คำตอบที่ 1
       บ้างครั้งเศรษฐกิจแบบนี้ก็อาจสร้างอะไรดีๆ หลายอย่าง เช่น

ครอบครัวเริ่มทานอาหาร ด้วยกันมากขึ้น เพราะการไปทานอาหารนอกบ้าน มีราคาแพง

หลายท่าน ที่มีบริเวณ ที่บ้านพอสมควร เริ่มปลูก ผักสวนครัวไว้ใช้เอง

หลายท่านเริ่ม ใช้ไฟฟ้าแบบประหยัด มากขึ้น

หลายท่านเริ่มเดินทางน้อยลง

หลายท่านเริ่ม มองหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้

แต่ยังมีอีกหลายท่าน ที่ยังนั่งมองฟ้า มองดิน แล้วมองไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าจะเดินทางไหน

หลายท่าน มีปัญหามากมายที่ต้องแก้ไข

สำคัญที่สุด โดยเฉพาะ สังคมครอบครัว ช่วงนี้ละที่ท่านทั้งหลายจะได้มีโอกาส ให้กำลังใจ ซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือกัน เดินไปพร้อมๆ กัน ประคับประคองกัน อย่าให้ล้มลง ถ้าล้มลง ก็ช่วยกันพยุงให้ลุกขึ้นได้ เพื่อเดินต่อไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       บางครั้งช่วงนี้ก็เป็นโอกาส ของบางท่าน บางอาชีพ ซึ่งแต่เดิม เคยอยู่อย่างลำบาก ค้าขาย ขาดทุนบ้าง เท่าทุนบ้าง มีกำไรเล็กน้อยบ้าง

เช่น เดี่ยวนี้เท่าที่เห็นในตลาด อาหารสำเร็จรูป ประเภท แกงถุง ข้าวถุง ช่วงนี้ขายดี และขายได้หมด ก่อนที่ตลาดจะปิดเสียอีก เพราะ 100 บาท ณ เวลานี้ ไม่มีความหมายอะไร และไม่สามารถซื้ออะไรมาทำกับข้าวที่บ้าน แต่ 100 บาทเดี่ยวกันนี้ สำหรับบางท่าน สามารถซื้อแกงถุง ได้ 3 อย่าง 60 บาท และซื้อข้าวสวยอีก 20 บาท และขนมเล็กๆ น้อยๆ อีก 20 บาท กลับบ้าน นั่งทานกันได้ทั้งครอบครัว ทำให้ครอบครัวประหยัดไปได้หลายบาท และไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า ค่าแกส และอื่นๆ ในการทำอาหาร และที่สำคัญที่สุด "แม้ของที่ซื้อมาจะไม่อร่อยถูกปากนัก แต่ทำให้คนในครอบครัวทั้งหมด อิ่มท้องได้"

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       หลายปีมาแล้ว เมื่อตอนทำงานใหม่ๆ ผมได้ขึ้นรถ สามล้อเครื่อง หรือตุ๊กๆ แถวๆ เยาวราช มีคนขับเป็นอาแป๊ะแก่ๆ อายุราว 60 ปี

ผมถามแกระหว่างที่รถติด ว่า ทำไม ไม่อยู่บ้าน ให้ลูกหลานเลี้ยง อายุมากแล้ว

แกตอบผมว่า อยู่บ้านเป็นภาระลูกหลาน แค่ลูกหลานหากินก็ลำบากพอแล้ว ตนเองยังพอมีแรง ก็ขอใช้แรงที่มีไปก่อนจนกว่าจะหมดแรง

และแกยังเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อก่อนที่แก่จะมาขับสามล้อนี้ แก่เคยเป็นเจ้าของสามล้อหลายสิบคัน ให้คนอื่นเช่า แต่เดี่ยวนี้ไม่มีแล้ว

ผมก็ถามแกว่า แล้วอาแป๊ะ ทำใจได้หรือ

แกตอบผมสั้นๆ ว่า " ต่อไปลื้อจำไว้นะ เวลาลื้อรวย ลื้อต้องรวยให้เป็น และเวลาลื้อจน ลื้อก็ต้องจนให้เป็นเหมือนกัน แล้วลือจะสบาย"

ผมว่า เป็นคำสอนที่ดี มีความหมายมากที่เดียว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       มีอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ผมประทับใจ กับอาแป๊ะอีกคน ที่คลองถม ผมเชื่อว่าหลายๆ ที่เป็นนักเลงรถ ท่านต้องรู้จักคนๆ นี้ เขาคือ อาแป๊ะ เจ้าของร้าน ระฆังทอง ที่ทำพวกสายเบรค สายไฮโครลิิก แบบเก่าโบราณ ยังใช้เตาไฟ ที่ใช้ถ่าน และเครื่องโบราณของแก่ มาหลายสิบปี

