WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ท่านประธาน....เข้ามาคุยกันหน่อย
เสือเข้ม
จาก เข้ม
IP:203.148.176.195

พฤหัสบดีที่ , 20/11/2546
เวลา : 17:12

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      



แหะๆ...ไม่มีอะไรครับ แบบว่าผมกับท่านจะออกเดินทางคืนวันที่2/11/46 ล่วงหน้าไปก่อน2วัน ทีแรกว่าจะไปดอยผ้าห่มปกกับกระทิงโทน แต่ผมดูแล้ว คงไม่เหมาะกับ สภาพครอบครัวเราเท่าไหร่ เนื่องจากมีเด็ก1-5ขวบ4คน คนแก่อีก3-4คน ดังนั้นเราน่าจะลองหาที่ใหม่ที่มันไม่ไกล จากสาละวินมากนัก เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น อาจจะอยู่แถวๆปายสักคืน แล้วนอนที่ออบหลวงหรือใกล้ๆแถวๆนั้น
ท่านลองหาที่ดูนะ ใครมีไอเดียดีๆช่วยแนะนำด้วยนะครับ

ปล. พาหนะ CRV&VITARA



อุทยานแห่งชาติออบหลวง
อุทยานแห่งชาติออบหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอจอมทอง อำเภอออบและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศน์ทุกประการ ทั้งมีความสวยงามและความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ มีคุณค่าทางโบราณคดี ทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

Back to top

บันทึกแห่งกำเนิด

ในปี 2508 กรมป่าไม้เห็นว่าบริเวณริมถนนในท้องที่ตำบลหางดง อำเภอออด และตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ร่มรื่น สภาพภูมิประเทศสวยงามแปลกตา มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติประกอบด้วย โขดผา แมกไม้ และลำน้ำที่ไหลแรงผ่านโตรกเขาที่ชาวเมืองเหนือเรียกว่า "ออบหลวง" เป็นที่ซึ่งประชาชนชอบไปพักผ่อนชมธรรมชาติความรื่นรมย์อยู่เป็นประจำ จึงได้จัดให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในรูปของอุทยาน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2509 อยู่ในความดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่
ในส่วนที่ได้จัดตั้งเป็นวนอุทยานออบหลวง ในอดีตเป็นสถานที่พักของพวกทำไม้บริษัทบอร์เนียว ซึ่งในสมัยนั้นการทำไม้สักใช้วิธีลำเลียงล่องมาตามลำน้ำแม่แจ่ม ไม้จะมาวนอยู่ที่ออบหลวงซึ่งเป็นวังน้ำวนและลึกมาก มีหน้าผาสูงชันและน้ำตกมาจากหน้าผาสูง บริษัททำไม้จึงตั้งปางพักตรงจุดนี้เพื่อคอยเก็บไม้ที่ไหลมาไม่ให้ไหลลงไปวังน้ำวน ตามประวัติดั้งเดิมเล่าสืบกันต่อมาว่า ลำน้ำแม่แจ่มสมัยก่อนเรียกว่า "แม่น้ำสลักหิน" เนื่องจากแม่น้ำนี้ได้เจาะภูเขาหินลูกหนึ่งจนทะลุไหลผ่านเป็นลำน้ำตรงที่เรียกว่า "ออบหลวง" ในปัจจุบัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแม่น้ำแม่แจ่ม ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันอยู่ทุกวันนี้
ต่อมากรมป่าไม้ได้โอนวนอุทยานออบหลวง มาอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของกองอุทยานแห่งชาติ และในต้นปี 2531 ผู้อำนวยการกองอุทยานแห่งชาติ ได้ให้นโยบายและสั่งการให้วนอุทยานออบหลวงดำเนินการสำรวจเบื้องต้นพื้นที่ข้างเคียงโดยรอบวนอุทยาน เพื่อยกฐานะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ผลการสำรวจตามหนังสือที่ กษ.0713(อล)/พิเศษ ลงวันที่ 27 เมษายน 2531 และที่ กษ.0713(อล)/พิเศษ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2531 รายงานว่า ป่าจอมทอง ป่าแม่แจ่ม-แม่ตื่น และป่าแม่แจ่มที่ทำการสำรวจเพื่อที่จะกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาตินี้ แต่เดิมได้กำหนดให้เป็นป่าถาวรของชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2509 ต่อมาได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กล่าวคือ ป่าจอมทองเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฏกระทรวงฉบับที่ 212(พ.ศ. 2510) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 84 ตอนที่ 82 วันที่ 21 สิงหาคม 2510 ป่าแม่แจ่ม-แม่ตื่นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฏกระทรวงฉบับที่ 189 (พ.ศ.2509)ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 83 ตอนที่ 119 วันที่ 31 ธันวาคม 2509 ป่าแม่แจ่มเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฏกระทรวงฉบับที่ 712(พ.ศ.2517) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 91 ตอนที่ 225 วันที่ 29 ธันวาคม 2517 เนื้อที่ทำการประมาณ 630 ตารางกิโลเมตร มีสภาพป่าสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศน์ทุกประการ มีจุดเด่นทางธรรมชาติสวยงาม และเป็นแหล่งทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง เหมาะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้
กองอุทยาน แห่งชาติ กรมป่าไม้ได้ทำการตรวจสอบและได้มีหนังสือที่ กษ.0713/1403 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2531 เสนอกรมป่าไม้และกรมป่าไม้มีคำสั่งที่ 824/2531 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2531 ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมและจัดตั้งพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ

Back to top

จุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยว
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนติดต่อกันเป็นเทือกเขายาวในแนวเหนือใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยต่อจากดอยอินทนนท์ มีแม่น้ำสายใหญ่ คือ ลำน้ำแม่แจ่มคั่นกลาง อันเป็นเขตแบ่งระหว่างอำเภอจอมทองและอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าต้นน้ำลำธารชั้นหนึ่ง มีลำห้วยลำธารหลายสายไหลลงลำน้ำแม่แจ่มและแม่ปิงตอนล่าง ภูมิประเทศที่เป็นที่ราบหาแทบไม่ได้ในป่าแห่งนี้
จากสภาพพื้นที่ที่เป็นภูเขา หน้าผาสูงชันและมีโขดหินขนาดใหญ่น้อยมากมาย หินที่เป็นองค์ประกอบหลักของพื้นที่ได้แก่ หินแกรนิตและแกรโนไดออไรท์ สลับกับหินบะซอลท์และหินตระกูลแกรนิตชนิดมิคมาไทด์ ในชุดหินบลูโดนิค ของยุคครีเตเซียส และไทรแอสสิค ประกอบด้วยแร่ ควอร์ท และเฟสต์สปาร์ ในท้องน้ำแม่แจ่มมีเกาะแก่งหินขนาดใหญ่มากมาย ริมฝั่งลำน้ำจะมีหาดทรายที่เกิดจากน้ำพัดพามาเป็นช่วงๆหลายแห่ง มีก้อนหินกลมกรวดท้องน้ำของหินควอร์ทไซด์ ควอร์ท-แจสเปอร์ และหินชนิดอื่นๆอยู่หนาแน่น
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ ในเขตอุทยานฯแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มกราคม มีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน มีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 38 องศาเซลเซียส
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
เนื่องจากสภาพป่ามีทั้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่งดงดิบแล้ง ป่าดงดิบเขาและป่าสนเขา จึงมีพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันหลายชนิด เช่น ไม้สัก ยาง ประดู่ แดง ตะเคียน ยมหอม มะค่าโมง ขะเจ๊าะ มะเกลือ เก็ตดำ เก็ดแดง รกฟ้า ตะแบก อินทนิล กะบาก จำปีป่า สารภีป่า แคหิน เหียง พลวง เต็ง รัง และไม้สนเขา หรือ เกี๊ยะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีไม้ตระกูลกอต่างๆ ไม้พื้นล่างที่สำคัญ มีไม้ไผ่ ปาล์ม และเฟิร์น
สัตว์ป่าที่พบเห็นได้แก่ เลียงผา เสือ หมี กวาง หมูป่า เก้ง ชะนี ลิง ชะมด กระต่าย นิ่ม ตะกวด และนกประมาณ 200 ชนิด เช่น นกกางเขนดง นกพญาไฟ นกเขาใหญ่ นกเขาเขียว นกดุเหว่า นกหัวขวาน นกกะปูด นกขุนทอง นกแก้ว เหยี่ยวรุ้ง นกยูง ไก่ฟ้า ไก่ป่า นกกะทา เป็นต้น

