รวมปัญหาแล้วมาปรึกษากัน

คำตอบที่ 62
คต 63 คุณหมูสามชั้น การใช้เกียร์ 2H 4H 4L
ลืมแนะนำการขับขี่กันไปเลย ตอนนี้ก็เข้าหน้าฝนกันแล้วมีอุปกรณ์พิเศษอยู่ก็ดันลืมแนะนำการใช้ที่ถูกวิธีไปก็ขออภัยด้วย โดยปกติแล้วรถ ทรูปเปอร์ ปี 96 นั้น จะมีระบบขับสี่ที่เรียกว่า พาร์ททาม หรือ บางเวลานั้นเอง คือ ต้องใส่เกียร์ขับสี่ถึงจะขับสี่นะคิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่บางท่านก็เข้าใจกันผิดๆ คิดว่าควรใช้แค่ตอนฝนตกเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วเราใช้ได้ตลอดเวลาที่เหมาะสมกับสภาพทาง เริ่มจากการขับ 2H ก็ขับบนถนนทั่วไปเพราะล้อหลังจะเป็นตัวส่งกำลังเพียงอย่างเดียว เหมาะที่จะใช้บนถนนที่ราบเรียบและไม่โค้งมากและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย แต่เมื่อเราต้องวิ่งบนถนนที่ไม่ราบเรียบขลุขละหรือเป็นลูกรังหรือมีโค้งมากไม่จำเป็นต้องฝนตกก็ควรเปลี่ยนเป็น 4H เพราะล้อทั้งสี่จะช่วยส่งแรงทั้งสี่ล้อแต่ถ้าเป็นรุ่น ปี2001 ก็จะมีระบบ TOD หรือ ทอร์คออนดีมาน คือการกระจายกำลังที่เหมาะสมกับล้อที่สัมผัสถนนเช่นล้อหน้าฟรีมากก็จะลดการส่งแรงไปยังล้อหน้าลง กลับเข้ารุ่นที่ใช้กันมากๆดีกว่า ในรุ่น ปี96 มีระบบชิฟออนเดอะฟรายแล้ว กล่าวคือถ้าเราต้องการที่จะขับ 4 H ก็สามารถที่จะเลื่อนคันเกียร์โฟร์วีลจาก 2H ไป 4H ได้โดยไม่ต้องหยุดรถ แต่ความเร็วต้องไม่เกิน 80 กม. ต่อ ชม.นะครับ ทางเหนือเหมาะที่จะใช้ 4H มากเพราะทางโค้งเยอะมาก ส่วน 4 L เหมาะในเส้นทางที่เราดูแล้วไม่หน้าจะไปด้วยความเร็วสูงได้หรือประเภทออฟโรดหรือทางที่ไม่ใช่ทางนะครับ แต่ถ้าจะใส่ 4L ต้องจอดรถก่อน แล้วจึงเข้าคันเกียร์ และควรใช้กับเกียร์ต่ำหรือความเร็วไม่ควรเกิน 20 กม./ชม. และที่คันเกียร์ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็ให้เปลี่ยนลงมาที่ L และถ้าเป็นที่โคลนเลนควรกดปุ่ม winter ช่วยด้วยก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง(สำหรับเกียร์ออโต้นะครับ) แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาก็ เกียร์ 1 หรือ 2 พอครับ เมื่อพ้นอุปสรรคต่างๆแล้วก็ปรับเข้า 4H เพื่อให้พ้นเส้นทางวิบากที่เราหลงเข้าไปนะครับ ข้อสำคัญ รถทรูปเปอร์ ออกแบบมาเพื่อการท่องเที่ยวที่ไม่ลำบากมากๆเหมือนในสารคดีนะครับ เพราะชุดขับเคลื่อนล้อหน้าจะรับภาระที่เกินขึ้นแบบโหดมากๆไม่ค่อยไหว เดียวจะหาว่าไม่เตือน เพราะที่เคยเจอมาเฟืองท้ายพังไปทั้งลูกเลยก็มี ควรศึกษาเส้นทางก่อนเดินทางนะครับจะได้ขับขี่ได้ปลอดภัยและประหยัดเชื้อเพลิงด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 125.26.43.33 เสาร์, 19/5/2550 เวลา : 21:05 IP : 125.26.43.33

