คำตอบที่ 1
29 ธ.ค. 48 (วันแรกของการเดินทาง)
ไปถึงหนองคายหกโมงเช้า ล้างหน้าล้างตา ทานข้าวเช้าทานกาแฟที่ท่ารถ
แล้วขนเป้ขึ้นรถไปที่ด่าน ตม.สะพานไทยลาว เช็คพาสปอร์ต ทำเรื่องผ่านแดน
แล้วนั่งรถข้ามไปฝั่งลาว
ขนสัมภาระขึ้นรถตู้ที่นัดไว้แล้ว เป็นรถตู้ฮุนไดของลาว พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย
เข้าเวียงจันทน์ แวะเก็บภาพที่ประตูชัยกับพระธาตุหลวง แล้วออกจากเวียงจันทน์มุ่งหน้าไปวังเวียง
ไปถึงแยกโพนโฮง จอดพักรถทานอาหารกลางวันกันที่นี่ก่อน เป็นร้านอาหารตามสั่ง หรือ เฝอ
(คล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำบ้านเรา ทานกับผักนานาชนิด) เป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของลาว
เดินทางกันต่อมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามถนนสายสิบสาม คงไปถึงวังเวียงประมาณบ่ายสามโมงเย็น
มีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะค่ำ มีกิจกรรมให้เลือกสนุกหลายอย่าง ทั้งล่องแก่งแพยาง
หรือลูกยาง พายเรือแคนู หรือคายัค หรือเดินเล่นชมบรรยากาศของเมืองวังเวียง เป็นเมืองเล็กๆ
ริมลำน้ำซองสวรรค์ของฝรั่ง Backpack ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน มีลักษณะรูปลักษณ์คล้ายๆ
กุ้ยหลินจนได้รับสมญานามว่า กุ้ยหลินเมืองลาว
เช็คอินเข้าพักที่ guesthouse ชื่อ วังเวียงออร์คิดส์ เป็นห้องแอร์มีห้องน้ำในตัว ด้านหลัง
อยู่ติดกับลำน้ำซอง มองเห็นทิวเขาหินปูน สามารถชมพระอาทิตย์ตกหลังเทือกเขาได้
จากระเบียงห้อง ... (หรือโรงแรมอื่นที่ใกล้เคียงกันในกรณีที่ที่พักเต็มในช่วงเทศกาล)
ออกไปเดินเล่นริมลำน้ำซอง ชมบรรยากาศ และรอเก็บภาพอาทิตย์ตกหลักทิวเขา หรือใครจะ
เล่นน้ำ ใครจะเช่าห่วงยางไปล่องแก่ง พายแคนู ก็เลือกเล่นกันตามอัทยาศรัยครับ
ค่ำแล้วไปทานอาหาร อิ่มอร่อยกับเมนูปลาแม่น้ำเป็นส่วนใหญ่ แล้วแยกย้ายกันเดินเที่ยว
หรือกลับที่พัก
30 ธ.ค. 48 (วันที่สองของการเดินทาง)
ตื่นกันแต่เช้า ทานกาแฟรองท้องแล้วเช็คเอาท์ออกเดินทางกันต่อ อาหารเช้าอาจไปแวะทานที่
ตลาดเช้าวังเวียง หรือถ้ายังไม่หิวหรือว่ายังเช้าเกินไป ก็ไปทานกันที่เมืองกาสี เป็นอาหารประเภท
local food เหมือนเดิมครับ
ออกจากเมืองกาสี จากนี้ไปจะเริ่มขึ้นเขาแล้ว สภาพเส้นทางจะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขาเป็นระยะทาง
ไกลหากใครที่ไม่ชินกับการเดินทางในลักษณะนี้หรือเมารถ ควรทานยาแก้เมารถไว้ตั้งแต่ตอนหลัง
อาหารเช้าเลยก็จะช่วยได้เยอะครับ มื้อกลางวันวันนี้คงเป็นที่กิ่วกระจำ จุดพักรถพักคนที่มีร้านอาหาร
ให้เลือกทานหลายร้าน
ไปถึงหลวงพระบางเย็นๆ เช็คอินเข้าที่พัก แล้วถ้ามีเวลาเหลือพอ เราจะขึ้นไปเที่ยวบนวัดภูษี
ชมพระธาตุภูษี และแสงสียามเย็นเหนือเมืองหลวงพระบางกันก่อน
ตะวันตกดินแล้วไปทานอาหารค่ำ อิ่มแล้วกลับที่พักหรือถ้ายังไม่ง่วง จะไปเดินดูของที่ตลาดมืด
ที่มีสินค้าประเภทผ้าถักทอของชาวเขาบ้านผานมมาวางขายยามค่ำคืนก่อนก็ได้ ตามอัทยาศรัยครับ