ทุกวันนี้แกยังทำงานอยู่แม้อายุจะมากแล้ว ยังใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ในเชือกรัดของเป็นเข็มขัด และยังนั่งทำงานของแกในซอกเล็กๆ ข้างคลองถม ทั้งๆ ที่ลูกจ้างรุ่นเก่าๆ ของแกตอนนี้ไปเปิดร้านใหม่ใหญ่โต เป็นเจ้าของร้านมีระดับไปแล้ว แต่อาแป็ะแก่ก็ยังนั่งทำงานอยู่ที่เดิม

ผมเคยถามแกว่า ทำไมยังทำอยู่ที่นี้ และใช้เครื่องมือเก่าๆ อยู่

แกตอบว่า แกชอบอยู่แบบนี้ แกรักการที่จะทำแบบนี้ แกได้คุยกับลูกค้าเก่าๆ ของแก ถ้าไม่คิดมาก อยู่ที่เล็กๆ ก็มีเรื่องให้คิดน้อย มีเรื่องให้ปวดหัวน้อย มีค่าใช้จ่ายน้อย และก็สามารถทำให้ลูกค้าแบบถูกได้มาก

ผมชอบใจแกมาก และยังเป็นลูกค้าของแกอยู่จนปัจจุบันนี้ ท่านเชื่อไหม ผมนั่งคุยกับแก แค่ 2 ชั่วโมง มีลูกค้ามาหาแกไม่ขาดสาย แต่ละรายต้องมาจ้างแกทำสายต่างๆ แค่ สองชั่วโมง แกหาได้เป็นพันๆ นี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า เอกลักษณ์ หรือสมกับคำว่า มืออาชีพ แบบพอเพียง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       อ่านแล้วอย่าซีเรียดนะครับ ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ เขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหลายๆ ท่านรวมทั้งตนเองด้วย

ช่วงนี้ตามเต้นท์รถมือสอง ก็เริ่มคึกคัก มีการซื้อ การขายกันพอสมควร โดยเฉพาะท่านที่นำรถขนาดใหญ่มาขาย เพื่อหารถขนาดเล็กลงไปใข้ หรือนำรถดีเซลมาขายเพื่อหาเบนซิลไปใช้ เข้าใจว่าคงจะนำไปติดแกส เพื่อความประหยัด

ไม่เว้นแม้แต่รถรุ่นเก่าๆ เลยทำให้ราคารถเก่าเครื่องยนต์เบนซิล ราคาเลยขัยบตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยตามความต้องการของตลาด ไม่เว้นแม้แต่ ตามอู่ต่างๆ ตอนนี้แทบไม่มีงานซ่อม แต่รับเปลี่ยนเครื่องจากดีเซลเป็นเบนซิน และบางแ่ห่งยังรับติดตั้งระบบแกสด้วยไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV

เห็นไหมครับ กับคำว่า ทำปัญหาให้เป็นโอกาส

รถปิกอัพส่งของหลายแห่ง หลายบริษัทฯ เริ่มยกเครื่องเก่าออก แล้ววาวเบนซินเพื่อติดแกสแทน แบบนี้จะทำให้ควันดำบนถนนคงน้อยลงไหม การใช้พลังงานน้ำมันจะน้อยลงไหม และที่จริงแล้ว ทำให้เราประหยัดมากขึ้นหรือไม เป็นวิธีทาง การแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไหม

ในเมื่อ แกสประกาศลอยตัวเพราะรัฐแบบรับภาระไม่ไหว เพราะเดิมแกสมีวัตถุประสงค์เพียงการหุ่งต้ม น้ำมันขึ้นราคาตามตลาดโลก แรงงานขอเพิ่มค่าแรงมากขึ้น

หลายบริษัท ปิดตัวเอง กิจการหลายอย่างต้องยุติลง แรงงานขอเพิ่มค่าแรงมากขึ้น ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ราคาสูงขึ้น แม้แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึังเป็นปัจจัยหลักของการดำรงชีวิต (เดี่ยวนี้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค้างจ่ายแค่เดือนเดียวก็ตัดแล้ว แย่จังส์)

การประหยัดที่แท้จริง อยู่ตรงไหน

การประหยัดที่แท้จริง คืออะไร

การประหยัดที่แท้จริง ต้องทำอย่างไร

การประหยัดที่แท้จริง คงไม่ได้หมายถึง การหยุดใช้จ่าย การกินอยู่แบบอดๆ อยากๆ การไม่ทำอะไรเลย ผมเชื่อว่าแบบนี้คงไม่ประหยัด วงล้อ ฟันเฟื่องคงหมุนให้ครบรอบไม่ได้

สังคมตอนนี้ คงต้องอาศัย คำว่า น้ำใจมากหน่อย ลดความเห็นแก่ตัวลงมากหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      
ต้องขอบคุณพี่ a_anan ที่มาเเบ่งปันความรู้สึกให้พี่ ๆ น้อง ๆ เราได้ฟัง



