WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


แวะวัดมังกรบุปผาราม เลยไปน้ำตกพลิ้ว ใก้ลๆ กันครับ
จังโก้ป่า3
จาก จังโก้ป่า3
IP:124.121.231.210

พฤหัสบดีที่ , 13/9/2555
เวลา : 10:34

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ไปเที่ยวจันทบุรี มีโอกาสแวะเก็บภาพวัดจีน ที่เหมือนกันวัดในกรุงเทพ ยังไม่เคยแวะสักที มาคราวนี้เลยจัดไปซะหน่อย ก่อนเข้าไปเที่ยวน้ำตกพลิ้วกันครับ








ซาหวัดดีครับ..น้าจังโก้ เยี่ยมเลยครับขอตามไปพลิ้วด้วยคนนะคร๊าบบบบ
จาก : ไม้เรียว(ไม้เรียว) 13/9/2555 11:48:30 [27.55.1.146]
ขอบคุณครับน้า
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:38:19 [124.122.169.35]
วัด เค้า สวย อ่ะ
จาก : พังพลาย(bjaiting) 25/9/2555 8:41:44 [202.95.67.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
       วัดมังกรบุปผาราม มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า เล่งฮั้วยี่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520 มีพื้นที่จำนวน 8 ไร่เศษ เป็นวัดในพุทธศาสนา มหายานฝ่ายจีนนิกาย มีประวัติเกี่ยวข้องกับ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง) ปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) กรุงเทพฯ และวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) จังหวัดฉะเชิงเทรา

ในแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ท่านพระอาจารย์สกเห็งเป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ท่านได้ยินกิตติศัพท์ว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง พระพุทธศาสนาจึงเดินทางเข้ามาเพื่อนมัสการปูชนียสถานในประเทศไทย เมื่อแรกที่ท่านเข้ามานั้นได้จำพรรษาอยู่ ณ วิหารพระกวนอิมข้างวัดกุศลสมาคร ชาวจีนในพระนครเห็นความเคร่งครัดในศิลาจารวัตรก็พากันเลื่อมใสจึงชวนกันเรี่ยไรเงินบูรณะเป็นอารามฝ่ายจีนนิกายชื่อ วัดย่งฮกยี่ ต่อมาได้รับพระราชทานนามวัดเป็นภาษาไทยว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต” จึงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จีนจำพรรษาตั้งแต่นั้นมา เมื่อมีพระสงฆ์จีนมากขึ้น





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:35  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145099

คำตอบที่ 2
       ฟังเพลงเย็นๆ สบายๆ ไปด้วยชมภาพไปด้วยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=5yRgiXh2fP4&feature=related



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:36  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145100

คำตอบที่ 3
       ท่านพระอาจารย์สกเห็งเห็นว่า ควรจักขยับขยายวัดฝ่ายจีนนิกายให้กว้างออกไป ท่านได้เลือกชัยภูมิแห่งหนึ่งตรงบริเวณถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบฯ สร้างอารามใหญ่ขึ้น ทั้งนี้โดยพระบรมราชูปถัมภ์และการช่วยเหลือของพุทธบริษัทไทย-จีน ได้ชื่อทางภาษาจีนว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” ต่อมาพระอาจารย์สกเห็งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามวัดเป็นภาษาไทยว่าวัดมังกรกมลาวาส

ต่อมาพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง) กับศิษย์ผู้หนึ่งชื่อ “พระกวยเล้ง” ได้ไปสร้างวัดเล่งฮกยี่ หรือ “วัดจีนประชาสโมสร” ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และท่านเตรียมจะสร้างวัดเล่งฮั้วยี่ หรือวัดมังกรบุปผาราม ที่จังหวัดจันทบุรี อีกแห่งหนึ่ง โดยท่านได้จาริกมาจำพรรษาที่นี่ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2417






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:37  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145101

คำตอบที่ 4
       ซึ่งต่อมาพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็ง) ได้นำคณะพุทธศาสนิกชนชาวจีนเข้ารับเสด็จ และกราบทูลรายงานการก่อสร้างวัด เมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินประพาสน้ำตกพลิ้ว ปีวอก พ.ศ. 2427 (มีปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันภาค 24 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองฝั่งทะเลตะวันออก)

