คำตอบที่ 1
       ในปีทศวรรษ1880 นายเฮนรี่ ฝอร์ด ได้พัฒนารถยนต์ต้นแบบขึ้นมา

(ตอนนั้นยังทำงานตำแหน่ง Chief Engineer กับ Edison Illuminateing Company ) โน่นครับกว่าจะสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน
ก็ปาเข้าไปถึงปี 1896

เขาทดลองใส่เครื่องยนต์กับรถสี่ล้อถีบที่ชื่อว่า Quadricycle (Quad- = สี่ - Cycle = ล้อ )
เขาได้ตั้งชื่อรถคันนี้ว่า "Ford Quadricycle" โอโห ! โก้ชะมัดเลย

เชื้อเพลิงที่ใช้ แน่นอนครับ เขาใช้เอทานอล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       นักประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า นายฝอร์ด เชื่ออย่างฝังใจว่า รถยนต์ฝอร์ด Model T และรุ่นใหม่ ๆ ที่เขาจะผลิตขึ้นมาในอนาคต
จะใช้แอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิง อย่างแน่นอน

เพราะว่าเป็นพลังงานหมุนเวียนและยังช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมอีกด้วย



รูป MODEL T

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ต่อมาอีกร้อยกว่าปีเท่านั้น ความฝันของนายฝอร์ดก็ทำท่าว่าจะกลายเป็นจริง

จากการวิจัยไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีการผลิตเครื่องยนต์ , การผลิตแอลกออฮอล์ ฯลฯ
ถึงจุดที่จะต้องนำเอาแอลกอฮอล์มาใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่แทนน้ำมันปิโตรเลียม

เนื่องจากมีศักยภาพ , ช่วยลดภาระโลกร้อน และลดการพึ่งพาแหล่งเชื้อเพลิงจากตะวันออกกลาง

มีการนำเอาแอลกอฮอล์บางชนิดไม่ว่าจะเป็น เมทานอล , เอทานอล ผสมลงในน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับใช้กับเครื่องยนต์ชนิดสันดาปภายใน

- ผสมกับนำมันเบนซินในอัตราส่วนต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า แกสโซฮอล์
( มาจากคำศัพทฺ์ แกสโซลีน + แอลกอฮอล์ = แกสโซฮอล์ ) นำไปใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน

-ผสมกับน้ำมันดีเซล หรือที่มีชื่อที่เรียกกันว่า ดีโซฮอลล์ ( ดีเซล + แอลกอฮอล์ = ดีโซฮอล์ )


สำหรับประเทศไทยนั้นโชคดี ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ สายพระเนตรยาวไกล
มีโครงการค้นคว้าวิจัยส่วนพระองค์เรื่องพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ , ไบโอดีเซล ฯลฯ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       สำหรับการวิจัยไม่ได้หมดแค่นั้น แต่มุ่งเป้าไปยังแหล่งกำเนิดพลังงานประสิทธิภาพสูง
ทีมีชื่อเรียกว่า เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cells) แค่เติมแอลกอฮอล์ลงไป ก็ผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาได้ทันที

เซลล์เชื้อเพลิงนี้ คือ แหล่งพลังงานแห่งอนาคต ไม่เสียเวลาชาร์จไฟฟ้า
ต่างจากบตเตอรี่ชนิดที่ชาร์ตไฟได้ที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่าแบตเตอรี่ชนิดทุติยภูมิ

ไม่นานมานี้ ผอ. MTEC ได้มาพูดว่าทั่วโลกต่างหลงทางในการนำเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์
เซลล์เชื้อเพลิงนั้นเป็นหมันสำหรับวงการรถยนต์ทั่วโลก แต่แกจะวิจัยใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมเป็นแหล่ง
จ่ายพลังงานให้แก่รถยนต์

ข้อนี้ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ


แบตเตอรี่ลิเทียมนั้นเป็น Storage หรือที่เก็บพลังงาน ไม่ใช่แหล่งกำเนิดพลังงาน
ส่วนเซล์เชื้อเพลิงนั้นเป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน ไม่ใช่แหล่งเก็บพลังงาน ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คุณจะต้องใช้แบตเตอรี่ใหญ่ขนาดไหน ในการขับรถไปเชียงใหม่ กว่าจะขับได้อีกทีต้องรอชาร์จไฟอีกหลายชั่วโมง
แถมยังต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่ อยากวิ่งไกลแค่ไหน ขนาดของแบตก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย กลายเป็นภาระที่
จะต้องบรรทุก

อีกทางเลือกคือ แค่เติมแอลกอฮอล์ลงไป รถก็วิ่งได้ทันที

คุณจะเลือกแบบไหน ??


