WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ปีใหม่นี้ขับ80 เที่ยวดอยกันเถอะ
ไม่แหลม
จาก ไม่แหลม
IP:124.122.127.209

จันทร์ที่ , 4/11/2556
เวลา : 13:46

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ปีใหม่นี้ขับ80 เที่ยวดอยกันเถอะครับ
อย่าว่าเอามะพ้าวมาขายสวนนะ เอามาเล่าให้ฟังเผื่อสมาชิกใหม่ครับ

ที่จริงแล้วเคยแชร์ประสบการณ์80ขึ้นดอยมาหนนึงเมื่อนานมาแล้ว กะว่าจะขุดของเดิมออกมาหากินก็ดันหาไม่เจอซะ จุดประสงค์ก็เพื่อแบ่งปันความรู้สึกที่ได้ใช้ “รถคลาสสิคที่ใช้งานได้จริง” โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไกลนานๆ ในหลายสภาพถนน พร้อมทั้งสัมภาระทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างภาระให้”พี่ล่ำ”อยากมากมาย ทั้งๆที่อายุอานามของพี่ล่ำนั้นก็มากโขอยู่ ใหม่สุดก็ปี1997 ซัดไป16-17ปีแล้ว ถ้าเป็นเก๋งยอดนิยมก็เปลี่ยนรุ่นกันไป4-5รุ่นแล้ว แต่ลูกหลานตระกูล “เรือสำราญบนพื้นดิน” รุ่นใหญ่เพิ่งจะ2-3รุ่นเท่านั้นเอง ถ้านับกันจริงจัง บอดี้80นั้นออกมาโลดแล่นตั้งแต่แถวๆ1991ปู๊นนนนน เกินกว่ายี่สิบปีทีเดียว

ที่กล่าวถึงอายุรถก็เพราะ แม้นว่าเราจะดูแลสุขภาพ80ดีเพียงใดก็ตาม ควรพึงนึกถึงอายุโดยรวมของรถด้วยว่ามันไม่ใช่รถใหม่ที่ฟิตปึ๋งปั๋ง ที่จะรองรับอารมณ์เราได้เหมือนของใหม่ๆ อาศัยว่าวิศวกรคงจะออกแบบ80เผื่อโอเวอร์โหลดสำหรับเส้นทางทุรกันดารมาแบบเต็มเหนี่ยว อะไรต่อมิอะไรจึงทนทรหดมากๆ เรียกว่าใช้งานกันจนลืมเปลี่ยนรถกันเลยทีเดียวเชียว แต่ก็หมายถึงเราต้องหมั่นดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานด้วยนะครับ โดยเฉพาะสำหรับการเดินทางมี่ยาวนานกว่าสภาวะปกติ เช่น การขึ้นดอยในฤดูท่องเที่ยวเป็นต้น

เนื่องจากผมใช้รถเยอะ และมีภารกิจต้องเดินทางต่างจังหวัดบ่อยๆ ภาคเหนือก็ลำปาง-เชียงใหม่-เชียงราย ใช้รถมาหลายคันรวมแล้วมากกว่าล้านกิโลเมตร ติดใจ80ที่สุดเพราะความสะดวกสบายแบบซื้อมาใช้โดยไม่ต้องเสียดายรถ(มากนัก) เพราะราคาไม่แพง(เกินไป) แม้ว่าจะสูงกว่าพรรคพวกยี่ห้ออื่นพิกัดเดียวกันบ้างเพราะความนิยมและความน่าเชื่อถือ ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ที่จะลุยน้ำท่วมระดับเมตรแบบเฉยๆโดยไม่ต้องพึ่งพาสน็อคเกิล(ยก2"ยาง285นะจ๊ะ) ลงร่องคูทุรกันดารและไต่เนินชันอย่างมั่นใจด้วยดิฟล็อคหน้าหลัง ช่วยลากเพื่อนร่วมทางที่พลาดท่าขึ้นมาจากข้างทางได้แบบง่ายๆ ฯลฯ เรียกว่าพร้อมทุกสถาณการณ์มากกว่ารถอื่นๆเยอะในราคาเดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตาม “พี่ล่ำ”ก็มีจุดอ่อนสำคัญอยู่อย่างนึงก็คือ น้ำหนักตัวระดับสองตันครึ่ง บางครั้งรวมอุปกรณ์ตกแต่งและสัมภาระอาจไปถึงสามตันเชียวครับ ครั้งนึงผมบรรทุก 8 คนกับถาดหลังคาขนาดสองเมตรบรรทุกเต็มขึ้นภูชี้ฟ้า ก็ร่วม3ตันด้วยเฟืองท้ายเดิมๆ10/41 ยาง285/75/16ยก2นิ้ว กันชนหน้าARB+Warn9500i ท้ายมีถังLPGขนาด100ลิตร ลากเรือ ปากนกแก้ว จำได้ว่าเติมลมไป45psi เพราะน้ำหนักเยอะๆแบบนี้ ถ้าแก้มยางย่นมากๆ การควบคุมรถจะยาก ทางลดเลี้ยวเคี้ยวคดบนดอยอาจพาให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ คุณภาพยางควรสมบูรณ์ ไม่มีรอยฉีกขาดบนแก้มยางเด็ดขาด เพราะระหว่างเดินทาง ยางจะรับภาระการหมุนเมื่อเร่ง การกระแทกเมื่อตกหลุม การบิดตัวเมื่อเลี้ยวรถ การเบรกเมื่อชะลอรถ ฯลฯ อย่างหนักหน่วงมากกว่าการใช้งานปกติหลายเท่าตัวครับ ไม่ควรฝืนใช้ยางที่แก้มยางเริ่มแตกลายงาแล้วโดยเด็ดขาดเพราะยางอาจระเบิดจากภาระที่หนักเกินปกติได้ทุกเมื่อ

……………….ผมเคยมาแล้วครับ.......... ฟอร์จูนเนอร์ คน2คนบรรทุกสัมภาระซัก 100 กก. กับยางโรงงานอายุ3ปี ไมล์6หมื่นกม. ไม่เคยปะ ยางหลังซ้ายระเบิดตอนพ้นจากเขาช่วงลำปางเข้าเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านั้นซักครึ่งชั่วโมง มีการเบรกแรงๆ2ครั้ง เชื่อว่ายางตำแหน่งนี้เปราะที่สุดเพราะมักจะเกยฟุตบาทตอนเลี้ยวไม่พ้นอยู่บ่อยๆ ได้ยินเสียงกุกกักกุกกักมาจากด้านหลังครับ และดังขึ้นเรื่อยๆจากผิวยางด้านนอกที่ร่อนออกจากโครงยาง มองกระจกข้างด้านซ้ายเห็นเศษยางกำลังร่อนกระจุยจะจะคาตา ไม่เกิน5-10วินาที ก็มีเสียงลมรั่วและรถเสียหลักนิดหน่อย ผมปล่อยไหลเข้าข้างทางทันทีครับ อย่าแตะเบรกเด็ดขาด โชคดีทีหลุดจากช่วงเขามาแล้ว ไม่งั้นมีลุ้นแน่ๆ ขากลับต้องหาซื้อยางเปลี่ยน4เส้นเลยครับ บรื้อส์ส์ส์สสสส

