คำตอบที่ 9
จะเลือกเต็นท์ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างไร
จะขึ้นอยู่กับกิจกรรมและฤดูที่ลูกค้าจะใช้
ขั้นตอนที่ 1 ให้ถามเรื่องลูกค้าจะนำเต็นท์ไปทำกิจกรรมอะไร โดยแบ่งออกเป็น
- กิจกรรมที่ต้องการเต็นท์ที่น้ำหนักเบาและขนาดเล็กเมื่อเก็บ คือ จักรยานทัวริ่ง, แบ็คแพ็กกิ้ง,คยัคทัวริ่ง กิจกรรมทั้งสามคือการเดินทางโดยการนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปด้วยการปั่นจักรยาน,แบกเป้,พายเรือ
- กิจกรรมที่ไม่ต้องการเต็นท์ที่น้ำหนักเบา คือกิจกรรมแค้มปิ่ง ,แค้มป์คาร์, ออฟโรด
ขั้นตอนที่ 2 นำไปใช้ในฤดูอะไร
- ทั้ง 3 ฤดู ควรใช้เต็นท์ที่มีฟลายชีตคลุมถึงพื้นทั้งหมดโดยจะไม่เห็นในส่วนที่เป็น ตัวเต็นท์และสามารถเปิดออกรับลมได้
- ฤดูหนาว ควรเลือกเต็นท์ที่มีฟลายชีตปิดคลุมเพื่อช่วยลดการเกิดหยดน้ำในเต็นท์
- ฤดูร้อน ควรเลือกรูปแบบเต็นท์ที่มีการระบายอากาศได้ดี (มีประตูหรือหน้าต่างหลายบาน)มีฟลายชีตหรือท็อปชีตก็ได้
- ฤดูฝนควรใช้เต็นท์ที่มีฟลายชีตคลุมถึงพื้นหรือเหมือนกับเต็นท์ที่ใช้ได้ทั้ง 3 ฤดู
ขั้นตอนที่ 3 จะใช้นอนกี่คน
- สามารถนอนตามขนาดที่กำหนดแต่ไม่ควรนอนในจำนวนที่มากที่สุด คือ เต็นท์นอน 3 4 คน ควรนอน 3 คนและพื้นที่ที่เหลือเป็นที่เก็บสิ่งของอย่างอื่น (ขนาดพื้นที่ในการนอนและคนประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร )
- ข้อยกเว้น ในขั้นตอนที่ 1 ข้อแยกย่อยแรก กิจกรรมที่ต้องการเต็นท์น้ำหนักเบาและเล็ก ควรให้ที่มีขนาด 1 หรือ 2 คนนอนจะดีที่สุด
ขั้นตอนที่ 4 แนะนำการใช้ อายุการใช้งาน ลักษณะการใช้งานที่ดีที่สุด การดูแลรักษา
- ข้อมูลเฉพาะของเต็นท์แต่ละรุ่น
- อายุการใช้งาน รับประกันประมาณ 3-5 ปี สารที่เคลือบกันน้ำจะเริ่มหมดอายุ (แล้วแต่บริษัทผู้ผลิต)
- การดูแลรักษา ในส่วนที่เป็นผ้า ให้ล้างน้ำสะอาดหลังจากการใช้โดยนำมาผึ่งลมให้แห้งหรือถ้าไม่มีเวลาทำความสะอาด ควรทำให้เต็นท์แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
- ควรเก็บในพื้นที่แห้งและมีอากาศไหลเวียน ไม่ควรเก็บในที่มีอากาศร้อน
ขั้นตอนที่ 5 ความรู้เรื่องสินค้าที่เป็นส่วนประกอบกัน
- การนอนกลางแจ้งให้หลับสบายนั้นต้องมีอุปกรณ์อื่นร่วมด้วย โดยจะแบ่งหน้าที่กัน โดยเต็นท์จะทำหน้าที่ป้องกันลม แมลง สัตว์ และน้ำ แต่ที่พื้นนั้นจะต้องใช้ แผ่นรองนอน เพื่อช่วยปรับพื้นที่ที่ขรุขระ ป้องกันความเย็น และน้ำ ในอีกส่วนที่สำคัญก็คือ ถุงนอน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ผู้ที่นอนหลับสบายได้ตลอดที่คืน