คงเคยเห็นเหตุการณ์ที่แบตฯ มือถือระเบิด ไมว่าจะเป็นปัญหาจากการลัดวงจร หรือการระบายความร้อนไม่ได้

ลองคิดดูว่า ขนาดที่เอามาใช้ในรถยนต์ เวลาระเบิดอานุภาพของมันจะรุนแรงมากขนาดไหนหนอ ??

ญี่ปุ่นและยุโรปไม่โง่หรอกครับ ทั้งสองยังคงเดินบนเส้นทางของเซลล์เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงาน
อย่าลืมว่า มีการแปลงรูปพลังงานเพียงครั้งเดียวคือจากเชื้อเพลิงเป็นไฟฟ้า

แต่กว่าจะเอาไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์ตแบต ฯ มาได้ ต้องแปลงรูปพลังงานกันกี่ครั้ง ทุกครั้งที่แปลงรูปมีการสูญเสียเสมอ




เซลล์เชื้อเพลิง IdaTech FCS5000 ขนาด 5kW ใช้ เมทานอลเป็นเชื้อเพลิง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ขอเรียนถาม คุณหนุ่มกระโทกครับ

รถผมเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น โตโยต้า 1J แล้วใช้แก๊ซโซฮอล 95 บางครั้งรอบเครื่องยนต์จะกระเพื่อม คือรู้สึกเหมือนเครื่องสั่น กระตุก ดูที่มิเตอร์วัดรอบ จะเห็นเข็มกระเพื่อมตกลงมา ประมาณ 200 รอบ ชั่วเดี๋ยวหนึ่ง แต่ในเวลาที่จอดรถอยู่ จะรู้สึกว่า เครื่องยนต์ผิดปรกติ
ได้ไปถามอู่ที่ เปลี่ยน-ติดตั้งเครื่องยนต์นี้ เขาบอกว่า เนื่องจากแก๊ซโซฮอลมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ดังนั้นถ้าเติมจำนวนมากครึ่งถังขึ้นไป แล้วไม่ได้ใช้งานทุกวัน น้ำมันจะแปลสภาพ มีไอน้ำอยู่ และส่วนของไอน้ำนี้มีผลต่อเครื่องยนต์ อีกนัยหนึ่งแอลกอฮอลเป็นสาร อินทรีย์ ก็สามารถแปลสภาพทำให้มีผลต่อการจุดระเบิด

ไม่ทราบ ว่าท่านผู้ใดมีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       เรื่องแกสโซฮอล์กับความชื้น ผมเคยเขียนเอาไว้แล้วครับ ผมเองก็เติมไว้ในถังน้ำมันเจ้าซิวิคของผมเหมือนกัน
เติมมาหกปีแล้วยังไม่มีปัญหาใด ๆ และหวังว่าต่อไปก็คงไม่เกิดปัญหา

ถ้าเคยใช้มอเตอร์ไซด์ ตอนที่เติมน้ำมัน เคยสังเกตุในถังน้ำมันไหมครับ ว่ามันเป็นสนิมหรือเปล่าทั้ง ๆ ที่เติมแต่เบนซิน


มอเตอร์ไซด์ที่ผมใช้มาทุกคัน ไม่เคยมีคันไหนที่ถังน้ำมันไม่เป็นสนิม ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนโน้น ยังไม่มีแกสโซฮอล์ !

" เนื่องจากแก๊ซโซฮอลมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ดังนั้นถ้าเติมจำนวนมากครึ่งถังขึ้นไป แล้วไม่ได้ใช้งานทุกวัน
น้ำมันจะแปลสภาพ มีไอน้ำอยู่ และส่วนของไอน้ำนี้มีผลต่อเครื่องยนต์"

คำกล่าวนี้ไม่ถูกต้องครับ น้ำกับน้ำมัน โครงสร้างมันคนละเรื่องเดียวกัน น้ำมันจะกลายเป็นน้ำได้อย่างไร ??