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 121654

คำตอบที่ 65
คต66 ฟรีล็อค
เรื่องของฟรีล็อค โดยปกติฟรีล็อคจะเป็นระบบมือหมุนเพื่อตัดการส่งกำลังจากเพลาขับมายังดุมล้อ คือเมื่อเราไม่ปรับให้มันล็อค ก็เท่ากับล้อหน้าหมุนฟรีเหมือนรถขับ2 ธรรมดาทั่วไป เมื่อรู้หน้าที่และการทำงานของมันแล้วเราก็มาดูว่ามันมีความจำเป็นหรือไม่ อย่างที่รู้กันอยู่ว่า ทรูปเปอร์มีระบบชิฟออนเดอฟลาย ที่ดุมล้อหน้าจะล็อคอยู่กับเพลาขับหน้าตลอด แต่การส่งกำลังของระบบขับ4ทรูเปอร์ จะตัดกำลังสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกก็คือที่เกียร์ทรานเฟอร์หรือที่เกียร์ขับ4 และอีกจุดก็คือที่เพลาขับหน้า เป็นลักษณะการเลื่อนเฟืองเข้าขบ ดังนั้นเมื่อเรายังไม่ได้เข้าคันเกียร์ขับ4 ชุดตัดการส่งกำลังที่เพลาขับก็ยังไม่ทำงานเหมือนกัน ดังนั้นล้อหน้าก็ยังคงอิสระอยู่ เพียงแต่มันหมุนไปพร้อมกับเพลาขับหน้า คราวนี้เหตุผลของการที่เราจะใส่ฟรีล็อค ก็มีหลายเหตุผล บางท่านก็ว่าต้องการที่จะปลดปล่อยให้ล้อหน้าเป็นอิสระจริงๆจากเพลาขับก็มีผลดีเล็กน้อยแต่ไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุน เพราะโดยส่วนใหญ่รถที่ใช้ฟรีล็อคจะเป็นรถที่เค้าต้องเข้าพื้นที่กันดารจริงและเป็นรถที่ออกแบบมาโดยตรง เช่นรถสำรวจเส้นทาง รถเดินป่าเปิดทาง คือไม่มีทางให้รถวิ่งแต่ก็จะเข้าไปนะครับ และรถพวกนี้โครงสร้างของระบบส่งกำลังเค้าดีกว่าเราเยอะ แต่รถทรูปเปอร์ของท่านสมาชิกทุกท่านเป็นรถประเภทเดินทางท่องเที่ยวและช่วยเหลือตัวเองในเวลาเกิดปัญหาเล็กน้อยไม่ใช่ในเส้นทางที่ยังไม่มีทาง ช่วงล่างรับไม่ไหวครับ และอีกอย่างเมื่อท่านติดตั้งไปแล้ว เวลาจะขับ4 ก็ต้องลงมาปรับฟรีล็อคให้ล็อคก่อนไม่เช่นนั้นล้อหน้าก็ไม่ทำงาน เมื่อเข้าเกียร์ขับ4 เป็นความไม่สะดวกสบายเวลาใช้งานจริงครับ เดียวตอนพาสาวไปเที่ยวแล้วปรากฏว่าต้องไปส่งสาวในเส้นทางที่ต้องขับ4เวลาจะโชว์สาวว่ารถเราขับเคลื่อน4ล้อก็ต้องลงไปปรับที่ล้อหรือถ้าฝนตก ก็อายสาวแย่เลย ในความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ไม่เห็นด้วยที่จะติดตั้งเข้าไป เสียดายตังค์ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 125.26.40.174 อาทิตย์, 20/5/2550 เวลา : 10:02 IP : 125.26.40.174

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 121731

คำตอบที่ 66
คุณหมี คงจะเป็นเทคนิเชี่ยนประจำบริษัทผลิตรถขับสี่ล้อมากกว่าเป็นมือสมัครเล่น บวกกับประสบการณ์การใช้รถทำให้มีคำแนะนำดีให้เพื่อนสมาชิกได้รับรู้ ทำให้ผมนึกถึงอีกท่านหนึ่งที่มากประสบการณ์และน้ำใจคือ คุณตี๋กทม.ที่ผมเคยรู้จัก ทั้งสองท่านจะช่วยทำให้เพื่อนๆสมาชิกในเวปได้ความรู้ในการปรนนิบัติรักษารถให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีโดยลดการพึ่งพาศูนย์บริการที่คุณภาพการให้บริการลดลงเพราะจำนวนรถใหม่มีมากจนให้บริการได้ไม่ทั่วถึง ขอคารวะท่านทั้งสองครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก LS V8i 202.90.6.36 จันทร์, 21/5/2550 เวลา : 11:31 IP : 202.90.6.36