ความจริงผมได้ตั้งกระทู้

" ........เป็นหนี้ ไม่ต้องครียด ขอเพียงอย่าทำร้ายตัวเอง มีทางออก ............. "


http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/Question.asp?ID=242

ไว้ตั้งเเต่ อังคารที่ 10/7/2550 เพราะตัวผมเองก็ประสบปัญหาอย่างใหญ่หลวงในชีวิตเหมือนกัน หนี้กองโต กับภาระรับผิดชอบชีวิตคนในครอบครัวที่เขาฝากไว้ที่เรา 2 บ่าช่วงนั้นหนักหนาสาหัสสิ้นดีครับ


โชคดี ผมมีครูบาอาจารย์ดี ( อ.วอน ) มีพี่ชายเเสนดี ( คุณหนุ่มกระโทก) ปลุก ปลอบ ให้ลุกขี้นสู้กับโชคชะตาอย่างกล้าหาญเเละทรนง ไม่ยอมก้มหัวให้กับมัน เเละด้วยลมใต้ปีกที่หนุนเนื่องให้มีกำลังบินสู้ต่อไปจาก " พลังเเห่งครอบครัว " ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       " มองทางโลกให้มองต่ำ มองทางธรรมให้มองสูง "

คือภาษิตที่ผมท่องจนขึ้นใจ การดู พิจารณาตนเเลผู้อื่นในทางโลก หากเรามองเเต่คนที่ร่ำรวยกว่า สุขสบายกว่า มักจะสร้างปัญหาทางใจไม่ต่างจาก อึ่งอ่างที่พยายามพองตัวให้เท่าวัว อันจะทำให้มีเเต่ท้องเเตกตาย เเต่หากเราเหลียวมองคนที่เเย่ยิ่งกว่า คนที่ไม่มีเเม้ข้าวจะประทังชีวิต คนที่ทุกข์ร้อนจากโรคภัย คนประสบภับพิบัติจากข่าว ฯลฯ หลากล้วนเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกว่าเราเองไม่ได้เป็นคนโชคร้ายที่สุดดอกในโลกใบนี้ ยิ่งมีคนอีกนับร้อยล้านคนทั่วไปสาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่าเรา


การพิจารณาครูบา พระผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบต่างหากครับที่เราต้องมองให้ถึง เราจะได้มีความเพียรที่จะปฎิบัติให้ไปได้ถึงซึ่งท่านเหล่านั้น ภายใต้ครรลองคลองธรรม


อ.วอน เเละ คุณหนุ่มกระโทก รวมถึงป๋า อิธาน คือ 3 บุคคลที่เข้าใจถึงธรรมอย่างลึกซึ้ง ปฎิบัติ " ง่าย ทำได้จริง " ที่ผมมักปรึกษาเสมอยามมรสุมชีวิตเข้ามาเยือน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
      
มรสุมชีวิตหนัก ๆ ประเภทนิยายน้ำเน่าผมเจอมาหมดเล้ว " หนี้สินกว่า 30 ล้าน กับธนาคาร ยังไม่รวมหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยเกือบทบต้น เเม่ป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายเเต่เราไม่มีเงินจ่ายค่ายาพาเเม่รักษาโรงพยาบาลดีให้ ต้องใช้เตียงรวมกับผู้ป่วยอื่นๆเช่นคนอนาถา ค่าน้ำค่าไฟไม่มีจ่ายต้องหยิบยืมเเบบหวุดหวิดถูกตัดไฟก็หลายคราว ล่าสุด การพิพาทจนเเทบตัดเป็นตัดตายพี่น้องทั้งที่มีกันเเค่ 2 คน พร้อมกับพ่อที่ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม ฯ"

นี่คือเรื่องจริงครับ เเต่ผมยังยิ้มได้ ยังสู้ครับ ด้วยพลังเเละศรัทธาของคนในครอบครัวที่ทรงอานุภาพมหาศาล ช่วยขับดันให้สองขายืนหยัดต่อไป ด้วยหัวใจที่ไม่ท้อถอย ไม่รอคอยวาสนา ไม่ก้มหัวให้โชคชะตา ดุจดัง " พระมหาชนก " ที่ทรงเพียรจนสำเร็จครับ เเละยึดถือหลัก " เศรษฐกิจพอเพียง " มาใช้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีวันนี้ครับ วันที่สามารถนำพานาวาหลายชีวิตให้ขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย วันที่เเม่ผมรอคอยจะได้เห็นมันมากว่า 10 ปี เเต่เชื่อว่าอย่างน้อย ผมคงทำให้ท่านนอนตาหลับนับตั้งเเต่บัดนี้ครับ


" เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตที่จะต่อสู้นะครับ "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       "จนให้เป็น" นี่เป็นศิลปะการครองชีวิตเลยนะครับ ผมถึงแนะนำในกระทู้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าแทนที่จะซื้อรถเล็กมาติดแกสใช้เป็นการเพิ่มภาระให้ชีวิตทำไมไม่เลือกวิธีขึ้นรถเมล์แทน


