คำตอบที่ 1
       ภาพนี้ผมได้จากการเดินขึ้นไปเที่ยวชมบนชั้น 5 ของเจดีย์ริมทะเลสาบดอกบัวในเมืองเกาสง ประเทศ (จีน) ไต้หวัน
ทางเดินเชื่อมจากฝั่งมาที่เจดีย์กลางน้ำถูกสร้างให้คดเคี้ยวเป็น 9 โค้งตามความเชื่อของชาวจีนว่าจะเป็นมงคล
สะพานที่คดโค้งนี้ หากถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง ภาพที่ออกมาจะดูธรรมดาเกินไป ผมจึงเลือกใช้เลนส์เทเลในระยะที่จะทำให้ภาพสะพานธรรมดาแปรสภาพเป็นสะพานที่มีลวดลายกราฟิก
แต่การบีบองศารับภาพให้เหลือเพียงแค่ลวดลายกราฟิกของสะพานที่คดไปมาก็ยังไม่อาจทำให้ภาพน่าสนใจขึ้นมาได้มาก ผมจึงรอจังหวะให้ใครสักคนเดินเข้ามาในภาพเพื่อเป็น "ตัวเบรคสายตา" และสร้างจุดสนใจให้ภาพ
ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการ "คิดก่อนถ่าย"
คิดว่าเราอยากให้ภาพออกมาเป็นอย่างไรก่อนที่จะกดชัตเตอร์ มิใช่กดชัตเตอร์ก่อนแล้วค่อยดูว่าภาพออกมาดีหรือไม่

คำตอบที่ 2
       ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าผมไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ และก็ไม่ได้ถ่ายรูปเก่ง จะเห็นว่าภาพที่ผมถ่ายออกมาหลายๆภาพนั้น บางทีแสงก็ไม่ได้เรื่อง (โดนมือโปรตำหนิประจำ อิอิ) สถานที่ไม่มีความสวยงามในตัวเอง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมมักใช้วิธีการเอามุมกล้องแหวกแนว (หรือจะเรียกแหกคอกก็ได้) มาข่มข้อด้อยเรื่องสถานที่หรือแสงดังเช่นสองภาพที่ผ่านมา
สำหรับภาพนี้ ผมถ่ายที่สถานีรถไฟใต้ดินใกล้ตลาดกลางคืน Liouhe ในไต้หวัน เนื่องจากสถานีนี้มีจุดเด่นอยู่ที่กระจกสีและเพดานขนาดใหญ่ที่สวยงาม การจะถ่ายเก็บความงามยิ่งใหญ่ของเพดานทั้งหมดแทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมมีเลนส์ที่กว้างสุดเพียง 24 มม.
ทางแก้ง่ายๆในการที่จะเก็บภาพให้ได้กว้างที่สุดเท่าที่สมรรถนะของเลนส์จะทำได้ เพียงแค่ย่อตัวลงนั่งแล้วลดระดับกล้องลงไปให้ต่ำใกล้พื้นที่สุด ช้อนมุมภาพขึ้นเพื่อรีดศักยภาพของเลนส์ wide ที่มีอยู่ออกมาให้หมด เท่านี้ ภาพที่ได้ก็น่าสนใจขึ้นมาแล้วจากเส้นสายนำสายตา

คำตอบที่ 3
       การ "คิดก่อนถ่าย" มิได้หมายความเพียงการเลือกมุมกล้องหรือแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภาพเท่านั้น แต่หมายถึง "การจินตนาการภาพที่อยากได้ออกมาให้ได้เสียก่อน" เมื่อคิดภาพที่อยากได้ได้แล้ว ค่อยมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรและใช้วิธีไหนจึงจะสร้างสรรค์ภาพออกมาได้ดังจินตนาการ