- ส่วนประกอบอีกเล็กน้อยที่สำคัญ ก็คือ ควรมีไฟฉายและน้ำอยู่ใกล้ ๆตัว
จะเลือกถุงนอนให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างไร
ขั้นตอนที่ 1 นำไปใช้ในอุณหภูมิที่เท่าไร
ถุงนอนในยุคปัจจุบันจะกำหนดการใช้ในอุณหภูมิไว้ 3 ค่า ควรเลือกค่าที่บอกว่า นอนสบาย (Comfort) ในบางที ถ้าอุณหภูมิลดลงถุงนอนก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้นอนได้แต่จะเย็นขึ้นเล็กน้อย ในป้ายบอกว่า +22 องศาเซลเซียส หมายความว่า ถุงนอนที่ใช้ในอากาศภายนอก ที่ 22 องศาเซลเซียส ผู้ใช้จะนอนอุ่นสบาย ณหภูมิในป่าปรกติจะอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียสในพื้นที่ ๆ ที่มีภูเขาและมีต้นไม้มากอุณหภูมิจะต่ำลงกว่านี้มากไม่เว้นแต่ในฤดูร้อน (ในเวลากลางคืน) การท่องเที่ยวในฤดูหนาวและในพื้นที่สูงโอกาสเสี่ยงกับอุณหภูมิที่ ต่ำ ตัวเลขเดียว(0-9 องศาเซลเซียส) มีสูง
การเลือกถุงนอน(ถ้าลูกค้าไม่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้) สามารถแบ่งได้เป็น
- ใช้ในฤดูร้อน ควรใช้ที่เป็นรูปแบบ สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งสามารถแผ่นออกเป็นผ้าห่มได้
- ใช้ใน 3 ฤดู อาจจะใช้ได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าและแบบมัมมี่
- ใช้ในฤดูหนาวและบนที่สูง ควรเป็นทรงมัมมี่เท่านั้น
ขั้นตอนที่ 2 ให้ถามเรื่องลูกค้าจะนำถุงนอนไปทำกิจกรรมอะไร โดยแบ่งออกเป็น
- กิจกรรมที่ต้องการเต็นท์ที่น้ำหนักเบาและขนาดเล็กเมื่อเก็บ คือ จักรยานทัวริ่ง, แบ็กแพ็กกิ้ง,คยัคทัวริ่ง กิจกรรมทั้งสามคือการเดินทางโดยการนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปด้วยการปั่นจักรยาน,แบกเป้,พายเรือ
- กิจกรรมที่ไม่ต้องการถุงนอนที่น้ำหนักเบา คือกิจกรรมแค้มปิ่ง แค้มป์คาร์
ขั้นตอนที่ 3 แนะนำการใช้ อายุการใช้งาน ลักษณะการใช้งานที่ดีที่สุด การดูแลรักษา
- ตามข้อมูลเฉพาะของถุงนอนแต่ละรุ่น
- อายุการใช้งาน อยู่ที่การเก็บและทำความสะอาด
- การเก็บถุงนอนเมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ๆ ควรนำออกมาจากถุงแล้วแขวนโดยไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งถูกพับหรือกดทับ
