มะพร้าวห้าวค่า......

คำตอบที่ 1

Silhouette

เป็นเทคนิคการถ่ายภาพย้อนแสง โดยจะไม่เห็นรายละเอียดของวัตถุ ควรถ่ายในช่วงเช้า หรือช่วงเย็น แสงแดดเริ่มอ่อน อย่าวัดแสงกับดวงอาทิตย์ตรง ๆ ควรวัดแสงที่ท้องฟ้า เฉียง 45 องศา กับดวงอาทิตย์ และลดรูรับแสงให้แคบลง 2-4 Stop หรือถ้าเป็นเวลาเย็นมาก สามารถมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าได้ ก็วัดแสงที่ดวงอาทิตย์ได้เลย

วิธีการวัดแสง
วัดแสงที่ใบหน้าของบุคคล โดยใช้เลนส์วัดแสงใกล้ ๆ ใบหน้า แล้วถอยออกมาถ่าย วิธีนี้จะได้ค่าของแสงที่ตกกระทบกับใบหน้า วิธีที่สอง คือวัดแสงที่ฝ่ามือ โดยให้สภาพแสงของมือใกล้เคียงกับ ใบหน้าแต่วิธีนี้อาจมีความคลาด เคลื่อนเล็กน้อย........... แต่ทั้งสองวิธีที่กล่าวมาอาจทำให้ฉากหลัง หรือบริเวณ เส้นผมที่สะท้อนแสงสวยงาม Over หรือสูญเสียความงามไปอย่าง น่าเสียดาย

ใช้ไฟแฟลชช่วย โดยใช้แสงไฟแฟลชดวงเล็ก ๆ ช่วยลบเงาบนใบหน้า วิธีนี้เป็นที่นิยมกันทั่วไป โดยอ่านค่าการเปิดรูรับแสงตามค่า GN ของแฟลช ซึ่งปกติจะพิมพ์อยู่หลังแฟลชนั่นเอง จะช่วยให้หน้าดูสว่างขึ้นและยังช่วยเก็บรายละเอียดต่ าง ๆ บนใบหน้าได้ดี.............แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ อาจทำให้ใบหน้าของคนเป็นแบบจะสว่างเท่ากัน จะลบเงาบนใบหน้า จนทำให้ภาพขาดความลึกไป (บางคนก็ชอบแบบนั้น) วันนั้นเลยต้องหาวิธีอื่นมาใช้
ให้หลากหลาย

ใช้แผ่นสะท้อนแสง วิธีที่ 3 นี่เองดูจะลงตัวที่สุด วัสดุที่ใช้ก็หาง่าย ลองดูหลาย ๆ ชนิด เริ่มต้นที่แผ่นโฟม ทำให้หน้าดูสว่างขึ้น โดยให้ผู้ช่วย ช่วยจับแผ่นโฟม ปรับมุมไปมา แต่ข้อเสียของโฟม คือ ถ้าส่องระยะใกล้ แสงจะจ้าไปหน่อย และดัดงอตามสภาพข องแสงได้ไม่ดีนัก........สุดท้ายที่ลงตัวที่สุดคือแผ ่นบังแดดในรถยนต์ ที่เป็นสีเงิน แบบม้วนวงกลม 2 แผ่น สามารถปรับ ทิศทางของแสงได้ดีกว่าโฟม และแสงที่สะท้อน นุ่มนวล ไม่แข็งเกินไป และช่วยเสริมให ้ ผู้เป็นแบบมีแววตาสดใสขึ้น

การถ่ายภาพปรเภทนี้ต้องระวังเรื่องฉากหน้าและฉากหลัง ด้วย เพราะจะทำให้รบกวนภาพทำให้ภาพดูรกตา

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:27

คำตอบที่ 3
เทคนิคการถ่ายภาพ จาก Kodak

1. เตรียมกล้องให้พร้อมอยู่เสมอ
บางทีเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เราไปเจอมาก็น่าจะเก็บ บันทึกไว้ แต่เอ้...เสียดาย ลืมเอากล้องติดมาด้วย เพราะฉะนั้นอย่ารีรอเลยค่ะ ที่จะพกกล้องไปด้วย...