กลับมาพักผ่อนเก็บแรงไว้เที่ยวกันต่อพรุ่งนี้ครับ
31 ธ.ค. 48 (วันที่สามของการเดินทาง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่)
ตื่นกันแต่เช้าเหมือนเดิม ออกไปรอตักบาตรข้าวเหนียวกับพระภิกษุสามเณรนับร้อยๆ องค์
ตามประเพณีนิยมของพี่น้องชาวลาวกันสักหน่อย แล้วไปทานอาหารเช้า เดินสูดอากาศบริสุทธิ์
ท่ามกลางสายหมอกยามเช้าที่บริสุทธิ์จริงๆ ไปทานขนมปังบาแกต หรือข้าวจี่ อันยาวๆ กาแฟ
ป่อเปี๋ยะทอด จะที่ร้านกาแฟนางแอ ใกล้ๆ หัวมุมถนนตรงตลาดดาราเก่าหรือร้านประชานิยม
ร้านดังที่คนไทยไปหลวงพระบางชอบไปนั่งทานกัน หรือร้านอื่นมีอีกหลายร้านจะแนะนำให้ครับ
ทานข้าวเช้าแล้วกลับมาที่พักเตรียมตัวไปเที่ยวกันต่อครับ วันนี้ออกไปเที่ยวนอกเมืองกันก่อน
เริ่มจากบ้านผานม เป็นหมู่บ้านทอผ้าของชาวเขา จะดูเฉยๆ หรือเลือกซื้อมาด้วยก็ได้ แต่ผ้าชนิด
เดียวกันนี้ ก็จะมีมาวางขายที่ตลาดมืดยามค่ำคืนให้เลือกตลอดแนวถนนหน้าพระราชวังเก่าที่จะปิด
เป็นถนนคนเดิน อาจต่อรองได้ถูกกว่าและมีให้เลือกมากกว่า
แล้วนั่งรถไปบ้านปากอู ลงเรือข้ามไปเที่ยวถ้ำติ่ง ที่มีพระพุทธรูปไม้แกะสลักมากมายนับพันองค์
แล้วข้ามกลับมาขึ้นรถกลับเข้าเมือง ขากลับแวะบ้านช่างไห ชมวิถีชาวบ้านอาชีพต้มเหล้าสักหน่อย
ดูเสร็จกลับมาทานอาหารกลางวันที่ร้านเฝออร่อยที่สุดในหลวงพระบาง อร่อยจริงๆ ครับลองมาแล้ว
ช่วงบ่ายไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสี นั่งรถออกไปไกลโขหลายสิบโลอยู่ เก็บภาพเก็บบรรยากาศแล้ว
กลับมาอาบน้ำอาบท่าพักผ่อน
ออกไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารแถวๆ ริมโขง อิ่มแล้วแยกย้ายกันเดินเที่ยว ใครจะไปเที่ยวตลาดมืด
ก็ไป ใครยังไม่ง่วงจะไปเที่ยวเทคเต้นท่าบาสล๊อบกับสาวลาวฉลองปีใหม่ที่ดาวฟ้าดิสโก้เทคหรือเมืองซัว
ก็ไป หรือใครเหนื่อยเพราะเที่ยวมาทั้งวันแล้วจะกลับที่พักอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนก็ว่ากันตามสะดวกครับ
เจอกันอีกทีพรุ่งนี้เช้า.....(ไปเที่ยวเทคจะให้รถตู้ไปส่งแต่ขากลับต้องเรียกสามล้อกลับกันเองครับ)
1 ม.ค. 49 (วันที่สี่ของการเดินทาง)
ตื่นเช้าๆ อีกเหมือนเดิม แยกย้ายกันออกไปทานอาหารเช้าแล้วกลับมาพร้อมกันที่พักตามเวลานัด
วันนี้เราจะเที่ยวในเมืองหลวงพระบางตามจุดที่สำคัญๆ กันก่อนส่วนที่เหลือช่วงบ่ายค่อยเลือกเก็บ
รายละเอียดตามแต่เวลาจะอำนวย จุดแรกไปชมพระธาตุหมากโมที่วัดวิชุน อยู่ใกล้ๆ ที่พัก แล้วไป
วัดเชียงทอง อัญมณีแห่งหลวงพระบาง ออกจากวัดเชียงทอง ใกล้ๆ กันมีวัดสวยๆ อีกหลายวัด เราก็
เดินดูเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ ไล่ไปทีละวัด จนไปถึงวัดใหม่สุวรรณพูมาราม วัดที่มีอุโบสถที่สวยงาม
มากอีกวัดหนึ่ง อยู่ติดกับพระราชวังเก่าเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา
พักกินอาหารกลางวันกันก่อน จะพาไปทดลองชิมแซนวิชลาวชิ้นโต ที่ร้านป้ามล เป็นร้านแซนวิชลาว
ชื่อดังแห่งหลวงพระบาง ลองดูครับ