จุดเด่นที่น่าสนใจ


ออบหลวง (The Great Canyon) ตั้งอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 17 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 คาบเกี่ยวระหว่างตำบลหางดง และตำบลบ้านแบะ อำเภอจอมทอง เป็นช่องแคบเขาขาดที่มีหน้าผาหินขนาบลำน้ำ ทำให้เกิดเป็นหุบผาลึก ความลึกของหน้าผาวัดจากสะพานถึงระดับน้ำปกติ ประมาณ 32 เมตร ส่วนแคบสุด 2 เมตร ความยาวของช่องแคบประมาณ 300 เมตร
ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความน่าพิศวงให้กับแผ่นดินส่วนนี้อย่างน่ามหัศจรรย์ คำว่า"อ๊อบ" หรือ "ออบ" เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึงช่องแคบ "หลวง" หมายถึงใหญ่ "ออบหลวง" คือชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกช่องแคบหินขนาดยักษ์ที่มีลำน้ำแม่แจ่มบีบตัวแทรกผ่านไป อีกนัยหนึ่งคือ หุบผาที่มีสายธารไหลผ่าน(Canyon) ภายในออบ น้ำตกลงไปกระทบแก่งหินไอน้ำกระจายฟุ้งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลา ลานหินและโตรกผาที่ถูกน้ำอันเชี่ยวกรากกัดกร่อนปีแล้วปีเล่า ทำให้เห็นเป็นลวดลายรูปร่างแปลกตาสวยงามมาก ทำให้ผู้ไปเยือนต้องพิศวงว่ากำแพงหินสูงใหญ่ที่ขวางลำน้ำอยู่นั้นแตกทะลุหรือแยกตัวให้น้ำผ่านไปได้อย่างไร
น้ำตกแม่บัวคำ เกิดจากห้วยแม่บัวคำอยู่ในเขตตำบลหางดง อำเภอออด ห่างจากดอนหลวงไปทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก น้ำตกจากหน้าผาสูงประมาณ 50 เมตร ลดหลั่นลงมาเป็นเชิงชั้นลงสู่อ่างหินซึ่งซ้อนตัวอยู่ในหลืบผาและแมกไม้ ด้านหน้าน้ำตกมีลานหินกว้าง
น้ำตกแม่จอน เกิดจากห้วยแม่จอนหลวง อยู่ในเขตตำบลบ้านแบะ อำเภอจอมทอง จากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ตรงกิโลเมตรที่ 9 เดินตามลำห้วยแม่จอนเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ลักษณะของน้ำตกนี้เป็นหน้าผาที่กว้างใหญ่มีความสูงไม่น้อยกว่า 100 เมตร ความกว้างประมาณ 80 เมตร น้ำตกที่ตกลงมาเป็นสายเหมือนใยแก้ว กระจายอยู่ทั่วแผ่นผาไม่ขาดสาย และลานหินกว้างสะอาดตา หน้าตาน้ำตกสวยงามมากเป็นหินแกรนิตผสมหินแปรสีขาวเจือสีเทาอ่อน สูงขึ้นไปยังมีน้ำตกเล็กๆสวยงามแปลกตาอีกสองชั้น อยู่ห่างประมาณ 500 เมตรและ 1,500 เมตรตามลำดับ
น้ำตกแม่เดี๊ยะ อยู่บริเวณกลางป่าลึกในห้วยแม่เดี๊ยะตอนกลาง อยู่ในท้องที่ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง เป็นน้ำตกที่สวยงามสูงประมาณ 80 เมตร ความกว้าง 40 เมตร น้ำในห้วยแม่เดี๊ยะมีมากตลอดปีทำให้น้ำตกมีความงามตลอดเวลา ซึ่งต้องเดินเท้าจากบ้านแม่เดี๊ยะเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร
ดินแดนมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อยู่ใกล้เคียงกับช่องแคบออบหลวง กองโบราณคดี กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ได้ขุดค้นเพื่อศึกษาวิจัยร่วมกับประเทศฝรั่งเศส เรื่อง Research on Chronology and Evolution of the Prehistoric Cultures of Northern Central Thailand and their Antropological Characteristics โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา บริเวณออบหลวงทั้งฝั่งอำเภอจอมทอง และฝั่งอำเภอฮอด ได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุและหลักฐานทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก เช่น เครื่องมือหินกระเทาะแกนหิน และสะเก็ตหิน ขวานหิน ชิ้นส่วนเครื่องประดับและภาชนะสัมฤทธิ์ ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ ที่สำคัญคือพบโครงกระดูกมนุษย์ในสมัยยุคสัมฤทธิ์มีอายุระหว่าง 2,500-3,500 ปีก่อนคริสตกาล เป็นหลักฐานทางโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังพบภาพเขียนโบราณที่บริเวณเชิงผาด้านตะวันออกของดอนผาช้างซึ่งเป็นภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ดอยผาช้าง เป็นหินแกรนิตชนิดมิคมาไทด์ทั้งแท่งก้อนใหญ่มหึมา ยาวประมาณ 300 เมตร สูงประมาณ 80 เมตร จากระดับพื้นดินมีลักษณะเหมือนช้างตัวใหญ่นอนหมอบอยู่ บนยอดดอยผาช้างเป็นจุดชมวิว มองลงไปทางทิศใต้จะเห็นน้ำตกแม่บัวคำอยู่อุบลฯ ใกล้เข้ามาตรงหน้าดอยผาช้างเห็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ลดเลี้ยวเลียบเหลี่ยมเขาผ่านหน้าผาออบหลวง ลึกจากผาออบหลวงลงไปจะมองเห็นสายธารแม่แจ่มไหลคดเคี้ยวซอกซอนผาหินหายลับไปทางตะวันออก
ที่ดอยผาช้างด้านตะวันตกมีเพิงผาคล้ายถ้ำ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์โบราณก่อนประวัติศาสตร์ และได้วาดภาพช้างด้วยสีขาวและสีแดงไว้ จากรายงานของนักโบราณคดี กรมศิลปากร ยืนยันว่าเป็นครั้งแรกที่พบภาพเขียนโบราณในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในเขตจังหวัดเชียงใหม่ สันนิษฐานว่าภาพเขียนนี้มีอายุไม่น้อยกว่า 7,500-8,500 ปีมาแล้ว
บ่อน้ำร้อนเทพพนม อยู่ในเขตป่าแม่แจ่ม ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม ห่างจากออบหลวง 14 กิโลเมตร แยกจากทางหลวงฯหมายเลข 108 ตรงกิโลเมตรที่ 22 เข้าไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติเกิดจากความร้อนใต้พิภพ มีแรงดันพุ่งขึ้นมากระทบน้ำเย็นใต้ดินเกิดเป็นไอร้อนคุตลอดเวลา ความร้อนสูงถึง 99 องศาเซลเซียส บริเวณเป็นที่ราบโล่งเตียนประมาณ 10 ไร่ มีลำห้วยเล็กๆคือห้วยโป่งไหลผ่าน จึงมีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นในบริเวณเดียวกัน
ถ้ำตอง อยู่ในท้องที่ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง "ดอยผาเลียบ" เป็นภูเขาหินแกรนิตและหินปูนที่มีรูปร่างเหมือนถูกผ่าครึ่งแล้วแยกกันอยู่คนละฝั่งลำน้ำแม่เปาะ ซีกที่อยู่ทางฝั่งขวามีถ้ำลึกที่มีตำนานเล่าขานกันว่า ถ้ำนี้เป็นอุโมงค์หินที่มีความยาวมาก กล่าวว่าทะลุถึงดอยเชียวดาวทางเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ทีเดียว บริเวณปากอุโมงเป็นคูหาขนาดประมาณ 5 x 10 เมตร สูง 3 เมตร ลึกเข้าไปจากนั้นเป็นโพรงหินเล็กๆขนาดพอตัวคนคลานเข้าไปได้ สภาพภายในคูหาปากถ้ำถูกสกัดตกแต่งใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของสำนักวิปัสสนาถ้ำตอง โดยรอบๆในหุบเขาร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่าดงดิบที่มีขนาดใหญ่ๆเช่น มะม่วงป่า ตะเคียนทอง มะหาด กระท้อน หน้าถ้ำมีธารน้ำแม่แปะไหลผ่าน ต้นแม่น้ำแปะห่างจากถ้ำตองขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตรมีน้ำตกเล็กๆ
ถ้ำตุ๊ปู่ อยู่ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง เป็นถ้ำหินปูนขนาดเล็ก ปากถ้ำแคบ กว้างยาวประมาณ 1x1.5 เมตร ต้องนั่งยองๆเข้าไป ภายในกว้างขวางรูปร่างค่อนข้างกลมเหมือนคนโทขนาดใหญ่ มีน้ำหยดจากเพดานถ้ำตลอดเวลา ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไป ตรงเพดานค่อนข้างไปทางก้นถ้ำทะลุเป็นวงกลมใหญ่ๆ 3 ช่องติดกัน จึงทำให้ถ้ำสว่างไสวไม่มืดทึบเหมือนถ้ำโดยทั่วไป
ลำน้ำแม่แจ่ม ธารน้ำแจ่มหรือแม่น้ำสลักหิน กำเนิดจากเทือกเขาในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไหลผ่านอำเภอแม่แจ่ม ออกสู่แม่น้ำปิงที่อำเภอฮอด เป็นลำน้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวคดเคี้ยวไประหว่างเนินเขาและหุบผา มีเกาะแก่งและหาดทรายเป็นช่วงๆ นักท่องเที่ยวนิยมไปล่องแพ จากบ้านอมขูดถึงบ้านท่าเรือในท้องที่อำเภอแม่แจ่มอยู่เป็นประจำ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       พี่เข้ม.. ไปกันยังไงหมดเนี๊ยVITARA เด็ก 4 คนแก่อีก4 ไหนจะสัมภาระอีก 1 อาทิตย์ แล้วรถมันจะขึ้นดอยไหวเหรอพี่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wormworm จาก กบแดง(ดำ) พฤหัสบดี, 20/11/2546 เวลา : 22:42  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5591

