WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เรื่องง่ายๆของแบตเตอรี่ ที่อยากบอกต่อครับ...
Bank285
จาก Bank Juc Original 285
124.121.249.46
อาทิตย์ที่ , 26/9/2553
เวลา : 15:47

อ่านแล้ว = 7879 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เนื่องจากภายในห้องเครื่องของเจ้าJeep xj เรามีความร้อนสะสมสูงและคลายความร้อนช้า สาเหตุนี้ทำให้แบตเตอรี่มันอำลาไปอย่างรวดเร็วภายใน 1ปี และจากการสังเกตุว่า แบตฯน้ำกลั่นแห้งเร็ว แผ่นธาตุบวม พลาสติกภายนอกบิดงอ....
...เมื่อก่อนเจ้า Xj ผม รับทานแบตเตอรี่ปีละลูก เมื่อต้นปี 2008 ตอนผมเปลี่ยนแบตฯใหม่ ก็เลยหุ้มฉนวนกันความร้อนไปด้วยหวังว่ามันจะช่วยได้ ซึ่งมันก็ได้ผลดีครับ ปัจจุบันยังคงใช้แบตฯลูกนี้อยู่เลย น้ำกลั่นก็แห้งช้ากว่า จึงนำมาบอกต่อท่านที่เพิ่งเปลี่ยนแบตฯใหม่ๆ หรือท่านใดคิดจะหุ้มจะห่อ แบตเตอรี่ที่อายุมันยังไม่นานก็ยังทันนะครับ

ข้อมูล
แบตเตอรี่ 3K Tx600

ลักษณะการใช้งาน
หมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ ในระดับพอดีอยู่เสมอ
ผมใช้รถสัปดาห์ละสองวันในเมือง แต่สตาร์ทเครื่องทุกวันอย่างน้อย 20 นาที
ปกติ เวลาออกทริปใช้ไฟจากรถปกติ มีใช้วิ้นบ้างแต่ไม่บ่อยครับ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ที่ร้านตอกเลขไว้ปลายปี 2007 ผมเปลี่ยนจริงตอนกลับมาจากทริปปีใหม่ 2008 วันที่ 8 ม.ค.





ขอบคุณครัีบ Bank Origi...คิดจะทำอยู่เหมือนกัน
จาก : helpdesk(helpdesk) 5/10/2553 8:36:44 [58.10.77.236]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Bank285 จาก Bank Juc Original 285 124.121.249.46 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 15:56   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533048

คำตอบที่ 2
       เมื่อเดือนที่แล้วเปลี่ยนแบตฯให้เจ้าwj ยังไม่ได้หุ้ม วันนี้เลยจัดการซะเลย...หวังว่าจะได้ผลดีเหมือนเดิม
แต่แบตฯเป็นของBosch ไม่รู้จะทนแค่ไหน....ไว้ลองดูกันครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Bank285 จาก Bank Juc Original 285 124.120.11.160 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 16:02   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533049

คำตอบที่ 3
       ตอนรถป้ายแดงออกห้าง...ก็จะมีฉนวนกันความร้อนที่แบตฯ มาให้อยู่แล้วนะครับ
แต่ถ้าหายไปแล้วก็ ฉนวนกันความร้อนหลังคาอาคาร หรือ ที่บังแดดแบบฟรอยด์สีเงินๆก็พอได้นะครับ 1 แผ่นตัดใส่ได้ 3 คันเลยทีเดียวครับ...





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Bank285 จาก Bank Juc Original 285 124.121.247.62 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 16:14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533050

คำตอบที่ 4
       แบตเพิ่งกลับบ้านเก่าเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วใช้มาปีสองเดือนเองไม่ทนเลยสงสัยมันร้อนอย่างว่าหละครับ ถ้าขับมาร้อน ๆ ก็เปิดฝากระโปรงไว้ก็ดีนะครับ ระบายได้เร็วดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ด่านช้าง จาก ประชา เสนา 183.89.48.121 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 16:19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533052

คำตอบที่ 5
       ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ นาย BANK สงสัยต้องหุ้มบ้างแล้ว



สวัสดีคร้าบบบ....ลุงณพ สบายดีนะครับ
จาก : Bank285(Bank285) 26/9/2553 16:45:15 [124.122.247.62]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

jeep4206 จาก ณพ 124.121.134.51 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 16:36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533056

