WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


วิธีการจัดการรถยนต์ หลังน้ำท่วม
rtoteam
จาก rtoteam
IP:223.207.125.10

พุธที่ , 2/11/2554
เวลา : 11:06

อ่านแล้ว = 927 ครั้ง
แจ้งตรวจสอบกระทู้ แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       วิธีการจัดการกับรถยนต์ ที่ผ่านน้ำท่วม

น้ำ ท่วมทั่วประเทศครั้งนี้ ก่อทั้งความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล เราๆ ท่านๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตนี้คงกำลังคิดหาทางออกให้กับทรัพย์สินชิ้นใหญ่ อย่างรถยนต์แน่ๆ น้ำท่วมทำเอาหลายๆคนที่หาที่จอดรถสูงๆไม่ได้อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน สำหรับท่านที่ได้จอดรถตามอาคารสำนักงานบริษัท หรือห้างร้านสะพานข้ามแยกก็สบายไป แต่บางท่านนำรถยนต์หนีน้ำที่ไหลมาอย่างคาดไม่ถึงไม่ทัน จะทำอย่างไรดี rtoautopart มีคำแนะนำที่อาจจะเป็นประโยชน์มาเล่าสู่กันฟังครับ

เมื่อ เห็นรถตัวเองน้ำท่วมตามวิกฤตไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรทำคือตั้งสติให้ได้ก่อนครับ อย่าเพิ่งแบกความสิ้นหวังเอาไว้ ทรัพย์สินเงินทอง ยังพอมีแรงก็ยังหาได้อยู่ รอจนน้ำลดดีแล้วก็ทำตามคำแนะนำดังนี้ครับ
1.อย่ารีบร้อนสตาร์ทรถตั้งแต่แรกเห็นเป็นอันขาดนะ เพราะอาจจะทำให้น้ำที่ค้างอยู่ไหลเข้าระบบแผงวงจรไฟฟ้าสร้างความเสียหายกับรถยนต์ของคุณได้

2.ถอดแบตตารี่ออกก่อนเพื่อ หยุดระบบไฟฟ้าและปัญหาไฟลัดวงจร ปัจจุบันรถยนต์มีระบบควบคุมหลายส่วนที่ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิค การยกแบตออกเป็นการหยุดไฟและหยุดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปได้ จึงควรทำเป็นอันดับแรกครับ

3.เปิดประตู ฝากระโปรงหน้าและหลังเอา ไว้ ตรวจสอบการชำรุดที่ยางขอบประตูและกระจก นำเอาผ้ารองพื้นที่ผ้ากระโปรงท้าย ผ้ายางรองเท้า เบาะและพรมรองพื้นออกเพื่อตากไล่ความชื้น น้ำที่ท่วมรถมักจะไม่ใช่น้ำสะอาด ดังนั้นปัญหาที่สำคัญมากของรถโดนน้ำท่วมคือกลิ่นอับที่จะ ปรากฏทั้งในรถและจากช่องฟิลเตอร์ปรับอากาศซึ่งกำจัดได้ยากในเวลาอันสั้น การใช้น้ำยาดับกลิ่นอับจึงอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นครับ

4.เช็คระดับน้ำที่เหล็กวัดน้ำมันเครื่อง หากอยู่สูงมากแสดงว่าน้ำได้ผสมกับน้ำมันเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องมีการถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองเครื่องเพื่อป้องกันย้ำเข้าสู่ ลูกสูบและเครื่องยนต์ นอกจากนี้รถที่โดนน้ำท่วมมักหนีไม่พ้นที่จะต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ เพื่อประสิทธิภาพการสันดาบของเครื่องยนต์

5.ตรวจสอบระบบส่งกำลังจาก ลูกปืนล้อ หากรถจมน้ำนาน อาจพบสนิทเกาะที่ลูกปืนล้อ ซึ่งจะต้องเปลี่ยนลูกปืนใหม่ หากไม่พบให้นำออกมาเป่าให้แห้ง ทาจารบีเพิ่มก่อนใส่กลับเข้าไป

6.ระบบเบรคและครัชเป็น ส่วนสำคัญอีกส่วนที่มักพบความเสียหายจากการถูกน้ำท่วม รถบางคันเมื่อน้ำแห้งและไปให้ศุนย์ซ่อมแล้วไม่ได้เปลี่ยน ผ้าเบรค จานเบรค จานครัช ลูกปืนครัช เปลี่ยนแต่น้ำมันเบรค โดยช่างให้เหตผลว่ายังใช้งานได้ หากทำได้แนะนำให้เปลี่ยน เพราะของพวกนี้โดนน้ำแล้วอาจจะมีสนิมขึ้นซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ อาการเข้าเกียร์ยาก หรือเบรคมีเสียงอาจจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้

7.ตรวจสอบน้ำในไฟหน้า ไฟหรี่และไฟท้ายรถ หากพบควรนำออกเพราะน้ำอาจจะซึ่มเข้าสู่จานจ่ายทำให้ระบบเสียหายได้ นำในดวงไฟนั้นหากมีเยอะ จะไม่ได้ระเหยออกเองได้

นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ เช่น แผงหน้าปัดวงจร, เพลาขับและยางหุ้มเพลาขับ, รีเรย์และระบบขับเคลื่ยนที่จำเป็นต้องตรวจดู การเช็คเครื่องยนต์บางอย่างอาจจะต้องใช้ความรู้ช่างประกอบบ้างแต่การที่ผู้ ขับสามารถเช็ครถยนต์ตนเองและรับรู้ถึงจุดที่เสียหายของรถยนต์ จะสามารถป้องกันปัญหายุ่งยาก หลังซ่อมจากการซ่อมที่ไม่สมบูรณ์ได้

จากศูนย์ข่าวมหาวิทยาลัยรังสิตประเมิณว่าการซ่อมรถยนต์ที่จมน้ำ ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 3 แสนบาทเพราะต้องซ่อมเกือบทุกชิ้นส่วน ดังนั้นผู้ขับโปรดระวัง ความเสียหายที่อาจจะเกิดเพิ่มเติมโดยเฉพาะกับระบบไฟฟ้าและลูกสูบ จึงควรทำตามคำแนะนำและใช้รถยกมานำรถเข้าศูนย์ซ่อมต่อไป อย่าลืมนะครับ ประกันชั้น 1 รวมความเสียหายไปถึงอุทกภัยด้วยนะครับ

ที่มา http://www.rtoautopart.com/รถยนต์น้ำท่วม.html

 แก้ไขเมื่อ : 2/11/2554 11:07:56







website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่


Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอังคาร,23 เมษายน 2567 (Online 3049 คน)