น้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ออโต้ เกียร์ทรานสเฟอร์ น้ำมันเบรก น้ำมันเพาเวอร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำหม้อน้ำ ถ้าเว้นระยะการเปลี่ยนถ่ายมานานควรจัดเต็มครับ สำหรับรถที่ติดแก๊สต้องดูข้อต่อของน้ำที่ถูกเอาไปใช้ในระบบแก๊สด้วย เพราะลำพังข้อต่อน้ำหล่อเย็นที่ออกจากโรงงานนั้นจะมั่นคงแข็งแรงดีอยู่แล้ว แต่ระบบแก๊สที่เราติดตั้งเพิ่มเข้าไปมันอาจจะมีข้อผิดพลาดได้บ้าง จากช่างที่ไม่รอบคอบ หรืออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ข้อต่อที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ประเภทแข็งแต่ไม่เหนียวเช่นไฟเบอร์ มันอาจจะเก่า กรอบและแตกรั่วได้ จึงควรจัดการซะก่อนเดินทาง

....................ผมเคยมาแล้วครับ...............ขับรถอยู่ดีดี รู้สึกกำลังตก เหลือบมองเกจ์ความร้อน ขึ้นซะสุดเชียว ยกคันเร่งเข้าข้างทางได้แป๊ปเดียว เครื่องก็ดับ เปิดกระโปรงเจอสามทางระบบน้ำของแก๊สแตก น้ำรั่ว ถอดออกมาดู มันเป็นไฟเบอร์แฮะ ไปหาเทียบซื้อได้แบบเป็นเหล็กชุบซิงค์มาเปลี่ยน เสร็จแล้วก็ขอน้ำประปาที่ร้านข้างทางมาเติมจนเต็มปรี่ เปิดฝาหม้อน้ำและหม้อพัก สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ จนน้ำหมุนเข้าไปจนเต็มระบบ เติมน้ำเพิ่มเข้าไปอีกแล้วก็สังเกตดูว่าฟองอากาศลูกใหญ่ๆที่ออกมาจากปากหม้อน้ำเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ก็เติมน้ำเพิ่มเข้าไปจนเต็ม พร้อมกับเอาน้ำใส่ขวดใสให้เต็มมาคว่ำลงในช่องเติมน้ำ เพื่อสังเกตว่ามีอากาศออกมาจากระบบหมดแล้ว คืออากาศในท่อทางต่างๆจะหลุดออกมาแทนที่น้ำในขวดใส จากนั้นอย่าลืมปิดฝาหม้อน้ำและหม้อพักนะครับ น้ำที่เราเติมไปจนเต็มมันจะเยอะเกินจะถูกดันออกมาระหว่างที่ใช้งานเองครับ พอถึงที่ทำงานก็ถ่ายน้ำออกเอาน้ำกินแบบเป็นถังคูลเลอร์ใส่แทน เพราะเชื่อโดยส่วนตัวว่าในน้ำประปามันน่าจะมีพวกแร่ธาตุที่ก่อให้เกิดตะกรันหม้อน้ำและสนิม ถูกผิดยังไงไม่ทราบแน่ชัด แต่ปฏิบัติแบบนี้มา3-4คันแล้วครับ

เรื่องน้ำหล่อเย็นพร่อง ยังมีเรื่องเล่าครับ
หลายๆท่านคงเคยเห็นสนิมในหม้อน้ำมาแล้ว บางคันข้นคลั่กเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะน้ำกะเหล็กมันจู๋จี๋กันออกลูกหลานมาเป็นสนิมนั่นเองครับ ท่อทางเดินเล็กๆในเครื่องและหม้อน้ำจึงมีคราบสนิมเกาะหรือจนถึงขั้นบวมขวางทางได้เลยนะครับ วันดีคืนร้ายก็หลุดออกมาเสนอหน้าให้เห็นนั่นแหละ เราต้องคุมกำเนิดด้วยการใช้น้ำยากันสนิมครับ เค้ามักจะผสมลงไปในน้ำยาหล่อเย็นนั่นแหละ ถ้าเป็นของตระกูลพี่โต(โยต้า)และน้องเล็ก(ซัส)มักจะเป็นสีน้ำตาลๆครับผมว่าคงเหมาะสมดีแล้วเพราะใช้มานานหลายรุ่น ถ้าสะดวกจะใช้สีเขียวสะท้อนแสงก็มีข้อดีตรงสังเกตรอยรั่วได้ง่าย ส่วนใหญ่ผมจะใช้ตอนตรวจพบว่าน้ำพร่องแล้วหารอยรั่วไม่ถนัด เพราะถ้ามันรั่วน้อยๆแบบว่าวิ่งไป2-3พันกิโล น้ำหายไปแค่ถ้วยกาแฟเดียวหรือครึ่งขวดน้ำขวดเล็ก แสดงว่ารั่วแค่ตามด บางคนบอกแค่จิ๋มมด(แบบหกขานะ ถ้ามดสองขาใหญ่กว่ามว๊ากกก) ซึมออกมาเจอความร้อนในห้องเครื่องก็ระเหยหายไปหมดไม่ทันจะเป็นคราบให้CSIสืบร่องรอย พอเราดับเครื่องแรงดันที่จะดันน้ำออกมาได้ก็ไม่มี หาต้นตอยาก ฉะนั้นจึงอาจจะต้องหาสาเหตุตอนที่วิ่งใช้งานมาซักระยะแล้วจอดหาร่องรอยโดยไม่ต้องดับเครื่องครับ อาศัยไฟฉายช่วยอีกแรงก็จะหาง่ายขึ้น หรือถ้าเห็นคราบเขียวก็จะสังเกตเห็นชัดขึ้นโดยไม่ต้องเดา

ผลของน้ำพร่องนั้นยังมีอีกหลายประการครับ หลักๆสำคัญนั้น นอกจากจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์แล้วยังส่งผลไปยังเกียร์และระบบแก๊สและระบบแอร์ด้วย ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นคงรู้ๆกันอยู่แล้ว ว่าเครื่องมีความร้อนจะถูกลดความร้อนด้วยน้ำมันเครื่องส่วนนึง ที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของระบบน้ำหล่อเย็น ถ้าน้ำก็เต็มระบบดีแล้ว พัดลมหน้าเครื่องกับพัดลมไฟฟ้าหน้ารังผึ้งแอร์ก็แรงดีแล้ว เครื่องยนต์ เกียร์และแอร์ก็จะทำงานปกติได้โดยไม่มีปัญหา ในเรื่องเกียร์นั้นก็มีน้ำมันเกียร์มาช่วยระบายความร้อนแล้วก็อาศัยผ่านท่อเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำอีกทีนึง ถ้าน้ำในหม้อน้ำพร่อง น้ำมันเกียร์ก็จะระบายความร้อนออกไปได้ไม่เต็มที่ หากเราขับรถที่รอบสูงต่อเนื่องจนน้ำมันเกียร์ระบายความร้อนออกไปไม่ทันก็อาจจะมีไฟสัญญาณA/T Oil Temp โชว์เตือนก่อน

