ไม่สร้างปัญหาให้
ใคร ในที่สุดที่นี่ก็เป็นที่ชุมนุมของบรรดาคนดัง พ่อค้าวาณิช และนักการ
เมืองที่เดินทางผ่านไปมามากมาย

เขาว่ากันว่าในสมัยนั้นการพนันถือเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติอาชีพหนึ่ง และ
การโกงไพ่แต่พองามอย่างมีศิลปชั้นเชิง ไม่โจ๋งครึ่มจนน่าเกลียด ก็ไม่ถือว่า
เป็นเรื่องเสียหาย ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีนะครับว่าเมื่อ 120 ปีมาก่อนเขาคิด
กันอย่างไร ถ้าเป็นสมัยนี้คงต้องหมายถึงการเมืองกับการเลือกตั้งใน
ประเทศไหนสักแห่งนึงแน่ๆเลย






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:32  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20439

คำตอบที่ 44
       ที่ ด๊อดจ์ ซิตี้ นี่อีกเหมือนกันครับ ที่ว่ากันว่านักเขียนนิยายเล่มละ10 ตังค์
หรือ Dime Novel ชื่อดังในยุคนั้นนามปากกาว่า เน็ด บั๊นท์ไลน์ ได้มอบปืน
โค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ รุ่นพิเศษลำกล้องยาว 12 นิ้ว สั่งทำโดยตรง
จากโรงงานโค้ลท์ เรียกกันว่ารุ่น บั๊นท์ไลน์ สเปเชี่ยล ให้กับวายแอ็ท และ
ผู้ช่วยทั้งหลายโดยเฉพาะ

เรื่องนี้ในปัจจุบันยังถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจริงหรือไม่ ต่างฝ่ายต่าง
ก็มีหลักฐานมาอ้างอิงกันทั้งนั้น ซึ่งผมจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดละนะครับ แต่ถ้า
หาปืนรุ่นนี้ได้ หรือท่านใดมีอยู่จะนำมาโชว์หรือทดสอบกัน ก็จะได้ทั้งสาระ
และความสนุกสนานยิ่งขึ้น






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:34  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20440

คำตอบที่ 45
       มื่อ ถึงป ค.ศ.1879 ด๊อดจ์ ซิตี้ เริ่มเข้าสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
วายแอ็ทจึงบอกลาไปผจญภัยต่อ ตามคำชวนของเวอร์จิลพี่ชาย ซึ่งขณะ
นั้นทำหน้าที่ผู้ช่วยนายอำเภอ และเป็นหัวหน้าตำรวจอยู่ที่เมืองทูมบ์สโตน
(Tombstone) ในอริโซนา หลังจากที่น้องชายคือมอร์แกน ได้รับคำชวน
เช่นกันและล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

ทูมบ์สโตนขณะนั้นเป็นเมืองที่กำลังบูมสุดขีด เพราะนอกจากรอบๆเมืองจะ
มีปศุสัตว์เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีการขุดพบแร่เงินอีกด้วย วายแอ็ทเข้า
ลงทุนร่วมกับพี่ๆน้องๆเป็นหุ้นส่วนใน โอเรียนเต็ล ซาลูน แล้วก็รับงานเป็นผู้
คุ้มกันรถม้าของบริษัท เวลส์ ฟาร์โก ด้วย และจากงานผู้คุ้มกันรถม้านี่เอง
ที่ทำให้วายแอ็ทต้องเหยียบเท้ากลุ่มอิทธิพลประจำท้องถิ่นเข้าอีก

กลุ่มอิทธิพลที่ว่านี้คือพวกตระกูลแคลนตั้น (Clanton) เป็นผู้กว้างขวาง
ทำอาชีพปศุสัตว์ในเขตนี้อยู่ก่อนแล้วหลายปี เป็นแก๊งใหญ่มากนำโดย
นิวแมน เฮนส์ ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เฒ่าแคลนตั้น กับลูกชาย 3 คนได้
แก่ ไอ๊ค์, ฟิเนียส และ บิลลี่ แถมด้วยลูกสมุนนักเลงปืนฝีมือดีอีกมากมาย
ได้แก่ จอห์นนี่ ริงโก้ อีกคนได้แก่ บิล โบรเชียส หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า
บิลผมลอน จากนั้นก็มีสองพี่น้อง แฟร้งค์ กับ ทอม แม็คลอรี่ ตามด้วย
ฟลอเรนทีโน่ ครุซ ที่ชาวบ้านเรียกว่า อินเดียน ชาร์ลี แล้วยังมี พีท สเป๊นซ์
อีกทั้ง แฟร้งค์ สติลเวลล์ เป็นอาทิ

คาวบอยแก๊งนี้ไม่ได้ค้าขายปศุสัตว์ด้วยวิธีสุจริต แต่ใช้วิธีทั้งขโมยและปล้น
เอามาจากฝั่งเม็กซิโก อาศัยที่พื้นที่อยู่ติดกับรอยต่อพรมแดน ทำให้ติดตาม
หาหลักฐานได้ยาก นอกจากนั้นยังปล้นรีดไถรถม้าด้วย ที่สามารถทำ
ธุรกิจนอกระบบอยู่ได้ก็เพราะมีเชอร์ริฟที่ชื่อ จอห์น บีแฮน เป็นพวก