2. ระยะเข้าใกล้
การเข้าถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุ จะช่วยขจัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง และยังทำให้วัตถุเด่นและได้ภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย ลองถ่ายภาพโดยเน้นสิ่งที่ต้องการ จะทำให้ภาพน่าสนใจขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาคู่มือการใช้กล้องว่า สามารถถ่ายภาพได้ใกล้ที่สุดที่ระยะห่างเท่าไร กล้องอัตโนมัติส่วนมากจะถ่ายภาพได้ชัดจากระยะ 4 ฟุตขึ้นไป

3. วางท่าทางให้มีชีวิตชีวา
การถ่ายภาพบุคคล อย่าลืมคำแนะนำให้นางแบบหรือนายแบบ แสดงท่าอย่างมีชีวิตชีวา ภาพที่ได้จะดูดีกว่ากันมาก หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ภาพที่ออกมาแข็งทื่อ ควรกระตุ้นให้แสดงความรู้สึกออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

4. ใช้ฉากหลังที่ธรรมดา
ฉากหลังธรรมดา จะช่วยให้วัตถุที่ต้องการถ่ายภาพดูเด่นขึ้น และยังทำให้ภาพชัด ให้อารมณ์มากกว่า ลองขยับแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่ฉากหลังเรียบๆ บ้าง

5. วางแบบให้ออกจากจุดกึ่งกลาง
โดยปรกติการถ่ายภาพ มักจะวางแบบไว้จุดกึ่งกลาง แต่บางครั้งการวางแบบนอกจุดกึ่งกลางจะช่วยทำให้ภาพให ้ความรู้สึกเคลื่อนไหวและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นได้

6. นำฉากหน้าเข้ามาไว้ในภาพ
เมื่อถ่ายภาพทิวทัศน์ ถ่ายภาพให้ติดวัตถุในระยะใกล้ๆ ไว้ในภาพเป็นเสมือนฉากหน้าด้วย เพราะฉากหน้าจะช่วยเพิ่มความลึกและมิติของภาพ

7. จัดแสงให้เฉียบคม
การถ่ายภาพต้องการแสงสว่างอย่างเพียงพอ การจัดแสงที่ดีจะทำให้ภาพน่าสนใจขึ้น มีสีสันมากขึ้น มีมิติ และช่วยเน้นแบบมากยิ่งขึ้น แสงแดดจ้าเป็นเพียงการให้แสงแบบหนึ่งเท่านั้น ท่านอาจจะแปลกใจที่ได้พบว่า แสงแดดในวันที่มีเมฆมากเป็นสภาพแสงที่เหมาะที่จะถ่าย ภาพบุคคล แสงแดดจัดจะทำให้ภาพแข็งและมีเงาเข้ม แต่แสงในวันที่มีเมฆมากจะนุ่มนวลและฉาบไล้ไปทั่วใบหน ้า

8. จับกล้องให้มั่น
บางครั้งอาจไม่ได้ภาพที่ดี เพียงเพราะลืมกฏพื้นฐานไป การถือกล้องนิ่งๆ นั้น จะช่วยทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมาก เมื่อกดปุ่มลั่นชัตเตอร์ให้กดอย่างนุ่มนวล อย่ากระแทก การที่กล้องไหวเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ภาพเสียความคมชัดไป อาจใช้สายคล้องเพื่อช่วยรั้งแขนให้นิ่ง หรือใช้สามขาตั้งกล้อง(ถ้ามี)

9. เรียนรู้การใช้แฟลช
การปรับปรุงการถ่ายภาพ ด้วยการใช้ประโยชน์จากแฟลชที่มีมากับกล้อง แฟลชจะช่วยเพิ่มแสงสว่าง โดยเฉพาะการถ่ายภาพในร่ม และยังช่วยจับภาพเคลื่อนไหวให้นิ่งและคมชัด ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่า ถ่ายภาพในระยะที่เหมาะสมของแฟลชที่ใช้ ซึ่งจะเป็นระยะที่แฟลชให้แสงพอดีกับการบันทึกภาพลงบน ฟิล์ม โดยปกติระยะนี้คือ 4-12 ฟุต อาจตรวจดูได้จากคู่มือาการใช้กล้องและแฟลช การใช้แฟลชอาจใช้ได้กับการถ่ายภาพกลางแจ้งเช่นกัน แฟลชจะช่วยลบเงาและทำให้ภาพมีสีสันสดใสขึ้น

