WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


กระทู้นี้จะเป็นเรื่องมีสา(ละ)ระแล้วครับ
somsaks
จาก หนุ่มกระโทก
IP:115.67.203.70

อังคารที่ , 28/10/2551
เวลา : 23:01

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      
ตามมาอ่านกันใหญ่ 555

เอาบทสวดชินบัญชรแปลไปฟังก่อน แก้ความเครียด


http://rapidshare.com/files/158590259/__3594___3636___3609___3610___3633___3597___3594___3619___3649___3611___3621_.zip.html





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      


ปรัชญาล้ำลีกเเท้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree 125.26.68.44 อังคาร, 28/10/2551 เวลา : 23:11  IP : 125.26.68.44   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33499

คำตอบที่ 2
       สาละ เป็นคำสันสกฤต อินเดียเรียกต้นสาละว่า "Sal" เป็นไม้ที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง ทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มีความสำคัญในพุทธประวัติดังนี้

ตอนพระพุทธเจ้าประสูติ
ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์ใกล้ครบกำหนดพระสูติการ จึงเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อไปมีพระสูติการที่กรุงเทวทหะ อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง ตามธรรมเนียมประเพณีพราหมณ์ เมื่อขบวนเสด็จมาถึงครึ่งทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ณ ที่ตรงนั้นเป็นสวนมีชื่อว่า "สวนลุมพินีวัน" เป็นสวนป่าไม้ "สาละ" พระนางได้ทรงหยุดพักอิริยาบท (ปัจจุบันคือตำบล "รุมมินเด" แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล) พระนางประทับยืนชูพระหัตถ์ขึ้นเหนี่ยวกิ่งสาละ และขณะนั้นเองก็รู้สึกประชวรพระครรภ์ และได้ประสูติพระสิทธัตถะกุมาร ซึ่งตรงกับวันศุกร์เพ็ญเดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี คำว่าสิทธัตถะแปลว่า "สมปรารถนา"

อีกตอนหนึ่งก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้
เมื่อพระองค์เสวยข้าวมธุปายาสที่บรรจะอยู่ในถาดทองคำของนางสุชาดาแล้ว ได้ทรงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์ได้สำเร็จพระโพธิญาณ ขอให้การลอยถาดทองคำนี้สามารถทวนกระแสน้ำแห่งแม่น้ำเนรัญชลาได้ เมื่อทรงอธิษฐานแล้วได้ทรงลอยถาด ปรากฎว่าถาดทองคำนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำ จากนั้นพระองค์เสด็จไปประทับยังควงไม้สาละ ตลอดเวลากลางวัน ครั้นเวลาเย็นก็เสด็จไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ ประทับนั่งบนบัลลังก์ภายใต้ต้นโพธิ และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลารุ่งอรุณ ณ วันเพ็ญเดือน 6

ตอนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมื่อพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เสด็จถึงเขตเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญวดี พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาก จึงมีรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดพระที่บรรทม โดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ระหว่างต้นสาละทั้งคู่ แล้วพระองค์ก็ทรงสำเร็จสีหไสยาสน์ โดยพระปรัศว์เบื้องขวา (นอนตะแคงขวาพระบาทซ้ายซ้อนทับพระบาทขวา) และแล้วเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.203.70 อังคาร, 28/10/2551 เวลา : 23:16  IP : 115.67.203.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33500

คำตอบที่ 3
       เดี๋ยวจะมาเขียนคาถาบูชา สถานที่ปรินิพพาน ในสาละวโนทยาน


สมาชิกจะได้รู้กันว่า มีคาถาบูชา สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาด้วยนะเอ๋ย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.203.70 อังคาร, 28/10/2551 เวลา : 23:21  IP : 115.67.203.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33501

คำตอบที่ 4
       อิอิ... คงเห็นว่าเดี๋ยวนี้กระทู้ส่วนใหญ่เริ่มออกทะเลกันแล้วหละสิครับ...
ผมก็ว่างั้นเหมือนกัน..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

yakusa จาก Sak YaKuSa 117.47.24.231 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 00:04  IP : 117.47.24.231   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33502

คำตอบที่ 5
       หอบบี้ครับ หอบบี๊

เฮได้ก็เฮ ฮาได้ก็ฮา ทำจิตเกษมเข้าไว้

พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่า


ผุฏฐสัส โลกะธรมมเมหิ จิตตังยัสสะ นะ กัมปะติ
อะโสกัง วิระชังเขมัง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง

คำแปลไปอ่านในกระทู้ อานุภาพพระปริตต์แล้วกัน


เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องสาระให้อ่านบ้างครับ

เรื่องมันยาว วววววววว ต้องใช้เวลาเขียนซักหน่อย




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.203.70 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 00:18  IP : 115.67.203.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33504

คำตอบที่ 6
       มิใช่เรื่องไรด๊อก พอดีช่วงนี้เป็นเทศกาลออกพรรษา จึงต้องเขียนเรื่องมีสาระซักหน่อย
และสืบความจากท้องเรื่องเดิมในกระทู้อานุภาพประปริตต์ ในเรื่องรตนปริตต
ที่ได้กล่าวถึงเมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ที่พระเจ้าอชาตศัตรูหวังจะรวบรวมเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจ
แต่ยังมิสามารถทำได้ เนื่องจากเหล่ามัลละกษัตริย์นี้ ทรงอยู่ใน อปริหานิยธรรม 7 ประการ
หรือพูดง่าย ๆว่าเป็นธรรมะที่เป็นที่ตั้งแห่งความไม่เสื่อม 7 ประการ อันมีดังนี้

1 หมั่นประชุมกันเป็นเนืองนิตย์

2 เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกัน เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียงกัน

3 จะไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ จะไม่ถอนสิ่งที่ได้บัญญัติไว้แล้ว
จะประพฤติปฏิบัติในวัชชีธรรม ที่เป็นของเก่า