ผมมีรถเล็กสำรองใช้อยู่แล้วสองคันไม่ต้องลงทุนซื้อเพิ่มมาติดแกสยังขึ้นรถเมล์เลยครับ ไม่เอารถวิ่งสักวันนี่ได้เงินซื้อแกงถุงสัปดาห์หนึ่งแล้ว


ตอนนี้ชั่วโมงนี้ผมจ่ายเงินเดือนเด็กโดยเก็บเงินไม่ได้ทั้งทุนที่ลงไปเท่าไรก็จมกับงานเพราะเวลานี้ชั่วโมงนี้ลูกค้าเหนียวหนี้เหมือนกันหมด ผมก็ต้องประหยัด ไม่ซื้อของใหญ่ ไม่เที่ยวพร่ำเพรื่อ เรื่องเมืองนอกไม่ต้องคิดเลย ไม่ไปมาหลายปีแล้ว


ยังบอกกับเด็กในที่ทำงานเลยว่าพี่ยังประหยัดกินประหยัดใช้เอาเงินมาจ่ายเงินเดือนพวกเอ็ง ดังนั้นถ้าพี่เห็นว่าเอ็งใช้เงินที่พี่ให้อย่างไม่คุ้มค่าพี่จะไล่พวกเอ็งออกข้อหาทำร้ายจิตใจคนจ่ายเงินเดือน ตอนนี้พวกเด็กเริ่มนั่งรถรวมกันหลายๆคนมาทำงานแล้วไม่ใช่คันละคนเหมือนเดิม


ตอนนี้งานเยอะแต่เก็บเงินไม่ได้ ไปเก็บเงินเหมือนไปขอทาน มันเป็นสภาพที่ร้ายกว่าไม่มีงานทำเพราะไม่มีงานทำมันไม่มีทุน แต่ทำงานเยอะทุนเยอะแต่เงินไม่เข้าเป็นอะไรที่สุดๆ จะควักกระเป๋าทำบุญสักร้อยสักพันยังต้องคิดหน้าคิดหลัง


อย่างที่ คุณเอ บอกไว้นั่นแหละ ต้องจนให้เป็น ผมเข้าครัวน้อยลงแต่ซื้อแกงถุงมากขึ้น ขับรถน้อยลงขึ้นรถเมล์มากขึ้น เป็นเป็นหนึ่งในศิลปะจนให้เป็นอีกอย่างหนึ่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
      

กระทู้นี้ทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่างแต่อย่างหนึ่งที่ผมพอจะช่วยเหลือเพื่อนๆได้แบบเป็นรูปธรรมคือ


ผมจะผลักดันกระป๋องเจ็ดป่าช้าของคุณหนุ่มกระโทกให้พ้นช่วงทดลองระยะทางเร็วๆเพื่อแบ่งเบาภาระค่าน้ำมันเพื่อนๆ


ตอนนี้ระยะทางทดลองน่าจะวิ่งรวมๆกันชนแสนกิโลแล้ว เรื่องจดสิทธิบัตรนี่ก็ไปแล้ว ต้นแบบคุณหมูกับคุณเอก็ทำไปแยอะมากแล้ว


น่าจะทำออกตลาดได้เพื่อนลดภาระพลังงานเพื่อนๆได้ระดับหนึ่ง อย่งน้อยถ้ารถทุกคันวิ่งได้เกินสิบกิโลลิตรชีวิตคงน่าอยู่ขึ้นอีกมาก


จากที่คุยกับ คุณเอ ยังบอกว่าตอนนี้ค่าน้ำมันที่ประหยัดได้เอามาซื้อน้ำมันพืชที่ลิตรละเกือบสี่สิบบาทเติมผสมโซล่าถังละกล่องยังถูกกว่าสมัยยังไม่ติดกระป๋องเสียอีก เพราะตอนนี้ คุณเอ วิ่งได้ระดับสิบสองกิโลลิตรกับปาเจโรหนักเกือบสองตัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ในหลวงทรงชี้นำเรื่องไบโอดีเซล100%แล้วรัฐบาลชุดต่อไปจะทำอะไรบ้างไหม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
      
"ทุกคนมีของดีอยู่ในตัว แต่เที่ยวหาของดีจากที่อื่นอยู่ร่ำไป ทุกข์มันอยู่ตรงนี้นี่เอง"


เป็นคำสอนที่พ่อแม่ครูอาจารย์พร่ำสอน แล้วที่เรายืนอยู่ในสังคมเช่นนี้เราจะปฏิบัติตัวเช่นไร ? คงเป็นคำถามที่อยู่ในใจของหลายๆคน


สิ่งที่ปฏิบัติตามคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ตลอดมาคือ มองดูตัวเองครับ ย้ำว่ามองดูต้วเอง ดูว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรกับชีวิตของเรา คงมีคำถามต่อไปอีกว่า ถ้าเราดูตัวเองเพียงอย่างเดียวจะไม่เป็นการเห็นแก่ตัวไปเหรอ เราจะไม่ช่วยเหลือสังคม จะไม่ช่วยเหลือเพื่อนที่กำลังมีทุกข์ อย่างนี้ก็เห็นแก่ตัวไปหน่อยละ


