WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ใส่ถุงได้มั้ยครับ

จาก 227
IP:117.47.71.100

พฤหัสบดีที่ , 29/5/2551
เวลา : 08:47

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       สำหรับรถยนต์ : ทุกยี่ห้อ


โดยปกติ ความนุ่มนวลกับความสามารถในการแบบน้ำหนักมากๆ มักจะไม่ค่อยไปด้วยกันนัก เนื่องจากว่าถ้าปรับช่วงล่างให้นิ่มนวล เวลาบรรทุกของหนักๆ (หรือแม้แต่น้ำหนักตัวรถเอง) รถก็จะโยนตัวมากทำให้ทรงตัวยาก แถมพาลจะทำให้โช๊คแตกอีกต่างหาก แต่ถ้าปรับช่วงล่างให้แข็งเรื่องแบกของก็หายห่วง แต่ความนุ่มมันก็หายไปเหมือนกัน... จะปรับความนุ่ม-แข็งแต่ละครั้งก็หมายถึงการรื้อช่วงล่างกันยกใหญ่กันทีเดียว... ปัญหาทั้งหลายเหล่านี้จะหมดไปหากคุณเปลี่ยมมาใช้ช่วงล่างแบบถุงลมโป่งพองนี้....

ระบบช่วงล่างแบบถุงลมนี้ ก็เลยเป็นระบบรองรับแรงกระแทกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนระบบนี้มักจะอยู่ในรถยนต์ขนาดใหญ่อย่างรถเมย์ไฮโซ หรือรถไฟฟ้าบีทีเอสบ้านเราก็ใช้ ลองสังเกตุดู ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติเด่นของมันในแง่ของการปรับการรับน้ำหนักมากๆ ได้ดี และสามารถสร้างความนุ่มนวลในการขับขี่ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ สมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งชั้นหรูเลิศ รถ SUV ขนาดใหญ่ หรือรถตู้ไฮโซๆ ต่างก็หันมาใช้ช่วงล่างแบบนี้กัน เพราะนับวันอุปกรณ์ไฮเทคมากมายกับน้ำหนักที่หนักขึ้น ทุกที แต่รถหรู... ยังไงก็ต้องนิ่ม เพราะเดี๋ยวป๋าๆ จะช้ำในซะหมด... งั้นก็มาดูว่ามันเป็นยังไงกันเลยดีกว่า

เท้าความกันซักกะนิด

แล้วที่ว่าถุงลมโป่งพองเนี๊ย... มันอยู่ตรงไหนของช่วงล่างน๊ะ... อันนี้ต้องเอามาเทียบกับระบบช่วงล่างแบบเดิมๆ ท่าจะดี โดยทั่วๆ ไปช่วงล่างมักจะมีอุปกรณ์ในการรับแรง กระแทกอยู่ 2 อย่างคู่กัน นั่นก็คือ
1. ตัวรับแรงกระแทก ซึ่งมักจะใช้เหล็กมาทำเป็นขดสปริง หรืออาจทำเป็นเหล็กแท่งแบบแหนบหรือทอร์ชั่นบาร์
2. ตัวดูดซับแล้วกระจายแรง ที่มักจะทำเป็นแท่งน้ำมันมีวาล์ววิ่งขึ้น-ลงอยู่ข้างใน ทำให้หนืดๆ ที่เค้าเรียกกันว่า แดมเปอร์ ช๊อคแอ๊บซอร์บเบอร์หรือโช๊คอัพนั่นเอง

แข็ง-นิ่ม-สูง-ต่ำ ก็ทำได้ทั้งซ้ายขวา

สำหรับช่วงล่างแบบถุงลมนี้ มันจะทำหน้าที่แทนตัวรับแรงกระแทกอย่างสปริงนั่นเอง (แต่ในบางระบบอาจใช้งานร่วมกัน) เรามาเปรียบเทียบกับการใช้สปริงในระบบช่วงล่าง แบบทั่วๆ ไปกันก่อนดีกว่า

สปริงแข็ง = อัดลมในถุงลมมาก = ช่วงล่างแข็ง = รับน้ำหนักได้มาก
สปริงอ่อน = อัดลมในถุงลมอ่อน = ช่วงล่างนิ่ม = ขับขี่ได้นุ่มนวล
ยกสปริงให้สูง = อัดลมให้ถุงลมยืดตัว = ยกรถให้สูงขึ้น = ลุยได้มากขึ้น
ใส่สปริงให้ต่ำ = เอาลมออก = โหลดรถให้ต่ำลง = ลดการต้านลมเวลาวิ่ง หรือ ขึ้น-ลงรถได้สะดวกขึ้น

