WeekendHobby.com


จั้มกล่อง จะอ่านโค้ด แต่อยู่ ๆ ไฟเอ็นจี้ดับไปตลอดเลย ท่านใดเคยเจอบ้างครับ

จาก พด
พุธที่ , 26/8/2552
เวลา : 20:12

อ่าน = 720
124.122.158.151
       จั้มกล่อง จะอ่านโค้ด แต่อยู่ ๆ ไฟเอ็นจี้ดับไปตลอดเลย ท่านใดเคยเจอบ้างครับ

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       ตอนนี้ท้อใจมาก ซื้อรถมาใช้ได้ไม่ถึงเดือนปัญหา ตามมาติด ๆ พยายามศึกษาแก้ปัญหา งานก็ต้องทำ เข้าอู่ก็โดนเชือดมาอีก เมื่อวานจอดรถขวางประตู่บ้าน แฟนจะเอารถอีกคันออก แฟนตะโกนมาว่า "เอาเศษเหล็กของแกออกไป" บาดใจมาก ใครอยู่แถวสมุทรปราการแวะเวียนมาช่วยชี้แจ้งหน่อยก็ดีครับ

อาการอันดับแรกเลยคือ
1 จอดรถติดนาน ๆ ความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากล้วต้องดับเครื่อง
2 บริโภคทั้งน้ำมัน และแก๊ซมาก เติม 300 วิ่งได้ไม่ถึง 100 โล (แก๊ซ)
3 เมื่ออาการตัวสั่นนิด ๆ สั่นกว่ารถคันอื่นนิดหนึ่ง
4 ปัญหาเล็ก ๆ แอร์ไม่ค่อยเย็นสู้แดดไม่ได้ เซ็นทรัลล็อคใช้ไม่ได้ กระจกไม่ลง (อันนี้ไม่ซีเรียส)
ทุกวันนี้เอารถมาซื้อขนมในหมู่บ้านครับ ไม่กล้าขับไม่ไปไกล

วันนี้จะไปแกะหลอดดูว่าขาดไหม ตอนนี้ก็ได้คุณ kia man
และเสี่ยเพิ่มเป็นที่ปรึกษา ขอบคุณท่านทั้งสองมากครับ มาบ่นเฉย ๆ เครียดเหมือนกัน เพราะแฟนเมือคืนถอยรถเราเข้าที่ แล้วโทรมาเล่าให้ฟังว่า มีอาการเหมือนมันจะดับไม่ดับแหล่ เราฟังแล้วอะไรกันเนี่ย



จาก พด  124.120.236.154  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 07:47   


คำตอบที่ 2
       55555 พี่ไม่ต้องซีเรียสครับ ทนอีกนิดครับ ของผมนะพี่ ซื้อมาแค่ แสนสี่ แต่งไปแล้วตอนนี้ หกกว่าๆครับ เมื่อวานไปเปลียนยางใหม่ครับอีกหมื่นเจ็ด กลับมาจอดที่บ้าน ตอนเช้านี้เองกะว่าจะเอาไปส่งลูกสักหน่อย ปรากฏว่า คราสไม่ทำงานคือเข้าเกียไม่ได้เลยครับ แต่ก็นะใจมันรักครับ แล้วแวปนี้นะพี่ ยกตัวอย่างคุณเกียแมน คุณ เพิ่ม คุณ บอยระยอง คุณ ชิต สุพรรณ ประทับใจครับ มีการช้วยตอบปัญหาบอกแนะนำกันดีมั่กๆครับ ผมก็เหมือนของพี่แระครับ ต้องเอารถ เมียไปส่งลูกครับ



taweesin จาก Chai  114.128.172.3  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 10:46   


คำตอบที่ 3
       ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ

1 จอดรถติดนาน ๆ ความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากล้วต้องดับเครื่อง

>>> เช็ค ตัวปลั๊กเซ็นเซอร์ ก่อนทำอย่างอื่น

pudam1 จาก Pudam245



engine002 จาก Kia-ตั้มคลอง12  124.122.60.2  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:34   


คำตอบที่ 4
       "ความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากล้วต้องดับเครื่อง"

น่าจะเกี่ยวกับระบบระบายความร้อน เช่น หม้อน้ำ พัดลม
นะครับ

ส่วนคต.3 น่าจะเป็นรอบเครื่องยนต์สูงนะครับ



pudam1 จาก Pudam245  115.31.140.105  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:37   


คำตอบที่ 5
       รู้ล่ะ นั่นมันกรณี Kia Sportage เข็มความร้อนสวิงขึ้น-ลง ตามการเหยียบคันเร่ง ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=10416




pudam1 จาก มะยงชิด  115.31.140.105  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:40   


คำตอบที่ 6
       ครั้งแรกก็จะเช็ค code เพื่อหาว่าเซนเซอร์ตัวไหนมีปัญหา
แต่ตอนนี้ไฟเอ็นจี้ ดันดับสนิท เลยไม่รู้จะเริ๋มจากเช็คตัวไหนดี พอดีเมื่อวานนี้มืดแล้วเลยไม่ได้ทำอะไรต่อ



จาก พด  124.120.236.154  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:45   


คำตอบที่ 7
       2 บริโภคทั้งน้ำมัน และแก๊ซมาก เติม 300 วิ่งได้ไม่ถึง 100 โล (แก๊ซ)

>>>> เลขบนหน้าปัด เป็น MPH หรือเปล่าครับ จะมี 2 แบบนะครับ 1. ถ้าเป็น MPH ต้องเอา กิโล คูณ 1.609 ไปด้วยนะครับ 2.ก็แบบทั่วไปครับ
ถ้าเป็นแบบที่ 2 ก็ไปจูนแก๊สใหม่ได้เลยครับ

