จาก ปักษ์ใต้ วาริน IP:124.157.197.124
ศุกร์ที่ , 22/2/2551
เวลา : 19:59
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ไมต้องใส่ Blow Off Valveเพราะต้องการให้การประจุอากาศมีความต่อเนื่องมากขึ้น และป้องกันแกนเทอร์โบขาดในช่วงที่เทอร์โบบูสท์อยู่แล้วถอนคันเร่งกระทันหัน ในช่วงเปลี่ยนเกียร์หรือในช่วงที่ถอนคันเร่งแล้วจะเหยียบคันเร่งต่อเมื่อมีการถอนคันเร่งโดยฉับพลัน ลิ้นปีกผีเสื้อจะปิดในทันที ระบบอัดอากาศที่เคยประจุไอดีเข้าสู่ปริมาตร และถูกลิ้นปีกผีเสื้อปิดกั้นไม่ให้อากาศอัดผ่านในทันที แรงอัดของไอดีจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หน่วงการหมุนของแกนเทอร์โบที่กำลังหมุนรอบจัดอยู่
ทั้งนี้เพราะ ลิ้นปีกผีเสื้อได้ลดปริมาตรที่จะอัดไอดีอย่างกระทันหัน จึงเกิดแรงดันย้อนกลับ ณ ลิ้นปีกผีเสื้อ รอบการหมุนของแกนเทอร์โบจะช้าลงในทันที โดยที่เสี้ยววินาทีนั้นยังมีไอเสียมาปั่นกังหันไอเสียให้หมุนรอบจัดอยู่กังหันไอดีลดรอบอย่างรวดเร็ว แต่กังหันไอเสียยังหมุนต่ออีกหน่อย แกนเทอร์โบอาจจะขาดได้ ถึงแม้ว่าแกนเทอร์โบจะไม่ขาดแต่รอบการหมุนของเทอร์โบก็จะลดลง ถ้าจะเหยียบคันเร่งซ้ำ กว่าจะบูสท์อีกครั้งก็ต้องไล่รอบกันใหม่อีกหลายวินาที และนอกจากการถอนคันเร่งอย่างกระทันหัน ในช่วงการเปลี่ยนเกียร์ก็มีอาการใกล้เคียงกัน
ประโยชน์
Blow Off Valve คือ อุปกรณ์ช่วยระบายแรงดันส่วนเกินหน้าลิ้นปีกผีเสื้อ ในขณะที่ถอนคันเร่งกระทันหัน หรือในช่วงเปลี่ยนเกียร์เพื่อมิให้กังหันไอดีของเทอร์โบถูกจำกัดปริมาตรการอัดอากาศ จนแกนเทอร์โบลดรอบการหมุนอย่างรวดเร็ว ป้องกันมิให้แกนเทอร์โบขาด ไล่รอบ และบูสท์ได้ต่อเนื่องปัญหาการลดรอบการหมุนของเทอร์โบหลังการถอนคันเร่งอย่างกระทันหัน จะมีผลต่อความรื่นรมย์ในการขับขี่เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะป้องกันแกนเทอร์โบขาด ยังเป็นการรักษารอบการหมุนของแกนเทอร์โบไว้เพื่อการกดคันเร่งซ้ำ เพราะอาจจะต้องใช้เวลา 1-3 วินาที กว่าเทอร์โบจะบูสท์อีกครั้ง ช่วงเปลี่ยนเกียร์บูสท์ได้ต่อเนื่องกว่า
การทำงาน
Blow Off Valve ส่วนใหญ่จะมีการควบคุมการยกวาล์วเพื่อระบายแรงดันด้วยไดอะเฟรมซึ่งจะออกแบบให้วาล์วยกเมื่อมีการถอนคันเร่ง แรงดูดสุญญากาศจะเพิ่มขึ้นจากปกติ 16-20 นิ้วปรอท เป็น 20-22 นิ้วปรอทขึ้นไปในรอบเดินเบา Blow Off Valve จะยังไม่เปิดหรือยกตัว แต่จะยกตัวเมื่อมีแรงดูดสุญญากาศ 20-22 นิ้วปรอทขึ้นไป ในทุก ๆ ครั้ง นอกจากนี้ ยังมี Blow Off Valve บางแบบใช้ระบบไฟฟ้าในการควบคุมการยกตัวของวาล์ว โดยรับสัญญาณมาจากขาคันเร่งบริเวณลิ้นปีกผีเสื้อ แต่ Blow Off Valve ชนิดนี้ มีความยุ่งยากในการดัดแปลง
ลักษณะ