- การดูแลรักษา การทำความสะอาดจะทำให้ฉนวนหลุดออกจากตัวถุงนอนหรือเสียหาย ดังนั้นควรทำความสะอาดให้น้อยครั้งที่สุด
1.1 แบบฉนวนเป็นเส้นใยสังเคราะห์ สามารถซักในเครื่องซักผ้าได้ แต่ไม่ควรอบแห้ง นำออกมาผึ่งลมให้แห้งโดยไม่ให้โดนแดด
1.2 แบบฉนวนใยธรรมชาติ (ขนเป็ด) นำน้ำสะอาดละลายกับน้ำยาทำความสะอาดถุงนอน(ไม่มีใช้
แชมพูได้) นำถุงนอนกดลงในน้ำที่อยู่ในอ่างน้ำ ห้ามขีดหรือขยี้ เมื่อน้ำเปลี่ยมสีควรให้น้ำผสมน้ำยาใหม่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด นำออกมาผึ่งกับตะแกรงในแนวนอนในที่ร่ม ห้ามว่างกลางแดด ทุก 30 นาทีให้เอามือเขี่ยให้ขนเป็นที่เกาะเป็นก้อนแตกออกทำอย่างนี้เลย ๆ (ทุก ๆ 30 นาที)จนกว่าเป็นจะแห้ง ซึ่งอาจจะกินเวลาประมาณ 3-4 วัน
ขั้นตอนที่ 4 ความรู้เรื่องสินค้าที่เป็นส่วนประกอบกัน
- ถุงนอนอาศัยการฟูของเส้นใยเมื่อผู้ใช้ ใช้ด้านล่างจะถูกกดทับทำให้ฉนวนด้านล่างไม่เก็บความร้อน เมื่อต้องใช้ถุงนอนควรต้องใช้แผ่นรองนอนหรือวัสดุอื่นที่เป็นฉนวนมารองด้านล่าง
- การใช้ถุงนอนที่ถูกวิธีก็คือเข้าไปนอนถุงนอน แล้วรูดซิปปิด แต่ถ้านอนแล้วรู้สึกร้อนก็ให้รูดซิปออก แต่ถ้ายังรู้สึกว่าร้อนอีกก็ในเอาถุงนอนที่ปิดที่หน้าอกออกโดยที่ตัวยังอยู่ในถุงนอน และเมื่อรู้สึกว่าหนาวก็ให้รูดซิปปิด แต่ไม่ควรนอนโดยนำเอาถุงนอนมาห่มเหมือนผ้าห่ม
- ในเรื่องของซิปที่ต้องมี 2 ตัวเพราะผู้ใช้สามารถเปิดจากทางด้านลาง (ปลายเท้า) เอาเท้าอกมาได้
จะเลือกแผ่นรองนอนให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างไร
ข้อ1. แผ่นรองนอนทำหน้าที่อย่างไร
แผ่นรองนอน มีหน้าที่ เป็นฉนวนป้องกันความเย็นและน้ำจากพื้น
ข้อ2. ส่วนประกอบของแผ่นรองนอนเรียกว่าอะไรทำหน้าที่อย่างไร วัสดุที่นำมาใช้คืออะไร
- แผ่นรองนอนลม โดยการนำเอาผ้าใยสังเคราะห์เคลือบ 2 แผ่นมาประกบกันโดยด้านในจะเป็นโฟม และปิดทุกด้านโดยมีฝา เปิดปิดอยู่ด้านบน
- แผ่นรองนอนโฟม โดยคุณสมบัติของโฟมเป็นฉนวนกันความเย็น และน้ำ ดังนั้นผู้ผลิตจะกำหนดให้มีการสปริงตัวเมื่อมีการกดทับโดยต้องมีความนุ่มนวลอยู่ด้วย
ข้อ3.จะเลือกให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างไร
ขั้นตอนที่ 1 ให้ลูกค้าเลือกได้ตามที่ต้องการ โดยแผ่นรองนอนลม มีข้อดีสามารถพับได้เล็กขนาดกะทัดรัด จุดด้อย ต้องระวังในการรั่วโดยต้องดูพื้นที่ว่าง เป็นฉนวนน้อยกว่าแผ่นรองนนอนโฟม เป็นฉนวนอย่างดี แต่ไม่สามารถพับเก็บได้เล็กอย่างแผ่นรองนอนลม
