คำตอบที่ 181
       กราบสวัสดีครับน้ายิ้ม แวะมาทักทายครับ เอาไว้มีเวลาแล้วมาปะกันได้ครับน้า สิ้นเดือนนี้หยุหลายวันถ้ามีเวลาไปทริปทุ้งกระเจียวด้วยกันไหมครับ...

กราบสวัสดีครับ น้าโจครับ อยากไปครับน้าครับ แม่บ้านก็อยากไปชมทุ่งดอกกระเจียว จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 23/7/2555 15:54:45 [223.204.15.126] แต่ความตั้งใจไว้ดิบดีเห็นทีจะเป็นหมันซะแล้วครับ สถานการณ์แวดล้อมไม่ใคร่จะเป็นใจครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 23/7/2555 15:58:18 [223.204.15.126] ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ เดี๋ยวจะขอลองเช็คคิวดูก่อนครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 23/7/2555 16:01:32 [223.204.15.126]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 182
      
คราวก่อนโน้นตั้งใจไว้เหลือหลายว่าจะมีเรื่องบรรยากาศการเปลี่ยนปั๊มน้ำ ZJ ในแบบพื้นบ้านๆ มาขยายให้น้าๆ ได้บ่นเบื่อกันไปข้าง ทั้งๆที่ได้เคยมีหลายท่านได้เคยเอามาลงไว้แล้ว ในการนี้ผมเลยลองไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งสิบสองชั่วโมง แบบจิบกาแฟไปด้วย เอ้อระเหยไปไม่รู้อีกเท่าไหร่ แถมแอบงีบไปอีกชั่วโมงกว่าๆ หักลบออกแล้วก็ยังมีเรื่องให้เล่าเยอะอยู่ดี ที่คิดว่าจะให้เป็นแค่เรื่องสั้นขนาดยาวคงไม่ใช่แล้ว เรื่องมันยาวแบ่งออกได้สองสามตอนทีเดียว อะไรกันมากมายก็ไม่รู้ น้องๆ มหากาพย์สตาร์วอร์สโน่นแหละครับ


ดูๆ แล้ว จำนวนคำตอบในกระทู้ก็เหลือไม่มาก ก็เลยจะขออนุญาตยกยอดเรื่องปั๊มน้ำไปเริ่มที่กระทู้หน้าก็แล้วกันครับ เพื่อความต่อเนื่องนะครับ ( ยังจะมีกระทู้หน้าอีกแน่ะ เท่านี้น้าๆ ก็คงบ่นเบื่อกันพอแรงแล้ว ) ส่วนจำนวนคำตอบที่เหลืออยู่นี่ จะได้เอาบรรยากาศการ D.I.Y จุดอื่นที่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดว่าพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เอามาเล่าสู่กันฟัง กับเอาไว้ทักทายถามข่าวคราวกับน้าๆ กันด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 183
      
สืบเนื่องจากที่น้าคนยกตู้ ได้กรุณาโทรสอบถามและให้ความช่วยเหลือเรื่องท่อน้ำล่าง ZJ รวมทั้งอุปกรณ์ประกอบ ทีแรกตั้งใจว่าจะรีบเปลี่ยนตอนที่ได้มาเลย รู้สึกว่าเป็นงานง่ายๆ แค่เปลี่ยนท่อยางเอง พอไปดูจริงๆ มันควรจะต้องมีขั้นตอนการถอดพัดลมปรีปั้มกับตัว COVER พลาสติกที่ครอบอยู่ จึงจะเข้าถึงจุดที่จะเปลี่ยนท่อยางได้โดยสะดวก ซึ่งน่าจะได้ใช้เวลาอยู่พอสมควร เลยขอผัดเอาไว้ทำช่วงที่สะดวกก็แล้วกันครับ อันนี้ต้องกราบขอบพระคุณน้าคนยกตู้เป็นอย่างสูงอีกครั้งครับ


 แก้ไขเมื่อ : 23/7/2555 15:36:33

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 184
      
แม้จะอยู่ในช่วงที่ธุระต่างๆ รัดตัวอยู่มาก แต่ก็อดไม่ได้หรอกครับที่จะหาโอกาสทำ D.I.Y. เล็กๆ จนได้ คราวนี้เล็งเอาเจ้าสกรูตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านบนของกระปุกพวงมาลัย ซึ่งได้รับทราบจากน้าๆ หลายท่านในบอร์ดมาเป็นเบื้องต้นแล้ว ว่าเป็นสกรูปรับตั้งระยะฟรีพวงมาลัย เลยเล็งผลเลิศว่า หากปรับตั้งสกรูตัวนี้อย่างเหมาะสม กับได้เช็คลูกหมากลูกยางต่างๆ เป็นอันดีแล้ว รถเราน่าจะมีระบบการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำขึ้น สามารถเอาไปขับไล่จับตั๊กแตนกลางทุ่งนั่นเลยเทียว


ก็เลยเริ่มต้นกันที่สกรูตัวเล็กๆ กับน็อตล็อกอีกหนึ่งตัวนี่แหละ น่าจะง่ายดี หุหุ

ในการนี้ได้รับคำแนะนำเทคนิควิธีการจากน้าคนยกตู้เป็นอย่างดีครับ ขอบคุณครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 23/7/2555 15:42:31 [223.204.15.126]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 185
      