Blow Off Valve มีรูปร่างหลายแบบ แต่ที่สำคัญคือจะมีกระเปาะไดอะเฟรม ท่อทางเดินอากาศขนาดใหญ่ 4-6 หุน 2 ช่อง บางแบบด้านหนึ่งเป็นหน้าแปลน อีกด้านหนึ่งเป็นท่อขนาด 4-6 หุน แถว ๆ กระเปาะไดอะเฟรมจะมีท่อขนาดเล็กสำหรับเสียบสาย Vacuum ต่อไปยังท่อร่วมไอดี รวมแล้วทุกแบบมี 2 ท่อใหญ่ 1 ท่อเล็ก
การติดตั้ง
ท่อใหญ่ด้านหนึ่งจะต่อเข้ากับท่อระหว่างท่อเทอร์โบกับลิ้นปีกผีเสื้อ ส่วนท่อใหญ่สำหรับระบายต่อไปเข้าหม้อกรองหรือท่อดูดด้านปากเทอร์โบ เพื่อให้เสียงเงียบ แต่บางคนชอบเสียงระบายแบบแตก ๆ ก็ตะไม่ต่อท่อระบายวน จะปล่อยทิ้งเลย Blow Off Valve บางแบบไม่ได้มีท่อระบายต่อไปยังด้านดูดของเทอร์โบ แต่ทำเป็นปากคล้าย ๆ แตร เพื่อให้เกิดเสียงแปลก ๆ เวลาวาล์วระบายแรงดันเปิด
การดูแล Intercooler
อินเตอร์คูลเลอร์ คือ อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) ทำหน้าที่ลดความร้อนของไอดีที่ส่งมาจากระบบอัดอากาศ เช่น เทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ก่อนผ่านเข้าสู่ท่อร่วมไอดี และเครื่องยนต์ ไอดีหรืออากาศที่มีความร้อนสูง จะมีความเบาบาง และออกซิเจนน้อย ทำให้การสันดาปไม่รุนแรงเท่าที่ควร ไม่ได้กำลังสูงอย่างที่ควรเป็น เพราะการใช้ระบบอัดอากาศแสดงว่าต้องการเพิ่มแรงบิดและ/หรือแรงม้าของเครื่องยนต์ให้มากกว่าเครื่องยนต์ธรรมดาอยู่แล้ว
นอกจากไอดีจะเบาบางเมื่อร้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการชิงจุดระเบิดอีกด้วย ดังนั้นการทำให้ไอดีลดความร้อนลง จึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเครื่องยนต์ที่มีระบบอัดอากาศ เพราะจะได้กำลังเต็มเม็ดเต็มหน่วย และลดความเสี่ยงต่อการชิงจุดระเบิด นอกจากข้อเสียที่ไม่ตรงตัวนัก คือ เงินที่เสียไป และอาการอรอบที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (เพราะต้องอัดอากาศในปริมาตรที่เพิ่มขึ้น) แต่โดยรวมแล้ว การติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ล้วนมีแต่ผลดี โดยอินเตอร์คูลเลอร์มี 2 แบบหลัก คือ
Air to Air
ระบายความร้อนด้วยอากาศล้วน ๆ อุปกรณ์มีรูปร่างคล้ายหม้อน้ำ มีช่องทางเดินอากาศ หรือหลอดถี่ ๆ อยู่ภายใน และไม่มีน้ำหมุนเวียน แต่เป็นไอดีที่ถูกอัดจากระบบอัดอากาศ เมื่อไหลผ่าน ความร้อนของไอดีจะถ่ายทอดสู่ตัวอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งมีครีบละเอียดอยู่ภายนอกคอยให้อากาศไหลผ่าน เพื่อดึงความร้อนออกไป ได้รับความนิยม และมีใช้กันแพร่หลายกว่าแบบที่ 2
Water to Air
ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ ไอดีจะไหลผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลายช่องเล็ก ๆ โดยรอบ ๆ ช่องนั้น ถูกล้อมรอบและไหลเวียนด้วยน้ำ น้ำก็จะต่อท่อไปยังหม้อน้ำขนาดเล็ก (แยกจากเครื่องยนต์) และคลายความร้อนของน้ำโดยใช้อากาศผ่านครีบภายนอกของหม้อน้ำ แล้วน้ำที่ลดความร้อนลง ก็หมุนเวียนสู่อินเตอร์คูลเลอร์ต่อเนื่องไป ไม่ค่อยนิยมใช้เพราะยุ่งยาก และถ้าติดตั้งไม่ดีก็จะลดความร้อนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
