คำตอบที่ 5
Kawasaki KLX250SR
รถดีที่ไม่ค่อยมีคนเล่น
จากจุดกำเนิด
วิศวกรของ Kawasaki บรรจงเอาข้อดีของรถวิบากภายในค่ายมารวมกันเพื่อให้รหัส KLX มีความโดดเด่นเละเป็นที่น่าเกรงขามต่อคู่ปรับอย่าง XR, DR และ TT-R โดยรูปทรงภายนอกกับพื้นฐานโครงสร้างนั้น โดยใช้การผสมผสานกันระหว่างชิ้นส่วนของตัวแข่งโมโตครอสคือ รหัส KX กับรหัส KDX มารวมอยู่ในตัวเดียวกัน ซึ่งตัวเฟรมแบบเซมิเครเดิ้ลคว้าทาจากรหัส KX ส่วนรูปทรงนำเอาดีไซน์ของ KDX กับ KX มาเป็นพื้นฐานทำให้เกิดความมั่นคง และรูปร่างที่เพียวบางให้ความคล่องตัวสูง ซึ่งในช่วงระยะหลังต่อมาทาง Kawasaki ให้ความสำคัญกับความแข็งแรงของโครงสร้างมากยิ่งขึ้น โดยชิ้นส่วนของ KLX นั้นจะดูสวยงาม ดูทันสมัยขึ้นกว่าตัวลุยในรห้สรุ่นเดึยวกันมาก ที่สำคัญความกระชับในการคอนโทลนตัวรถจัดอยู่ในเกณฑ์กระชับรับกันดีในทุกช่วงท่า
และเพื่อเป็นการเอาใจขาลุยในระดับที่ต่างกัน ทาง Kawasaki ก็ได้ปล่อยรหัส KLX ออกมาพร้อมกันถึง 3 เวอร์ชั่นด้วยกันคือ KLX 250 R เป็นตัวที่กำหนดสเปคออกมารองรับการลุยแบบโหดๆ และใช้ในการแข่งขันได้ทันที ส่วนอีก 2 รุ่นคือ KLX 250 SR, KLX 250 ES โดยทั้งสองรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เหมาะกับสภาพทางที่ไม่โหดมากนัก โดยเฉพาะ KLX 250 ES จะเน้นการให้ความสะดวกสบายกว่าทึกรุ่น โดยการเพิ่มระบบสตาร์ทมือ แต่รุ่นนี้โชคหน้าเป็นแบบเทสโคปิคแทนแบบอัพไซค์ดาวน์ ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นไม่แตกต่างกันมากนัก
ระบบกันสะเทือน
ระบบกันสะเทือน ที่ใช้อยู่กับ KLX 250 SR โชคหน้าเป็นแบบอัพไซค์ดาวน์ โช็คหลังแบบเดี่ยว สามารถปรับระดับความหนืดได้ตามต้องการ โดยมีกระเดื่องแบบยูนิแทร็ค เป็นตัวช่วยในการซับรับแรงสั่นสะเทือน ประสิทธิภาพของระบบการสั่นสะเทือนที่ใช้อยู่กับ KLX 250 R นี้ยังมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า XLR 250 และ TT-R มาก จากสภาพการขับขี่ที่เส้นทางขรุขระ การทรงตังได้ศูนย์สมดุลย์โดยไม่มีการชกสะบัดในขณะที่ลุยกันแบบโหดๆ แต่ถ้ามีการกระโดดเนินที่สูงมากประสิทธิภาพยังรับไม่ดีเท่าที่ควร
ขุมพลัง
ขุมพลังของ kLX 250 SR รับมาเต็มๆ จากห้องเครื่องที่ทาง Kawasaki นำเอามาจากรุ่น KLR มาทำการพัฒนาใหม่ เพื่อให้มันสามารถตอบสนองสมรรถนะออกมาได้ตรงตามสเปค ของเหล่าบรรดานักบิด โดยเครื่องยนต์ของ KLX 250 SR เป็นแบบสูบเดียว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาพท์ (DOHC) 4 วาล์ว ปริมาตรความจุ 249 ซีซี สามารถให้แรงม้าสูงสุด 30 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที (แต่ถ้าเป็น KLX 250 R จะมีแรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 2 ตัว) ส่วนแรงบิดมีอยู่ 2.6 กก.-ม ที่ 7,500 รอบ/นาที ระบบจ่ายไอดีใช้คาร์บูเรเตอร์ CVK ขนาด 34 มม. โดยรวมแล้วเครื่องยนต์ลูกนี้ของ KLX 250 SR ระบบการทำงานค่อนข้างทันสมัย (สมัยนั้น) แต่ต้องใช้การดูแลที่เข้าถึงพอสมควร
การตอบสนอง
ในขณะขับขี่ลุยในเส้นทางต่างๆ พบว่า อัตราเร่งในช่วงต้นมันค่อนข้างจืดสนิทจะมีให้เล่นก็ต่อเมื่อเราลากรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะจุดเด่นของพละกำลังจะมีให้ติดใจบ้างก็ต้องใช้ยะระทางที่ยาวพอสมควร เรียกว่าเครื่องยนต์ลูกนี้มีดีที่ช่วงกลางกับปลาย ซึ่งในจุดนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับขาลุยที่ชื่นชอบความดุดัน แต่ถ้านำไปขับขี่ในระยะทางไกลๆ ลักษณะท่องเที่ยวจะเหมาะสมมาก โดยเฉพาะทางลูกรังที่ต้องลากกันยาวๆ ความมั่นคงของรถกับความเร็วที่มีให้นั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น้อยหน้ารหัสลุยต้วอื่นเลยแม้แต่น้อย
ที่สำหรับขาลุยที่ประเภทติดโหดที่มีความชอบรหัส KLX แล้ว แนะนำเลยว่าต้อง KLX 250 R มีของเล่นให้มากกว่าเยอะ แต่ถ้าเป็นขาลุยที่นิยมท่องเที่ยวไปตามแหล่งทุรกันดารและก็ KLX 250 SR เป็นคู่ขาไม่ผิดหวังแน่ๆ เพราะมันเป็นหรังลุยที่ตอบสนองประสิทธิภาพ รวมถึงสมรรถนะที่จัดอยู่ในระดับปานกลาง....