4 จะเคารพเชื่อฟังวัชชีผู้แก่เฒ่า

5 จะไม่ก้าวล่วงข่มเหงสตรี ทั้งที่มีสามีแล้ว และยังไม่มีสามี

6 จะเคาพนับถือเจดีย์ชองชาววัชชีทั้งหลายทั้งภายในและภายนอก
ไม่ละเลยพลีกรรมอันเป็นธรรมที่เคยทำ

7 จะคุ้มครองรักษา ในพระอรหันต์ของชาววัชชี จะตั้งใจว่า
พระอรหันต์ที่ยังไม่มาขอให้ท่านมา ที่มาแล้วขอให้เป็นสุข

โอ้ว ! พอเห็น อปริหานิยธรรมทั้งเจ็ดประการแล้ว กลับย้อนมาดูประเทศสารขัณฑ์

1 กินเงินเดินแพง ๆ อาสามาเป็นตัวแทน มาประชุมทีไรแม่งก็โดดทุกที
พอมีเรื่องแม่งก็อ้างโคตรล้านเสียงของมัน

2 มาประชมกันที่ก็เหมือนกับข้าวโพดฟันหลอ ต้องขานชื่่อ ทำสภาล่มกี่รอบแล้วล่ะ

3 แก้กันจริง รธน. สงสัยจริง ๆ ว่าถ้าอยู่ดี ๆ ระเบิดลงสภาจนตายหมด ประเทศจะอยู่มิได้หรือไร

4 ไฮปาร์คโจมตีกันจริง ๆ ทั้งแบบตีกระทบชิ่ง และ ตีตรง ๆ ผู้อาวุโสของบ้านเมืองเรา

5 ข้อนี้ยิ่งหนัก แทนที่จะเอาน้ำฉีด เป็นเบื้องต้น ล่อแกสน้ำตาลุยแต่เช้ายันเย็น ใครตายคงรู้กันทั่วแล้ว
ทีไอ้ สส.ที่ยืนในรั้วยืนยิ้มเยาะยกนิ้วกลางให้ สาว ๆที่ยืนประท้วงริมรั้ว มรึงมิเห็นทำไร
เรื่องเลียไข่นี่เก่งจริงหนอ ยังมีใครก็ไม่รู้แขวนคอตายเพราะโดนล่อลวงอีกเรื่อง

6 พวกนี้ทำแต่ภายนอกให้เห็นแต่ภายในมันมิได้ทำด๊อก
เพราะถ้าภายในทำด้วย ย่อมจะมีคุณธรรมประจำใจบ้าง

7 อันข้อนี้อีเกย์ ลงขุมลึกแน่ ปรามาสท่านหลวงตามหาบัวศิษย์เอกของท่าน อ.มั่น ภูริทัตตโต
อาจารย์ใหญ่ของพระสายวัดป่า อันนี้ผมมีหลักฐานเป็นวิดีโอเลยแหละ


อ้าวไหนบอกว่าจะกล่าวถึงสาลวโนยาน กับพระคาถาบูชา ไหงย้อนมาสารขัณฑ์

เรื่องมันยาวครับต้องค่อย ๆ ย้อนกลับไปหา คือเขียนแบบหนังให้ดูตอนจบแปร๊บนึงแล้วรำลึกถึงอดีต

ถ้ามัวแต่นึกถึงเรื่องสาระมากเกินไป คนที่ถามหาอาจม่องเท่งก่อนได้โดยง่ายเพราะความเครียด
เนื่องจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง สิ่งที่จะกระทบก่อนที่จะม่องคือ ผมร่วง
เพราะมันเป็นอาการเบื้องต้นของเส้นเลือดที่ไม่แข็งแรงจากผิวกระโหลกไล่ลึกไปเรื่อย ๆ จนถึง
เส้นเลือดในสมองนั่นเอง ส่วนคนที่ตอบเรื่องสาระก็พลอยเครียดตามไปด้วย

ขนาดว่าผมเป็นคนไม่ค่อยเครียด ยังได้มรดกหลักแสน พวกเครียดหนักคงได้หลักล้านกระมัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.92.208 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 09:08  IP : 115.67.92.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33506

คำตอบที่ 7
      


ลุ่มลึกยิ่งนัก สมเป็นปราชญ์ลูกจีนรักชาติโดยเเท้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree 125.26.68.44 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 09:27  IP : 125.26.68.44   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33507

คำตอบที่ 8
       ที่ต้องย้อนกลับไปไกล เนื่องจากท้องความนี้อยู่ในมหาปรินิพานสูตรนั่นเอง

วัสการพราหมณ์ถูกพระเจ้าอชาตศัตรูส่งไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลถามในเรื่องนี้
เพราะเชื่อว่าอย่างไรพระพุทธองค์จะไม่ตรัสผิดความจริง

เมื่อวัสสการพราหมณ์กลับไปแล้ว พระองค์ทรงตรัสให้ประชุมภิกษุที่อยู่ในกรุงราชคฤห์ทั้งหมด
แล้วทรงแสดงถึงธรรมอันเป็นที่ตั้งแห้งความไม่เสื่อมของภิกษุ

ในช่วงเวลานั้นพระองค์ท่านทรงตรัสสอนถึงเรื่อง ศีล สมาธิและปัญญาโดยมาก

ต่อมาพระองค์เสด็จสู่ปาฏลิคาม (เมืองชายแดนของแคว้นมคธ) เหล่าอุบาสก อุบาสิกาในเมืองนั้น
กราบทูลเชิญพระองค์ให้เข้าที่พัก พระองค์ทรงแสดงโทษของความวิบัติจากศีล 5 ประการคือ

1 เสื่อมทรัพย์
2 มีชื่อเสียงในเรื่องความชั่ว
3 เมื่อเข้าสู่หมูคนก็ไม่องอาจ มีการเก้อเขิน
4 เป็นผู้หลง ถึงแก่ความตาย
5 เมื่อตายก็เข้าสู่ อบายภูมิ ทุคคติ ตกนรก

ต่อจากนั้นพระองค์ก็ทรงแสดงถึงอานิสงค์แห่งความสมบูรณ์ด้วยศีล 5 ประการ
ซ่งตรงข้ามกับศีลวิบัติ