คำตอบที่ 2
       อุทยานแห่งชาติออบหลวง เหมาะสมดีครับ
สำหรับทริปครอบครัว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Dang_terrano จาก เต่าดอย(เคยไปมาแล้ว) 147.182.5.50 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 07:17  IP : 147.182.5.50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5593

คำตอบที่ 3
       อ่านดูแล้ว น่าสนใจมาก ที่สำคัญออบหลวงจะใกล้กับแม่สะเรียงมาก ถ้าเราไปวันแรกก็ไม่เหมาะจะไปที่อื่นต่อพวก อ.ปายหรือขึ้นสูงไปอีก จะไกลในวันที่ 2 ผมเสนอว่าเราหาอีกที่ที่ไม่ไกลจากเชียงใหม่มาก ในคืนแรกแล้วไปพักออบหลวงคืนที่ 2 เช้าก็ ขับต่อไปแม่สะเรียงได้เลย

ไปนอนรีสอร์ทที่เชียงใหม่ หัวค่ำกินขันโตก ดึกก็ท่องราตรีไปเลยมั้ยล่ะ เราลำบากกันมาทั้งปีแล้วนี่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.9 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 10:41  IP : 203.113.80.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5594

คำตอบที่ 4
       หรือไม่ก็คืนแรกนอนปายแล้ว คืนที่ 2 นอนดอยแม่อูคอดูดอกบัวตองก็ได้ คิดว่าคืนวันที่ 3 - 4 ธันวาคนน่าจะยังไม่เยอะเพราะเพิ่งเริ่มวันหยุด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.9 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 10:43  IP : 203.113.80.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5595

คำตอบที่ 5
       ไม่เลวนะ..หาอาหารเหนือร้านอร่อยร้านเดิมที่เราเคยไปกิน
เย็นๆหาร้านแถวๆริมปิง พาเด็กๆไปดูหมีแพนด้าได้ด้วย อยากนอนที่มันมีน้ำพุร้อนให้แช่ มีมั้ยแถวๆไม่ไกลจากเชียงใหม่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 11:17  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5596

คำตอบที่ 6
       ถ้าอยากแช่อ่าง...(น้ำพุร้อน) ต้องไปที่สันกำแพงเลยครับ แล้วค่อยต่อไปที่ออบหลวง...น่าจะลงตัวน่ะ
แต่ที่ใกล้ๆออบหลวงก็มี่น่ะ น้ำพุร้อน เลยขึ้นไปทางแม่สะเรียงอีกหน่อย ประมาณ 10 กว่ากิโลแล้วเลี้ยวขวาไปทางแม่จัน(ประมาณ 20 กิโล... จำไม่ได้)เป็นน้ำพุร้อน ผุดขึ้นมาเป็นช่วงๆ และมีที่พักให้) มีนามว่า...เทพพนม..หรืออะไร?จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน สวยดีครับ แต่บรรยากาศจะไม่ดีเท่าที่สันกำแพงน่ะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Dang_terrano จาก เต่าดอย 147.182.5.50 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 12:14  IP : 147.182.5.50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5597

คำตอบที่ 7
       มีแผนที่ออบหลวงไหมครับคุณเข้ม น่าสนใจอยู่ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ขนแมว 4x4 203.148.219.19 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 13:43  IP : 203.148.219.19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5598

คำตอบที่ 8
       ผมเคยไปพักที่ ออป. แม่แจ่มครับ คืนละ 400 บาท มีน้ำอุ่นให้อาบ มีกิจกรรมพาไปล่องแก่งด้วย รายละเอียดต้องถามกระทิงโทน ครับ
<<-- เนื่องจากรูปใหญ่จึงย่อเป็น icon เอาไว้ ถ้าจะดูรูป Click ที่นี่จ๊า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

webmaster จาก กระดองทอง 203.148.176.209 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 13:49  IP : 203.148.176.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5599

คำตอบที่ 9
       อ้าว หักหลังกันอีกแล้ว ตกลงว่าจะตามกันไปนอนนับดาวบนผ้าห่มปกแล้วก็เปลี่ยนใจกัน
สงสัยกลัวรถขึ้นดอยไม่ไหวแน่ๆเลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระทิงโทน จาก กระทิงโทน 203.152.41.4 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 13:50  IP : 203.152.41.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5600