คำตอบที่ 6
       เป็นข้อแนะนำที่น่าสนใจครับ ขอบคุณมากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

phayain จาก พงศ์สวัสดิ์ JUC 1948 118.174.91.23 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 17:44   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533064

คำตอบที่ 7
       ของผมใช้พานาโชนิค(DIN555)ทั้ง2ดันตอนนี้3ปีแล้วยังไม่เสียเลยใช้รถทุกวันไม่ใด้หุ้มอะไรเลย(คุ้มมากๆๆๆ)



พานาฯ น่าสนใจเป็นอย่างมากครับ
จาก : Bank285(Bank285) 26/9/2553 18:15:28 [124.122.247.62]
ขอบคุณข้อมูลที่นำมาแชร์นะครับ เพื่อเป็นทางเลือกครับ
จาก : Bank285(Bank285) 27/9/2553 23:24:01 [124.120.3.57]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไก่กระโสม จาก ไก่ กระโสม 118.173.65.113 อาทิตย์, 26/9/2553 เวลา : 17:55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533065

คำตอบที่ 8
       ว่างๆทำให้หน่อยจิ...
แบบว่าๆ..ทำไม่เป็นง่ะ..
ฝีมือไม่ถึง



คิดแพงนะ....พี่เอ้ย...
จาก : Bank285(Bank285) 27/9/2553 23:24:31 [124.120.3.57]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

semork จาก สีหมอก 222.123.119.50 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 09:55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533140

คำตอบที่ 9
       ขอขอบคุณสําหรับสิ่งดีๆๆ มาคอนจะเลี้ยงกาแฟ



จริงเหรอคับพี่....หาโอกาสไปด่วนๆๆ
จาก : Bank285(Bank285) 27/9/2553 23:25:27 [124.120.3.57]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

มนตรีนครศรี จาก มนตรี 112.142.24.139 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 11:08   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533169

คำตอบที่ 10
       เห็นด้วยอย่าแรง ......... เพราะเจอเหตุการเหมือนเจ้าของกระทุ้ทุกอย่าง หลังจาก
ไ้ด้ทำฉนวนกันความร้อนให้แบตเตอรี่ ทำให้ลดการเติมน้ำกรั่นลงได้มาก

เรื่องมันง่ายซะจนผมลืมไปเลย อิอิอิ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

หมูผอม จาก หมูผอม 125.26.22.205 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 15:25   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533226

คำตอบที่ 11
       ขอมองต่างมุมนะครับ

ถ้าใส่ฉนวนกันความร้อน รอบแบตเตอรี่อย่าง จขกท ทำอยู่

ok ล่ะ ช่วงแรกที่ติดเครื่องใหม่ๆ ตัวแบตเตอรี่อาจจะร้อนช้าเนื่องจากมีฉนวนกั้นอยู่ แต่เมื่อขับใช้งานไปสักพัก ผมว่าความร้อนภายในห้องเครื่องน่าจะนำพา (radiation) ให้ทุกส่วนในห้องเครื่องร้อนเท่ากันหมด (เพราะตัวแบตเตอรี่ด้านบน อย่างน้อยก็ไม่ได้ปิดด้วยฉนวน)

แล้วเวลาดับเครื่อง ฉนวนที่ว่าจะเป็นตัวกักความร้อนด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น จะทำให้ตัวแบตเตอรี่ระบายความร้อนได้ช้ากว่าปกติหรือเปล่า

อันนี้เป็นการคาดการของผมเองนะครับ ถ้าจะให้ชัวร์ ก็ต้องลองวัดอุณหภูมิเปรียบระหว่าง ใส่กับไม่ใส่ฉนวนดู




เป็นเหตุผลที่น่าคิดครับ และต้องลองวัดอุณหภูมิดูครับ
จาก : Bank285(Bank285) 27/9/2553 23:31:04 [124.120.3.57]
ใช้แล้วครับพี่ B27 แต่ไปถึงจุดๆหนึ่งความร้อนจะคงที่ ต้องใส่ฉนวนที่เหมาะสมจะพอกันได้
จาก : หมูผอม(หมูผอม) 28/9/2553 9:05:18 [125.26.25.188]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

B27 จาก B27 124.122.220.185 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 16:58   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533254

คำตอบที่ 12
       อืม..คุณb27..เป็นการมองต่างมุมที่มีเหตุผลครับ..
แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมคิด..คือน่าจะช่วยป้องกันการระเหยหรือ
คายตัวของน้ำกรดมากระทบโดยตรงต่ออุปกรณ์หรือตัวถังส่วนที่เป็นเหล็ก
อย่างไรก็ตาม..ใส่แล้วผมว่ามันดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี..อันนี้ผมชอบแบบที่
ตาแลงค์..นำเสนอ...