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 122213

คำตอบที่ 67
จากการได้ใช้รถทั้งซีดานและเอสยูวีมาหลายคันผมเองได้แนวทางการแก้ไขปัญหารถส่วนใหญ่จากเวปทั้งในแนะตปท. การแชร์ประสบการณ์ของแต่ละท่านจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการลองผิดลองถูกของเพื่อนสมาชิกได้ครับ กรณีรถทรูเปอร์นับว่าโชคดีที่มีการผลิตแพร่หลายดังนั้นอะหลั่ยมือสองจึงมีการนำเข้ามามากพอ แหล่งหนึ่งที่ผมใช้บริการบ่อยๆคือ ร้านทีธเนศ หลักสี่ครับหลายชิ้นที่ต้องเปลี่ยนสามารถอาศัยไหว้วานได้ครับ ราคาไม่แพง ปัจจุบันมีการติดตั้งแก็ส LPG กันแพร่หลาย ปัญหาที่พบกันบ่อยคือ backfire ผมเจอเข้าเหมือนกันกว่าจะแก้ไขได้ลงตัวเล่นเอาเกือบขายรถ หัวใจของปัญหาที่แท้จริงคือ ระบบจุดระเบิดที่ไม่สมบูรณ์ครับ ทั้งหัวเทียน สายไฟแรงสูง จนถึงท้ายที่สุดคือคอยล์จุดระเบิดที่เสื่อมตามเวลา ลองตรวจเช็คดูครับ การจูนแก็สก็เป็นหัวใจรองลงไปครับ ส่วนกรณีเดินเบาไม่เรียบ หากระบบไฟสมบูรณ์ดีแล้ว ควรทำความสะอาดลิ้นปีกผีเสื้อตามที่คุณหมีเคยแนะนำให้เพื่อนสมาชิกที่มีปัญหาเดินเบาไม่นิ่ง เชื่อไหมครับ ช่างไทยเราซ่อมได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด ผมเคยทำก้านสวิทช์ปัดน้ำฝนและครุยคอนโทรลหัก คิดว่าจะต้องเสียเงินประมาณ 6000 เปลี่ยนใหม่แล้วแต่ช่างไฟฟ้าซ่อมได้ หรือไฟถอยไม่ติดมานานตั้งแต่ซื้อจากเต็นท์มือสองแก้ไม่ตก ในที่สุดช่างไฟฟ้าก็ซ่อมให้ได้ ผมว่าเรื่องเหล่านี้หากมีการถ่ายทอดให้ทราบกันและเก็บรวบรวมไว้ในสารบบเวปบอร์ด จะเป็นประโยชน๋มหาศาลครับ ผมใช้ทั้งซีดาน BMW ได้ข้อมูลจากเวปกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยูมากมาย ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณหมี คุณตี๋กทม. คุณปลาวาฬ และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อครับ ขอยืนยันว่าในกระบวนเอสยูวีทั้งหลาย ทรูเปอร์คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ ผมเคยใช้ LR V8i เจอปัญหาที่ใช้เวลาและกำลังเงินมาแก้กว่าจะจบ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับแต่เป็นจุดอ่อนที่ปิดได้ยาก อยากให้ทรูเปอร์กลับเข้ามาทำตลาดเมืองไทยต่อครับ รถดีที่เหมาะกับคนไทยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก LS V8i 202.90.6.36 จันทร์, 21/5/2550 เวลา : 14:29 IP : 202.90.6.36

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 122267

คำตอบที่ 68
ขอบพระคุณ คุณ LS V8i ที่ให้กำลังใจ ก็อย่างที่ท่านเข้าจะนะครับเมื่อก่อนผมเองเป็นช่างเทคนิคอยู่บริษัทตรีเพชรอีซูซุมาก่อนนะครับ แล้วก็ออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็เปิดอู่ซ่อมรถยนต์อีกนั้นแหละครับ ก็เข้าๆออกๆเว็ปนี้มาหลายครั้งหลายหน ก็ได้ประสพพบเจอแต่ท่านที่มีปัญหาเรื่องรถอยู่บ่อยๆ ถามกันไปแล้วก็ตอบกันมา จนบ้างครั้งก็ได้เห็นการแก้ไขแบบผิดวิธีบ้างไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องบ้าง และก็เคยเข้าไปแก้ปัญหาในหลายๆกระทู้ ก็เลยคิดว่าเอาข้อมูลต่างๆที่ผมมีและก็ประสบการณ์ที่เคยผ่านมา มาเล่าสู่กันฟังเผื่อใครที่อยากรู้ข้อมูลก็จะได้เข้ามาหาและก็ตรวจสอบดูว่าสิ่งที่ตนเองรู้และเข้าใจอยู่นั้นเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ในบ้างครั้งก็มีเพื่อนสมาชิกที่อยู่ไกลึงเชียงใหม่ ก็ใจร้อนโทรมาถามก็มี ดีครับได้ช่วยเหลือกันอย่างน้อยผมก็มีเพื่อนมากขึ้น และก็ได้ทบทวนวิชาความรู้ไปในตัวด้วย และตอนนี้ได้ AUTO DATA ปี 2006 มาใหม่ก็ได้เข้าไปสำรวจตรวจสอบข้อมูลกันแล้ว สบายมากครับใครอยากจะรู้อะไร ข้อมูลทางด้านเทคนิค หรือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะรถรุ่นไหน แต่ปีก็อย่าเกิน 2006 ก็แล้วกัน รับรองได้ว่าหามาบอกได้เกือบทั้งหมดครับ ก็ตั้งใจที่จะทำไปเรื่อยๆละครับ จนกว่าจะไม่มีใครถามอะไรแล้วนั้นแหละ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 58.147.64.106 จันทร์, 21/5/2550 เวลา : 16:10 IP : 58.147.64.106