ปกติ เติม 300 บาท ได้ 26.78 ลิตร วิ่งได้ 135 MP/H เอา 135*1.609*1.04=225 km/h ครับ



engine002 จาก Kia-ตั้มคลอง12  124.122.60.2  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:51   


คำตอบที่ 8
       ถ่ายรูปหน้าปัดมาดูก็รู้แล้วครับ



engine002 จาก Kia-ตั้มคลอง12  124.122.60.2  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:52   


คำตอบที่ 9
       อ้อ ไม่ใช่ครับ อันนี้ผมดูจ้า water temp ที่ติดต่างห่างครับ ของผมมันจะวิ่งหา 100 องศาตลอดเลยครับ ท่านอื่นที่ติด เขาจะอยู่ที่ 95 องศา อันนี้รถติดแบบธรรมดานะครับ ถ้าติดแบบหน้าเวอร์เทรด ละก่อนมาลากรถแน่นอน



จาก พด  124.120.236.154  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:53   


คำตอบที่ 10
       3 เมื่ออาการตัวสั่นนิด ๆ สั่นกว่ารถคันอื่นนิดหนึ่ง
4 ปัญหาเล็ก ๆ แอร์ไม่ค่อยเย็นสู้แดดไม่ได้ เซ็นทรัลล็อคใช้ไม่ได้ กระจกไม่ลง (อันนี้ไม่ซีเรียส)

2 ข้อนี้ผมว่า ปกตินะครับ ท่อแอร์มันเล็กครับ ลองวิ่ง ดึกๆซิครับ ไม่อยากเปิดแอร์เลย



engine002 จาก Kia-ตั้มคลอง12  124.122.60.2  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:53   


คำตอบที่ 11
       เดี๋ยวกลับไปดูก่อนครับว่ามีหน่วยเป็นอะไร แต่ถ้าไม่ดูหน่วย ความรู้สึกว่าหมดเร็วอะใช่เลยครับ เพราะ 300 บาทวิ่งในซอย 5 วันหมด



จาก พด  124.120.236.154  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 11:56   


คำตอบที่ 12
       อยู่ทีใดครับ สป.ครือกัน
เลิกงาน 5-6 โมงเย็นทุกวัน วันอาทิตย์ไม่อยู่บ้าน (พาลูกเที่ยว) ผมอยู่ หมู่บ้านทรัพย์บุญชัย ซอย 23 100/277 (หลัง รพ.เปาหลอด)
1. จอดรถติดนาน ๆ ความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากล้วต้องดับเครื่อง
อันนี้เคยเป็นตอนคันเก่า สาเหตุ ท่อน้ำปริ (ปริ) สายรัดท่อมันรัดและเก่ามาก การแก้ไข ตัดมันทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบจริงๆครับ
2.ไม่ทราบครับ
3.ออกเกียร์ 1 ปล่อยครัชและเร่งคันเร่งเหมาะสมไหมครับ(สงสัยเอามะพร้าวมาขายสวนอีกแล้ว) ถ้าขับรถอื่นก่อนมาขับคันนี้ก็จะไม่ชินครับ..
4.แอร์ไม่เย็น เปิดเบอร์ 4 ก่อนค่อยๆลดครับ เปิดกระจกช่วยระบายความร้อนก่อนในตอนแรก
เซ็นทรัลล็อกไม่ทำงาน ลองดูนี่ครับ
เซ็นทรัลล็อก
http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=7120
ซ่อมพัดลมแอร์
http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=10662
กระจก
http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=6885
http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=9869

ความรู้หลายๆสิ่งข้างบน ให้เครดิต ทุกท่านที่แชร์ประสบการณ์และความรู้ครับ

หรือจะให้ดี 089-6909087 back (แบค) แต่ระหว่าง 20.00-20.30 กล่อมลูกนอนนะครับ ขอไม่รับ



sudjarid จาก back  203.144.198.247  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 15:10   


คำตอบที่ 13
       1.ความร้อนขึ้นเรื่อยๆเวลารถติด ลองดูพัดลมฟรีปั๊มครับ ถ้าไม่หนืดเลยก็ถอดออกมาล้างให้สะอาดแล้วเติมน้ำยาใหม่ หลอดเดียวพอครับ
2.ดูด้วยครับว่าน้ำหายหรือเปล่า เปิดหม้อน้ำดูเลยครับ อาการความร้อนขึ้นแบบนี้ผมเคยเป็นมาและก็แก้หายขาดแล้วครับ



zafiriaman จาก zafiriaman  117.47.25.23  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 16:39   


คำตอบที่ 14
       เศษเหล็ก.......เรียกเหมือนแฟนผมเลย ฮิๆๆๆ ซื้อมา175000 แต่งไปเกือบจะแสนแล้ว



trinop_n จาก น้องตอ  125.25.142.169  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 17:09   


คำตอบที่ 15
       555555 มีเพื่อนแล้วดีใจจัง น้องต้อไม่ต้องซีเรียสครับผมเหมือนกัน วันนี้เอาไปทำโช้ค ซ่อมบูธใหม่ทั้งหมดสิบตัวครับ เมื่อวานเอาไปเปลียนยาง เป็น 235/75/15 บวกกับซ่อมสีแมกค์ ใหม่ 16500 บาท ตอนนี้เหลืออย่างเดี่ยววิ่งไปที่ อู่คุณยุธ รังสิต จูนเครืองใหม่ครับ ทำสาทีเดี่ยวเลยต่อไปผมคิดว่าจบนะ เพราะว่าคันนี้เป็นคันที่สองแล้ว รักครับยิ่งมาเจอพี่ๆน้องๆในแวปนี้อบอุ่นจริงๆแบบว่าไม่มีปิดบังครับ



taweesin จาก Chai  114.128.172.3  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 19:51   


