คำตอบที่ 1
       ผมใช่ 75 140 ทั้งหน้าหลังเลยครับพี่ ราคามันเท่ากันซื้อยกลังหารกันหลายๆคน
เวลาเหลือเสษก็เหมาลงขวดเดียวกันได้
แต่ไม่ร้มีผลอะไรต่อคานหน้าหรือปล่าว แต่คิดว่าไม่น่านะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       แล้วน้าหมอก ใช้ขอยี่ห้อไร ราคายกทั้งลังปนะมาณเท่าไรได้อ่ะครับ

วาโวลีนครับพี่ ราคายกลังลดไม่เอยะครับ แต่ตกขวดม่ถึง 170 จาก : mork(mork) 12/4/2554 11:24:50 [124.121.121.239]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       มาตรฐานน้ำมันเครื่อง
1.มาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ (Society of Automotive Engineer : SAE) ใช้ระบุความหนืด (ความข้นใส) ของน้ำมันเครื่อง ค่ายิ่งมากก็ยิ่งมีความหนืดมาก โดยแบ่งน้ำมันเครื่องออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
เกรดเดียว (monograde) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดค่าเดียว เช่น SAE 40 หมายความว่า ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 40
เกรดรวม (multigrade) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืด 2 ค่า เช่น SAE 20W-50 หมายความว่า ในอุณหภูมิ -25 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 20 แต่เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส จะเปลี่ยนค่าความหนืดเป็น เบอร์ 50
อักษร "W" ใช้เป็นตัวบ่งบอกว่าค่าความหนืดนี้เป็นเกรดฤดูหนาว (วัดที่ -25 องศาเซลเซียส) หากไม่มีจะเป็นเกรดฤดูร้อน (วัดที่ 100 องศาเซลเซียส)
2.มาตรฐานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (The American Petroleum Institute : API) ใช้ระบุประเภทของเครื่องยนต์ และสมรรถนะในการปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ สำหรับเครื่องยนต์เบนซินใช้อักษร "S" (spark ignition) เช่น SA SC SD SE SF SG SH SI SJ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลใช้อักษร "C" (compress ignition) เช่น CD CB ... CF4 บางครั้งเราอาจเห็นทั้ง "S" และ "C" มาด้วยกัน เช่น SG/CH4 หมายถึง น้ำมันเครื่องนี้เหมาะสำหรับการใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ในระยะสั้น หรือ CH4/SG ก็จะกลับกันกับกรณีข้างต้นคือเหมาะสำหรับการใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล
แต่ก็สามารถใช้กับเครื่องยนต์เบนซินได้ในระยะสั้น

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ Differential Limitted Slip ที่อยู่ในคานหลัง จะ 90 หรือ 140 ก้อพิจารณาจากงานที่ใช้แต่ต้องมีสาร Additive สำหรับเฟือง Differential Limitted Slip ด้วย
ส่วนในคานหน้าเป็นเพียงเฟืองก้อใช้เกรดเดี่ยวได้เช่นเดียวกับเกียร์ Manual

โปรดพิจารณาในการเสพข้อมูล และรับฟังได้หลายแนวทาง..ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ เขยหาดเสี้ยว..งั้นการใช้ความหนืดเกินสภาพการใช้งานจริงมีผลมั๊ยครับ จาก : jeepblood(jeepblood) 13/4/2554 15:06:10 [113.53.20.232] เพราะระบุว่า..ถ้าใช้75w_140แล้วจะต้องเติมadditive(สารปรับสภาพความหนืด)ตามด้วย จาก : jeepblood(jeepblood) 13/4/2554 15:08:46 [113.53.20.232]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ในส่วนตัวใช้เกียร์ manual หาก นมล.เหลือจากการเติมเกียร์ก้อนำมาใช้กับคานหน้า (SAE 90)
แต่ถ้าจะซื้อมาใช้กับคานหน้า-หลังก้อจะใช้ 75W-140 (Differential Limitted Slip) เหตุผลเดียวกับหมอกดำ คือ ราคาเดียวกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ในความเข้าใจส่วนตัว (ย้ำ) ...
เมื่อฐานตัวล่าง (75W-xxx) เหมือน หรือใกล้เคียงกันมาก (75W-xxx หรือ 80W-xxx) จะไม่ให้เป็นประเด็น
แต่ฐานตัวบน (xxW-90 หรือ xxW-140) น่าขบคิด หากใช้งานตามปกติซึ่งก้อไม่ถึงค่าความหนืดเบอร์ 140 (ที่อุณหภูมิ 100 C) แต่เมื่อจำเป็นหรือซนจนต้องใช้ค่าความหนืดมากกว่าเบอร์ 90 นมล.จะใสจนไม่เหลือค่าความหนืดที่จะมาหล่อลื่นจนเกิดความสึกหรอ จึงใช้ให้เกินมากกว่าขาด และอีกอย่างคือราคา
สาร Additive ได้แก่ สารป้องกันสนิม และการกัดกร่อน ไม่น่าจะใช่สารปรับสภาพความหนืด (ค่าความหนืดกำหนดด้วยมาตรฐาน SAE หรือ API)
แต่คานหลัง ต้องใช้ นมล. ที่มีสาร Additive ด้วย ดูข้างกระป๋องมีคำว่า Differential Limitted Slip เช่น Valvoline. Ptt, ...