อินเตอร์คูลเลอร์ที่ดีนั้น จะต้องลดความร้อนของไอดีให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ขนาดใหญ่ที่สุด เพราะถ้าใหญ่เกินไป ทำให้เกิดอาการรอรอบ บูสต์มาช้า ปริมาตรโดยรวมของระบบไอดีเพิ่มขึ้น โดยไม่มีเรื่องที่ต้องกังวลว่าไอดีจะเย็นเกินไป เพราะยิ่งเย็นยิ่งดี และยังไงก็ต้องร้อนกว่าอากาศภายนอกที่ถูกดูดเข้ามา เพราะถึงจะคลายความร้อน แต่ก็เป็นอากาศที่ถูกอัดตัวเป็นแรงดันสูงกว่าอากาศปกติ
อินเตอร์คูลเลอร์ที่ดีของคนทั่วไปที่มองอย่างผิวเผิน คือ ใบโต ๆ กว้าง ๆ สูง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เน้นตกแต่งเพิ่มความแรง จะฮือฮาเมื่อเห็นอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ๆ ติดตั้งไว้ด้านหน้า ยิ่งคว้านกันชนโชว์ และรับลมยิ่งแจ๋วในด้านประสิทธิภาพการระบายความร้อน ไม่ได้มีแค่ขนาดพื้นที่หน้าตัด (กว้าง x ยาว) เท่านั้นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีเรื่องของพื้นที่ของครีบ และรอบหลอดภายนอกที่สัมผัสกับลม และลมผ่านได้มากหรือน้อย รวมถึงอีกสารพัดเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น
ตำแหน่งการติดตั้ง เมื่อขนาดใหญ่แล้วต้องลมผ่าน ไม่ใช่ลมปะทะเต็มหน้า แต่ด้านหลังอินเตอร์คูลเลอร์มีช่องว่างแค่บางส่วน ลมก็ไม่ผ่าน คล้ายกับเปิดหน้าต่างห้องไว้บานเดียว ลมก็ไม่ผ่าน แต่พอเปิดหน้าต่าง 2 บานตรงกัน ลมผ่านฉิวเลย หรือซุกไว้ในส่วนที่ลมผ่านยอก
- ขนาดและจำนวนของหลอดภายในที่ไอดีต้องไหลผ่าน ถ้าเล็กเกินไป ไอดีไหลไม่สะดวก ก็เกิดการอั้นและร้อน
- วัสดุที่นำมาผลิตอะลูมิเนียมมีสารพัดชนิดของส่วนผสม แต่ละชนิดก็มีค่าการอมและคายความร้อนแตกต่างกัน
- ความหนาโดยรวมของตัวอินเตอร์คูลเลอร์ก็เกี่ยวข้อง บางเกินไปพื้นที่สัมผัสอากาศน้อย แต่ลมผ่านง่าย ถ้าหนาลมผ่านยากกว่าก็จริง แต่มีพื้นที่สัมผัสอากาศมากกว่า ต้องมีความพอดี ไม่ใช่หนา 6 นิ้ว จะดีกว่าหนา 2 นิ้วเสมอไป
นอกจากนั้น ยังเกี่ยวข้องกับความสกปรกภายใน-ภายนอก และสภาพของครีบภายนอกอีกด้วย
อินเตอร์คูลเลอร์ของเก่าเชียงกง
อินเตอร์คูลเลอร์เชียงกง ผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมมีคราบสกปรกภายใน และมีสภาพภายนอกที่ช้ำ ทั้งจากการถอดและการขนส่ง ล้วนขาดความระมัดระวัง โดยเฉพาะจากการขนส่งที่รวม ๆ กันมากับชิ้นส่วนอื่น มักมีการบุบ แอ่น และที่สำคัญ คือ ครีบลม
อินเตอร์คูลเลอร์ที่ผ่านการใช้งานอยู่ในรถยนต์ ถ้าไม่มีการชนก็ไม่บุบ แต่ก็หนีไม่พ้นความสกปรกทั้งภายนอก และภายในความสกปรกของภายในของหลอดทางเดินไอดี และการระบายความร้อนไอดีที่ปกติต้องไหลผ่านหลอดเล็ก ๆ ถี่ ๆ ก็ลำบากอยู่แล้ว ถ้ามีคราบสกปรกทำให้หลอดเล็กลงไปอีก ก็จะเกิดอาการอั้นการไหล และไอดีที่ไม่ได้สัมผัสกับผิวด้านในของหลอดอะลูมิเนียมโดยตรง เพราะมีคราบสกปรกคั่นอยู่ ก็จะส่งผลให้การถ่ายเทความร้อนไม่ได้