10. เลือกใช้ฟิล์มให้ถูกต้อง
เพราะฟิลม์นั้นมีค่าไวแสงที่แตกต่างกัน เลือกฟิลม์ให้เหมาะกับแสงที่จะถ่าย ขอแนะนำให้อ่านข้างกล่องฟิล์มด้วย

ส่วนอันนี้เป็นเทคนิคเพิ่มเติมนะค่ะ เพื่อการถ่ายภาพที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น และสนุกสนานขึ้น

11. Try different angles ลองถ่ายภาพในหลายๆ มุมที่แตกต่างกัน
ถ่ายภาพให้หลากหลาย และเลือกมุมมองต่างๆ ลองเปลี่ยนมุมมองจากที่เคยถ่ายไว้ บ้าง ภาพที่สวยอาจไม่จำเป็นให้ถูกจำกัดเฉพาะรูปแบบนั้นเสม อไป ลองจัดวางองค์ประกอบภาพในหลายๆ รูปแบบ เปิดรูปแบบการถ่ายภาพสไตล์ของคุณเอง คุณอาจจะได้ภาพประทับใจหลายภาพ !

เคยได้ยินมั้ยครับ...มุมภาพเปลี่ยน เรื่องราวเปลี่ยน...

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:31

คำตอบที่ 5

Photographing Beaches

การถ่ายภาพ หาดทราย น้ำทะเล ท้องฟ้าสีคราม แนวหิน ก็เป็นภาพท่องเที่ยวที่ทุกคนชอบไปถ่ายกัน งั้นวันนี้ขอลงไปที่เทคนิคในการบันทึกภาพชายทะเลกันน ะค่ะ

ก่อนอื่นอยากจะบอกว่าไม่ยากนักหรอกค่ะ การถ่ายภาพทะเลหน่ะ เพราะสถานที่อันสวยงามนั้นก็เป็นใจให้เราอยู่แล้ว ง่ายๆ คือ ถ่ายมุมกว้างเข้าไว้ ถ้าให้ดีใช้ wide angle lens ช่วงระยะ 24-35 mm แต่ถ้า เลนส์ที่มีไม่เป็นใจนัก ก็ใช้ขาเนี่ยแหละค่ะ ถอยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญก่อนจะถ่ายภาพมองในกล้องให้ทั่วทุกมุม ว่าได้มุมภาพที่เราต้องการจริงๆ นะ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยง object ที่ไม่พึงประสงค์ซะด้วย

ในการถ่ายภาพทะเลนั้น ลองมองหาจุดที่เป็นเส้นนำสายตาในภาพไปสู่วิวของทะเล ที่ต้องการ นั่นจะทำให้ภาพดูดีขึ้น อาจจะเป็น แนวหินที่มีอยู่แล้ว หรือ รอยเท้า หรือ เรือที่จอดอยู่ ถ้ามีอยู่ในภาพจะเป็นจุดนำสายตาให้ภาพมีความน่าสนใจม ากขึ้น

ถ้าถ่ายทะเลจากมุมสูงลองใช้เทคนิค depth of field ในการถ่ายดูค่ะ มันจะช่วยให้ภาพมีระยะที่ให้ความแตกต่างได้มากขึ้น

ตามชายหาด แน่นอนจะต้องมีสิ่งที่น่าสนใจที่เอามาใส่ในภาพได้แน่ ลองมองดูรอบๆ สิค่ะ ว่ามี เปลือกหอย ปลาดาว ที่ตักทรายของเด็ก หรือว่า รองเท้าแตะของเราเนี่ยแหละ หรือจะเป็นก้อนหินนวลๆ อะไรก็ได้ ลองเอามาวางไว้ในภาพค่ะ ให้ object เหล่านั้น ช่วยให้ทะเลของคุณมีเรื่องราวได้อีกเป็นกองเลย