โดยปกติ.." คน " เป็นสัตว์สังคมไม่มีทางที่เราจะแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวได้ แต่จากการที่เรามองดูตัวเองตลอดเวลาซึ่งก็เป็นวิธีการฝึกสติ ฉะนั้นเมื่อใจเราออกไปกระทบกับอารมณ์ภายนอกมันจะมีสติคุมใจเราอยู่ตลอดเวลา เราคิดในทางลบกับผู้อื่น เราก็รู้เพราะเรามองดูใจของเราอยู่ เราคิดในทางบวกกับผู้อื่นเราก็รู้ เมื่อเรารู้แล้วสตินั่นแหละจะเป็นเครื่องช่วยตัดสินว่าเราจะทำอย่างไร แบบนี้เรียกว่าเรามี "สติ สัมปชัญญะ"


เมื่อเรามีสติแล้ว เราก็ควรยกระดับตัวของเราเองให้เป็น " มนุษย์ " มนุษย์ แปลว่า สัตว์ใจสูง การจะเป็นสัตว์ใจสูงได้อย่างน้อยต้องไม่มีการกระทำต่อไปนี้
- ไม่ฆ่า (ก็คือ ไม่ทำปานาติบาต ทำชีวิตสัตว์อื่นให้ดับไป)
- ไม่เบียดเบียน (ไม่ไปขโมยความสุข ความพอใจของผู้อื่น)
- ไม่ข่มเหงรังแก (ไม่ละเมิดของรัก ของหวงของผู้ใด)
- ไม่ข่มเหงตัวเอง (ไม่ทำร้ายให้ร่างกายและจิตใจของตัวเองพ้นไปจากความปกติ)
- ไม่อิจฉาตาร้อน (ไม่กล่าวทับถมหรือเสียดสีให้ผู้อื่นเสียศักดิ์ศรีของตนเอง)
ปฏิบัติเท่านี้เราก็เป็นสัตว์ใจสูงแล้ว ครับ


ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมทุกข์ทุกคนเดินฝ่าวิกฤต ในยามที่บ้านเมืองกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจด้วยสติสัมปชัญญะที่มั่นคงและแข็งแรง ครับ......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       วันนี้ผมไม่สบายรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว น่าจะเป็นครั้งที่สามในรอบสิบกว่าปีที่ไม่สบาย
อ่านที่คุณกูปรีเขียนแล้วน้ำตาไหล พร้อมกับน้ำย่อยเริ่มเดินเพราะหิว

ผมเตรียมตัวเตรียมใจเรื่องนี้มาหลายปีตั้งแต่รู้ตัวว่าต้องลาออกจากงาน
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ก็ยังจ่ายในความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พึงจะหาได้

แม้ปัจจุบันทำน้ำมันใช้เองถูกกว่าเติมที่ปั๊มกว่า 50% ก็ยังใช้อย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย

ยามสุขหลายคนพร้อมที่จะสุขกับเรา แต่ยามทุกข์ใครจะยอมมาทุกข์กับเรา
เพื่อนข้างกายคอยให้กำลังใจยามลำบาก ที่เรียกว่า "คู่ทุกข์คู่ยาก" ไม่เคยบ่น ไม่เคยพูด
ยามไม่มีเงิน คอยแต่จะให้กำลังใจผมอยู่บ่อยๆ กินข้าวที่ไหนไม่อร่อยเหมือนกินฝีมือเมียทำ
ผมทดลองทำอะไรแปลก ๆ ล้มเหลวก็เยอะ เมียผมไม่เคยบ่นซักคำ

เพื่อนตอนสุข ตอนนั่งกินเหล้าหาไม่ยาก ตอนลำบาก ยามทุกข์จะได้รู้ว่าใครคือเพื่อนแท้
ผมโชคดีที่มีเพื่อนดี มีครูบาอาจารย์ที่ดี คำสอนของพระพุทธองค์ยังใช้ได้เสมอ ไม่ขึ้นกับกาลเวลา

" อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวนา
ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง "

ไม่คบคนพาล คบแต่บัณฑิต บูชาบุคลที่ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       คำสอนที่ว่า
คิดดี พูดดี ทำดี พบคนดี ไปในสถานที่ดี 5 อย่างนี้ ยังใช้ได้เสมอ และเป็นจริงที่สุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ผมพยามทำอยู่แต่ก็ไม่ได้มากนัก มันมีเหตุผลหลายประการ แต่กับลูกผมสอนอยู่ตลอดเรื่องการประหยัดและใช้เท่าที่จำเป็นให้คุ้มค่า ผมอ่านของพี่กรูปีแล้วถ้าเป็นผมไม่รู้จะทำได้แบบนี้หรือเปล่า ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ผมจะนำไปใช้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      
สนับสนุนคำพูดคุณหนุ่มกระโทกครับ ที่พูดถึง " คู่ทุกข์คูยาก "