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 122301

คำตอบที่ 71
คต72 ABS
การตรวจสอบอย่างง่ายๆสำหรับระบบเบรค ABS เอาแบบไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆเลยนะครับ ทำเองได้ทุกคนครับแต่ต้องระวังหน่อย ก่อนอื่นตรวจดูว่าไฟ ABS เราโชว์หรือเปล่า ถ้าไม่มีให้คิดในทางที่ดีไว้ก่อนว่าของเรายังปกติ ทีนี้ก็ลองหาถนนที่ยาวสัก 1 กม. แล้วก็ไม่มีรถวิ่งหรือลานกว้างๆ ดูให้สภาพพื้นผิวดีหน่อย ที่นี้ก็ทดสอบกันเลยโดยการวิ่งให้ได้ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. แล้วให้เหยียบเบรคอย่างทันทีทันใด(จับพวงมาลัยให้มั่นคงนะครับ) แล้วดูว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร คือเบรคที่เท้าเราจะต้องกระพือหรือเด้งขึ้นเด้งลง จนนับไม่ถ้วน (อย่าถอนเท้าออกมาแล้วเหยียบใหม่นะครับไม่เช่นนั้นABS จะไม่ทำงาน) ถ้าลองแล้วมีอาการอย่างที่บอกก็ใช้ได้เลยไม่ต้องให้ช่างที่ไหนเช็คอีกแล้ว เพราะระบบABS จะเป็นตัวช่วยในกรณีที่เราเบรคกระทันหันหรือเราเบรคบนพื้นถนนที่ล้อสัมผัสที่ไม่เหมือนกันเช่น ล้อด้านหนึ่งอยู่บนถนนแต่อีกข้างอยู่บนไหล่ทางหรือลูกรัง เมื่อเบรคแล้วตัวเซ็นเซอร์ที่ล้อนับรอบการหมุนของล้อได้ไม่เท่ากันเมื่อไหร่ระบบABS ก็จะเริ่มทำงานโดยล้อที่มีพื้นสัมผัสดีล้อก็จะมีความเร็วรอบที่มากกว่าล้อที่มีพื้นสัมผัสไม่ดี ระบบABS ก็จะปรับให้น้ำมันเบรคไปยังล้อที่มีความเร็วรอบมากกว่าน้อยลงเพื่อให้ล้อมีความสมดุลกันแต่เบรคจะไม่หยุดทันทีถ้าจะให้หยุดก็ต้องถอนเท้าแล้วเหยียบอีกครั้งนั้นแหละครับ และควรฝึกฝนใช้บ่อยๆ ไม่เช่นนั้นเราจะตกใจเมื่อระบบABS ทำงานแล้วรถยังไหลไปอีก ต้องรีบถอนเท่าแล้วเหยียบอีกครั้ง(เน้นมากตรงนี้) ส่วนอายุการใช้งานส่วนใหญ่ระบบเบรคABS จะไม่ค่อยเสียถ้าไม่ไปยุ่งกะเค้า แต่ถ้ามีไฟโชว์ให้ตรวจสอบที่เซ็นเซอร์ที่ล้อก็พอว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่หรือเปล่าส่วนใหญ่ที่ไฟโชว์มักเกินจากโคลนเข้าไปขวางที่หน้าเซนเซอร์เมื่อทำความสะอาจเสร็จแล้วก็ให้นำรถออกวิ่งไปตามปกติแล้วเบรคตามปกติไฟก็จะไม่โชว์แล้วมันจะรีเซ็ตตัวเองเมื่อทุกอย่างปกติ ตัวเซ็นเซอร์ก็จะเป็นแม่เหล็กไฟฟ้านะครับ ก็จะนับเฟืองที่เค้าติดเอาไว้บนเพลา เฟืองที่ว่าก็จะเป็นขั้วเหนือขั้วใต้สลับกันไป เฟืองนี้หน้ากลัวกว่าเซ็นเซอร์อีกระวังให้ดีตอนที่เราให้ช่างทำการซ่อมอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ติดกับเฟืองหรือต้องสัมผัสกับมันระวังอย่างให้หัก แตก บิ่น เป็นอันขาด และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไหล่เค้าแยกขายหรือเปล่า ถ้าไม่แยกต้องซื้อทั้งดุมละก็ปวดหัวไปข้างหนึ่งเลย
ก็คงจะพอเข้าใจกันคราวๆนะครับไม่ต้องรู้ลึกมากเดียวจะคิดเยอะไปกันใหญ่ทำตามที่บอกก็พอแล้วครับรับรองไม่เสียตังค์และมั่นใจใช้ได้เลย ขับรถกันปลอดภัยและเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 58.147.65.81 อังคาร, 22/5/2550 เวลา : 09:35 IP : 58.147.65.81