เหตุที่ทำให้วายแอ็ทต้องเหยียบเท้าพวกนี้เริ่มต้นด้วยอยู่ดีๆม้าของตัวเอง
หายไป หลังจากเพิ่งมาถึงทูมบ์สโตนได้ไม่กี่วัน พอมีคนมากระซิบบอกว่า
ลองไปหาแถวๆไร่ของพวกแคลนตั้น ดูซิ วายแอ็ทก็ตามไปดูและพบว่าม้า
ของตัวอยู่กับบิลลี่ แคลนตั้น หลังจากมีปากเสียงกันอยู่พักใหญ่ บิลลี่ก็ยอม
ให้วายแอ็ทเอาม้าคืนไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

จากนั้นก็มีฬ่อตัวหนึ่งของกองทหารม้าหายไปอีก ทางทหารได้ขอแรงให้
ฝ่ายสืบสวนของบริษัท เวลส์ ฟาร์โก ร่วมมือกับทางตำรวจของเมือง
ทูมบ์สโตนช่วยค้นหาร่องรอย วายแอ็ทจึงได้ติดตามเวอร์จิลพี่ชายออกแกะ
รอยตามไปจนถึงบ้านของพวกแม็คลอรี่ ก็พบฬ่อตัวนั้น แถมพบอีกว่าที่บ้าน
ดังกล่าวมีอุปกรณ์สำหรับตีตราเปลี่ยนตราเดิมที่ตีไว้แล้วด้วย ทางทหาร
มานำฬ่อคืนไป แล้วลงประกาศหนังสือพิมพ์ให้รางวัลใครก็ตามที่สามารถ
หาหลักฐานมาจับพวกแม็คลอรี่เข้าคุกได้ ทำให้พวกแม็คลอรี่ โมโหและเจ็บ
แค้นว่า พวกเอิ๊ร์ปเป็นตัวการทำให้เสียชื่อเสียง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:37  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20441

คำตอบที่ 46
       แล้วก็เกิดมีคดี บิลผมลอน โบรเชียส เมาสุราอาละวาดแล้วฆ่านายอำเภอ
เฟร้ด ไว้ท์ ตาย ขณะที่นายอำเภอไว้ท์พยายามจะจับปลดอาวุธ

เรื่องของเรื่องก็คือ บิลผมลอน ทำทีเป็นส่งปืนในมือทั้งซ้ายและขวาให้
โดยกำปืนตรงลูกโม่ คว่ำตัวปืนหันด้ามปืนออกจากตัวยื่นไปข้างหน้า แต่พอ
นายอำเภอยื่นมือทั้งสองมาจะรับ บิลผมลอน ก็เล่นกลด้วยวิธีที่นักเลงปืน
สมัยนั้นเรียกกันว่า โร้ด เอเย่นท์ส สปิน (Road Agent's Spin) คืองอนิ้วชี้ให้
้เป็นตะขอ สอดเข้าโกร่งไกจากด้านใน ปล่อยปืนที่กำไว้ให้หงายตกลงมา
แขวนอยู่กับข้อนิ้ว แล้วตวัดควงปืนหมุนด้ามกลับมากำไว้ ปากกระบอกหัน
กลับไปอยู่ด้านหน้า ง้างไกด้วยนิ้วโป้งแต่ไม่ถอนนิ้วชี้ออกจากโกร่งไก นาย
อำเภอเลยคว้าเอาปากกระบอกปืนดึงเข้าหาตัวแทน

ผลก็คือแน่นอนครับว่าลั่นตูมทั้ง 2 กระบอกเข้าที่พุงของนายอำเภอ ทรุดลง
ไปนอนเลือดท่วมอยู่บนพื้น วายแอ็ทได้ยินเสียงปืนและเห็นเหตุการณ์ ก็วิ่ง
เข้าไปคว้าปืนตีบิลผมลอนเข้าที่หัว แล้วส่งให้เวอร์จิลพาเข้าคุกไป แต่ใน
ที่สุดศาลสั่งปล่อย เพราะก่อนที่นายอำเภอไว้ท์จะสิ้นลม ดันละเมอออกมา
ให้ผู้คนที่อยู่รอบๆได้ยินว่า ไม่น่าดึงปืนให้ลั่นเลย หลังจากถูกปล่อยแล้ว
บิลผมลอนก็คุยโขมงโฉงเฉงไปทั่วว่าตัวเองหลอกยิงนายอำเภอได้

ระหว่างนั้นด๊อค ซึ่งติดตามวายแอ็ทมาอยู่ทูมบ์สโตนด้วยก็มีเรื่องเขม่นกับ
จอห์นนี่ ริงโก้ ซึ่งตามประวัติกล่าวว่า เดิมเป็นชาวมิสซูรี่ที่เรียนหนังสือมาสูง
เหมือนกัน แต่มีปัญหาทางจิตเป็นพวกเก็บกดโมโหร้ายทำอะไรไม่ยั้งคิด
ความที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้ชื่อว่าเป็นเสือปืนไวชื่อดัง (แถมโรคจิตพอๆกัน)
จึงยียวนเข้าใส่กันเต็มที่เกือบจะปะทะกันหลายหน เหล่านายอำเภอและ
ผู้ช่วยทั้งหลายต้องคอยจับแยกออกเป็นประจำ

แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นอีก เมื่อรถม้าคันหนึ่ง
ถูกปล้น คนขับถูกยิงตาย มีการกล่าวหาและสร้างพยานเท็จว่าด๊อคเป็น
ตัวการ โดยพวกแคลนตั้นกับเชอร์ริฟบีแฮนร่วมมือกันออกอุบาย ชวนแฟน
ของด๊อคทีเพิ่งเสร็จจากการทะเลาะถึงขั้นตบตีกันกับด๊อคไปเลี้ยงเหล้า
ทำทีเป็นว่าเห็นใจ แต่แล้วกลับยุยงให้ไปให้การปรักปรำด๊อคกับศาล
จนด๊อคเกือบจะถูกตัดสินแขวนคออยู่แล้ว เกิดเปลี่ยนใจสงสารกลับคำ
ให้การทีหลัง ด๊อคถึงรอดออกมาได้

พอหลังจากนั้นไม่นานมีการปล้นรถม้าอีก แต่คราวนี้คนขับรอดแล้วให้การ
ซัดทอดว่าเป็นฝีมือของ พีท สเป๊นซ์ กับ แฟร้งค์ สติลเวลล์ พอเวอร์จิลและ
วายแอ็ทตามไปจับทั้งคู่มาขึ้นศาลได้ทั้งพีทและแฟร้งค์ กับลูกสมุนทั้งหลาย
ก็ประกาศก้องว่า แค้นนี้ต้องชำระแน่

นับเป็นเวลารวมกันเกือบ 2 ปีแล้ว ที่วายแอ็ทกับพี่น้องแถมด้วยด๊อค
ย้ายมาทำมาหากินที่ทูมบ์สโตน และมีเรื่องเขม่นกันกับแก๊งแคลนตั้น
เจ้าพ่อดั้งเดิมที่มีเชอร์ริฟบีแฮนคอยคุ้มครอง เกือบจะตั้งแต่วันแรกอย่างไม่
หยุดหย่อน ย่างเข้าหน้าร้อนของปี ค.ศ.1881 เฒ่าแคลนตั้นเกิดโชคร้ายถูก
พวกตำรวจแม็กซิกันยิงตายขณะที่เข้าไปปล้นม้าในเขตของเม็กซิโก
ทำให้ลูกชายคนโตคือ ไอ๊ค์ ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน

สิ่งที่ไอ๊ค์ทำเป็นอย่างแรกก็คือ ประกาศสงครามกับพวกเอิ๊ร์ปอย่างเปิดเผย
โดยตัวเองและพรรคพวกพากันเที่ยวพูดจาไปทั่ว โดยเฉพาะในซาลูนที่มีคน
แยะๆว่า จะจัดการส่งพวกพี่น้องเอิ๊ร์ปกับ ด๊อค ฮอลลิเดย์ ไปบู๊ตฮิลล์
(Boot Hill - สุสานที่ใช้ฝังศพพวกคาวบอยที่มีอันต้องจบชีวิตลงแบบ
died with his boots on คือถูกยิงตายจากการดวล นำไปฝังโดยไม่ทันได้
ถอดรองเท้าบู๊ตออกจากศพเสียก่อนนั่นแหละครับ) ลงหลุมเสียในเร็วๆนี้

คืนวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ.1881 ไอ๊ค์เมาสุราอยู่ในอ๊อกซิเดนทัล ซาลูน
(Occidental Saloon) หลังจากตะโกนด่าท้าทายพวกเอิ๊ร์ปและด๊อค
ฮอลลิเดย์ อย่างรุนแรงแล้ว ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับด๊อคพอดี ด๊อคกะเอาเรื่องเต็มที่
ถามว่าเมื่อไรจะลงมือเสียทีล่ะ เดี๋ยวนี้เลยมั้ย เกือบจะลงไม้ลงมือกันก็พอด
ีเวอร์จิลและมอร์แกนรีบมาจับแยกออกจากกันได้ทัน แต่ไอ๊ค์ก็ไม่ยอมลดละ
กลับออกไปจากซาลูนเห็นวายแอ็ทเดินอยู่ข้างนอก ก็รี่เข้าไปตะคอกใส่ว่า
บอกไอ้เพื่อนปอดเน่าตัวแสบของแกว่า พรุ่งนี้มันต้องไปแน่ รวมทั้งตัวแกด้วย
เตรียมตัวให้ดีเถอะ

และแล้วก็มาถึงวันที่มีการดวลปืนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ของโคบาลตะวันตก คือ 26 ตุลาคม ค.ศ.1881

พวก เอิ๊ร์ปเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วตั้งแต่เช้า ส่วนพวกแคลนตั้นก็ทยอยขี่ม้า
เข้าเมืองมาแต่เช้าเช่นกัน ก่อนจะเริ่มยิงกันจริงๆ ก็ต้องมีการลองของกัน
เล็กน้อยเพื่อหยั่งเชิงตามธรรมเนียมครับ โดย ไอ๊ค์ แคลนตั้น ถือปืนลูกซอง
เดินมาตามถนน ร้องด่าท้าทายมาก่อน แต่แล้วก็ถูกเวอร์จิลในฐานะ
นายอำเภอจับกุมไว้ ข้อหาก่อความไม่สงบ นำส่งศาลปรับทันที 25 เหรียญ
ยึดปืนไว้ด้วย