พอดีได้มาเจอภาพในกระทู้ตามลิ้งค์นี้ ของท่าน SKK

http://www.thailandoffroad.com/jeep/board/Question.asp?ID=46016

ก็เลยขออนุญาตยืมภาพมาใช้ในการอ้างอิงโดยไม่ได้บอกกล่าว ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ด้วยความขอบคุณครับ


จากรูป ผมเห็นว่ามันมีฟันเฟืองขนาดใหญ่อยู่สามฟัน ที่จะถ่ายแรงหมุนจากแกนพวงมาลัยไปเป็นแรงหมุนในแนวแกนที่ตั้งฉากกัน อันนี้เป็นข้อสังเกตตามปกติครับ แต่ข้อสังเกตที่พบอีกอย่างคือ ฟันเฟืองจะมีลักษณะเอียงสอบเข้าครับ เข้าใจว่าเวลาติดตั้งเข้าไปแล้วส่วนที่เป็นฟันเฟืองทั้งสามฟันนี้ คงจะวางอยู่เยื้องสูงขึ้นไปเหนือเฟืองตัวหนอนที่เป็นตัวขับ ในลักษณะที่กึ่งๆ จะกดทับอยู่นิดๆ น่ะครับ คิดไปเองอีกว่าถ้าปรับสกรูให้แกนในแนวตั้งมันกดลง ก็จะทำให้ฟันเฟืองกระชับกันขึ้น ระยะฟรีก็จะลดลง ถ้าปรับสกรูให้แกนมันถอนขึ้น ฟันเฟืองก็จะหลวม ทำให้มีระยะฟรีมากขึ้น เพราะฉะนั้นการปรับตั้งสกรูตัวดังกล่าวจึงทำให้สามารถปรับตั้งระยะฟรีของแกนพวงมาลัยซึ่งวางอยู่ในแนวนอนได้ด้วยเหตุฉะนี้แล ผมคิดว่าของผมอย่างนี้ไม่ทราบว่าจะถูกต้องหรือเปล่านะครับ


น้าๆ อย่าเพิ่งคิดเห็นคล้อยตามไปนะครับ นี่ยังอยู่ในขั้นตอนการหาความจริงอยู่ครับ ข้อสรุปจะเป็นอย่างไร รบกวนน้าๆ ที่ได้เคยมีโอกาสได้รื้อดูแล้วกรุณาให้ความกระจ่างด้วย ยินดีน้อมรับครับ ขอบคุณครับ ต่อไปเวลาปรับตั้งสกรูตัวนี้จะได้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นครับ

ตอนนี้ได้รับคำตอบจากท่าน skk ว่าเป็นไปตามข้อความข้างต้นจริงๆ ขอบพระคุณมากครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 29/7/2555 12:52:08 [223.204.61.133]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 186
      
จะอย่างไรก็แล้วแต่ ในใจก็ยังอยากทดลองดูอยู่ เนื่องจากดูแล้วเป็นการปรับตั้งเล็กๆ ไม่น่าจะยากและใช้เวลามากนัก ก็เลยเกิดบรรยากาศอย่างนี้ขึ้นมา

มีถังลมด้วยน้ายิ้มเรา แสดงว่าไม่ธรรมดาแล้วน้ายิ้มเรา จาก : paew(paew) 29/7/2555 13:05:51 [49.0.66.105] สวัสดีครับน้าแป๋ว แบบบ้านๆ ครับซื้อเพิ่มขนาดไว้ตอนคิดว่าจะหารถน่ะครับ เตรียมซ่อมเต็มที่ครับ อิอิ. จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 29/7/2555 13:40:30 [223.204.61.133]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 187
      
เครื่องมือที่ใช้ก็ไม่มากครับ ผมใช้เครื่องมือพื้นฐาน คือประแจแหวนเบอร์ 5/8 สำหรับขันน็อตตัวล็อก กับอีกอันประแจแอลหกเหลี่ยมเบอร์ 3/16 สำหรับปรับตั้งสกรู เข้าใจว่าเป็นเพราะความที่เจ้ากระปุกนี่เป็นชุดประกอบสำเร็จมาจากนอก ก็เลยใช้น็อต-สกรู เป็นเบอร์แบบเศษส่วนของนิ้วตามความนิยมของแหล่งผลิตครับ สองอันนี่ผมใช้ในการปรับตั้งครับ


เครื่องมือเสริมส่วนอื่นๆ ที่ผมเตรียมไว้ ก็อย่างเช่น โคมไฟสำหรับส่อง เพราะจุดที่จะทำงานนั้นแสงจากภายนอกจะเข้าถึงได้น้อยหน่อยแม้จะเป็นที่กลางแจ้งในตอนกลางวัน ยิ่งตอนที่ผมเริ่มลงมือทำนั้นใกล้จะค่ำแล้วยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็น นอกนั้นก็เป็นส่วนเสริม เช่นเครื่องปั๊มลมพร้อมหัวเป่าเตรียมไว้เป่าทำความสะอาด กับผ้าขี้ริ้วเยอะๆ หน่อย จะได้เช็ดทำความสะอาดส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างที่เห็นในรูป ส่วนเครื่องมือต่างๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลังจะได้กล่าวถึงในต่อไปในอันดับต่อไป