อีกมุมที่น่าถ่ายค่ะเวลาไปทะเล.... ลองใช้พลังของธรรมชาติให้เป็นประโยชน์สิค่ะ ใส่พลังลงไปในภาพของเราเลย เช่นภาพคลื่นที่กระทบโขดหิน แต่จะถ่ายภาพนี้ระวังนิดนึงนะค่ะ นับจังหวะดีๆ ซะหน่อย แล้วก็หามุมยืนดีๆ ที่จะไม่ทำให้กล้องเราโดนน้ำทะเลเข้าไป ส่วนใหญ่แนวนี้จะใช้ telephoto และใช้การ freeze action / stop action เทคนิคนี้ เหมาะมากๆ ถ่ายไว้หลายๆ รูปหน่อย เพราะในแต่ละครั้งพลังของคลื่นที่กระทบมันให้ภาพไม่เ หมือนกัน เรียกว่ากันพลาดจะดีกว่านะ

ข้อควรระวัง.... รักษากล้องกันหน่อยนะค่ะ ทรายและน้ำทะเล มีผลต่อกล้อง และฟิลม์ และอุปกรณ์การถ่ายภาพมากๆ ค่ะ ยังไงทางที่ดี หาอะไรใส่กันน้ำไว้ก็จะดีนะค่ะ หลังจากไปถ่ายกลับมาแล้ว ก็เช็ดทำความสะอาด ซักนิด เพื่อกล้องจะได้อยู่กับเรานานๆ นะ

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:32

คำตอบที่ 6

bird eye view กับ ant/worm eye view

บางทีเราก็ถ่ายภาพในระดับสายตาเราบ่อยๆ จนลืมที่จะสร้างสรรค์ภาพในระดับสายตาอื่นๆ บ้าง
วันนี้เลยมาเตือนความจำเรื่อง bird eye view กับ ant eye view

bird eye view คือ มุมมองของตานก... แน่นอนว่าจะต้องขึ้นไปยืนบนที่สูงๆ แล้วก้มมองลงมาต่ำๆ เพื่อให้ได้ภาพตานก บางคนอาจเลือกใช้ส่วนของตึก หรืออาคาร เป็นสื่อนำสายตา เพื่อให้รู้สึกถึงความสูงของภาพ เลนส์ที่เหมาะสมน่าจะเป็นเลนส์มุมกว้างจะทำให้ดูมีมิ ติลึกมากขึ้น "มุมภาพกดต่ำ"

ant eye view คือภาพตามด ....มดตัวน้อยตัวนิด...เป็นมดตัวเล็กก็แหงนมองท้องฟ้ าหน่อยคราบ ใช้เลนส์มุมกว้างเช่นเดียวกัน บางทีใช้ถ่าย subject เล็กๆ ให้ดูใหญ่ขึ้น

Try Different Angles
Think about how you would normally photograph a scene. Then shoot it in an entirely different way.

Come up with surprises. Once you start doing that, you open your mind up to new possibilities. You’ll come back with more interesting and creative photos.

ลองมุมมองใหม่ๆ ดูบ้างนะค่ะ สร้างสรรค์ภาพถ่ายของตัวเอง..ทำให้มันน่าสนใจขึ้นได้ นะ

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:33

คำตอบที่ 8
การ Push ISO ฟิล์มให้สูงขึ้น
ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ก็ใช้กล้อง ดิจิตอลกันก็เอาไปเปรียบเทียบใช้กันได้ และเป็นความรู้นะครับ

ก่อนอื่นต้องรู้จักกับ ISO ซะก่อนนะ
ข้อมูลจากหนังสือ shutter photography

ความไวแสงของฟิล์ม มีหน่วยเรียกเป็น ISO (ในอดีตนั้น จะมีทั้ง สัญลักษณ์ DIN และ ASA ซึ่ง DIN เป็นคำย่อที่ใช้ในการ เรียกค่า ความไวแสงฟิล์ม ตามสมาคม และ อุตสาหกรรมถ่ายภาพของประเทศเยอรมัน ส่วน ASA จะเป็นการเรียกค่าความไวแสง ฟิล์ม ตามสมาคมถ่ายภาพ ของอเมริกา แต่ ในปัจจุบันได้ยึดเอาคำว่า ISO เป็น สัญลักษณ์สากล ใช้เรียกแทนความไวแสง ฟิล์ม) ฟิล์มที่มีความไวแสงสูง หรือ ISO สูง ทำให้ฟิล์มนั้น สามารถใช้ ความเร็วชัตเตอร์ ที่สูงใช้บันทึกภาพได้ และได้ขนาดรูรับแสง ที่เล็กลง