แต่ต่อมาท่านพระอาจารย์สกเห็ง เกิดอาพาธถึงแก่มรณภาพเสียก่อน จึงเหลือแต่มงคลนามสำนักแห่งนี้ ซึ่งท่านได้ตั้งชื่อภาษาจีนว่า เล่งฮั้วยี่ ศิษย์ของท่าน คือ หลวงจีนคณาณัติจีนพรต (กวยล้ง) ได้ดำเนินการต่อ แต่ท่านพระอาจารย์กวยเล้ง ก็ได้มรณภาพลงเสียก่อน สำนักแห่งนี้จึงไม่สำเร็จตามโครงการที่วางไว้

หลังจากนั้นเป็นเวลา 80 ปีเศษ สำนักแห่งนี้รกร้างและมีหลักฐานเป็นที่ดินแปลงหนึ่งของธรณีสงฆ์ ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าน้ำตกพลิ้ว ด้วยเหตุที่การคมนาคมไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน และยังชุกชุมด้วยไข้ป่า ทางราชการสมัยนั้น จึงได้ยกธรณีสงฆ์แห่งนี้ถวายวัดเขตต์นาบุญญาราม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ในสังกัดอนัมนิกายปกครองรักษาสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันเหลือแต่มงคลนามของวัด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:38  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145102

คำตอบที่ 5
       จนประมาณปี พ.ศ. 2508 ได้มีพระเจตชฎา ฉายาเย็นฮ้วง ศิษย์ของท่านพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร(โพธิ์แจ้ง) อดีตเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย บังเกิดกุศลเจตนาที่จะสืบสานงานก่อสร้าง สำนักวัดมังกรบุปผาราม(เล่งฮั้วยี่) ให้สำเร็จตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ โดยท่านได้ปฏิบัติธรรมหาความวิเวกเดินตามแนวทางของท่านอาจารย์จีนนิกายในอดีต ณ บริเวณน้ำตกพลิ้ว อาศัยพุทธบารมีเป็นที่ตั้ง ด้วยความศรัทธามั่นคงของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดในการนำของอุบาสก-อุบาสิกา ได้แก่ 1.อึ้งชุงฮ้อกอี 2.จีนล่งเส็งอี 3.บ้วนแซอี 4.นายสำรอง จิตตสงวน 5.นายซ้อน ริผล จึงได้รวบรวมปัจจัย ทั้งด้านทุนทรัพย์และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและแรงงานเพื่อพระพุทธศาสนาได้จัดหาที่ดินแปลงหนึ่ง เป็นสถานที่ก่อสร้างวัดที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย มีความยินดีได้ร่วมแรงร่วมใจปฏิสังขรณ์ก่อสร้างวัดมังกรบุปผารามขึ้นใหม่ แต่ต่อมาพระเย็นฮ้วง มรณภาพลงด้วยไข้มาเลเรีย เมื่อ พ.ศ. 2518 พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร(โพธิ์แจ้ง) เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายในครั้งนั้น จึงได้มีบัญชามอบภารกิจให้ หลวงจีนคณาณัติจีนพรต(เย็นบุญ) เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร ได้ดูแลนำพุทธศาสนิกชนร่วมสนับสนุนจนการก่อสร้างวัดได้สำเร็จลง






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:40  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145105

คำตอบที่ 6
       ศิลปะสถาปัตยกรรมวัดมังกรบุปผาราม

สถาปัตยกรรมเป็นลักษณะผสมผสานระหว่างพุทธศิลป์ไทย-จีน ศิลปะแบบสถาปัตยกรรมจีนภาคใต้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:43  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145108

คำตอบที่ 7
       ถาวรวัตถุที่สำคัญ ๆ ของวัด

ด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูวัด สร้างด้วยศิลปะจีน ลานหน้าวัดด้านนอกเป็นลานโล่งมีสนามหญ้า มีหอแปดเหลี่ยมเคียงคู่กันสองหลัง ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคและหินขัด เป็นลดลายต่าง ๆ สวยงาม





ภาพนี้ อลังการ เลย
จาก : พังพลาย(bjaiting) 25/9/2555 8:42:17 [202.95.67.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:44  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145109