เอ้า!!..ขออภัยพิมพ์ผิดซะงั้น..อันนี้ผมชอบแบบที่แบงค์..นำเสนอ..ครับ
จาก : jeepblood(jeepblood) 27/9/2553 17:24:16 [113.53.127.185]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

jeepblood จาก เลือดจี๊พ 113.53.127.185 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 17:12   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533259

คำตอบที่ 13
       นี่เลยครับ...ทั่นแบงค์ ที่คุยกัน

บทที่ 1 การหาข้อมูลด้วยตนเองความเป็นมาของพื้นฐานระบบ

ในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์มีความสำคัญมากขึ้นและถูกนำเข้ามาใช้ในงานที่มากมาย หลายหลาก คอมพิวเตอร์จะถูกแบ่งออกเป็นขนาดต่างๆ ตามการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้นอกจากจะทำงานบนตัวเองแล้ว เรายังสามารถที่จะนำมาต่อกัน ส่งข้อมูลถึงกันเพื่อให้สามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้นซึ่งเราเรียกระบบ เหล่านี้ที่มีการเชื่อมโยงกันเหล่านี้ว่าระบบเน็ตเวิร์คหรือระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายที่นิยมใช้ในปัจจุบันสำหรับคอมพิวเตอร์นั้นคือระบบ LAN (Local Area Network) ซึ่งระบบ LAN จะถูกกำหนดมาตรฐานสำหรับระบบของตัวเอง

ในวงการคอมพิวเตอร์ เรารู้จักกับระบบ LAN (Local Area Network) ดี อย่างไรก็ตามระบบเครือข่ายนั้นๆ มักจะถูกออกแบบตามความเหมาะสมของงานระบบ LAN (Local Area Network) ถูกออกแบบมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการส่งข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ แต่สำหรับระบบขนาดเล็ก เช่น การสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เซนเซอร์ ต่างๆ กับ จุดคอนโทรลหรือคอมพิวเตอร์ การใช้งานระบบ LAN (Local Area Network) ดูเหมือนจะเกินความจำเป็น ไม่เหมาะสมทั้งทางด้านคุณสมบัติและการลงทุนทางด้านค่าใช้จ่าย ดังนั้นระบบเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เซนเซอร์ (Sensor) และคอนโทรลเลอร์ต่างๆ จึงมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน

ประวัติของ Control Area Network (CAN)

CAN (Control Area Network) หรือ CAN Protocol ถูกพัฒนาโดย Bosch และได้รับมาตรฐานISO 11898 ในปี 1994 ระบบ Control Area Network (CAN) ถูกทำมาใช้ในการควบคุมและส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องยนต์ นอกจากนี้ CAN (Control Area Network) สามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับ ไมโครคอนโทรลเลอร์ช่วยควบคุมระบบเครือข่ายในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การควบคุม ระบบบัส (System Bus) ที่อยู่ในเครื่องจักรและอาจมีการควบคุมการทำงานของ เซ็นเซอร์ (Sensor) หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระบบ CAN (Control Area Network) แต่ละข้อความ (Message) ที่ส่งออกมาจะมีความชัดเจนในการส่งข้อมูล ในมาตรฐานของ CAN (Control Area Network) จะมีการส่งข้อความ (Message) ออกมาครั้งละ 11 บิตซึ่งจะทำให้เกิดข้อความ (Message) หรือคำสั่งที่แตกต่างกันได้ถึง 2048 ข้อความ (Message) และนอกจากนี้ได้มีการขยายมาตรฐานของ CAN (Control Area Network) ออกมาอีกโดยมีการกำหนดข้อความ(Message) ครั้งละ 29 บิตซึ่งจะทำเกิดข้อความ (Message) หรือคำสั่งที่แตกต่างกันได้สูงสุดถึง 536 ล้านข้อความ (Message)