การเลือกใช้ความไวแสงของฟิล์ม ขึ้นอยู่กับสภาพแสง และ ลักษณะของการ ถ่ายภาพเป็นสำคัญ ฟิล์มที่ความไวแสงต่ำ เช่น ISO 50 และ ISO 64 จะให้ภาพที่มีเกรน ละเอียด สีสันสดใสอิ่มตัว ขยายภาพได้ ใหญ่มากขึ้นโดยไม่เสียรายละเอียด แต่ข้อ เสียคือไม่สามารถใช้รูรับแสงแคบกับความ เร็วชัตเตอร์ที่สูงได้มากนัก เนื่องจากมี ความไวแสงต่ำจึงเหมาะกับการถ่ายภาพที่ สามารถ ใช้ขาตั้งกล้อง บันทึกภาพได้ เป็น ระยะเวลานานๆ หรือในสภาพแสงแดดจัด เป็นต้น

ฟิล์ม ISO 100 จัดเป็นฟิล์มความ ไวแสงปานกลาง ให้เกรนภาพละเอียดพอ สมควร เป็นฟิล์มมาตรฐาน ของ นักถ่ายภาพ โดยทั่วไป ใช้งานได้ครอบคลุมการถ่ายภาพ หลายรูปแบบ ส่วนฟิล์ม ISO 200 จัดว่า เป็นฟิล์มความไวแสงปานกลาง โดยมีความ ไวแสงฟิล์มเพิ่มมาอีก 1 สตอป มีความ ละเอียดดีเยี่ยม เหมาะ สำหรับ การถ่ายภาพทั่วๆ ไป สำหรับฟิล์มความไวแสงสูงเช่น ISO 400, 800 และ 1600 เหมาะสำหรับ การถ่ายภาพ บางประเภทเท่านั้น เช่น ใน เวทีคอนเสิร์ตที่มีสภาพแสงน้อย การแสดง ที่ห้ามใช้แฟลชถ่ายภาพ หรือในการถ่าย ภาพกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงใน การหยุด การเคลื่อนที่ ของนักกีฬา เป็นต้น ฟิล์มความไวแสงสูงจะมีเกรนภาพที่หยาบ และ มีราคาสูงกว่า ฟิล์มความไวแสงสอง อันดับแรกข้างต้น

ต่อไปคัดมาจาก Camerart

Push ISO ฟิล์มขึ้นไปจะช่วยเร่งความเร็วชัตเตอร์เพื่อให้ถ่าย
ภาพได้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น เพื่อให้สะดวกและมั่นใจได้มากขึ้นว่าภาพจะ
ไม่สั่นไหวจนเกินไป

การ Push ISO ฟิล์มให้สูงขึ้นPush Film เพิ่ม ISO โดยตั้งค่า ISO ของกล้องให้สูงขึ้น
ซึ่งการตั้ง ISO ให้สูงขึ้นก็ไม่ยุ่งยากอะไร ปรับตั้ง ISO ของกล้องให้สูงขึ้น
เท่านั้น เช่นจาก ISO 100 ของฟิล์มที่ใช้ก็ตั้ง ISO เพิ่มเป็น ISO 200 หรือ
ISO 400 จาก 100 เป็น 200 เท่ากับ เพิ่มความไวชัตเตอร์ได้ 1 สต๊อป จาก
ISO 100 เป็น ISO 400 ก็จะเป็นการเพิ่มความไวชัตเตอร์ได้ 2 สต๊อป การ
ปรับตั้งค่า ISO ที่สูงขึ้นนี้จะไปทำให้ระบบวัดแสงที่ ISO ตามที่เราตั้ง เท่านี้
ท่านก็สามารถถ่ายภาพได้ด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ ้นได้

ข้อปฏิบัติเมื่อท่าน Push ISO ฟิล์ม
ในการ Push ISO ฟิล์มโดยปรับตั้งค่า ISO ที่กล้องเพื่อให้เครื่องวัดแสงที่
กล้องวัดแสงที่ ISO สูงขึ้นตามที่ท่านตั้งนั้น ย่อมเกิดผลต่อฟิล์มที่ท่านถ่าย
ภาพ เพราะในความเป็นจริงฟิล์มที่ท่านถ่ายภาพจะได้รับแสงน ้อยกว่าปกติ 1
หรือ 2 สต๊อป ตามที่ท่านตั้งไว้จึงมีข้อปฏิบัติที่ท่านต้องทำความเ ข้าใจไว้
เบื้องต้น