..............ผมเคยมาแล้วครับ....................จากเดิมที่ใช้เฟืองท้ายเดิมติดรถ 10/41 เจอยางใหญ่ๆไซส์หล่อๆ285/75/16เข้าไป การเร่งก็อืดๆ ประกอบกับอายุเริ่มเยอะใจเย็นขึ้นแยะ การขับรถก็สบายๆไปเรื่อยๆ100-110 มีแถวยาวเราก็ต่อคิว(เพราะไม่มีปัญญาเร่งแซงอ่ะดิ) แต่หลังจากเปลี่ยนเฟือง 9/41เข้าไปใหม่ๆ อัตราเร่งมันดีขึ้นผิดหูผิดตาจนลืมอายุแล้วช่วงนั้นก็ต้องใช้รถทำงานหลายแห่งต้องวิ่งทำเวลาอยู่เรื่อย ทีนี้เลยขับสนุกใหญ่เลย ทั้งลากเกียร์แซงทั้งแช่130-140บ่อยๆนานๆต่อเนื่องหลายสิบนาทีถึงเป็นชั่วโมง จนไฟที่ว่าโชว์แดงแปร๊ดดด พอลดความเร็วลงมาเป็นคนแก่เหมือนเดิมตามอายุ ไฟสัญญาณก็ดับไป โทรถามหมอป้อมเบื้องต้นแกให้ดูระดับน้ำก่อน ก็ได้เรื่องเพราะน้ำขาดไปเป็นขวดลิตรเลย

แล้วน้ำพร่องโดยไม่มีรอยรั่วหล่ะ อันนี้แม้ว่าเครื่องยนต์จะสมบูรณ์ไม่มีปัญหาเรื่องฝาสูบโก่งหรือปะเก็นฝาสูบรั่วก็ยังมีอีกสาเหตุนึงเกิดขึ้นได้แบบเข็มขัดสั้นครับ นั่นคือน้ำมันเครื่องขาด ทั้งๆที่เพิ่งจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไปไม่นานแถมเล่นแบบสังเคราะห์สรรพคุณใช้ได้นานเกินหมื่นกิโลเมตร แต่ปรากฏว่าดันไปใช้เบอร์ใสเกินไปคือพวกW30 ที่พวกรถรุ่นใหม่เค้าใช้กัน ปู่80ของพวกเรามันต้อง40-50Wเหนียวๆหนืดๆหน่อยครับ เพราะเป็นเมืองร้อนและชิ้นส่วนโลว์เทคมันมีช่องว่างเยอะกว่าพวกรุ่นใหม่คอมมอนเรลฟิตเปรี๊ยะ พอใส่เบอร์ใส มันก็รั่วลอดเข้าไปเผาไหม้ทีละน้อยจนเราไม่สังเกตเห็นควันขาวๆออกท่อ พอใช้ไปซักห้าพันโลหมื่นโล ชักก้านออกมาดูปรากฎว่าหายไปเป็นลิตรเพราะเป็นช่วงเฟืองใหม่ขับมันส์เกินไปนั่นเอง เอาแกลลอนที่เหลือครึ่งลิตรมาดูจึงถึงบางอ้อ เพราะรถเราใช้น้ำมันเครื่อง 7.5 ลิตร ซื้อขนาด4ลิตร2แกลลอน ก็เลยเหลือติดรถไว้พิสูจน์ได้ คือพอน้ำมันเครื่องน้อยเกินไป การระบายความร้อนก็ไม่เต็มที่ เหลือมาให้น้ำช่วยระบายความใคร่ เอ๊ยยย ความร้อนเยอะไปหน่อย แรงดันน้ำเลยเยอะดันออกมาตาม ตามดจิ๋มมดที่ว่ามาได้ หรือบางทีฝาหม้อน้ำเก่าไม่เคยเปลี่ยนเลยตั้งแต่คลอดออกมาจากโรงงาน สปริงดันปากรูก็เลยล้าจนสู้แรงดันน้ำไม่ไหว พอมีการเผยอหน่อยน้ำก็รั่วลอดออกมา น้ำก็เลยยิ่งเดือดง่ายขึ้นตามหลักแรงดันต่ำจุดเดือดต่ำที่อาจารย์ฟิสิกส์เคยสอนไว้ ถ้าฝาปิดสนิทแรงดันจะสูงจุดเดือดสูง น้ำก็จะเดือดยากขึ้นอีกหน่อยกรณีนี้จึงต้องดูฝาหม้อน้ำที่สุขภาพดีสปริงเด้งปึ๋งปั๋งอยู่เสมอ ไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนเจ้าของรถ สนนราคาไม่กี่ร้อยบาท

ยังครับยังไม่จบคดีน้ำพร่อง ประเด็นนี้สำหรับพวกรถติดแก๊สLPGโดยเฉพาะครับ คือก่อนจะส่งแก๊สเข้าเครื่องยนต์แก๊สจะอยู่ในสถานะของเหลว จึงจะต้องมีการเพิ่มแรงดันแก๊สโดยดึงความร้อนจากระบบน้ำหล่อเย็นไปใช้ ให้น้ำแก๊สLPGกลายเป็นสถานะเป็นไอ เพื่อให้ระบบทำงานทดแทนเชื้อเพลิงน้ำมันได้สมบูรณ์ เวลาเราสตาร์ทรถนั้น ระบบควบคุมจะสั่งให้เครื่องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงก่อน ซักพักนึงหรือเมื่อเครื่องเริ่มร้อน หรือเมื่อรอบเครื่องยนต์สูงถึงระดับที่ตั้งเอาไว้ หรือนั่นคือเมื่อLPGอยู่ในสถานะเป็นไอพร้อมจะส่งเข้าเป็นเชื้อเพลิง เงื่อนไขเหล่านี้ผู้ติดตั้งจะจัดการตามความรู้หรือตามความต้องการของเจ้าของรถ อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และโปรแกรมของแต่ละยี่ห้อด้วยด้วย

ปัญหาที่ผมเคยพบอยู่หลายครั้งมีอยู่ว่า หลังจากสตาร์ทเครื่องติดด้วยน้ำมันแล้วนั้น ระบบมันเปลี่ยนเป็นLPGช้ากว่าปกติ คือรถวิ่งได้ซักพักนึงจนเข็มความร้อนขึ้นแล้ว เบิ้ลคันเร่งให้รอบถึงก็แล้ว ไหง๋มันยังใช้น้ำมันอยู่นั่นแหละ ส่วนใหญ่จะพบว่าน้ำในระบบหล่อเย็นพร่องจนแบ่งไปใช้กับระบบแก๊สไม่พอครับ เซ็นเซอร์หรือตัวที่จะส่งสัญญาณไปให้ระบบสั่งจึงไม่ส่งสัญญาณซักที ถ้าเจอแบบนี้ก็ขอให้ลองตรวจเช็คน้ำได้เลย มีโอกาสเจอผู้ต้องหาครับ กรณีนี้จะคล้ายกันกับบางครั้งเครื่องฮีทจนดับแต่เข็มความร้อนความรู้สึกช้า คือถ้าน้ำรั่วออกอย่างรวดเร็ว เข็มยังไม่ทันจะได้รับคำสั่งให้ชี้ขึ้น น้ำก็แทบจะแห้งแล้ว พอเข็มเริ่มจะกระดิก เครื่องก็ชิงดับไปซะก่อน