ระหว่างที่ยังอยู่ในศาลยังไม่กลับออกมานั้น วายแอ็ท และทอม แม็คลอรี่
ต่างคนต่างตามไปดูเหตุการณ์ เจอะกันที่หน้าศาลก็มีการปะทะคารมกันอีก
ไม่มีใครได้ยินว่าพูดอะไรกันบ้าง แต่ตอนท้ายวายแอ็ทชักปืนออกมา
เอาด้ามตีกบาลของทอม โดยไม่มีการยิงกัน ทอมก็ล่าถอยกลับไป

ไอ๊ค์และทอมกลับไปสมทบกับพรรคพวก อันประกอบด้วย บิลลี่น้องชายของ
ไอ๊ค์, แฟร้งค์น้องชายของทอม แถมด้วย บิลลี่ เคลย์บอร์น อีกคนหนึ่ง รวม
เป็น 5 คน ไอ๊ค์แวะซื้อปืนสั้นกระบอกหนึ่งมาใช้แทนลูกซองที่ถูกศาลยึดไป
(น่าจะเฉลียวใจนะครับว่าฤกษ์ไม่ดี) ทั้งหมดมาชุมนุมกันอยู่ในซอยแยกจาก
ถนนฟรีม้องท์ไปทางทิศใต้ ฝั่งหนึ่งของซอยเป็นคอกม้า ฝั่งตรงกันข้ามเป็น
ร้านถ่ายรูปชื่อ ฟลายส์ แกลเลอรี่ ท้ายซอยอยู่ไม่ไกลจากคอกปศุสัตว์ชื่อว่า
โอเค คระราล (OK Corral) นัก

ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา ได้ยินเสียงพวกนี้คุยว่าจะทำอะไรกันแล้ว ก็เดาได้
ว่าเดี๋ยวจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ต่างพากันไปชุมนุมกันอยู่ที่หัวมุมถนนตรง
ปากซอยคอยดูเหตุการณ์ คนหนึ่งรีบคาบข่าวไปบอกกับเวอร์จิล ว่าเห็นพวก
คาวบอย 5 คนอาวุธครบมือ พูดว่ามันจะเด็ดหัวพวกเอิ๊ร์ปกันแล้วหละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:37  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20442

คำตอบที่ 47
       เวอร์จิลได้ยินดังนั้นก็ชวนเชอร์ริฟบีแฮน ซึ่งใครๆก็รู้ว่าเป็นผู้สนับสนุนพวก
แคลนตั้น ให้ไปช่วยปลดอาวุธกันเสียจะได้ไม่มีเรื่อง คงเดาได้นะครับว่าถูก
ปฏิเสธอยู่แล้ว ในที่สุดสามพี่น้องเอิ๊ร์ป กับ ด๊อค ฮอลลิเดย์ รวมเป็น 4 คน
จึงออกเดินไปตามถนนแอเล็น เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย 4 เลี้ยวซ้ายอีกทีเข้า
ถนนฟรีม้องท์ ตามเข้าไปถึงในซอยที่ ไอ๊ค์ แคลนตั้น กับพรรคพวกชุมนุมอยู่
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่คอยลุ้นว่าจะลงเอยกันอย่างไร (สงสัยคงมีพวก
นักพนันอยู่ไม่น้อยทีเดียวแหละครับ)

เมื่อได้ระยะเผชิญหน้ากันแล้ว เวอร์จิลในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสสูงสุด
ก็ก้าวออกไปข้างหน้า ถือไม้เท้าไว้ในมือซ้าย ตะโกนออกไปว่า ทิ้งปืนเสีย
และยอมให้จับเสียดีๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:38  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20443

คำตอบที่ 48
       มีเสียงกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้ทั้งจากแก๊งแคลนตั้น และจากข้างหลังของ
เวอร์จิลเอง แต่แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียง "กริ๊ก!" ดังขึ้น

ทุกวันนี้นักวิเคราะห์ยังถกเถียงกันอยู่ว่า ใครกระซิบอะไร และเสียง "กริ๊ก!"
ที่ตามมานั้นดังมาจากไหน แต่ที่ไม่เถียงกันเลยก็คือ ทุกคนเล่าตรงกันว่า
พอเวอร์จิลได้ยินเสียง "กริ๊ก!" ก็อุทานออกมาดังๆว่า Hold it! I don't mean
that! แปลแบบไทยๆก็คงหมายถึงอะไรที่เกี่ยวกับการจากไปด้วย
อหิวาตกโรคนั่นแหละครับ

30 วินาทีต่อจากนั้น ต่างฝ่ายต่างยิงกันอุตลุดโดยไม่รู้ฝ่ายไหนเริ่มยิงก่อน
รายละเอียดผมขออนุญาตไม่บรรยายละนะครับ ขอแนะนำว่าให้หาหนัง
เรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป หรือทูมบ์สโตน ที่ผมกล่าวถึงไปแล้วเมื่อครั้งก่อนมาดู
กันดีกว่า จะได้อรรถรสที่สุดครับ ยังไงๆ สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น หนังทั้ง
2 เรื่องเดินเรื่องและทำฉากแสดงภาพการดวลอย่างทุกแง่ทุกมุม ชนิดที่
ี่เรียกว่า ต่อให้สถานีโทรทัศน์ CNN ส่งทีมข่าวย้อนยุคกลับไปก็ไม่สามารถ
เก็บได้รายละเอียดขนาดนี้

