คำตอบที่ 1
      
http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=2834

คำตอบที่ 2
       คุณชาติครับ
คุณเข้าใจผิดครับว่าสูตของ มช. เป็น B20 เพียงแต่ว่าเขาแนะนำให้ใช้ B20
เพราะว่ารถมที่มาใช้มันร้อยพ่อพันแม่ กลัวว่าถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเดี๋ยวจะโดนด่าครับ
และที่เชียงใหม่อากาศมันเย็น สูตร B20 จึงเป็นสูตรที่ปลอดภัยครับ
ถ้าอากาศร้อน ๆ แบบบ้านเราที่ไม่เย็น ต่ำกว่า 10 แบบภาคเหนือและเป็นหัวฉีดรุ่นเก่า
(ปั้มกลไก) ใส่ไปเถอะครับ B100 ผมเองใช้มาเกือบครึ่งปีแล้ว ทำแบบตามมีตามเกิด
คือมีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ข้อควรระวังคือ ช่วงแรก ๆที่ใช้เปลี่ยนกรองน้ำมันดีเซลบ่อยหน่อยวิ่งซัก สองสามพันโลเปลี่ยน ทำซัก 2 ครั้งก็พอ เพราะว่าไบโอดีเซลชะล้างได้ดีกว่าปิโตรดีเซล พวกคราบต่าง ๆ จะถูก
ล้างออกมาไปอุดตันที่กรองครับ
และก็การทำมักจะมีปัญหาตอนล้าง เอาน้ำออกไม่หมด ผมเองก็เหมือนกัน ก็เลยใช้วิธีใส่ถัง
ฟลาสติคแบบใส 200 ลิตร (ถังใส่สบู่) วางนอนเอียง ๆแล้วตากแดดไว้ครับ จากการสังเกตุ
ถ้าน้ำออกหมด สีมันจะค่อนข้างใสครับ ยิ่งหลายวันก็ยิ่งใส
ผมก็เปิดก็อกมาใช้ ส่วนน้ำมันจะตกตะกอนอยู่ด้านล่างไม่ไหลออกมา หรืออีกแบบนึงก็น่าจะทำเครื่อง
Centrifuge ขนาดเล็ก ๆ มาใช้เอง ที่ มช เขาใช้พัดลมเป่าที่ผิว หลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน

ของ มช แพงเพราะว่า ถัวแสตนเลสจ้างเขาทำใบนึงตกสองหมื่นกว่า ปั้มหมุนเวียนก็ใช้ปั้มแบบสารเคมี
ตัวนึงก็รู้สึกว่าสองหมื่นกว่า วาล์วต่าง ๆ ก็ใช้แบบของดี ๆ จุดประสงค์คือให้ชาวบ้าน
ที่ไม่มีความรู้อะไรทำได้ ผมเองก็ใช้ปั้มน้ำธรรมดาตัวละ 600 บาท วาล์วก็ชื้อแบบธรรมดา
ไม่มีพัดลมเป่าเสียอีก ใช้วางตากแดดเอา แบบว่างบน้อยครับ แต่กว่าจะได้แบบนี้
ลองผิดลองถูกเสียเงินไปเป็นหมื่น ๆ เหมือนกัน

คำตอบที่ 3
       ก่อนอื่นขอขอบคุณคุณ Ethan_Hunt ที่ช่วยทำ Link ให้ศึกษา เรียนตรงๆครับ ผมได้ Searchค้นข้อมูลพบ Link ที่ คุณEthan_Hunt ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเอาไว้ เห็นว่าความรู้แบบนี้มีประโยชน์และอีกอย่างหลายท่านก็ใจกว้างให้ความรู้ที่ดีครับ ใน Link นั้นมีคุณ Von ที่ให้ข้อมูลวิชาการที่น่าสนใจครับ ผมเองมาขอ Post ข้อสงสัยทีนี่อีกครั้งเพื่อขอคำแนะนำที่ยังสงสัย อีกทั้งอย่างน้อยอาจจะมีผู้สนใจแบบเดียวกับผมนี้ ได้ใช้ประโยชน์จากกระทู้ร่วมกันครับ
ขอขอบคุณคุณหนุ่มกระโทกบ้านเดียวกับผม(ผมอยู่ปากช่อง) ที่ร่วมให้คำแนะนำดีๆอีกครั้งครับ ทีนี้ผมขอเล่าให้ฟังนะครับว่า ผมทำอย่างไร ขั้นตอนไหนบ้าง ถ้าผิดหรือถ้าถูกอย่างไร ขอรบกวนท่านผู้รู้ทั้งหลายแนะนำเพื่อจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องต่อไปครับ