ส่วนแอลกอฮอล์จะกลายเป็นน้ำโดยธรรมขาติ พอเป็นไปได้ครับเพราะเกิดการ Oxidation กับ อากาศ
แต่ผมว่ามันคงไม่รวดเร็วขนาดนั้นและอีกประการหนึ่งแอลกอฮอล์ในน้ำมันมี % ไม่มาก


สาเหตุของน้ำเกิดจากไอน้ำในอากาศครับ เนื่องจากถังน้ำมันจะต้องมีช่องให้อากาศเข้าไปแทนที่น้ำมันเสมอ
เมื่ออากาศเย็นไอน้ำในอากาศมันก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตกลงไปในถัง อีกประการหนึ่งคือแอลกอฮอล์มีคุณสมบัติที่เรียกว่า azeotrope
คือจะจับตัวกับน้ำได้ ถึงแม้ว่าจะใช้วิธิการกลั่นก็ไม่สามารถทำให้แอลกอออล์บริสุทธิ์มากกว่า 96.5%]
(ลองไปหาในกระทู้เรื่องการการกลั่นแอลกอฮอล์ ผมเขียนอธิบายไว้แล้ว)


วิธีแก้นั้นง่ายมากคือ

- อย่าขี้เหนียว เติมน้ำมันให้เต็มถังเข้าไว้ โดยเฉพาะฤดูหนาว
พวกใช้แแกสส่วนใหญ่จะมีน้ำมันติดถังไว้เพียงนิดหน่อย
สำหรับที่พอจะวิ่งไปเติมแกสตอนแกสหมดเท่านั้น รถผมมีเดินครึ่งถังเสมอ
เมื่อปริมาตรช่องว่างสำหรับอากาศในถังน้อย ไอน้ำในถังก็น้อยตามไปด้วย

- ท่อหายใจของถังน้ำมัน ใส่กรองเบนซินที่ยัดไส้ด้วยตัวกรองความชื้น พอจะช่วยได้นิดหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       แอลกอฮอล์ นับได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ มากว่าประมาณเกือบสองร้อยปี ผมขอเล่าประวัติของการนำมาใช้โดยคร่าว ๆ ก่อน

-1894 ฝรั่งเศสและเยอรมัน ได้เริ่มเอามาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน

-1925 นายเฮนรี่ ฝอร์ด ได้เคยกล่าวไว้ว่า เอทานอล .... จะเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต
ไม่เพียงแต่นายเฮนรี่ฝอร์ดเท่านั้น ยังมี อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ก็ได้สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน
เพราะว่าแกสจากการเผาไม้ มีมลพิษต่ำ
โธมัส เอดิสัน ยังได้เสนอความคิดอุตสาหกรรมเกษตรที่จะมารองรับแนวคิดของเฮนรี่ ฝอร์ด ที่จะเผยแพร่การใช้ เอทานอล อีกด้วย

ในช่วงปี 1970 เกิดวิกฤติการณ์น้ำมัน สหรัฐอเมริกาได้เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมเอทานอล
ที่จะนำมาเป็นแหล่งพลังงานแทนพลังงานจากปิโตรเลียม วิธีการการที่มาใช้ได้ สามวิธีดังนี้คือ

-ใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน (แทนน้ำมันเบนซิน)

-ใช้ผสมเป็นสารเติมแต่ง เพื่อเพิ่มออกเทน (หรืออีกนัยหนึ่งคือ AntiKnock)
ได้ผลเหมือนกับ สารเติมแต่งจากปิโตรเลียมจำพวก Tetraethyllead

-ใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยการแปลงพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้า ในเซลล์เชื้อเพลิง

แอลกอฮอล์เป็นไฮโดรคาร์บอนกลุ่ม Hydroxyl ซึ่งออกซิเจนที่อยู่ในตัวมันช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์
ตัวพื้นฐานหลัก ๆ ของแอลกอฮอล์มีอยู่ 4 ตัวคือ

1 เมทานอล Methanol
2 เอทานอล Ethanol
3 โพรพานอล Propanol
4 บิวทานอล Butanol

ตัวอื่น ๆ ที่โครงสร้างซับซ้อนสามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงได้เช่นกัน แต่ไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์
จึงไม่มีการกล่าวถึง ในทางทฤษฎีแล้ว การใช้ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน และในเซลล์เชื้อเพลิง
แอลกอออล์เกิดการ ออกซิเดชั่น ก่อให้เกิด น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และพลังงาน ตามปฏิกิริยาเคมี