CAN (Control Area Network) สามารถมีตัวควบคุมหลัก (Master)ได้มากกว่าหนึ่งตัว ในกรณีที่มีตัวควบคุมหลักมากกว่าหนึ่งตัวแต่ละตัวจะมีสิทธิเท่าเทียมกันและจะมีหน้าที่การทำงานเหมือนกัน ข้อดีที่สำคัญของการใช้ CAN (Control Area Network) แบบตัวควบคุมหลักหลายตัว (Multi-Master) คือ ตัวควบคุมหลัก (Master) แต่ละตัวจะสามารถทำงานและควบคุมได้ด้วยตัวของมันเอง และสามารถส่งข้อความ (Message) หรือรับการร้องขอ (Request)ได้ แล้วแต่กรณี การที่ใช้ CAN (Control Area Network) แบบ Multi-Master จะมีข้อดีต่อระบบเครือข่ายคือในกรณีทีมีการเสียหรือเกิดข้อผิดพลาด (Error)ที่ตัวควบคุมหลัก (Master) จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเครือข่ายและจะไม่ทำให้ระบบบัส (System Bus)ล้มเหลวหรือทำงานไม่ได้

CAN (Control Area Network) ถูกพัฒนาโดยบริษัทในประเทศเยอรมันของ Robert Bosch สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ เพื่อที่จะช่วยลดปัญหาต้นทุนระบบบัส (System Bus) และการเลือกใช้ระบบ CAN (Control Area Network) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด

อุตสาหกรรมรถยนต์ใช้ CAN (Control Area Network) ช่วยเพิ่มความสามารถในการประยุกต์ใช้งานและเนื่องจาก CAN (Control Area Network) สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถ ในปัจจุบัน CAN (Control Area Network) ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภทเพื่อใช้ควบคุมและเนื่องจากจุดเด่นของ CAN (Control Area Network) คือความเร็ว ประสิทธิภาพและความปลอดภัย

CAN (Control Area Network) ได้รับมาตรฐาน ISO 11898 (สำหรับ High-Speed Application) และ ISO 11519 (สำหรับ Lower-Speed Application)

โครงสร้างของ Control Area Network (CAN)

CAN (Control Area Network) คือระบบเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ทำงานด้วยความรวดเร็วแบบทันทีทันใด (Real Time) และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่ในระดับสูง เป็นระบบเครือข่ายที่มีความเร็วสูงและมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งหรือดูแลรักษาต่ำได้มีการนำเอา CAN (Control Area Network) มาใช้ในรถยนต์ในส่วนของเครื่องยนต์เพื่อช่วยในการควบคุมการทำงานของ เซ็นเซอร์ (Sensor) เช่น การควบคุมกระจกไฟฟ้า การควบคุมระบบไฟในรถยนต์

ข้อดีของ CAN (Control Area Network)

CAN (Control Area Network) หรือ CAN bus คือการสื่อสารแบบต่อเนื่อง (Serial) สำหรับควบคุมอุปกรณ์ต่างๆแบบทันทีทันใด (Real Time) ซึ่ง CAN (Control Area Network) สามารถจัดการกับอัตราการขนถ่ายข้อมูลได้สูงสุดถึง 1 Megabits ต่อวินาที มีความสามารถในการตรวจจับข้อผิดพลาด (Error Detection) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่าย

ความเสถียรภาพในการทำงาน

CAN (Control Area Network) สามารถที่จะจัดการกับข้อมูล (Data) ที่ส่งหรือรับในสภาวะที่สภาวะแวดล้อมไม่ปกติและมีการขยายการตรวจจับข้อผิดพลาด (Error Checking) เพื่อให้แน่ใจว่า การสื่อสารข้อมูล (Data) นั้นๆ ค่าความผิดพลาด (Error) ถูกตรวจพบ ตามมาตรฐาน ISO 11898 ได้กล่าวสนับสนุนว่า Control Area Network (CAN) ยังคงทำงานอยู่ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้คือ สายสื่อสารระหว่างกันมีปัญหาเกิดการเสียหาย สายสื่อสารมีการช็อตกับไฟขั้วบวกหรือสายสื่อสารมีการช็อตกันกับไฟขั้วลบ