แค่เรื่องน้ำพร่องเรื่องเดียว มันบานปลาย ปลายบานให้ผมมีเรื่องมาโม้ได้เพียบเลย
อ้อ รู้สึกจะพลาดเรื่องสำคัญไปอีกเรื่องครับ เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำพร่องอยู่เหมือนกัน มันคือพัดลมครับ 80ของเราจะมีอยู่2ตัว คือพัดลมหน้าเครื่องและพัดลมไฟฟ้าหน้ารังผึ้งแอร์ ทั้งสองตัวมีส่วนเสริมในเรื่องการระบายความร้อนครับ คือพัดลมหน้าเครื่องจะดูดเอาความร้อนออกจากหม้อน้ำ ส่วนพัดลมหน้าตู้แอร์จะดูดอากาศเย็นจากหน้ารถเป่าเข้ารังผึ้งแอร์ รถสูงวัยอย่าง80 เล่นกันพื้นๆง่ายๆครับ เราต้องตรวจสอบว่าทั้งสองตัวทำงานได้ดีรึป่าว? พัดแรงแค่ไหน? บางท่านอาจจะงงว่าจะรู้ได้ไงฟร่ะ? เอาเป็นว่าลองดูละกันครับ เพราะตอบเป็นตัวหนังสือก็อาจคลาดเคลื่อนได้ ตอนรถจอดไม่ต้องสตาร์ทเครื่องนะครับ ลองเอามือหมุนพัดลมหน้าเครื่องดูว่ามันหนืดๆรึเปล่า หนืดแบบตึงๆมืออ่ะครับ ถ้าต้องออกแรงละก็ใช้ได้ แต่ถ้าหมุนง่ายก็ต้องเอาไปเติมน้ำยาฟรีครัช ไม่กี่ตังค์ครับ เวลาสตาร์ทเครื่องแล้วเอามืออังดูก็พอรู้ครับ แต่อังห่างๆนะ เดี๋ยวจะพลาดพลั้งโดนนิ้วอดใช้เขี่ยอะไรเล่นไปหลายวัน ส่วนพัดลมไฟฟ้าหน้ารังผึ้งแอร์ก็เปรียบเทียบกับพัดลมตั้งโต๊ะที่บ้านนั่นแหละครับ ถ้าหมุนแล้วดังอู้ๆวู้ๆก็ใช้ได้ แต่ถ้าดูเอื่อยๆ ก็ถอดออกไปหาเทียบได้เลย เยอะแยะ เอามาเฉพาะมอเตอร์หรือทั้งโครงพัดลมก็ได้ครับ ถ้ารู้สึกว่าเวลารถติดๆแล้วแอร์เย็นไม่ฉ่ำ นอกจากน้ำยาแอร์อาจจะพร่อง ก็ลองตรวจสอบพัดลมทั้งสองตัวดูนะครับ หรือรถติดๆแล้วเข็มความร้อนสูงกว่าปกติก็สันนิษฐานได้ว่าน้ำพร่องเช่นกัน







เยี่ยมจริงๆประสบการณ์ล้วนๆ
จาก : ปู่เฟืองจำปีคนเดิม(ปู่เฟืองจำปีคนเดิม) 4/11/2556 14:17:02 [124.120.120.227]
พี่อรรถครับ กดใช้เกียร์2 ใช้ความเร็วเท่าไหร่ครับ กดใช้เกียร์ L ใช้ความเร็วเท่าไหร่ครับ
จาก : KOVX80(KOVX80) 17/11/2556 14:17:33 [58.8.171.89]
โห....ไม่เคยเห็นป๋าอรรถ จะเขียนอะไรมากมายขนาดนี้เลย....นับถือ ๆ
จาก : Supermop(Supermop) 15/1/2557 13:44:57 [58.8.25.114]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       แจ่มมากครับ ...เจอกับผมเลยเจ้าอ้วน วิ่งในเมืองความร้อนไม่ขึ้น พอไปเที่ยวเหนือนี่แระซัดยาวๆ
ตัวร้อนซะงั้น กดเป็นมา ปีนั้นเลยคลานตัวมเตี้ยม วิ่ง 70-80 ประหยัดนัำมันโครตๆ กลับมาเช็ควาล์วนัำ
ไม่เป็นไร สรุปหม้อน้ำตัน ทะลวงล้างใหม่หายเลยครับ ...



อาการเดียวกับผมเลยครับ อาจารย์ปู่
จาก : keak4x4(แขก_sr5) 6/11/2556 11:21:57 [113.53.221.102]
ออกมายังกะชานมเย็นมั๊ยครับพี่ปู่
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 6/11/2556 14:34:36 [124.120.171.4]
555 ประมาณนั้นเลยครับ
จาก : ปู่เฟืองจำปีคนเดิม(ปู่เฟืองจำปีคนเดิม) 6/11/2556 15:55:29 [124.121.227.151]
ล้างหม้อน้ำใช่ไหม่ครับ อ.ปู่
จาก : KOVX80(KOVX80) 17/11/2556 14:25:41 [58.8.171.89]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ปู่เฟืองจำปีคนเดิม จาก ปู่เฟืองจำปี 124.120.120.227 จันทร์, 4/11/2556 เวลา : 14:16  IP : 124.120.120.227   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16349

คำตอบที่ 2
      

.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อาร์ท ZJ จาก อาร์ท ZJ 202.151.7.23 จันทร์, 4/11/2556 เวลา : 15:58  IP : 202.151.7.23   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16369

คำตอบที่ 3
       พี่ไม่แหลมคร้าบ....
ขอการขับขี่ ๑๐๐ ขึ้นดอยด้วยครับ ต้นเดือนธันวาคมจะไปเที่ยวเชียงราย



ผมรอรายงานจากพี่มหานั่นแหละครับ ใช้เยอะๆขยันรายงานหน่อยนะพี่นะ
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 6/11/2556 14:35:55 [124.120.171.4]
ผมขับอย่างเดียวครับพี่ ไม่มีเทคนิคอะไรเลย
จาก : wetban(wetban) 7/11/2556 21:16:17 [49.0.118.81]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wetban จาก มหาค๊อป 110.77.227.218 จันทร์, 4/11/2556 เวลา : 16:30  IP : 110.77.227.218   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16375

คำตอบที่ 4
       รถเราใหญ่ ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่ากระแทกกระทั้น ค่อยๆไป