ต่อมาพระองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำคงคาสู่โกฏิคาม ในแคว้นวัชชี
ณ ที่นั้นพระองค์ทรงแสดงธรรมเรื่อง อริยสัจ 4 และ เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา โดยมาก

พระองค์ทรงเดินทางไปที่พักที่ นาทิกคาม ที่นั้นพระองค์ทรงแสดงธรรมตอบคำถาม
ของพระอานนท์ ว่าผู้นั้นผู้นี้ตายไป มีคติเป็นอย่างไร ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติอาจจะพยากรณ์ตนเองได้ว่า
จะพ้นจากอบายภูมิหรือไม่

ต่อมาพระองค์ทรงเสด็จเข้าพักที่ป่ามะม่วงของนางอัมพปาลี และได้ทรงแสดงธรรมแก่เหล่าภิกษุทั้งหลาย
ให้มีสติสัมปชัญญะ โดยเฉพาะเรื่อง สติปัฐฐาน 4

นางอัมพปาลีคือใคร นางนั้นคือหญิงนครโสเณี แต่มีความศรัทธา บูชาในพระพุทธองค์มาก
เมื่อนางทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับในป่ามะม่วงของตนเอง ก็เดินทางไปเฝ้า
พร้อมกับทูลนิมนต์พระองค์ พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์ ไปฉันที่บ้านของนางในวันรุ่งขึ้น


ฝ่ายเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับที่ป่ามะม่วงของนางอัมพปาลี
จึงรีบออกเดินทางไปทูลนิมนต์พระองค์
อ่าฮ้า สายไปเสียแล้วเพราะว่านางอัมพปลีได้ทูลนิมนต์ไว้ก่อนแล้ว

จึงขอร้องให้นางมอบให้ตนเป็นผู้ถวายอาหารแทน โดยจะให้เงินหนึ่งแสน(หน่วยคงจะเป็น กหาปณะ)
แน่นอนนางย่อมตอบปฏิเสธ พร้อมกับตอบว่า แม้จะยกเมืองเวสาลีให้พร้อมทั้งอาหาร นางก็มิยอมให้
ถวายอาหารแทนตน ดังนั้นกษัตริย์ลิจฉวีจึงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลนิมนต์ฉันในวันรุ่งขึ้น
พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบว่า นางอัมพปาลีได้นิมนต์ไว้แล้ว
ในวันรุ่งขึ้นนางอัมพปาลีไดถวายมะม่วงแก่เหล่าภิกษุสงฆ์ ณ ที่ป่ามะม่วงนั้น พระองค์
ก็ได้แสดงธรรมในเรื่อง ศีล สมาธิและปัญญา






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.92.208 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 10:06  IP : 115.67.92.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33508

คำตอบที่ 9
      
ต่อจากนั้นพระองค์ได้ทรงเสด็จต่อไปยังเวฬุวคาม(หมู่บ้านไม้มะตูม) และทรงตรัสอนุญาต
ให้ภิกษุสงฆ์จำพรรษารอบเมืองเวสาลีได้ตามอัธยาศัย ในระหว่างพรรษาทรงประชวร แต่ทรงเห็นว่า
ยังไม่ได้ลาอุปฐาก(ผู้รับใช้) ยังไม่ได้ลาภิกษุสงฆ์ ยังไม่สมควรปรินิพพาน พระองค์จึงทรงขับไล่
อาพาธด้วยความเพียร ตั้งพระหฤทัยให้ดำรงชีวิตอยู่ เมื่อทรงหายประชวร พระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้า
กราบทูลความกังวลใจที่เห็นพระองค์ท่านทรงประชวร ท่านทรงตรัสตอบว่า ได้ทรงแสดงธรรมไม่มีภายใน
ไม่มีภายนอก ไม่มีในกำมือของอาจารยทั้งหลาย (ซึงหมายความว่าท่านไม่ได้ทรงปิดบังธรรมะ)
ไม่ได้ทรงยดถือว่าบริหารภิกษุสงฆ์ มิไดทรงยึดถือว่าภิกษุสงฆ์เป็นผู้เล่าเรียนจากพระองค์
ทรงเปรียบเทียบพระองค์ซึ่งแก่เฒ่า มีพระชนมายุถึง 80 ปี ว่าเหมือนเกวียนเก่าที่ซ่อมด้วยไม้ไผ่
ตรัสเตืนอให้พึ่งตนเอง พึ่งธรรมะ แสะตรัสสอนสติปัฏฐาน 4


ทรงปลงอายุสังขาร

เมื่อเสด็จพักผ่อนกลางวัน ณ ปาวาลย์เจดีย์ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้แสดงนิมิตรโอภาสอันชัดเจน(บอกใบ้)
แก่พระอานนท์ว่า ผูใดเจริญอิทธิบาท(ธรรมที่ให้บรรลุความสำเร็จผล) 4 ประการดีแล้ว
ถ้าปราถนาก็อาจมีอายุยืนอยู่ได้ถึงกัปป์หรือเกินกัปป์ แต่พระอานนท์นึกไม่ถึง จึงมิได้กราบทูลอาราธนา

เมื่อพระอานนท์ออกไปจากที่เฝ้า มาร จึงมาอาราธนาให้นิพพาน พระองค์ทรงมีสติสัมปชัญญะ
ปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์นั้น ปลงพระหฤทัยว่า ต่อจากนี้อีก 3 เดือน จะเสด็จปรินิพพาน
เมื่อพระองค์ทรงปลงอายุสังขาร ก็เกิดปรากฏการแผ่นดินไหว