ครีบภายนอกที่ล้ม ก็ส่งผลให้ลมผ่านได้น้อยลง กลายเป็นเพียงลมปะทะด้านหน้าของส่วนที่ตันเท่านั้น ส่วนคราบสกปรกที่เกาะอยู่ภายนอก ก็ส่งผลให้ลมไม่ได้ปะทะและไหลโดนอะลูมิเนียมโดยตรง การถ่ายเทความร้อนต้องมีคราบสกปรกคั่นอยู่เสมอ จึงลดความได้ไม่ดีเท่าที่ควรการล้างภายในอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลอดเล็ก ๆ ถี่ ๆ ต้องใช้ของเหลวใส่เข้าไป อุดแล้วเขย่า และเทออก ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ของเหลวที่ใส่เข้าไปต้องมีคุณสมบัติเป็นตัวทำลาย เช่น รอบแรกใส่น้ำมันโซล่า รอบที่สองที่สามใส่น้ำมันก๊าด หรือเบนซิน ให้ระวังเรื่องเพลิงไหม้จากความไวไฟของน้ำมันที่ใช้ล้างด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องเป้าแห้ง ถ้าจะเป่าต้องใช้ลมจากปั๊ม ไม่ใช่ไดร์เป่าผมหรือโบล์เวอร์ เพราะอาจเกิดการลุกไหม้ขึ้น
การล้างภายนอก จะใช้โฟมสเปย์ในการล้าง แต่อาจล้างด้วยวิธีง่าย ๆ ใช้แช่ในน้ำมัน แล้วใช้แปรงช่วยทำความสะอาด ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และถ้าจะให้ดี ควรตามด้วยการเป่าลมไล่สิ่งสกปรกนอกจากการล้างครีบแล้ว การทำความสะอาดฝาครอบหัวท้ายก็มีความจำเป็น เพื่อให้อากาศได้สัมผัส และไหลผ่านส่วนนั้นได้โดยตรง ไม่มีคราบสกปรกคั่งอยู่ แม้ส่วนนี้จะไม่ใช่ครีบ แต่ก็สามารถช่วยระบายความร้อนได้การแต่งครีบ ไม่ยาก ใช้คีมปากจิ้งจกขนาดเล็ก หรืออะไรแบน ๆ ไล่ตัดไล่แซะให้ครีบมกลับมาเป็นทรงปกติ
ทำไม่กี่ขั้นตอน ก็จะได้อินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลอดอากาศภายในที่โล่งสะอาด และครีบภายในอกที่สะอาดและไม่ล้ม ลมผ่านได้สะดวก
ขั้นตอนการรีบิลด์อินเตอร์คูลเลอร์ด้วยตัวเอง
1. สภาพของอินเตอร์คูลเลอร์มือ 2 แม้ว่าจะโทรมสักหน่อย แต่ก็ไม่ยากที่จะรีบิลด์ด้วยตัวเอง
2. ขั้นตอนง่าย ๆ ของการทำความสะอาดอินเตอร์คูลเลอร์ก่อนนำมาใช้ เริ่มจากการใส่สารละลาย เช่น น้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันโซล่าเข้าไปข้างใน จากนั้นเอามือปิดหัวท้ายแล้วเขย่าสัก 1-2 นาที และถ่ายออกเป็นอันเสร็จ ถ้าไม่มั่นใจในความสะอาดก็ทำหลาย ๆ รอบ
3. สำหรับความงามภายนอก ก็ใช้พวกครีมขัดโลหะจัดการเช็ดฝา และใช้โฟมสเปรย์ ทำความสะอาดเครื่องยนต์ ทำความสะอาดบริเวณครีบ
4. ส่วนครีบที่ล้ม ๆ ก็ใช้ครีมปากจิ้งจก และไขควงค่อย ๆ ดัดให้คืนสู่สภาพเดิม เพื่อให้ลมผ่านได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน
5. หลังผ่านขั้นตอนการฟื้นฟูสภาพ ซึ่งไม่ยากอย่างที่ติด ก็จะได้อินเตอร์คูลเลอร์เก่าที่มีสภาพเหมือนใหม่ ด้วยการลงเงินและลงแรงไม่มากนัก
|