คำตอบที่ 16
       พัดลมฟรีปั๊ม ก็หนืดอยู่ครับ

แต่น้ำในหม้อพักน้ำ เปิดดูเหลือประมาณ 1 นิ้ว (ปกติคนอื่นเท่าไหร่เอ่ย) ตลอดครับ

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังวันนี้เข้าปั้มไปเติมน้ำมัน แฟนอยากกินฮ๊อตด๊อก ผมเลยเข้าไปซื้อให้ ออกมากจามินิมาร์ล แฟนตะโกนเรียก ให้รีบออกรถ เราตกใจกระโดนขึ้นรถ แฟนขับออกจากปั้นด้วยความรวดเร็ว เราถามว่าเกิดอะไรขึ้นแฟนก็บอกว่าความร้อน water temp ขึ้นจนมันร้องเตือน
อยากให้รถวิ่งเครื่องจะได้เย็น........เป็นงัยครับรถผมสอนให้คนขับกระตือรือร้น



จาก พด  124.120.236.154  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 20:43   


คำตอบที่ 17
       เปิดดูที่หม้อน้ำเลยครับ ไม่ต้องไปสนใจหม้อพักน้ำ ติดเครื่องไว้ก็เปิดได้ครับ ไม่พุ่ง แต่อย่าดับเครื่องแล้วเปิดตอนร้อนนะครับ



zafiriaman จาก zafiriaman  222.123.189.155  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 21:51   


คำตอบที่ 18
       อาการความร้อนขึ้นตอนจอดรถนานๆ
ลองเช็ควาวล์น้ำครับ วาวล์ไม่เปิด ระบบน้ำไม่ไหลวน จอดนานๆ ทำให้ความร้อนขึ้นครับ (ลองดูในกระทู้เก่าเรื่องวาวล์น้ำครับ) ง่ายๆถ้าอยากลองให้ถอดวาวล์น้ำออกแล้วลองวิ่งดู ถ้าหายก็ให้เปลียนตัวใหม่ไปเลยครับ ถ้าไม่หายก็
ว่ากันต่อกับ หม้อน้ำตันกับปั้มน้ำครับ ขอให้หายเร็วนะครับ
เอาใจช่วยครับ.......คนรักเกียร์



todza870 จาก love kia  118.173.56.138  พฤหัสบดี, 27/8/2552 เวลา : 22:23   


คำตอบที่ 19
       ขอบคุณครับ เคยถอดวาล์วน้ำมาดูแหละครับ แต่ยังไม่เคยทำบายพาส เปิดดูหม้อน้ำแล้วสตาร์เครื่อง ก็เห็นน้ำวนและดูดลงไป จับท่อบนและท่อล่างก็ร้อนดี เคยถ่ายน้ำหม้อน้ำ แล้วเอาสายยางอัดน้ำ ก็ไม่เห็นมีเศษสนิมหรืออะไรที่ผิดปกติ จะลองทำซะพักครับ ถ้าไม่หายคงต้องพบช่างแล้วล่ะ (กะว่าจะไปลองให้บริการอู่แสงทองดูซะหน่อยเพราะมีหลายอาการ)

อ้อไปดูหน้าปัดแล้วครับมีหน่วยเป็นกิโลเมตร สรุปเติมแก๊ซ 300 บาทวิ่งได้ไม่ถึง 100 กิโลเมตร



จาก พด  124.120.233.129  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 06:25   


คำตอบที่ 20
       น้ำมันก็ซดเหมือนกันครับเติมมา 1700 (เติมถัง) 3 อาทิตย์ ครึ่งถังแล้ว



จาก พด  124.120.233.129  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 06:30   


คำตอบที่ 21
       ถ้าน้ำไม่หายคงต้องล้างหม้อน้ำแล้วครับ ส่วนถ้าบายพาสวาล์วน้ำความร้อนมันจะขึ้นๆลงๆ กำลังของรถจะไม่ดี ถ้าเปลี่ยนก็พันกว่าครับ



zafiriaman จาก zafiriaman  222.123.184.193  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 07:04   


คำตอบที่ 22
       แนะนำว่าไปที่อู่รังสิตเถอะครับ
ผมได้มาใหม่ๆ อ่านในนี้ แล้วทำเองบ้าง ซื้อของให้ช่างแถวๆบ้านทำให้บ้าง สุดท้ายไม่จบครับ เสียเงินเปล่าๆ ไปเยอะมากๆ
อาการคือ วูบๆ ดับๆ ไม่กล้าไปใหนใกลๆ... ท้อมาก

สุดท้ายไปหาช่างยุทธ+ช่างชาติ จอดทิ้งใว้ร่วมเดือน...จบครับ ไปตั้งแต่ พ.ย.51 ถึงวันนี้ยังไมมีอาการใดๆ ครับ

ย้ำว่าไปหาช่างยุทธเถอะครับ อย่าทำเอง&คิดเอง คุ้มกว่า


.. อันนี้เป็นรายการที่ผมเปลี่ยนไปแล้ว(ก่อนไปหาช่างยุทธ) ของใหม่ทั้งนั้น

http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=10954



Chaweng จาก KIA Offroad  222.123.161.136  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 11:33   


คำตอบที่ 23
       KIA Offroad จบที่ช่างยุทธ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ครับ



จาก พด  124.120.233.129  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 12:23   


คำตอบที่ 24
       อันนี้จากใจนะครับ ตอนได้รถมาเคยเข้าอู่แห่งหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) เขียนบิลมา หนึ่งในรายการที่เปลี่ยน ในนั้นเขียนว่า แคซิ่งเซ็นเซอร์ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) 3000 บาท เอารถออกมาได้ 2 วันสายหม้อน้ำหลุด น้ำเขียวเต็มถนน แต่แฟนเห็นก่อนจึงดับเครื่องประกอบใส่ไปใหม่