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 122530

คำตอบที่ 80
คุณหมีดำเนินขอถามเรื่องระบบน้ำมันครับว่าเวลาเราสตาร์รถรเครื่องติดแล้วประมาณ10วิแล้วรอบตกและเครื่องก็ดับพอสตาร์ใหม่แครื่องติดและทำถ้าจะดับอีกจะต้องหยีบคันเร่งช่วยจึงไม่ดับสักพักก็เป็นปรกติดีไม่เป็นไรอีกและพอเปลี่ยนมาใชระบบแก็สไม่เป็นอะไรแต่พอสลับเป็นน้ำมันก็ดับอีก ผมได้ลองใช้ระบบน้ำมันอย่างเดียวก็เป็นอย่างข้างต้นพี่หมีว่าหน้าจะเป็นที่กรองน้ำมันเบนซินหรือเป็นที่ปั้มติกในถังหรือเปลาครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก worawittct206 58.136.35.1 พุธ, 23/5/2550 เวลา : 09:24 IP : 58.136.35.1

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 122988

คำตอบที่ 81
คต 80 ติดแล้วดับ ต้องเร่งเครื่องเอาไว้
ต้องถามก่อนว่าติดตั้งแก๊สมาแล้วไฟเช็คเอ็นจิ่นโชว์หรือเปล่า ถ้าโชว์ก็ลองรีเซ็ตกล่องสักหน่อยแล้วลองดูใหม่ครับว่าหายหรือเปล่า(ถอดขั่วแบตขั่วลบออกนะครับทิ้งไว้สัก5นาที) แต่ถ้าไฟไม่โชว์หรือเคยลองรีเซ็ตแล้วยังเป็นเหมือนเดิม ลองจากง่ายไปหายากนะครับ เริ่มจากเปลี่ยนกรองเบ็นซินที่ใต้ท้องรถเสียก่อนแล้วลองดูใหม่ว่ายังมีอาการอีกไหม ถ้าหายก็จบ แต่ถ้าไม่หาย ลองเช็คดูว่าตอนที่เค้าติดตั้งแก๊สมาเค้าตัดระบบน้ำมันอย่างไร คือดูว่าเค้าตัดสายปั้มติ๊กหรือเปล่า ตัดสายหัวฉีดหรือไม่ ถ้าตัดอย่างหนึ่งอย่างใดเพียงอย่างเดียว ก็มีโอกาศชิ้นส่วนที่ไม่ตัดเสียหายได้เช่นถ้าตัดปั้มติ๊ก แล้วหัวฉีดไม่ตัดหัวฉีดก็จะทำงานตลอดตอนที่เราใช้แก๊สก็จะทำให้หัวฉีดตันด้วยเขม่าหรือชำรุดได้ หรือถ้าตัดหัวฉีดอย่างเดียวปั้มทำงานตลอดก็มีโอกาศเสียหายเหมือนกัน อีกกรณีที่พบบ่อยก็คือเวลาที่ช่างติดตั้งแก๊สใส่สวิทช์ ออโต้แก๊ส แต่ไม่ติดตั้งรีเลย์เพิ่มให้เราก็อาจเกิดการเสียหายที่สวิทช์ได้เหมือนกัน ลองให้ช่างที่เราติดตั้งแก๊สตรวจสอบดูสักหน่อยว่าไฟเดินไปหัวฉีดและปั้มติ๊กดีหรือเปล่า ก็มีสามจุดนี่และครับที่หน้าจะเป็นปัญหามากที่สุด เหมือนของ คุณ หมู สามชั้น เลยครับพอไปตรวจสอบที่ร้านติดตั้งแก๊สปรากฏว่าไฟไปเลี้ยงรีเลย์สายหัวฉีดไม่พอก็มีอาการอย่างที่เป็นนะครับ ลองไปให้ช่างเค้าเช็คหน่อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 222.123.113.142 พุธ, 23/5/2550 เวลา : 13:28 IP : 222.123.113.142