ทำอย่างไรจึงอุ่นอยู่เสมอในอุณหภูมิเย็น
- คุณต้องทานอาหาร ก่อนที่คุณจะเผชิญกับความเย็น คุณต้องรับประทานอาหารและน้ำ
- สวมใส่เสื้อผ้า เริ่มจาก ชุดชั้นในที่ทำด้วยผ้าใยสังงเคราะห์ (Synthetic fabrics) ไม่ควรใช้ผ้าฝ้าย (cotton) เมื่อผ้าฝ้ายเปียกจะแห้งยากและเป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง และควรเลือกเสื้อผ้าที่เป็นชั้นเก็บความร้อนด้วย ผ้าฟรีซ (fleece) เครื่องนุ่งห่มที่บุด้วยขนเป็ด (down) เครื่องนุ่งห่มที่ทำจากขนสัตว์ (wool) ตัวอย่าง เครื่องนุ่งห่ม เช่น เอี้ยม, กางเกง, เสื้อกั๊ก, และอื่น ๆ). เสื้อชั้นนอก ควรเลือกเป็นผ้ากันลม(windproof) แต่ถ้าคุณจะต้องเจอกับฝนหรือหมอกก็ควรเลือกผ้าที่กันน้ำ และเมื่อสวมเครื่องนุ่งห่มที่กันน้ำ(waterproof) ควรปรับลดการเกิดไอน้ำจากการเคลื่อนไหวร่างกายโดยการเปิดเสื้อผ้าให้มีการระบายความชื้น นอกจากนี้ยังมีผ้าที่สามารถรายความชื้นภายในได้(waterproof/breathable) เช่น ผ้ากอร์เทกซ์(GORE TEX) และควรสวมหมวก, ผ้าพันคอ ,หน้ากากจะช่วยลดการเสียเสียความร้อนของร่างกายได้
- การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้เกิดความร้อน ควรออกกำลังกาย (warm up) เพื่อเป็นการวอร์มร่างกายให้พร้อมเผชิญกับความเย็น ถ้าคุณรู้สึกหนาวให้คุณเคลื่อนไหวร่างกาย และเข้าไปที่มีกำบังหรือจัดที่กำลังให้ป้องกันลมและความเย็นให้ดีขึ้น
การสวมเครื่องนุ่งห่มเพื่อป้องกันความเย็น (Dressing for the Cold)
การแบ่งการสวมเครื่องนุ่งห่มเป็นลำดับชั้น(Layering) โดยทั่วไป การทำกิจกรรมในภูมิอากาศหนาวเย็น ร่างกายของเราจะสูญเสียความร้อนไปกับสภาพแวดล้อม จึงต้องใช้เครื่องนุ่งห่มเพื่อการป้องกันการสูญเสียความร้อนเป็นชั้น ๆ เพื่อการเก็บความร้อน ระบบการสวมใส่เครื่องนุ่งห่มควรเลือกที่สวมใส่และถอดได้เร็วและง่ายเพื่อป้องกันการเปียกชื้นจากเหงื่อ เครื่องนุ่งห่มกันหนาวแบบบางและสวมหลายชั้นจะมีประโยชน์มากกว่าการสวมเสื้อกันหนาวแบบหนาชั้นเดียว