CxH(2x+2) + (3x/2)O2 --> xCO2 + (x+1)H2O

สิ่งที่แตกต่างระหว่างเครื่องยนต์กับ เซลล์เชื้อเพลิงก็คือ ในเครื่องยนต์การเผาไหม้เปลี่ยนพลังงานเคมีให้เป็นพลังงานกล และความร้อน มีศัพท์เทคนิคเรียกว่า Single Chamber

ในขณะที่เซลล์เชื้อเพลิงปฏิกิริยา Double Chamber คือจะเกิดขึ้นที่ทั้งขั้ว Anode(+) และ Cathode (-)
ขั้ว + แอลกอฮอล์ถูกออกซิไดซ์ เกิดคาร์บอนไดออกไซด์
ขั้ว - ออกซิเจนถูก รีดิวส์ เกิดน้ำขึ้นมา

หมายเหตุ
ออกซิเดชั่น (Oxidation) คือการเสียอิเลคตรอน
ริดักชั่น (Reduction) คือการรับอิเลคตรอน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
      
เมทานอล

เมทานอล หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เมทิลแอลกอฮอล์ เป็นแอลกอฮอล์ตัวพื้นฐานที่สุด
มีสูตรโครงสร้างทางทางเคมีว่า CH3-OH สมัยก่อนผลิตจากไม้ ทำให้มีชื่อเรียกว่า Wood Alcohol

เป็นของเหลวใส ไม่มีสี พีพิษอันตราย


ขอพูดถึงศัพท์ทางพิษวิทยาซักหน่อย

มีค่าที่เรียกว่า LD50 (Median Lethal Dose) เป็นหน่วยเปรียบเทียบ เป็นค่าที่ใช้วัดความรุนแรงของสารพิษบริสุทธิ์ 100%
ที่มีหน่วยเป็น มิลลิกรัม ของสารนั้น ต่อน้ำหนัก กิโลกรัมของสัตว์ที่ใช้ทดลอง ( มักจะเป็นหนู)
ซึ่งจะวัดค่าจากจำนวนสัตว์ทดลองที่ตาย 50 ตัวใน 100 ตัว ( 50% )
เมื่อป้อนสารเคมีนั้นเข้าสู่สัตว์นั้น อาจจะเป็นทางปาก ทางผิวหนัง
การทดลองนี้ถูกออกแบบโดย J.W. Trevan ในปี คศ 1927

ในการเปรียบเทียบ เราตั้งสมมุติฐานว่าอันตรายของสารเคมีนั้นที่เกิดกับสัตว์ทดลองจะเท่ากับคน

สมมุติว่า ยาค่าแมลงชนิดหนึ่งมีค่า LD50 = 20
ผมหนัก 70 กิโลกรัม โอกาสที่ผมจะซี๊ม่องเซ็กถึง 50 % เมื่อผมรับสารนั้นเป็นจำนวน 70x20 = 1400 มิลลิกรัม

ขอย้อนกลับไปเรื่อง เมทานอลต่อ

ค่า LD50 ของเมทานอล

- เมื่อเข้าทางปาก = 5,628 มิลิกรัม
- ซึมเข้าทางผิวหนัง = 20 กรัม

ส่วนค่า LD50 เมื่อหายใจเข้าไป ผมไม่ทราบว่าเท่าไหร่ แต่ก็เป็นพิษด้วยเช่นกัน

จุดหลอมเหลวอยู่ที่ -98 C , จุดเดือดที่ 65 C , ถพ. = 0.791
ละลายน้ำได้อย่างสมบูรณ์ คุณสมบัติข้อนี้เป็นอันตรายมาก เพราะว่าเมื่อละลายน้ำแล้วกลิ่นไม่ค่อยจะมีแต่พิษยังรุนแรง

เมื่อเข้าสู่ร่างกายมีผลรุนแรงกับกล้ามเนื้อ และทำให้ตาบอดได้

เมทานอลเมื่อแห้งมีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะผสมบางชนิด ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับเครื่องยนต์จึงต้องระวังให้มาก
ใครคิดจะซื้อมาผสมกับน้ำมันก็ระวังตัวกันไว้ให้ดี ๆ นะครับ

ปัจจุบันการนำเมทานอลมาใช้เป็นเชื้อเพลิงจึงมุ่งเป้าไปที่เซลล์เชื้อเพลิงชนิด DMFCs(Direct Methanol Fuel cells)
ที่จะมาใช้แบตแบตเตอรี่ชนิดที่ต้องชาร์ตไฟ แค่เติมไฟก็มีสะดวกดีไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เอทานอล