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123025

คำตอบที่ 82
คต 80 ติดแล้วดับ ต้องเร่งเครื่องเอาไว้
ต้องถามก่อนว่าติดตั้งแก๊สมาแล้วไฟเช็คเอ็นจิ่นโชว์หรือเปล่า ถ้าโชว์ก็ลองรีเซ็ตกล่องสักหน่อยแล้วลองดูใหม่ครับว่าหายหรือเปล่า(ถอดขั่วแบตขั่วลบออกนะครับทิ้งไว้สัก5นาที) แต่ถ้าไฟไม่โชว์หรือเคยลองรีเซ็ตแล้วยังเป็นเหมือนเดิม ลองจากง่ายไปหายากนะครับ เริ่มจากเปลี่ยนกรองเบ็นซินที่ใต้ท้องรถเสียก่อนแล้วลองดูใหม่ว่ายังมีอาการอีกไหม ถ้าหายก็จบ แต่ถ้าไม่หาย ลองเช็คดูว่าตอนที่เค้าติดตั้งแก๊สมาเค้าตัดระบบน้ำมันอย่างไร คือดูว่าเค้าตัดสายปั้มติ๊กหรือเปล่า ตัดสายหัวฉีดหรือไม่ ถ้าตัดอย่างหนึ่งอย่างใดเพียงอย่างเดียว ก็มีโอกาศชิ้นส่วนที่ไม่ตัดเสียหายได้เช่นถ้าตัดปั้มติ๊ก แล้วหัวฉีดไม่ตัดหัวฉีดก็จะทำงานตลอดตอนที่เราใช้แก๊สก็จะทำให้หัวฉีดตันด้วยเขม่าหรือชำรุดได้ หรือถ้าตัดหัวฉีดอย่างเดียวปั้มทำงานตลอดก็มีโอกาศเสียหายเหมือนกัน อีกกรณีที่พบบ่อยก็คือเวลาที่ช่างติดตั้งแก๊สใส่สวิทช์ ออโต้แก๊ส แต่ไม่ติดตั้งรีเลย์เพิ่มให้เราก็อาจเกิดการเสียหายที่สวิทช์ได้เหมือนกัน ลองให้ช่างที่เราติดตั้งแก๊สตรวจสอบดูสักหน่อยว่าไฟเดินไปหัวฉีดและปั้มติ๊กดีหรือเปล่า ก็มีสามจุดนี่และครับที่หน้าจะเป็นปัญหามากที่สุด เหมือนของ คุณ หมู สามชั้น เลยครับพอไปตรวจสอบที่ร้านติดตั้งแก๊สปรากฏว่าไฟไปเลี้ยงรีเลย์สายหัวฉีดไม่พอก็มีอาการอย่างที่เป็นนะครับ ลองไปให้ช่างเค้าเช็คหน่อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 222.123.113.142 พุธ, 23/5/2550 เวลา : 13:28 IP : 222.123.113.142

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123025

คำตอบที่ 83
ค่าของไดชาร์ททรูปเปอร์
ก็เห็นมีอยู่หลายท่านเหมือนกันที่มีปัญหาในเรื่องของไดชาร์ท เป็นธรรมดารถ10ปีขึ้นไปแล้วก็ย่อมมีปัญหาแน่นอนเพียงแต่ว่าใครจะเกิดก่อนใครเท่านั้นเอง ก็เอาข้อมูลที่หน้าจะเป็นประโยชน์มาลงให้ดูกันเอาไว้ในการตรวจเช็คนะครับ
ค่าแอมป์(กระแส)ในการชาร์ทจะต้องอยู่ที่ 60 A โวล์ท 13 V ที่รอบเครื่องยนต์ 2000 รอบ/นาที ลองตรวจเช็คกันดูนะครับ ค่าที่ให้มานี้เป็นค่าที่กำหนดออกมาจากโรงงานนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 222.123.33.225 พฤหัสบดี, 24/5/2550 เวลา : 10:17 IP : 222.123.33.225

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123352

คำตอบที่ 84
วันนี้มาคุยเรื่องเก่าสักหน่อย น้ำหาย จากคราวที่แล้วก็ได้พูดถึงเรื่องฝาหม้อน้ำไปแล้ว คราวนี้ขอพูดถึงหม้อน้ำสักหน่อย หม้อน้ำมีหน้าที่เก็บน้ำในระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ไว้และระบายความร้อนจากน้ำที่ไปนำความร้อนจากเครื่องยนต์ออกจากน้ำ ดังนั้นเราจะเห็นส่วนสำคัญมีสองส่วนคือ อุปกรณ์กักเก็บและหลอดน้ำที่มีครีบไว้ระบายความร้อน หม้อน้ำในรถยนต์ทรูปเปอร์จะประกอบด้วยฝาบนและฝาล่างที่เป็นพลาสติกทนความร้อนสูง ส่วนหลอดน้ำที่มีครีบจะทำจากอลูมิเนียม ส่วนใหญ่รถที่สมาชิกซื้อกันมาใช้ก็จะมีอายุมากกันแล้วทั้งนั้น จุดที่เสียหายง่ายที่สุดก็จะเป็น ฝาบนและฝาล่าง เพราะพลาสติกหมดอายุก็จะเกิดรอยร้าวเล็กก่อนดังนั้นเราควรตรวจดูอย่างสม่ำเสมอว่ามีร่องรอยหรือเปล่าถ้ามีรีบแก้ไขเสีย และอีกจุดหนึ่งก็คือบริเวณตะเข็บฝาบนและฝาล่าง ถ้าเราสังเกตุจะเห็นอลูมิเนียมเป็นซี่เล็กพับขึ้นมายึดฝาหม้อน้ำบนและฝาหม้อน้ำล่างไว้ และป้องกันการรั่วด้วยซีลยาง อันนี้ก็หมดอายุเหมือนกันนะครับยางที่ป้องกันการรั่วระหว่างฝากับหลอดน้ำ ก็ต้องคอยสังเกตุอีกเหมือนกันนะครับ เพราะเมื่อรั่วแล้วน้ำออกได้แต่ไม่สามารถดูดกลับจากถังพักน้ำได้เพราะระบบหล่อเย็นไม่เป็นระบบปิดอีกแล้ว และส่วนสุดท้ายที่ระวังก็คือหลอดน้ำ สมาชิกจะสังเกตุได้ว่ามักไม่ค่อยมีใครมาบ่นเรื่องหลอดน้ำรั่วกันเลย ก็เพราะมันทนทานกว่าและไม่เป็นสนิม แต่ก็พุได้เพียงแต่ว่ามันพุช้ากว่าการแตกของฝาบนและล่างที่เป็นพลาติกนะครับ และสิ่งที่ช่วยให้เราสังเกตุเห็นการรั่วได้ง่ายก็คือน้ำยาหม้อน้ำนะครับเพราะมันจะมีสีและเวลาแห้งจะทิ้งคราบไว้รวมทั้งยังมีกลิ่นซึ่งจะช่วยให้เราได้กลิ่นเมื่อมีน้ำรั่วออกมา ดังนั้นก็ควรหาเติมและเปลี่ยนถ่ายกันปีละครั้งนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 125.26.39.155 พฤหัสบดี, 24/5/2550 เวลา : 21:29 IP : 125.26.39.155