1.ผมรวบรวมน้ำมันใช้แล้วจากตลาด ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันสัตว์ ก็ใช้ได้เช่นกัน ถูกต้องไหมครับ
2.อุ่นโดยใช้ความร้อน 50 C แล้วกรอง
3.ใช้สูตร น้ำมัน 1 ลิตร แมทธิล 200 มล. โซดาไฟ 6.67 กรัม (สูตรนี้ถูกต้องโดยไม่ต้องมีตัวแปรอื่นเป้นตัวกำหนด หรือถ้าไม่ถูกสูตรควรแปรตามเงื่อนไขอะไร และจะเปลี่ยนอย่างไร)
4.ผสมแมทธิล + โซดาไฟ ให้ละลายและพักไว้
5.ตุ้มน้ำมันในเดือนจนไม่มีพองอากาศเพื่อไล่น้ำ
6.ปล่อยน้ำมันให้เย็นได้ 60C เทส่วนผสมแมทธิล+๙โซดาไฟ แล้วค้นให้เข้ากันสัก 15-30 นาที
7.ปล่อยทิ้งไว้สักคืน เช้าก็จะเห็น น้ำมันแยกชั้นกัน ระหว่าง น้ำมันกับ กรีเซอร์ลีน
8.เทน้ำมันออกได้เลย กรีเซอร์ลีนไม่ไหลตามออกมาง่ายๆ ใกล้จะถึงชั้นของกรีเซอร์ลีน จึงจะไหลไม่ต้องเทต่อ
9.ได้น้ำมันที่เรียกว่า ไบโอดีเซล แล้ว
10.เขาว่าให้ทิ้งไว้อีก 7 วันค่อยเอามาใช้ได้

คำถามครับ:-
1.ขั้นตอนที่ผมทำถูกต้องไหมครับ หรือควรแก้ไขอย่างไร
2.น้ำมันที่ได้ควรรอ 7 วันแล้วใช้จริงไหมครับ จะพิสูจน์ยังไงว่าได้คุณภาพหรือไม่อย่างไร
3.ถ้าไม่รอก็ควรเอาไปล้างแบบไหนดีครับ พอจะแนะนำขั้นตอนการล้างละเอียดหน่อยได้ไหมครับ
4.ห่วงเรื่องคุณภาพมากครับ มีขั้นตอนการทดสอบคุณภาพน้ำมันที่เราได้นั้นอย่างไรดีครับ
5.ได้ยินว่าติดหม้อต้ม น้ำมันก่อนเอาไปใช้น่าจะดีจริงไหมครับ ถ้าดีจริง หม้อต้มควรเป็น Spec แบบไหน อย่างไรครับ
6.กรีเซอร์ลีนที่ได้ นำมาใช้ทำถ่านดีไหมครับ
หวังว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีเช่นเคยครับ