ผลของการดวลก็คือ ฝ่ายแคลนตั้นถูกยิงตาย 3 คน ได้แก่ ทอมกับแฟร้งค์
แม็คลอรี่ และ บิลลี่ แคลนตั้น ส่วนอีก 2 คน บิลลี่ เคลย์บอร์น วิ่งหนีหายตัว
ไปเสียก่อนหลังจากเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ส่วน ไอ๊ค์ แคลนตั้น วิ่งเข้าไปหา
วายแอ็ทขอสงบศึก แต่วายแอ็ทไม่ยอม ยันกลับออกไปบอกว่า การต่อสู้เริ่ม
ขึ้นแล้ว ถ้าไม่สู้ก็วิ่งหนีไปซะ ไอ๊ค์จึงวิ่งหนีเข้าไปใน ฟลายส์ แกลเลอรี่
ออกประตูหลังหายไปอีกคน ฝ่ายเอิ๊ร์ปบาดเจ็บ 2 ได้แก่ เวอร์จิล โดนยิงที่ขา
มอร์แกน โดนที่สีข้าง ขณะที่ ด๊อค โดนกระสุนถากที่ตะโพกหน่อยนึง ส่วน
วายแอ็ทนั้น กระสุนแค่วิ่งทะลุชายเสื้อโค้ตไปนัดนึง ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย

ก่อนจะว่าต่อไปขอแถมเกร็ดเล็กน้อยนะครับว่า บริเวณที่เกิดการยิงกันนี้
ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองทูมบ์สโตนไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หนังชื่อเดียวกันออกฉายเมื่อ 6-7 ปีก่อน แถม
มีคำขวัญประจำเมืองว่า A town too tough to die หรือ เมืองอึดไม่ยอมตาย
เสียด้วย (ส่วนสมัยนั้นจะใช้คำขวัญอื่นหรือเปล่า นักประวัติศาสตร์ไม่ได้
กล่าวไว้ แต่คงไม่ใช่ประเภท เมืองขนมหม้อแกงแหล่งธรรมะ หรืออะไร
แบบนั้นแน่) ตัวผมเองนั้นเมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่จริง
จำได้ว่าชื่อถนนหนทางต่างๆยังคงอยู่ มีการจำลองสถานที่ต่างๆที่เอ่ยชื่อ
ไปแล้วไว้ให้ดู แถมมีหุ่นปูนปั้นเท่าตัวจริงของมือปืนทั้ง 9 คน ตั้งไว้ในตำแหน่ง
ก่อนที่จะเริ่มยิงกันด้วย หากกลับไปดูตอนนี้ก็คงมีการพัฒนามากขึ้นไปอีก
ใครจะไปรู้สักวันหนึ่งอาจจะกลายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ไปก็ได้นะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:40  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20444

คำตอบที่ 49
       ส่วนปืนที่วายแอ็ทใช้ในการดวลนั้น เมื่อก่อนเชื่อว่าเป็นปืนโค้ลท์รุ่น
บั๊นท์ไลน์ สเปเชี่ยล ที่เล่ากันว่าวายแอ็ทได้รับมาเมื่อสมัยที่เป็นนายอำเภอ
อยู่ที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ กล่าวกันถึงขนาดว่า วายแอ็ทลงทุนตัดเสื้อโค้ตที่มี
กระเป๋าด้านในออกแบบไว้เป็นพิเศษ ให้สามารถพกพาและชักออกมา
ได้อย่างสะดวก พวกเราๆท่านๆก็พอจะนึกออกนะครับ ว่าปืนรีวอลเวอร์
์ลำกล้องยาวตั้ง 12 นิ้วเนี่ย จะชักให้สะดวกได้ซักแค่ไหน แค่พกติดตัวนี่
ี่ก็น่าจะรุ่มร่ามเอาการอยู่

ภายหลังมีการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มขึ้น แล้วก็พบหลักฐานบอกว่า ปืนที่
วายแอ็ทใช้ดวลไม่ใช่ปืนโค้ลท์ แต่เป็นปืน สมิธ แอนด์ เว้สสัน รุ่นหมายเลข 3
ขนาด .44 ลำกล้องยาว 8 นิ้ว ซึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ทูมบ์สโตน
เอพิแทฟ มอบให้เป็นของขวัญ ข้างเวอร์จิลพี่ชายก็ใช้ สมิธ แอนด์ เว้สสัน
รุ่นหมายเลข 3 ขนาด .44 เหมือนกัน แต่เป็นแบบใหม่ (New Model)
ลำกล้องยาว 6.5 นิ้ว ชุบนิคเกิ้ล ด้ามงาเสียด้วย

ส่วนฝ่ายตรงข้าม รวมถึง แฟร้งค์ แม็คลอรี่ และ บิลลี่ แคลนตั้น สองใน
สามที่ถูกยิงตาย ต่างก็ใช้ ปืนโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ ขนาด .44-40
กันทุกคน

ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ ว่าใครเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนการค้นคว้าที่ว่านี้
แต่ผมว่าต้องไม่ใช่บริษัทโค้ลท์ แน่ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:40  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20445