พระอานนท์กราบทูลถาม ท่านจึงตรัสตอบถึงเหตุแห่งแผ่นดินไหว แล้วทรงแสดงบริษัท 8
มีขัตติยะบริษัท เป็นต้น และการที่พระองค์เคยเสด็จไปสู่บริษัทเหล่านั้น ทำพระองค์ให้เข้ากันได้กับบริษัทเหล่านั้น
แล้วทรงแสดง อภิภายอาตน 8 ประการ (อารมณ์ที่ครอบงำ หรือ ธรรมะฝ่ายต่ำ)
วิโมกข์ 8 ประการ (ธรรมะท่เป็นเครื่องหลุดพ้นจากธรรมะฝ่ายต่ำ) แล้วพระองค์ทรงตรัสเล่าเรื่อง
ที่ทรงปลงอายุสังขาร พระอานนท์จึงกราบทุลอาราธนาให้ทรงพระชนม์ชีพอยู่อีก
ทรงตรัสว่า มิใช่กาลเวลาที่จะร้องขอแล้ว เพราะได้ทรงแสดงนิมิตร (เครื่องหมาย)
แสดงโอภาส(แสงสว่างหมายถึงการบอกใบ้) อย่างชัดเจนแล้วหลายครั้ง
คือที่กรุงราชคฤห์ 10 แห่ง ที่กรุงเวสาลี 6 แห่ง แต่พระอานนท์มิได้อาราธนา
บัดนี้พระองค์ทรงปลงอายุสังขารเสียแล้ว จึงมิใช่ฐานะที่จะทรงคืนความตั้งพระหฤทัย








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.92.208 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 16:27  IP : 115.67.92.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33522

คำตอบที่ 10
      

คาถาบูชาสถูปปรินิพพาน

อิมัง วันทามิ ปะรินิพพานะถูปัง อิมัสมิง กุสินารายัง สาละวะโนทะเย
พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะรินิพพานัฏฐาเน อะยัง วันทะนา
อัมหากัง ทีฑะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ



คำแปล

ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้สถูปเป็นที่ปรินิพพานนี้ ณ สาลวโนโนทยาน ที่เมืองกุสินารานี้
อันเป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอการกราบไหว้นี้ จงป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขความเจริญ
ของข้าพเจ้าทั้งหลายเทอญ ฯ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.92.208 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 18:34  IP : 115.67.92.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33525

คำตอบที่ 11
      
จากนั้นทรงเสด็จสู่ป่ามหาวัน ทีงเรียกประชุมพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดที่อยุ่ในเมืองเวสาลี แล้วทรงแสดง

สติปัฏฐาน 4 คือการตั้งสติ 4 ประการ
สัมมัปปธาน 4 คือความเพียรชอบ 4 ประการ
อิทธิบาท 4 คือ ธรรมอันให้บรรลุความสำเร็จ 4 ประการ
อินทรีย์ 5 คือ ธรรมอันเป็นใหญ่ในหน้าที่ของตน 5 ประการ
พละ 5 คือ ธรรมอันเป็นกำลัง 5 ประการ
โพชฌงค์ 7 คือ ธรรมอันเป็นองค์ประกอบให้ได้ตรัสรู้ 7 ประการ
มรรค 8 คือ ข้อปฏิบัติหรือทางเดิน 8 ประการ

ธรรมะที่พระองค์ทรงแสดงนี้รวมเป็น 37 ประการ ที่เรียกว่า โพธิปักขิยธรรม 37 ประการนั่นเอง
แล้วตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท อีก 3 เดือนต่อจากนี้ พระองค์จะเสด็จปรินิพพาน


คงจะพอจำกันได้ว่าผมเคยบอกเอาไว้ว่า ตราธรรมจักรจะมี 8 หรือ 37 ขามาจากหลักธรรมนั่นเอง
คือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ หรือ 8 ซึ่งมาจาก อริยมรรคอันมีองค์ 8

จากหัวข้อกระทู้เดิมที่ไม่มีสาระ เข้าสู่การ เปิดตัวด้วยต้น สาละ เข้าสู่สาลวโนทยาน
จนถึงมีสาระที่สำคัญเข้าแล้ว คือ การที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ภิกษุทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ถามหาสาระครั้งนี้ไม่อันตรายแล้ว ไม่ต้องกลัวผมร่วง ไม่ต้องกลัวเส้นเลือดแตก

เพราะเราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.92.208 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 19:16  IP : 115.67.92.208   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33526

คำตอบที่ 12
       อ่านแล้วถ้าเครียด โหลดคาถาพาพุงแปลไปฟังก่อนนะครับ รับรองเย็นสบายใจ

http://rapidshare.com/files/158654311/__3614___3634___3627___3640___3591___3631___3649___3611___3621_.zip.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.29.232 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 20:44  IP : 115.67.29.232   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33527

คำตอบที่ 13
      


สาธุ ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree 125.26.69.96 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 22:47  IP : 125.26.69.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33528

คำตอบที่ 14
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.13.55 พุธ, 29/10/2551 เวลา : 23:46  IP : 125.24.13.55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33530

คำตอบที่ 15
       แล้วพระองค์เสด็จจากเวสาลีสู่ภัณฑคาม ทรงแสดงอริยธรรม หรือ ธรรมอันประเสริฐ 4 ประการ
คือ ศีล สมธิ ปัญญา และ วิมุตติ(ความหลุดพ้น)

จากนั้นเสด็จสู่หัตถิคาม,อัมพคาม, ชัมพุคาม และโภคนคร โดยลำดับ ณ โภคนคร
ทรงแสดงมหาปเทส 4 ประการ โดยให้สอบเทียบกับพระวินัยก่อน
(มหาปเทศ หรือ มหาปเทส คือข้ออ้างใหญ่หรือการกล่าวถึงเหตุผลที่สำคัญ
สำหรับสอบสวนข้ออ้างของผู้อื่นที่ว่าเป็นธรรมวินัย เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า)


จากนั้นพระองค์เสด็จสู่กรุงปาวา นายจุนทะบุตรช่างทองนิมนต์ฉัน พระองค์ท่านก็เสด็จไป
พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์ ตรัสเรียกให้นำ สูกรมัททวะ (มีผู้แปลว่า มังสะสุกรอ่อนบ้าง เห็ดชนิดหนึ่งบ้าง)
มาที่พระองค์ ให้ถวายอาหารอื่นแด่พระสงฆ์ เมื่อฉันเสร้จแล้วโปรดให้นำสูกรมัททวะไปฝังเสีย
ต่อมาทรงประชวรลงพระโลหิต มีเวทนากล้า แต่ก็ทรงมีสติสัมปชัญญะอดกลั้นอาพาธนั้น ไม่ทรงเดือดร้อน