คำตอบที่ 8
       หอแปดเหลี่ยม หลังด้านซ้ายเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงจีนคณาณัติจีนพรต(เย็นบุญ) อดีตปลัดขวาจีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดมังกรบุปผาราม ท่านเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างวัดได้สำเร็จลง มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. 2526





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:45  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145111

คำตอบที่ 9
       หลังด้านขวาเป็นศาลาที่ระลึก พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ซึ่งเป็นผู้ได้อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดมังบุปผาราม

ด้านหน้าวัดเป็นวิหารท้าวจตุโลกบาล ด้านหน้าวิหารจารึกธารณีภาษาสันสกฤต อักษรสิทธัม ภายในประดิษฐานพระศรีอารยเมตไตรยโพธิสัตว์(หมี่เล็กผ่อสัก) พระโพธิ์สัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ด้านหลังเป็นพระสกันทโพธิสัตว์(อุ่ยท้อผ่อสัก) และท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่(ซี่ไต่เทียงอ้วง)






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:46  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145112

คำตอบที่ 10
       อุโบสถ เป็นรูปทรงจีนหลังคาซ้อน 3 ชั้น ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธานสามพระองค์ เมื่อเราหันหน้าสู่ภายในอุโบสถ คือองค์กลางพระศากยมุนีพุทธเจ้า(เซ็กเกียหม่อนี้ฮุก) องค์ซ้ายพระอมิตาภพุทธเจ้า (ออมีท้อฮุก) องค์ขวาพระไภษัชยคุรุ พุทธเจ้า(เอี๊ยะซือฮุก) พร้อมด้วยพระสาวกเบื้องซ้ายและขวา คือพระมหากัสสปเถระ(เกียเหี๊ยะจุนเจี้ย) และพระอานนท์(ออหนั่งท้อจุนเจี้ย) ด้านข้างประดิษฐานพระมัญชุศรีโพธิสัตว์(บุ่งซู่ผ่อสัก) ผู้เลิศด้วยมหาปัญญาประทับบนหลังสิงโต หมายถึงพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ทรงมีพระปัญญาคุณเลิศกว่าหมู่สรรพสัตว์ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์(โผวเฮี้ยงผ่อสัก) ผู้เลิศด้วยมหาจริยาประทับบนหลังช้างเผือกหกงา อันหมายถึงบารมีหก ที่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายบำเพ็ญ รูปเคารพทั้งหลายปิดทองคำเปลวเหลืองอร่ามประดิษฐานภายในซุ้มแบบจีนบนฐานชุกชี ภายในมีลวดลายไม้แกะสลักปิดทองแบบศิลปะจีนอย่างสวยงาม พื้นภายในเป็นหินขัดยอดหลังคาอุโบสถเป็นเจดีย์ พื้นอุโบสถด้านนอกเป็นหินขัดลายจีน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:47  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145113

คำตอบที่ 11
       ด้านหลังอุโบสถเป็นวิหารสุขาวดีตรีอารยะ ภายในประดิษฐานพระปฏิมาพระอมิตาภพุทธเจ้า องค์ศาสดาแห่งสุขาวดีโลกธาตุปัจฉิมทิศ พร้อมด้วยพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวงซีอิมผ่อสัก) และพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์(ไต่ซีจี่ผ่อสัก) มหาสาวกของพระองค์ แห่งสุขาวดีพุทธเกษตร จีงเรียกกันว่าพระตรีอารยะแห่งปัจฉิมทิศ(ไซฮึงชาเสี่ย) คือแดนสุขาวดีนั่นเอง ด้านข้างประดิษฐานรูปเหมือนพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร(สกเห็งมหาเถระ) ปฐมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย ผู้สถาปนาวัดมังกรบุปผาราม ในสมัยรัชกาลที่ 5 และรูปเหมือนพระอาจารย์เย็นฮ้วง ผู้พัฒนาวัดมังกรบุปผารามในสมัยต่อมา