สำหรับเครื่องยนต์ของรถยนต์ในปัจจุบัน จะใช้กล่องคอมพิวเตอร์ (ECU) ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และควบคุมปริมาณการปล่อยไอเสียให้อยู่ในเกณมาตรฐานซึ่งระบบ ดังกล่าวได้มีการจัดทำเป็นมาตรฐานขึ้นมา เรียกว่า OBD-II ย่อมาจาก On-Board Diagnostics generation II เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAE และ ISOโดยกำหนดมาตรฐานวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอล ระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย โดยมีผลบังคับใช้ สำหรับรถยนต์ที่ จำหน่ายในอเมริกาตั้งแต่รุ่นปี 1996 เป็นต้นมา ทำให้บริษัทรถยนต์ค่ายอื่นทั้งเอเชียและยุโรป ก็มีการติดตั้งระบบนี้ด้วยเช่นกันจนกลายเป็นมาตรฐานของรถยนต์ทั้งโลก ข้อมูลที่อ่านจากระบบจะบอกให้ทราบถึงสถานะของส่วนต่างๆที่ เกี่ยวข้องกับควบคุมเครื่องยนต์ เกือบทั้งหมดรวมทั้งระบบมี ECU ต่อร่วมกันหลายตัว ในรถยนต์คันเดียวกัน เป็นเน็ตเวิร์ค (CAN)

บริษัทผลิตรถยนต์ ประเทศอเมริกา จะเรียกว่า OBD-II (California ARB)

บริษัท ผลิตรถยนต์โซนยุโรป จะเรียกว่า EOBD (European OBD)

บริษัทผลิตรถยนตื ประเทศญี่ปุ่น จะเรียกว่า JOBD (Japanese OBD)

สำหรับระบบ ODB-II นั้น ส่วนที่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้รถยนต์หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการซ่อมรถยนต์ คือ การอ่านรหัสผิดพลาดที่ ECU บันทึกไว้ และเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบผ่านทางไฟ Check Engine หรือ ใช้สำหรับอ่านค่าอินพุทจากเซ็นเซอร์หรือสถานะต่างๆแบบเรียลไทม์ที่ ECU มองเห็นและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจและใช้ควบคุม เครื่องยนต์เช่น ความเร็วรอบ ความเร็วของรถยนต์ โหลดของเครื่องยนต์ อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิอากาศ Fuel Trim สถานะของระบบควบคุม Open/Closed loop ออกซิเจนเซ็นเซอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อใช้ในการตรวจ วิเคราะห์อาการผิดปกติของเครื่องยนต์






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.248.254 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 22:31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533312

คำตอบที่ 14
       รถยนต์ที่จำหน่ายตั้งแต่ปี 1996 จะต้องมีระบบ ODB-II (ในประเทศไทยอาจจะช้ากว่าในบางรุ่น) โดยปกติสามารถ

สังเกตุได้ที่สติ๊กเกอร์ที่ติดไว้ที่ฝากระโปรงรถจะมีคำว่า ODB-II Certifiled ระบบ ODB-II ที่ติดตั้งที่รถยนต์มี 5 โปรโตคอล

1. J1850 PWM เป็นของรถยนต์จากค่าย FORD MAZDA สังเกตุคอนเนคเตอร์ต้องมีขา 2,4,5,10,16 ความเร็ว 100Kb/S

2. J1850 VPW เป็นของรถยน์ืจากค่าย GM สังเกตุคอนเนคเตอร์ต้องมีขา 2,4,5,16 แต่ไม่มีขา 10 ความเร็ว 100Kb/S

3. ISO9141-2 เป็นรถยนต์จากค่าย (ประเทศญี่ปุ่นและยุโรป) สังเกตุคอนเนคเตอร์ต้องมีขา 4,5,7,16,15 ความเร็ว 10Kb/S

4. ISO14230-4 หรือ KEYWORD PROTOCOL 2000

5. ISO15765-4/SAEJ2480 (CAN) เป็นรถยนต์จากค่ายยุโรป สังเกตุคอนเนคเตอร์ต้องมีขา 4,5,6,14,16 ความเร็ว 1-10Mb/S

คอนเนคเตอร์ 16 ขา (Diagnostic Link Connectors : DLCs) ตามมาตรฐาน J1979 จะติดตั้งไว้ ด้านคนขับห่างจากบริเวณหน้าปัดไม่เกิน 30 ซม.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.248.254 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 22:32   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533313

คำตอบที่ 15
       OBD CAN เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่

ชุดหัวฉีดแก๊สรถยนต์ที่สามารถรองรับ OBD 2 มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ ทว่าชุดหัวฉีด OBD CAN มีความแตกต่างจากชุดหัวฉีดทั่วไปที่สามารถต่อสัญญาณ OBD หลายประการดังนี้