จะสู้ได้ กำลังใจต้องมาก่อน เมื่อข้างใน ( บ้าน ) ร่มเย็น ออกนอก ( บ้าน )ไป ก็ไม่พะวักหน้า พะวงหลัง พลังความรักเเห่งครอบครัวจะเป็นเกราะอย่างดีให้เราบุกตะลุยอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้า เรารุกเขาเสริม เราถอยเขาต้าน เกื้อหนุนกันตลอด



" เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตที่จะต่อสู้นะครับ "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       คล้าย ๆ คุณ Kupree แต่หนี้น้อยกว่า (แต่ไม่รู้จะถูกยึดเมื่อไหร่) มีพี่น้องก็ 2คน (มีพี่ชาย)แต่ไม่รู้จะคุยอะไร (จูนกันไม่ได้) พ่อ-แม่ ไม่เคยให้กำลังใจ (อย่าว่ากันนะคะขอระบายบ้าง คือเป็นลูกผู้หญิงในครอบครัวคนจีน พ่อแม่อยู่กับเราตลอดรับภาระตลอด แต่ไปบอกญาติคนอื่น ๆ ว่า อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ - ลูกเราไม่ดูแล) ดีที่มีคนข้าง ๆ คอยช่วยไม่ใช่เฉพาะแม่บ้านที่เป็นกำลังใจค่ะ ในกรณีนิหน่อย พ่อบ้านเป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ ค่ะ (แต่ว่าไปก็ยังดีค่ะ ที่พ่อ-แม่ของนิหน่อย ยังช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กให้ตอนที่ไปส่งเจ้าตัวโต กับ ตอนไปหาลูกค้า)
เคยกลุ้มขนาดว่าดึก ๆ ลุกขึ้นมานั่งคิดว่า เงินประกันชีวิตของเราคงพอจะแบ่งเบาให้ผ่านช่วงนั้นไปได้ แต่พอหันไปเจอคนนอนข้าง ๆ (ทั้งพ่อบ้าน และ ลูก ๆ ก็เลยเปลี่ยนใจ) ตอนนี้ก็เลยปลง ๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บ้านโดนยึดก็คงไปเช่าเค้าอยู่ไป หาเรื่องขำ ๆ ไปวัน ๆ ดีกว่า
ตอนนี้เพื่อน ๆ ถามว่าทำไมยังยิ้มได้ ก็บอกไปว่า เครียดแล้วจะได้อะไรขี้นมา สู้ไม่คิดมากแล้ว สู้ ๆ กันไป จะได้มีแรงดำเนินชีวิตต่อไป (แถมสุขภาพก็แข็งแรงด้วย - คิดมากก็เท่ากับเป็นการทำร้าย และ ทำลายตัวเอง ปล่าว ๆ )

ขอโทษนะคะขอระบายบ้างอึดอัดค่ะ


ตอนนี้นิหน่อยใช้วิธี คิดว่าเรามีกะตัง ดูตัวอย่างบ้านบ้าง ดูรถในเต้นท์บ้าง สบายใจดีค่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ทุกๆ เรื่อง ที่เป็นปัญหา เราสามารถแก้ไขได้ เพียงแต่ว่าจะช้า หรือเร็วเท่านั้น

ปัญหา เกิดมีขึ้นเพื่อให้แก้ไข การแก้ไขปัญหา เป็นการเสริมสร้างปัญญา และเป็นที่มาของคำว่า มีสติ

มีสติ ก่อให้เกิดปัญญา มีปัญญา สามารถแก้ไขปัญหา

อะไรที่มันหนักมากมาก ก็อย่างไปแบกมันไว้ พักสักหน่อย พอหายเหนื่อย เราก็ค่อยๆ แก้ไขต่อไป

มองโลกให้สวย แล้วตัวเราจะได้อยู่ในที่สวยๆ

มองโลกให้ดี แล้วเราจะได้อยู่ในที่ดีๆ

เราดีกับผู้อื่น โดยอย่าไปหวังว่าคนอื่นจะดีกับเรา ขอเพียงเราทำดี คิดดี กับผู้อื่น ก็พอ

คำพูดของพี่หนุ่ม เรื่องคู่ทุกข์คู่ยาก เป็นเรื่องจริง ที่หลายๆ ท่านประสบมาแล้ว

ทางข้างหน้า ยังอีกยาวไกล อาจมีสบายบ้าง ลำบากบ้าง ถ้าเราตั้งใจ เราก็สามารถไปถึงได้

ปัญหาของพี่กรูปรี เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของชีวิต ที่ผ่านเข้ามา และสามารถแก้ไขได้ ด้วยหลักของ คู่ทุกข์คู่ยาก น่าเอาเป็นแบบอย่าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ดีใจที่กระทู้นี้ สามารถเป็นที่พักกลางทาง ของคนที่เหนื่อยกับชีวิต

