คำตอบที่ 1
      
เห็นว่ากว่าอาจารย์จะมา ก็อาจจะดึกๆ ค่ำๆ ....

ผมก็พยายามที่จะศึกษา หาความรู้และเพิ่มประสบการณ์ให้มากขึ้นๆ เช่นกัน ...แกเลยแนะนำให้ผมมาช่วยแกตอบกระทู้ที่บอร์ดบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ประสบการณ์ไปเอง.... ดังนั้น ก่อนอาจารย์จะมา ผลอง ดูความเห็นจากผมคร่าวๆ ก่อนแล้วกันนะครับ.... ถูก-ผิด อย่างไร ขอให้อาจารย์มาฟันธงอีกทีแล้วกันนะครับ...

1. จริงๆ การทำ header หากถูกหลัก และได้สูตรจริงๆ แล้ว มันไม่กินแหวนหรอกครับ ....แต่เพราะว่า การเพิ่ม header แล้ว มักจะทำให้ รอบเครื่องมันไหลไปได้ไกลขึ้น หรือรอบลื่นขึ้นในรอบปลาย และคนขับก็มักจะเพลิน เพราะ มันมันส์เท้ามากขึ้น ....เดิมๆ ปั่นรอบเต็มที่ 2800 – 3000 สูงสุด เปลี่ยนเกียร์ แต่พอมี header รอบอาจจะไหลไปที่ 4000 รอบได้ง่ายขึ้น ....ก็เลยแช่ซร้า..... !! มันกินแหวนตรงนี้ แหล่ะครับ เพราะ รอบเครื่องมันสูงขึ้น รวมถึง ความสามารถในการคายความร้อนจะลดลง หรือพูดให้ง่าย เครื่องจะอมความร้อนมากขึ้น เพราะ รอบการสันดาปต่อนาที มันเพิ่มขึ้น พอความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น คายความร้อนน้อยลง วัสดุโลหะ มันก็อย่างนี้ครับ ...ยิ่งความร้อนสูง ความแข็งแรงมันลดลง อีกทั้ง น้ำมันเครื่องเองมันก็ทำงานได้ประสิทธิภาพน้อยลงด้วย เพราะความร้อนจากการสันดาปสูงขึ้น .....พอเอา 3 อย่างรวมกัน คือ เครื่องทำงานด้วยรอบมากขึ้น แหวนทำงานมากขึ้น เพราะรอบเครื่อง (จากเท้า) และอุณหภูมอเครื่องที่ทำให้ความแข็งแรงแหวนลดลง และน้ำมันเครื่องต้องทำงานที่อุณหภูมิสูงขึ้น มันเลยสึกหรอเร็วขึ้นครับ....

สรุป เลย ....กินแหวนไม่ได้อยู่ที่ Header ครับ ...มันอยู่ที่เท้าคนขับตะหากครับ

2. ก่อนที่จะเปลี่ยนเฟืองเกียร์ 5 ..ลองมาดูอัตราทดเกียร์ ระหว่าง 2L และ D4D (...ผมอนุมานเอาว่าเป็นเครื่อง 2KD – 2.5 Litr D4D นะครับ)
MTX ... มีอัตราทดเกียร์ ดังนี้
เกียร์ 1 : 3.928
เกียร์ 2 : 2.333
เกียร์ 3 : 1.451
เกียร์ 4 : 1.000
เกียร์ 5 : 0.851
Axle 1 : 4.3

และ 2KD – D4D (2.5 Litr) มีอัตราทดเกียร์ ดังนี้
MTX ... มีอัตราทดเกียร์ ดังนี้
เกียร์ 1 : 3.928
เกียร์ 2 : 2.333
เกียร์ 3 : 1.451
เกียร์ 4 : 1.000
เกียร์ 5 : 0.789
Axle 1 : 4.1

ที่ผมไม่เอา 1KD (3.0 Litr) มาเทียบด้วย เพราะ หากทดเกียร์ 5 ด้วยเครื่องตัวนี้ก็แทบจะไม่เห็นประโยชน์ เพราะมันทดเพียง 0.838 หย่อนกว่า MTX ที่ 0.851 นิดเดียว ทดไป คงไม่เห็นผล...