หรืออาจใช้ในการช่วยสร้างความสมดุลให้ตัวรถก็ได้ ซึ่งช่วงล่างแบบปกติไม่สามารถทำได้ เช่น ในกรณีที่บรรทุกของหนักมากๆ ทำให้หน้ายก ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะด้านหลัง เพื่อให้รับน้ำหนักได้มากขึ้นโดยไม่ยุบลงไปก็ได้ หรือในกรณีที่บรรทุกของหนักไปข้างหนึ่ง ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะข้างซ้ายหรือขวาก็ได้เช่นกัน ทำให้รถยังคงรักษาระดับได้เหมือนเดิม

จากที่กล่าวมาแล้วตอนต้นแล้วว่า นอกจากปรับความแข็งหรือนุ่มนวลของช่วงล่างได้แล้ว ช่วงล่างถุงลมนี้ก็มักจะถูกนำไปใช้ให้ทำหน้าที่ในการปรับความสูงของตัวรถ โดยเมื่ออัดลมเข้าไป มันก็จะทำให้ถุงลมยืดตัวขึ้น ตัวรถก็จะถูกยกให้สูงขึ้น พอเอาลมออกรถก็เตี้ยลงๆ... งานนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถ SUV ไฮโซๆ ที่มักจะถูกใช้ในเมือง ก็ปรับให้มันเตี้ยๆ ไว้ จะได้ทรงตัวได้ดีๆ ขึ้น-ลงก็สะดวก และพออยากเข้าป่าก็ค่อยอัดลมเข้าไป ยกให้สูงแล้วค่อยลุยต่อ... ประโยชน์อีกอย่างสำหรับการยกขึ้นยกลงก็คือ สามารถใช้ประโยชน์ เวลารถต้องแบบของหนักๆ ที่ด้านหลัง เป็นเหตุให้เกิดอาการหัวเชิด หยิ่งเกินไป... เราก็สามารถอัดอากาศเข้าไปในถุงลมที่ล้อด้านหลังซะ... แค่นี้หน้าก็ไม่เชิดแล้ว

แล้วมันมีกี่แบบ

การจะใช้ถุงลมเพื่อการรับน้ำหนักมากๆ อย่างเดียวหรือจะให้ยกรถได้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบตัวถุงลมนี้ด้วย ที่ใช้อยู่ในรถยนต์ทั่วๆ ไป ก็มีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือ

1. ถุงกลับด้านได้ Reversible Sleeve มีลักษณะเป็นทรงกระบอก มีฐานรองสามารถปรับแต่งให้เข้ากับช่วงล่างเดิมได้ง่าย
2. ถุงแบบปล้อง Convoluted มีลักษณะเป็นข้อๆ เหมือนสปริง

สรุปการนำไปใช้งาน

1. ถ้าอยู่ในรถหรู มันก็ให้ความนุ่มนวลได้แบบเลิศหรูเลยล่ะ
2. ถ้าอยู่ในรถ SUV ใหญ่ มันก็ทั้งนุ่มทั้งยืดหยุ่น ยกขึ้นยกลง ปรับระดับความสูงได้ตามสภาพถนนกันอย่างสนุกสนาน
3. ถ้าอยู่ในรถบรรทุก มันก็สามารถปรับช่วงล่างให้รับน้ำหนักได้ตามน้ำหนักสัมภาระ และสามารถปรับให้ตัวรถรักษาระดับให้ขนานพื้นเอาไว้
4. ถ้าอยู่ในรถแต่งโหลดสุดๆ ที่เค้าเรียกกันว่า โลว์ไรเดอร์ ก็ใช้แทนระบบไฮดรอลิกได้เลย ยกขึ้นลงได้เหมือนกัน แต่น้ำหนักเบากว่าเพราะไม่ต้องใช้แบต

ที่มา : www.fsip.com
http://www.tuninglinx.com/html/spring-rate.html http://www.airsprings.com.au/Airide_Definitions.cfm http://



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       เพื่อนผมบอกว่ารุ่นใหม่กำลังจะมา ปรับได้30กว่าระดับ
ไม่รู้รถเก่าๆอย่างเราจะใส่ได้มั้ย

ดูเป็นพอสังเขปhttp://www.youtube.com/watch?v=EibWzOZoNJs&feature=related



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 227 117.47.71.100 พฤหัสบดี, 29/5/2551 เวลา : 08:51  IP : 117.47.71.100   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 199098

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอังคาร,16 เมษายน 2567 (Online 2867 คน)