เวลาลงถ้าชันมากก็ลง Slow เลย อย่าเบรคเยอะจะเฟดครับ

ไปเถอะพี่ไม่มีอะไรซับซ้อน ผมไปอ่างข่างตั้งแต่ 100 ออกแรกๆปี 98 หวด VX 100 ซัดกับเวฟแม้วมาแล้ว แม้วยอมผมครับ



thak น้องอาร์ท
จาก : wetban(wetban) 5/11/2556 15:50:09 [110.77.201.111]
เค้ากลัวโดนทับอ่ะดิ
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 6/11/2556 14:36:50 [124.120.171.4]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อาร์ท ZJ จาก อาร์ท ZJ 202.151.7.23 อังคาร, 5/11/2556 เวลา : 15:13  IP : 202.151.7.23   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16410

คำตอบที่ 5
       คนที่เคยเบรคเฟดครั้งเเรกตอนลงเขา ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ยอมให้มีเบรคเฟดเป็นครั้ง2แน่นอน

ผมอยู่่ทางเหนือมีอะไรให้ช่วยบอกได้ครับ โดยเฉพาะที่เเค้มป์บนดอยหรีอที่สวยๆ



แผนที่เมืองเหนือมาเอง มีแต่ที่แจ่มๆทั้งนั้น สวัสดีคับพี่หนุ่ย สบายดีนะพี่
จาก : swamper(swamper) 5/11/2556 21:48:32 [122.155.44.85]
วัดดี ปีใหม่ล่วงหน้าครับ ลุงหนุ่ย
จาก : OHM PULO(OHM PULO) 6/11/2556 14:16:47 [223.27.194.122]
เข็ดดิคับพี่หนุ่ย
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 6/11/2556 14:37:39 [124.120.171.4]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

nuicm จาก ดำสะออน 110.78.181.219 อังคาร, 5/11/2556 เวลา : 20:05  IP : 110.78.181.219   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16416

คำตอบที่ 6
       มีประโยชน์มากครับพี่อรรถ ช่วงปลายเดือน พ.ย. จะเชียงรายเชียงใหม่ ครับ กำลังหาข้อมูลการขับขี่ปลอดภัย สำหรับเจ้า 80
ท่านท่ี่มีประสบการณ์ โปรดแนะนำเรื่องการใช้เบรค ขณะขึ้นลงเขาด้วยครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง



ต้องใช้เกียร์ช่วยครับผอ.
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 7/11/2556 9:50:39 [124.122.173.75]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

eakaeveeakaeve จาก เอก สารคาม 171.101.17.192 อังคาร, 5/11/2556 เวลา : 21:07  IP : 171.101.17.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16417

คำตอบที่ 7
       เอาเรื่องเกียร์มาฝากอีกเรื่องครับ
จากการขึ้นล่องอ่างขางมาหลายรอบพอจะแนะนำได้บ้างครับ

หลักการ
ประการแรก เนื่องจากทางชันยาว ทั้งขึ้นและลง มีโค้งจำนวนมาก ต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักครับ
ประการต่อมา รถของพวกเรา เป็นรุ่นเฮฟวี่เวท น้ำหนักสองตันกว่า รวมบรรทุกก็ 2.5-3 ตัน เบรกต้องชัวร์
ประการสุดท้ายคือ เกียร์ ซึ่งต้องทำงานหนักมากกว่าทางราบหลายเท่า เปลี่ยนน้ำมันใหม่ก่อนขึ้นดีกว่าครับ

วิธีการใช้เกียร์หลัก
-ถ้าเป็นรถใช้แก๊ส ผมแนะนำว่าให้ใช้น้ำมันในการขึ้นเขาครับ เพื่อกำลังเครื่องที่ดี ผมไม่แน่ใจว่าความสูงมีผลต่อแก๊สที่ใช้ในรถรึเปล่า แต่รู้สึกว่าใช้น้ำมันแล้วเหมือนจะมีกำลังมั่นใจกว่าแฮะ!!!
-รถเรามี 4 เกียร์ ขึ้น/ลงเขาควรใช้ไม่เกิน 3 เกียร์ กดปุ่มOD/Off ตลอดเส้นทางภูเขาเอาไว้เลยครับ เพื่อความปลอดภัย(เอนจิ้นเบรก)
-ทางชันๆทั้งขึ้น/ลง ดึงมาที่2 เลยครับ เกียร์จะทำงานแค่ 1-2 จังหวะ ถ้าน้ำหนักบรรทุกมากและชันมาก อาจต้องใช้ 1
-อย่าห่วงเกียร์พัง หมายถึงเวลาขึ้น/ลงเขาชันมากๆต้องใช้เกียร๋ต่ำ รอบอาจสูงครวญครางบ้างก็ไม่เป็นไร
-อย่าห่วงเรื่องเปลืองน้ำมัน ห้ามใช้เกียร์ว่างลงเขาโดยเด็ดขาด
-ต้องห่วงเรื่องเบรกมากๆๆๆๆๆๆ เพราะรถหนักๆ เบรกจม(น้ำมันเบรกเดือด)เบรกไหม้บนอ่างขางได้ง่ายมาก
-แลนด์ครุยเซอร์ตกเขาหลายคันเพราะเบรกจม/ไหม้ครับ ผมเองก็เคยครั้งนึง เสียวมว๊ากกกกก

วิธีใช้เกียร์4wd
-เกียร์80ส่วนใหญ่เป็นฟูลไทม์ครับ ปกติส่งกำลังไปล้อคู่หน้า/หลังประมาณ 30:70
-ถ้าทางลื่นๆหรือขรุขระก็กดปุ่ม4wd หรือCTD(ถ้ามี) จะกลายเป็น 50:50 ครับ จะควบคุมรถได้ดีขึ้น อย่าลืมปลดตอนทางแห้ง
- H=อัตราทดสำหรับความเร็วทั่วไป
- N=เกียร์ว่าง
- L=อัตราทดสำหรับความเร็วต่ำทางวิบากเท่านั้น
-ขึ้นลงเขาทั่วไปทางลาดยางไม่ถือว่าวิบาก ใช้เกียร์ H ก็พอ
-แต่อาจจะเริ่มวิบากถ้าทางลื่นมาก ชันมาก น้ำหนักบรรทุกมาก พร้อมๆกัน เมื่อนั้นจึงใช้ L
-การใช้เกียร์ L ควรต้องมีการฝึกฝนก่อน มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายได้ทั้งรถทั้งคน โดยเฉพาะทางที่ไม่วิบากจริง เช่น ทางลาดยางขึ้นลงภูเขา
-ถ้าไม่เคยเรียนรู้การใช้และทดลองใช้เกียร์ L มาก่อนจึงไม่ควรใช้อย่างยิ่ง

ขออนุญาตเพิ่มเติมจากคุณPongCruiser "เวลาขึ้นเขา ลงเขา จงใช้ Auto ให้เป็น Manual" คือ
เพื่อให้คนขับสามารถควบคุมกำลังจากรอบเครื่องยนต์ได้ โดยไม่ต้องใช้เบรกช่วยมากเกินไป