1. เครื่องนุ่งห่มชั้นในแบบยาว (Long Underwear) เป็นสิ่งแรกที่คุณควรเลือกเสื้อชั้นในแบบยาว ควรเลือกแบบอุ่นสบายแนบเนื้อและไม่ดูดซับ เครื่องนุ่งห่มนี้จะทำให้ผิวหนังแห้ง ผ้าใยสังเคราะห์ (Synthetic fabrics) ที่เป็นโพลีโพรไพลีน (polypropylene) เป็นวัสดุดีที่สุด ส่วน ผ้าขนสัตว์ (wool) และผ้าไหม (silk) เป็นวัสดุที่ดีที่สุดในส่วนของผ้าใยธรรมชาติ (natural fibers) ส่วนผ้าฝ้าย (Cotton) เป็นทางเลือกที่แย่ที่สุดเพราะเป็นวัสดุที่ซับน้ำและอมน้ำ ซึ่งเครื่องนุ่งห่มนี้ที่อยู่ติดกับผิวหนังจึงทำให้คุณรู้สึกหนาว
2. ลำดับชั้นเครื่องนุ่งห่มชั้นกลาง (Mid Layers) เป็นชั้นที่สำคัญ เพราะว่าจะเป็นส่วนที่ดูดซับเหงื่อจากเครื่องนุ่งห่มชั้นในและนำออกไปภายนอกโดยการระเหย และผ้าใยสังเคราะห์เป็นวัสดุที่ดีที่สุดและผ้าขนสัตว์เป็นวัสดุทดแทนที่ดี เช่น เสื้อเชิ้ต, เสื้อสเวตเตอร์, กางเกง เป็นเครื่องนุ่งห่มที่ดีในการเดินทาง เครื่องนุ่งห่มชั้นกลางทำหน้าที่ ปิดกันการไหลเวียนของลมและเก็บกักลมซึ่งจะทำให้ร่างกายอบอุ่น
3. ลำดับชั้นเครื่องนุ่งห่มชั้นเก็บความร้อน (Insulation Layer) ความหนาเป็นกุญแจสู่ความอบอุ่นโดยส่วนมากจะวัดวัสดุจากความหนาเป็นนิ้ว ซึ่งเรียกว่า ลอฟท์ (loft) วัสดุจากธรรมชาติ ขนเป็ด(Down) วัสดุจากใยสังเคราะห์ โพลาร์การ์ด (Polar guard) โอโลฟิลล์(Holofill) ทินซูเลท (Thinsulate) ไพรมาลอฟท์ (Primaloft) เป็นเครื่องหมายที่ใช้สำหรับเครื่องนุ่งห่มที่เป็นชั้นเก็บความร้อน สำหรับ ขนเป็ดถ้าใช้ในสถานที่เปียกชื้นหรือเปียกชื้นจะไม่สามารถเก็บความร้อนได้และใช้เวลานานในการทำให้แห้ง ส่วนใยสังเคราะห์เป็นทางเลือกที่ดีในการสวมใส่ในพื้นที่เปียกชื้น
4. ลำดับชั้นเครื่องนุ่งห่มชั้นป้องกันจากสภาวะแวดล้อมภายนอก (Shell Layer) เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องเลือกใช้เสื้อผ้าที่ป้องกันลม (windproof) ในสภาวะแวดล้อมที่หนาวและแห้ง เพราะว่าลมจะเป็นตัวพัดเอาความร้อนที่อยู่ในชั้นเครื่องนุ่งห่มที่เก็บความร้อน (Insulation Layer) ออกไปจึงทำให้เครื่องนุ่งห่มนั้นไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ แต่ถ้าในภูมิอากาศหนาวและเปียกชื้นควรเลือกเครื่องนุ่งห่มที่สามารถป้องกันน้ำและระบายความชื้นได้ (waterproof/breathable)
อุปกรณ์เพิ่มเติมที่ใช้กับเครื่องนุ่งห่มสำหรับใช้ในอากาศเย็น
ควรจำไว้ว่าอวัยวะที่สำคัญไม่แพ้ส่วนกลางของร่างกายคือ ศีรษะ, คอ และส่วนปลายสุดของร่างกาย (มือและเท้า) ต้องถูกปกคลุมด้วยเครื่องนุ่งห่มที่ป้องกันความเย็น ถ้าอากาศที่เย็นมากถุงมือควรเป็นถุงมือแบบรวมนิ้ว