 แก้ไขเมื่อ : 29/7/2555 13:08:37

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 188
      
น้าๆ ครับ ตามปกติธรรมดาแล้วผมเป็นคนไม่ใคร่จะรอบคอบนัก แต่วันนี้เกิดจะรอบคอบขึ้นมาผิดปกติ ก็เลยไปค้นเอาตะไบสามเหลี่ยมมาอันนึง คือกะจะทำเครื่องหมายเล็กๆไว้ที่สกรูตัวที่ใช้ปรับตั้งเป็นขั้นตอนแรกสุดเลย จะได้เอาไว้ดูอ้างอิงได้ หลังจากเช็ดทำความสะอาดบริเวณสกรูและรอบๆ แล้ว สอดตะไบลงไป ค่อนข้างยากครับ เอาสันตะไบปาดเป็นรอยเล็กๆ ที่ขอบบนของสกรู ที่ยากยิ่งคือแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ขยับตะไบเลยครับ แถมตัวสกรูยังแข็งมากอีก แต่ในที่สุดก็ได้เครื่องหมายเล็กมากๆ ตามที่ต้องการ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 189
      
เอาล่ะครับ ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการปรับตั้งสกรูตัวที่ว่าแล้ว ผมลองพยายามสอดประแจแหวนเข้าไปหมุนคลายน็อตตัวล็อก ไม่ได้ผลครับ พื้นที่จำกัดเหลือเกิน ไม่อยู่ในมุมที่จะออกแรงหมุนได้ถนัด ก็เลยให้นึกไปถึงว่า ถ้าเป็นประแจบ็อกเบอร์ 5/8 นิ้ว ก็คงจะดี ตัวหกเหลี่ยมนั่น ถ้าเป็นประแจบ็อกซ์เดือยโผล่แล้วต่อแกนให้ยาวก็คงจะสอดลงไปได้สะดวกขึ้น ส่วนถ้ามันจะยากตอนปรับตั้งก็กะว่าจะใช้ วิธีค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ล็อกเอาก็คงจะพอได้อยู่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดครับ เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีเครื่องมือทั้งสองอย่างที่ว่ามา

งานยังต้องดำเนินต่อไปครับ วิธีแก้ปัญหาของผมก็คือ ทำพื้นที่ให้กว้างและเข้าถึงได้สะดวกมากขึ้น ผมเลือกใช้วิธีถอดแบตเตอรี่กับถาดรองแบตเตอรี่ออกครับ ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่มากพอที่จะขยับเครื่องไม้เครื่องมือได้สะดวกขึ้นหน่อย ทำให้เกิดงานเพิ่มคือ น็อตยึดถาดรองขาดสามตัวเพราะผุมาก เหลือสองตัวอยู่ด้านข้าง อันนี้ค่อยซ่อมทีหลังก็แล้วกัน การถอดแบตเตอรี่ผมคงไม่กล่าวถึงนะครับ ส่วนถาดรองแบตฯนั้นน็อตที่ยึดอยู่ค่อนข้างลึกครับ ก็เลยจำเป็นต้องใช้ลูกบ็อกซ์เบอร์ 10 ต่อแกนเป็นเครื่องมือขันออกมา ก็พบกับสภาพสนิมและขี้เกลือซ่อนอยู่ใต้ถาดเยอะพอสมควร ก็เลยจัดการด้วยแปรงเอาให้สะอาดพอประมาณก่อน ส่วนตัวเซนเซอร์ที่อยู่ใต้ถาดรองฯ นั่นยังไม่อยากถอดออกมากลัวจะเพิ่มงานขึ้นอีก ก็เลยวางถาดไว้ข้างบนใกล้ๆ แถวนั้นแหละ เท่าที่สายเซนเซอร์จะยอมให้ไป พร้อมกับพกความสงสัยว่าเจ้ากล่องพลาสติกสีดำใต้ถาดนั่นคืออะไร ส่วนนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ ถึงตอนนี้ก็เอาหัวเป่าเป่าฝุ่นออกจากบริเวณรอบๆ ได้เยอะเหมือนกัน แต่พอลองเอาเป่าคราบน้ำมันและคราบดินที่ตัวกระปุกกลับไม่เข้าท่าครับ เศษน้ำมันเศษดินกระเด็นไปทั่ว ผมเกรงว่าจะโดนสายพานก็เลยไม่เอาดีกว่า เช็ดเอาก็พอแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 190
      
ถึงตอนนี้น้าๆ คงจะนึกภาพออกถึงตอนที่ผมเช็ดมือแล้วทำอาการหมายมั่นปั้นมือ ก็เหลือแค่เจ้าน็อตกับสกรูเท่านั้น ปรับตั้งนิดหน่อย แล้วประกอบกลับก็เสร็จแล้ว เฮ่อะ เฮ่อ พอลงมือจริงมันไม่เหมือนที่คิดไว้ครับ ใช้ประแจแหวนคลายน็อตล็อก คลายยังไงก็ไม่ออก ยักแย่ยักยันอยู่นั่น ถึงขนาดเอาแชลงช่วยงัดด้ามประแจกันทีเดียวถึงได้ขยับ ประมาณไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่รอบ คิดว่าถ้าใช้กำลังต่อไปอีกก็เกรงจะเสียหาย เลยลองเอาไฟส่องแล้วพิจารณาดูใกล้ๆ หน่อย ก็ประจักษ์แก่ใจว่าเราผิดอีกแล้วหรือนี่ ก็น็อต – สกรู มันเป็นเกลียวซ้าย แล้วเราจะไปหมุนออกทางซ้ายมันจะได้เร้ออ....