ตัวอย่างภาพสิงโตทะเลบริเวณ Penguin Beach คาบสมุทรโอตาโก เกาะใต้ นิวซีแลนด์ นี้ ผมเดินทางไปถึงหาดนี้ตั้งแต่ตะวันยังไม่ตก แต่ด้วยความโชคดีที่ท้องฟ้าวันนั้นมีเมฆมาก แถมยังเป็นเมฆทะมึนนิดๆด้วย ผมจึงจินตนาการไว้ว่าภาพสิงโตทะเลที่มีท้องฟ้าทะมึนแบบครึ้มฟ้าครึ้มฝนเป็นฉากหลังนั้น จะช่วยส่งให้ภาพดูมีพลังมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง หากถ่ายภาพโดดๆโดยเน้นไปที่ท้องฟ้า แน่นอนว่าแนวหาดทรายและสิงโตทะเลจะต้องออกมามืดเป็นเงาตะคุ่มๆ ผมจึงแก้ปัญหาด้วยการเติมแสงแฟลชในปริมาณที่กะเอาว่าให้แสงตกไปไม่ถึงตัวสิงโตทะเลดี เพราะผิวของสิงโตทะเลที่มีความมันวาวอยู่จะสะท้อนแสงแฟลชขับให้ตัวของมันเด่นขึ้นมาพอดี โดยไม่จำเป็นต้องสว่างหรือเห็นรายละเอียดของผิวหนังมากนักเพื่อสร้าความรู้สึกลึกลับน่าเกรงขามอยู่

ป.ล. เพื่อให้ได้ภาพสิงโตทะเลที่ดูมีชีวิต ผมต้องเสี่ยงชีวิตเดินไปบนชายหาดที่มีสิงโตทะเลทั้งฝูงนอนกระจายกันเกลื่อน เพียงเพราะมีสิงโตทะเลตัวนี้เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เชิดคางชูคออยู่ให้ถ่ายรูปออกมาดูดีได้

คำตอบที่ 4
       หมด ยังอะครับ นั่งรอตั้งกะตีสามแล้ว มาเก็บความรู้

คำตอบที่ 5
       1...2...แจ่มมากกกกกกกก

ผมก็คิดก่อนถ่ายทุกเช้าเหมือนกัน ขี้เกียจนั่งรอนาน ๆ

อยากจะแนะนำส่วนตัว ให้คุณเฌอ ว่า...คิดก่อนโพสท์ซักหน่อย มาแบบกระปริบกระปอย แบบนี้คนดูเค้าหงุดหงิดอ่ะ

คำตอบที่ 6
       ดูแล้วคิด

คำตอบที่ 7
      

เป็นคำ นิยามที่ดีมากครับ คิดก่อนถ่าย .....ที่สุดแล้วมันก็ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้+ประสบการณ์
ชั่วโมงบินมากพอควร ...ระยะแรกๆ อาจคิดนาน และคิดไม่ออก แต่พอได้กระทำมากๆ บ่อยครั้ง มันเหมือน
กับการขับรถนั่นแหละครับเป็นไปโดยอัตโนมัติ เลยครับ...อย่างที่ท่านเฌอเขียวว่ามันผสมจินตนาการ
ไปด้วย ฝึกฝนบ่อยๆ มันจะนำให้ท่านถ่ายภาพเชิงซ้อน ได้โดยไม่ยากเย็น....

คำตอบที่ 8
       - ยังไม่หมดครับคุณ Nhui แต่หยุดโพสต์เพราะง่วง...

- ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับลุง Mop ต้องขออภัยไว้ ณ ทีนี้ เนื่องจากแม้ผมจะเป็นคนที่ "ถ่ายสะดวก" แต่ก็ "โพสต์กระปริดกระปรอย" เพราะผมเขียนเนื้อหาไปโพสต์ไป แถมก่อนโพสต์ไม่ได้ดื่มกระทิงแดง เลยง่วงกลางอากาศ มิได้มีการขมิบอั้นแต่อย่างใด แต่สัญญาว่าจะมาโพสต์อีก แบบกระปริดกระปรอยเช่นเคย

- คุณ Nikia ดูแล้วคิด? คิดอะไรหรือครับ? อย่าคิดมากนะครับ?