คำตอบที่ 4
       คุณชาติ ครับ

ขอตอบตามขั้นตอนที่คุณทำเลยนะครับ
1 ถูกต้องครับ
2 เกือบถูกครับ ต้องต้มให้เกิน 100 อาจจะที่ 105 เพื่อไล่น้ำออกให้หมดแล้วรอให้เย็นตัวไม่เกิน 65 C
เพราะแอลกอฮอล์เดือดที่ 64.7 C แล้วค่อยมาผสมสารเคมีลงไป
จำไว้เลยว่าน้ำเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำไบโอดีเซลครับ เพราะว่าปฎิกิริยา น้ำ+ด่าง+ไขมัน
เกิดได้เร็วกว่า แอลกอฮอล์+ด่าง+ไขมัน เมื่อเกิดสบู่มันจะเป็นชั้นขัดขวางการเกิดไบโอดีเซล
3 เกือบถูกครับ ถ้าคุณใช้น้ำมันเก่า มี FFA(Free Fatty Acid) มาก ไอ้นี่แหละตัวแสบ
FFA เกิดสบู่ได้รวดเร็วมาก มีวิธีแก้คือต้องเพิ่มด่าง โดยการไตรเตรทหาค่าออกมา
ซึ่งถ้า FFA มีค่าสูงมาก การไตรเตรทจะไม่ได้ผล มีอีกวิธีคือใช้กรดซัลฟูริคเข้มข้น >= 95%
1 CC ต่อ 1 ลิตร กับแอลกอฮอล์ประมาณ 8-12% ใส่ไปก่อนเพื่อกำจัด FFA
FFA+กรด+แอลกอฮอล์ เกิดไบฌอดีเซลได้เร็วมากครับ พอใส่ไปแป๊บเดียวเห็นเลยว่ากลีเซอรีน
เริ่มเกิดเห็นที่ผิวเลยครับ ทำซัก 4 ชม ให้ปั้มหมุนเวียนหรือใบกวนๆ ไปเรื่อย
4 ถ้าทำตามข้อ 3 เอาแอลกอฮอล์ที่เหลือ อาจจะเป็น 12 หรือ 8% นั่นแหละครับใส่ด่างตามสัดส่วนเดิม
ทำอีกซักสอง ชม.
5 ไม่ต้องทำครับ เพราะไล่น้ำหมดแล้ว ไม่ต้องสนใจฟอง
6 สรุปในข่อ 3 แล้ว
7 ถูกครับ ปกติราว ๆ 8-12 ชม
8 ถูกครับ
9 ก็ถูกอีก
10 ถ้าเอาไปใช้กันอีแต๋นก็พอไหวครับ ผมยืนยันว่าต่อให้คุณทิ้งไว้ 1 เดือนก็ยังสะอาดไม่พอ
ต้องไปผ่านขั้นตอนการล้างครับ

ผมอ่านของ อ.ธเนศเหมือนกัน ก็พอใช้ได้ครับ แต่ผมว่าแกไม่เคยลองทำทีละมาก ๆ
ทำนิดหน่อยพอเอาไป Demo ก็พอได้ครับ
กลีเซอรีนเอาไปทำถ่านไม่ได้ครับ ต้องเอาไปผสมกับถ่านครับในอัตราส่วนราว ๆ 5-10%
ใส่มากไปจุดติดยาก และมีแกสพิษครับ
ลองไปดูที่ผมทำนะครับ
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/question.asp?page=1&ID=9501

คำตอบที่ 5
      
น้ำมันใช้แล้วทำไม่คุ้มครับ ไม่น่าทำในรูปการค้าหรือใช้งานจริงเป็นอย่างยิ่ง ถ้าทำโชว์เอาชื่อก็ทำได้ครับ


เพราะว่าเปลืองพลังงานในการทำ เปลืองโซเว้น เปลืองเนื้อน้ำมันที่เสียไปเป็นกรีเซอรีนจำนวนมาก แล้วต้องปรับค่า PH อีกวุ่นวาย โมเลกุลของน้ำมันก็ขาดเป็นเส้นสั้นๆไม่เป็นสายยาวเหมือนน้ำมันใหม่


ยิ่งเป็นน้ำมันสัตว์ปนด้วยเช่นน้ำมันใส่ปี๊ปที่เอามาทอดปาท่องโก๋หรือกล้วยแขกมักเป็นน้ำมันจากการทำเป็ดพะโล้น้ำมันไก่ ที่มีขายวันหลายพันลิตร ใช้แล้วกรอง กรองแล้วใช้จนหมดดสภาพ ค่าพลังงานต่ำและกระบวนการจะเป็นกรีเซอรีนไปไม่ต่ำกว่า30% ค่าความเป็นกรดสูง ทำให้เกลือที่มาจากเบสที่เติมในกระบวนการแฝงในน้ำมันสูงตามไปด้วยและที่สำคัญคือเป็นไขง่ายแม้อุณหภมิไม่ต่ำมากก็ตาม