คำตอบที่ 50
       เสร็จจากการดวลเพียงอาทิตย์กว่าๆ วายแอ็ทกับพวกถูก ไอ๊ค์ แคลนตั้น
ฟ้องศาล แจ้งข้อหาเจตนาฆ่าโดยผู้อื่นที่ไม่มีอาวุธและไม่ได้ต่อสู้ แต่หลัง
จากเรียกสอบพยาน และพิจารณาหลักฐานต่างๆแล้วศาลตัดก็สินยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาคดีนั้น ด๊อคให้การแบบเหน็บแนมว่า ถ้าพวกแคลนตั้น
ไม่มีอาวุธ และไม่คิดจะต่อสู้จริงๆละก็ แปลว่าทั้งเวอร์จิล และมอร์แกนยิง
ตัวเองยังงั้นซิ

นอกจากนี้แล้ว ปรากฏว่ามีประชาชนทั้งของเมืองวิชิต้าและ ด๊อดจ์ ซิตี้
ที่วายแอ็ทเคยเป็นนายอำเภออยู่ ทำจดหมายลงชื่อร่วมกัน (ไม่รู้ว่าถึง 5
หมื่นคนหรือเปล่านะครับ) ส่งมาถึงผู้พิพากษายืนยันว่า วายแอ็ท เป็นผู้
รักษากฎหมายที่เคร่งครัด และไม่เคยใช้ความรุนแรงโดยไม่มีเหตุอันควร

หลังจากนั้นพอถึงวันที่ 28 ธันวาคม เวอร์จิลถูกลอบยิงบาดเจ็บสาหัส
จนแขนซ้ายพิการไปตลอดชีวิต ขึ้นปีใหม่ถึงวันที่ 18 มีนาคม มอร์แกนกับ
วายแอ็ทถูกลอบยิงขณะกำลังเล่นบิลเลียดด้วยกัน มอร์แกนโชคร้ายโดน
เข้าข้างหลังจังๆถึงตาย ส่วนวายแอ็ทนั้นแคล้วคลาดเช่นเคย กระสุนพลาด
ทะลุเข้าข้างฝาแทน

เมื่อเล่นกันถึงขั้นนี้แล้ว วายแอ็ทก็ตัดสินใจว่า ได้เวลาที่จะแสดงความเป็น
ผู้นำที่เด็ดขาดเสียที จัดชุดไล่ล่าประกอบด้วยด๊อคคนหนึ่ง วอร์เรนน้องชาย
อีกคนที่ยังเหลือ กับผู้ช่วยที่ไว้ใจได้อีกสองสามคน ออกตระเวณเก็บกวาด
สมุนแคลนตั้น ที่วายแอ็ทเชื่อว่าเป็นคนลอบยิงพี่น้องของตัวทั้งหมดเสียเกลี้ยง
ไล่ไปตั้งแต่ แฟร้งค์ สติลเวลล์, อินเดียนชาร์ลี, บิลผมลอน โบรเชียส แล้วก็
จอห์นนี่ ริงโก้ (รายละเอียดขออนุญาตแนะนำว่าให้ดูจากหนังสอง
เรื่องที่กล่าวถึงไปแล้วอีกเหมือนกันครับ) เหลือเพียง พีท สเป๊นซ์ กับ ไอ๊ค์
แคลนตั้น หัวโจกที่รอดมือวายแอ็ทไปได้ และไปถูกคนอื่นยิงตายในภายหลัง

จบรายการเก็บกวาดแล้ว วายแอ็ทกับด๊อคก็ย้ายออกจากทูมบ์สโตน ไปอยู่
ู่ที่เมืองกันนิสันในโคโลราโด้ ที่นั่นได้อาศัยเพื่อนเก่าคือ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน
ซึ่งเป็นมาร์แชลอยู่ที่เมืองทรินิแดด ช่วยเหลือไม่ให้ต้องถูกส่งตัวกลับไป
อริโซนาหลังจากที่เชอร์ริฟบีแฮน ผู้เป็นพวกของแคลนตั้น แจ้งข้อหาจับทั้ง
วายแอ็ทและด๊อค ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปให้

หลังจากนั้นด๊อคจึงบอกลาวายแอ็ท แยกตัวไปผจญภัยตามลำพังต่อ
ขณะที่วายแอ็ทกับแบ๊ทได้รับข่าวจากเพื่อนเก่าชื่อ ลุค ช้อร์ท ผู้เคยเป็น
หุ้นส่วนลงทุนทำซาลูนร่วมกัน ทั้งคู่กลับไปเยือน ด๊อดจ์ ซิตี้ อีกครั้งหนึ่งใน
ปี ค.ศ.1883 เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยคดีความที่ ลุค ช้อร์ท เกิดไปมีเข้ากับตำรวจ
คนหนึ่งจนตกลงกันได้ จากนั้นวายแอ็ทได้ใช้บารมีของตน ช่วยจัดตั้ง
คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งเมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ ขึ้นดูแล
ความสงบเรียบร้อย และควบคุมการใช้อำนาจของบรรดาเจ้าหน้าที่
เสียพร้อมๆกันด้วย