นอกจากนี้ยังมี วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(กวนซีอิมผ่อสัก) ปางสหัสรหัตถ์สหัสรเนตร (พระกวนอิมปางพันมือพันตา) วิหารพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์(ตี่จั่งอ้วงผ่อสัก) วิหารบรรพบุรุษเป็นที่สาธุชนตั้งป้ายบูชาวิญญาณผู้ล่วงลับ และสถูปเจดีย์ทรงธิเบตที่บรรจุอัฐิบูรพาจารย์ด้านหลังวัด แวดล้อมด้วยหมู่กุฏิสงฆ์ โรงครัว โรงอาหาร ที่พักผู้ปฏิบัติธรรม เรียงรายอยู่โดยรอบอย่างเป็นระเบียบทางเดินภายในวัดส่วนใหญ่เป็นหินขัด

กิจกรรมประจำปี งานสัปดาห์ปฏิบัติธรรมภาวนาพระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า(ฮุกชิก) ซึ่งจะจัดขึ้นหลังตรุษจีน คือวันที่ 21 (จันทรคติจีน) และงานทอดกฐิน






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:49  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145115

คำตอบที่ 12
       ไปต่อกันที่น้ำตกพลิ้วกันนะครับ เลยไปนิดเดียว ปากทางเข้าอยู่ใกล้กันเลย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:50  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145117

คำตอบที่ 13
       ว่ากันว่า อนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือ "ทัชมาฮาล" ซึ่งเป็นสุสานแห่งความรักที่เจ้าชายชาห์ จะฮาน สร้างขึ้นเพื่อเก็บพระศพของพระนางมุมตัส มาฮาล พระชายา

ในประเทศไทยเองก็มีอนุสรณ์แห่งความรักระหว่างพระมหากษัตริย์และพระมเหสีเช่นกัน โดยเป็นความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี นั่นเอง

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ผู้เป็นมเหสีที่รักยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นพระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 กับสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ถวายตัวรับราชการในตำแหน่งพระราชชายาเจ้า เมื่อพระชนมายุได้เพียง 17 พรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ มีพระราชธิดาพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ฯ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่อยมา จนเมื่อเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นเมื่อมีการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมยังพระราชวังบางปะอิน เมืองพระนครศรีอยุธยา

การเดินทางนี้เป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งทรงตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน เสด็จประทับบนเรือพระที่นั่งกับพระราชธิดา โดยมีพระพี่เลี้ยงตามเสด็จด้วย

เมื่อเรือที่ประทับแล่นตามแม่น้ำเจ้าพระยาไปถึงตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก็เกิดอุบัติเหตุถูกเรือลำอื่นแล่นแซง อีกทั้งนายท้ายเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ เมาเหล้าขาดสติในการบังคับเรือ จึงทำให้เรือล่มลง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากเกรงกลัวกฎมณเฑียรบาลที่ว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายพระมเหสีมิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งโคตร





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:51  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145118

คำตอบที่ 14
       สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ที่กำลังทรงพระครรภ์ พร้อมด้วยพระราชธิดาอายุเพียง 1 พรรษาเศษ จึงสิ้นพระชนม์ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเหตุให้ประชาชนเรียกพระองค์ว่า "พระนางเรือล่ม" ในเวลาต่อมา

ความรักและความอาลัยในตัวสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ นี้ ทำให้พระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโศกสลดถึงที่สุด และได้ทรงสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นหลายแห่งตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระมเหสีอันเป็นที่รักของพระองค์

สถานที่แรกที่จะกล่าวถึงนี้ แม้ไม่ได้เป็นอนุสรณ์ที่รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้น แต่ก็ถือเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมาก นั่นก็คือ “ศาลสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ศาลพระนางเรือล่ม” ศาลแห่งนี้ตั้งอยู่ที่วัดกู้ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเดิมทีนั้น วัดกู้มีชื่อว่าวัดหลังสวน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งล่ม และได้มีการกู้พระศพและซากเรือขึ้นที่วัดนี้ คนทั่วไปจึงเรียกวัดนี้ว่าวัดกู้ตั้งแต่นั้นมา

