WeekendHobby.com


ยาวหน่อย แต่อ่านแล้วรู้สึกดี

จาก เกียอู๊ด
ศุกร์ที่ , 28/9/2550
เวลา : 00:27

อ่าน = 336
210.86.131.202
       "อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย"

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกน ลั่น

พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อ
เนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่ แวบเดียว
แม่ถามฉันว่า

"อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่ เหรอ"

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกัน ละ"

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'
เป็นแม่ค้า
ขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่
มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคน อื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่าง ร้ายกาจ
แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป
หรือถามราคาแล้ว ไม่ซื้อ
ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหน
อมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ
ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลัง ดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ

แม่จึงเดินเข้าไปถาม

"พี่หนอม มีไรหรอคะ"

"ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยา
ธาตุ พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย"

พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคง
จะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้ว นี่จะทำไงต่อ"

แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกัน ใหญ่

"เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสีย นิสัย
พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้อง
ปล้นเขากินหละ"

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่าย หัวน้อยๆ
ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
ซึ่งท่าทาง เหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วหันไปพูดกับป้าหนอม ว่า

"อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็ก
มันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ
กี่บาทกัน ละ"

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอม
จ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

" ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะ เสียใจทีหลังนะเธอ"

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็
ถามว่า

"ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้ว
ตอบสะอึกสะอื้นว่า

"แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ
ผมก็เลยต้อง..."

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นผลไม้ที่
ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

"ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงิน
มาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ

น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ
นี่เอง ถามคนแถว นี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ
เอ้า...เอา
ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้อง กินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ
รู้มั้ย"

แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ ทันที

"ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอ จ้ะ"

แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า

"ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้น
รับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก
แม่ซื้อขนมแกอยู่ ไม่กี่ครั้งเอง"

"แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขา
เป็นขโมยนี่แม่"

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

" แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัว เองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ
กับลูก จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่า
ของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน
และคนที่มีความรับ ผิดชอบนะ
จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้
เลือกแล้วเท่านั้น"

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

"แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก
แม่จะให้เขารึเปล่า"

"ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"

"แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ
บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะ แม่"

" ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่
กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
แค่นี้แม่ก็พอใจ แล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

"จำไว้นะลูก คนเรานะ
ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้
ตัวเสมอ

อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ
แม่ถึง ช่วยแกเอาไว้"

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

"ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง
แต่ บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง
อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้
ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ
ฉันเอง

ไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิด
ถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุด
จริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่ง
หนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงิน
เดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุด รับจ้างเย็บผ้า
เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อ

ส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ
ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดย ไม่คิดเงิน
แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ
ฉันก็เลยต้องยอมตามใจ แม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย
เริ่ม จากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย
หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้น เรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ
แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็น อะไรมาก
แค่ทำงานหนักมากเกินไป
หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
จะ ได้หายเร็วๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉัน
เริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัว อีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผล เลย ฉันกังวลใจมาก
พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะ
ว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาล
เอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน
หาก ปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้
หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจ ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรง

พยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรง
พยาบาลหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า
ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรง พยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง
หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก
ทั้งเรื่องอาการป่วย ของแม่

และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
โอกาสที่คน ไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม
อีกเรื่องก็คือค่าใช้ จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง
เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพัก ฟื้น
คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่
ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบ
ผลสำเร็จ และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรงพยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือน
ก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน
ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล
นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอ ที่เป็นคนผ่าตัด
และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่
โดยที่ทางโรง พยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ
นางพยาบาลบอกว่าหลัง

จากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่า
ตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่
โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคน
นั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดัง นี้

'ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร
ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดัง นี้

ค่าผ่า ตัด 0 บาท
ค่ายาทั้ง หมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้ง หมด 0 บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ
ส้มหนึ่ง ถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณ น้า

นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร.

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
      



pudam1 จาก ฅนตากผ้า  203.155.229.175  ศุกร์, 28/9/2550 เวลา : 05:59   


คำตอบที่ 2
       ซึ้งมากๆเลยครับ... แต่มันก็เป็นเรื่องจริงครับ..การทำดีไม่มีวันดับสูนย์หรอกครับ..เพื่อนสมาชิกทั้งหลาย



จาก ลูกเจี๊ยบจ้า  58.8.138.123  ศุกร์, 28/9/2550 เวลา : 06:42   


คำตอบที่ 3
       อยากให้คนทั้งประเทศเป็นแบบนี้ เพราะทุกวันนี้ผมเลิกอ่านหนังพิมพ์ เลิกดูข่าว ทีวี เพราะมันไม่มีเรื่องแบบนี้ให้เราและเด็กๆของเราเอาเป็นตัวอย่าง****ดีครับ



จาก โต้งเกียมัวส์325  203.156.91.93  ศุกร์, 28/9/2550 เวลา : 11:12   


คำตอบที่ 4
       ผมว่าผมได้อ่านครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง..............และผมก็อ่านแบบไม่ตกซักตัวในครั้งนี้............



greentea จาก ราชสีห์  203.151.10.61  ศุกร์, 28/9/2550 เวลา : 17:51   


คำตอบที่ 5
      



จาก คุณชายหนึ่ง  125.25.143.229  เสาร์, 29/9/2550 เวลา : 14:06   


คำตอบที่ 6
       ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ขอ copy ไปให้เพื่อน ๆ อ่านกันบ้างครับ



จาก Supermop  58.8.140.141  อาทิตย์, 30/9/2550 เวลา : 14:14   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 23/8/2554 5:47:14

Error processing SSI file