คำตอบที่ 1
       ........คือถ้า " ตูดโด่ง " ก็แก้เอา ( รองกล่อง ) น่ะครับ.......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ..........สงสัย จะ ไม่มีใคร เคยลอง.........รอต่อไป ไป ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ..........( คือผมเคยเห็น ใน หนังฝรั่ง นานแล้ว ครับ )

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ผมว่าไม่น่าจะประหยัดครับเนื่องจากต้องแบกน้ำหนักยางอะไหล่เพิ่มอีก 1 เส้น
และ นน ของยางที่ใส่ไปที่ล้ออีกสองเส้น น้ำหนักยางที่ใส่ไปนี้เพิ่มภาระให้แก่รถเพิ่มขึ้น
ถึง 15 เท่าของ นน ที่เพิ่มขึ้น (Unspring weight) เขาว่ามาอย่างงั้นนะ

และที่สำคัญที่สุดคือ รถพร้อมที่จะหมุนได้ทุกเมื่อ เมื่อเบรคเนื่องจากแรงเสียดทานของยาง
ที่จับกับพื้น ของล้อหน้าและล้อหลังนั้นต่างกัน

อยากรู้เมือนกัน ยังไงคุณช่วยลองหน่อยนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ..........คือว่า นําหนักล้อที่เพิ่ม ต้องหัก ด้วย นน. ของล้อเดิมด้วย น่ะครับ แล้วแบก ยางอะไหล่+ล้อ อีก 1 เส้น ยังไงก็ไม่น่าหนัก เกิน......รถเปล่า+ยางอะไหล่เดิม 2 หรือ 3 เส้น และรถเปล่า ถ้าเครื่องดี ก็ออกตัว เกียร์ 2 ได้อยู่แล้ว อ่ะครับ........คือผมได้ ไอเดียจาก รถอเมริกัน ( เครื่องใหญ่ รอบตำ เน้น แรงบิด คือ เครื่องใหญ่ กว่า ดีเซลบ้านเราประมาณ 2 เท่า แต่ เครื่องเบนซิน กำลังอัด ตำกว่า ดีเซล ประมาณ 2 เท่า ครับ และชอบเป็น เกียร์ ออโต้ ด้วยครับ ) และรถปิคอัพ รุ่นใหม่ คันใหญ่ ล้อโต แถมวิ่งฉิว เช่น Fortuner และ บรรดา Pajero แถวนี้ แต่ยังไม่เคยเห็น Trooper วิ่งเร็ว ๆ ซักที แต่รถแต่งล้อโต ยกสูง ก็วิ่งเร็วดี เห็น อ่านในนี้ ว่า ทำเครื่อง + เฟืองท้าย กัน แล้วได้เปรียบ ที่ล้อโต เส้นรอบวง ของยางมากกว่าปกติ ครับ และ ไมล์เพี้ยน ( ขึ้นน้อย กว่าวิ่งจริง )........ก็เลยคิดว่า ถ้าเทียบกัน กับกระบะ ธรรมดา มันก็น่าคิด แถมเตี้ยกว่า ไม่ต้านลม น่ะครับ........ส่วน เรื่องลองเอง ยากครับ เพราะรถที่บ้าน ให้ไปติดแก๊ส ยังไม่เอาเลยครับ........( รถเก๋ง เก่า ๆ ) เศร้าใจจัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ..........ลืมนิดนึง ครับ ! รอบเครื่อง เมื่อรถวิ่ง " ลอยตัวแล้ว " รอบเครื่อง น่าจะใกล้เคียงกัน คือรอบตํา ยกเว้น " เร่งแซง " เบนซิน อาจเร่งเร็วกว่า จากระบบ เครื่องยนต์ ที่ต่างกัน.......แบบนี้ ใช่ป่าว ครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       รถที่ใส่ยางใหญ่ ปลายหายทั้งนั้นครับ

เส้นผ่าศูนย์กลางเพิ่มขึ้น อยาลืมว่าต้องออกแรงมากขึ้นด้วย

โมเมนต์ครับ โมเมนต์ แรงที่กระทำอยู่ที่เพลากลางล้อ แต่ว่าต้องสู้กับระยะที่เพิ่มขึ้น เพราะเส้นผ่าศุนย์กลางมากขึ้น

ไม่มีความได้เปรียบเชิงกลอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ครับ

ได้มาอย่างหนึ่งต้องเสียไปอย่างหนึ่งเสมอ

รถล้อโต ยกสูง ที่วิ่ง ๆ ดี ๆ กัน เขาทำเครื่อง กะทดเฟืองท้ายช่วยทั้งนั้นครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ...........ขอบคุณมากครับ !!! คุณ หนุ่มกระโทก.........

