คำตอบที่ 3
รถเอ็นจีวี (NGV: Natural Gas Vehicles) หมายถึงรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas : CNG) เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ส่วนรถที่ติดตั้งแอลพีจี (LPG : Liquefied Petroleum Gas) เป็นรถที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน
โดยคุณสมบัติของแอลพีจีจะหนักกว่าอากาศ ดังนั้นเมื่อเกิดการรั่วไหลจะลอยอยู่บริเวณพื้น และหากมีพื้นที่ก็จะเกิดการสะสมได้ แตกต่างจากก๊าซซีเอ็นจีที่มีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ เมื่อรั่วไหลจะลอยขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็วจึงไม่เกิดการสะสม
ก๊าซซีเอ็นจีมีคุณสมบัติอีกประการ คือ ติดไฟยาก โดยจะติดไฟได้ก็ต่อเมื่อมีการลุกไหม้ที่อุณหภูมิสูงถึง 540 องศาเซลเซียส ดังนั้นก๊าซซีเอ็นจีจึงมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถสูงกว่าแอลพีจี และเชื้อเพลิงอื่นอีกหลายประเภท
ค่าออกเทนสำหรับก๊าซเอ็นจีวีจะอยู่ที่ 120 RON และก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 105 RON จึงสามารถนำมาใช้เชื้อเพลิงได้
โดยค่า RON (Research Octane Number) เป็นค่าออกเทนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านการน็อคในเครื่องยนต์หลายสูบ ที่ทำงานอยู่ในรอบของช่วงหมุนต่ำ ส่วนค่าออกเทน MON (Motor Octane Number) มีประสิทธิภาพต่อการการน็อคในขณะที่ทำงานที่รอบสูง ซึ่งซีเอ็นจีมีค่า MON120 และแอลพีจีมีค่า MON97
ก๊าซแอลพีจียังมีกลิ่นที่รุนแรงมากกว่าซีเอ็นจี จะเห็นได้จากรถแท็กซี่ที่ติดตั้งแอลพีจี ผู้โดยสารจะรู้สึกถึงกลิ่นชัดเจน เหมือนกับแอลพีจีจากถังก๊าซหุงต้มในห้องครัว ซึ่งตามข้อเท็จจริงธรรมชาติของแอลพีจีไม่มีกลิ่นเช่นเดียวกับซีเอ็นจี แต่เนื่องจากอันตรายจากคุณสมบัติลอยตัวต่ำของแอลพีจี ถ้าเกิดการรั่วแล้วจะสะสมและลุกไหม้ได้ง่าย ดังนั้นจึงกำหนดให้มีการเติมกลิ่น เพื่อจะได้ทราบเวลาแอลพีจีเกิดรั่ว และสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนราคาของซีเอ็นจีอยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท และแอลพีจีมีราคา 9.40 บาทต่อลิตร แต่เมื่อนำมาเทียบ หน่วยเป็นลิตรบนพื้นฐานของค่าความร้อนเดียวกัน จะเห็นว่าซีเอ็นจีจะมีราคาที่ถูกกว่าแอลพีจีอยู่มาก คือ ซีเอ็นจีจะมีราคาอยู่ที่ 6.29 บาทต่อลิตร ขณะที่แอลพีจีมีราคา 9.40 บาทต่อลิตร หรือเมื่อเทียบเป็นกิโลกรัม แอลพีจีจะมีราคาอยู่ที่ 16.81 บาทต่อกิโลกรัม
การติดตั้งรถเอ็นจีวีจะแบ่งเป็น 2 ระบบ ได้แก่ ระบบฉีดก๊าซ (Multipoint Injection) และระบบดูดก๊าซ (Fummigation) ที่แบ่งย่อยออกมาเป็นระบบวงจรเปิด (Open Loop) และวงจรปิด (Close Loop)
โดยระบบฉีดก๊าซหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ระบบหัวฉีด นั้นเหมาะกับรถที่เป็นเครื่องยนต์หัวฉีดทุกชนิด ซึ่งจะจ่ายเชื้อเพลิงก๊าซด้วยหัวฉีดที่ท่อไอดีแต่ละสูบโดยเฉพาะ และมี ECU ควบคุมการปล่อยก๊าซ เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณอากาศ ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ราคาค่าติดตั้งรวมถังและอุปกรณ์อยู่ที่ 58,000-65,000บาท
ส่วนระบบดูดก๊าซนั้น เหมาะสมกับรถที่เป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ และระบบหัวฉีด ที่มีการควบคุมการจ่ายน้ำมันแบบธรรมดา (ส่วนใหญ่เป็นรถที่ผลิตก่อนปี 2543) ข้อดีระบบนี้ติดตั้งบำรุงรักษาง่าย คุ้มทุนเร็ว และราคาถูกกว่าแบบหัวฉีด โดยมีราคาติดตั้งอยู่ที่ 38,000-55,000 บาท (รวมถังและอุปกรณ์เอ็นจีวี)