ดังนั้นหากดูอย่างนี้แล้ว .....เกียร์ทั้งชุด แทบจะลอกเบอร์เดียวกันมาเลย ...ยกเว้นปลายเกียร์ 5 เท่านนั้นเอง ที่เล็กกว่าของ MTX – 2L ..หากเห็นว่า เดินทางไกลเกียร์สุดท้ายแล้วรอบเครื่องมันสูงอยู่ ...ผมก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนปลายเกียร์ 5 มากกว่า เปลี่ยนเฟืองท้าย ...เพราะหากเปลี่ยนเฟืองท้ายเลย อัตราทดทั้งชุดมันจะลดลง คราวนี้มันจะห้อยยาวทุกเกียร์ ....หากเป็นผม ผมเล่นปลายเฟืองเกียร์ 5 จาก D4D แน่นอนครับ


3. เรื่องการโหลด ต้องยอมรับว่ามีนมีหลายสูตรจริงๆ .... ด้านหลังมันสูง ต่ำ ง่ายครับ ...หากไม่บรรทุกเลย เอาแหนบบรรทุกออกก็ได้ ....แต่ผมไม่แนะนำ เพราะ หากวันใดวันหนึ่ง ต้องขนข้าวสารวิ่งจากบ้านนอกมา สัก 2 -3 กระสอบ จะเป็นเรื่องว่าปลิวตกถนนเอาได้....

หากแหนบเดิม ....ให้เอาไปตีแหนบ (ภาษาบ้านเรามักเรียกดัดแหนบ) ให้ได้ความสูงลดลงเท่าที่เราอยากได้ ...แต่ที่ไหนบอกว่า จะเอา Hydraulic กดเอา ...รีบๆ ขับออกมาไวๆ ..เพราะ แหนบจะเสียค่าคงตัวสปริงไป .... โดยการตำต้องมีเครื่องตี ความสูงแหนบจะลด จะเพิ่ม ก็ตีเอา จากตรงนี้.....

แต่โหลดหน้านี่ ผมเห็นอยู่วิธีเดียว คือ การขัยทอร์ชั่น ให้ความสูงหน้ารถลดลง ....อันนี้ คงต้องยอกมรับกับความกระด้างที่มีมากขึ้น เพราะองศาการทำงานของปีกนก และ ทอร์ชั่นเปลี่ยนไป ...และก็ระวัง ล้อหน้าถู ซุ้มด้วยนะครับ เพราะ ซุ่ม MTX มันมีนอกเดียว .....ดังนั้น เตรียมยางยันปีกนกให้มีความเหมาะสมด้วยแล้ว กันครับ

สำหรับ ช้อคแอบซอบเอบร์ นั้น ...หากมองว่าเดิมแข็งไป และหากจะเปลี่ยนใหม่พร้อมการไหลดเลย ...ผมแนะนำให้หารุ่นที่ปรับระดับความหนืดได้มาใส่ดีกว่าครับ เพราะ จะได้ ชดเชยความกระด้างหลังจากที่เราโหลดมาแล้วได้ด้วย ...และเลือกเอาที่เหมาะสมกับการขับของตัวเองได้ (...อย่างผม ไม่ชอบนิ่ม ชอบแน่นๆ ไวๆ ให้ล้อคมๆ หน่อย เพราะมันใช้สมรรถนะยางได้มากกว่า ช่วงล่างนิ่มๆ)

ราคาค่างวดอาจะสูงขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ...แต่ว่าผมว่ามันคุ้มค่า หากว่าเปลี่ยนอย่างอื่นมาแล้วมันไม่ลงตัวกับเรานะครับ ...ยี่ห้ออะไรดี ..ลองสืบๆ ดูก็ได้ครับ ว่าเหล่า สาวก คนขับ Toyota เค้าใช้กันอยู่ 2-3 ยี่ห้อ หากคุณภาพ สมตัว ราคากลางๆ ก็เหลืออยู่ ยี่ห้อ สองยี่ห้อเท่านั้นเอง...