บุญเท่าไหร่แล้วที่เกลียวน็อตไม่รูดน่ะ น้าๆ ก็เคยมีบอกไว้อยู่ ผมไม่จำเองแหละครับ อิอิ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 191
      
พอเจอความจริงแล้วก็เลยเอาใหม่ คราวนี้คลายออกโดยหมุนขวา ไม่ต้องงัดหรอกครับ แม้จะตึงมืออยู่มากแต่ก็ยังหมุนออกได้อยู่


เป็นบุญของผมครับที่มีน้าที่เคารพท่านหนึ่งแนะนำไว้ ว่าเวลาปรับตั้งให้ปรับทีละ 5 นาที ซึ่งก็เป็นโชคดีของผมอีกแหละที่ไม่ได้บ้าจี้ไปยืนปรับเป็นเวลาครั้งละ 5 นาที แต่เป็นเพราะวิธีการอธิบายเปรียบเทียบที่เข้าใจได้ง่าย คือเป็นการเปรียบเทียบเชิงมุม หนึ่งวงกลม 360 องศา เท่ากับ 60 นาที ถ้าแบ่งออกทีละ 5 นาที ก็จะได้ 12 ช่อง เหมือนกับนาฬิกานั่นไงครับ ง่ายๆ แต่เอ๊.... ทำไมผมยิ่งอธิบายแล้วยิ่งงงตัวเองล่ะครับ เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อนดีกว่า เอาเป็นว่ายังดีที่น้าท่านไม่ได้บอกมาเป็นองศาหรือเรเดียน อย่างยากเลย ยิ่งถ้าน้าบอกเป็นมิลเลียมมานี่ผมคงต้องเอามือกุมขมับเลยแหละครับ นึกภาพไม่ออก เอาทีละห้านาทีนี่แหละเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 192
      
ผมจำได้ว่า ได้เคยอ่านคู่มือของรถยี่ห้อหนึ่ง ส่วนจะเป็นยี่ห้อไหนนั้นไม่กล้ายืนยัน เพราะนานมากแล้ว แต่สำคัญตรงที่เค้าให้วิธีเช็คระยะฟรีพวงมาลัยมา โดยวิธีการวัดระยะที่วงรอบนอกของพวงมาลัยเลย รู้สึกว่าจะง่ายดี ของรถยี่ห้อนั้นจะฟรีอยู่ราวๆ 20 ม.ม. นี่แหละ ตัวเลขผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยด้วยครับ เพราะนานมาก จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ กับอีกอย่างนึงที่จำไม่ได้ก็คือ ไม่ทราบว่าวัดตอนรถจอดติดเครื่องอยู่หรือตอนไม่ได้ติดเครื่อง จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็เลยอาศัยวิธีการนี้ในการอ้างอิงและวัดระยะฟรีพวงมาลัยเจ้าสุขเสมอของผม โดยวัดในขณะที่รถจอดตั้งพวงมาลัยตรงและไม่ได้ติดเครื่องครับ ลองทำดูแล้ววัดได้ 40 มม. สังเกตดูที่แกนพวงมาลัยก็ขยับฟรีไปพร้อมๆ กัน ไม่นับรวมถึงตอนที่ PITMAN ARM ขยับนะครับ ( ขอโทษด้วยครับ ผมยังไม่เจอว่าบ้านเราเรียกเจ้าตัวนี้ว่าอย่างไร พอดีไปอ่านเจอภาษาปะกิตก่อน ) อันนี้สังเกตเปรียบเทียบอยู่หลายรอบครับ ทั้งตอนมีผู้ช่วยหมุนพวงมาลัย และยืนหมุนดูเองอยู่ข้างๆ รถ จึงได้ตัวเลขนี้ออกมา ที่สำคัญรู้สึกว่าพวงมาลัยหลวมเบามากผิดปกติจากรถที่ใช้งานธรรมดาทั่วไปอย่างชัดเจน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 193
      
ผมลองเปิดดิกชันนารี แปล SERVICE MANUAL ส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ดู อย่างยากเลยครับ เป็นภาษาอังกฤษยังไม่พอ แถมยังเป็นศัพท์ช่างอีกแน่ะ สุดท้ายก็ได้เรื่องที่พอจะใกล้เคียงอยู่บ้างคือเรื่องการปรับตั้ง Over – Center Rotation Torque ซึ่งเข้าใจว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับความหนัก – เบา ของพวงมาลัย แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระยะฟรีดูเหมือนจะไม่กำหนดระยะฟรีมาตรฐานมาให้ ให้ลองทดสอบดูเอา ประกอบกับว่าเป็นเรื่องที่ต้องถอดกระปุกพวงมาลัยออกมาทำข้างนอก ผมลองแปลแล้วได้ความว่าอย่างนี้นะครับ ถูกผิดอย่างไรแนะนำด้วยครับ ก็เลยเอาไว้ก่อน จะลองอาศัยความรู้สึกวัดเอาครับ น้าๆ ที่ขับคันที่ระบบบังคับเลี้ยวยังเนี้ยบๆ อยู่ ยังไงรบกวนช่วยบอกระยะฟรีไว้ให้ใช้อ้างอิงด้วยนะครับ หรือน้าๆ ไปอ่านเจอมาจากที่อื่นๆก็อย่าได้รอช้า จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 194
      