เช่น กรณีขึ้นเขา
ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ที่ยังไม่ค่อยฉลาดนั้น (ก็รถทรงโบราณแถวๆนี้แหละ)
ขณะที่เราวิ่งทางราบค่อยๆขึ้นเขาด้วยเกียร์4 เมื่อกำลังของเกียร์4เริ่มไม่พอ เกียร์จะลดลงเอง
โดยอาจไปที่เกียร์ 3 หรือ 2 แล้วแต่กำลังที่ต้องการ
หากเราจำเป็นต้องผ่อนคันเร่งในขณะนั้น ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ เกียร์ก็อาจจะเพิ่มระดับขึ้นเป็น3 หรือ 4
จนกว่าเราจะเหยียบคันเร่งให้ลึกลงไปอีก เมื่อกำลังไม่พอเกียร์จึงจะลดลงอีกครั้ง
ขั้นตอนดังกล่าวอาจใช้เวลาแค่ไม่เกิน 3 วินาที แต่ การเสียจังหวะที่จะเร่งขึ้นเขานั้นเสียแรงส่งไปเยอะ

แต่หากเราเห็นแล้วว่ากำลังจะขึ้นเขาหรือเนิน
เราปลด OD ด้วยการกดปุ่ม OD/Off เพื่อให้อยู่ที่เกียร์ 3 หรือ2 รถจะมีกำลังไต่ขึ้นเนินแบบไม่เสียจังหวะ
ซึ่งรอบเครื่องอาจจะดูว่าสูงไปบ้าง แต่นั่นคือรอบที่ได้กำลังเครื่องสูง โดยไม่เสียจังหวะหากถอนคันเร่ง

ส่วนกรณีลงเขา อันนี้ยิ่งสำคัญ
เพราะน้ำหนักมาก=โมเมนตั้มมาก เป็นภาระของเบรกอย่างเดียวไม่ไหวครับ
ถ้าอยู่ที่เกียร์D(เกียร์4) ไม่ล็อคเกียร์ค้างเอาไว้ในเกียร์ต่ำ รถจะพุ่งลงเขาด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเปลี่ยนเกียร์ช่วยตอนนั้นก็อาจจะไม่ทันการ เพราะเกียร์อาจไม่ยอมลงต่ำให้เพราะความเร็วสูงเกิน
ลำพังเบรกก็อาจจะพอ "เอาอยู่" ในช่วงแรกๆ
แต่รับรองว่าถ้าเป็นผ้าเบรกเกรดเดิมๆโรงงานนั้น ไม่กี่ทีก็ไหม้ เพราะใช้งานเกินมาตรฐาน
หรือแม้จะเปลี่ยนผ้าเบรกเกรดทนความร้อนมากขึ้น น้ำมันเบรกก็อาจเดือด ลักษณะเหยียบจมครับ

ทางที่ดีก็คือ ต้องใช้เกียร์ให้เป็นประโยชน์ในการขึ้นลงเขาครับขับ80 ขึ้นลงเขาอย่างปลอดภัย ต้องใช้เกียร์ช่วย



อ่านแล้วเข้าใจชัดเจน ขอบคุณครับพี่อรรถ ผู้เปี่ยมประสบการณ์อย่างพี่เป็นครูที่มีรคุณค่า
จาก : eakaeve(eakaeve) 6/11/2556 14:56:13 [171.101.17.192]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไม่แหลม จาก ไม่แหลม 124.120.171.4 พุธ, 6/11/2556 เวลา : 14:41  IP : 124.120.171.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16422

คำตอบที่ 8
      
เขียนได้ดืครับคุณอรรถ เข้าใจง่าย ขอข่วยเเชร์นะครับ เรี่องเกียร์ออโต

ขึันดอยอ่างขางกับเพี่อนๆ4คัน เกียร์ออโตทุกคัน ขึ้นทางไชยปราการ ฝาง
วีโก4ประตู 2 คัน
วีทาร่า 5ประตู 1 คัน
vx80 ดีเซล 1คัน
3คันขับH ตำเเหน่งเกียร์D ผมขับvx80 ขับเกียร์H เช้าเกียร์แบบMANUAL
วิ่งมาได้ประมาณ20กม กำลังขึ้นเขา วีโก2คันน้ำมันเกืยร์เดีอดเวลาใกล้เคียงกัน
หลังจากน้ันวีทาร่าก๊เดีอดตามอีกคัน vx80น้ำมันเกียร์เดือดเป็นคันสุดท้าย
จะบอกว่ารถ4wd auto ส่วนใหญ่มีโอกาสน้ำมันเกืยร์ร้อนเกือบทุกรุ่น
ต่อครับ เราจอดรถทั้ง4คันเพื่อให้น้ำมีนเกียร์เย็นลง หลังจากนั้นก็เข้าเกียร์L เเละเปลี่ยนเกียร์แแบบmanual จนถึงยอดดอยอ่างขาง ไม่มีปัญหาอีกเลย





ฝั่งไชยปราการชันฝุดๆ
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 7/11/2556 9:58:06 [124.122.173.75]
สรุปแล้ว ใส่สโลว์ขึ้นตั้งแต่ตีนเนินใช่ป่ะพี่หนุ่ยครับ...
จาก : ปู่เฟืองจำปีคนเดิม(ปู่เฟืองจำปีคนเดิม) 8/11/2556 9:56:44 [124.120.70.178]
ใช่ครับ
จาก : nuicm(nuicm) 8/11/2556 20:14:47 [119.42.108.91]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

nuicm จาก ดำสะออน 119.42.102.57 พุธ, 6/11/2556 เวลา : 21:32  IP : 119.42.102.57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16432

คำตอบที่ 9
       จากประสบการณ์ ขึ้นอินทนนท์มาหลายรอบกับเจ้าอ้วน ผมเกียร์ธรรมดา เฟิอง 8.39 ยาง 37
ช่วงสุดท้ายก่อนถึงพระธาตุ เพื่อนๆที่เคยไปคงทราบกันดีเป็นช่วงที่ชันยาว และรถมีปัญหาช่วงนี้
เยอะมาก เบรคไหม้ ครัชไหม้ กลิ่นโขมงไปหมด รถก็จะเสียจอดข้างทาง จังหวะส่งก็จะเสียไปหมด
ยิ่งมือใหม่ๆ ก็เยอะด้วยหน้าเทศกาล .....ฉะนั้นเกียร์โฟร์โลว์ ผมก็เริ่มปรับมาใช้ช่วงสุดท้ายนี้เสมอ
วิ่งแบบสบายใจ การจราจร ช่วงนี้จะเป็นอย่างไร ก็สบายๆ ใส่สโลว์เดินเกียร์ 2-3-4 เผลอๆยันเกียร์ 5
เพราะตอนนี้ผมใส่ยาง 315 เหลือๆ เลยครับ....อีกอย่างของผมฮับล็อคแมนนวล ไม่ต้องลงมาบิดหรอกนะครับ
ทางดำไม่ต้องให้ล้อหน้ามาช่วยหรอกนะ เวลาเลี้ยวกลับรถก็จะสบายๆ
ไม่ฝืนด้วยนะจ๊ะ

 แก้ไขเมื่อ : 8/11/2556 10:19:44

 แก้ไขเมื่อ : 8/11/2556 10:27:25



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ปู่เฟืองจำปีคนเดิม จาก ปู่เฟืองจำปี 124.120.70.178 ศุกร์, 8/11/2556 เวลา : 10:15  IP : 124.120.70.178   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16449