เหนื่อยนัก ก็พักก่อน สู้กันต่อไป อย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อคนที่เดินตามหลังเราอยู่

อย่ามากเกินไป
ขอเพียงอย่างเดียว อย่าทำอะไรตามอารมณ์มากเกินไป อย่าตามกระแสมากเกินไป อย่าตามคนอื่นมากเกินไป อย่าตามใจตัวเองมากเกินไป เอาแค่พอดี เอาแค่จำเป็น เอาแค่มีกำลัง ก็พอ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมรู้สึกสบายใจ ที่ได้มีโอกาส คุยกับผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน

ท่านเหล่านั้น ได้แบ่งปันความรู้เรื่องธรรมชาติ ให้ผมได้รับทราบ

เรื่องธรรมชาติในที่นี้ หมายถึง เรื่องธรรมชาติของชีวิต ท่านมีคำสอนอยู่คำหนึ่งว่า "ถ้าคนเราทำอะไรที่ผิดธรรมชาติ เราจะอยู่ไม่ได้" ผมต้องกลับนำมาคิดอยู่นาน กว่าจะเข้าใจความหมายนี้

ทุกคน ทุกครอบครัว ไม่มีใครสามารถหลีกหนีปัญหาไปได้ มีเหมือนกันหมดทุกคน ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ตามแต่ บุญ และกรรม ของแต่ละคนที่ทำกันมา

พี่อีธาน เคยสอนผมว่า อะไรที่เป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเรา เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องรับมา ความหมายนี้ไม่ได้หมายถึงแค่สิ่งของ แก้วแหวนเงินทอง ของนอกกาย แต่มันหมายถึง บุญธรรมกรรมแต่งด้วย เราทำบุญ ทำความดี เราก็จะได้บุญ ได้ความดีตอบแทน เราทำบาป เราทำกรรม เราก็จะต้องได้รับบาป ได้รับกรรมที่ทำไว้ด้วย จะเลือกเพียงอย่างไร อย่างเดียวหาได้ไม่

ทำความดี ไม่ต้องหวังบุญ เพราะวันหนึ่งบุญนั้นจะมาหาเราเอง ทำบาป ไม่มีใครเห็น ไม่ใช้ว่าเราจะหลุดพ้นไปได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ถึงคุณนิหน่อยครับ


" ซ้ายก็ลูก ขวาก็เมีย " คิดในขณะที่มือถือปืนเกือบคิดสั้นผมก็ทำมาเเล้วครับ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า ไม่อยู่เเล้ว ไม่ทนเเล้ว ไม่มีทางออก ไม่มีทางเเก้ ฯลฯ


เจรจากับเเบงค์เหมือนเดินไปตลาดครับ ต่อรองราคา ยืดเยื้อเป็นปี โชคดีผมมีที่ปรึกษาดี ๆ หลายคนทั้งในเเละนอกวงการธนาคาร ทำให้พอเห็นเเสงสว่างปลายอุโมงค์ เเล้ววัฒนาเป็นทางออกต่อไปครับ

หากคิดว่าผมจะพอช่วยอะไรได้อย่ารอช้านะครับ ติดต่อมาหรือให้ผมติดต่อกลับได้ทันทีครับ

" เพื่อน ไม่มีทิ้งกันครับ "



" ทุกปัญหามีทางออกครับ " เพียงเเค่ว่าทางออกนั้นอาจไม่ได้หวานชื่น อาจมีขวากหนามมากน้อยขึ้นอยู่กับกรรมเเต่ละบุคคลครับ อยู่ที่เรา ใจเราครับ คิดเสมอว่า..

" คนลำบากกว่าเรายังมีอีกเป็นล้าน ๆ คน" ครับ บ้านจะหลบลมหนาวยังไม่มี พรุ่งนี้ไม่รู้จะกินอะไร ฯ

ท่องไว้ครับยามมีทุกข์มาเยือน


" สู้ด้วยหัวใจที่ไม่ท้อถอย ไม่รอคอยวาสนา ไม่ก้มหัวให้โชคชะตา " ครับ



" เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตที่จะต่อสู้นะครับ "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       เขียนมาถึงตรงนี้ ผมมีเรื่องเล่าอีกเรื่อง

มีอยู่วันหนึ่ง ผมได้คุยกับพี่อีธาน กันตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนถึงตีสองของอีกวัน เป็นการคุยที่สนุกมาก และเป็นการคุยโทรศัพย์ที่ยาวนานมากของผม ระหว่างแก่งคอย กับบางใหญ่

ผมคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่อง กป. 7 ป่าช้า เรื่องรถ และเรื่องอื่นๆ รวมถึงธรรมะ ด้วย (ตัวผมเองนั้นเป็นคนที่เรียกได้ว่าห่างวัดอยู่มาก)

ผมถามพี่อีธานอยู่เรื่องหนึ่งว่า บางทีเรารู้สึกท้อแท้ น้อยใจ เื่มื่อเวลาที่เราทำดีกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ทำไมเหมือนเราเป็นคนทำดีไม่ขึ้น ทำไม่คนถึงไม่เห็นความดีของเรา