ทรงเดินทางไปยังกรุงกุสินารา รหว่างทางทรงพักให้พระอานนท์พับผ้าสังฆาฏิ 4 ชั้นปูลาด
เป็นอาสนะประทับพักเหนื่อย แล้วตรัสรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้เสวย

คาราวานเกวียนเพิ่งผ่านไป น้ำขุ่นคลั่กดื่มไม่ได้ พระอานนท์จึงไม่ตัก
กราบทูลเชิญพระองค์ให้เสด็จต่อไปยังกกุธานที ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ มีน้ำใส เย็นสนิท
ขอให้พระองค์ทรงเสด็จไปเสวยน้ำที่นั่นเถิดพระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าตรัสสั่งถึงสามครั้ง ในครั้งที่สามที่พระอานนท์ไปตักน้ำด้วยบาตร
ปรากฏการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้น น้ำที่ขุ่นนั้นได้กลายเป็นน้ำที่ใสขึ้นมาทันที
ท่านจึงนำน้ำไปถวายให้พระพุทธองค์ พร้อมกับกราบทูลเรื่องราวมหัศจรรย์ที่พบเห็น
ว่าเป็นเพราะพุทธานุภาพแน่แท้ทีเดียว

พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงเล่าสาเหตุของเรื่องนี้ว่าเป็นเศษกรรมของท่านในอดีตชาติ
ที่เคยเป็นคนเลี้ยงวัว วัวจะกินน้ำแต่ท่านเห็นว่าน้ำที่บ่อนั้นขุ่นจึง ไม่ยอมให้วัวกินน้ำที่บ่อนั้น
แต่จูงวัวไปกินที่บ่อที่ใสกว่าแทน
ด้วยเศษกรรมนั้นทำให้พระองค์ต้องทนกระหายน้ำในปัจจุบัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.170.111 พฤหัสบดี, 30/10/2551 เวลา : 14:17  IP : 115.67.170.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33541

คำตอบที่ 16
      
ขณะนั้น โอรสพระเจ้ามัลละนามว่า "ปุกกุสะ" ซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนักของพระพุทธองค์คือ
สำนักของอาฬารดาบส กาลามโคตร แต่ในคัมภีร์ มิไดระบุไว้ว่าท่านเป็นศิษย์รุ่นก่อนหรือศิษย์รุ่นหลัง
กำลังเดินทางจากเมืองกุสินาราไปยังเมืองปาวา พบพระพุทธเจ้าจึงแวะเข้ามาสนทนาด้วย


ปุกกุสะเล่าให้พระพุทธองค์ฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์อาฬารดาบสนั่งสมาธิอยู่
กองเกวียนตั้ง 500 ผ่านไป ท่านอาจารย์ก็ไม่ได้ยิน เพราะจิตของท่านอาจารย์เป็นสมาธิแน่วดิ่งมาก

พระพุทธเจ้าก็ตรัสเล่าให้ปุกกุสะว่า ขณะพระองค์ทรงเข้าฌาณสมาบัติ
อยู่ที่โรงกระเดื่องในเมืองอาตุมา มีฝนตกหนัก ชาวนาสองพี่น้องและโคหนุ่ม 4 ตัว ถูกฟ้าผ่าตาย
พระองค์ไม่เห็นและไม่ได้ยิน เพราะขณะนั้นยังทรงอยู่ในฌาณสมาบัติ

ปุกกุสะได้ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ประกาศตนเป็นสาวกของพระองค์
นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก่อนจากได้ถวายผ้าแพรสีทองอย่างดี คู่หนึ่งแก่พระพุทธองค์
พระองค์ตรัสรับสั่งให้ถวายแก่พระอานนท์ผืนหนึ่ง และทรงรับไว้เองผืนหนึ่ง
แล้วปุกกุสะก็กราบทูลลาเพื่อเดินทางต่อไป

เมื่อพระองค์ทรงจีวรผืนนั้น พระฉวีวรรณได้เปล่งประกายเปล่งปลั่งดุจดั่งถ่านไฟที่ไร้เปลวฉะนั้น
จนพระอานนท์ประหลาดใจ ถึงกับกราบทูลว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจจรย์ พระฉวีวรรณของพระตถาคตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก
คู่ผ้าเนื้อละเอียดมีสีทองซึ่งเป็นผ้าทรงนี้ ย่อมปรากฏดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลว"

พระพุทธเจ้าตรัสต่อพระอานนท์ว่า มีอยู่สองครั้งเท่านั้นที่พระฉวีวรรณของพระองค์ผุดผ่องผิดปกติ คือ
ในราตรีที่พระองค์จะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ กับในราตรีที่จะปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.170.111 พฤหัสบดี, 30/10/2551 เวลา : 14:21  IP : 115.67.170.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33542

คำตอบที่ 17
      

ผมขอย้อนกลับมาตอนที่พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขารแล้วเกิดปรกฏการณ์แผ่นดินไหว
จนพระอานนท์ตกใจ กราบทูลถามพระพุทธองค์ แล้วพระองค์ตัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหว

ด้วยความเผลอเรอของผมเองจึงลืมเขียนถึงสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ต้องเขกกะโหลกตัวเอง
สามที เป็นการลงโทษที่ลืมเขียนเรืองสำมะคัญ

พระพุทธเจ้าตรัสถึงสามเหตุของแผ่นดินไหวด้วยเหตุ 8 ประการคือ

1 เพราะลม
2 ไหวเพราะสมณพราหมณ์หรือเทวดาผู้มีฤทธิ์ เจริญปฐพีสัญญาเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญาอย่างแรงกล้า
บันดาลให้แผ่นดินไหวได้
3 ไหวเพราะพระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตก้าวลงสู่พระครรภ์
4 ไหวพราะพระโพธิ์สัตว์ประสูติจากพระครรภ์
5 ไหวเพราะพระโพธิ์สัตว์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
6 ไหวเพราะพระตถาคตหมุนกงล้อคือพระธรรม แสดงธัมจักกัปปวัตตนสูตร
(ในบทธัมจักฯ กล่าวไว้ว่า
" อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ,สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิ,
อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ"

