จาก มะขามหมู 110.164.109.126
จันทร์ที่ , 9/8/2553
เวลา : 23:32
อ่านแล้ว = 2902 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
สวัสดีครับ ผมเพิ่งได้รับอนุญาติให้เป็นสมาชิกใหม่ครับ เลขหมายสมาชิกที่ JUC 4333 เพิ่งจะริเริ่มมี Jeep เป็นของตนเองก็ ตอนอายุเข้ากลางคนเข้าไปแล้ว ถ้ามีอะไรแนะนำก็จะขอบพระคุณมากครับ
ที่มาที่ไปที่อยากดูแล Jeep สักคันก็เพราะว่าฝังใจตั้งแต่เป็นหนุ่มรุ่นกระเตาะและรถยนต์คันแรกในชีวิตที่ได้ขับก็คือ Jeep CJ6 หน้ากบพวงมาลัยซ้ายด้วยเมื่อปี พศ 2522-27 ตอนนั้นไปเรียนที่เชียงใหม่ไปขออาศัยทำงานกับเกสเฮ้าส์ที่ให้ฝรั่งพักข้างๆหอพักแบบว่าค่ากินอยู่แม่ส่งไม่พอใช้อยู่แล้วและก็ไม่อยากขอเพิ่มเพราะรู้ว่าแม่เหนื่อย ดิ้นรนช่วยตัวเองเท่าที่เราทำได้ เลยไปลงเรียนภาคบ่ายส่วนตอนเช้าก็ไปอาศัยทำงานแบบว่าไม่เคยรู้จักกับเจ้าของเกสเฮ้าส์มาก่อนเลย อาศัยใจกล้าหน้าด้านไปขอเค้าทำงานเลยครับ แบบว่าทำงานแค่ขอให้มี่ที่อยู่ที่กินเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ก็พอไม่ขอเงินเดือนด้วย และดีว่าเจ้าของเกสเฮ้าส์เค้าเมตตาให้อยู่ให้กิน แถมสอนขับรถให้ด้วย ก็ได้รถ Jeep หน้ากบของเจ้าของเกสเฮ้าส์นี่ละครับหัดขับวิ่งตะลอนๆในเมืองเชียงใหม่ตอนห้าทุ่ม เที่ยงคืน แบบว่าสมัยนั้น ดึกๆรถน้อยวิ่งสบายๆแบบว่ามือใหม่หัดขับจะได้ไม่เครียด
พอขับได้ขับเป็น เจ้าของเกสเฮ้าส์ก็พาให้เข้าป่าแบบว่าพาฝรั่งไปทัวร์ป่าไปดูชาวไทยภูเขาโดยเอารถ jeep บุกเข้าไปตั้งแต่สมัยทางไปแม่ฮ่องสอนจากแม่มาลัยไป ปาย ยังเป็นถนนดินแดงแคบๆ ทั้งชันทั้งลื่น จนแทบได้ว่าทางบนดอยแถวนั้นรู้ไลน์เกือบทุกร่องเลยทีเดียว ทางที่ไปบ่อยสุดใกล้ๆเชียงใหม่ก็คือ เส้นเข้าแม่ริม ทะลุแม่สาเลี้ยวขวาขึ้นดอยเข้าบ้านม้งหนองหอยใหม่ อันนี้เส้นทางหากิน อีกเส้นก็คือ เข้าแม่อายออกแม่คาย ขึ้นไปเที่ยวหมู่บ้านจีนฮ่อดอยวาวี ถ้าหน้าแล้งทะลุไปออกทางเชียงรายถ้าไม่ชัวร์ก็ย้อนกับทางเก่า ไม่กล้าเสี่ยงเพราะส่วนใหญ่ไปแค่คันเดียว(กลับทางเก่าทีไรป้อมตำรวจแม่คายขอตรวจรถแบบว่าแทบจะรื้อออกทั้งคันเลยทีเดียวเพราะสมัยนั้นดอยวาวีดังมากเรื่องสินค้าโอทอปตราสิงโตคู่เหยีบบลูกโลกเนี่ย) แต่โชคดีที่ไปบ่อยๆพักหลังก็โอเคขึ้นไม่ต่อยเท่าไหร่เชื่อใจกันมากขึ้นเพราะเราบริสุทธ์ใจ ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้อยู่แล้ว และฝรั่งที่ไปส่วนใหญ่ก็โอเคไม่สนใจเรื่องนี้เพราะที่ไปเต็มที่ก็แค่พี้กัญชากัน(ไม่รู้เป็นฝรั่ง แบ็คแพ็กชอบพี้กันจัง)และดีที่รู้จักขาใหญ่ตามหมู่บ้านต่างๆที่เราไปแวะเที่ยวดังนั้นเวลามีปัญหาก็เดินลัดเลาะตามป่าไปตามเค้ามาช่วยได้ แบบว่ารถพังวินซ์ไม่ขี้นอะไรอย่างงี้ละครับ ตอนนั้นรถ Jeep ที่ใช้มีวินซ์ด้วยแต่เป็นวินซ์เพลาไม่ใช่วินซ์ไฟฟ้า เครื่องพังสตาร์ทไม่ติดก็จบกัน