เฟืองท้าย (หน้า-หลัง)
นมล.เกียร์ Mopar หรือคุณสมบัติเทียบเท่าของ SAE 75W-90 (API-GL5)
สำหรับการลากรถพ่วง โดยปกติใช้ นมล.สังเคราะห์ SAE 75W-140
ในเพลาหลังรุ่นติดตั้งด้วย Trac-Loc จะต้องเติมสารพิเศษเพิ่ม

หากเข้าใจตรงกันตามนี้
การขับขี่ตามสภาพปกติโดยทั่วไป ก็ใช้ SAE 75W-90
สำหรับการขับขี่ในการลากรถพ่วง หรือพวกซน .. ใช้งานหนักกว่าสภาพปกติ ก็ใช้ SAE 75W-140
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อรถเรามี Differential Limitted Slip ในคานหลัง(เพลาหลัง) ก็ต้องใช้ นมล.ที่มีสาร Additive ด้วย ซึ่งบางยี่ห้อจะผสมมาแล้ว หากยี่ห้อใดไม่มีก็ต้อหามาเติมเพิ่ม แต่การจะใช้ นมล.ต่างยี่ห้อมาผสมกันก็ยังมีข้อพิจารณาอีกมากมาย

โปรดพิจารณาในการเสพข้อมูล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ตามคู่มือดีที่สุด เพราะหากใช้ผิดจะก่อให้เกิดผลเสียแก่ลูกปืนเฟืองท้ายก่อนและจะตามด้วยเฟืองบายสีและเดือยหมู เพราะเคยเจอกับรถใหญ่ หากใช้น้ำมันเบอร์ 140 โดยมิได้ลากจูง จะทำให้ลูกปืนเฟืองท้ายเกิดอาการไหม้ได้ หรือหากลากจูงใช้เบอร์ 90 ก็จะทำให้น้ำมันร้อนเร็ว และทำให้ความหนืดของน้ำมันลดลง ก็ทำให้บายสีกับเดือยหมูไหม้ ปัจจุบันรถสิบล้อเกียร์ฟูลเลอร์ยังใช้น้ำมันเกียร์ เบอร๋ 40 แทนเลยเพราะลูกปืนเป็นลูกปืนเข็มหากใช้เบอร์ 90 น้ำมันไม่ไปเลียงลูกปืน เกียร์จะพัง

ขอบคุณครับ.. จาก : jeepblood(jeepblood) 18/4/2554 12:17:44 [182.52.137.232]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       Additive ที่ใส่ผสมในตระกูลน้ำมันเกียร์ทั่วไปจะเป็นพวกช่วยหล่อลื่นและสารป้องกันการสึกหรอ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแผ่นฟิมล์กันไม่ให้เฟืองสัมผัสกันโดยตรง อีกตัวก็เป็นสารป้องกันการเกิดฟองในขณะที่รอบเกียร์หรือเฟืองท้ายหมุนเร็ว
ถ้ารถสภาพปรกติใช้เบอร์ 90 ดีที่สุด ถ้าใช้เบอร์ 140 เวลาขับรถความเร็วสูงเฟืองท้ายจะร้อนจัดเกินไปและเปลืองน้ำมันขึ้นด้วย
ถ้ารถบรรทุกหนักหรือใช้ลากจูงก็ใช้เบอร์ 140 เพราะรถพวกนี้เฟืองจะรับแรงมากและรถวิ่งไม่ค่อยเร็ว
ถ้ารถที่ใส่ยางใหญ่ก็ใช้เบอร์ 140 ได้ เพราะส่วนมากจะมีการทดเฟืองแล้วรอบจึงไม่จัดเกินไปและเฟืองรับแรงเพิ่มขึ้นในการขับเคลื่อนยางที่ใหญ่ขึ้น

ตามนี้เลยครับ ถูกต้องที่ซู๊ดดดดส์ จาก : mop(mop) 18/4/2554 5:07:41 [58.8.96.137] นั่นสิครับ..เลือกใช้ให้เหมาะสภาพการใช้งานหลัก..ประหยัดและถนอมรถพร้อมกัน จาก : jeepblood(jeepblood) 18/4/2554 12:14:08 [182.52.137.232]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       โห้....มีแต่ผู้เกี่ยวข้องกับน้ำมัน...ตัวจริงทั้งนั้นเลย.....
เก็บๆๆๆๆๆ....ข้อมูล

ส่วนแนวของผม

เฟืองรอบเร็ว-เฟืองละเอียด ใช้ใสๆ
เฟืองรอบช้า-เฟืองหยาบ ใช้ข้นๆ

รอบเร็ว ใช้ข้นๆ น้ำมันสลัด ออกหมดไม่จับหน้าเฟือง
รอบช้า ใช้ใสๆ น้ำมันไหล ออกหมดไม่จับหน้าเฟือง

ส่วนสารเพิ่มคุณภาพ คุณting ตอบหมดแล้ว....

อธิบายชัดเจนเห็นภาพเลย..ขอบคุณครับ จาก : jeepblood(jeepblood) 18/4/2554 12:16:44 [182.52.137.232]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ขับในเมือง นานๆเข้าป่า ใช้เบอร์ 90 ตัวเลขสูงกว่ามีความหนืดมากกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ใส่ยางใหญ่แนะนำใช้เบอร์140 เพราะน้ำหนักรถมากขึ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       จริงๆก็ใช้ได้นะถ้าไม่คิดไรมาก แต่ของผมใช้แบบนี้ก็เฟืองท้าย หน้าที่การทำงานมันต่างกันน่ะ โดยเฉพาะหลังที่ต้องรับน้ำหนักมากทำงานหนักผมเลยใช้เบอร์ความหนืดมากกว่าข้างหน้าผมไปเจอข้อมูลนี้มาเลยรู้http://www.yukonlubricants.com/

แสดงความคิดเห็นย่อย