ซึ่งแปลว่า

"ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้,ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้านลั่นไป,
ทั้งแสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณ ได้ปรากฏแล้วในโลก"
lสงสัยจบเรื่องสาละ(ระ)นี้แล้ว อาจต้องมีภาคต่อ)

7 ไหวเพราะพระตถาคตปลงอายุสังขาร
8 ไหวเพราะพระตถาคตปรินิพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

ตอนนั้นพระอานนท์รู้ได้ทันทีว่าพระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
จึงกราบทูลขอให้พระองค์ ยืดพระชนม์ชีพต่อไปอีก




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.170.111 พฤหัสบดี, 30/10/2551 เวลา : 14:41  IP : 115.67.170.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33545

คำตอบที่ 18
       แล้วถ้าจะรบกวนประวัติ "พระชินวัตรมุนี" มีอะปะคะ

มิได้มีเจตนากวนนะเจ้าคะ คืออยากรู้จริง ๆ ไม่เคยรู้ว่ามี จนกระทั่งได้ฟังจากวิทยุวันนี้อะค่ะ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

saii จาก นิหน่อย 202.57.170.171 ศุกร์, 31/10/2551 เวลา : 00:44  IP : 202.57.170.171   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33553

คำตอบที่ 19
       ด้วยภูมิความรู้ทางพุทธศาสนาที่ผมมีอยู่ไม่มากนัก

พระพุทธรูปมีอยู่ประมาณ 70 กว่าปาง แต่ละปางนั้นมีประวัติที่มาที่ไป
เกี่ยวกับพุทธประวัติ ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ปางมารวิชัย(มา-ระ-วิ-ชัย)
ปางเปิดโลก , ปางนาคปรก ฯลฯ

ปางที่คุณนิหน่อยถาม ผมไม่ทราบว่าเป็นปางอะไร
พระพักตร์ของพระองค์ก็ควรสร้างให้เหมาะสม
นั่นแสดงถึงคนที่สร้างนั้น มิได้มีความรู้หรือไม่มีสติคิดพิจารณา
ว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่า
คนที่สร้างนั้นไม่มี "โยนิโสมนสิการ"

ผมสามารถด่าได้แบบไม่กลัวบาป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.2.12 ศุกร์, 31/10/2551 เวลา : 08:19  IP : 115.67.2.12   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33557

คำตอบที่ 20
       Load ไม่ได้ครับพี่หนุ่ม ขึ้น Error
แล้วก็ส่งยากชมัด..เป็นอะไรหว่า.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chyvw จาก ชาย 203.149.16.35 ศุกร์, 31/10/2551 เวลา : 10:32  IP : 203.149.16.35   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33558

คำตอบที่ 21
       อย่าคลิกครับ ให้ Copy ไป แล้ว Paste ลง ที่ Address bar



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.243.70 ศุกร์, 31/10/2551 เวลา : 10:41  IP : 115.67.243.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33559

คำตอบที่ 22
      
พระพุทธเจ้าเสด็จข้ามแม่น้ำกกุธา และตรัสสั่งพระอานนท์ให้บอกแก่นายจุนทะ
อย่าให้เดือดร้อนว่าพระองค์ฉันอาหารของเขาแล้วปรินิพพาน เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า
อาจมีผู้คนเข้าใจผิดคิดว่านานจุนทะวางยาพิษพระองค์ถึงกับดับขันธ์ปรินิพพานก็ได้
จึงตรัสแก่พระอานนท์เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่นานจุนทะในกาลข้างหน้า

พระองค์กล่าวว่า การบิณฑบาตสองครั้งทีอานิสงค์เสมอกัน มากกว่าบิณฑบาตอย่างอื่น
คือตถาคตเสวยแล้วตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครั้งหนึ่ง เสวยแล้วปรินิพพาน
ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานอีกครั้งหนึ่ง กรรมที่ให้อายุ วรรณ สุข ยศ สวรรค์ และความเป็นใหญ่
เชื่อว่านายจุนทะได้สร้างสมไว้แล้ว


หลังจากนั้นพระพุทธองค์เสด็จข้ามแม่น้ำหิรัญวดีมุ่งหน้าสู้เมืองุสินารา เสด็จถึงป่าสาลวัน
พระองค์ตรัสรับสั่งให้พระอานนท์ตั้งเตียงระว่างต้นสาละคู่หนึ่งให้หันหัวเตียงไปทางเหนือ
แล้วพระพุทธองค์ก็บรรทมหันพระเศียรไปทางเหนือโดยการบรรทมที่เรียกว่า "สีหไสยาสน์"
คือนอนตะแคงขวา ซ้อนพระบาท เหลื่อมพระบาท มีสติสัมปชัญญะ
พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า

"แม้จะบูชาตถาคตด้วยเครื่องสักการบูชามากมาย
ตถาคตจะชื่อว่าได้รับการบูชาก็หาไม่
ดูก่อนอานนท์ ผู้ใดจะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกาก็ตาม
ปฏิบัติธรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรม ผู้นั้นชื่อว่า
สักการะ เคารพ นับถือ บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอย่างยอดเยี่ยม"





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.7.92 เสาร์, 1/11/2551 เวลา : 00:19  IP : 115.67.7.92   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33593

คำตอบที่ 23
       พระองค์ทรงแสดงสังเวชนียสถาน คือ สถานที่ควรสังเวช 4 แห่งคือ
ที่ที่ตถาคตประสูติ ตรัสรู้ แดสงธรรมจักร และปรินิพพาน ว่าเมื่อภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา จาริกไป มีจิตเลื่อมใสและตายลงจะเข้าสู่สุคติ

พระองค์ทรงแสดงวิธิการปฏิบัติในสตรี หรือมาตุคาม ตามที่พระอานนท์ทูลถาม
ว่าไม่ควรมอง ถ้าจำเป็นต้องมอง ก็ไม่ควรจะพูดด้วย ถ้าจำเป็นที่จะต้องพูดด้วยก็ให้ตั้งสติ