1.OBD CAN จะเป็นลักษณะการขอยืมข้อมูล มีการเก็บข้อมูล Shot tim กับ Long Tim ไว้ประมวลผลขั้นสุดท้ายในการสั่งฉีดจ่ายแก๊ส

2.กล่อง ECU ระบบ OBD CAN สามารถเรียนรู้คำสั่งกล่อง ECU รถยนต์

แล้วตั้งคำสั่งให้มีการจ่ายแก๊สเหมาะสมตามสภาวะของผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติ ลักษณะพิเศษของ ECU ระบบ OBD CAN ว่า โดยทั่วไป ECU รถยนต์จะมีเพียงแค่กล่องเดียวเรียกว่า Master ECU ส่วน ECU ของชุดหัวฉีดแก๊สทั่วไปเรียกว่า slave โดย ECU ของกล่องรถยนต์สั่งงานอย่างไร กล่องแก๊สก็จะเรียนรู้และสั่งงานตามนั้น แต่พอเป็น CAN จะเป็นลักษณะการขอยืมข้อมูล โดยเก็บข้อมูล Shot tim กับ Long Tim ไว้ประมวลผลขั้นสุดท้ายในการสั่งฉีดจ่ายแก๊ส เมื่อกล่อง ECU แก๊สรับคำสั่งมาจะสามารถจับรูปแบบการขับขี่รถยนต์ของผู้ขับขี่ได้ หากรถยนต์คันดังกล่าวเปลี่ยนคนขับ กล่องแก๊สที่เป็น CAN BUD แทนที่จะทำงานตามกล่องน้ำมันเหมือนระบบ OBD ทั่วไป กลับกลายเป็นว่ากล่องแก๊สระบบ OBD CAN สามารถเรียนรู้คำสั่งหลักแล้วตั้งคำสั่งให้มีการจ่ายแก๊สให้เหมาะสมเองโดยอัตโนมัติ

กล่อง ECU แก๊สจะปรับสภาพการจ่ายแก๊สให้สอดคล้องกับสภาวะการขับขี่ของเจ้าของรถ ถ้าเจ้าของรถเป็นคนขับรถเร็วกล่อง ECU ก็จะปรับการสั่งจ่ายแก๊สให้รถสามารถวิ่งได้เร็วตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่เปลี่ยนผู้ขับขี่คนใหม่ที่เป็นคนขับรถช้า ช่วงแรก ๆ ที่ขับก็จะรู้สึกว่ารถขับได้ลื่นขับขี่คล่องตัว พอใช้ไปได้ระยะหนึ่งระบบการสั่งจ่ายแก๊สก็จะปรับให้รถวิ่งช้าลงตามพฤติกรรมของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.248.254 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 22:35   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533315

คำตอบที่ 16
       oscar-n obd can ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบรถทีมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกล่อง อีซียู ที่มีกล่องอีซียูหลายใบในรถคันเดี่ยวกัน เช่น กล่อง อีซียูเครื่องยนต์ ,กล่องเอบีเอส, กล่องแอร์แบ็ก เพื่อลดจำนวนสายไฟลง จึงจำเป็นต้องใช้ can-bus ในการติดต่อสื่อสารจะใช้สายไฟแค่สองเส้น เรียกว่า can-high, can-low เป็นตัวส่งผ่านข้อมูลซึ่งในการส่งผ่านข้อมูล เราจะใช้โปรโตคอล ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกล่องอีซียู ค่ายรถแต่ละค่ายจะมีโปรโตคอลเป็นของตนเอง เช่น

- TOYOTA ใช้การติดต่อสื่อสาร CAN BUS STD-500 new vios new altis new camry , vego iso914---fast

- HONDA ใช้การติดต่อสื่อสาร CAN BUS EXT-500 new city new civic new accord

- NISSAN ใช้การติดต่อสื่อสาร CAN BUS ISO-9141 teanna tiida

- MITSUBISHI ใช้การติดต่อสื่อสาร CAN BUS STD-500 triton

ในปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารที่เร็วที่สุด คือ รุ่น STD-500