ผมลองใช้ กระดาษกรองเอียดระดับไมครอนทำการหาสารแขวนลอยพบว่ามีสูงเกินกำหนดทั้งที่เป็นว่ามันใสที่จริงมันไม่สะอาดอย่างที่เป็น สารตัวนี้จะสร้างตะกรันในห้องเผาไหม้ และจะทำตัวเหมือนเป็นกระดาษทรายละเอียดขัดระบบปั้มเชื้อเพลิงทำให้สึกหรอสูงกว่าปกติ

ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่ไม่ดีเลยมากมายเช่น ไบโอเอเจ้นท์ และออกซิเดชั่นขณะใช้ความร้อนไล่น้ำซึ่ง เป็นวงจรอุบาทว์ตอนที่ทำ รวมถึงอายุการเก็บ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ



สรุปว่าน้ำมันใช้แล้วทำไม่คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไป




von Richthofen on tour

คำตอบที่ 6
       เอ แต่ที่ผมทำ ยิลมันเกิน 90 นะครับ
ผมลองคิดค่าไฟกับค่าแกสแล้วก็ยังคุ้มตกลิตรนึงไม่น่าถึงบาท เคยชั่งแกสที่ใช้ทำไป 300 ลิตร หมดแกสไปประมาณ 3 กก ครับ
เคยชั่งแค่ครั้งเดียว เพราะว่า กิโลผมยืมเขามาก็เลยไม่เคยชั่งอีก

แต่ว่ามันเสียเวลา ถ้าว่าง ๆแวมาดูทีก็คุ้มครับ แต่ถ้ามาคิดค่าแรงตัวเราด้วยคงไม่คุ้ม

ส่วนค่าพลังงานผมว่าน้อยกว่าซัก10 ถึง 15 % ก็ไม่น่าเป็นไรเพราะโดยปกติเราไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ที่แรงม้าหรือแรงบิดสูงสุดอยู่แล้ว
ไม่ทราบว่าที่ผมคิดถูกหรือเปล่า ช้วยแนะนำด้วยนะครับ

คำตอบที่ 7
       คุณหนุ่มกระโทกครับ น้ำมันสองถังแรกที่เติมรถเกือบ 150ลิตรของผมทำจากน้ำมันทอดปาท่องโก๋เก่าฟรีๆ ผลออกมาใช้งานได้ดีใจเป็นที่สุด แต่พอเล่นกับน้ำมันปาล์มสะอาดรู้เลยว่ามันต่างกันทั้งเวลา ทั้งกระบวนการ ทั้งคุณภาพในระยะยาว


ผลการทดสอบทางห้องทดลองของคุณอีธานก็ยิ่งทำให่ผมมั่นใจว่าการใช้น้ำมันใหม่เป็นการเดินถูกทางแล้ว


ผมเลิกใช้น้ำมันเก่าเด็ดขาดหลังจากทางร้านปาท่องโก๋กับร้านกล้วยแขกไม่ให้ผมฟรีๆแล้วตั้งราคาขายผม 10-15บาทเลยไม่คุ้มทุนกับพลังงานและโซเว้นที่เสียเพิ่ม


ที่สำคัญคือกรีเซอรีนที่จะเอาไปขายได้ในเกรดทำน้ำยาล้างจานต้องเอาไปขายในเกรดทำสบู่กรดเอาไว้ขัดกระทะหรือเททิ้งเพราะไม่มีใครซื้อต่อ เพราะมันสกปรกมากและกลิ่นไม่ดีเลย ที่แปลกคือทิ้งไว้นานๆมันบูดได้กลิ่นเหมือนเนยแข็งบวกกับขยะเน่าเสียอีกขณะที่น้ำมันใหม่ไม่เป็น ถังตกตะกอนก็ต้องเสียโซเว้นฝลัททิ้งทุกครั้งที่เสร็จต่อรอบเพราะมันทิ้งตะกอนโคลนของกรดไขมันแยกตัวเกาะกับสารแขวนลอยของน้ำมันไว้มากขณะที่น้ำมันปาล์มสะอาดไม่มีอะไรเหลือก้นถังเลยครับ นานๆครั้งก็ใช้น้ำไล่สักทีก็สะอาดแล้ว

