คำตอบที่ 1
      

คำตอบที่ 2
      

คำตอบที่ 3
       เอาง่ายๆครับ เช่น เดิมใช้เฟืองท้าย 10:41 ก็คือ 4.1:1 สมมุติยางเดิมขนาด 245/70-16 วัดขนาดหรือคำนวณได้โตเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 0.7494 ม. ถ้าท่านต้องการเปลี่ยนไปใช้ยางขนาด 35นิ้วซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 0.89 ม. ท่านก็ใช้วิธีเทียบบัญญัตไตรยางค์เอาครับ ดังต่อไปนี้
เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7494 ม.ใช้เฟืองท้าย 4.1
ถ้าเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.89 ม. จะใช้เฟืองท้าย 4.1*0.89/.7494 จะได้อัตราทดเฟืองท้ายใหม่เท่้ากับ 4.87 :1 ซึ่งก็คงไม่สามารถหาให้ได้อัตราทดตรงตามที่คำนวน ก็เอาอัตราทดที่หาได้ใกล้กับผลการคำนวนที่สุด ท่านก็จะได้ผลการใช้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุดคร้ับ

คำตอบที่ 4
       ขอบคุณครับคุณ DMAXIZU545 ว่าแต่การคำนวณเส้นผ่าศูนย์กลางของยางมีวิธีคำนวณหรือใช้วัดเอาจากเส้นยางเลยครับ แล้วทีมีคนบอกว่าอัตรทดเยอะๆๆ เช่น 8-41 เท่ากับ 5.1 จะทำให้รถมีรอบที่ต่ำลงว่งได้เท่าเดิมโดยประหยัดมากขึ้น แต่ผมไม่แน่ใจครับเลยอยากสอบถามต่อ

คำตอบที่ 5
       วิธีการคำนวณเส้นผ่าศูนย์กลางมี 2 ระบบ
1.ในระบบนิ้วยางจะบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมาให้เลย(แต่ไม่ตรง100 % จะคลาดเคลื่อนแตกต่างไปจากที่คำนวณได้นิดหน่อยแล้วแต่มาตราฐานแต่ละโรงงาน)เช่น ยาง 33นิ้ว เราสามารถแปลงเป็นหน่วยต่างๆได้ตามที่ต้องการเช่นถ้าต้องการแปลหน่วยเป็นเมตร ก็เอา 33*2.54/100 =0.8382 ม.(ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง)
2.ระบบมิลลิเมตร เช่น ยาง 245/70-16 ความหมายคือ หน้ายางกว้าง 245 มม. ความสูงของแก้มยางเท่ากับ 70%ของความกว้างหน้ายางดังนั้นความสูงแก้มยาง = 245*70/100 =171.5 มม.= 0.1715 ม. ดังนั้นเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ ความสูงแก้มยางสองด้าน บวกด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ(16 นิ้ว = 16*2.54/100=0.4064 : แปลกดีไหมบอกเป็นนิ้วผสมมิลลิเมตร) สรุปว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง 245/70-16 = 0.4064 ม.+(0.1715*2=0.343 ม.)= 0.7494 ม.
ส่วนที่ว่า "ถ้าอัตราทดสูงเช่นจาก 4.1:1 ไปเป็น5.1:1แล้วจะทำให้รถวิ่งที่ความเร็วได้เท่าเดิมแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำลง" นั้นท่านคงจำสับกันครับ เพราะจากตัวเลขอัตราทด 4.1 : 1 นั้นหมายความว่า เพลาขับที่ต่อมาจากเกียร์(เกียร์ต่อมาจากเครื่องยนต์อีกที)หมุน 4.1 รอบ จะทำให้ล้อหมุนแค่ 1 รอบ ดังนั้นถ้าท่านเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้นจาก 4.1 ไปเป็น 5.1 รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วรถเดียวกันจะสูงขึ้น แต่จะมีแรงบิด(Torque)มากขึ้นด้วย ส่วนถ้าท่านลดอัตราทดเฟืองท้ายลงจาก 4.1 เป็น 3.5:1 อย่างนี้ที่ความเร็วรถเดียวกันความเร็วรอบเครื่องจะลดลงแต่มีปัญหาตามมาที่ แรงบิดลดลงด้วยทำใ้ห้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นและรถอาจเร่งไม่ออก
ดังนั้นการเลือกขนาดอัตราทดเฟืองท้ายจึงต้องคำนวณให้สัมพันธ์กับขนาดยาง เราจึงมักยึดอัตราทดดั้งเดิมที่มากับรถเป็นหลักในการคำนวณหาอัตราทดเฟืองท้ายใหม่เมื่อเราต้องการเปลี่ยนขนาดยางให้่โตขึ้นครับ ซึ่งถ้าท่านยึดอัราทดเดิมเป็นหลักแล้วเปลี่ยนขนาดเฟืองท้ายไปตามขนาดยางที่เปลี่ยนไปอย่างเหมาะสม ความรู้สึกในการใช้งานก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากขนาดยางและเฟืองท้ายเดิมๆ เพราะว่าทางผู้ผลิตได้มีการศึกษาทดลองและออกแบบมาเป็นอย่างดีแล้วครับ

คำตอบที่ 6
       ถามเพิ่มเติมครับหาก265/75/16ใส่ในดีแม็กไฮเลนเดอร์4ประตูเครื่องคอมมอลเรลเกียรออโต้จะต้องทดเท่าไรครับ

คำตอบที่ 7
       เรียนคุณจิต
คงต้องให้ข้อมูลเดิมผมก่อนว่า เดิมระบบท่านมีค่าเป็นอย่างไร เช่น อัตราทดเฟืองท้ายเดิม ขนาดยางเดิมๆ ผมจึงจะสามารถตอบท่านได้อย่างชัดเจนแน่นอน
แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ ดีแม๊กซ์ เกียร์ธรรมดา สี่ประตู ตัวขับสี่อยู่ ขอเรียนว่่า ถ้าท่านไม่เน้นเรื่องการออกตัวกระชับกระเฉงเหมือนๆเดิม ผมก็ว่าน่าจะใช้ได้ ยิ่งใช้ร่วมกับเกียร์ออโต้แล้วด้วย เวลาต้องการออกตัวแรงๆหรือบันทุกหนักก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงคลัชท์ช่วย แต่ผลที่ได้ตามมาที่เห็นได้ชัดๆก็คือ จะกินน้ำมันมากขึ้น และตีนปลายจะลากได้ยาวและความเร็วมากกว่าเดิม เพราะเครื่องมีแรงม้ามากพอ
ขนาดรถผมไม่ใช่ตัวคอมมอนเรลมีแรงแค่ 120 แรงม้า ยังเคยใช้มาแล้ว 1 ชุด แต่ออกตัวจะอืดหน่อย(ของผมอัตราทดเฟืองท้าย 4.555:1) ส่วนของท่านต้องมีอย่างน้อยก็ 140 แรงม้าขี้นไปย่อมใช้ได้แน่นอนครับแต่จะมีอาการดังที่กล่าวข้างต้น
แต่ถ้าท่านต้องการให้มีสภาพการใช้งานทุกอย่้างเหมือนเดิมก็คงต้องเอาข้อมูลมาครับแล้วจะช่วยวิเคราะห์ให้อีกทีครับ

คำตอบที่ 8
       ขอบคุณมากครับ ได้ความกระจ่างขึ้นเยอะ