เอาล่ะครับ ในที่สุดผมก็ได้ลองปรับตั้งเจ้าน็อตกับสกรูตัวดังกล่าว โดยคลายน็อตล็อกออกด้วยประแจแหวนเบอร์ 3/8 ด้วยการหมุนวนขวาตามเข็มนาฬิกาครับ แล้วปรับตัวสกรูเข้าโดยใช้ประแจแอลหกเหลี่ยมเบอร์ 3/16 หมุนทวนเข็มนาฬิกา ทีละ 5 นาที อย่างที่น้าท่านเคยแนะนำแหละครับ ลองขยับพวงมาลัยดูก็เห็นว่ากระชับขึ้นเรื่อย ๆ กว่าที่จะพอใจ จนรู้สึกว่าใกล้เคียงกับรถใหม่ทั่วไป ก็ตกเข้าไปตั้งราวๆ หนึ่งชั่วโมง 30 นาทีครับ จึงจัดการขันน็อตตัวล็อกเข้าโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา ไม่ลืมที่จะใช้ประแจแอลหกเหลี่ยมตรึงสกรูปรับตั้งให้อยู่กับที่ครับ เสร็จแล้ว ลองประกอบอุปกรณ์กลับเข้าไปแล้วทดลองวิ่งใกล้ๆ ดู รู้สึกฝืดๆ อยู่ ลองยกแบตเตอรี่ออกแล้วตั้งสกรูถอยออกมาทีละ 5 นาที แล้วประกอบลองวิ่งดูอีก ทำอยู่อย่างนี้ สองสามรอบ สุดท้ายปรากฏว่ากระปุกเริ่มร้อน น็อตเริ่มจะไม่ค่อยยอมหมุน เข้าใจว่าเป็นเพราะความร้อนทำให้น็อตมันขยายตัวอัดกันแน่น ฝืนทำต่อไปเกรงว่าจะเกิดความเสียหาย เลยพักไว้ให้เครื่องเย็นค่อยปรับต่อดีกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 195
      
ถึงตอนนี้รู้สึกว่าความหนักเบาของแกนพวงมาลัยน่าจะใช้ได้แล้ว แต่ระยะฟรีก็ยังเยอะอยู่ แม้จะลดลงมาบ้าง ก็เลยอยากลองใช้ดูก่อน เช้าวันต่อมาเลยปรับใหม่อีกซะทีนึง แล้วเอาไปวิ่งใช้งานระยะทาง ไป – กลับ ประมาณ 70 ก.ม. รู้สึกพวงมาลัยค่อนข้างหนักครับ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าขณะกระปุกร้อนกับกระปุกเย็น จะให้ผลต่างกันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตอนที่เอารถเข้าจอดที่บ้าน น้ำมันซึมออกมาจากบริเวณสกรูปรับตั้งและหัวน็อตล็อก เยอะจนน่าตกใจ ประมาณว่าจอดทีแรกแล้วน้ำมันร้อนๆ หยดลงเป็นกองประมาณว่าเจ้าลูกชายทำถ้วยไอศกรีมหล่นลงพื้นนั่นทีเดียว เลยรีบเปิดดูกระป๋องที่ตัวปั่นเพาเวอร์ โชคดีที่ระดับน้ำมันพร่องลงไปไม่มากนัก ไม่น่าตกใจมาก น้ำมันหยดได้ระยะหนึ่งก็หยุด เข้าใจว่าอาจรั่วเพราะเราหมุนน็อตเข้าออกหลายครั้ง แล้วที่รั่วเนี่ยเป็นเพราะเราปรับตึงเกินไปจนเกิดความดันสูงผิดปกติในระบบน้ำมันไฮดรอลิกหรือเปล่า อันนี้เป็นความปริวิตกไปเองครับ ไม่ได้มีเหตุผลมารองรับ ที่หนักไปกว่านั้นก็คิดไปว่าดูท่าจะพังคามือเราซะแล้ว คงต้องเปลี่ยนกระปุกใหม่แล้วมั้ง ตามประสาคนกำลังตกใจ


จะทำประการใดก็คงจะยังไม่ได้เพราะเครื่องร้อนอยู่ เลยรอเครื่องเย็น ระหว่างนั้นก็ลองดูใน SERVICE MANUAL แล้วได้ข้อสันนิษฐานว่า ซีลตัวที่อยู่ที่ปลายบนของ PITMAN SHAFT น่าจะรั่ว ( อย่าเพิ่งเข้าใจว่าผมทำโอ่โถงใช้ภาษาอังกฤษเลยครับ ที่ต้องใช้แบบนี้ เพราะอ้างอิงจากคู่มือภาษาอังกฤษแล้วหาคำแปลที่เป็นศัพท์ช่างบ้านเราไม่ทัน )


เอาไงล่ะทีนี้ ถ้าจะเปลี่ยนซีลก็อยากยกกระปุกเปิดเปลี่ยนซีลและยางโอริงทุกตัวพร้อมๆ กันไปเลย คงต้องใช้เวลาและอุปกรณ์อยู่พอสมควร พอจะมีวิธีแก้ปัญหาแบบชั่วคราวก่อนได้มั๊ย