เรื่องของกรีเซอรีนที่ขายได้เป็นการลดทุนของน้ำมันอย่างหนึ่งครับ ผมใส่ใจเรื่องนี้มาแต่แรกทำน้ำมันเลย

สมัยที่ผมยังใช้ระบบใบกวนแช่ถังอยู่เวลาที่ใช้ต่อรอบสูงมากกว่าน้ำมันใหม่ประมาณเท่าตัว แต่ระบบถาดเขย่าความถี่สูงที่ผมใช้ลดเวลาลงจากระบบปั่น แต่ผมยังไม่ลองกับน้ำมันเก่าเลยไม่รู้ข้อมูลแต่คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาเพิ่มจากน้ำมันใหม่เหมือนระบบกวน

เหตุผลที่เหลือก็ตามที่ผมบอกในกระทู้ที่5นั่นแหละครับ

คำตอบที่ 8
       ผมยังไม่เคยใช้น้ำมันปลาท่องโก๋เลยครับ
ใช้น้ำมันปาล์มเก่าจากเพื่อนที่เหลือใช้จากการทอดเปาะเปี๊ยกรอบ 2-3 ครั้งครับ
และก็น้ำมันทอดไก่จากแม่ค้าที่ตลาดกระโทกครับ
เคยซื้อน้ำมันจากร้านปลาท่องโก๋ตอนอยู่ที่ระนอง ไม่ค่อยดีครับ
มีน้ำปนอยู่มากจริง ๆ ส่วนแม่ค้าทอดกล้วยแขกผมฟังแล้วตกใจครับ
ที่ตลาดอำเภอครบุรี ไม่เคยทิ้งครับ ไม่เคยเปลี่ยน แกบอกผมว่ามันไม่เคยดำซักที
ได้แต่เติมเข้าไปตอนมันพร่อง (เขาใช้น้ำมันมะพร้าวครับ) ใครชอบกินกล้วยแขกระวังไว้ให้ดี ๆ

ผมเห็นด้วยกับ อ.Von เรื่องกลีเซอรีนครับ พยายามหาข้อมูลการสกัดอยู่เหมือนกัน เคยรู้มาว่าใช้กรดใส่ลงไปแต่ยังไม่ได้หารายละเอียดเลยครับ
อ.Von ช่วยชี้ทางสว่างให้หน่อย

ที่แม่โจ้(ไม่ใช่ของ ม.แม่โจ้นะครับ อยู่ด้านหลัง ม.แม่โจ้) ผมว่าตอนนี้เหลือจากการทำไบโอดีเซลเป็นหมื่น ๆ ลิตรครับ
เขาใช้น้ำมันจากโรงงานเลย์

ทำไงได้ครับ อาจารย์ น้ำมันแพงเหลือเกิน ใช้อันไหนได้ผมขอใช้ก่อนครับ

คำตอบที่ 9
       เห็นด้วยกับเหตุผลของอาจารย์ Von ในแง่วิชาการที่ผ่านคำตอบจากห้อง Lab ของคุณอีธานครับ แต่ก็ชอบคำพูดของหนุ่มกระโทก ที่ว่า.."ทำไงได้ครับ อาจารย์ น้ำมันแพงเหลือเกิน ใช้อันไหนได้ ผมขอใช้ก่อนครับ" ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแนะนำที่ผมคิดว่านอกจากจะมีประโยชน์กับผมแล้วผมยังมั่นใจว่าจะมีประโยชน์กับผู้สนใจอย่างกว้างขวางต่อไปครับ

กรุณาอย่ามองว่าผมดื้อรั้นเลยนะครับ ถ้าผมเลือกได้ขณะนี้ผมขอเดินต่อตามแนวทางของคุณหนุ่มกระโทกด้วยเหตุผลดังนี้ครับ

1.มหาวิทยาลัยเชี่ยงใหม่ ประกาศแลก ไบโอดีเซล 1 ลิตรต่อเนื้อมันใช้แล้ว 1 ลิตร และยังสร้างเครื่องทำ ไบโอดีเซลออกขาย ชุดละ 100000.-
2.การตื่นตัวในต่างประเทศที่ทำไบโอดีเซล จากน้ำมันใช้แล้ว >> http://journeytoforever.org/biodiesel_make.html
3.สุดท้ายเป็นเหตุผลที่ได้ร่วมกันศึกษาได้ประสบการณ์ในการทำไบโอดีเซลด้วยตัวเองครับ