ลองพิจารณา ดูก่อนครับ .....เดี๋ยวอาจารย์ท่าน เพิ่มเติมจากผม ก็ค่อยตัดสินใจอีกทีแล้วกันนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ผมสบายไปอีกงานมีคนมาช่วย ขอบคุณครับ

เครื่องดีเซลกับเฮ็ดเดอร์มันไม่ให้ผลเห็นได้ทันทีแบบเครื่องเบ็นซินหรอกครับนอกจากเสียงดังเร้าใจให้คนมองแล้วคิดว่าแรงเท่านั้น
เครื่องดีเซลมันมีแต่อากาศอยู่แล้วไม่เหมือนกับเครื่องเบ็นซินที่อากาศกับเชื้อเพลิงมันผสมเข้ามาพร้อมกัน อากาศพร้อมเชื้อเพลิงยิ่งเข้ามากยิ่งแรง แต่เครื่องดีเซลอากาศเข้ามากแต่ไม่มีน้ำมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะกดคันเร่งเพิ่มน้ำมันรอรอบขึ้นก็ควันดำกลบถนนแต่ไม่มีแรงเพิ่มอย่างใจคิด

เอาเงินค่าเฮ็ดเดอร์ไปติดเทอร์โบก่อนดีกว่าแบบนี้แรงเห็นทันที เสียเงินไม่น่าเกินหมื่นรวมค่าเปลี่ยนหัวปั้มถีบเพิ่มน้ำมัน

แล้วค่อยเก็บเงินโมดิฟายช่วงล่างอีกรอบ เพราะค่าช่วงล่างจะเอาให้ดีให้ไมตี้มันตูดไม่สะบัดมันแพงกว่าค่าเทอร์โบสองสามเท่า ยังไม่รวมยางเตี้ยอีกชุดก็หลักหมื่นเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ชัดเจน ขอบคุณครับมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมขอถามต่อเลยน่ะ ตอนนี้ได้โบมาแล้ว ct 20 ของ2lt แต่มีแต่โบอย่างเดียว ยังต้องหาอีกหลายอย่างครับ
เขาเทอร์โบแบบไหนดี เขาหล่อ เขาเดิม แป้ปสติม
ท่อข้าม
อินเตอร์จำเป็นมั้ย
ฝาปั้มเทอร์โบ เทสปั้ม ราคาประมาณเท่าไหร่
ครัช หวีครัช (ผมมีของเดิมอยู่ชุดนึง จะเอาไปทำหวีใหม่ อัดผ้าใหม่ ดีมั้ย พี่ชายทำอยู่น่าจะไม่แพงดีกว่าซื่อไหม่มั้ย)
วัดบูช เวตเกส ล่ะครับ (ผมคิดว่าบูทประมาณ 8 ปอนด์) อยากใช้นานๆ
แล้วเรื่องท่อน้ำมันไหลกลับ ต่อตรงไหนดี เพื่อนบอกต่อหน้าไฟลวีลชัวร์จริงมั้ย
แล้วมีที่แนะนำมั้ยครับผมอยู่บางบอนครับ ฝั่งธนไปได้หมด งบประมาณเท่าไหร่ได้ครับจะได้เตรียมไว้ ขอบคุณมากๆๆๆๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ผมแนะนำให้ใช้ของ 2LT เดิมๆทั้งชุดดีกว่าครับ ค่อยๆตามหาของจนครบแล้วค่อยติด

เครื่องใส้เครื่องมันไม่ใช่รุ่นเทอร์โบแท้ขนาดไม่มีบูตฝามันยังไม่ค่อยทนเท่าไร บูตน้อยๆไม่เกิน 6ปอนด์ก็พอแล้วอย่าเอาถึง 8ปอนด์เลย

บูตน้อยๆไม่แรงเพิ่มขึ้นมากนักก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรมากให้เปลืองเงินของเดิมๆยังเอาอยู่

ร้านแนะนำไม่มีครับ ลองเข้าไปคุยดูชอบที่ไหนทำที่นั่น

แสดงความคิดเห็นย่อย