คำตอบที่ 10
       สรุป เอามอไซค์ไปดีฝ่า






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อาร์ท zj จาก อาร์ท ZJ 49.230.136.60 ศุกร์, 8/11/2556 เวลา : 11:45  IP : 49.230.136.60   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16450

คำตอบที่ 11
       ตามอ่านข้อมูลในกระทู้นี้ ทุกวันนาครับ......
อาการเบรคเฟด มันเป็นยังไง..เฮียร์อาร์ท อธิบายหน่อย
เคยเอา ๙๕ ลุยเดี่ยวๆ อุ้มผาง พันกว่าโค้ง สบาย ๆ





พี่แก่กว่าผม มาเรียกผมเฮีย ผมตอบยากเลย
จาก : อาร์ท zj(อาร์ท zj) 8/11/2556 20:58:23 [49.230.152.80]
5555555
จาก : Wetban(Wetban) 8/11/2556 22:08:08 [49.0.117.220]
สงสัยเค้าดูจากประสบการณืบนใบหน้ามั๊ง ฮ่าฮ่า
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 9/11/2556 10:10:21 [115.87.125.248]
เจอใครโหงเฮ้งดีๆ มาดอาเสี่ย ขอเรียกเฮียไว้ก่อน
จาก : Wetban(Wetban) 9/11/2556 12:46:59 [49.0.118.56]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wetbanwetban จาก มหาค๊อป 49.0.117.220 ศุกร์, 8/11/2556 เวลา : 19:49  IP : 49.0.117.220   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16457

คำตอบที่ 12
       รู้สึกรักรถ LandCruiser ก็ตอนเอา ๙๕ ไปเข้าโค้ง ปีนป่ายเขานี่แหละครับ
ผมกด OD/Off อย่างเดียวเลย
------
อ้างอิง ..."ขออนุญาตเพิ่มเติมจากคุณPongCruiser "เวลาขึ้นเขา ลงเขา จงใช้ Auto ให้เป็น Manual" คือ
เพื่อให้คนขับสามารถควบคุมกำลังจากรอบเครื่องยนต์ได้ โดยไม่ต้องใช้เบรกช่วยมากเกินไป"

พี่อรรถครับ... อ่านแล้วเหมือนกับว่า รถมันเปลี่ยนเกียร์ Auto เป็นเกียร์ธรรมดาได้
หมายถึงมันมีปุ่ม หรือเปลี่ยนยังไงครับ อธิบายเพิ่มหน่อย ... แล้ว ๑๐๐ มันเปลี่ยนได้ไหม...
ได้คู่มือร้อยจากอาร์ทมา ก็เอาไว้บูชาซะมากกว่า....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wetbanwetban จาก มหาค๊อป 49.0.117.220 ศุกร์, 8/11/2556 เวลา : 19:56  IP : 49.0.117.220   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16458

คำตอบที่ 13
       ตอบพี่มหา คำตอบที่ 12

รถเรามีเกียร์4จังหวะครับพี่
L = 1 เกียร์จะอยู่ที่1
2 = 2 เกียร์จะอยู่ที่1-2 (2จังหวะ)
D กดOD/Off = 3 เกียร์จะอยู่ที่1-2-3 (3จังหวะ)
D = 4 เกียร์จะอยู่ที่1-4 (4จังหวะ)

เกียร์ต่ำคือความเร็วต่ำ แต่ได้กำลังมาก เหมาะกับทางชันมากกว่าเกียร์สูง
เราเลื่อนคันเกียร์ที่เกียร์ต่ำ รถก็จะมีกำลังปีนทางชันได้ดี
เวลาลงเขา ความเร็วก็จะต่ำ ดึงรถไม่ให้ไหลเร็ว แม้รอบจะสวิงสูงก็ยังดีกว่าใช้เกียร์สูง

บางคนชินกับรถดีเซลซึ่งมีรอบเครื่องต่ำกว่าเบนซิน อาจรู้สึกกังวลว่าเกียร์จะสึกหรอ
พาลคิดไปว่าค่าซ่อมเกียร์พังแพงกว่าค่าซ่อมเบรกไหม้ โดยลืมคิดไปว่า
เกียร์พังยังกลับมาซ่อมได้
แต่เบรกไหม้(กลิ่นหึ่ง)หรือเบรกเฟด(แป้นจม) อาจกลับไม่ได้หรือถึงกับไม่ได้กลับมาซ่อมเชียว

โทรมาก็ได้นะพี่



ขอบคุณครับพี่ คงได้โทร แน่ ๆ เลย
จาก : Wetban(Wetban) 9/11/2556 12:45:55 [49.0.118.56]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไม่แหลม จาก ไม่แหลม 115.87.125.248 เสาร์, 9/11/2556 เวลา : 10:29  IP : 115.87.125.248   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16459

คำตอบที่ 14
       อ้างอิง ..."ขออนุญาตเพิ่มเติมจากคุณPongCruiser "เวลาขึ้นเขา ลงเขา จงใช้ Auto ให้เป็น Manual"
หมายถึง อย่าแช่อยู่ที่เกียร์ D อย่างเดียว ให้ใช้ L 2 และ OD/off ช่วยด้วย ใช่ไหมครับ พี่อรรถ.........



ใช่ครับ ทางชันๆ ขึ้นได้กำลัง ลงไม่ไหลเร็วเกิน
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 9/11/2556 15:40:31 [115.87.125.248]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Wetban จาก มหาค๊อป 49.0.118.56 เสาร์, 9/11/2556 เวลา : 12:50  IP : 49.0.118.56   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16460

คำตอบที่ 15
       ขอบคุณมาก ผมไปลองขึ้นภูทับเบิกมาแล้วครับป๋าอรรถ สบายๆเลย ใช้เกียร์L กับ 2 และเบรคช่วยตอนลงเขาเพราะL ยังไหลลงเร็วไปนิด ไม่ต้องใช้เกียร์สโลว์ให้ยุ่งยากเพราะไม่มีให้ใช้






ถูกต้องแล้วครับพี่ กลับถึงบ้านก็ชักก้านน้ำมันเกียร์พิสูจน์ซะหน่อย ดูไม่ดีก็ถ่ายทิ้งอย่าเสียดาย
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 11/11/2556 14:37:21 [124.120.26.123]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wat80 จาก Wat 80 171.4.122.85 จันทร์, 11/11/2556 เวลา : 13:59  IP : 171.4.122.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16462

คำตอบที่ 16
       กรุณาแนะนำ วิธีการสังเกตว่า น้ำมันเกืยร์เดีอด ด้วยครับ



เหยียบแล้วรอบเครื่องไปแต่รถไม่ไป ผ่อนคันเร่งซักพักถึงจะไปต่อได้
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 15/11/2556 13:26:42 [124.120.43.55]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

eakaeveeakaeve จาก เอก สารคาม 171.101.17.192 พุธ, 13/11/2556 เวลา : 03:02  IP : 171.101.17.192   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16468

คำตอบที่ 17
       สำหรับรถ80 ท่านผอ.ดูสัญญาณA/T oil Temp ครับ ถ้าโชว์แดงโร่เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ต้องพักรถ
อาการก็คือ ถ้าแดงแล้วยังไม่พักรถ
เหยียบคันเร่งแล้วรอบขึ้น แต่ความเร็วไม่ขึ้นครับผอ.





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไม่แหลม จาก ไม่แหลม 110.169.194.202 พฤหัสบดี, 14/11/2556 เวลา : 11:00  IP : 110.169.194.202   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16470

คำตอบที่ 18
       ขอบคุณครับพี่อรรถ ได้ความรู้ชัดเจน สุดยอด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

eakaeveeakaeve จาก เอก สารคาม 171.101.16.253 เสาร์, 16/11/2556 เวลา : 05:40  IP : 171.101.16.253   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16483

คำตอบที่ 19
       พี่อรรถครับ ถามเป็นความรู้หน่อยครับ กดใช้เกียร์ 2 ใช้ความเร็วเท่าไหร่ครับ แล้วกดใช้เกียร์ L ใช้ความเร็วเท่าไหร่ครับ รบกวนพี่อรรถตอบด้วยครับ หรือผู้ที่รู้ท่านอื่นตอบแทนก็ได้ครับ ขอบพระคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

KOVX80 จาก โก๊ะ 58.8.171.89 อาทิตย์, 17/11/2556 เวลา : 14:23  IP : 58.8.171.89   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16485

คำตอบที่ 20
       ตอบคุณโก๊ะ คำตอบที่ 19

".........กดใช้เกียร์ 2 ใช้ความเร็วเท่าไหร่ครับ แล้วกดใช้เกียร์ L ใช้ความเร็วเท่าไหร่..........."
ไม่ค่อยเข้าใจตรงคำว่า "กด" อ่ะครับ

ความเร็วของแต่ละเกียร์ตอนต้องใช้กำลังมากๆ ผมไม่ค่อยได้สังเกตจริงๆครับ
เพราะใช้เวลาต้องการกำลังให้เหมาะกับความจำเป็น ที่ไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่
ส่วนใหญ่สังเกตแต่รอบเครื่อง คือไม่ลากรอบจนถึงเรดไลน์ ถ้าจำเป็นก็ไม่ควรแช่นาน
คือ เราถนอมรถให้ใช้ได้นานๆ แต่ถ้าจังหวะกำลังไต่เนินเข้าได้เข้าเข็ม ก็ต้องผ่านให้ได้ครับ

ไม่ใช่เอาไว้เชนเกียร์ หรือ ลดเกียร์ลงต่ำเพื่อลดความเร็วนะครับ
แต่คาไว้ที่จังหวะเกียร์ที่เราใช้อยู่เพื่อให้ควบคุมความเร็วด้วยคันเร่งโดยไม่เสียจังหวะแตะเบรก
ใช้แค่เท้าขวากดหรือยกคันเร่งด้วยความนิ่มนวล
คือ การเปลี่ยนเกียร์ทำให้รอบตก เสียจังหวะกำลังเครื่องตอนขึ้นเขา
ส่วนตอนลงเขา ทำให้ความเร็วเยอะเกินไปเพราะมีโมเมนตั้ม(แรงส่ง)จากรถที่หนักมากๆ
หากต้องเบรกหนักบ่อยๆ แล้วผ้าเบรกไหม้หรือเบรกเฟด มันจะเสี่ยงอันตรายสูง

ไม่แน่ใจว่าตรงกับเรื่องที่ถามอ๊ะป่าว

 แก้ไขเมื่อ : 18/11/2556 13:47:20

 แก้ไขเมื่อ : 18/11/2556 13:50:44



ขอบคุณครับ พี่อรรถ อ่านแล้วเข้าใจครับพี่ ขอบพระคุณมากครับ
จาก : KOVX80(KOVX80) 25/11/2556 20:49:01 [61.90.23.219]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ไม่แหลม จาก ไม่แหลม 124.122.120.44 จันทร์, 18/11/2556 เวลา : 09:52  IP : 124.122.120.44   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16486

คำตอบที่ 21
       ในคู่มือ VX ๑๐๐ ที่อาร์ทส่งมาให้ หน้า ๑๒๓ การใช้เกียร์ VX ๑๐๐





ขอบคุณครับพี่มหา
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 23/11/2556 10:23:26 [124.120.98.155]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wetban จาก มหาค๊อป 202.28.111.30 อังคาร, 19/11/2556 เวลา : 10:41  IP : 202.28.111.30   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16504

คำตอบที่ 22
       ได้ความรู้มากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เหน่อ จาก นายเอ ฅนเหน่อ 125.26.54.20 จันทร์, 25/11/2556 เวลา : 16:25  IP : 125.26.54.20   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 16597

คำตอบที่ 23
       โห....ไม่เคยเห็นป๋าอรรถ จะเขียนอะไรมากมายขนาดนี้เลย....นับถือ ๆ



หวัดดีคร้าบ พี่ Supermop
จาก : wetban(wetban) 15/1/2557 14:46:15 [49.0.118.168]
รวบรวมจากที่เคยเจอครับลุงป้อม เผื่อคนไม่เคย อิอิ
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 21/1/2557 15:59:26 [110.169.227.231]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Supermop จาก Supermop 58.8.25.114 พุธ, 15/1/2557 เวลา : 13:45  IP : 58.8.25.114   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17223

คำตอบที่ 24
       อ่านแล้วได้ความรู้ทุกบรรทัด อย่าอ่านตกแม้นตัวอักษรเดียว.......ยอมรับประสพการณ์และการถ่ายทอดความรู้สู่มือใหม่ vx80น้องใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง. ขอบคุณทุกประสพการณ์และการถ่ายทอดความรู้สู่รุ่นน้องมือใหม่





เพื่อนที่ประสบการณ์เยอะๆ เจอแบบที่ผมเขียนทุกคนแหละครับพี่
จาก : ไม่แหลม(ไม่แหลม) 21/1/2557 16:00:48 [110.169.227.231]
สระบุรี ไชยปราการ อ่างขาง ปาย แม่ฮ่องสอน เลาะตะเข็บชายแดน แม่สอด ตาก กระทู้นี้ทำให้ขับคราวนี้เบรคไม่มีเฟ็ดแจ่มมากๆ....
จาก : onair(onair) 6/2/2557 2:08:20 [125.26.249.54]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

onair จาก อำนาจหระรี(onair) 125.26.231.28 จันทร์, 20/1/2557 เวลา : 21:44  IP : 125.26.231.28   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17288

คำตอบที่ 25
       ดีครับ ผมว่าอธิบายได้ละเอียดดีคนที่เพิ่งใช้เกียร์ออโตจะได้เข้าใจการใช้และจะได้ไม่เกิดอันตรายเวลาไปขึ้นเขาลงเขาครับ เพราะเวลาน้ำมันเบรคเดือดแล้วจะน่ากลัวมาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pferd จาก nin 203.147.52.114 พุธ, 22/1/2557 เวลา : 07:01  IP : 203.147.52.114   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17304

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,25 เมษายน 2567 (Online 3715 คน)