ขอใช้หม็องก่อน.....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 196
      
ในที่สุด ความสงบสุขก็กลับสู่ชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้ากาวแดงก้าวเข้ามา ผมเลือกเอาวิธีการทื่อๆ บ้านๆ อย่างนี้แหละครับในการแก้ปัญหาครั้งนี้


อันดับแรกเมื่อเครื่องและกระปุกเย็นแล้ว ผมก็จัดการเช็ดบริเวณโดยรอบให้สะอาด ถอดเอาหัวน็อตตัวที่ใช้ล็อกสกรูออก คลายสกรูออกประมาณ 5 นาทีกะว่าจะทำให้พวงมาลัยเบาลงหน่อย แล้วใช้แปรงลวดทองเหลืองทำความสะอาดเกลียวสกรูและพื้นผิวสัมผัสที่เกี่ยวข้องจนสะอาด แล้วใช้สเปรย์น้ำยา Degrease ฉีดทั้งบริเวณเกลียวและบริเวณโดยรอบให้ปราศจากคราบน้ำมัน แล้วจึงเอากาวแดง RTV ทาทั้งที่เกลียวและบริเวณที่น็อตจะกดลงไป


อันดับต่อไปก็เอาหัวน็อตขันเข้าไปด้วยแรงมือ ถ้าเป็นตามฉลากวิธีใช้ที่ให้มากับกาว เค้าบอกว่าให้เหลือระยะไว้ประมาณ ½ ถึง ¼ รอบ แต่ผมว่าคงจะดูได้ลำบากอยู่ ก็เลยเหลือระยะห่างไว้ประมาณไม่ถึงครึ่ง ม.ม. ทิ้งไว้อีกราวๆ 1 ชั่วโมงครับ รอกาวเซ็ตตัว ไม่แน่ใจว่าจะต้องรอนานกว่านั้นหรือเปล่า แต่ผมมีเวลาไม่มากนัก พอเวลาครบ 1 ชั่วโมง ก็เลยขันล็อกเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 197
      
หลังจากประกอบอุปกรณ์ต่างๆ เข้าที่แล้ว ก็ทดลองใช้งาน พวงมาลัยหมุนคล่องขึ้น อาการซึมรั่วที่จุดนี้หายไปครับ


วันต่อมา เอาไปวิ่งใช้งานจริง ปรากฏว่าได้ผลดีพอควรครับ การบังคับเลี้ยวกระชับแม่นยำขึ้น ความหนัก – เบาของพวงมาลัยถือว่าได้การทีเดียวแหละ ส่วนระยะฟรีแม้จะลดลงมากแล้วก็ดูแล้วยังอยากจะให้ลดลงอีก โดยสังเกตจากเวลาขับยังต้องคอยดึงพวงมาลัยแตะซ้ายแตะขวาอยู่นิดหน่อย อันนี้สังเกตเปรียบเทียบกับรถอื่นที่ใช้งานอยู่นะครับ ก็ไม่เป็นไรครับ ดีขึ้นมากแล้วล่ะ เข้าใจว่าเฟืองข้างในคงจะสึกมากเหมือนกัน จะให้เหมือนกับรถใหม่ถอยออกจากห้างก็คงทำได้ยากอยู่ ส่วนคนที่นั่งด้วยก็บอกว่าอาการรถมั่นคงขึ้นมาก อิอิ แค่นี้ก็ดีใจแล้วล่ะครับ ไม่นานคงได้รื้ออีก พอได้ยืดอายุกระปุกออกไปอีกหน่อย จะได้ใช้งบไปซ่อมส่วนอื่นๆ ที่เร่งด่วนมากกว่า


ผลพลอยได้ที่ไม่ได้คาดไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีน้ามันซึมเยิ้มออกมาอาบตัวกระปุก แถมน้ำมันที่หยดใต้ท้องรถที่จุดนี้ก็ไม่หยดอีก คราวนี้แหละ กันแคร้งเราจะได้สะอาดซะที



จงสู้ต่อไปนะ เจ้ากาวแดง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 198
      
หลังจากทดลองทำ D.I.Y. มาสองสามเรื่อง เห็นภาพเลยครับ นึกเข้าใจได้เลยว่า การว่าเป็นผู้ประกอบอาชีพช่างนี่ไม่น่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ หรอก นะครับ เท่าที่สังเกตดู นอกจากจะต้องมีความรู้ทักษะในวิชาชีพที่จะต้องคอยวิเคราะห์แก้ปัญหาที่มีเข้ามาแต่ละวันไม่ซ้ำกันแล้ว หรือปัญหาเดียวกันแต่รถคนละคัน บางครั้งก็ยังต้องแก้ไขด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนกันด้วย บางทีเจ้าของร้านเป็นช่างเองด้วย ไหนจะต้องบริหารสต๊อก - สโตร์ ของร้าน การเงินของร้าน ไหนจะต้องบริหารลูกน้องอีก แถมยังต้องคอยต้อนรับลูกค้าอีก เสร็จแล้วก็ต้องลงไปดูแลเด็กฝึกงานอีก เผลอเมื่อไหร่เป็นได้งานเพิ่มทุกที บางทีงานเข้าไม่เป็นเวลา หรือดึกดื่นก็ต้องทำเพราะงานมันยาวต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนกลางวัน ทำออกมาแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องความพอใจของลูกค้าที่จะมีมีตามมาอีก ก็งานมันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกอันนี่ครับ อันนี้เป็นข้อสังเกตของผมนะครับ แสดงว่าเป็นช่างนี่คงต้องใช้ศิลปะขั้นสูงในการบริหารอาชีพของตัวเองเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ ครับ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อให้อยู่ได้ นี่ว่าถึงส่วนที่เป็นชีวิตการงานของช่างครับ แล้วยังต้องมีชีวิตส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง

สภาพการทำงานของช่างนี่ ผมว่าเป็นสภาพที่ผู้คนทั่วไปปฏิเสธที่จะไม่ทำครับ ถึงจะเป็นอู่ที่มีการบริหารจัดการเป็นอย่างดีก็เถอะ ทั้งเสียงดัง มีทั้งข้าวของหนักๆ คมๆ แม้จะมีเครื่องมือทุ่นแรงแล้วก็ยังต้องออกแรงเยอะอยู่ดี หนักที่สุดเห็นจะเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จำพวกน้ำมันและสารชำระล้างต่างๆ ทั้งกลิ่นเหม็น คราบดำ ความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนต่างๆ แล้วอย่างช่างซ่อมรถนี่ จะมีลูกค้าซักกี่คนที่ดูแลเครื่องยนต์จนใสปิ๊ง ไม่มีคราบเขรอะ ผมว่ามีน้อยนะครับ ส่วนมากก็เห็นจะมีแต่คราบดำที่คอยติดตามมือไม้ผมเผ้าแขนขา ซ้ำร้ายที่ติดอยู่ในซอกเล็บน่ะ ล้างไม่ออกอยู่เป็นอาทิตย์นะครับ ยังไม่หมดครับ กลิ่นควัน ความร้อนก็มีครับ เห็นลวกมือลวกแขนกันอยู่บ่อยๆ ท่าทางการทำงานก็ไม่ธรรมดาสามัญ มีทั้งนอนหงาย โก้งโค้ง มุด ลอด ล้วง เงยหน้าทำดูมันคับแคบไปหมด ปวดหลังปวดเอวด้วย เผลอๆ ได้แผลมาอีก เล็บหักนี่เห็นจะเจอบ่อย สังเกตได้แค่นี้ก็ถือว่าได้พอประมาณครับ แต่ยังไม่หมด อันนี้เป็นความเห็นของผู้ไปใช้บริการนะครับ

เป็นไงครับ จากข้อสังเกตของผม คงต้องถามใจตัวเองแล้วล่ะ ว่าเอาเข้าจริงๆแล้ว เราๆ ท่านๆ นี่ จะสามารถเป็นผู้ประกอบอาชีพช่างกันได้ไหม ส่วนผมขอบายละครับ สู้ไม่ไหวหรอก ยังชื่นชมผู้ประกอบอาชีพช่างอยู่เสมอมา ว่ากันแค่ช่างซ่อมรถกันก่อนนะครับ สภาพที่ว่ามาทั้งหมดนี่ ผมว่าต้องมีใจรักเท่านั้นจึงจะอยู่ได้ยั่งยืน แต่ก็เห็นมีบางช่างเหมือนกันที่อยู่ได้เพราะเห็นว่ามีค่าตอบแทนที่คุ้มค่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 199
      
แค่อยากแสดงความคิดเห็นว่า แม้เราจะ D.I.Y กันได้บ้าง แต่ก็คงจะไม่ทำให้ผู้ประกอบอาชีพช่างเค้าตื่นเต้นกันหรอกครับ ก็จะมีซักกี่คนกันครับที่จะลุกขึ้นมาทำ D.I.Y ในสภาพบรรยากาศการทำงานที่ว่ามาข้างต้น ถึงทำเป็นก็คงไม่มีเวลามาทำได้ทุกเรื่องหรอกครับ แล้วเรื่องการ D.I.Y นี่ก็ประหยัดได้บางกรณีเท่านั้นครับ อย่างการใช้เครื่องมือพื้นฐานประเภทประแจแหวน ไขควง คีม ในงานประเภทปรับๆ แต่งๆ แต่ที่ลองทำมาส่วนมากจะเปลืองพอๆกับจ้างช่างครับ เผลอๆ หมดเยอะกว่าไปใช้บริการตามร้านอีก ไหนจะค่าเรื่องมือเฉพาะทาง ไหนจะค่าบานปลายความเสียหายจากความไม่ชำนาญอีก แถมช่างส่วนมากเค้าซื้ออะไหล่ได้ถูกกว่าเราครับ ค่าบริการอาจจะถูกบ้าง แพงบ้าง เค้าก็คิดในอัตราที่เค้าจะอยู่ได้นั่นแหละครับ คงไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาฟันราคากันอย่างเดียว เพราะอู่ทุกวันนี้มีเยอะ การแข่งขันสูงอยู่นาครับ ถ้าคนไม่พอใจร้านเค้าแล้วไปทำที่อื่นหมด เค้าก็คงอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าผมจะมาชวนทุกท่านทำแต่ D.I.Y นะครับ ยังรักที่จะใช้บริการช่างตามอู่ซ่อมรถอยู่ครับ และอยากจะเชิญชวนทุกท่านไปใช้บริการเช่นกัน เป็นการเกื้อกูลกันทั้งสองฝ่าย ช่างอยู่ได้ เราก็อุ่นใจมีที่พึ่งพายามฉุกเฉินครับ งานผิดงานพลาดบ้างก็ให้อภัยกันครับ ก็เหมือนกับเราที่ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรได้เปอร์เฟ็คต์ทุกอย่าง ได้ตลอดเวลา จริงมั้ยครับ