จบผลงานนี้ วายแอ็ทเพิ่งจะอายุได้ 35 แต่ก็ตัดสินใจเกษียณอายุตัวเอง
ออกจากวงการ และย้ายไปปักหลักอยู่ใน แคลิฟอร์เนีย ผันตัวเองเข้าสู่
วงการกีฬา ควบคู่ไปกับอาชีพนักพนันที่ตนถนัดอยู่แล้ว ในช่วงหลังถึงแม้
จะไม่มีการดวลปืนหรือบู๊ล้างผลาญอย่างที่ผ่านมา เนื่องจากไกลแดนเถื่อน
มาอยู่ในพื้นที่ที่ศิวิไลซ์กว่าแล้ว แต่ก็มีวีรกรรมเชิงอภินิหารแสดงให้ปรากฏ
อีกครับ เป็นข่าวใหญ่พาดหัวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ดังไม่แพ้เรื่องการ
ยิงกันที่ทูมบ์สโตนเลย ผมเชื่อว่าแม้แต่แฟนพันธุ์แท้ของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป
หลายท่านก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แน่ ลองฟังดูนะครับ

ถึงปี ค.ศ.1896 วายแอ็ทเริ่มเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการ
กีฬา วันที่ 2 ธันวาคม มีการแข่งขันชกมวยครั้งสำคัญที่เมืองซานฟรานซิสโก
เป็นการพบกันระหว่าง ชาร์กี้ กับ ฟิตซ์ซิมม่อนส์ งานนี้ผู้จัดการแข่งขันได้
ขอร้องให้วายแอ็ทขึ้นเวทีเป็นกรรมการตัดสิน ในนาทีสุดท้ายก่อนจะเริ่มชก
โดยใหเหตุผลว่า เป็นผู้เดียวที่นักมวยทั้ง 2 ยอมรับ

พอวายแอ็ทขึ้นเวที และถอดเสื้อโค้ตออกเตรียมทำหน้าที่ ผู้ชมทั้งสนามก็
็ส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ เมื่อเห็นว่ากรรมการพกปืนมาด้วย ตำรวจประจำ
สนามต้องจัดการปลดอาวุธเสียก่อน และเปรียบเทียบปรับกรรมการไป
50 เหรียญ การชกจึงเริ่มต้นได้

มวยคู่นี้มีเดิมพันสูงมากโดยมีฟิตซ์ซิมม่อนส์เป็นต่อ หลังจากชกกันไปได้
ระยะหนึ่ง ฟิตซ์ซิมม่อนส์ก็ปล่อยหมัดเด็ดน็อคชาร์กี้ลงไปนอนวัดพื้น
แต่กลับถูกวายแอ็ทจับแพ้ฟาวล์ฐานชกใต้เข็มขัด เกิดเป็นเรื่องราวขึ้นมา
ทันท ีเพราะมีทั้งคนดูที่เห็นว่าฟาวล์จริงเท่าๆกับคนที่ไม่เห็น

หลังจบการชก ฟิตซ์ซิมม่อนส์กับพวก(คงจะเสียพนันไปแยะ) ก็แจ้งความ
จับวายแอ็ท ข้อหาตัดสินไม่ถูกต้องทำให้เสียหาย ปรากฏว่าศาลไม่รับฟ้อง
ไม่ใช่เพราะหลักฐานอ่อน แต่เป็นเพราะศาลเห็นว่าตนไม่มีอำนาจวินิจฉัย
ว่ามวยชกถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฟิตซ์ซิมม่อนส์เข้าไปกินเหล้าในซาลูน แห่งหนึ่ง พอเดิน
เข้าร้านมาก็คุยส่งเสียงดังไปทั่วร้านว่า วันนั้นถูกวายแอ็ทปล้นชัยชนะ
ถ้าเจอหน้ากันอีกจะๆละก็จะสั่งสอนและแสดงให้ทุกคนในร้านดูว่า กำปั้น
นั้นสามารถวิ่งได้เร็วกว่าชักปืนมากนัก พูดจบก็เข้าไปยืนสั่งเหล้าที่บาร์
โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ก่อน แต่คนอื่นๆทั้งหมดในร้าน
เห็น และรู้จักด้วยว่าเป็นใคร ก็เลยเงียบกริบกันไปหมดทั้งร้าน

วายแอ็ทเพิ่งจะเข้ามาในร้านก่อนหน้าไม่นาน ได้ยินคำพูดของฟิตซ์ซิมม่อนส์
์โดยตลอด พอเสียงในร้านเงียบลงไปเฉยๆ ฟิตซ์ซิมม่อนส์หันไปดูว่า
มีอะไรหรือ ถึงได้รู้ตัวว่ากำลังยืนกระทบไหล่วายแอ็ท โดยมีสายตาของ
ทุกคนในร้านมองดูอยู่

วายแอ็ทยกแก้วเหล้าด้วยมือซ้ายค้างไว้ที่ระดับริมฝีปาก มือขวาอยู่ไม่ไกล
จากด้ามปืนนัก หันมาจ้องตาฟิตซ์ซิมม่อนส์ โดยไม่พูดอะไรซักคำ

ฟิตซ์ซิมม่อนส์พอเห็นหน้าวายแอ็ทจะๆแล้ว แทนที่จะแสดงการปล่อยหมัด
ให้ชาวบ้านดูตามที่เพิ่งคุยไว้ กลับเซถอยไป 2-3 ก้าวเหมือนถูกใครชก
พอตั้งหลักได้ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากร้านหายไปเลย

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงเรื่องราวเฉพาะในส่วนที่ตื่นเต้น สนุกสนาน
และน่าติดตามเท่านั้นครับ ช่วงหลังจากนี้วายแอ็ทอายุย่างเข้า 50 ปีแล้ว
คงจะรู้ตัวเองว่าไม่ควรที่จะเล่นบทบู๊อีกต่อไป ในขณะที่บ้านเมืองก็เริ่มเจริญ
ขึ้นมีขื่อมีแปมากกว่าแต่ก่อน