กล่องอีซียู oscar-n obd can ถูกออกแบบมาเป็น STD-500 ดังนั้น รถรุ่นที่มีการติดต่อสื่อสารแบบ STD-500 สามารถ connect can-bus ได้ทันที่โดยไม่ต้องใช้กล่องแปลงสัญญาณ ส่าน EXT-500 ซึ่งเป็น CAN-BUS แต่มีความเร็วตำกว่า STD-500 ทางบริษัทผู้ผลิต (EUROPEGAS) จะทำการปรับปรุงซอฟแวอร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้รองรับการสื่อสารแบบ EXT-500 ส่วน ISO 9141 ทางบริษัทผู้ผลิต (EUROPEGAS) จะส่งกล่องแปลงสัญญาณมาให้ทดลอง เนื่องจากทางผู้ผลิต เลือกใช้โปรโตคอลที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด STD-500 ดังนั้น ในอนาคตทางผู้ผลิตจะทำการพัฒนาเผื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น


จุดเด่นของ OSCAR-N


ความครบครันของฟังก์ชั่นที่ทันสมัยทั้งหมดของ OSCAR-N นั้น มาพร้อมกับการใช้งานที่ง่าย และผ่านมาตรฐาน EURO 5 ช่างเกือบทั้งหมดนิยม ใช้ออโตจูน แต่ชุดแก๊สที่ดีไม่ควรทำแค่ออโตจูนแล้วจบ ควรมีการปรับแต่งเพิ่มเติมได้ง่าย ต่อไปซอฟท์แวร์ที่สามารถปรับแต่งด้วยการ กดปุ่มเพียงปุ่มเดียว จะตอบสนองความต้องการของช่างในจุดนี้ได้ และโดยระบบการทำงานของ OBD CAN ที่มีการทำงานแทนช่างตลอดเวลา จะตอบ สนองความต้องการของผู้ใช้โดยไม่ต้องนำรถเข้าไปใช้บริการปรับจูนจากช่างบ่อย ๆ เหมือนที่ผ่านมา

สิ่งที่ช่างทุกคนจะได้รับคือความเสถียรของการปรับแต่งด้วยซอฟท์แวร์ ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ และประหยัดเชื้อเพลิงกว่าหัวฉีดบางรุ่นบางยี่ห้อที่ไม่ได้ใช้ระบบ OBD ประมาณ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับการขับขี่ในสภาวะเดียวกัน

ระบบการจ่ายแก๊สของรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้การจูนแบบ OBD CAN จะมีความใกล้เคียงกับน้ำมัน ไม่หนาหรือบางจนเกินไปและมีการปรับสภาพ การจ่ายแก๊สตามสภาวการณ์การขับขี่ตลอดเวลา ทำให้กระทบต่อการทำงานของรถยนต์น้อยลง ซึ่งในท้ายที่สุดจะทำให้รถยนต์สึกหรอลดลง และยืนอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

การทำงานอยู่ตลอดเวลาของ ECU แก๊สจะส่งผลดีต่อการใช้เชื้อเพลิงแก๊สในบ้านเราที่มีส่วนผสมระหว่างโพรเพ นกับบิวเทนไม่คงที่ บางวันเจอแก๊สที่มีโพรเพน 70 บิวเทน 30 บางวัน 60/40 บางวันเจอ 50/50 ดังนั้นระบบที่มีการอ่านค่าตลอดเวลานั้นสามารถอ่านค่าได้ทุกช่วง และทุกรอบของการขับขี่ ทำให้สามารถปรับการฉีดจ่ายแก๊สตามค่าของเชื้อเพลิงได้

http://www.energy-reform.com/advance_obd.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.248.254 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 22:39   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533316

คำตอบที่ 17
       ขอบคุณมากครับพี่Pnu สำหรับขอมูล ให้ความกระจ่างมากเลยครับ โอ้..ไวจริงๆเพิ่งคุยกันเมื่อตะกี้นี้ มิน่าล่ะกิจการเจริญรุ่งเรืองฉุดไม่อยู่แล้ว....ขอให้รวยๆยิ่งๆขึ้นนะครับ

ผมพึ่งขับรถกลับมาถึงบ้านที่ กทม.(ไปจันทบุรี มาครับ ) จอดรถปุ๊ป ลองเอามือสอดเข้าไปใต้ฉนวน แตะดูความร้อนที่แบตฯ ก็ไม่ร้อนครับ มันแค่อุ่นๆ.... แต่กลางวันน่าจะร้อนกว่านี้ครับ ก็ต้องลองเทสเรื่องอุณหภูมิดูอีกทีละครับ.....




