คำตอบที่ 1
ก็ขอคารวะในความมีน้ำใจของคนไทยที่อยู่ในแนวหลังอย่างคุณ บลูเรงนอง แต่บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมประช่าชนต้องมาส่งของให้ทหารผู้ยากไร้ แทนที่พวกเราจะนำสิ่งของเหล่านั้นไปให้เด็กในถิ่นห่างไกล หรือกลุ่มคนที่ห่างไกล ซึ่งผมจะทำประจำทำมันคนเดียวนี่แหะ โดยการไปซื้อผ้าแบบยกกระสอบที่โรงเกลือ หรือขนมแบบยกลังที่แม็คโคร สาเหตุที่ผมต่อต้นการทำแบบนี้ก็เพราะ
1. ผมก็มีเป็นทหารอาชีพเหมือนกัน
2. ในหน่วยทหารต่าง ๆ ก็มี งป.ในด้านต่าง ๆ มากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ งป.เหล่านั้นโดนปู้ยี่ปู้ยำไปใช้ผิดประเภท
3. ภาษีที่ประชาชนทั้งประเทศเสียตามกฏหมาย ทั้งทางตรง,ทางอ้อม ส่วนหนึ่งก็ใช้เป็น งป.ทางทหารอยู่แล้ว
4. ถ้าพวกเราไปตามสถานที่ห่างไกล หรือภูมิประเทศที่สวยงาม ตามยอดเขา,เนินเขา ผมให้เดาได้เลยว่าเป็นของผู้เรืองอำนาจ หรือ เคยเรืองอำนาจใน
พื้นที่แถบนั้น คนชาวเราหมดสิทธิ์ครอบครอง และ คงไม่มีชาวเราคิดครองครอง
5. คนที่อายุครบ 60 ปี เคยมีอำนาจบ้านใหญ่อย่างกับวัด
คุณ บลูเรงนอง จะชวนผมไปทำบุญกับเด็กที่ใหน ผมเอาด้วยหมด ถ้าไปไม่ได้จะส่งของไปช่วย ผมต่อต้านมากกับวิธีแบบนี้ เวลาที่ผมอยู่ชายแดนแล้วมีคนเอาของไปแจกผมจะไม่ไปรับ(ยกเว้นสิ่งของพระราชทาน)เพราะผมถือว่าผมกินเงินเดือนจากภาษีแล้ว เสื้อผ้าเครื่องแบบที่สวมใส่ก็มาจากภาษี อาวุธก็มาจากภาษี บ้านพักก็มาจากภาษี สวัสดิการก็มาจากภาษี แล้วยังมาแสดงความน่าสงสารด้วยการรับของจากประชาชนเค้าอีก การปลดเปลื้องสิ่งขาดแคลนเหล่านั้นต้องมาจากนาย , จาก งป.ด้านพลาธิการ ,จาก งป.ด้านการส่งกำลังบำรุง
ผมนับถือในความมีน้ำใจของคนไทยที่สงสารทหารตามชายแดน หรือ จุดเสี่ยงภัย แต่การที่คนไทยทำแบบนั้น จะทำให้เงินในกระเป๋าของคนอีกกลุ่มมีมากขึ้นทั้งที่มันควรเป็นเงินที่ต้องนำมาใช้เพื่อการนี้
แค่ไปรษณีย์บัตรหนึ่งใบ , จม.หนึ่งฉบับที่เราเขียนไปให้กำลังใจทหารที่อยู่ตามฐานพวกเราก็ปลื้มแล้ว
ถ้าข้อความผมไม่ถูกใจใครก็ขอกราบขออภัยด้วย แต่ผมกำลังพูดความจริงที่คนไม่มอง