คำตอบที่ 6
ผมเคยไปที่นั่นตั้งแต่เป็นลูกเสือเมื่อประมาณปี๓๐นู่นแน่ะตอนนั้นไม่มีอะไรเลยครับสดมากๆถ้าไปหน้าฝนล้อนี่ต้องพันโซ่เลย สุดยอด!!ข้างในมีสำนักสงฆ์ มักมีพระมาสรงน้ำอุ่นๆในตอนกลางคืน โดยใช้ระบบประปาภูเขาต่อท่อลงมาจากตัวน้ำพุร้อน มีห้องอาบน้ำอุ่นเพียงห้องเดียวสำหรับผู้หญิงเช่นกัน มีทางเดินป่า มีป่าใผ่ที่คุณครูบอกว่าเป็นที่ฝังศพของชาวเขาเลยน้ำพุร้อนขึ้นไปไม่ไกล(จากลูกเสือกลายเป็นลูกแมวเลยครับท่านผู้ชม!!) เมื่อก่อนไม่มีบ้านพักครับมีแต่บ้านเจ้าหน้าที่ มีลานก่อกองไฟแยกจากลานกางเตนท์ ทางเดินก็ดิบๆแคบแบบทางเดินคนบ้านป่า อ้อ..มีลำธารตื้นๆน้ำอุ่นๆไหลผ่านระหว่างลานกับบ้านพักป่าไม้ด้วยครับ...ความเป็นธรรมชาตินี่สุดยอด แต่วันนี้ความเจริญเข้าถึงเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ถนนลาดยาง หนทางเดินเทปูน บ้านพักหรูหรา..ราคาแสนแพง จากลานอาบน้ำแร่กลายเป็นจากุชชี่ คิดถึงวันเก่าๆจริงๆครับ ไม่ได้ขวางความเจริญนะครับแค่สงสัยว่าธรรมชาติที่สวยงามอยู่แล้ว ทำไมหนอจึงไปดัดแปลงเสียมากมายอย่างนั้น กลัวว่าวันหนึ่งเมื่อที่นี่จากธรรมชาติกลายเป็นธรรมดาคนไม่มาไม่เหลียวแลก็จะชำรุดทรุดโทรมไปกลายเป็นซากธรรมชาติเหมือนหลายๆที่ที่ผ่านมา อีกมุมมองหนึ่งนะครับสำหรับการดัดแปลงธรรมชาติเพื่อความสะดวกสะบาย