อย่างไรก็ตามความที่เป็นคนที่ไม่ยอมอยู่เฉยๆ วายแอ็ทก็ยังคงใชชีวิต 30 ปี
ีที่เหลือตระเวณไปอีกหลายแห่ง ทั้งในแคลิฟอร์เนีย, เนวาด้า และไปจนถึง
อล้าสก้าเชียวครับ ส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพการพนันเป็นหลัก
แถมด้วยการลงทุนในที่ดิน เหมืองแร่ และการขุดน้ำมันในยุคแรกๆ
ในตอนท้ายๆของชีวิตจึงได้กลับมาปักหลักอยู่ที่ลอส แองเจลีส ขณะนั้น
ฮอลลีวู้ดเริ่มมีการสร้างภาพยนต์แล้ว และได้จ้างวายแอ็ทให้เป็นที่ปรึกษา
ในการสร้างหนังคาวบอยยุคที่ยังไม่มีเสียงด้วย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:41  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20446

คำตอบที่ 51
       วายแอ็ท เอิ๊ร์ป อำลาจากโลกนี้ไปในที่สุดเมื่ออายุเกือบจะเต็ม 81 ปี ในวันที่
13 มกราคม ค.ศ. 1929 ด้วยโรคชรา โดยไม่เคยรู้และไม่เคยคาดคิดเลยว่า
เมื่อตายไปแล้วชื่อเสียงของตนจะโด่งดังข้ามโลก เป็นที่รู้จักของชาวบ้าน
มากกว่าประธานาธิบดีของสหรัฐฯ หลายคน มีผู้คนเขียนหนังสือ สร้างหนัง
รวมทั้งวิเคราะห์ประวัติชีวิตและเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับตนมากมาย
ติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ นับได้ว่าเป็นแบบฉบับของตำนานมือปืนตะวันตก
ผู้ไม่เคยกลัวใครและอยู่ในระดับไร้เทียมทานอย่างแท้จริง สมควรได้รับ
สมญานามว่าเป็นมือปืนผู้คงกระพัน

ในตอนต่อๆไปของคาวบอยกับปืนคู่ใจ ผมจะเล่าถึงเรื่องของขุนพลคู่บารมี
ของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่ได้เอ่ยถึงไปแล้วในครั้งนี้ให้ฟังกันบ้างนะครับ โดย
เฉพาะอย่างยิ่ง แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน และ ด๊อค ฮอลลิเดย์ ผู้ต่างมีชีวิตที่โลด
โผนผจญภัยในแบบฉบับของตัวเองที่แตกกันต่างออกไปอย่างน่าสนใจ
และไม่ธรรมดาเช่นกัน แล้วพบกันใหม่นะครับ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.9 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 16:42  IP : 223.204.248.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20447

คำตอบที่ 52
      



 แก้ไขเมื่อ : 4/11/2556 19:10:43



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 223.206.54.26 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 23:36  IP : 223.206.54.26   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20449

คำตอบที่ 53
      



 แก้ไขเมื่อ : 4/11/2556 19:10:18



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 223.206.54.26 อาทิตย์, 3/11/2556 เวลา : 23:49  IP : 223.206.54.26   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20450

คำตอบที่ 54
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:47:41



มะวานพี่ยะสาโทรมาหาน้องขุนเอล ยืนยันว่ามาแน่นอน
จาก : EL RIFLE(EL RIFLE) 6/11/2556 10:06:58 [223.204.248.179]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 49.48.65.198 จันทร์, 4/11/2556 เวลา : 12:28  IP : 49.48.65.198   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20460

คำตอบที่ 55
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:48:02



ป้าง ป้าง ป้าง
จาก : EL RIFLE(EL RIFLE) 6/11/2556 10:07:58 [223.204.248.179]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 223.207.160.177 อังคาร, 5/11/2556 เวลา : 21:01  IP : 223.207.160.177   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20496

คำตอบที่ 56
       คงได้ร่ำสุราและออกปล้นด้วยกันนะครับ ป้าง ป้าง ป้าง



 แก้ไขเมื่อ : 6/11/2556 11:55:04





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

EL RIFLE จาก EL RIFLE 223.204.248.179 พุธ, 6/11/2556 เวลา : 11:53  IP : 223.204.248.179   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20518

คำตอบที่ 57
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:51:48



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 171.6.32.125 พฤหัสบดี, 7/11/2556 เวลา : 21:48  IP : 171.6.32.125   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20531

คำตอบที่ 58
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:52:06



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 171.6.32.125 พฤหัสบดี, 7/11/2556 เวลา : 21:52  IP : 171.6.32.125   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20532

คำตอบที่ 59
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:48:30



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 171.6.32.125 พฤหัสบดี, 7/11/2556 เวลา : 21:55  IP : 171.6.32.125   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20533

คำตอบที่ 60
      



 แก้ไขเมื่อ : 16/11/2556 22:48:46



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dlandrover1 จาก ดุษฎี ( โคราช ) 49.48.81.36 ศุกร์, 8/11/2556 เวลา : 21:25  IP : 49.48.81.36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 20540

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,29 เมษายน 2567 (Online 6208 คน)