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123494

คำตอบที่ 86
คต 84
1.วัดรอบเครื่องยนต์ไม่นิ่ง ให้สังเกตุดูด้วยว่าเครื่องยนต์เราเดินเรียบนิ่งดีหรือไม่ หรือถ้าไม่แน่ใจก็คงต้องใช้เครื่องมือจับวัดรอบเครื่องยนต์ต่างหากอีกเครื่องแล้วดูว่ามันนิ่งหรือเปล่า เพราะเกจวัดรอบปกติไม่ค่อยเสียครับ น่าจะเป็นจากเครื่องยนต์เราไม่นิ่งมากกว่า
2.การทำความสะอาดหัวฉีด ดีครับถ้าทำได้ แต่จะให้ผลในการที่เครื่องยนต์เดินเรียบนิ่งมากกว่า ที่จะได้กำลังแรงม้าเพิ่มมากขึ้น เพราะการล้างหัวฉีดเครื่องยนต์เบ็นซินเป็นการทำความสะอาดเขม่าที่จับอยู่บริเวณรูของหัวฉีดซึ่งจะส่งผลให้น้ำมันที่ฉีดออกไปไม่เป็นละอองเท่าที่ควร เดียวนี้มีร้านรับล้างโดยไม่ต้องถอดหัวฉีดก็มีครับ ได้ผลเหมือนกับการถอดออกไปล้าง และดูจะประหยัดเวลากว่า ลองหาดูนะครับในกรุงเทพ หรือตามจังหวัดใหญ่ๆจะมี ส่วนเรื่องราคาคงต้องถามกันเองนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 222.123.33.151 ศุกร์, 25/5/2550 เวลา : 08:59 IP : 222.123.33.151

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123539

คำตอบที่ 88
วันนี้ต่อเรื่องน้ำหายอีกนะครับ จากที่ได้บอกไปสองจุดไปแล้ว จากนี้ไปก็ท่อยางหม้อน้ำทั้งหมดไม่ใช่ที่หม้อน้ำอย่างเดียวนะครับ ทุกเส้นที่เป็นท่อยางน้ำและท่อยางที่ส่วนใหญ่สมาชิกจะไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควรเพราะมันถูกบังอยู่ ก็ท่อน้ำฮีตเตอร์และก็ท่อน้ำที่ไปอุ่นบริเวณลิ้นปีกผีเสื้อนะครับ ดังนั้นเมื่อตัดสิ้นใจที่จะเปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำกันแล้วก็ควรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจริง ทั้งที่อยู่ที่หม้อน้ำและที่เครื่องยนต์ด้วย เกือบลืม บริเวณกรองเครื่องถ้าจำไม่ผิดจะมีท่อยางหม้อสำหรับออย์ลคูลเลอร์อยู่ด้วยนะครับ สรุปว่าดูให้ทั่วแล้วเปลี่ยนให้หมดเป็นดีที่สุดครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 222.123.33.151 ศุกร์, 25/5/2550 เวลา : 11:40 IP : 222.123.33.151