ผมโทรปรึกษาคุณ kia man และ เสี่ยเพิ่ม ทั้งสองท่านฟันธงมาเลยว่า แคซิ่งเซ็นเซอร์ ถ้าเสียรถจะ start ไม่ติด
ก่อนไปอู่รถผม start ติด ถึงอู่ก็ start ติด เลยเริ่มคิดแล้วว่าสรุปมันเสียจริงหรือเปล่า ถ้าเสียเปลี่ยนให้จริงไหม

สรุปง่าย ๆ เขาดีกับพวกเขา (พวกช่าง) แปลกหน้าโดนเชือด ตอนนี้ก็ไม่กล้าไปช่างยุทธ ไม่ใช่กลัวช่างยุทธ แต่กลัวรถจะไปไม่รอด เพราะผมอยู่สมุทรปราการ ไปรังสิตไม่ใช่ย่อย และผมขับรถเกียร์ธรรมดาไม่เก่ง ขับอ้อโต้ซะเคยตัว

แฟนก็เป็นกำลังใจให้ (ถึงแม้จะเรียกรถเราว่าเศษเหล็ก ก็ตาม) "เราได้เขามา อยู่กับเราแสดงว่าอยากให้เราดูแล"

ลูกผู้ชายครับ ยืดอกแก้ปัญหากันไป



จาก พด  124.120.233.129  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 12:48   


คำตอบที่ 25
       อยู่สมุทรปราการเหมือนกันครับ แถวบางพลี

โชคดีที่รถผมไม่เคยมีอาการเสียหนัก ๆ อย่างที่ว่า ถ้ารังสิตไกลไป ก็ไปอู่สัญญา แถวพัฒนาการก็ได้ หรือ คุณเกียแมนนี่ก็อยู่แถวร่มเกล้า ดูจะไม่ไกลเท่าไหร่



จาก เฉิ่ม  203.169.63.1  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 13:11   


คำตอบที่ 26
      
**ลองศึกษาข้อมูลไว้ สำหรับการวิเคราะห์สาเหตุเบื้องต้นครับ

ความร้อนรถยนต์
ในกรณีที่เข็มวัความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้ :
1.ดูระดับน้ำในหม้อน้ำและ หม้อพักน้ำว่าลดลงจากระดับปกติหรือไม่? ถ้าลดลง แสดงว่าน่า
จะเกิดการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนที่จุดใดจุดหนึ่ง
2.เข็มความร้อนขึ้นเมื่อใด?
1.ถ้าขึ้น เมื่อรถติดและลงเมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน โดยมี
สาเหตุจาก พัดลมไฟฟ้า ขั่วปลั๊คหลวม,รีเลย์พัดลมไฟฟ้า,เทอร์โมสวิตช์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง
หมดเสีย
2.ถ้าขึ้น เมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากหม้อน้ำอุดตัน
3.ถ้าขึ้นตลอด ทั้งรถติดและรถวิ่ง เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น น้ำในระบบไม่เพียงพอ เนื่อง
จากรั่วซึม(check ได้โดยดูว่ามีคราบน้ำรั่วซึมบ้างรึป่าว) , เทอร์โมสตัทหรือวาวล์น้ำ
ไม่ทำงานทำให้ไม่มีน้ำไปหล่อเย็นเครื่อง (check เบื้องต้นโดย ลองแตะที่ท่อยางน้ำ
ที่ต่อจากเครื่องมาที่ด้านบน เทียบกับท่อยางที่ต่อด้านล่างหม้อน้ำ ถ้าท่อยางด้านล่าง
เย็นกว่าท่อยางด้านบนมาก แสดงว่าวาวล์น้ำผิดปกติ) , ปั้มน้ำเสียทำให้น้ำไปวนหล่อ
เย็นเครื่องไม่พอ
4.เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวไม่ขึ้น และก็check อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกอย่างแล้วก็ปกติ ก็อาจเป็น
ไปได้ว่าเกจ์วัดแสดงค่าผิดเพี้ยนไป

วิธีตรวจสอบว่าเกจ์วัดความร้อนผิดปกติหรือไม่ :
ระบบมาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ จะประกอบด้วย
1.ส่วนแสดงผล(เข็มแสดงอุณหภูมิที่หน้าปัดเรือนไมล์) เป็น moving coil ที่ทำงานโดยรับ
แรงดันไฟฟ้า จาก ECT gauge sending unit มาแปลงแสดงเป็นระดับค่าอุณหภูมิโดย
เข็มวัดขึ้นลงตาม scale (check เบื้องต้นโดย :ปิด switch กุญแจมาที่ OFF ,ถอด
ขั้ว ECT gauge sending unit ออก , ต่อขั้วของสาย ECT gauge sending unit ลง
ground กับตัวรถ , บิด switch กุญแจไปที่ on และดูว่าถ้าเข็มวัดความร้อนขึ้น ก็แสดงว่า
ปกติ
ข้อควรระวัง ! ต้อง ปิดswitch กุญแจมาที่ off ก่อนที่เข็มจะขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของ scale
2.ส่วนที่วัดอุณหภูมิ (ECT gauge sending unit = engine coolant temperature gauge
sending unit) เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้ตามอุณหภูมิ ( variable resistor) โดยค่าความ
ต้านทานปรับแปรผันกับอุณหภูมิ ความต้านทานจะมากที่อุณหภูมิต่ำ และค่าความต้านทาน
จะน้อยลงทเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (check เบื้องต้นโดย : ถอดขั้ว ECT gauge sending
unit ออก , ใช้ Ohm meter มาวัดที่ตัว ECT gauge sending unit โดยขั้ว + ของ ohm
meterต่อที่ขั้วของตัว ECT gauge sending unit และขั้ว - ของ ohm meter ต่อกับ
เครื่อง (ground) , ดูค่าที่วัดได้ , ติดเครื่องยนต์เดินเบาจนกว่าพัดลมไฟฟ้าจะทำงาน
(วาวล์น้ำเปิด) , ดูค่าที่วัดได้อีกครั้ง , ถ้าค่าที่ วัดได้ตอนติดเครื่องแตกต่างจากตอนไม่ติดเครื่องตามที่ spec ระบุไว้แสดงว่า ECT gauge sending unit ปกติ แต่ถ้าค่าที่วัดได้แตกต่างกันไม่ได้ตาม spec ที่ระบุไว้แสดงว่า ผิดปกติ (เปลี่ยนตัวใหม่)
หมายเหตุ
1.ตำแหน่งของ ECT gauge sending unit จะอยู่ที่เครื่องบริเวณด้านล่างของช่องน้ำออก
จากเครื่องไปยังหม้อน้ำ(ตรงที่ต่อท่อยางตัวบน ไปหม้อน้ำ)
2.บริเวณเดียวกันนี้ จะมี ECT sensor อยู่อีกตัว ข้อสังเกตคือ ECT gauge sending unit
จะมีสายไปต่ออยู่เส้นเดียว ขณะที่ ECT sensor จะมีสายไฟต่ออยู่ 2 เส้นตัว
3.ตัว ECT gauge sending unit จะอยู่ถัด ECT sensor เข้าไปทางด้านท้ายรถ
4.ค่าความต้านทานของ ECT gauge sending unit ตามที่ระบุใน honda shop manual
4.1.ที่อุณหภูมิ 56 องศาC = 142 ohm
4.2.ที่อุณหภูมิ 85-100 องศาC = 49-32 ohm

วีธีตรวจสอบว่าฝาสูบโก่งหรือปะเก็นฝาสูบแตก ด้วยตัวเอง เบื้องต้น:
1.เปิดฝาหม้อน้ำและดูว่ามีคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่กับน้ำในหม้อน ้ำหรือไม่?
2.ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดูว่ามีน้ำปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่?
3.เปิดฝาหม้อน้ำไว้ แล้วสตาร์ตรถ และดูว่า ในจังหวะสตาร์ตรถ น้ำในหม้อน้ำกระฉอกขึ้นมารึ
ไม่?
:-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ใช่ ทั้งหมด ก็สันนิฐานเบื้องต้นได้ว่าฝา
สูบน่าจะโก่งหรือประเก็นฝาสูบแตก แก้ไขโดยเปิดฝาสูบมาทำการตรวจสอบทั้งที่ฝาสูบ
และปะเก็นโดยละเอียดอีกคั้ง
:-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ไม่ใช่ ก็สันนิษฐานได้ว่าฝาสูบไม่น่าจะ
โก่งหรือประเก็นฝาสูบไม่น่าจะแตก
หมายเหตุ
1.ฝาสูบโดยส่วนใหญ่จะไม่โก่งกันง่ายๆ
2.ฝาสูบจะโก่งก็ต่อเมื่อ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงเป็นเวลานานๆ จนเครื่องดับไปเอง หรือ เติม
น้ำลงในหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังเย็นตัวไม่พอ

ปล.
1.เรื่องความร้อนที่ผิดปกติเนี่ย อาการพื้นฐานจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าไล่ check อาการโดย
ละเอียดแล้วจะพบว่า อาการนั้นๆเกิดจากอุปกรณ์ตัวใด โดยไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนอุปกรณ์ไป
เรื่อยๆ
2.เรื่องการเปลี่ยนฝาสูบ อยากให้จัดไว้ท้ายสุด ให้ check จนแน่ใจจิงๆว่า เป็นที่ฝาสูบ แล้ว
จึงค่อยเปลี่ยน
3.ถ้าต้องเปลี่ยนฝาสูบแน่ๆ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นของมือสอง ไม่แนะนำ
ให้ไสหรือปาดฝาสูบเดิม

คนที่ใช้รถยนต์ยุคนี้มักไม่ค่อยมีเวลาหรือถึงมีเวลาผู้ผลิตรถยนต์ก็จะผลิตรถยนต์สมัยใหม่ออกมาให้ดูแลรักษาด้วยตัวเองยุ่งยากมากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการติดตั้งระบบตรวจเตือนมาไว้ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คนใช้รถจึงมีหน้าที่เพียงแค่อ่านมาตรวัดของระบบตรวจเตือนทั้งหลายให้แม่นยำเท่านั้น เมื่อพบว่ามีการเตือนจากระบบใดระบบหนึ่ง ก็ทำได้เพียงแค่นำรถไปพบช่างในศูนย์บริการเท่านั้นเอง

ส่วนประกอบของหม้อน้ำ



ส่วนวิธีการที่จะกำจัดสนิมในหม้อน้ำให้หมดไปอย่างถาวร ยังไม่มีใครคิดค้นขึ้นมาได้ เพราะในความเป็นจริงสนิมที่พบในน้ำหล่อเย็นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากหม้อน้ำ เพราะหม้อน้ำสมัยใหม่จะใช้อะลูมิเมียมเป็นโครงสร้างในส่วนของรังผึ้งและท่อทางเดินน้ำ ส่วนชิ้นส่วนที่เป็นท่อนล่างและท่อนครอบด้านบนของหม้อน้ำ ก็จะใช้วัสดุประเภทพลาสติกมาทำการผลิต