คำตอบที่ 10
       อ้อ ออป แม่แจ่มก็ดีครับ อยู่บนทางหลวง 1088 เลี้ยวเข้าไปจาก 108 ไม่ไกลครับ แถวออบหลวงก็มีสวนสนบ่อแก้ว และดอกบัวตองบ้านแม่เหาะ อีกด้วยนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

กระทิงโทน จาก กระทิงโทน 203.152.41.4 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 13:53  IP : 203.152.41.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5601

คำตอบที่ 11
       กระทิงโทน อย่าน้อยใจซิครับ ดอยผ้าห่มปก..เส้นทางมันดูเหมือนจะโหดสำหรับรถประเภท Comfortable Running Vehicle ไปหน่อย แถม 2 คันนี้มีแต่เด็กกับคนแก่ เลยต้องคิดมากหน่อย ไว้เปลี่ยนเป็น Land Crusier VX80 แล้วจะต้องไปแน่ (เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ) แล้ว ออป.แม่แจ่มต้องจองยังไงล่ะครับ กระทิงโทน

คร่าวแบบนี้ดีมั้ย..ท่านเข้ม
03/12 สายๆถึงเชียงใหม่ดูหมีแพนด้า แล้วพาลูกๆไปดูช้างโชว์แถวแม่สา บ่ายเข้าที่พัก นอนแช่น้ำพุร้อน เย็นไปกินขันโตกอาหารเหนือ ดูโชว์ล้านนา เสร็จพาครอบครับกลับที่พัก เรา 2 คนถ้านอนไม่หลับก็ออกมาตระเวนเมืองซักหน่อย
04/12 สายแก่ๆ ออกเดินทางไปออบหลวง อยู่ที่นั่นให้ฉ่ำจนถึงวันรุ่งขึ้น เดินทางอีก ชั่วโมงกว่าก็ถึงแม่สะเรียง

เต่าดอยล่ะสนใจมั้ย ผมต้องการผู้นำทางที่เคยไปมาแล้วจะได้ไม่หลง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.137 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 15:34  IP : 203.113.80.137   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5602

คำตอบที่ 12
       นี่เลยครับพี่ขนแมว

1.จากจังหวัดเชียงใหม่ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ถึง อำเภอฮอด แล้วเลี้ยวขวาตรงหอนาฬิกาไปตามสายฮอด-แม่สะเรียงไปอีก 17 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบหลวง
2.โดยรถยนต์โดยสารสายกรุงเทพ-แม่ฮ่องสอน ถึงอำเภอเถิน จังหวัดตาก แล้วแยกเข้า อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เข้า อำเภอดอยเต่า อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เลยฮอดไปอีก 17 กิโลเมตร ตามเส้นทางฮอด-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบหลวง

<<-- เนื่องจากรูปใหญ่จึงย่อเป็น icon เอาไว้ ถ้าจะดูรูป Click ที่นี่จ๊า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 ศุกร์, 21/11/2546 เวลา : 17:25  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5604

คำตอบที่ 13
       ผมได้กำหนดการค่อนข้างแน่นอนแล้วครับสำหรับทริปนี้โดย
วันที่ 3 เช้า Maesa Elephant Camp กินข้าวเที่ยงอาหารเหนือในเมือง บ่ายเข้าพักที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง ขุนวาง
(ตามรูป)
วันที่ 4 เช้า จิบกาแฟสดอาราบิก้า ชมสวนดอกไม้และพรรณไม้ สายแก่ๆเดินทางต่อไป อุทยานฯออบหลวง
วันที่ 5-6 ก็สาละวิน






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.15 พุธ, 26/11/2546 เวลา : 16:45  IP : 203.113.80.15   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5645

คำตอบที่ 14
       มันอยู่ตรงไหนล่ะขุนวางเนี่ย ไกลจากตัวเมืองชม.เยอะมั้ย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 พฤหัสบดี, 27/11/2546 เวลา : 14:14  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5648

คำตอบที่ 15
       ห่างจากเชียงใหม่ไปทางฮอด (ทางเดียวกับที่จะไปออบหลวง) ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นโครงการพระราชดำริ ศึษาวิจัยพืชเมืองหนาว มีที่พัก ลานกางเต็นท์ สวยและหนาว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.13 พฤหัสบดี, 27/11/2546 เวลา : 15:54  IP : 203.113.80.13   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5649

คำตอบที่ 16
       สุดยอด..ท่านประธาน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 พฤหัสบดี, 27/11/2546 เวลา : 16:44  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5650

คำตอบที่ 17
       ขอบคุณครับคุณเข้ม ผมกับฉลามขาวคงจะเดินตามแผน
ของคุณจิงโจ้ป่าแต่คนละวันกันครับ
คุณจิงโจ้ป่าครับ ไม่ทราบวันที่5-6 จะพอมีบ้านพักว่างหรือเปล่าครับที่ ขุนวาง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ขนแมว 4x4 203.148.219.19 ศุกร์, 28/11/2546 เวลา : 10:09  IP : 203.148.219.19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5651

คำตอบที่ 18
       ถามผู้รู้ครับ ห้วยน้ำดัง กับออบหลวง ต่างกันตรงไหนและที่ไหนสวยกว่ากันครับ ขอเป็นแนวทางหน่อยครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ขนแมว 4x4 203.148.219.19 ศุกร์, 28/11/2546 เวลา : 10:59  IP : 203.148.219.19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5652

คำตอบที่ 19
       คุณขนแมว 4x4 ลองโทรเช็คไปที่เบอร์ (053)-432275-6 เป็นของโครงการหลวงพระราชดำริ เพื่อพัฒนาพันธ์พืชเมืองหนาว โดยเฉพาะกาแฟ อราบิก้า ดูได้จากเวป www.chiangmaicoffee.com ได้ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.136 ศุกร์, 28/11/2546 เวลา : 13:47  IP : 203.113.80.136   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5653

คำตอบที่ 20
       ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)