- ลุงปู่ครับ ที่ผมจำเป็นต้องคิดก่อนถ่ายเพราะผมฝึกการถ่ายภาพมาจากระบบฟิล์มครับ ขืนถ่ายไม่คิด ถ่ายสะดวก ถ่ายไม่อั้น ถ่ายไม่ขมิบ ผมคงหมดตูดหมดตัวไปนานแล้วครับ แต่สมัยก่อนก็โชคดีที่มีคนออกค่าฟิล์มและค่าล้างฟิล์มให้ เลยสามารถทดลองอะไรแปลกๆได้ม้วนละรูปสองรูป ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจุบันในยุคกล้องดิจิตอล ถ้าคนถือกล้องชอบลองอะไรแปลกๆ วิธีการแปลกใหม่ มันสามารถทดลองและเห็นผลทันทีโดยแทบไม่มีค่าใช้จ่าย สะดวกง่ายดายกว่าสมัยก่อนเยอะครับ ขอแค่กล้าคิดกล้าลองเท่านั้นเอง

ป.ล. งานชุดนี้เป็นงานเชิงสาระ อาจจะไม่มีภาพแนว "ขาวๆสวยๆ" มาลงให้ชม เพราะภาพแนวนี้ ผมมักถ่ายโดยไม่ใช้ความคิด เป็นการถ่ายโดยใช้เทคนิค Basic Instinct มากกว่า ฮ่าๆๆ

คำตอบที่ 9
       ชอบมุมภาพเปิดครับ... (ถ้าภาพที่ 8 ใช้มุมมองเดียวกับภาพเปิดคงงานเข้า... )

คำตอบที่ 10
       เด็ดมากครับพี่ คำตอบที่ 1 นี่ชอบมากเลยครับ

คำตอบที่ 11
       โดนใจทุกภาพครับ

คำตอบที่ 12
       จริงอย่างพี่ว่า สมัยก่อนใช้ฟิล์มม้วนหนึ่ง ดีสัก 4-5 รูป ก้คุ้มแล้ว เดี๋ยวนี้พอใช้ดิจิตอล ถ่ายร้อยภาพ จะหาที่ลงตัวโดยใม่ใช้โปรแกรมช่วยสัก 10 ภาพก็หรูแล้ว อย่างนี้ดิจิตอลทำให้ผมคิดน้อยลง ขอบคุณครับที่ช่วยเตือน

คำตอบที่ 13
       คิดก่อนถ่าย...ความหมายโดนใจ
แต่ยังคิดไม่ออกอ่ะค่ะท่านเฌอเขียว

คำตอบที่ 14
       8.....นี่ถ่ายแล้วทำให้ผมคิดอีกแล้ว....ฮ่า ๆ ๆ ๆ

คำตอบที่ 15
       อันแปดนี่ ผมคิดได้เป็นอัตโนมัติเลยครับ

คำตอบที่ 16
       " คิดก่อนถ่าย " อ่านแล้วทำให้กลับมามองตัวเองเหมือนกัน แล้วจะลองนำไปปฏิบัติดูครับ

คำตอบที่ 17
      
อืมถ้าเป็น 8 ผมว่าผมลึมคิดก่อนถ่ายแน่ ...เพราะมัวแต่เช็ดกำดาวอยู่ ท่านเฌอเชียว...