จากเหตุผลเหล่านี้ขออนุญาตให้ผมดันทุรังต่อแล้วกันนะครับ ยังไงผมขอคำแนะนำต่อในเงื่อนไขที่จะแก้ไขปัญหาไม่คุ้มนั้นได้อย่างไรดีไหมครับ

ดูแล้วปัญหาของผมอยู่ที่การกำจัด FFA ใช้กรดซัลฟูริคเข้มข้น >= 95% 1 CC ต่อ 1 ลิตร กับแอลกอฮอล์ประมาณ 8-12% ใส่ไปก่อนเพื่อกำจัด FFA
FFA+กรด+แอลกอฮอล์ เกิดไบโอดีเซลได้เร็วมากครับ พอใส่ไปแป๊บเดียวเห็นเลยว่ากลีเซอรีน
เริ่มเกิดเห็นที่ผิวเลยครับ ทำซัก 4 ชม ให้ปั้มหมุนเวียนหรือใบกวนๆ ไปเรื่อย หลังจากนั้นก็ใช้ส่วนผสมเดิมคือ >> ใช้สูตร น้ำมัน 1 ลิตร แมทธิล 200 มล. โซดาไฟ 6.67 กรัม ถูกต้องไหมครับ

เจ้ากรดที่ว่านี้ไปซื้อเขาภาษาตลาดเรียกว่าอะไรครับ หรือมีสูตรทางเคมีว่าอะไรครับ หาซื้อได้ที่ไหน

ใบกวนรอบต่ำ สำหรับผสม ใช้สูตร แมทธิล 200 มล. +โซดาไฟ 6.67 กรัม ควรใช้ความเร็วรอบ เท่าไหร่เหมาะสมครับ

ใบกวนรอบสูง สำหรับผสม น้ำมันกับอื่นๆ ควรใช้ความเร็วรอบเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆอีกครั้งครับ

คำตอบที่ 10
       พอดีไปเจอข่าวจากผู้จัดการออนไลน์เลยขอเอามาฝากครับ >>> http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9490000050653 >>> เวียดนามเจ๋ง ผลิตไบโอดีเซลจากปลา

ถ้าขอเบอร์ติดต่อคุณหนุ่มกระโทก หรือขอไปดูที่ทำไว้ ไม่ทราบว่าจะสดวกไหมครับ เบอร์ของผม 01-7603471 Email 017603471@gsmadvance.com ขอบคุณครับ

คำตอบที่ 11
       เท่าที่ผมรู้มา มช ไม่ได้ทำขายนะครับ เพียงแต่บอกว่าต้นทุนในการทำประมาณนั้น

หรือว่าผมตกข่าว ?

ทำน้อย ๆ ผมว่าใช้ปั้มหมุนเวียนดีกว่าครับ ง่ายดี อยู่ปากช่องแค่นี้เอง มากระโทกระยะทางพอ ๆ กับไปกรุงเทพแหละครับ ยินดีครับ

คำตอบที่ 12
       ขอบคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมและให้คำแนะนำครับ ผมคิดว่าคงต้องไปดูงานกับคุณหนุ่มกระโทกสักวัน และถ้าหากท่านใดที่สนใจ ติดต่อผมตามที่ผมได้ให้ไว้ในกระทู้นี้เพื่อสอบถามความคืบหน้าได้เลยนะครับ ..ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

คำตอบที่ 13
       ช่วยหน่อยครับ ผมทำเทคนิควิจัยเกียวกับไบโอดีเซลอะครับ ปัญหาของผม คือ อาจารย์ผมเขาให้จำลองปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดยไม่ใช้เครื่องแลนซิแมกอะครับ และไกด์มาว่าใช้เหล็กเป็นตัวเร่งอะครับเพราะว่าในเครื่องยนต์น่าจะมีเหล็กหรืออะลูมิเนียมอะครับ แต่ผมหาไม่ได้อะครับไม่รู้จะทำไงดี ช่วยหน่อยนะครับ