" ขุนวาง " เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในวงล้อมของแนวเทือกเขาอินทนนท์
แม้ขุนวางจุอยู่ห่างจากถนนสายหลักเข้ามาถึง 16 กิโลเมตร อันทำให้การเดินทางมาที่นี่จำเป็นต้องใช้พาหนะส่วน
ตัว หรือมิเช่นนั้น นักท่องเที่ยวก็จะต้องเหมารถจากปากทางของดอยอินทนนท์เพื่อเข้ามายังที่นี่ แต่นั่นก็คงมิใช่
อุปสรรคสำหรับใครก็ตามที่ต้องการจะมาพักผ่อน ศึกษาธรรมชาติ หรือท่องเที่ยวทางการเกษตร ณ ที่แห่งนี้เพราะ
ขุนวางพร้อมจะต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วยพันธุ์ไม้เมืองหนาวนานาชนิด ที่พร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง
ยามหน้าหนาวออกผลเต็มต้นให้เด็ดชิมได้ในยามร้อน แถมยังมีนกของเทือกเขาดอยอินทนนท์นานาชนิดให้ศึกษา
รวมทั้งมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มแวดล้อมด้วยไม้ใหญ่เปลี่ยนสีสันตามฤดูกาล โอบล้อมอยู่โดยรอบ






ประวัติความเป็นมา
เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ที่ชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่โดยรอบใช้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ต่อมาพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมชาวไทยภูเขา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2523
ได้มีพระราชดำรัสให้กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการใช้ทุ่งหญ้าแห่งนี้เป็น สถานีทดลองและขยายพันธุ์พืชสำหรับ
เกษตรกรบนที่สูง เช่น กาแฟ ข้าวไร่ ข้าวนาปรัง ไม้ผลเมืองหนาว และไม้ดอกไม้ประดับ มีหน้าที่ทดสอบ
พันธุ์พืชจากต่างประเทศ ขยายพันธุ์พืช โดยเฉพาะไม้เมืองหนาวที่ผ่านการทดสอบสู่เกษตรกร รวมทั้งเป็นแหล่ง
ดูงานและฝึกอบรมสำหรับผู้ที่สนใจ



ผลงานของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ที่ผ่านมาคือ การทดสอบพันธุ์มะคาเดเมียนัท ซึ่งเป็นพืชเศรษฐ-
กิจที่สำคัญ นิยมใช้เป็นส่วนผสมของช็อคโกแลต หรืออบคั่วเกลือและทำเครื่องสำอาง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงได้
ทดลองและปรับปรุงจนได้ผลผลิตที่ดี สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรในที่สูงปลูกเชิงการค้าได้





ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ มีที่ตั้งอาคารสำนักงานอยู่ที่ ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง
จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพื้นที่ที่ใช้ในงานวิจัยนั้น มีเนื้อที่ 450 ไร่ ตั้งอยู่บนดอยขุนวาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังดูแลรับผิดชอบสถานีเครือข่ายอีกสองแห่ง คือ สถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง และสถานี
ทดลองพืชสวนฝาง จังหวัดเชียงใหม่



จุดท่องเที่ยวภายในศูนย์
ภายในพื้นที่ 450 ไร่ ของศูนย์วิจัยเกษตรหลวง (ขุนวาง) หลากหลายด้วยแปลงไม้ผลเมืองหนาวต่าง ๆ
หากเดินทางไปถึงในช่วงฤดูกาล ผลไม้เมืองหนาวผลิดอกออกผล ไม่ว่าจะเป็นสาลี่ พลัม ท้อ แนคตารีน หรือ
สตรอเบอรี่ นักท่องเที่ยวก็สามารถที่จะเด็ดชิมได้จากต้นเลยทีเดียว หรือหากไปเยี่ยมชมในช่วงหนาว ก็จะได้
สัมผัสบรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่กลางเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ ที่ดอกนางพญา-
เสือโคร่ง หรือซากุระดอย จะออกดอกสีชมพูสว่างไสวเต็มต้น ขับให้ดอยขุนวางกลายเป็นสีชมพูไปทั้งดอย

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินชม ศึกษาแปลงทดลองการเกษตรภายในศูนย์ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่นำชม
ตามเส้นทางที่กำหนด (ดูแผนที่ประกอบ) พาหนะที่ใช้ในการเดินทางภายในศูนย์ ควรเป็นรถปิกอัพ หรือรถขับ
เคลื่อนสี่ล้อ และจักรยาน โดยมีจุดที่น่าสนใจดังนี้






แปลงทดสอบพันธุ์มะคาเดเมีย (หมายเลข 1)
หลายคนเคยชิมมะคาเดเมียคั่วอบเกลือแสนอร่อย ราคาแพงลิบมาแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นต้นจริง ๆ ของ
มะคาเดเมียนัท เป็นไม้ต้นสูงใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย ใบหนาทึบและแข็ง ซึ่งแตกต่างกับดอกของมัน
อย่างลิบลับ เพราะดอกมะคาเดเมียนัทจะออกเป็นช่อยาว เป็นดอกเล็ก ๆ สีขาวเต็มช่อ ลักษณะเหมือนดอก
บุหงาส่าหรี ยามออกดอกจะห้อยระย้าเต้มต้น ดอกดูแบบบางนุ่มนวล มีกลิ่นหอมมาก

มะคาเดเมียนัทให้ผลเป็นลูกกลม ๆ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีเขียว เมื่อทุบเปลือกออกเนื้อในจะมันหวาน
นิยมนำไปคั่วอบเกลือ มีรสชาติอร่อยกว่าเม๋ดมะม่วงหิมพานต์ หรือถั่วอื่น ๆ นักท่องเที่ยวสามารถทดลองเก็บ
ผลมะคาเดเมียที่แก่มาทุบเอาเปลือกออกแล้วชิมเนื้อในสด ๆ จะพบว่ารสชาติสด ๆ ของมันนั้นหอมหวานมันยิ่งนัก
หรือหากต้องการจะชิมแบบชนิดอบคั่วเกลือแล้ว ทางศูนย์ฯก็ได้ทดลองทำการอบเกลือบรรจุใส่ถุงสำหรับให้แขก
ที่มาเยือนได้ชิมด้วย

นอกจากนี้ยังได้ทำการทดลองเพื่อสกัดน้ำมันจากผลมะคาเดเมียไปทำสบู่ ทำเครื่องสำอางซึ่งเป็นที่นิยม
มากในต่างประเทศ มีราคาสูงลิบ เพราะสารจากมะคาเดเมียนั้นเป็นไขมันอิ่มตัว เมื่อใช้เป็นส่วนผสมของเครื่อง
สำอางเชื่อว่าจะทำให้ผิวชุ่มชื้น





แปลงไม้ผลเมืองหนาว (หมายเลข 2)
แปลงไม้ผลเมืองหนาวของขุนวางมีทั้ง ท้อ แนคตารีน (มีลักษณะเหมือนท้อทุกอย่าง ยกเว้นผลที่ไม่มี
ขน) และพลัม ในช่วงฤดูหนาวไม้เหล่านี้จะพากันผลัดใบ และพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น ดอกท้อ
จะเป็นสีชมพูสด ส่วนพลัมจะออกดอกสีขาวบานเต็มต้น ไม้เมืองหนาวพวกนี้มีดอกสวยก้านแข็งยังสามารถพัฒนา
เป็นไม้ตัดดอกได้อีกด้วย




ท้อ แนคตารีน และพลัม จะออกดอกบานเต็มต้นในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็จะเริ่ม
ติดผล พอเข้าช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ท้อและแนคตารีนก็จะเริ่มแก่สามารถรับประทานได้ ส่วน
พลัมนั้นยังต้องรอจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม ผลจึงจะแก่เป็นสีม่วงเข้ม สามารถรับประทานได้





แปลงทดลองไม้ผลเมืองหนาวของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวางนั้น น่าสนใจตรงที่วิธีการตัดแต่งรูปทรงต้น
ให้แตกต่างกันออกไปหลาย ๆ แบบ เช่น ตัดเป็นทรงรูปพัด ให้แผ่กว้างมีลักษณะคล้ายพัดจริง ๆ หรือตัดแต่ง
เป็นทรงกระบอก กิ่งก็จะถูกตัดแต่งให้ยาวชะลูดขึ้นไป และตัดทรงเปิดกลาง คือ เว้นให้ตรงกลางเปิดกว้างโล่ง
ทั้งนี้เพื่อศึกษาว่าวิธีการตัดแต่งกิ่งแต่ละแบบจะให้ผลผลิตที่แตกต่างกันหรือไม่ งานวิจัยชิ้นนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษา
และเก็บข้อมูล หากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็คงสามารถนำไปแนะนำให้เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลเมืองหนาวเหล่านี้
นำไปปฎิบัติได้

นักท่องเที่ยวสามารถดูงานศึกษาการปลูกไม้ผลเมืองหนาวที่ไม่ต้องการอากาศหนาวเย็นมากนักเหล่านี้ได้
และหากมาเยี่ยมเยือนในช่วงที่ตรงฤดูกาลที่ผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวได้ ก็ยังสามารถเด็ดชิมได้อีกด้วย






แปลงกาแฟและโรงกะเทาะเปลือกกาแฟ (หมายเลข 3)
ต้นกาแฟที่ปลูกกันอยู่ในเมืองไทยเวลานี้มีอยู่ 2 พันธุ์คือ พันธุ์โรบัสต้า และอาราบิก้า กาแฟโรบัสต้า
เป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ปลูกได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึงทึ่สูง แต่คุณภาพของเมล็ดจะด้อยกว่า
อาราบิก้า ในขณะเดียวกันอาราบิก้าก็มีข้อจำกัดคือ จะต้องปลูกในที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น กาแฟอาราบิก้าที่
ปลูกบนที่สูงนั้นจะให้กลิ่นและรสชาติที่นุ่มนวล เป็นที่นิยมในการทำกาแฟคั่วบดผง ส่วนโรบัสต้านั้นนิยมทำเป็น
กาแฟสำเร็จรูป เพราะให้น้ำให้เนื้อมากกว่า

ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวางแห่งนี้ ถือเป็นหน่วยงานที่ศึกษาวิจัยเรื่องกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่สำคัญที่สุดใน
เมืองไทย เป็นแหล่งแม่พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ผลิตกล้ากาแฟปีละถึง 7 แสนกล้า เพื่อรองรับความต้อง
การของโครงการหลวง โครงการพระราชดำริและเกษตรทั่วไป กาแฟที่นี่ผ่านการพัฒนาพันธุ์มายาวนานถึง 20
กว่าปี
หากนักท่องเที่ยวมาเยือนขุนวางในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ก็จะมีโอกาสได้เห็นต้นกาแฟออกดอกสี
ขาวบานสะพรั่งเต็มต้น ดอกกาแฟมีสีขาวกลิ่นหอมคล้ายมะลิป่า ผลกาแฟมีทั้งชนิดที่เป็นสีแดงเข้มและสีเหลือง
จะออกผลเต็มต้นช่วงราวเดือนมิถุนายน เมื่อเก็บผลแล้วก็จะต้องเอาไปกะเทาะเปลือกสีแดงออก นำไปแช่น้ำไว้
1 คืน แล้วนำมาขัดเพื่อให้เมือกที่หุ้มเมล็ดชั้นในลอกออกหมดแล้วต้องนำไปสีเพื่อเอากะลาออกอีกขั้นตอนหนึ่ง
จึงจะนำไปคั่วและอบเพื่อให้ได้ออกมาเป็นกาแฟอาราบิก้าคั่วบดผงที่มีกลิ่นหอมชวนดื่ม รสชาติเข้มข้น