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123564

คำตอบที่ 90
ข้อนี้สำหรับผู้ที่กำลังจะเข้ามาเป็นสมาชิกทรูเปอร์ หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจในการซื้อทรูปเปอร์นะครับ ก็มีข้อแนะนำในการซื้อหามาใช้กันพอสังเขปนะครับ ก่อนอื่นต้องเราที่มาของรถรุ่นนี้ก่อน รถรุ่นนี้เอามาในเมืองไทยนานแล้วแต่เราไม่ค่อยได้เห็นมีตั้งแต่เครื่อง 1600 ซีซีเบ็นซินทุกคนคิดว่ามันจะวิ่งไหวได้ไง เริ่มต้นจริงๆรูปร่างไม่ใหญ่โตขนาดนี้หรอกนะครับก็เป็นรถแวนย่อมๆแต่ใหญ่กว่าแวนเล็กน้อย ก็หาดูได้ยากนะครับ ส่วนใหญ่ก็นำเข้ามาในลักษณะของรถราชการ และเริ่มที่จะรู้จักกันมากขึ้นก็รุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ ดีเซล 2.8 เทอร์โบนะครับ แต่ก็ยังไม่จำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพียงแต่นำมาให้สำนักราชวังใช้ ผมเองก็เห็นไม่กี่ครั้ง รูปทรงก็คล้าย จี๊ปเชอรากี นะครับ เหลี่ยมๆเล็กๆ และก็เอาเข้ามาจำหน่ายจริงๆก็ รุ่น 94 นะครับ และก็ขายดีที่สุดก็ต้อง รุ่นปี 96 และก็จะมีกระจายไปทั่วประเทศเลยทีเดียว เพราะเมื่อก่อน อีซูซุ บังคับให้ดีลเลอร์ซื้อไปไว้ใช้งานอย่างน้อย ดีลเลอร์ละ 1 คัน และในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงที่เมืองไทยเศรษฐกิจดีมากๆ แล้วก็มีการนำเข้ากันมาเองในรุ่นดีเซล 2.8 4JG2 แต่ไม่มากนัก สุดท้ายที่นำเข้ามาก็ปี 2001 มี 2รุ่น คือ เบ็นซิน 3.2 6VD1 และ ดีเซล 3.0 4JX1 เราแทบจะไม่ได้เห็นเลยในรุ่นดีเซลเพราะนำไปให้ลูกค้าทดลองแล้วไม่เป็นที่พอใจซักเท่าไหร่เลยทำตลาดไม่ได้แล้วประจวบกับมีรถยี่ห้ออื่นๆที่เป็นรุ่นคล้ายกันมีคุณสมบัติอาจจะดีกว่าก็เลยไม่ติดตลาด จะเห็นได้ว่ามีวิ่งกันไม่มากนัก ในรุ่นปี 2001 ดังนั้นผู้ที่จะซื้อกันก็จะเป็นรุ่นปี 94 หรือ 96 เสียส่วนใหญ่ ดังนั้นรถก็จะมีอายุประมาณ 11-13 ปี แต่รุ่นที่เล่นกันจริงๆจะเป็น ปี 96 ก็ 11 ปีมาแล้วที่รุ่นนี้เกิดขึ้นมา ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็ดูง่ายๆ นะครับ ถ้าเป็น สี ทอง เบาะหนังส่วนใหญ่จะเป็นรถ ดีลเลอร์ ที่เมื่อก่อนโดนบังคับซื้อ แล้วก็ขายออกมา ก็ดูที่เบาะกันนะครับง่ายดีเพราะรุ่นสีทองส่วนใหญ่จะเป็นเบาะหนัง ดูว่าเบาะหนังมีรอยหรือชำรุดมากไหมเพราะส่วนใหญ่ถ้าใช้มาก ก็จะแตกรายงา และในรุ่นปี 96 ถ้าจำไม่ผิดจะไม่มีสีขาว นอกจากรุ่น ปี 2001 นะครับ รุ่นปี96 ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นสีทูโทน ทองทูโทน แดงทูโทน เขียวทูโทน แล้วก็น้ำเงินทูโทน แล้วก็เท่าทูโทน ถ้าจำไม่ผิดนะครับ และรถรุ่นนีส่วนใหญ่วิ่งกันไม่มากเนื่องจากบริโภค เชื้อเพลิงสู้มากๆ ไม่ว่าน้ำมันจะถูกหรือแพง ก็มีความรู้สึกว่าเปลืองกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้เราสามารถที่จะใช้แก๊สกันได้แล้วก็สบายกันไป เรื่องรอยชนก็ธรรมดามีกันบ้าง ก็ดูร่องรอยกันหน่อย แล้วก็ลองขับกันดู ชอบใจอย่าคิดมากซื้อเลย อะไหล่ยังเพียบหาได้ทั้งใหม่และเก่า ใครที่ยังกล้าๆกลัวๆก็ลุยเลยครับสนับสนุนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หมี ดำเนิน 125.26.40.46 ศุกร์, 25/5/2550 เวลา : 21:06 IP : 125.26.40.46

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 123635

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 3 จาก >>> 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11