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ผมว่าในระดับความเร็วระดับหนึ่ง ที่มันลอยตัวแล้ว ยางใหญ่กว่าจะมีแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการหมุนมากกว่า(สังเกตุจากยางใหญ่จะเบรคไม่ค่อยอยู่) น่าจะทำให้ได้งานเพิ่มขึ้น จากการออกกำลังเท่าเดิมครับ ผมเทียบกับรถผมเองครับ ว่ามันเป็นเช่นนั้น(ไม่ได้มาคัดค้านครับ เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ)

รถเก๋งขับหลังใส่ยางหน้า 185/65R14 ยางหลัง 195/60R14 ที่บ้านเคยใส่ครับ(นานมาแล้ว รถไม่อยู่แล้ว)
185/65R14 = สูง 23.4685 นิ้ว ลมยาง 30
195/60R14 = สูง 23.2126 นิ้ว ลมยาง 32

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ..........คือ ผมก็ " ว่างั้น " แหละครับ โดยเฉพาะ ถ้าเรา ไม่ใส่ยาง หน้ากว้างมาก คือให้เท่าเดิมไว้ จะได้ไม่ " แบก นน. ล้อ+ ยาง " มากอ่ะครับ......ถ้าใช้กันมาก ๆ ยาง AT จะได้ ถูกลง ( ยางธรรมดา ประมาณ 26" ส่วน ยาง AT ประมาณ 30"- 32" ).........ขอบพระคุณ mr.ปัญ........มากครับ......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       จริงๆๆผมว่ารถของผมปลายก็ไม่ได้หาย ไปน่ะครับ คือไมตี้ของผม เดิมเป็น195 r 14 เปลี่ยนเป็น 225/75/15 ก็ใหญ่ขึ้นโขอยู่ครับ แต่มันไม่มีแรงปั่นไปถึงตำแหน่งของยางเดิมมากกว่าครับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการออกตัวจะยากกว่ายางเล็กครับ ส่วนปลายมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อเราไม่ได้ทดเฟืองท้ายช่วยมันก็ลดลงมาตามอัตตราส่วนของน้ำหนักของยางครับ
แต่ที่แน่ๆๆเลย ระยะทางการเบรคมากขึ้นเยอะเลย และกินกว่าเดิมด้วยอ่ะ
ตอนนี้ถ้าเป็ฯไปได้อยากให้เป็นแบบเดิมๆๆแล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       น่าจะถูกทุกข้อ..แล้วแต่ว่ามองมุมไหน

ถ้ารถ เครื่องยนต์ อัตราทดของเกียร์ เฟื่องท้ายเดิมๆ

ยางเล็ก

ให้อัตราเร่งดี ออกตัวดี ระยะเบรคดี ทำความเร็วปลายได้มาก และไหลดีกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า การสึกหร่อของเครื่องยนต์น้อยกว่า ปัญหาความร้อนมีน้อยกว่า

ยางใหญ่ ออกตัวช้าลงตามขนาดของยางที่ใหญ่ขึ้น ระยะเบรคมากขึ้น ความเร็วปลายหายไป อัตราเร่งลดลง การกินน้ำมันมากขึ้น(เพราะต้องออกแรงมากขึ้น) การสึกหร่อของเครื่องยนต์มากขึ้น(เพราะการที่ต้องออกแรงมากกว่าปกติ จนถึงขั้นอาจมีปัญหาความร้อนตามมา) สิ้นเปลื่องเบรคมากขึ้น เพราะระยะเบรค และแรงกดที่ต้องใช้มากขึ้น อัตราการสึกหร่อของคลัชท์มากขึ้น เพราะต้องออกแรงฉุดที่มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาใช้ในทางลาดชัน

ข้อดีของยางใหญ่ มองโดยภาพรวมแบบจิกโก้ คงมีเพียงต้องการความสูงของท้องรถ โดยเฉพาะดุมเพลาท้าย(หน้า-หลัง)ที่สูงขึ้น ความสวยงาม(อันนี้เป็นเฉพาะบุคคล)

จะให้เห็นความแตกต่างของยางเล็ก กับยางใหญ่ที่ชัดเจนต้องเป็นรถคันเดียวกัน เครื่อง เกียร์ เฟื่องท้ายเดิม และลองที่ ยางขนาด 30 กับ 34 จะเห็นชัดเจนมาก

ปัจจุบันผมใช้ 34 หน้า 255 แต่กำลังคิกว่า หมดชุดนี้แล้ว คงกลับไปเล่น 30 หรือ31 อย่างเดิมดีกว่า ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ..........ขอขอบพระคุณ ทุกท่าน เป็นอย่างสูง ครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ..........สรุป " แบบง่าย ๆ " เอาแบบเดิม ๆ ดูแลดี ๆ เน้น วิชาตัวเบา และ ใจเย็น ๆ ......ถ้าไปไม่ไกล + แดดไม่ร้อน + ไม่บรรทุกของ ใช้ มอ" ไซด์......แดดไม่ร้อน ไปไม่ไกล ใช้ จักรยาน ( + ออกกำลังกาย = สุขภาพดี ).......หาก จะวิ่ง หรือเดิน ( ออกกำลังกาย ) ควรพก " ไม้กันหมา " ไปด้วย.........( กลัว หมาหมู่ ครับ ตัวเดียว พอรับมือไหว เอาก้อนหิน ปาไล่ ).........

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ถ้าหากว่าเป็นรถขับ 2 ไม่ต้องเตรียมยางอะไรหล่เพิ่มครับ เพราะว่ามันไม่มีลิมิเต็ดสลิป ยางหลังเล็กข้างใหญาข้างก็สามารถวิ่งได้ครับ แต่เฟืองดอกจอก จะหมุนตลอดเวลา (อันที่จริงถ้าเปลี่ยนใช้ยางอะไหล่คงใช้ไม่ถึง 100กิโลเมตร คงไม่ทันสึกหรอเท่าไหร่ครับ)

ถ้าใส่ยางใหญ่ขึ้นแต่หน้ายางเท่าเดิม ช่วยให้รอบเครื่องยนต์ลดลง ผมว่าน่าจะช่วยได้ครับ เพราะรอบเครื่องยนต์ต่ำลง ลูกสูบก้าน ข้อเหวี่ยง จะเคลื่อนขึ้นลงจำนวนครั้งน้อยกว่าขณะที่รถวิ่งได้ระยะทางเท่ากัน ทำให้สูญเสียกำลังในการผลักดันลูกสูบ และก้าน ขึ้นลงน้อยกว่า (ลองเปรียบเทียบดูว่า เราเขย่ากระป๋องสีขึ้นลง รวดเร็ว กับ เขย่าช้าๆ ในระยะเวลาเท่ากัน ถ้าเขย่าเร็วจะเหนื่อยกว่า )

เหมือนกันกับเครื่องยนต์Turboเดิม กับเอาเครื่องยนต์ N/A ไปติดTurboเพิ่ม มีอัตราส่วนกำลังอัด และแคมชาฟองศา เท่ากัน เครื่องยต์ N/A ที่ติดTurboเพิ่มจะให้กำลังงาน(แรงม้า)ที่สูงกว่า เนื่องจากว่า ชิ้นส่วน ลูกสูบ ก้านสูบเพลาข้องเหวี่ยง นั้นมีน้ำหนักเบากว่า กำลังงานการสูญเสียจากการผลักดันลูกขึ้นเลื่อนขึ้น-ลง ย่อมใช้น้อยกว่า จึงมีกำลังออกฟายวิ้งสูงกว่าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ส่วนล้อใหญ่ขึ้นนั้นความเฉื่อยก็ต้องสูงขึ้นครับ แต่ถ้าเราวิ่งทางไกล ใช้ความเร็วคงที่ตลอดความเฉื่อยของล้อก็ไม่มีผลมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       อย่างงี้ใส่ให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะใส่ได้
จะได้ประหยัดแบบที่อ้าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       .......... ขอขอบพระคุณ ท่าน 5L turbo อีกครั้งครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ต่างฝ่ายต่างอวดอ้างหลักการของตนเองเพื่อให้คนอ่านคล้อยตาม แบบนี้จะเชื่อใครดีหว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ขอแนะนำว่า ไม่ควรเชื่อใครๆทั้งสิ้นครับ(เดี๋ยวจะรักพี่เสียดานน้อง อิๆๆ)
เพราะมันอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล
แล้วก็จะได้เก็บประสบการณ์ในการทำตามความชอบของตัวเองด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ......... ห้ามเชื่อ ครับ !!! ผมเองก็ไม่ได้เชื่อ ใคร ! รวมทั้ง ตัวเองด้วย !! ไม่งั้น จะถามคนอื่น ๆ ทำไมล่ะครับ และ ผมก็ " สรุปแบบ ง่าย ๆ " ให้ดูแล้วด้วย ครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       คิดได้ " อีกวิธีแล้ว " ใช้ล้อหลังเดิม ( รถขับหลัง ) แล้วมาลด นน. ล้อหน้าแทน ให้เล็กลง แต่ " หน้ากว้าง " ใกล้เคียง ของเดิม ( ไว้รับ load เวลาเบรค ครับ ) น่าจะใช้ได้ นะครับ ! แต่ต้อง ไม่บรรทุกหนัก นะครับ !! ขออภัย คนแก่ ย่อมฟุ้งซ่าน ได้ครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ........ปัจจุบัน กระบะ รุ่นใหม่ ๆ ผมเห็นเขาต่อ " รั้วสูง " เสริมแหนบ 2 ชุด ( จริง ๆ ไม่ใช่เสริมบางแผ่น ) เปลื่ยน ล้อเหล็กหนาพิเศษ.....วิ่งขนของทุกวัน แถวบ้านผมเองครับ ! ผมเลยคิดว่า แรงมันต้อง เหลือ ๆ แน่ ๆ เลยครับ !!

แสดงความคิดเห็นย่อย