เอทานอล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เอทิล แอลกอฮอล์ นี่ก็เป็นแอลกอฮอล์อีกประเภทหนึ่งที่รู้จักกันดี โดยเฉพาะนักดื่มทั้งหลาย
ผลิตได้ง่ายโดยจากการหมักโดยใช้ยิสต์กับพืชผลทางเกษตร ในสหรัฐอเมริกา และเมืองจีนตอนเหนือ ใช้ข้าวโพดเป็นวัตุดิบ
ประเทศไทย ใช้มันสำปะหลัง และอ้อย

สูตรโครงสร้างทางเคมีคือ C2H5OH ถ้าจะเขียนให้ดูง่ายก็อาจจะเขียนเป็น CH3-CH2-OH มีพิษน้อยกว่าเมทานอล

LD50 ของเอทานอล
-เมื่อเข้าทางปาก = 7060
-หายใจเข้าทางปอด = 20,000 (10 ชั่วโมง)

เอทานอลสำหรับการจุดไฟมีชื่อเรียกว่า denature alcohol จะผสมของที่เป็นพิษไปเล็กน้อย (ซึ่งมักจะใช้เมทานอล)
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนนำไปใช้ในการดื่ม
เอทานอลคุณสมบัติทางกายภาพ ไม่มีสี จุดหลอมเหลวที่ -144 C ,จุดเดือดที่ 78 C ความถ่วงจำเพาะน้อยกว่าน้ำ
คือมีค่าเพียง 0.789 และละลายน้ำได้ดีในทุกอัตราส่วน (ข้อนี้นักดื่มทุกคนรู้ดี)

การนำเอาเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซินมักใช้ผสมในอัตราส่วนตั้งแต่ 10% ถึง 85% ,นอกจากนั้นยังมีการค้นคว้า
มุ่งเป้าไปใช้กับเซลล์เชื้อเพลิงชนิด DEFC โดยตรง (Direct Ethanol Fuel Cell) และ Biofuel Cells(เซลล์เชื่อเพลิงชนิดที่ใช้
เอ็นไซม์เป็นคะตะไลซ์ ถ้ามีเวลาว่างจะเขียนอธิบายทีหลัง)

ความคิดของเฮนรี่ ฝอร์ด ที่ว่า "เอทานอลคือเชื้อเพลิงแห่งอนาคต" ไม่ห่างจากความเป็นจริงเลยครับ
นอกไปจากนั้นการนำเอทานอลไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเป้นที่นิยมด้วยเหตุผลดังนี้

- ผลิตได้จากพืชผลทางเกษตร (ข้าวโพด, อ้อย, มันสำปะหลัง, กากน้ำตาล ฯลฯ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังงานหมุนเวียนจริง ๆ
ซึ่งช่วยลดโลกร้อนได้จริง ๆ

- มีพิษน้อยกว่าแอลกอออล์ประเภทอื่น

- เมื่อเผาไหม้ หรือ เมื่อเกิดการออกซิเดชั่นที่ไม่สมบูรณ์ สารตกค้างมีพิษน้อยกว่า สารตกค้างจากแอลกอฮอล์ประเภทอื่น








แบบจำลองโรงงานผลิตเอทานอลจากข้าวโพดแห่งหนึงในเมืองจีน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ขอบคุณมากครับ
คุณ หนุ่มกระโทก

ไม่ทราบว่า ท่านผู้อ่านที่แวะเข้ามา มีใครใช้เครื่องยนต์ ดังกล่าวไหมครับ โตโยต้า 1J (อ่านคำตอบที่ 6)
ใคร่ขอคำแนะนำด้วยครับ
pisitlek@hotmail.com

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       คุณ pisit คห.6 ครับ
เอาลิ้งนี้ไปดูครับ
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/Question.asp?ID=23691

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       เคยเรียนเห็นเค้าว่าที่บราซิลใช้แอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิงในรถบัสตั้งนานแล้วนะครับ20-30ปีได้มั้ง บ้านเราก็นะจะทำนะ แต่ต้องลงทุนดัดแปลงเครื่องหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       รอคุณหนุ่มกลับมาเขียนต่อนะครับ
เรื่องนี้น่าสนใจมาก
ขอติดตามอ่านครับผม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      