พระอานนท์กราบทูลถามต่อวิธีการปฏิบัติต่อพุทธสรีระ พระองค์ทรงตรัสให้ปฏิบัติ
เช่นเดียวกับสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ให้ห่อด้วยผ้าใหม่ แล้วห่อด้วยสำลี รวม 500 ชั้น
แล้วใส่ในรางเหล็กเติมด้วยน้ำมันปิดด้วยรางเหล็ก ทำจิตกาธานด้วยของหอม
แล้วทำการเผา สร้างสถูปไว้ในทาง 4 แพร่ง

พระองค์แสดงถึงผู้ควรแก่สถูป 4 คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
สาวกของพระพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ์




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.7.92 เสาร์, 1/11/2551 เวลา : 00:52  IP : 115.67.7.92   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33596

คำตอบที่ 24
       พระอานนท์กราบทูลว่า อย่าปรินิพพานในกรุงกุสินารานี้ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ขอให้เสด็จไปปรินิพพานในเมืองใหญ่
เช่น จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี โกสัมพี พาราณาสี พระองค์ตรัวสอบว่า กรุงกุสินารานี้เคยเป็นราชธานี นามว่า กุสาวดี
พระเจ้ามหาสุทัสสนะจักพรรดิ์ ทรงปกครอง เคยเจริญรุ่งเรืองยิ่งมาแล้ว มีความมั่งคั่งสมบูรณ์
พระเจ้าสุทัสสนะมีรัตนะถึง 7 ประการ คือ
1 จักรแก้ว ซึ่งหมุนไปในทิศต่าง ๆ ได้ นำชัยชนะมาสู่
2 ช้างแก้ว เป็นช้างเผือก
3 ม้าแก้ว สีขาวล้วน ชื่อ วลาหก
4 แก้วมณี เป็นแก้วไพฑูย์
5 นางแก้ว รูปร่างงดงาม มีสัมผัสนิ่มนวล
6 ขุนคลังแก้ว(คหปติรตนะ) ช่วยการการทรัพย์สินอย่างดีเลิศ
7 ขุนพลแก้ว(ปริณายกรตนะ) บัณฑิตผู้มีความสามารถ

พระเจ้าสุทัสสนะ ทรงมีความสำเร็จ (ฤทธิ์) 4 ประการ คือ
1 รูปงาม
2 อายุยืน
3 มีโรคน้อย
4 เป็นที่รักของพราหมณ์และประชาชน

พระเจ้าสุทัสสนะทรงเห็นว่า ผลดีต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะผลแห่งกรรมดีคือ
ทาน (การให้) ทมะ(การฝึกจิต) และ สัญญมะ(การสำรวมจิต) จึงทรงบำเพ็ญฌาณสงบ
ความตรึกทางกาม ความตรึกทางพยาบาท และความตรึกทางเบียดเบียน
ทรงบรรลุฌาณที่ 1 ถึง ฌาณที่ 4 ทีงมีเมตตา กรณา มุทิตาและอุเบกขา
เมื่อพระองค์สวรรคต ทรงเข้าถึงพรหมโลก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.138.31 จันทร์, 3/11/2551 เวลา : 13:12  IP : 115.67.138.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33629

คำตอบที่ 25
      
ครั้นแล้วตรัสสั่งให้พระอานนท์ไปแจ้งข่าวที่จะปรินิพพาน แก่มัลละกษัตริย์ซึ่งพากันเศร้าโศก และมาเฝ้าในราตรีนั้น
พระอานนท์ก็จัดให้เข้าถวายบังคมเป็นครอบครัวไป เสร็จสิ้นภายในยามแรกแห่งราตรี


ครั้งนั้น มีนักบวชนอกศาสนา(ปริพพาชก) ชื่อ สุภัททะ มาเฝ้า พระอานนทืจะไม่ไให้เฝ้า แต่พระพุทธเจ้าทรงทราบ
จึงทรงให้เฝ้าได้ เมือสุภัททะกราบทูลถาม พระองค์ทรงแสดงธรมมให้ฟัง สุภัททะจังทูลขอบวชและเพียรพยายามจนได้
บรรลุอรหัตตผลในไม่ช้า นับเป็นพระสาวกองค์สุดท้ายที่ทันเห็นพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์ตรัสสั่งความแก่พระอานนท์ดังต่อไปนี้
1 ธรรมวินัยที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว จักเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป
2 เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายไม่พึงเรียกกันด้วยคำว่า อาวุโส เช่นที่เรียกกันอยู่ในบัดนี้
พึงเรียกภิกษุอ่อนกว่าโดยชื่อ โดยโคตร หรือด้วยคำว่า อาวุโส(ผู้มีอายุ) พีงเรียกภิกษุผู้แก่กว่า
ว่า ภัณเต(ท่านผู้เจริญ) หรือ อายัสมา(ท่านผู้มีอายุ)
3 เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว เมื่อสงฆ์ปรารถนาก็จะถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียได้
4 เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์พึงลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ คือปล่อยให้ทำอะไรตามชอบใจ
ไม่พึงว่ากล่าวตักเตือน

จากนั้นทรงเปิดโอกาสให้พระภิกษุผู้มีความสงสัยหรือเคลือบแคลง ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฑ์
ในมรรค ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ซักถามได้ แต่ก็มิมีผู้ใดถาม พระอานนทืจึงกราบทูลแสดงความอัศจรรย์
พระองค์ตรัสตอบว่า เพราะภิกษุที่ประชุมกันถึง 500 นี้ อย่างต่ำก็เป็นพระโสดาบัน

ครั้นแล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่าน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมสมบูรณ์เถิด"




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.138.31 จันทร์, 3/11/2551 เวลา : 13:15  IP : 115.67.138.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33630

คำตอบที่ 26
       พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสอะไรอีก

พระองค์ทรงเข้าปฐมฌาณ ออกจากปฐมฌาณ ทรงเข้าสู่ทุติยฌาณ
ออกจากทุติยฌาณแล้ว ทรงเข้าจตุตฌาณ ออกจากจตุตตฌาณแล้ว
ทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตนะ ทรงเข้าวิญญานัญยตนะ
ออกจากวิญญานัญยตนะ ทรงเข้าอากิญญายตนะ ออกจากจากอากิญญายตนะ
ทรงเข้าเนวสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญายตนะ แล้วทรงเข้าสู่นิโรธสมาบัติ

ลีลาในการปรินิพพานนี้ พระอานนท์พุทธอนุชาซึ่งเป็นเพียงพระโสดาบัน
ยังมิได้เป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา
มิได้ทราบเพียงแต่เอ่ยถามพระอนุรุทธซึ่งพระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นผู้มีมีทิพยจักขุเสมอพระองค์
(ใครสวดชินบัญชรได้ คงคุ้น ๆ ชื่อนี้กระมัง)

ในสถูปสถานที่ปรินิพพาน ในปัจจุบันที่ฐานพระสลักปางปรินิพพาน จะเห็นพระหันพระพักตร์ออกหมด
แต่มีพระอยู่องค์หนึ่งหันหลัง
นั่นแหละครับ พระอนุรุทธกำลังใช้ทิพยจักขุ ดูลีลาในการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
คอยตอบคำถามแด่สาวกท่านอื่น ๆ ใครมีโอกาสได้ไปสังเวชนียสถานนี้ก็โปรดสังเกตุด้วย
อ้อ มีหญิงนางหนึ่งนั่งร้องได้ด้วยนะครับ

ความจริงความตั้งใจของกระทู้นี้คืออยากจะพูดถึงเรื่องที่เป็นสาระมากต่อชีวิต
คือปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ทำไปทำมาไหงลากยาวมาได้ไงก็มิทราบจริง ๆ


"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่าน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมสมบูรณ์เถิด"



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.34.11 จันทร์, 3/11/2551 เวลา : 13:40  IP : 115.67.34.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33631

คำตอบที่ 27
      


ผู้มีอภิญญาสามารถเลือกวิธีตายของตัวเองได้โดยไม่มีกรรมเป็นตัวกำหนด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.42.32 อังคาร, 4/11/2551 เวลา : 06:25  IP : 125.24.42.32   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33640

คำตอบที่ 28
      

สาธุ ครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree 125.26.73.143 อังคาร, 4/11/2551 เวลา : 09:14  IP : 125.26.73.143   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33642

คำตอบที่ 29
       คงพอจะมีประโยชน์บ้าง

อัญเชิญเทวดา
http://rapidshare.com/files/160251276/02_ChoenTevada.mp3.html

ระตะนะสุตตัง
http://rapidshare.com/files/160257752/Ratanasutang.mp3.html

โพชฌังคะปะริตตัง
http://rapidshare.com/files/160286270/Potchong.mp3.html

อาฏานาฏิยะปะริตตัง
http://rapidshare.com/files/160295016/Artanatiya.mp3.html

กะระณียะเมตตะสุตตัง
http://rapidshare.com/files/160298600/Metta.mp3.html

อภยปริต
http://rapidshare.com/files/160491471/Apaya.mp3.html

บทชัยมงคลคาถา(พาหุงฯ) แบบอินเดีย
http://rapidshare.com/files/160493885/ChayamonkolIndia.mp3.html

มงคลสูตร(มังคลปริตต์)แบบอินเดีย
http://rapidshare.com/files/160509796/Mongkol_India.mp3.html


บทชัยมงคลคาถา(พาหุงฯ)
http://rapidshare.com/files/160594250/Chaiyamonkol.wma.html

อิติปิโส
http://rapidshare.com/files/160595750/I-ti-pi-so.wma.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.45.68 อังคาร, 4/11/2551 เวลา : 11:02  IP : 115.67.45.68   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33645

คำตอบที่ 30
       บทสวดพลจักรกัปปวัตนสูตร (บทสวดชัยน้อย)

บทสวดพรรณนาชัยชนะของพระพุทธเจ้าเหนือหมู่มารทั้งปวง
ทั้งล่วงพ้นอำนาจท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔และเป็นชัยชนะเหนือเทวดาทุกๆ ชั้น
ทั้งเป็นชัยชนะอมนุษย์ ยักษ์ ภูติผีปีศาจอาวุธทั้งหลายก็ทำอันตรายไม่ได้
ทั้งชัยชนะพญานาคราช ทั้งพระจันทร์ พระอาทิตย์ พระอินทร์ พระพรหม
ทั้งลม และไฟก็ทำอันตรายไม่ได้
ขอเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ ๑๘ พระองค์จงมารักษา
ทั้งพระฤาษี พระสาวก พระธรรม พระสงฆ์จงมาอวยชัย
ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแด่ท่านด้วยเดชแห่งพระรัตนตรัย
ในครั้งนั้นมารผู้ชั่วช้าได้พ่ายแพ้ต่อพระรัศมีของพระพุทธเจ้า
ครั้นแล้วพระองค์ก็ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ
พระพรหมพระอินทร์ เทวดาทั้งหลาย ผู้มีเดชานุภาพมาก
ทั้งหมู่พญานาคหมู่พญาครุฑผู้มีศักดายิ่งใหญ่
ต่างชื่นชมชอบใจในชัยชนะของพระพุทธเจ้าต่อหมู่มาร ณ โพธิบัลลังก์
เป็นชัยชนะที่เป็นอุดมมงคลทั้งเป็นฤกษ์ดียามดี
และขณะดีที่ได้ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแก่ท่านด้วยเดชแห่งคุณพระรัตนตรัย
ขอให้ท่านจงได้รับประโยชน์และความสุข
ทั้งเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาขอให้มีอายุยืนยาว
ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดขอให้ได้ดังใจประสงค์
และปราศจากโรคภัยทั้งหลายทั้งปวงทั้งห่างไกลความทุกข์
ขอให้ประสบสุขทั้งกายและใจ

http://rapidshare.com/files/160745997/ChiayaNoi.mp3.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 115.67.157.149 พุธ, 5/11/2551 เวลา : 08:37  IP : 115.67.157.149   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 33668

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,19 เมษายน 2567 (Online 4211 คน)