ยังไงก็เลือกสถานบริการกันซักหน่อย เอาที่ใกล้บ้านนั่นแหละครับ หาช่างที่อัธยาศัยดี ฝีมือไว้ใจได้หน่อย ให้คำแนะนำเราได้ เรียนรู้ไปด้วยกันแล้วเราจะได้

“ใช้บริการงานช่างอย่างมีความสุข” ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 200
      
แล้วก็เลยเกรงจะมีคนตั้งคำถามข้ามช็อตไปอีกว่า แล้วเรื่อง D.I.Y ที่เอามาลงเนี่ยมันจะเกิดประโยชน์กันตอนไหน เดี๋ยวก็ชวนให้ D.I.Y. เดี๋ยวก็บอกให้ไปใช้บริการอู่ซ่อมอีกแระ.. ตกลงจะเอายังไงกันแน่หา.....

ใจเย็นก่อนครับ อย่าเพิ่งโมโห มันต้องมีเหตุให้ต้องทำเองอยู่จนได้ล่ะน่า ก็อย่างตอนฉุกเฉินไม่มีร้านที่ให้บริการอยู่ใกล้ไงครับ แบบนี้คงต้องพึ่งตัวเองแล้วหละ หรืออย่างกรณีช่างที่อู่เค้างานล้นมือ อาการซ่อมรถของเราก็ไม่มาก เค้าอาจแนะนำวิธีการแก้ไขง่ายๆ ให้เรามาทำเอง เพราะเกรงว่าเราจะต้องรอคิวนานโดยไม่สมควร อย่างนี้ก็มีนะครับ เคยเจอมาแล้ว งานซ่อมเล็กๆ บางอย่างเราอาจทำได้ดีกว่าให้ช่างทำให้ก็มี เพราะเรามีเวลาใส่ใจได้มากกว่าช่าง



ถ้าอย่างนี้ ลอง D.I.Y เองดูบ้าง ก็น่าจะ OK อยู่นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 201
      

กราบสวัสดียามเช้าวันทำงานครับ น้าๆ ที่รักทุกๆท่าน ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ ทั้งท่านที่กรุณาแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจ ท่านที่กรุณาเข้ามาติชม ท่านที่เสียสละเวลาแวะเข้ามาชมก็สมควรได้รับความขอบคุณไม่แพ้กัน ในวันที่จบกระทู้นี้ได้รับอะไรดีๆ มากมายทีเดียวครับ ได้มิตรใหม่ ได้ไมตรีจิต ได้รับความรู้สึกดีๆ จากน้าๆ ซึ่งขอรับไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ หากจะมีบางคำ บางอารมณ หรือบางอาการที่ดูโฉ่งฉ่างไป ดูไม่งาม ขอได้โปรดให้อภัย ให้เข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาสร้างความขุ่นเคืองใดๆให้เกิดขึ้นแม้เพียงน้อยนิด หากจะมีบ้างเพราะเล่นสนุกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ก็ต้องกราบขออภัยน้าๆ ทุกท่านเป็นอย่างสูงจริงๆ ครับ ยังหวังเป็นอย่างยิ่งในไมตรีจิตมิตรภาพจากน้าๆ ทุกๆท่านในบอร์ดในโอกาสต่อๆไป



กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งครับ

อย่าสูงมากเดี๋ยวปีนขึ้นไปรับคำขอบคุณไม่ได้ เข่าเสื่อมแล้ว คิคิคิคิคิคิ จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 30/7/2555 6:41:25 [124.122.27.192] เช่นกัน ครับ น้ายิ้ม มิตรทั่วไทยดีกว่าศัตรูทั่วแดน จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 30/7/2555 6:41:54 [124.122.27.192] ชอบครับ สำหรับ DIY ที่น้ายิ้ม นำมาเสนอแต่ละเรื่อง มีทั้งรูปและการบรรยายที่ทำให้เข้าใจได้ดี จาก : B27(B27) 30/7/2555 7:37:38 [203.149.4.38] กราบสวัสดี ครับ น้า บี 27 จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 30/7/2555 13:23:57 [124.122.27.192] ขอบคุณน้ายิ้มครับ DIY มีประโยชน์สำหรับมือใหม่อย่างผมมากครับ จาก : sanitt(sanitt) 30/7/2555 13:30:08 [124.122.31.135] สวัสดีน้าๆ ทุกท่านครับ ถ้าจะเป็นประโยชน์กับน้าๆ ได้ แม้เพียงน้อยนิดก็ยินดีครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 31/7/2555 4:36:19 [171.5.71.20] น้าหนึ่งครับถ้าไม่ขอบพระคุณอย่างสูงถึงสูงมาก เกรงว่าน้าๆ จะไม่เห็นครับ ก็ยกขึ้นไป 12 นิ้วกันหมดแล้วนี่ครับ จาก : Ku_Nanjaan(Ku_Nanjaan) 31/7/2555 4:39:35 [171.5.71.20] 5555555555555...........เขาอำเล่นครับ น้า จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 31/7/2555 5:55:15 [171.97.155.76]   แสดงความคิดเห็นย่อย