คำตอบที่ 49
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ครับ
ยาวหน่อยแต่น่าจะมีประโยชน์ครับ ไปเจอมา
การใส่ Part (ชุดแต่งรอบคัน)
รวม ไปถึงชุดกันชนรอบคันด้วย ซึ่งกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากลักษณะของการต ิดตั้ง หากติดตั้งในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกา ย หรือจิตใจของผู้อื่น เช่น ไม่ติดยื่น ติดยาวจนเกินไป และไม่มีส่วนหนึ่ง ส่วนใดเป็นสิ่งแหลมคม ยื่นออกมาทำร้ายให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อันนี้ถือว่าไม่ผิดกฎหมายนะครับ แต่จะผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อติดตั้งในลักษณะที่อาจก่อให ้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อื่น เช่น ติดยื่น ติดยาวจนเกินไป หรือมีลักษณะเป็นของแหลมคม จนมีคนเดินผ่านรถไปเฉี่ยวถูกทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อไปว่าด้วยเรื่อง กระจกมองข้างแต่ง ซิ่งทรงต่าง ๆ ซึ่งการติดกระจกมองข้างทรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะอันเล็ก อันใหญ่ ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย สามารถติดได้ เหตุผลเพราะ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 บัญญัติว่า รถยนต์ต้องมีและใช้เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถดังต่อไปนี ้
- เครื่องมองหลัง เป็นกระจกเงา ติดอยู่ในที่ที่ผู้ขับรถ สามารถมองเห็นภาพการจราจรด้านข้าง และด้านหลังได้ทุกขณะอย่างชัดเจน
เนื่องจากไม่ได้กำหนดจำนวน หรือขนาดของเครื่องมองหลัง ดังนั้นจึงสามารถติดเพิ่มจากเดิมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
อีก เรื่องกับเทรนด์ฮิต ไฟตัดหมอก ซึ่งขอบอกเอาไว้เลยนะครับว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ไม่ให้เกินงามด้วยเช่นก ัน ดังนี้
1. สามารถติดได้ที่หน้ารถข้างละหนึ่งดวงอยู่ในระดับเดีย วกัน ใช้ไฟแสงขาว หรือแสงเหลือง
มี กำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ สูงจากพื้นทางราบไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงฟุ่งไกล (ไฟสูง) และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟต่ำ) ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น ้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตรในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา
2. ไฟตัดหมอกจะเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างได้เฉพาะในทางที่จะขับรถผ่าน มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะของแสงไฟ
ดังนั้น สรุปว่า
1. การติดไฟตัดหมอก มีเงื่อนไขตาม ข้อ 1
2. การใช้ไฟตัดหมอก ต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขตาม ข้อ 2
อีกหนึ่งเรื่องที่วัยรุ่นนั้นขาดไม่ได้เช่นกันนั่นก็ คือ ท่อไอเสีย
รถ ยนยต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดท่อไอเสีย และปลายท่อด้านท้ายมีขนาดใหญ่กว่าปรกติ ซึ่งจะมีความผิดหรือไม่นั่นบอกได้เลยว่า ไม่ผิดครับ แต่สำคัญอย่าให้เสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ พอ คือ ต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
เรื่องนี้ก็สำคัญ และยังเป็นที่ค้างคาอยู่ในจิตใจของวัยรุ่นมาโดยตลอดก ับการโหลดเตี้ย-ยกสูง
ว่า ที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายนั้นเป็นยังไง (ทำไมรถโหลดเตี้ยชอบโดนจับ แต่ทำไมรถ Off Road ยกสูงถึงไม่ค่อยโดนจับ) กล่าวเลย ก็คือ รถโหลดเตี้ย หรือรถยกสูง ไม่ผิดกฎหมาย เว้นแต่รถโหลดเตี้ย หากโหลดแล้ว มีผลต่อเนื่องไป ทำให้ส่วนอื่นของรถผิดกฎหมายไปก็จะถือว่ามีความผิดไป ด้วย
ซึ่ง เห็นได้ชัดที่สุดคือ การโหลดเตี้ยทำให้ระดับของไฟหน้ารถผิดไปจากเดิมตามที ่กฎหมายพระราชบัญญัติรถยนต์กำหนดไว้ ได้แก่ ไฟหน้ารถถูกกำหนดให้สูงจากพื้นทางราบถึงจุดศูนย์กลาง ดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 ม. แต่ไม่เกิน 1.35 ม. หากนำรถไปโหลดเตี้ยแล้วลองเอาไม้บรรทัดวัดดูว่าน้อยก ว่า 0.60 ม. หรือไม่ หากน้อยกว่าก็ผิดกฎหมายครับ สำหรับรถยกสูงหากไฟสูงเกิน 1.35 ม. ก็ผิดกฎหมายพระราชบัญญัติรถยนต์เช่นเดียวกันครับ
เรื่องสุด ท้ายกับสิ่งที่ไม่สามารถยั้งใจวัยรุ่นเอาไว้ได้ นั่นก็คือ เรื่องของความเร็วสำหรับวัยรุ่นขาซิ่ง และ การตรวจจับความเร็ว ของทางเจ้าหน้าที่ในลักษณะที่ผิดกฎหมายนั้นก็ได้แก่
1. ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับประเทศไทยนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน
1.1 ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นกฎกระทรวงออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ระบุไว้โดยสรุปดังนี้
รถส่วนบุคคล รถเก๋ง รถแท๊กซี่ รถปิคอัพขนาด 1 ตัน
- ใช้ความเร็วในเขต กทม.หรือ เขตเทศบาลได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
- ใช้ความเร็วนอกเขต กทม.หรือนอกเขตเทศบาล ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม.
- ซึ่งความเร็วดังกล่าวข้างต้นรวมถึงบนทางด่วนทุกขั้น (ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร) ด้วย
1.2 ยกเว้นทางมอเตอร์เวย์ มีกฎหมายระบุไว้เป็นการเฉพาะให้วิ่งได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. เหตุที่เป็นเช่นนี้เข้าใจว่า เพราะมอเตอร์เวย์เป็นทางในระดับพื้นราบ ไม่มีทางโค้ง หรือจุดที่เกิดอันตรายมาก และส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตรง ๆ ไม่ค่อยมีทางร่วมหรือทางเชื่อม ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มากอย่างปลอดภัย แต่บนทางด่วน มีทางเชื่อม ทางขึ้นลง ทางแยก รวมทั้ง มีทางโค้ง โค้งหักศอก เป็นทางยกระดับ ทางลาดชัน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากใช้ความเร็วสูง ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นบ่อย ๆ กรณีรถเกิดอุบัติเหตุแล้ว ตกลงจากทางด่วนลงมาพื้นราบ ทำให้คนที่ไม่มรู้เรื่องรู้ราวด้านล่างตายไปหลายกรณี แล้ว
1.3 กรณีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ส่วนใหญ่จะบังคับใช้ หรือเข้มงวดกับรถที่ขับรถเร็วจนผิดปกติ หรือใกล้จุดที่น่าจะเกิดอันตราย เช่น แหล่งชุมชน เป็นต้น และจะมีการใช้เครื่องเรดาห์ ในการตรวจจับโดยเครื่องดังกล่าว ได้รับการรับรองความมาตรฐานจากกองทัพอากาศ เป็นระยะ ๆ เพื่อกันปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทางด่วนจะมีการเรียกตรวจจับที่คว ามเร็วเกินกว่า 110 กม./ชม. โดยผู้ขับขี่จะถูกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่รถ และออกใบแทน (ใบสั่ง) ให้รับไป ซึ่งกฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนจะปรับไม่เกิน 500 บาท แต่จะถูกยึดใบขับขี่ตามมาตรการบันทึกคะแนนไว้ 15 วัน หลังจากนั้น มารับใบขับขี่คืนได้ที่โรงพักที่เราเสียค่าปรับ
ข้อหาหรือฐานความผิดตามกฎหมายที่ควรทราบ
1 นำรถที่ไม่มั่นคงแข็งแรงอาจเกิดอันตรายหรือทำให้เสื่ อมเสีย สุขภาพอนามัย มาใช้ในทางเดินรถ
ปรับไม่เกิน 500 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 200 บาท
2 นำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ
ปรับไม่เกิน 1,000 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 300 บาท
3 นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ่นควัน ละอองเคมี เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดมาใช้ในทางเดินรถ
ปรับไม่เกิน 1,000 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 500 บาท
4 นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดเสียงเกินเกณฑ์ที่อธิบด ีกำหนดมาใช้ ในทางเดินรถ
ปรับไม่เกิน 1,000 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 500 บาท
5 ขับรถในทางไม่เปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างในเวลาที่มีแสง สว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวาง ในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะ 150 เมตร
ปรับไม่เกิน 1,000 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 200 บาท
6 ใช้สัญญาณไฟวับวาบผิดเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
ปรับไม่เกิน 500 บาท อัตราตามข้อ กำหนดปรับ 300 บาท
เครดิต http://www.cm-club.com และ http://www.vipcarthailand.com