สนิมที่พบในน้ำจากระบบหล่อเย็นมีที่มาจากท่อทางเดินน้ำบริเวณข้างเสื้อสูบเป็นส่วนใหญ่ เพราะเสื้อสูบของรถยนต์ส่วนมากผลิตมาจากเหล็กหล่อที่เกิดสนิมได้ง่าย ซึ่งท่อทางเดินน้ำบริเวณข้างเสื้อสูบจะเป็นช่องทางเล็กๆที่ลดเลี้ยวซอกซอนไปมา คล้ายทางเดินของมดหรือปลวก

ยุคก่อนมีคนแนะนำให้ใช้ผงซักฟอกผสมลงไปในน้ำที่ใช้ในระบบหล่อเย็น แต่คำแนะนำของผู้ผลิตในปัจจุบันนี้ห้ามไม่ให้ใช้ผงซักฟอกหรือสารที่เกิดฟอง เพราะเกรงว่าหากมีสารที่ก่อให้เกิดฟองตกค้างอยู่ในระบบ จะทำให้เกิดการสูญเสียของอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิได้

วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการทำความสะอาดระบบหล่อเย็นด้วยตนเองคือการขยันถ่ายน้ำในระบบบ่อยๆ และควรถ่ายน้ำในขณะที่อุณหภูมิของน้ำยังร้อนๆหรืออย่างน้อยก็ยังอุ่นๆอยู่เพระาสิ่งสกปรกและสนิมจะยังไม่ตกตะกอนนอนก้น จะมีโอกาศถูกถ่ายทิ้งออกมาได้ง่ายกว่าการถ่ายตอนที่น้ำในระบบเย็นหมดแล้ว

หากพบว่าหลังจากถ่ายน้ำไปแล้วยังมีสนิมหลงเหลืออยู่ก็ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่สนิมยังคงอยู่บ้าง ถ้าไม่สบายใจจริงๆก็ต้องนำรถไปหาช่างที่ร้านหม้อน้ำ ให้เขาทำการล้างหม้อน้ำด้วยการใช้แรงดันน้ำเข้าไปไล่สิ่งสกปรกรวมทั้งสนิมออกมาแต่หากไม่ตะขิดตะขวงใจจริงๆก็ปล่อย มันไว้อย่างนั้นเถอะ ไม่เสียเงินและไม่ต้องกลัวผลกระทบด้านลบที่ตามมาที่หลังอีกด้วย

รู้ได้อย่างไรว่าฝาหม้อน้ำเสีย

ให้สังเกตดูระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ ถ้าพบว่าน้ำในหม้อพักน้ำไม่ยุบแต่น้ำในหม้อน้ำยุบลงกว่าปรกติ หรือน้ำในหม้อพักน้ำต้องเติมบ่อยๆแต่ไม่มาก นั่นคืออาการของฝาหม้อน้ำเสียแล้ว ให้เปลี่ยนใหม่เลย(ให้ใช้ของแท้)

ฝาหม้อน้ำทำหน้าที่ควบคุมความดันภายในหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และช่วยเพิ่มจุดเดือดของน้ำหล่อเย็นในระบบให้สูงขึ้น ในขณะที่น้ำหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะเกิดการขยายตัว เพื่อดันตัวเองออกสู่ภายนอกหม้อน้ำ สปริงวาล์วของฝาหม้อน้ำจะต้านทานแรงดันนี้ไว้ได้ระดับหนึ่ง หากน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก แรงดันที่เกิดขึ้นจะมากว่าแรงต้านทานที่ฝาหม้อน้ำจะรับได้ แรงดันนี้จะดันสปริงวาล์ฝาหม้อน้ำให้เปิดออก แล้วน้ำก็จะไหลออกไปทางรูน้ำล้นที่อยู่ด้านข้างของปากหม้อน้ำซึ่งจะมีสายต่อท่อน้ำล้นออกไปสู่ถังน้ำสำรอง(Coolant reserve tank)ในทางกลับกัน ขณะที่อุณหภูมิน้ำลดลง ความดันน้ำในหม้อน้ำจะลดลงด้วย ก็จะเกิดภาวะสุญญากาศในหม้อน้ำลดลงด้วย ก็จะเกิดภาวะสุญญากาศในหม้อน้ำ ทำการดูดน้ำที่อยู่ในถังน้ำสำรองกลับคืนสู่หม้อน้ำดังเดิม

ข้อสำคัญอยู่ที่ต้องตรวจระดับน้ำในระบบหล่อเย็นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งและขณะขับรถต้องหมั่นสังเกตมาตรวัดความร้อนเสมอๆ เท่านั้นเอง


ระบบระบายความร้อน ปัญหาที่พบบ่อยและการบำรุงรักษา
เนืองจากความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ภายในกระสูบที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนที่ขึ้นลงนั้น มีอุณหภูมิสูงกว่า 4,500’F ในขณะที่จุดหลอมละลายของลูกสูบอลุมิเนียมนั้นอยู่ที่ประมาณ 1,225’F `เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของระบบระบายความร้อนที่มีความจำเป็นจะต้องรีบระบายความร้อนออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์