ณ บริเวณที่เรือพระที่นั่งของล่มลงนี้ ชาวบ้านจึงร่วมใจช่วยกันตั้งศาลพระนางเรือล่มขึ้น โดยศาลพระนางเรือล่มที่วัดกู้นี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ศาล คือที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง และสร้างขึ้นใหม่ในบริเวณวัดอีกแห่งหนึ่ง ภายในศาลซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำนี้ ภายในมีพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และรัชกาลที่ 5 มีดอกไม้และพวงมาลัยที่มีผู้นำมาบูชา อีกทั้งยังมีชุดไทยที่มีคนนำมาถวายอีกด้วย ซึ่งชุดไทยที่อยู่ในตู้กระจกด้านหน้านั้นเป็นชุดที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ทรงนำมาถวาย

ส่วนอีกศาลหนึ่งที่อยู่ในบริเวณวัดนั้น ภายในมีพระรูปของพระนางเรือล่มอยู่ และนอกจากนั้นก็ยังมีศาลาที่เก็บเรือเก่าแก่ลำหนึ่ง กล่าวกันว่าเป็นเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์อีกด้วย

สำหรับ "อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์" ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นนั้น ก็มีอยู่ที่พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยหลังจากที่รัชกาลที่ 5 ได้มีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระนางเจ้าฯ และพระราชธิดาแล้ว ก็ได้ทรงโปรดฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์หินอ่อนขึ้นเพื่อเป็นที่รำลึกถึงด้วยความอาลัยรัก พร้อมทั้งจารึกคำไว้อาลัยที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นด้วยพระองค์เอง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไว้ที่อนุสาวรีย์นั้นด้วย โดยมีข้อความอาลัยลึกซึ้งว่า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:52  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145119

คำตอบที่ 15
       "ที่รฤกถึงความรัก แห่งสมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชาเทวีอรรคมเหษี อันเสด็จทิวงคตแล้ว ซึ่งเธอเคยมาอยู่ในสวนนี้ โดยมีความศุขสบายและเป็นที่เบิกบานใจ พร้อมด้วยผู้ซึ่งเป็นที่รัก แลที่สนิทยิ่งของเธอ อนุสาวรีย์นี้ สร้างขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์ บรมราช ผู้เป็นสวามี อันได้รับความเศร้าโศกเพราะความทุกข์อันแรงกล้าในเวลานั้น แทบจะถึงแก่ชีวิต ถึงกระนั้นก็ยังมิได้หักหาย"

ส่วนที่จังหวัดจันทบุรี ก็มีอนุสาวรีย์แห่งความรักนี้เช่นกัน โดย "สถูปพระนางเรือล่ม" นี้ ตั้งอยู่ที่น้ำตกพลิ้ว ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงโปรด หลังจากที่เคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วเมื่อปี พ.ศ.2417

อนุสาวรีย์แห่งนี้มีลักษณะที่แปลกแตกต่างจากอนุสาวรีย์อื่นๆ ตรงที่เป็นสถูปทรงปิรามิด ที่ภายในบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ ไว้ โดยเหตุที่สร้างสถูปเป็นรูปทรงนี้ก็มาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 ที่ว่า “ทำเป็นรูปอื่นอาจไม่คงทนถาวร เพราะตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร อันไม่มีผู้ดูแล ฉะนั้น เมื่อปิรามิดของอียิปต์ยืนยงคงทนอยู่ได้ฉันใด ปิรามิดน้อยนี้ก็จะยืนยงคงทนอยู่เช่นกัน ณ ท่ามกลางป่าเขาและเสียงไหลรินของธารพลิ้ว”

ในกรุงเทพมหานครเองก็มีอนุสรณ์ที่รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเช่นกัน โดย "อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์" นั้น ตั้งอยู่ภายในสวนสราญรมย์ สวนสาธารณะภายในเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นพระราชอุทยานของพระราชวังสราญรมย์ พระราชวังที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น

สำหรับตัวอนุสาวรีย์นั้น สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2426 ณ บริเวณที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เคยทรงพระสำราญเมื่อครั้งยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ตัวอนุสาวรีย์ทำด้วยหินอ่อนสีขาวมียอดเป็นปรางค์เป็นที่บรรจุพระอัฐิและมีคำจารึกแสดงความทุกข์โทมนัสของพระองค์บนแผ่นหินอ่อน อนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นลั่นทมส่งกลิ่นหอมเย็น บรรยากาศสงบเป็นอย่างยิ่ง