นักท่องเที่ยวสามารถชมขั้นตอนตั้งแต่การเก็บผลกาแฟจนกระทั่งถึงการกะเทาะเปลือกกาแฟได้ที่นี้ รวม
ทั้งชิมกาแฟอาราบิก้าคั่วบด ผลผลิตจากศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวางได้ทุกวัน





หุบรับเสด็จ (หมายเลข 4)
หุบเขาที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านแห่งนี้ เคยเป็นจุดถวายการค้อนรับพระ
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จมาทรงเยี่ยมที่นี่ในปี
พ.ศ. 2525 และได้ทรงปลูกต้นบ๊วย ซึ่งได้พระราชทานชื่อพันธุ์ให้ว่า " ขุนวาง 1"





นอกจากทิวทัศน์โดยรอบที่งดงามแล้ว เบื้องล่างของหุบรับเสด็จนี้ยังมีแปลงไม้ดอกเมืองหนาวที่ทางศูนย์ฯ
ปลูกไว้ให้เดินเที่ยวชมอีกด้วย ในช่วงฤดูหนาวไม้ดอกเหล่านี้จะแข่งขันกันออกดอกอวดสีสันอันหลากหลาย มีทั้ง
คริสต์มาส ฟูเซีย ผีเสื้อ ฮอลลี่ฮอค รักเร่หรือรักแรก




นอกจากนี้ยังจัดเตรียมไว้สำหรับเป็นจุดกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยวอีกด้วย





ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง มีบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 4 หลัง แต่ละหลังพักได้ตั้งแต่
4-8 คน มีที่กางเต๊นท์ 2 จุดคือ บริเวณลานหญ้าหน้าอาคารสำนักงาน และบริเวณหุบรับเสด็จ ทั้งสองจุดรอง
รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100 คน มีอาหารบริการในราคากันเอง แถมกาแฟอาราบิก้าให้ชิมฟรีตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ควรติดต่อไปล่วงหน้า




ติดต่อล่วงหน้า โทร. (053) - 432275-6
เปิดทำการทุกวัน 08.00 น. - 16.00 น.
มีที่กางเต๊นท์ ที่พัก ร้านค้าสวัสดิการ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 ศุกร์, 28/11/2546 เวลา : 16:26  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5654

คำตอบที่ 21
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 ศุกร์, 28/11/2546 เวลา : 16:28  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5655

คำตอบที่ 22
       เสือเข้มนี่ขยันหาข้อมูลจังเลยสงสัยจะว่างมาก แต่จะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแน่นอนหรือเปล่าหรือว่าเบี้ยวอีก
ส่วนผมคงจะต้องเปลี่ยนแผนไม่ได้ขึ้นไปก่อนแล้วเพราะงานเยอะคงจะเดินทางพร้อมกับขบวนซามูไรขาวแล้วหละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก กระทิงโทน 203.152.41.4 เสาร์, 29/11/2546 เวลา : 10:15  IP : 203.152.41.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5662

คำตอบที่ 23
       คุณขนแมว4x4ครับ ห้วยน้ำดังกับออบหลวงนี่จะว่าใครสวยกว่ากันนี่คงพูดยากครับเพราะคนละบรรยากาศ
ห้วยน้ำดังนี่เป็นจุดชมวิวเหมาะกับผู้ชื่นชอบทะเลหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้นและสัมผัสกับความหนาวเย็น แต่ช่วงเทศกาลคนจะเยอะมาก จากน้ำดังสามารถท่องเที่ยวต่อหนีความวุ่นวายเข้าไปยังจุดชมวิวดอยช้าง ห้วยน้ำรู ดอยสามหมื่น ทะลุไปออกอำเภอเวียงแหงได้เลย เส้นทางสวยมากครับ
ส่วนออบหลวงนี่จะอยูติดกับสายน้ำก็มีความงามที่ลีลาของสายน้ำและโตรกผาครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก กระทิงโทน 203.152.41.4 เสาร์, 29/11/2546 เวลา : 10:23  IP : 203.152.41.4   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5663

คำตอบที่ 24
       ขอบคุณมากครับคุณกระทิงโทน สำหรับข้อมูลในการตัดสินใจ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ขนแมว 4x4 203.148.219.19 เสาร์, 29/11/2546 เวลา : 14:41  IP : 203.148.219.19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5666

คำตอบที่ 25
       ก้อ...อาจจะเบี้ยวประธาน ไปพร้อมกับกระทิงโทนนั่นแหละ งานเยอะ..เหมือนกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

เสือเข้ม จาก เข้ม 203.148.176.195 จันทร์, 1/12/2546 เวลา : 08:21  IP : 203.148.176.195   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5668

คำตอบที่ 26
       เอาให้แน่ๆน่ะ ท่านเข้ม เปลี่ยนใจยังไงบอกผมเร็วหน่อยนะ จองที่พักไว้ให้จะได้ยกเลิกทัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก จิงโจ้ป่า 203.113.80.144 จันทร์, 1/12/2546 เวลา : 09:20  IP : 203.113.80.144   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5669

คำตอบที่ 27
       ตกลงพี่เข้มกับท่านประธานจะเดินทางคืนนี้ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ เที่ยวให้สนุก รักษาสุขภาพร่างกาน และ เก็บภาพสวยๆแต่ละที่ที่เดินทางผ่านมาให้ชมบ้างนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wormworm จาก กบแดง(เลี้ยงลูก) อังคาร, 2/12/2546 เวลา : 17:43  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5673

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,26 เมษายน 2567 (Online 5674 คน)