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Bank285 จาก Bank Juc Original 285 124.120.3.57 จันทร์, 27/9/2553 เวลา : 23:22   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533319

คำตอบที่ 18
       เดี๋ยวผมจะให้น้องที่ร้าน ทำให้ตอนนี้เลย(พอดีมีของในสต๊อกอยู่แล้ว) มันน่าจะดีกว่าเดิม
นะครับ ที่เราสังเกตุได้คือ ทางผู้ผลิตเค้ายังทำเป็นแผ่นพลาสติก มาให้ไว้เพื่อกันความร้อนมาให้ส่วนนึงแล้ว เรามากันให้อีกสักนิด ไม่น่าจะเป็นไรนะครับ เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ



ใช่ครับ พลาสติกที่หุ้มในXjผม เป็นของรถมาตั้งแต่ป้ายแดงเลยครับ คงมีมาเพื่อการนี้ละครับ...
จาก : Bank285(Bank285) 28/9/2553 23:20:21 [124.122.120.175]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เอ้ครับ จาก เอ้ครับ 113.53.58.67 อังคาร, 28/9/2553 เวลา : 11:01   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533376

คำตอบที่ 19
       ในกรณีที่เป็นแบต แห้งล่ะครับ การสึกหรอ หรือ ความร้อนของเครื่องมีผลประการใด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

lhong จาก Lhong 110.164.238.204 อังคาร, 28/9/2553 เวลา : 18:23   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533434

คำตอบที่ 20
       แจ๋วมากเลยแบ๊งไอเดียแจ่มจริงๆ
ห่อหุ้มแล้วป้องกันลมร้อนจาก หม้อน้ำมาปะทะตรงๆได้



ช่วยลดลมร้อนจากหม้อน้ำได้ดีเลยที่เดียวครับพี่
จาก : Bank285(Bank285) 28/9/2553 23:17:02 [124.122.120.175]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

พิทบูลเขี้ยวตัน จาก wudh@MKJ 58.9.100.168 อังคาร, 28/9/2553 เวลา : 22:09   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533454

คำตอบที่ 21
       ทำเสร็จแล้ว เรียบร้อยครับ ยังมีเหลือแผงกันความร้อนอยู่อีก ผมเลยให้ลูกน้อง ไปกันความร้อน
ที่กล่องกับ ที่เติมน้ำมันเบรค ซะด้วยเลย (zj) ดูแล้วก็สวยงามดีนะครับ

ลองดูครับ ไม่เสียหายอะไร



ขอเพิ่มอีกสองกล่อง ไข่ดาวไม่ต้อง 555
จาก : ขุนคีรี(ก้องทำเนียบ) 29/9/2553 10:10:11 [118.173.3.220]
อ้าว คุณเอ้ งั้นพี่ไข่ดาวก็ทำแบบนี้ไม่ได่อะดิ ไปห้ามพี่เค้าทำไม อะอะ ล้อเล่ง แซวเล่ง
จาก : romeo&apple(romeo&apple) 29/9/2553 10:54:43 [202.176.81.153]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เอ้ครับ จาก เอ้ครับ 118.173.169.230 พุธ, 29/9/2553 เวลา : 09:50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 533515

คำตอบที่ 22
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

วานร จาก Tahoe 98.112.159.144 เสาร์, 9/10/2553 เวลา : 10:41   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 534897

คำตอบที่ 23
       กำลังมีปัญหาเรื่องเแบตฯพอดีเลย สงสัยว่าไฟรั่วแล้ว....อื่นๆอีกมากมาย 555
แบ๊งค์กลับมาจันท์แล้วค่อยมารื้อกัน ชวนเบิร์ดกะพี่บอมบ์มาด้วยจะดีมะ เป็นแก๊ง B4 ฮ่าๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bbdugong จาก Baby213506 180.180.108.137 เสาร์, 9/10/2553 เวลา : 19:16   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 534951

คำตอบที่ 24
       พรุ่งนี้จะลอง TAB OBD กับ Jeep ดูว่าจะได้หรือป่าว แล้วจะมาเหลาให้...ทั่น Bank ฟังว่าเป็นอย่างไร ใช้กับน้องจูน OK ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=8-pDVYX24Zk&feature=player_embedded





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.247.238 พุธ, 13/10/2553 เวลา : 20:03   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 535749

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,24 เมษายน 2567 (Online 3204 คน)