และในสุสานหลวงของ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นสุสานหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศพระราชกุศลแก่พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา ตลอดจนพระราชโอรสธิดา และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็มี "สุนันทานุสาวรีย์" ซึ่งเป็นที่บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ บรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

สุนันทานุสาวรีย์นี้สร้างเป็นรูปแบบเจดีย์สีทอง โดยมีเจดีย์ที่มีลักษณะคล้ายกันอีก 3 องค์ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สว่างวัฒนา) สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (เสาวภาผ่องศรี) และสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี

แม้อนุสรณ์แห่งความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้นจะไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าทัชมาฮาล แต่ก็แสดงออกถึงความรักและอาลัยในพระราชหฤทัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี





ขลัง อ่ะ ขลัง
จาก : พังพลาย(bjaiting) 25/9/2555 8:42:42 [202.95.67.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:53  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145122

คำตอบที่ 16
       น้ำตกพลิ้วเป็นที่เที่ยวสำคัญในเขต อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:54  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145123

คำตอบที่ 17
       เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสน้ำตกนี้ ทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุด ในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยประพาส





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 10:55  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145124

คำตอบที่ 18
       บริเวณรอบน้ำตกมีอลงกรณ์เจดีย์และพีระมิดพระนางเรือล่มอันเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองจันท์ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:00  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145126

คำตอบที่ 19
       อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติ เขาสระบาป ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2518 และเปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2525





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:01  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145127

คำตอบที่ 20
       พื้นที่อยู่ในบริเวณเทือกเขาสระบาป ซึ่งมียอดสูงสุดคือยอดเขามาบหว้ากรอก สูง 924 ม. จากระดับน้ำทะเล ภายในอุทยานฯ พบร่องรอยของสัตว์ป่าสำคัญหลายชนิด เช่น เสือ หมี เลียงผา เก้ง นกนานาชนิด






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:02  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145128

คำตอบที่ 21
       พื้นที่จะค่อย ๆ ลาดลงทางทิศใต้ที่เป็นเขตชุมชน และเนื่องจากมีฝนตกชุกตลอดปี บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาให้แก่เขต อ.เมือง อ.แหลมสิงห์ และอ. ขลุง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:02  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145129

คำตอบที่ 22
       น้ำตกพลิ้ว ชื่อ "พลิ้ว" บางคนก็ว่ามากจากคำว่าพลิ้วหมายถึงสายน้ำตกที่พลิ้วสวยงาม บ้างก็ว่ามาจากชื่อของต้นพลิ้วที่ชอบขึ้นริมน้ำตก เป็นไม้เถาออกดอกเป็นช่อ ซึ่งทางอุทยานฯ นำมาปลูกไว้ในบริเวณใกล้กับที่ทำการ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:03  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145131

คำตอบที่ 23
       น้ำตกพลิ้วเกิดจากธารน้ำ 2 สาย สายหนึ่งต้นน้ำไหลลดหลั่นผ่านซอกหินลงมาเป็นทอด ๆ อีกสายหนึ่งเป็นธารน้ำขนาดเล็กกว่าสายแรก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:04  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145132

คำตอบที่ 24
       ทั้งสองสายทิ้งตัวมาบรรจบกันก่อนทิ้งตัวจากผาสูง 20 ม. ลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ น้ำใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:05  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145133

คำตอบที่ 25
       ก่อนถึงตกน้ำตกเป็นวังน้ำนิ่งที่ใสสะอาด มีฝูงปลาพลวงนับร้อยตัว นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลา ซึ่งทางอุทยานฯ อนุญาตเฉพาะอาหารที่เป็นพืชผักเท่านั้น

การเดินทาง
รถยนต์
การเดินททางจากกรุงเทพฯ - ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางหลัก 2 เส้นทาง คือ
1. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สายบางนา - ตราด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 347 เลี้ยวซ้ายประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว รวมระยะทางประมาณ 340 กิโลเมตร
2. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 317 แยกเข้าสู่ถนนสายบ้านบึง - แกลง เข้าจันทรบุรี (ตามถนนสายบางนา - ตราด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 347 เลี้ยวซ้ายประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว รวมระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตร
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี ประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองตราด ประมาณ 55 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

รถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีเอกมัย ไปจังหวัดจันทบุรี พอถึงจันทบุรีให้ขึ้นรถสองแถวที่บริเวณตลาด เพื่อไปยังน้ำตกพลิ้ว ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

ที่จอดรถ
เนื่องจากในพื้นที่โซนบริการ เป็นพื้นที่ลาดชัน ทำให้มีที่จอดรถให้บริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการบ้านพัก และพักกางเต็นท์เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ ทางอุทยานแห่งชาติขอความร่วมมือให้จอดรถภายนอกนอกเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นลานจอดรถของเอกชนโดยต้องเสียค่าบริการรับฝากรถ และหากนักท่องเที่ยวขับรถเลยขึ้นมาจอดรถบริเวณร้านค้าของเอกชน ทางร้านค้าจะให้ท่านจอดรถได้ฟรี แต่ท่านจะต้องซื้อของจากร้านนั้นๆ

ลากันไปด้วยภาพนี้นะครับ ขอบคุณพื้นที่เว็บดีๆ ของเรา และทุกท่านที่เข้ามาชมกัน แนะนำติชมได้ตามสบายเลยนะครับ อยากถ่ายภาพน้ำตกให้ได้สวยเหมือนน้าไม้เรียว เพิ่งเริ่งฝึกหัดนะครับ สวัสดีครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จังโก้ป่า3 จาก จังโก้ป่า3 124.121.231.210 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:08  IP : 124.121.231.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145135

คำตอบที่ 26
       ... ข้อมูลแน่นปึ๊กปั้ก รายละเอียดครบถ่วนถ่องแท้ ภาพสวยคมเข้ม ... ต้องขอบอกว่าบริแหร่ม คร๊าบบบ ....



ขอบคุณครับ
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:36:54 [124.122.169.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จันผา จาก จันผา 125.26.136.90 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 11:58  IP : 125.26.136.90   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145143

คำตอบที่ 27
       การท่องเที่ยวแห่งจังโก้ป่ามาเอง...อิอิอิ...สุดยอดเลยครับ ข้อมูลแน่นอย่างงี้สิครับ ถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูล ให้ได้ศึกษาการท่องเที่ยวโดยท่องแท้ ถือได้ว่ากระทู้แบบนี้เป็นกระทู้ที่ดี ถึงดีมากที่สุด ถึงจะเหมาะสมกับเว๊ปท่องเที่ยวและแค็มปิ้ง...

ขอตามไปลั่นล้า พลิ้วไหวดั่งสายน้ำด้วยคนนะกร๊าบบบบบบบบ



ขอบคุณครับน้า ไปเที่ยวด้วยกันเลย
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:37:15 [124.122.169.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไม้เรียว จาก ไม้เรียว 27.55.1.146 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 12:26  IP : 27.55.1.146   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145146

คำตอบที่ 28
       เนื้อหาดี ภาพสวยงาม สุดยอดคร๊าบบบบ (เอาไปห้าอีโป้ง)



ขอบคุณครับน้าโก๋ มาห้าโป้ง แหล่ม
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:37:30 [124.122.169.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

koni จาก โก๋ 56 115.87.144.178 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 17:42  IP : 115.87.144.178   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145218

คำตอบที่ 29
       ขอบคุณที่นำภาพ สวยๆมาให้ชมครับ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลย ผ่าน บ่อยแต่ไม่มีเวลาแวะครับ รีบไปรีบกลับ



ขอบคุณครับน้าตู่ ปรกติก็ไม่ได้แวะเหมือนกัน ครั้งนี้ลองดู
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:37:54 [124.122.169.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

to2 จาก ตู่ โรดิโอ 61.90.64.214 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 18:17  IP : 61.90.64.214   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145228

คำตอบที่ 30
       ข้อมูลแน่น ภาพก็สวย สุดยอดครับ



ขอบคุณครับ
จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 14/9/2555 17:38:04 [124.122.169.35]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sittisja จาก นายโกโก้ 182.52.187.123 พฤหัสบดี, 13/9/2555 เวลา : 20:03  IP : 182.52.187.123   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 145264

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,27 เมษายน 2567 (Online 4429 คน)