อิ่มแล้วไปเดินเที่ยวชมกันต่อที่หอพระบาง เข้าพิพิธภัณฑ์ เสร็จแล้วช่วงบ่ายปล่อยฟรี แยกย้ายกันเที่ยว
เก็บรายละเอียดกันตามใจชอบ คงไม่หลงแล้วเพราะอยู่หลวงพระบางมาสองวันเดินกันทะลุปรุโปร่งแล้ว
เมืองหลวงพระบางไม่ใหญ่ไม่โตนัก เดินแป๊บเดียวก็จำได้หมด จะเช่าจักรยานขี่ชมเมืองหรือเดินเที่ยว
วัดอื่นๆ ที่เหลืออีกมากมาย ก็ว่ากันตามสะดวกครับ หรือใครจะข้ามเรือไปวัดเชียงแมน วัดแสน ก็จะพาไป
ส่งที่ท่าเรือครับ
เย็นออกไปทานอาหารค่ำอีกมื้อ ไม่ซ้ำร้านเดิม มีร้านอาหารอร่อยๆ รสชาดถูกปากคนไทยมากมาย
ไม่ต้องห่วง เลือกร้านให้ไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะไปมาหลายทริปแล้ว ไม่ใช่ทริปเซอร์เวย์
พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางกันแต่เช้ามืด คืนนี้ใครจะเดินเที่ยวต่อหรือซื้อของตลาดมืดอีกให้ครบสามวัน
ก็ตามใจแต่อย่าให้ดึกนักเพราะต้องตื่นแต่เช้ามืดเดินทางกันก่อนสว่าง
2 ม.ค. 49 (วันที่ห้า วันสุดท้ายของการเดินทาง)
ตื่นแต่เช้ามืด เก็บของเช็คเอาท์ออกเดินทางกลับกันแต่เช้ามืด อาหารเช้าไปทานกันตอนสายๆ
ที่กิ่วกระจำเป็นอาหารจานด่วน ข้าวคั่ว ไข่เขียว หรือเฝอ แล้วแต่สั่งครับ
จากนั้นขึ้นรถหลับยาวข้ามเขาย้อนกลับทางเดิม มาทานมื้อกลางวันกันที่เมืองกาสีหรือวังเวียงอีกมื้อ
ถึงเวียงจันทน์ก่อนห้าโมงเย็น เช็คหนังสือเดินทาง ข้ามกลับมาฝั่งไทย ถ้ามีเวลาพอก็ไปกินอาหารเย็น
กันที่ร้านแดงแหนมเนือง ร้านดังของเมืองหนองคาย แต่ถ้าเวลาไม่พอก็ทานอาหารจานด่วนที่ร้านใกล้ๆ
สถานีรถ แล้วขนเป้ขึ้นรถทัวร์ VIP ที่จองตั๋วไว้แล้วกลับเข้ากรุงเทพ ถึงกรุงเทพฯ ตีห้าทันไปทำงานเช้า
แน่นอน
ทริปนี้เราไปกันไกลและหลายวันและค่าใช้จ่ายก็มากโขอยู่ ห้าวันสี่คืน ในดินแดนแห่งศิลปวัฒนธรรมและ
สมรภูมิสงคราม เมืองมรดกโลกของลาวที่มีอะไรน่าสนใจมากมาย ไปเองก็ได้จ่ายพอๆ กัน แต่ต้องต่อรถ
ยุ่งยากและเสียเวลาจ่ายแพงอีกนิดหน่อยแต่ได้เที่ยวเยอะๆ สบายกว่ากันครับ เก็บตังค์ค่าอะไรต่อมิอะไร
สำหรับทริปนี้ 7200 ครับ...
ค่าใช้จ่ายจำนวนนี้รวม
ค่ารถทัวร์จากกรุงเทพฯ - หนองคาย วีไอพี 32 ที่นั่ง
ค่ารถตู้เหมาคันจาก สปป.ลาว ตลอดทริป
ค่าอาหารเกือบทุกมื้อ (ยกเว้นมื้อเช้าทุกมื้อในวังเวียง-หลวงพระบาง ทานกันเองตามอัทยาศรัยครับ)
ค่าที่พักในวังเวียง 1 คืน หลวงพระบาง 3 คืน เป็นห้องแอร์และพัดลม ห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่น
พักห้องละ 2 คน
ค่าธรรมเนียมในการเข้าชมน้ำตกตาดกวางสี ถ้ำติ่ง วัดเชียงทอง พิพิธภัณฑ์ วัดใหม่สุวรรณภูมาราม
ส่วนวัดอื่นๆ และจุดเข้าชมอื่นๆ ที่เสียค่าธรรมเนียม ต้องชำระกันเอง เพราะแทบทุกแห่งเก็บค่า
ธรรมเนียมทั้งนั้น ถ้ารวมไว้ในค่าใช้จ่ายด้วยจะต้องเก็บค่าเดินทางมากกว่านี้ คงไม่ไหวเพราะนี่
ก็สูงมากแล้ว
ค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมต้องจ่ายเอง
ผมลองลอกโปรแกรม การท่องเที่ยวที่ลาว มาจาก เว็บไซค์ www.khonbaakpae.com 