ระบบระบายความร้อนจะมีอุปกรณ์ที่สำคัญ ควรแก่การทำความรู้จักและให้ความสำคัญกับการดุแลรักษาดังนี้
1 ป็มน้ำ
2 หม้อน้ำ
3 พัดลม
4 เทอร์โมสตัดส์
5 น้ำและน้ำยารักษาหม้อน้ำ
วงจรของการระบายความร้อนเริ่มต้นจากใต้หม้อน้ำ ซึ่งได้รับการระบายความร้อนจากหม้อน้ำมาแล้วจะไหลเข้าเครื่องยนต์โดยป็มน้ำ และเข้าไปทำหน้าที่นำเอาความร้อน ระบายความร้อนออกมาจากภายในเครื่องยนต์ โดยก่อนไปจะถูกควบคุมอุณหภูมิการระบายความร้อนด้วยเทอร์โมสตัดส์ ก่อนจะส่งออกไประบายความร้อนที่หม้อน้ำต่อไป
ประเทศไทยของเราอยู่ในเขตร้อน อากาศภายนอกโดยทั่วไปอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 35-40’C ปัญหาเรื่องความร้อนในเครื่องยนต์เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ในเรื่องของความสูญเสีย ความเสียหายทางเครื่องยนต์ซึ่งอยู่ในระดับต้นๆที่เดียว แต่สังเกตุว่าเราๆท่านๆก็ยังขาดการดูแลเอาใจใส่ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ที่ดีเพียงพอครับ ในวันนี้เราคงต้องมาเข็มงวดเอาจริงกับเรื่องนี้เพื่อป้องกันปัญหากันดังนี้ครับ

แนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์

1 สังเกตุเกย์วัดความร้อนให้เป็นนิสัย
2 ใส่ใจกับปริมาณหรือระดับน้ำในถังพักน้ำ หมั่นสังเกตุว่าน้ำหยดที่ไหนอย่างไรหรือไม่
3 เปลี่ยนถ่ายน้ำยา Coolant หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหม้อน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง
4 สังเกตุการทำงานของพัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องยนต์

เรามาลงรายละเอียดกันสักนิดว่าทำไมต้องทำตามที่ผมได้แนะนำไว้ครับ
1 สังเกตุเกย์วัดความร้อนให้เป็นนิสัย
การฝึกเป็นคนช่างสังเกตุสักนิด จะช่วยทำให้ท่านประหยัดเงินค่าซ่อมแซมรถไปได้มากที่เดียว สิ่งผิดปกติสำหรับเรื่องความร้อนจะแสดงให้เห็นเบื้องต้นทางเกย์วัดหรือมาตราวัดความร้อนนั่นเอง หากท่านพบว่าเข็มของมาตราวัดที่เคยอยู่ตำแหน่งเดิมเริ่มเคลื่อนที่ผิดปกติไปและไปหยุดนิ่งอยู่ ไม่เคลื่อนที่ต่อ แสดงว่าน่าจะอะไรสังอย่างที่ผิดปกติเช่น มีน้ำซึม รั่วเล็กๆแล้ว พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน หรือทำบ้างไม่ทำบ้างแล้วเป็นต้น ควรหาโอกาสพบช่างตรวจสอบโดยเร็วแล้วครับ และจะยิ่งอันตรายมากขึ้นหากขึ้นไปไม่หยุดและมีแนวโน้มจะขึ้นไปเรื่อยๆ ท่านต้องหาทางจอดรถและดับเครื่องยนต์ให้เร็วที่สุด และรอจนกว่าจะเย็นแล้วจึงตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากไหน ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่และเติมน้ำเด็ดขาด หากน้ำต่ำกว่าทีกำหนดไว้ให้รอจนเครื่องยนต์เย็นจริงๆแล้วจึงเติมน้ำได้ อาการแบบนี้แสดงว่าท่านต้องพบปัญหามากแล้วเช่น ป็มน้ำรั่ว ท่อยางหม้อน้ำแตกเป็นต้น จะเห็นว่าหากเราช่างสังเกตุเราจะพบปัญหาก่อนเสมอ และปัญหาจะไม่ลุกลามใหญ่โตแน่นอนครับ
2 ใส่ใจกับปริมาณหรือระดับน้ำในถังพักน้ำ หมั่นสังเกตุว่าน้ำหยดที่ไหนอย่างไรหรือไม่
จุดนี้น่าสังเกตุและเป็นการบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่ารถของเราจะมีปัญหาเรื่องน้ำหยดที่พื้นลานจอดรถ( ต้องระวังตรงนี้นิดนะครับ ท่านต้องแยกให้ได้ว่าน้ำที่หยดมันมาจากแอร์หรือน้ำจากระบบระบายความร้อนแน่) น้ำหายไปไหน ต้องเติมน้ำบ่อยๆ อาทิตย์ละครั้ง อะไรทำนองนี้ เป็นสิ่งผิดปกติเบื้องต้นอีกประการที่เราต้องหาสาเหตุและรีบแก้ไขโดยเร็วอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะไม่แน่ว่าเวลาไหนที่ท่านเกิดไปรถติดๆแล้วความร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเครื่องยนต์ดับเอง แบบนี้ท่านสียหายแน่นอนครับ จงจำไว้อย่างว่าน้ำต้องไม่หายไปจากระบบมากมายแน่นอนเพราะเป็นระบบระบายความร้อนเป็นระบบปิดครับ หากจะมีบ้างเนื่องจากซึมบ้างเล็กน้อย ก็เติมปีละครั้ง สองครั้งเท่านั้นครับ

3 เปลี่ยนถ่ายน้ำยา Coolant หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหม้อน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง
น้ำยาตัวนี้ช่วยให้ท่านสามารถเพิ่มจุดเดือดของน้ำระบายความร้อนได้ ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีขึ้นมาก เครื่องยนต์จะไม่ร้อนเกินไป เติมดีกว่าไม่เติม และที่สำคัญอีกประการคือช่วยรักษาสภาพภายในหม้อน้ำ เครื่องยนต์ เป็นการป้องการเกิดสนิมภายในอีกด้วย น้ำยาตัวนี้ควรเปลี่ยนถ่ายทิ้งใส่ของใหม่ทุกๆปี ดีกว่า ที่สำคัญควรเลือกยี่ห้อที่ไว้ใจได้และเป็นของใหม่อย่าเอาของหมดอายุ หรือเห็นว่าราคาถูกแล้วเอามาใช้ท่านอาจต้องพบกับการอุดตันและไม่สามารถแก้ไขได้จะเสียหายมากครับ

4 สังเกตุการทำงานของพัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องยนต์

จุดนี้เป็นหนึ่งจุดที่สำคัญ เพราะความร้อนที่เกิดขึนบ่อยครั้งที่มีสาเหตุมาจากปลั๊กของพัดลมไฟฟ้าหลวม สกปรก หน้าสัมผัสไม่ดี เป็นต้น ทำให้ไฟฟ้าเดินไม่สะดวก ทำงานบ้าง ไม่ทำบ้าง ตัวนี้ยิ่งต้องระวังครับ สังเกตุว่าหากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงานแน่นอนความร้อนจะขึ้นสูงผิดปกติและจะค้างอยู่หรือมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีกจนถึงขีดแดงได้ ฉนั้นเบื้องต้นหากรถของท่านมีปัญหาความร้อนสูงอย่าลืมใส่ใจพัดลมไฟฟ้าด้วยครับ
แนวทางป้องกันปัญหาอย่างง่ายและได้ผลสำหรับปัญหาเรื่องความร้อนคงจะช่วยท่านได้ตามสมควรนะครับ





Pong9 จาก Pong9  58.8.52.141  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 13:53   


คำตอบที่ 27
       รายการอะไหล่ที่เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนไปหาช่ายุทธ โดยศึกษาในนี้ แล้วสั่งของจากวรจักรมาใส่เอง
-ปั้มติ้ก 3500
- Airflow 6348+3300 (เล่นซะ 2 ตัว)
- Idle Speed 4800
- เซ็นเซอร์ปีกผีเสื้อ1580
- กรองอากาศ 380
- กรองเบนซิน 450
- สายคอร์ย ...จำราคาไม่ได้
- สายหัวเทียน ...จำราคาไม่ได้
-คอร์ย 950x2=1900
-หัวเทียนแบบธรรมดาๆ แตใหม่
- O2 sensor 3070
- Water Temp

ปรากฏว่าไม่จบครับ ยังเบาดับอยู่
ไปที่ช่างยุทธ (ราคาอะใหล่ราคาอาจต่างจากข้างบนครับ)
- เปลี่ยน ECU มือสอง
- AirFlow ใหม่ (เป็นตัวที่ 3 + ติดรถมาเป็น 4 ตัว)
- O2 sensor ใหม่ (เป็นตัวที่ 2)

... ลองมาคิดเล่นๆ ถ้าผมวิ่งไปหาช่างยุทธแต่แรก รายการยาวๆ ข้างบนก็ไม่ต้องจ่าย อีกอย่างตามรายการข้างบนก็ไม่ได้ซื้อมาครั้งเดียว เป็นการทะยอยซื้อมาเรื่อยๆ ค่าเปลี่ยนตามอู่ใกล้ๆ บ้านก็ครั้งละ 200-300-500-600 ตามความยากง่าย

ผมถึงเน้นไงครับว่าไปหาช่างยุทธดีกว่า อู่ทั่วๆไปอย่าดีกว่า เอาช่างพวกนั้ใว้ซ่อมใพวกช่วงล่าง ครัช เกียร์ ดีกว่า

... จะได้ไม่เสียเยอะครับ เก็บเงินใว้แต่งรถดีกว่า



Chaweng จาก KIA Offroad  222.123.161.136  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 14:30   


คำตอบที่ 28
       ขอบคุณทุกท่านครับ และ Pong9 บทความดีมากครับ



จาก พด  124.122.158.29  ศุกร์, 28/8/2552 เวลา : 20:26   


คำตอบที่ 29
       เป็นจาไดบ้างคุณพด

ไปหาหรือยังครับ..

ของผมก็กำลังมาแล้วเหมือนกัน เมื่อวานไปธุระมา ไฟเอนจิ้นขึ้นตอนอกตัวและวิ่งไปประมาณ 500 เมตรก็ดับ...
สงสัยคืนนี้ โดนยุงกัดอีกแล้ว...เมื่อวานซืนก็โดนยุงกัดเรื่อง ไฟตัดหมอกไปแล้ว....




sudjarid จาก back  203.144.198.242  จันทร์, 28/12/2552 เวลา : 15:53   


คำตอบที่ 30
       เจออันนี้เอามาฝาก
รถเกียสปอร์ตเทจ ใช้รู 1.6 L ครับ รถผมหลังจากแบคไฟ พบว่าแอร์โฟร์ไปแล้วครับ 1ตัว + แคร้งเซ็นเซอร์อีก 1 ตัว แคร้งน่าจะเพิ่งเป็นเพราะถ้าเป็นมานานรถจะสตาร์ทไม่ติดเลย ถ้าสตาร์ทติดก็จะทำงานในระบบเซฟโหมด ใครที่แอร์โฟร์พัง จะสตาร์ทน้ำมันติดแต่เร่งแล้วดับ ก็ให้วิ่งด้วยแก๊ส แล้วสับไปน้ำมันที่รอบไม่ต่ำกว่า 2000 รอบนะครับรักษารอบไว้ถ้าต่ำกว่านี้จะกระตุกทำท่าจะดับ กรณีนี้ใช้เมื่อฉุกเฉินถ้าต้องออกต่างจังหวัด หาแก๊สไม่ได้จำเป็นต้องวิ่งน้ำมัน ก็สามารถวิ่งได้ครับ ขอบคุณน้อง Ballonet ที่ให้ข้อมูลครับ

ทีมา http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=5397



sudjarid จาก back  203.144.198.242  จันทร์, 28/12/2552 เวลา : 16:49   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 23/8/2554 6:06:40

Error processing SSI file