1. การ Push ISO ฟิล์ม เมื่อท่านตั้ง ISO ตามที่ต้องการแล้วจะต้องถ่าย
ภาพตาม ISO ที่ท่านตั้งไว้จนหมดม้วน ห้ามเปลี่ยน ISO กลับไปกลับมา
เพราะท่านต้องอาศัยกรรมวิธีทางการล้างฟิล์มช่วยอีกคร ั้งหนึ่ง

2. เมื่อท่านถ่ายภาพหมดม้วนแล้ว เนื่องจากฟิล์มของท่านได้รับแสงน้อยกว่า
ปกติตามสมรรถนะของฟิล์ม ท่านต้องอาศัยการล้างฟิล์มช่วย ดังนั้นก่อนส่ง
ฟิล์มไปทำการล้างฟิล์ม ท่านต้องเขียนกำกับม้วนฟิล์มว่าให้ล้างฟิล์มช่วยบอก
ให้ละเอียดว่าท่าน Push กี่สต๊อป หรือฟิล์มม้วนนี้ถ่ายที่ ISO เท่าใด

3. การ Push ISO ฟิล์ม โดยการถ่ายและล้างช่วย ไม่ควรเกินสมรรถนะของ
ฟิล์มโดยปกติ ไม่ควรเกิน 1-2 สต๊อป ถ้าเกินกว่านี้จะมีผลเสียต่อภาพมากยิ่ง
ขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพรายละเอียดและสีของภาพ

4. การ Push ISO ฟิล์ม มีผลต่อคุณภาพของภาพถ่ายตั้งแต่คุณภาพของสี
ความคมชัด และเกรนของภาพ เมื่อเทียบกับสมรรถนะของฟิล์มปกติคุณภาพ
จะยิ่งเปลี่ยนไปเมื่อท่าน Push มากเกินไป

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:38

คำตอบที่ 9

พอดีไปอ่านเรื่องการถ่ายภาพในเว็บ National Geographic แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ของการถ่ายภาพที่ทำให้รู้สึกสนุกไปกับการถ่ายภาพทุกค รั้ง บางทีอาจไม่ต้องทฤษฎีจ๋าเกินไป แต่ภาพกลับมีเรื่องราวบอกเล่าเยอะแยะ ... ก็เลยนำข้อความมา share ให้ได้อ่านกันค่ะ

If You See It, Shoot It
Don’t spend all of your time and energy trying to get one perfect shot. Experiment and take as many pictures as you can.

If you see something that strikes you, photograph it. You may find that your spontaneous photos are better than the ones you spent a long time composing.

It’s easy to pass by a good shot. You might be out backpacking and think, “Do I really want to stop the group and pull out my camera to take this photo?” You have to. Because you might not see it again.

ขอสรุปเป็นไทยสั้นๆ คือ ถ้าคุณเห็น คุณก็จงถ่ายมันซะ... อย่าเสียเวลากับการลังเลใจ หรือเสียเวลากับการตั้งมุมดีๆ ให้นานนัก เพราะบางทีอาจพลาดวินาทีสำคัญไปก็ได้นะ ถ้าคิดว่ามันเป็นภาพที่น่าจะถ่ายเก็บไว้ ก็จงหยิบกล้องขึ้นมาแล้วก็ยิงภาพมันซะ อย่าคิดว่ามันจะไปทำให้คนอื่นเสียเวลา จงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลย เพราะภาพในช่วงวินาทีที่คุณจะถ่ายมันอาจจะไม่กลับมาใ ห้คุณเห็นอีกก็ได้

Watch Your Backgrounds
Simple, uncomplicated backgrounds help make a good picture better. Usually, the fewer extraneous people, objects, or colors in the background, the better. Move your camera—or yourself—if you have to.

แปลแบบ คือ... ง่ายๆ เลย...ฉากหลังไม่ซับซ้อน ช่วยให้ภาพดูดีขึ้น

จาก ปู่เฟืองจำปี 58.10.149.22 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:40