พี่อีธาน ตอบผม และทำให้ผมสบายใจเป็นอย่างมาก ว่า

การที่เราทำดีกับใคร แล้วเขาไม่เห็นความดีของเรา นั้นเป็นเพราะเรามีกรรมเก่า ที่เมื่อถึงเวลา เราจะต้องชดใช้แก่เขาเหล่านั้น เปรียบเสมือนการใช้หนี้ที่ค้างกันมาอยู่แต่ความเดิม หากมีเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิต เราควรรีบชดใช้หนี้กรรมนี้โดยเร็ว แล้วชีวิตหลังจากนี้เราจะสบาย

ทุกคนเกิดมา มีบุญ-กรรมติดตัวมาทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง หรือที่เรียกกันว่า บุญเก่า กรรมเก่า

คนเราเป็นมนุษย์ หลีกหนีไม่พ้น รัก โลภ โกรธ หลง 4 อย่างนี้ หากมีแต่เพียงพอดี ปัญหาก็น้อย

นี้เป็นเพียงตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ที่ได้มีโอกาส และพี่ๆ แห่งนี้ ได้ให้โอกาส และสละเวลาคุยกับผม โดยไม่เบื่อเลย ขอขอบพระคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ขอบพระคุณค่ะ คุณ Kupree ก็ทำใจได้พอประมาณค่ะ แล้วก็พยายามไม่คิดน้อยใจ ก็ดีค่ะ

ก็ยังจะทำดี และ สู้ ๆ ๆ ต่อไปค่ะ

ขอบคุณคุณ a ที่ตั้งกระทู้นี้ ได้ระบายบ้างก็ดีขึ้นค่ะ


ความเป็นความตายใกล้กันนิดเดียว แค่คิดหน้าคิดหลังหรือเปล่าเท่านั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ทุกคนล้วนมีปัญหา แต่เชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       คุณ นิหน่อย ครับ ที่คุณกูปรีเกือบจะคิดสั้น เพราะว่าไม่มีเรมิงตันปั๊มแอคชั่นลูกซอง 5 นัด

ถ้ามีอาจจะคิดยาวเพราะว่ามันเหนี่ยวยิงตัวเองลำบาก เป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่า มีลูกซองยาวไว้เป็นดี

ทำร้ายตัวเองยากอีกนิด

ตัดช่องน้อย แต่ทว่ากลับสร้างช่องใหญ่ให้คนข้างหลัง

อาจจะเป็นโชคดีอีกอย่างหนึ่งที่ชีวิตในวัยเด็กผมอยู่ในสลัมคลองเตย รู้เห็นสิ่งเลวมามาก ไม่ว่าจะเป็นการพนัน
ยาเสพติด การต่อสู้ดิ้นรนของคนในสลัม ตำรวจถือปืนวิ่งไล่จับผู้ร้ายแบบในหนัง คนตีกันเอามีดไล่ฟันเข้ามาในบ้านผม
ทำให้พี่น้องบ้านผมเป็นคนสู้คนไม่กลัวอะไรไม่ว่าคนหรือผี ไม่เช่นนั้นจะโดนรังแกกดขี่

ผมอ่านหนังสือออกตั้งแต่ ป 1 ได้รับจดหมายทวงเงินค่าเทอมจาก โรงเรียนตลอดทุกเทอม จนถึง ป 4
อ่านให้เตี่ยฟังตอนที่มารับที่โรงเรียนด้วยจักรยานที่ใช้ส่งน้ำแข็ง เพราะเตี่ยผมอ่านหนังสือไทยไม่ออก
แต่เนื่องด้วยเป็นเด็กน้อย จึงไม่เข้าใจความหมายของจดหมายทวงเงินค่าเทอม

เตี่ยผมส่งน้ำแข็งและเลี้ยงหมู ส่วนแม่ผมขายกล้วยปิ้งที่เพิงหลังบ้าน เลี้ยงลูก ๆ
สามล้อคว่ำตอนที่ไปซื้อของที่ตลาดคลองเตยมาขาย ไหปลาร้าหัก แม่ผมต้องนอนอยู่เป็นเดือน ๆ

ความลำบากที่มากที่สุดเทียบไม่ได้เลยกับที่เตี่ยกับแม่ประสบมา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ขอบคุณพี่ๆที่คอยมาเตือนสตินะครับ ชอบบทความต่างๆที่พี่ๆให้เเง่คิดและกำลังใจครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       อยากจะเป็นกำลังใจให้ พี่ๆน้องๆทุกท่านที่มีปัญหานะคะ แต่ตัวอิชั้นเองยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลย คิดได้เพียงว่าชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป และอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
      
เป็นกำลังใจให้จ้าวป้า สู้.. สู้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ขอบคุณ ที่ได้อ่านข้อคิดดีๆ จากทุกท่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย