WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ข่าวแข่งรถภาคเหนือ
กระดานเปื้อนชอล์ค
จาก banana 08
IP:118.172.204.21

อังคารที่ , 22/9/2552
เวลา : 06:43

อ่านแล้ว = 3901 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       รวม ข่าวแข่งรถภาคเหนือ


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ข่าวอย่างไม่เป็นทางการแว่วๆมาว่าสงกรานต์ปีหน้า
เปี๊ยก ธนา เตรียมจัดการแข่งขันแถวๆแม่ตะมาน
แน่นอนประการใดคงมีการแถลงข่าวกันอีกครั้ง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 118.172.204.21 อังคาร, 22/9/2552 เวลา : 06:54  IP : 118.172.204.21   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77851

คำตอบที่ 2
       ใช้ช้างกู้รถ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 118.172.204.21 อังคาร, 22/9/2552 เวลา : 07:00  IP : 118.172.204.21   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77852

คำตอบที่ 3
       นักแข่งทีมบานาน่า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 118.172.206.155 พุธ, 23/9/2552 เวลา : 06:16  IP : 118.172.206.155   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77853

คำตอบที่ 4
       แอบไปซ้อมมือทีชุมพรมา





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 118.172.206.155 พุธ, 23/9/2552 เวลา : 06:19  IP : 118.172.206.155   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77854

คำตอบที่ 5
       ขอเชิญชมและเชียร์ การแข่งขันออฟโรดในรายการ OFF ROAD TROPHY 2009 สนามที่ 4 จ.พิจิตร ระหว่างวันที่ 14-15-16 ตุลาคม 2552 ณ.สนามกลาง อ.เมือง จ.พิจิตร

สนามนี้เป็นสนามที่ลุ้นแชมป์ประจำปี 2009 แล้วนะจ๊ะ นักแข่งของเราก็มีลุ้นแชมป์ประเทศไทยกับเขาอยู่ทั้ง 4 รุ่น ช่วยกันส่งแรงใจเชียร์พวกเราด้วยนะคะ

โมเดิร์นไนน์ทีวี ถ่ายทอดสด รอบชิงชนะเลิศ วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม เวลา 14.00-15.30 เหมือเดิมจ้า........





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 118.172.202.241 พฤหัสบดี, 24/9/2552 เวลา : 07:06  IP : 118.172.202.241   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77861

คำตอบที่ 6
       แข่งออฟโรดต้องเริ่มต้นอย่างไร
ต้องทำรถอย่างไรบ้าง ใช้เงินเท่าไร
“เขียนจากเรื่องจริง จากคนเพิ่งเริ่มแข่ง”

เรียบเรียงโดย : วิเชษฐ์ ธรรมรุ่งพิทักษ์



คำถามยอดฮิตของการที่จะเริ่มเล่นกีฬาแข่งออฟโรด หรือกีฬาทุกประเภทที่หลายคนที่ต้อม ๆ มอง ๆ ดู ๆ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ตอบแบบง่ายที่สุดเลยก่อนว่า “มีใจ” ก่อนเลยอันดับแรก แต่ผมเชื่อว่าหลายคนเริ่มจากการไปดูที่สนามแข่งออฟโรด และอาจยืนดูอยู่หลาย ๆ สนาม แล้วก็ตอบคำถามในใจตนเองว่า “อยากเล่นแบบนี้หรือไม่” ถ้าในใจคุณตอบว่า “ใช่” ก็แสดงว่าคุณผ่านสู่ขั้น “มีใจ” แล้ว แต่ก็ต้องถามคุณอีกนิดว่ามีความ “บ้า” หรือเปล่า ถ้าไม่มีคุณอาจแข่งออฟโรดได้ลำบากเพราะโดยส่วนมากแล้วต้องมี “ใจบ้า” เอาละไปพิสูจน์ตัวคุณเองก่อน ถ้ามี “ใจบ้า” ก็อ่านต่อแล้วมาลองแข่ง แต่ถ้าไม่มีใจบ้าก็อ่านบทความนี้เป็นประสบการณ์ก็ได้ครับ


การแข่งออฟโรดมีกี่อย่าง
ในประเทศไทยบ้านเราที่ฮิต ๆ มีอยู่ 2 อย่างคือ การแข่งในสนามสร้าง และการแข่งในป่าที่เป็นธรรมชาติ
การแข่งในสนามสร้างนั้นโดยส่วนมากจะทำในสถานที่ที่สะดวกสบาย ผู้ชมเข้าถึงง่าย โดยผู้ออกแบบสนามจะทำเนิน หลุม และอุปสรรคต่าง ๆ ให้นักแข่งได้ประลองฝีมือกัน ซึ่งมีทั้งแบบการวิ่งทีละคัน และวิ่งทีละสองคัน แต่ที่ได้รับความนิยมทั้งนักแข่งและสายตาผู้ชมคือ การปล่อยวิ่งที่ละสองคัน เนื่องจากมีความเร้าอารมณ์ทั้งนักแข่งและคนชมได้สูง รูปแบบนี้ผู้จัดจะต้องหาจุดไขว้คือสะพาน เพื่อทำให้นักแข่งได้วิ่งในอุปสรรคเดียวกันและเส้นทางการแข่งขันเท่ากัน การแข่งขันรูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากในรายการชิงแชมป์ประเทศไทย เช่นรายการ OFFROAD TROPHY, ออฟโรดชิงแชมป์ภาคเหนือ, ออฟโรดชิงแชมป์ภาคอีสาน ฯ.

การแข่งในป่าที่เป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า Challenge การแข่งรูปแบบนี้ก็ประยุกต์การออกป่าของชาวออฟโรดทั่วไปในถิ่นทุรกันดาร แต่ผู้จัดนำมาเป็นเกมส์การแข่งขัน การทำสนามก็แค่นำริบบิ้นกำหนดจุดอุปสรรคให้นักแข่งออฟโรดวิ่งไปตามทางที่กำหนด โดยอุปสรรคแต่ละจุดนั้นมิใช่อุปสรรคที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ แต่เป็นอุปสรรคที่อยู่แล้วตามธรรมชาติ ทั้งก้อนหิน ต้นไม้ โคลน และหุบเหว การแข่งขันรูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ เช่นรายการ Rainforest ของประเทศมาเลเซีย ถ้าในประเทศไทยที่ดังระเบิดก็ ตรังชาเลนจ์ ซึ่งจะมีการจัดแข่งขันปีละครั้ง ถ้าในเชียงใหม่บ้านเราตอนนี้ก็มีรายการ Royal Trophy Offroad Challenge 2009 แต่รายการนี้ก็ยังมีการประยุกต์เอาแบบสนามสร้างมารวมอยู่ในรายการด้วยเพื่อผู้ชมได้เข้าถึงได้ง่าย


ประเภทของรถแข่งมีอะไรบ้าง
ประเภทรถยนต์ถ้าแบ่งในบ้านเรา แบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. ประเภทรถตลาดคานแข็ง เช่น Suzuki Caribian, Toyota คานแข็ง
2. ประเภทรถตลาดปีกนก เช่น รถกระบะปีกนกทั่วไป VIGO, DMAX ฯ.
3. ประเภทรถประกอบสร้างใหม่เพื่อแข่งขันออฟโรดโดยเฉพาะที่เรียกว่า “รถการ์ตูน”

แล้วแบบไหนที่นิยมละ
ถ้าได้รับความนิยมอันดับ 1 ก็คือ Suzuki Caribian (ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว มีแต่รถมือสอง) รองลงมาก็รถสร้างประกอบที่เรียกว่า “การ์ตูน” นักแข่งระดับนี้จะเป็นประเภททุ่มทุนสร้างเพื่อการแข่งขันอย่างเดียว ราคารถเฉลี่ยมือสองคันละ 4 แสนบาทขึ้นไป ส่วนรถปีกนกนั้นได้รับความนิยมไม่มากเท่าไรนักเพราะโอกาสสึกหรอกและเจ็บช้ำจากการกระแทกปีกนกด้านหน้าทำให้รถบาดเจ็บ หรือเสียหายมีมากที่สุด ดังนั้นคนที่จะเล่นรุ่นปีกนก “ต้องเป็นประเภทใจกล้า บ้า และมีเงินเรื่อย ๆ”
ส่วนรถการ์ตูนนั้นเป็นเข้าข่ายประเภทรถคานแข็ง แต่เป็นรถที่มีการดัดแปลงทำใหม่ด้านสรีระให้เข้ากับการแข่งขันออฟโรดอย่างเดียว วิ่งในท้องถนนไม่ได้ สรีระตัวรถมีการปรับแต่งให้ล้อหน้าและล้อหลังยื่นเกินตัวถังรถเพื่อการสัมผัสในการปีนป่ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โช๊คอัพก็ไม่มีขายตลาดท้องตลาดทั่วไปเพราะทำเป็นด้ามยาวหลายศอกเพื่อการแข่งขันเฉพาะด้านเท่านั้น
เอาละแล้วเรามาขยายความรุ่นที่นิยมใช้มากที่สุดก็คือเจ้า Suzuki Caribian รุ่น SJ413 ปัจจุบันรุ่นนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว มีแต่สภาพรถมือสองซึ่งราคาก็ไม่แพง เริ่มจาก 60,000 – 120,000 บาท แต่ถ้าจะซื้อมาแข่งแนะนำว่าซื้อราคาประมาณ 7-8 หมื่นบาทก็พอ พิกัดเครื่องยนต์ 1300 ซีซี. แรงม้าถ้าจำไม่ผิดคือ 66 แรงม้า รถประเภทนี้แรงม้าไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไรเน้นที่แรงบิดการลากชุดผุดตะกุยมากกว่า Caribian รุ่นนี้เป็นแบบคานแข็งที่ใช้แหนบและโข๊คเป็นระบบช่วงล่าง ซึ่งมีเทคโนโลยีไม่ซับซ้อนอะไร การซ่อมบำรุงก็ง่าย ถ้าเป็นรุ่นเดิม ๆ ราวปี 2538 ก็จะเป็นระบบคาร์บูเรเตอร์ และถ้าเป็นรุ่นใหม่ ๆ หน่อยก็เป็นระบบหัวฉีด ซึ่งในตลาดก็นิยมทั้ง 2 รุ่นนี้มาลงแข่ง ยกตัวอย่างผม (บก.วิเชษฐ์) ก็ใช้รุ่น SJ413 ระบบคาร์บูเรเตอร์ในการแข่งขัน ระบบคานแข็งมีการสึกหร๋อในการกระแทกชนเนิน ชนคันดิน ได้ดีกว่ารุ่นปีกนก คือ ชนแล้วไม่ค่อยมีอาการเสียหายตามมาเท่าไร ส่วนปีกนกถ้าชนแรง ๆ จังหวะไม่ดีรับประกันว่ามีงอแน่นอน


ยางคืออาวุธสำคัญ
ยางกับการแข่งออฟโรดมีความสำคัญอันดับ 1 รถกำลังเครื่องไม่แรงมากนักแต่ถ้าได้ยางดีโอกาสมีชัยได้เข้าเส้นกับเข้าบ้าง (ถ้าคันอื่นพลาดนะ …ฮา) ยางที่ใช้ทั่วไปสำหรับออฟโรดเรียกว่ายาง MUD ซึ่งถ้าเป็น MUD ดอกปกติทั่วไป คงเอาไม่ค่อยอยู่กับรายการแข่งขันออฟโรดทุกวันนี้ แต่ก็มีนักแข่งหลายคนที่เลือกใช้ยางประเภทนี้อยู่ (สงสัยใช้ของเก่าให้หมดก่อนละ) แต่ยางที่ได้รับความนิยมที่สุดนั่นก็คือยาง MUD ที่เรียกลายดอกมันว่า “ตะขาบ” เพราะมันจะมีคมดอกที่ห่าง และร่องลึก พร้อมการจิกตะกุยดิน ลองยางประเภทนี้ไปหมุนอยู่กับที่สัก 5-7 รอบ ก็เล่นเอาดินเป็นรูเป็นหลุมลึกทีเดียว (ยางประเภทนี้ ชาวเขาชาวดอยมักไม่ค่อยชอบชาวออฟโรดที่ไปท่องเที่ยวในป่า ให้ผ่านเส้นทางบ้านเขาเท่าไรนัก เพราะจะส่งผลให้ทางบ้านเขาพัง แต่ถ้าเป็นยางออฟโรดปกติเขาก็บอกว่า…โอเช )
ขนาดของยางแข่งนิยมใช้เบอร์ 31 ขนาดความกว้าง 10.5 นิ้ว แบบขนาดวงล้อ 15 นิ้ว หรืออาจจะเป็นขนาดเบอร์ 33 ความกว่าง 10.5 นิ้ว ขนาด 33 นี้ก็จะได้ความสูงที่เพิ่มมากขึ้นอาจได้เปรียบเนินเล็กระดับแขวนท้องรถได้ สนราคาก็ราวเส้นละ 7,500 บาทขึ้นไปสำหรับยี่ห้อ Silverstone ที่ได้รับความนิยมอยู่ขนาดนี้ หรือที่นิยมดั่งเดิมก็คือยี่ห้อ Simax


ข่าวว่าแข่งออฟโรดต้องใช้เงินเยอะจริงหรือเปล่า
คำว่าเยอะนั้นต้องตอบว่าแค่ไหนเยอะ หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หรือหลายแสนบาท ก็เนรมิตให้มันเกิดขึ้นได้ทุกค่าใช้จ่าย แต่สูตรเริ่มต้นของผมถือว่าใช้ไม่เยอะมาก ไม่นับตัวรถที่ซื้อมานะ นำมาปรับปรุงซื้อยาง ปรับปรุงเรื่องโช๊คอัพ ปรับแต่งปาดซุ้มล้อเพื่อให้ยางตะขาบ ใส่โรบาร์ ชุดแรกนี้ก็ใช้งบไม่เกิน 5-6 หมื่นบาท แต่ถ้าคุณต้องการสมรรถนะที่ดีขึ้นด้านเครื่องยนต์ ปรับแต่ระบบหัวฉีด ระบบเบรกมือซ้ายขวา ระบบช่วงล่างที่รองรับความรุนแรงได้ดี ก็ใช้เงินราว 50,000 – 100,000 บาท เป็นอย่างน้อย


ระบบเบรคมือซ้าย ขวา คืออะไร
เบรกมือห้ามล้อซ้าย ล้อขวาหลัง คือเครื่องมือที่จะช่วยให้วงเลี้ยวแคบขึ้นสำหรับการแข่งในสนามสร้าง ซึ่งแวดล้อมไปด้วยริบบิ้นที่ผมเรียกว่า “เขาวงกต” มุมริบบิ้นที่แคบทำให้วงเลี้ยวขับเคลื่อน 4 ล้อไม่สามารถบังคับเลี้ยวในมุมแคบได้ เพราะมันจะได้มุมกว้าง ๆ บาน ๆ การที่จะทำให้วงเลี้ยวแคบได้ ต้องใช้วิธีการล๊อกล้อหลังข้างที่ต้องการเลี้ยวไปข้างเดียว เช่น ต้องการเลี้ยวซ้ายมุมแคบก็ต้องดึงเบรกมือล๊อกล้อหลังซ้ายห้ามล้อหมุนไว้พร้อมเดินคันเร่งและหักพวงมาลัยไปด้านซ้าย (โดยส่วนมากนักแข่งดึงเองไม่ค่อยทัน เพราะรถมีความสั่นสะเทือนสูง ก็จะให้ผู้นำทางหรือเนที่นั่งข้าง ๆ เป็นผู้ดึงให้ เพราะฉะนั้นเนผู้มีประสบการณ์รู้ดีกว่าจะดึงด้วยน้ำหนักมากน้อยขนาดไหน)
ระบบเบรกนี้จะต้องทำชุดเบรกขึ้นมาอีกชุด ไว้ห้ามล้อหลังซ้ายและขวา แต่ถ้ารถเดิมเป็นระบบดัมเบรก ต้องเปลี่ยนเป็นระบบดิสก์ก่อน แล้วจะเพิ่มชุดคาลิปเปอร์จับจานเบรกไปอีก 1 ตัว สรุปล้อหลังทั้ง 2 ข้างจะมี ชุดห้ามเบรก 2 ชุด ชุดแรกจะทำงานเบรกที่เท้าของเราปกติ ส่วนอีกชุดหนึ่งจะทำงานตามเบรกมือที่ทำขึ้นมาใหม่ สนนราคาก็ราวหลักหมื่นบาทขึ้นไปแล้วแต่อู่ที่ทำ และของที่ใช้


วินซ์จำเป็นไหม และควรใช้วินซ์อะไร ไฟฟ้า หรือเพลา
ตอบได้คำเดียวว่า “จำเป็น” เพราะวินซ์คืออาวุธที่หมู่ชาวออฟโรดต้องมีไว้ช่วยเหลือตัวเอง หรือช่วยเพื่อนร่วมก๊วนในการออกทริปในป่า รถเราติดหล่มวิ่งไม่ขึ้นก็ต้องวินซ์ช่วยตัวเอง หรือบ้างครั้งเพื่อนร่วมก๊วนไม่มีวินซ์หรือวินซ์ไม่ขึ้น ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันคือปัจจัยพื้นฐานของหมู่ชาวออฟโรด
แต่ปัจจุบันผู้จัดหลายรายได้ให้โอกาสนักแข่ง “หน้าใหม่” ได้มีโอกาสเข้ามาลิ้มลองรสชาติการแข่งออฟโรดดูบ้าง ก็มีการจัดไลน์การแข่งแบบง่าย ๆ ยังไม่ต้องวินซ์ให้กับนักแข่ง “มือใหม่” ได้ลอง แต่ถ้าได้รับถ้วยมือใหม่ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปแล้ว ตามกฎกติกาปีต่อไปต้องขึ้นไปชกกับ Class ที่สูงกว่า แน่นอนว่า “ต้องมีวินซ์” เพราะไลน์การแข่งขันจะดุเดือดเลือดพล่านแบบหนังคนละม้วนเลยทีเดียว
แล้วควรเป็นวินซ์ไฟฟ้าหรือวินซ์เพลาดีละ ผมแนะนำว่าจุดเริ่มต้นง่าย ๆ ลองเล่นกับวินซ์ไฟฟ้าก่อน เพราะทำงานง่าย บังคับควบคุมง่าย แม้จะไม่รวดเร็วทันใจหรือ Hard Core ที่ให้กำลังมหาศาลเหมือนวินซ์เพลา แต่วินซ์เพลามันก็ยุ่งยากในการใช้พอสมควร
สนนราคาวินซ์ไฟฟ้าก็ราวตัวละ 15,000-30,000 บาท หรือสูงกว่าขึ้นอยู่กับยี่ห้อ
ต่อด้วยคำถามว่า แล้วต้องติดหน้าหลังเลยหรือไม่ ถ้ามีตังก์พอก็ติดทั้งหน้าทั้งหลังเลยก็จะดี โอกาสช่วยเหลือตัวเองก็คล่องตัว การแข่งขันออฟโรดในเมืองจีนผมเห็นจากภาพถ่าย นักแข่งหลายคันติดวินซ์ด้านหน้ารถถึง 2 ตัวเลย เผื่อวินซ์ตัวหนึ่งตัวใดพังในระหว่างแข่งขัน ก็สามารถชักวินซ์ตัวที่สองมาใช้งานได้ทันที ในการแข่งออฟโรดของภาคเหนือบ้านเราผมเห็นมามากแล้วที่วินซ์หน้าขาด หรือติดขัดจนต้องรับคะแนน DNF คือไม่จบการแข่งขันไปกิน


รุ่นการแข่งขัน
รุ่นการแข่งขันในปัจจุบันแบ่งได้หลายรูปแบบแล้วแต่ผู้จัด ซึ่งแบ่งออกเป็นดังนี้
- รุ่น Open A , รุ่น Open B โดยส่วนมากใช้รถการ์ตูน และมีประสบการณ์สูง
- รุ่นคานแข็ง โดยส่วนมากให้ใช้รถ Suzuki Caribian
- รุ่นปีกนก
- รุ่นมือใหม่
- รุ่นพิเศษ เช่น รุ่น VIP (อาจเป็นประเภทสูงอายุ ไม่สัดทันการแข่ง แต่ชอบเข้าป่า ) รุ่นดาวรุ่งท้องถิ่น

การแบ่งรุ่นการแข่งขันไม่มีกฎตายตัวแล้วแต่ผู้จัด จะมองสภาพตลาดของปริมาณรถในพื้นที่การแข่งขันนั้น ๆ

ความมันส์ของการแข่งออฟโรดอยู่ตรงไหน
การแข่งออฟโรดไม่เหมือนกีฬาแข่งรถความเร็วแบบ Circuit ในสนามพีระฯ ที่มีโค้งมีรูปแบบของสนามตายตัว แต่การแข่งออฟโรดทุกสนามมีการดีไซน์และการออกแบบอุปสรรคที่แตกต่างกัน ความเร้าใจเกิดจากอุปสรรคที่เกิดจากความท้าทายในใจของนักแข่งว่า “เราจะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้หรือไม่” การเข้าไลน์ การดูไลน์ สำหรับนักแข่งออฟโรดนั้นสำคัญมาก ถ้านักแข่งเข้าไลน์ผิด ทิ่มเข้าไปแบบบ้าพลังอาจพบจุดจบแบบง่ายดาย และจำไว้ว่าไลน์สนามเปลี่ยนตลอดเวลา ดังนั้นความเร้าใจคือการมองในมุมของอุปสรรคที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา นักแข่งจะต้องประมวลผลในระยะ 5 เมตรก่อนเดินคันเร่งเข้าสู่อุปสรรคอย่างแม่นยำ
การติดหล่มหรือติดในอุปสรรค ก็เป็นการท้าทายและสนุกของการแข่งออฟโรดอีกประการ เหมือนการตกปลาที่ความสนุกไม่ได้อยู่ที่การตกและอยู่ที่การเย่อและสู้กับปลา ออฟโรดก็เช่นกันความสนุกคือการได้สู้กับอุปสรรค ความมันส์ที่ได้จากการเทคตัว ถอย แล้วสู้ใหม่ โดยที่ทั้งหมดต้องอยู่ในพื้นฐานของคำว่า “ปลอดภัย”
ปกติเราขับรถบนท้องถนนนั้นเราจะได้สนุกความแรงม้า ความเร็ว แต่การขับหรือแข่งออฟโรด เราจะได้สนุกกับแรงบิด แรงตะกุย ได้ภูมิใจถึงพลังขับเคลื่อน 4 ล้อในการตะกุยเนินชัน ๆ หรืออุปสรรคโหด ๆ ที่รถปกติธรรมดาไปไม่ได้


จะเริ่มแข่งจากจุดไหน
เอาละมาเริ่มว่าจะเริ่มแข่งจากจุดไหนกันเสียที หลังจากที่ท่านมีความพร้อมแบบ “ใจ” + “บ้า” วงการแข่งขันก็พร้อมต้อนรับท่านสู่สังเวียนหฤโหด ชีวิตเปื้อนโคลนแล้ว
ท่านผู้อ่านอาจเริ่มจากรถ Caribian เดิม ๆ แล้วนำไปใส่ยางตะขาบ แล้วลุยแข่งได้เลยกับรุ่นมือใหม่ หรือรุ่นพิเศษทั้งหลาย การแข่งแรก ๆ อย่าเพิ่งหวังผลแพ้ชนะมากมาย ให้ถือว่าฝึกทักษะ ฝึกสมาธิให้ทนกับแรงกดดันจากสายตาผู้ชม จากกองเชียร์ จากเสียงหัวเราะ เสียงวิพากย์วิจารณ์ให้ได้ก่อน บางคนได้ยินเสียงหัวเราะเข้าหูหลังจากวิ่งพลาด หรือติดหล่มก็ถอดใจออกจากสังเวียนไปแล้ว ซึ่งผมก็บอกได้คำเดียวว่า “ออกไปเถอะ” เพราะสังเวียนนี้ไม่มีทีสำหรับคนใจเสาะและทนแรงกดดันได้ แต่จงจำไว้ว่าไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาอะไรในโลกนี้ทุกประเภทกีฬามีแรงกดดันทั้งสิ้น
เมื่อเกิดรายการแข่งขันคุณก็ติดตามข่าวการแข่งขัน สถานที่แข่งขัน แล้วก็เตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรง (ควรฟิตร่างกายเป็นประจำ) หาผู้นำทางหรือ Navigator มาเป็นคู่หูคู่ฮา แล้วก็ลุยแข่งไปทุกรายการที่คุณมีความพร้อม แค่นี้ประสบการณ์ก็จะสะสมเพิ่มพูนไปกาลเวลา และคำว่า “ถ้วยรางวัล” ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ที่ได้แน่ ๆ คือ เพื่อนพ้องในวงการออฟโรดนั่นเอง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระดานเปื้อนชอล์ค จาก banana 08 113.53.84.15 อาทิตย์, 4/10/2552 เวลา : 07:11  IP : 113.53.84.15   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78002

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,10 ธันวาคม 2568 (Online 3361 คน)