หนุ่มกระโทกกำลังงานยุ่งหัวฟู

เอาไว้มีเวลาหายใจโล่งๆเมื่อไรก็คงมาต่อภาคสองให้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       โพรพานอล (Propanol)

-จุดหลอมเหลวที่ -89 C
-จุดเดือดที่ 83 C


มีสูตรทั่วไปทางเคมีว่า C3H7OH ใสไม่มีสี ติดไฟได้ มีกลิ่นฉุน แม้ว่าจะมีเพียงแค่ 3 ppm
มีกลิ่นฉุน ฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่าเอทานอล จึงนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคสำหรับวัตถุที่ไม่เกี่ยวกับร่างกาย
จึงมีชื่อเรียกว่า "Rubbing Alcohol"

มีการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงน้อยมาก มักใช้เป็นตัวทำละลาย

โพรพานอลส่วนใหญ่ผลิตได้จาก แกสโพรเพน สามารถผลิตได้จากการหมักน้ำตาลได้เช่นกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       บิวทานอล (Butanol) หรือ บิวทิล แอลกอฮอล์

ชื่อนี้หลาย ๆ คนคงไม่คุ้น บิวทานอลเป็นแอลกอฮอล์ตัวพื้นฐานที่มีโครงสร้างซับซ้อนที่สุด
มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบสี่อะตอม โครงสร้างสูตรเคมีคือ C4H9OH
บิวทานอล มีอยู่ 4 ชนิด เนื่องจากมีโครงสร้างทางโมเลกุลแตกต่างกัน

ค่า LD50 ของ บิวทานอลอเมื่อทดสอบเข้าทางปากกับหนูอยู่ที่ 790 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
LD50 ผ่านทางผิวหนังเมื่อทดสอบกับกระต่ายมีค่า 3400 มิลิลกรัม/กิโลกรัม

คุณสมบัติทางกายภาพของบิวทานอลคร่าว ๆ ดังนี้คือ

- จุดเดือด 118 C
- จุดหลอมเหลว -89 C
- ความถ่วงจำเพาะ 0.81 ซึ่งมากกว่า แอกอฮอล์สองประเภทแรก ( เมทานอล และ เอทานอล)

ปกติแล้ว บิวทานอลจะใช้เป็นตัวทำละลาย แต่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้

บิวทานอลสามารถผลิตได้จากปิโตรเลียม และจากการหมักผลิตผลการเกษตร

มีคำย่อคำหนึ่งที่เราควรจะรู้ในกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์จากการหมัก คือ "ABE"
กระบวนการจะได้ อาซิโตน(A) บิวทานอล(B) และ เอทานอล(E) ปริมาณการผลิตบิวทานอลยังไม่มาก
ส่วนใหญ่จะได้จากปิโตรเลียม ซึ่งทำให้มีราคาสูงกว่าเอทานอล

บิวทานอลมีคุณสมบัติที่เหมาะแก่การนำมาเป็นเชื้อเพลิงมากกว่าเอทานอล เนื่องจากมีค่าพลังงานสูงกว่า
คือ 29.2 MJ/L (เบนซิน 32, เอทานอล 19.6 , เมทานอล 16)

แรงดันไอ 0.33 PSI เมื่อเปรียบเทียบกับ เอทานอล ( 2.0 PSI) , เมทานอล( 4.6 PSI) น้ำมันเบนซิน(4.5 PSI)
การที่มีค่าแรงดันไอต่ำ หมายถึงการระเหยจะต่ำ ทำให้ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าเชื้อเพลิงอื่น ๆ
ค่า A/F มีค่า 11.1 ก็ใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน (14.6)

จากข้อดีเหล่านี้เอง ในอนาคตจึงเป็นตัวเลือกใหม่ที่จะนำมาใช้ผสมในน้ำมันเบนซินแทนที่เอทานอล
จนมีคำกล่าวว่า เป็น เชื้อเพลิงแห่งอนาคต และมีคำศัพท์ ที่ใช้แทนบิวทานอล ว่า Fuel Alcohol
(ปัจจุบันยังมีราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับเอทานอล)

มีการทดลองนำบิวทานอลมาใช้ในเซลล์ชื้อเพลิง แต่ว่าประสิทธิภาพต่ำ เนื่องจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ไม่สมบูรณ์



ในรูปเขากำลังทำถังอะไรอยู่หนอ ??

แสดงความคิดเห็นย่อย