จนเรียนจบปี 27 ได้งานทำที่สงขลาก็เลยห่างหายไปจากวงการ Jeep ไม่ได้ขับอีกเลย แต่ก็ลาพักร้อนไปเชียงใหม่ทุกปีตอนหน้าหนาวช่วงเดือนธันวาไปเที่ยวแวะหาผู้มีพระคุณที่ได้ค้ำจุนเมื่อตอนเรียนหนังสือ แล้วเลยไปเที่ยวตามป่าตามดอยด้วยอันนี้ไปเที่ยวเองกับพี่ๆเพื่อนๆแต่เอารถกระบะบิ๊กเอ็ม ยกสูงสองนิ้ว ล้อ 275 เพราะมีปัญญาได้แค่นั้นเองครับแต่ก็พอได้เที่ยวสนุกๆย้อนอดีตบ้าง ช่วงปี 30 พอมีเงินเก็บจากการทำงานได้เล็กน้อยเคยถามพี่เจ้าของ Jeep ว่าอยากได้Jeep คันที่เคยใช้หากินกับฝรั่งไปทัวร์ป่า แกก็บอกว่าตั้งแต่ผมไปได้งานที่สงขลา ก็ไม่มีใครขับต่อแกเลยขายไปแล้ว เสียดายมาก ไปตามหาอยู่พักนึง เจ้าของใหม่เค้าเอาไปเปลี่ยนเครื่องเป็นเครื่องดีเซลของอีซูซุ Dyna มั้ง ถามซื้อคืนเค้าก็ไม่ยอมขาย จนตอนนี้เป็นยังไงมั้งแล้วก็ไม่รู้ปีนี้ 53 แล้วผ่านไปกว่า20 ปีราคามันคงอัพไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้ซื้อเพราะกลับไปบ้านพ่อกับแม่ที่เพชรบูรณ์ เห็นบ้านเก่าทรุดโทรมมาก แต่แม่ก็ไม่เคยร้องขอเราให้มาซ่อมแซมหรือต่อเติม คงกลัวลูกเสียตังค์ พอได้เห็นบ้านหลังคารั่วฝาพังก็ได้แต่สะอื้นอยู่ในคอ สุดท้ายเงินที่มีทั้งหมดก็เอาไปทำบ้านหลังใหม่ให้แม่กับพ่อ แบบว่ารื้อหลังเก่าออกเอาไม้บ้านเก่านั่นแหล่ะมาทำบ้านใหม่ด้วย เงินไม่พอก็เข้าไปกู้แบงค์เพิ่ม เอาเงินเดือนเข้าค้ำประกันเราผ่อนเอง จากนั้นมาเรื่องรถ Jeep ก็เป็นแค่สิ่งที่ตั้งเอาไว้เป็นการบ้านในใจเสมอมา
กว่า20 ปีเลยทีเดียวจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ด้วยหน้าที่และภาระอีกหลายๆอย่างทำให้เวลาที่ผ่านมายังไม่สามารถตอบโจทย์การบ้านในใจได้สักที จนเดี๋ยวนี้เราพอที่จะมีอะไรอย่างที่เราอยากเล่นได้มั่งโดยไม่ไปกระทบกับชีวิตปกติของเราได้มากนัก ก็เลยเอาการบ้านข้อนี้ออกมาทำ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ XJ เก่าๆที่เปลี่ยนเครื่องไปเป็น KZแล้วก็ตาม แต่คำว่า Jeep มันยังอยู่ในใจมาเสมอมา ถึงแม้ว่ามันจะตอบโจทย์ได้ไม่สมบูรณ์แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้กระตุ้นจังหวะของหัวใจได้อีก
|