คำตอบที่ 18
       อาจารย์สอนแล้วเข้ามาจด จด จด และจำขอบคุณครับ

คำตอบที่ 19
      
- คุณ RC152
อยากจะบอกว่าที่ไต้หวันมีแบบนี้เกลื่อนเลยครับ แถมบางร้านใจถึงขนาดใส่จีสตริงออกมาเดินขายของข้างถนนกันเลยทีเดียว ภาพชุดนี้ถ่ายไปสั่นไปด้วยความตื่นเต้นมั่กๆ

- คุณ MORKDAM, คุณ tipong
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ

- คุณ wisoot
แต่ดิจิตอลก็มีข้อดีหลายอย่างครับ อย่างน้อยก็ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถทดลองเทคนิคใหม่ๆได้โดยอิสระครับ

- คุณ yui
มีพัฒนาการด้านการถ่ายภาพอย่างเห็นได้ชัดครับ ตั้งแต่ชุดแรกๆที่ยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ จนถึงตอนนี้งานดีขึ้นเยอะครับ ลองเพิ่มกระบวนการคิดก่อนถ่ายเข้าไปอีกหน่อย จะช่วยให้งานออกมาดีขึ้นไปอีกครับ

- ลุง mop
ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย ถ้ามีโอกาสก็พอน้องพอลล่าออกไปกดจึ๊กๆให้สบายใจ แค่นี้ก็มีความสุขได้แล้วครับ

- คุณ Nhui
ผมบอกแล้วว่าภาพแนวนี้เวลาเจอต้องใช้สัญชาตญาณดิบ (Basic Instinct) ถ่ายครับ จะมัวมานั่งคิด มันไม่ทันกิน

- คุณ Kran
ยินดีครับ

- ลุงปู่ฯ
ถ้าไปคนเดียวก็แค่เช็ดเลือดกำเดา แต่ถ้า ผบ. ไปด้วยเลือดที่ออกอาจไม่ใช่แค่เลือดกำเดาอ่ะดิครับ

- คุณเต้/ดาบเงิน
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ

นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการ "คิดก่อนถ่าย" ครับ ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมสวนศิลป์ในบ้านศิลปิน "The Giant's House" ในนิวซีแลนด์ และโชคดีที่ได้เจอกับศิลปินเจ้าของผลงานด้วย
ภารกิจของผมคือการถ่ายภาพเธอมาเพื่อใช้ประกอบงานเขียน แต่หากจะถ่ายคนให้สวย เรามักนึกถึงการใช้เลนส์เทเลดีๆถ่ายเจาะละลายฉากหลัง ซึ่งหากทำเช่นนั้น ภาพจะออกมาสวย แต่ไม่สื่อความหมาย ผมจึงเลือกใช้เลนส์ไวด์บันทึกภาพเธอขณะยืนคุยกับเพื่อนที่หน้าบ้าน โดยใช้กล้องช้อนขึ้นจากมุมต่ำ เพื่อเสริมความรู้สึกภาคภูมิใจของเธอที่มีต่อบ้านซึ่งมองเห็นเป็นฉากหลัง แถมโชคช่วยยกกำลังสองเมื่อเมฆด้านหลังเล่นเส้นพลิ้วเพิ่มพลังให้กับภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
ป.ล. งวดนี้เอาระดับ "เจ้าป้า" ไปชมบ้างครับ เปลี่ยนบรรยากาศ เดี๋ยวลุงปู่ฯจะเลือดกำเดาไหลม่หยุด

คำตอบที่ 20
       นอกจากการคิดก่อนถ่ายแล้ว ช่างภาพควรเป็นคนช่างสังเกต และจะดียิ่งขึ้นถ้าสามารถสอดแทรกอารมณ์ขันหรือรอยยิ้มส่งผ่านไปยังผู้ชมภาพได้ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีภาพน่ารักๆชวนให้อมยิ้มทุกครั้งที่ดูได้

คำตอบที่ 21
      
อ้า การเป็นคนช่างสังเกตุ เยี่ยมครับ ......

คำตอบที่ 22
       ชอบสองรูปสุดท้ายครับ......

คำตอบที่ 23
       ได้ดูของดีพร้อมแนวคิดแจ่มอีกแล้ว


แต่ผมก็ยังคิดไม่ค่อยออกง่ะ..